เฮ้อ...อย่ารัก รักไม่ได้ ใจแข็งเข้าไว้ ถ้าไม่อยากเจ็บทีหลังเหมือนแม่ เธอจะมอบใจให้เขาไม่ได้นะยัยจ๋า เข้มแข็งเข้าไว้สิ...“ลูกจ๋า...”เสียงนั้นทำให้คนใจลอยสะดุ้งสุดตัว พอเหลียวซ้ายแลขวาไปก็ได้เห็นคนที่มาพบยืนส่งยิ้มมาให้ ก่อนเดินปรี่เข้ามาหาด้วยท่าทางดีใจ“พะ...เอ่อ คุณ มาทำอะไรที่นี่” ใบหน้าสวยบึ้งตึง เกือบหลุดปากเรียกอีกฝ่ายตามจิตใต้สำนึก“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะลูก พ่อคิดถึงก็เลยแวะมาหาหนู แวะไปที่บ้านเขาก็บอกว่าหนูกับแม่ย้ายบ้านไปแล้ว ทำไมไม่บอกพ่อสักคำล่ะลูก” นายปิยะพูดเสียงดังกว่าปกติ โดยมีจุดประสงค์เรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้าง แล้วก็ได้ผลเมื่อเป็นเวลาพักเที่ยงพอดี จึงมีพนักงานที่เดินผ่านไปผ่านมาในบริเวณนั้นมองมาอยู่หลายคน ซึ่งคนเป็นลูกสาวย่อมรู้ทันความคิดจึงรีบตัดบท“ฉันมีงานต้องทำ คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ”“งานอะไรกันลูก ตอนนี้พักเที่ยงไม่ใช่เหรอ พ่อมารอตั้งแต่เช้า ข้าวปลายังไม่ได้กินเลย” นายปิยะตีหน้าเศร้าตัดพ้ออย่างน่าสงสาร“ไปกินข้าวกับพ่อสักมื้อไม่ได้เหรอลูก”รุจารินตาขวากระตุกถี่ยิบ รู้สึกระแวงจนบอกไม่ถูก“หรือว่าจะชวนแฟนหนูไปด้วยก็ได้นะ”นั่นประไร ดูเหมือนสิ่งที่ระแวงจะถูกต้อง“
“แม่แกเขาไม่ได้สอนเหรอว่าผู้หญิงดีๆ ควรทำตัวยังไง อันที่จริงแกก็ไม่ดีไปกว่าฉันหรือปราณีหรอก แกมันก็แย่งผัวชาวบ้านมาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ไอ้หมอนั่นมันก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว แกก็ยังยอมไปเป็นเมียน้อยเมียเก็บมัน หรือหวังว่ามันจะดูแลออกหน้าออกตา ฉันจะบอกอะไรให้เอาบุญนะ คนรวยๆ แบบนั้นน่ะ มันไม่มาจริงใจกับผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างแกหรอก นอกจากจะหลอกฟันจนเบื่อแล้วทิ้งนั่นแหละ”“หยุดนะ พอที!”“ทำไม ทนฟังความจริงไม่ได้หรือไง”“อย่าเอาตัวเองมาตัดสินคนอื่น คุณมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นดีกว่า ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก” หญิงสาวเอ่ยลอดไรฟันด้วยอารมณ์ที่โกรธกรุ่นปนเจ็บปวดลึกล้ำ“ไม่อยากเห็นตลอดชีวิต”“สิบล้าน ถ้าได้เมื่อไหร่ฉันจะไปจากชีวิตแกทันที” คนไร้ยางอายต่อรองอย่างเป็นต่อ “หรือว่าจะให้ฉันไปบอกคู่หมั้นของผัวแกก่อนว่าแกกับไอ้ท่านรองประธานคนนั้นกำลังสวมเขาให้ มันชื่ออะไรนะลูกเขยเถื่อนของฉันน่ะ ภู...ภูเบศใช่ไหม”ความอดทนของหญิงสาวขาดผึงลงในนาทีนั้นทันที“คนเลว! เป็นพ่อที่ดีไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนเลวได้ขนาดนี้”“นังจ๋า!” นายปิยะโกรธจัดจนขาดสติ เขาเงื้อมือขึ้นสูงหมายจะตบสั่งสอนลูกสาวจอมอวดดีให้รู้ส
รุจารินแทบอยากจะพุ่งเข้าใส่คนพูด ฝ่ายนั้นไม่คิดบ้างหรือว่าเธอเป็นลูก ถึงไม่คิดแต่ก็ควรจะละอายใจบ้างในฐานะพ่อคน หญิงสาวอ้าปากแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร ทันใดนั้นคนที่นิ่งเงียบมาตลอดก็แทรกขึ้นเสียก่อน“ถ้าอยากบอกก็รีบไปบอกสิ”เลขาสาวหันไปมองหน้าเจ้านายตาค้าง เช่นเดียวกับนายปิยะที่ตกตะลึงไปเหมือนกัน“อยากไปบอกใครก็เชิญเลย ผมไม่แคร์ ดีซะอีก เพราะผมกำลังหาทางถอนหมั้นอยู่พอดี ได้คนอาสาช่วยแบบนี้ก็ดีจะได้ไม่เปลืองแรง จริงไหมครับที่รัก”งง...ใช่ รุจารินกำลังงง นึกว่าตัวเองหูฝาด ภูเบศไม่ได้โมโหเกรี้ยวกราดอย่างที่เธอกลัวใจแต่แรก ตรงข้ามเขากลับบอกพ่อของเธออย่างเรียบง่ายแต่น้ำเสียงนั้นเลือดเย็น“อยากคาบข่าวไปบอกใครก็เชิญ แต่เรื่องเงินสิบล้านอะไรนั่น อย่าหวังเลย ถ้าผมจะให้สินสอดแต่งเมียสักคน ผมจะให้กับคนที่สมควรได้รับ แต่...” ชายหนุ่มกวาดตามองคนตรงหน้า ก่อนส่ายหน้า“แต่เสียใจด้วยที่คนคนนั้นคงไม่ใช่คุณ อ้อ! แล้วเลิกมาขู่คนของผมสักที ไม่รู้ว่าคุณจ๋าได้บอกคุณหรือยังว่าผมไม่ใช่คนใจดีนักหรอกนะ หากคิดจะมาร้ายล่ะก็...ตาต่อตาฟันต่อฟัน”รุจารินปรายตามองคนพูดอย่างใจชื้น เขาปกป้องเธอใช่! เขากำลังปกป้องเธอในฐาน
เมื่อเหตุการณ์สงบลงความเงียบก็แทรกตัวเข้าครอบคลุมระหว่างเขาและเธอ รุจารินมองตามหลังผู้เป็นพ่อที่ถูกหามตัวออกไปอย่างตกตะลึง ลึกๆ แล้วก็แอบนึกห่วงสวัสดิภาพนายปิยะไม่น้อย ถึงจะร้ายจะเลวกับเธอเพียงไรฝ่ายนั้นก็ได้ชื่อว่าบุพการี เธอเพียงคิดว่าภูเบศจะขู่เฉยๆ แต่ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเอาจริง“คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” จู่ๆ เขาก็หันกลับมาถาม“คะ?”“เมื่อกี้เขาทำอะไรคุณบ้าง” ภูเบศถามด้วยความเป็นห่วง“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณคุณมากนะคะที่เข้ามาช่วย เอ่อ...” หญิงสาวอึกอัก “คุณคงไม่สั่งให้พวกเขาทำร้าย เอ่อ...ผู้ชายคนนั้นใช่ไหมคะ”ภูเบศทำหน้าหงิก เคืองแม่คนคิดมากที่ห่วงอะไรไม่เข้าเรื่อง ทั้งที่ตัวเองโดนเขาข่มขู่ทำร้ายแท้ๆ“อย่าห่วงเลย เขาไม่เป็นอะไรหรอกน่า” อย่างดีก็แค่ทำให้หลาบจำ ไม่มารังควานเลขาของเขาได้อีกก็เท่านั้น ภูเบศนึกในใจ แต่ไม่ยอมปริปากบอกให้คนตรงหน้าเป็นกังวล“อย่าทำรุนแรงกับเขามากได้ไหมคะ ฉันขอร้อง”“ห่วงตัวเองก่อนดีไหม คุณน่ะหน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มแล้ว” ใบหน้าคนพูดถึงจะเข้มขรึมแต่ก็แฝงความอ่อนโยนลึกๆ ประกายตาที่มองมา จู่ๆ เขาก็ยื่นมือมากุมที่แก้มทำให้คนถูกมองเต้นแรงขึ้น รุจารินจึงนึกขึ้นได้ว่า
ไม่ไหวแล้ว ขอกลับไปตั้งหลักก่อนดีกว่า“ฉะ...ฉันหิวข้าวแล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะเจ้านาย”ภูเบศหัวเราะในลำคอเบา ตาคมมองตามหลังคนเขินจนเดินตุปัดตุเป๋อย่างขบขันตั้งแต่เมื่อไหร่นะที่เขาละสายตาจากผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ ต้องคอยมองตาม คอยหาเรื่องตอแยต่างๆ นานาเพียงเพื่อได้อยู่ใกล้และอยากเห็นปฏิกิริยาหรือสีหน้าที่แสดงถึงอารมณ์ต่างๆ ของเธอ ความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไรนะภูเบศยิ้มกับตัวเอง เขานี่ท่าจะบ้าไปแล้ว คิดเพลินๆ จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น พอมองหน้าจอ ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มก็จางหายไปเป็นเคร่งขรึมดังเดิมอีกครั้ง“ครับแม่”“แกทำแบบนี้ได้ยังไง ตาเบส” เพียงประโยคแรกที่ได้ยิน เขาก็เดาประโยคถัดมาได้“แม่ส่งหนูดาด้าไปเป็นผู้ช่วยแกนะ ไม่ใช่ผู้ช่วยเลขาแก”นั่นไง เขาเดาผิดที่ไหน“ก็นี่แหละครับ ผู้ช่วยผมเหมือนกัน” เขากดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “แต่ถ้าหนูดาด้าของแม่ทำไม่ได้ หรือไม่พอใจตำแหน่งนี้ ผมก็จนปัญญาจริงๆ ครับ” ปลายสายเริ่มอึกอัก เพราะไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นอีหรอบนี้“แกอย่ามาโยกโย้กับแม่นะตาเบส”“ผมพูดจริงครับแม่ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องออกไป”“ตาเบส! แกจะไล่น้องออกไม่ได้นะ” คุณมัศยารีบห้ามเสียงหลง ด้วยร
“ฉันก็แค่อยากลองดูว่าเก้าอี้นี่จะนุ่มสบายกว่าเก้าอี้ของฉันหรือเปล่าก็แค่นั้น” คนพูดยักไหล่นิดๆ ก่อนลุกขึ้นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “แล้วไหนล่ะ ที่นั่งฉัน”“เชิญทางนี้ค่ะ” รุจารินข่มสีหน้าให้นิ่ง ทั้งที่แอบขำคนแถจนสีข้างถลอกโต๊ะทำงานถูกยกขึ้นมาตั้งไว้ข้างโต๊ะเลขา แต่ทว่าไม่มีข้อแตกต่างอะไรบ่งบอกฐานะที่เหนือกว่า ทำให้สลิลดาพอรับได้“นี่เป็นโต๊ะทำงานของคุณค่ะ และนี่คือคู่มือที่คุณต้องอ่านทำความเข้าใจ หน้าที่และขอบเขตความรับผิดชอบ ฉันทำสรุปไว้ให้หมดแล้ว หากไม่เข้าใจตรงไหนก็สามารถสอบถามกับฉันได้ไม่ต้องเกรงใจค่ะ”“เธอทำงานกับพี่เบสมานานหรือยัง”คำถามนั้นไม่เกี่ยวกับงานที่ต้องทำ แต่รุจารินพยายามใจเย็น“ก็ไม่นานเท่าไหร่ค่ะ”“แล้วเคยมีผู้หญิงมาหาพี่เบสที่นี่บ่อยไหม” คราวนี้คนเป็นเลขาต้องตั้งสติก่อนตอบ“หากเป็นลูกค้าที่มาติดต่องานก็มีบ้างค่ะ”“ไม่ใช่สิ ฉันหมายถึงผู้หญิงที่มาเกาะแกะเขาน่ะ มีเยอะไหม”รุจารินนิ่งคิด เธอควรตอบอย่างไรดี ในเมื่อหน้าที่ของเธอคือการทำให้ผู้หญิงตรงหน้ายอมถอนหมั้น หากตอบไปว่าภูเบศมีผู้หญิงในสังกัดมากมายหรือไม่ก็ทำให้ภูเบศดูเจ้าชู้ในสายตาของสลิลดา จะทำให้หญิงสาวยอมถอดใจถอ
“รายงานที่สั่งไว้ ผมขอดูภายในยี่สิบนาทีนะ พอดีช่วงบ่ายนี้ผมมีนัดลูกค้าสำคัญนอกบริษัท”“ได้ค่ะบอส” เลขาสาวตอบรับแม้จะแอบสงสัยในใจ เพราะวันนี้ตารางนัดของเขานั้นว่างไม่มีนัดสำคัญกับใครที่ไหน หรือเธอจะตกหล่นไป“แล้วคุณเตรียมตัวให้พร้อมด้วยนะ” เลขาสาวชะงักกึก“เพราะคุณจะต้องไปกับผมด้วย”ปากอยากจะแย้งถาม แต่เมื่อตาเหลือบไปเห็นสีหน้าปั้นยากของคนที่ถูกกันออกไปเป็นส่วนเกิน รุจารินจึงเลือกที่จะเงียบไว้“ได้ค่ะบอส”“พี่เบส เอ่อ...ท่านรองนัดใครไว้เหรอคะ” ภูเบศปรายตาดุเข้มไปมองคนถามทะลุกลางปล้องนิดๆ เชิงตำหนิ แต่สลิลดาไม่ได้ยี่หระ“ให้ดาด้าไปด้วยนะคะ ก็ทีเขายังไปได้เลย” หญิงสาวเอ่ยอย่างเอาแต่ใจ“คุณรุจารินเป็นเลขาผม แต่คุณยังไม่ใช่”“แต่ดาด้าก็เป็นผู้ช่วยเลขานี่คะ...”“ไม่มีแต่ครับ หากคุณต้องการทำงานที่นี่ หน้าที่ของคุณคือศึกษากฏระเบียบ และทำหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมายให้ดี หากทำไม่ได้ก็ควรพิจารณาตัวเอง” ท้ายประโยคเย็นชาทำให้คนฟังฉุนกึก“พี่เบส!”“คุณรุจารินครับ อีกยี่สิบนาที ผมต้องการอ่านรายงานการประชุมในห้อง” ชายหนุ่มรีบตัดบท ก่อนที่ใครอีกคนจะแสดงฤทธิ์เดชให้เขาปวดเศียร “อ้อ! แล้วผมต้องการใ
ภูเบศเปิดรายงานอ่านเพียงชั่วครู่ รุจารินเป็นคนทำงานละเอียดและเก็บประเด็นสำคัญไว้ได้ครบถ้วน สมกับที่ถูกเทรนด์มาในฐานะผู้ช่วยเลขาของท่านประธานใหญ่มาก่อน“โอเค มีแก้ไขตรงนี้นิดเดียว คุณมาดูนี่สิ” รุจารินขยับเข้าไปใกล้โดยเว้นระยะห่างไว้“ผมต้องการให้เพิ่มตารางเวลาที่กำหนดส่งงานด้วย”“ได้ค่ะบอส เท่านี้ใช่ไหมคะ”“อืม เสร็จแล้วเดี๋ยวคุณจัดการส่งอีเมล์รายงานการประชุมนี่ไปให้หัวหน้าฝ่ายต่างๆ ได้เลยนะ”“ได้ค่ะ คุณมีอะไรจะสั่งดิฉันอีกไหมคะ”ดวงตาคมเข้มวาววับทอประกายเจ้าเล่ห์โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันสังเกต“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัว...อุ๊ย!” รุจารินอุทานอย่างตกใจ เพราะถูกเจ้าของห้องรั้งข้อมือเธอให้นั่งลงบนตักแกร่งของเขา“นี่คุณ จะทำอะไรคะ ปล่อยนะ”“ไม่ปล่อย” ไม่ว่าเปล่า อสูรตัวร้ายก็กดปลายจมูกลงที่ข้างแก้มใสอย่างรวดเร็ว “อา...ชื่นใจจัง”รุจารินดิ้นขลุกขลักอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจหนีกรงแขนของอีกฝ่ายได้ จึงหยุดดิ้น หันไปสบตาเขาอย่างเอาเรื่อง“คู่หมั้นคุณ คุณสลิลดานั่งอยู่ด้านนอกนะคะ และดิฉันเชื่อว่าเธอสามารถโผล่เข้ามาในนี้ตอนไหนก็ได้”“อืม แล้วไง” คนถูกขู่ทำหน้ากวนๆ ไม่ได้ยี่หระ “เรียกเขาเข้ามาดูเราจู๋
“จะเป็นไรไปคะ เราก็อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว แต่จ๋าอยากเก็บความทรงจำดีๆ กับครอบครัวของเราไว้มากๆ นี่คะ อีกอย่างตอนนี้จ๋าไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วด้วย นั่งเครื่องบินคงลำบาก”ประโยคนั้นทำให้คนฟังแอบกลืนน้ำลายฝืดคอ“แต่น่าแปลกนะคะ ถึงเดี๋ยวนี้จ๋าไม่เห็นมีอาการแพ้ท้องเลย พี่เบสไม่เห็นว่ามันแปลกเหรอคะ”“อะ อ๋อ จ๋าคงแข็งแรงไงคะ พี่ว่าลูกเราคงไม่อยากให้แม่ต้องเหนื่อยแพ้ท้องละมั้ง”“จริงเหรอคะ” จู่ๆ สายตาหญิงสาวก็เปลี่ยนไปจนภูเบศแอบเสียววูบ “พี่เบสว่าอย่างนั้นเหรอคะ”“จ๋ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำเสียงแบบนี้ พี่ชักจะกลัวแล้วนะที่รัก”“จ๋าจะให้โอกาสพี่เบสอีกที มีอะไรที่พี่ยังบอกจ๋าไม่หมดหรือเปล่าคะ ถ้าบอกตอนนี้จ๋ารับปากว่าจะไม่โกรธ แต่ถ้าไม่บอกแล้วจ๋ามารู้ทีหลังอันนี้ไม่รับประกันสวัสดิภาพนะคะ”ภูเบศนิ่วหน้ามองว่าที่เจ้าสาวอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะสุดลมหายใจเข้าลึกๆ“สัญญามาก่อนว่าถ้าพี่บอกอะไรไป งานแต่งของเราจะไม่ล้มเลิกและจ๋าจะไม่หนีพี่ไปไหน”รุจารินมองสบตาชายหนุ่ม ก่อนพยักหน้ารับ“ค่ะ จ๋าสัญญา”คนฟังมีสีหน้าโล่งใจ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเผยความจริงออกมา“ที่จริงจ๋าไม่ได้ท้อง...” แทนที่หญิงสาวจะตกใจแต่เป็นภู
ข่าวด่วน! ตำรวจบุกทลายบ่อนการพนันและซ่องเถื่อนใจกลางกรุงครั้งใหญ่ พบเหยื่อถูกทารุณทางเพศอย่างน่าอนาถ มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ถูกกักขังและบังคับให้ค้าประเวณีอย่างป่าเถื่อน มีบางรายถูกพบเป็นศพหลังโดนทารุณกรรมจนเสียชีวิตคาซ่อง ส่วนเจ้าของบ่อนถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมพร้อมลูกสมุนหลังพบกำลังจะหลบหนี!ข่าวใหญ่และรูปที่ลงว่อนในสื่อโซเชียลรวมถึงในโทรทัศน์ทุกช่องตลอดทั้งวันสร้างความสะเทือนขวัญรุจารินปิดปากอย่างตกตะลึง เมื่อมองเห็นภาพเด็กสาวที่ถูกพบเป็นศพในข่าวอย่างจำได้ แม้จะพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เธอก็จำได้ว่าเด็กคนนั้นก็คือน้องสาวต่างมารดาที่บิดาบอกว่าถูกจับตัวไปนั่นเอง เด็กสาววัยใสที่ควรใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอย่างมีความสุข ต้องมารับกรรมจากการกระทำของบุพการีจนพบจุดจบที่น่าอนาถตัวเธอเองหากไม่ได้ภูเบศช่วยไว้วันนั้นก็อาจจะเป็นหนึ่งในเหยื่อเคราะห์ร้ายไปแล้ว แม้เวลาจะผ่านไปนานพักใหญ่ แต่เธอก็ยังฝันร้ายถึงคืนนั้น ภาพเด็กสาวที่ถูกทารุณจนตายไปต่อหน้าต่อตายังคงหลอนเธออยู่ เพียงคิดถึงใจก็สั่นรัวหญิงสาวมองผ่านรูปในข่าวก่อนจะไปสะดุดตากับรูปของบ่อจระเข้ที่เสี่ยอำพลผู้เป็นเจ้าของเลี้ยง
“คุณรับปากผมได้ไหม ชะ...ช่วยลูกจ๋าด้วย อย่าให้ลูกผมเป็นอะไร”“คุณอย่าเพิ่งพูดดีกว่า เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว”“ไม่! ผมไม่มีเวลาแล้ว แฮ่กๆ” คนเจ็บหอบหายใจ รู้ชะตากรรมตัวเองดี“พี่ยะ!”จู่ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากกลุ่มไทยมุง นางดารินที่เพิ่งเดินลงมาจากตึกตะโกนลั่นอย่างตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อเห็นอดีตสามีนอนจมกองเลือด แล้วพอหันไปเห็นร่างลูกสาวในอ้อมแขนของภูเบศ นางก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที“ลูกจ๋า! ลูกแม่เป็นอะไรไป”“แม่คะ...”“คุณจ๋าไม่เป็นอะไรครับแม่ เธอปลอดภัยดี แต่ว่า...” ภูเบศปรายตามองไปที่บิดาของรุจาริน “พ่อของคุณจ๋าเอาตัวเองบังกระสุนให้ เขาเลยถูกยิงบาดเจ็บสาหัสครับ”นางดารินฟังแล้วแทบล้มพับทั้งยืน นางทรุดกายลงแล้วประคองศีรษะอดีตสามีมาวางไว้ที่ตักตัวเองด้วยมืออันสั่นเทา“ดา...ริน พะ...พี่ขอโทษ”“พี่ยะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้” นางเอ่ยถาม น้ำตานองหน้าเมื่อเห็นสภาพอดีตสามีที่นอนหายใจรวยริน“พี่ผิดเอง ผิดที่ทำร้ายเธอกับลูกจ๋า พี่สมควรตายแล้ว”“ไม่นะพี่ ฉันไม่ได้อยากให้พี่ตายแบบนี้ แข็งใจไว้นะพี่” คำนั้นจากปากคนที่เคยรักกันทำให้คนเจ็บน้ำตาไหลออกมา นายปิยะมองใบหน้าของอดีตภรรยาที่เขาเคยทำ
‘พ่อคะ จ๋ารักพ่อที่สุดในโลกเลย’“เดี๋ยว!”“อะไรของมึงอีกวะ เดี๋ยวกูไปช้า เสี่ยก็ได้ฆ่ากูพอดี”“เสี่ยจะไม่เอาลูกสาวฉันถึงตายใช่ไหม”“ใครจะไปรู้วะ ทางที่ดีมึงปล่อยมือนังนี่เสียทีก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้าแล้วจะพาพวกกูซวยกันหมด”“ฉันไปด้วย” จู่ๆ อะไรบางอย่างก็ดลใจให้นายปิยะเอ่ยออกมา“มึงจะไปทำไมให้เกะกะ กลับไปรอลูกเมียมึงที่บ้านดีกว่า ถอยไป เสียเวลากูชิบหาย”“ไม่ๆ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันขอคุยกับเสี่ยก่อน”“ไอ้เวรนี่วอนตายเสียแล้ว ปล่อยกู!”นายปิยะรีบยื้อตัวลูกสาวไว้แน่น“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว!”“ไอ้เวรนี่ไม่รู้จักที่ตายเสียแล้ว ปล่อยกู”แล้วความชุลมุนก็เกิดขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างยื้อยุดร่างของหญิงสาวที่เกือบจะสิ้นไร้สติอย่างไม่มีใครยอมกัน โดยทั้งสองฝ่ายไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่ขับปราดเข้ามาจอดภูเบศที่ย้อนกลับมาเพื่อเอาโทรศัพท์มือถือที่หญิงสาวลืมไว้ในรถมาคืน ต้องหรี่ตามองภาพความชุลมุนตรงหน้าอย่างแปลกใจ แต่แล้วเขาต้องใจหายวาบ ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้เห็นหญิงสาวที่คุ้นตาอยู่กลางวงนั้น“จ๋า!”ไวเท่าใจคิด ชายหนุ่มรีบเหยียบคันเร่งรถพุ่งเข้าไปที่กลางจุดเกิดเหตุทันที“เฮ้ย!” ได้ผล กลุ่มคนที่กำลังยื้อแย่งหญิงสาวว
“ที่พูดแบบนี้ พี่เบสไม่ได้ทำอะไรผิดมาใช่ไหมคะ” คนมีชนักติดหลังแอบเสียวสันหลังวาบ“พี่ก็แค่พูดรวมๆ น่ะ เผื่อๆ ไว้ก่อนไง”“อันนี้ก็ต้องดูตามความผิดก่อนค่ะ แต่...” รุจารินพลิกฝ่ามือกุมมือใหญ่ไว้ “ถ้าพี่เบสไม่ปล่อยมือจ๋าก่อน จ๋าก็จะไม่ปล่อยมือพี่เหมือนกันค่ะ”สองหนุ่มสาวประสานสายตากันด้วยความเข้าใจหลังจากทานอาหารเสร็จ ภูเบศก็ขับรถมาส่งว่าที่เจ้าสาวถึงที่พัก“ขอบคุณที่มาส่งจ๋านะคะ กลับบ้านดีๆ นะคะพี่เบส”“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป จ๋าลืมอะไรหรือเปล่า”“ลืมอะไรคะ” หญิงสาวงุนงง แต่ก็มาถึงบางอ้อ เมื่ออีกฝ่ายยื่นใบหน้าหล่อๆ เข้ามาใกล้“Good Night Kiss”ใบหน้าใสแดงเรื่อ ก่อนหันไปมองรอบข้างเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร จึงขยับไปใกล้และประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มเขาเบาๆ แต่อีกฝ่ายกับทำเสียงในลำคอแบบขัดใจ“ฝันดีนะคะพี่เบส”“จะรีบไปไหน มานี่เลย”“อุ้ย!” เสียงร้องอุทานถูกปิดทับด้วยเรียวปากร้อนระอุที่ทาบทับลงมา จูบที่แสนคุ้นเคยทำให้รุจารินราวกับต้องมนต์สะกดของเขา หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายเพิ่มดีกรีความเร่าร้อนในรอยจูบที่แสนโหยหานั้น จนเขาพอใจจึงถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง“ชักไม่อยากปล่อยให้จ๋ากลับบ้านแล้วสิ พี่
“ขอบใจมากนะดาด้า พี่ขอให้เธอได้พบคนที่ดีที่รักเธอและเธอก็รักเขาในเร็ววันนี้นะ”“คงอีกนานค่ะ เพราะดาด้าคงเข็ดจากพี่เบสไปอีกพักใหญ่เลย เธอน่ะก็ระวังด้วยล่ะ พี่เบสน่ะเจ้าชู้มาก...” รุจารินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะเห็นรอยยิ้มขันของสลิลดา“ฉันล้อเล่นน่ะ! ที่มานี่นอกจากจะมาแสดงความยินดี ฉันอยากจะขอโทษเธอในเรื่องที่ผ่านมาด้วย ขอโทษนะ”ใจจริงก็อยากจะโกรธกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำลงไป แต่เมื่อมองสบตาของสลิลดาที่วันนี้เปลี่ยนไปมาก ก็ทำให้ความโกรธที่มีก็พลันเลือนหาย“ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราลืมๆ มันไปดีกว่านะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างจริงใจ “จ๋าก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน”สองสาวส่งยิ้มให้แก่กัน“งั้นดาด้าไม่กวนดีกว่า ขอให้พวกคุณโชคดีนะคะ ลาก่อน”สลิลดาส่งยิ้มให้คนทั้งสอง หัวใจรู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก ต่อไปนี้เธอจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มีอะไรติดค้างอีกต่อไปรุจารินหันมามองหน้าชายหนุ่มอย่างแปลกใจ“พี่เบสไปทำอีท่าไหนคะ คุณสลิลดาถึงยอมตัดใจแล้วกลายเป็นแบบนี้”“เปล่านี่ พี่ก็แค่บอกเขาว่าพี่รักจ๋า และจะแต่งงานกับใครไม่ได้นอกจากแม่ของลูกพี่ แค่นี้เอง”วาบ! แก้มสาวร้อนผ่าวกับคำพู
“เอ๊ะ นั่นมันอดีตคู่หมั้นเก่าแกไม่ใช่เหรอดาด้า” สลิลดาเม้มปากแน่น มองคนทั้งสองที่เดินควงแขนกันอย่างหวานชื่นเข้ามาอย่างปวดใจ“ได้ข่าวว่าเขาจะแต่งงานกันอีกไม่กี่วันแล้วนี่” คนพูดไม่ทันสังเกตสีหน้าคนฟังที่เปลี่ยนไป “อ้าว แล้วนั่นแกอิ่มแล้วเหรอ”“อืม ฉันอิ่มแล้ว เรากลับกันเถอะ”“นี่ ถามจริงเถอะ แกไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ ทั้งๆ ที่แกมาก่อนยัยนั่นแท้ๆ”ไม่รู้สึกเหรอ หึ เธอยิ่งกว่ารู้สึกอีก ทั้งผิดหวังเสียใจ แค้นเคือง หรือแม้แต่รู้สึกเกลียดชังหญิงสาวอีกคนจนตัดสินใจทำอะไรบ้าๆ อย่างขับรถพุ่งชนฝ่ายนั้น หรือแม้แต่ทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากภูเบศ แต่ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเจ็บปวดใจของครอบครัว พ่อกับแม่ของเธอและคนรอบข้าง แม่เธอต้องร้องไห้เพราะเสียใจกับการกระทำของเธอ ส่วนพ่อนั้นก็รู้สึกไม่ต่างกัน จริงอยู่ที่เธอสามารถทำให้ภูเบศกลับมาดูแลเธอยามป่วยได้ แต่ทว่า...เขาก็มาแต่ตัวตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ได้มาเพราะรักใคร่พิศวาสอะไร นานวันเข้าเธอก็จำใจต้องยอมรับความจริงที่ไม่อยากยอมรับว่าสำหรับภูเบศแล้ว เธอไม่อาจพัฒนาความสัมพันธ์นี้ให้ไปถึงฝั่งฝันได้ เพราะหัวใจเขามีคนอื่นที่ไม่ใช่เธอครอบครองแล้ว
“พี่ว่าจ๋ากับแม่ต้องย้ายที่อยู่แล้วล่ะ อยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยพี่เป็นห่วง” ภูเบศเอ่ยขึ้น เขารู้สึกระแวงคำพูดของบิดาของรุจารินที่เพิ่งปึงปังออกไปอย่างไรก็บอกไม่ถูก“จ๋าเห็นด้วยค่ะ แต่นี่เราก็เพิ่งย้ายมาอยู่ไม่นานเอง จะหาที่อยู่ใหม่ก็คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยก็สองสามวัน”“งั้นก็ไปอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์พี่ก่อนดีไหมที่นั่นปลอดภัยกว่า มีรปภ.ด้วย พาคุณแม่ไปด้วย จนกว่าจะได้ที่อยู่ใหม่ค่อยว่ากัน”นางดารินมองความห่วงใยที่ว่าที่ลูกเขยแสดงออกมาอย่างซึ้งใจ แต่กระนั้นนางก็ไม่อยากรบกวนเขา ตอนนี้มารดาของภูเบศเพิ่งรู้สึกดีกับลูกสาวของเธอ หากทำตามที่เขาเสนอ ไม่แน่ว่าแม่อีกฝ่ายนั้นอาจแคลงใจว่าไม่ทันไรเธอกับลูกก็คิดจะเกาะลูกเขยกินก็ได้“อย่าลำบากขนาดเลยค่ะคุณเบส แม่ไม่อยากรบกวน ขอเราหาทางกันก่อนดีกว่า”รุจารินหันไปสบตากับชายหนุ่ม เธอเองก็เข้าใจความรู้สึกของแม่ดี และเธอเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน“งั้นจ๋าขอเวลาหาที่อยู่ใหม่ดูสักวันสองวันก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยว่ากันอีกที”“งั้นก็ตามใจคุณ แต่ระยะนี้พวกคุณคงต้องระวังตัวให้มากๆ หน่อยแล้วกัน หรือให้ผมมาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนดีกว่ามั้ย” รุจารินฟังแล้วทำตาโต
“ไม่เอาน่า ก็แค่สิบล้านเอง เธออย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ ลูกเขยเราน่ะรวยจะตาย เป็นถึงเจ้าของบริษัทใหญ่ เงินแค่นี้ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอกจริงไหม” ชายมากวัยพูดคล่อง“เธออย่ามาใจแคบคิดจะฮุบสินสอดลูกคนเดียวสิดาริน พี่กำลังเดือดร้อน แบ่งกันใช้นิดใช้หน่อยอย่าขี้เหนียวเลยนะ ยังไงยัยจ๋ามันก็ลูกพี่เหมือนกัน เขาให้สินสอดเท่าไหร่ล่ะ”“คุณมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ” นางดารินเค้นเสียงเอ่ยอย่างโมโห รุจารินที่รู้สึกไม่ต่างกันต้องรีบเข้ามาประคองมารดาไว้อย่างเป็นห่วง“ว่าไงพ่อลูกเขย เงินนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้ คงไม่ขัดข้องใช่ไหม”“นี่!” รุจารินฟังแล้วหน้าม้าน ไม่คิดว่าบิดาจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้“ไม่หรอกครับ”“พี่เบสคะ” รุจารินเรียกอย่างตกใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาดุๆ ของเขาก็นิ่งไป เขาคงจะสมเพชเธอหรือไม่ก็โกรธที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้“เห็นไหมดาริน ลูกเขยเราว่าง่ายจะตายไป งั้นก็โอนสินสอดเข้าบัญชีพ่อตอนนี้เลยก็ได้ใช่ไหมลูก” นายปิยะกระหยิ่มยิ้มย่องไม่คิดว่าทุกอย่างจะง่ายดายแบบนี้“คงไม่ได้ครับ เพราะสินสอดนั่นผมเคยบอกแล้วว่าจะให้กับคนที่คู่ควรจะได้รับเท่านั้น และคนคนนั้นก็คือคุณแม่ของจ๋าที่เลี้ยงดูเธอมา แต่สำหรับคุณท