เฟิ่งอวี่เหิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตกใจ องค์ฮ่องเต้จะมอบราชโองการอะไรให้นางกัน ไม่ใช่ว่าเป็นสมรสพระราชทานอีกหรือ?
เฟิ่งจินหยวนเห็นท่าทางบุตรสาวของตนเองนิ่งไปก็นึกเอ็นดูขึ้นมา เจ้าคิดไปถึงไหนเล่าลูกพ่อ เจ้าจะกังวลเรื่องใดอีก ทั้งที่เจ้ามีพ่อคอยปกป้องเจ้าอยู่เช่นนี้ ครั้นเห็นสองพ่อลูกนิ่งไปเกินนาน กู่ม่านชิงอดไม่ได้ที่จะทักขึ้นมา
"ราชโองการอะไรหรือเจ้าคะท่านลุง?" ใบหน้าหญิงสาวเต็มไปด้วยความสงสัย
เฟิ่งจินหยวนยิ้มมากขึ้น เขามองหน้าหญิงสาวทั้งสองคนสลับไปมา
"ราชโองการให้อาเหิงสามารถเลือกคู่ครองได้ด้วยตนเอง"
"ท่านพ่อ... ท่านพ่อพูดจริงหรือเจ้าคะ"
เฟิ่งอวี่เหิงถามบิดาด้วยน้ำเสียงสั่นดีใจ เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่ตนได้ยินจากปากบิดานั้นไม่ผิดเพี้ยนไปว่าฝ่าบาททรงให้สิทธิ์ตนได้เลือกคู่ครองเอง
ชายสูงวัยพยักหน้าแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม "พ่อจะโกหกเจ้าไปทำไมกัน ฝ่าบาททรงมีพระเมตตาต่อเจ้า ทรงออกราชโองการให้เจ้าสามารถเลือกคู่ครองเองได้ แล้วพรุ่งนี้ก็จะให้ท่านฉินกงกงมาว่าราชโองการให้เจ้าด้วย"
"ท่านพ่อ ลูกดีใจเหลือเกินเจ้าค่ะ"
"ข้าก็ดีใจกับเจ้าด้วยนะเหิงเหิง"
"ขอบใจเจ้ามากนะชิงเอ๋อร์"
"เอาละ ๆ ข้าไม่รบกวนพวกเจ้าสองคนแล้ว เชิญคุยกันต่อตามสบายเถิด"
"เจ้าค่ะ//เจ้าค่ะ"
คล้อยหลังเฟิ่งจินหยวนเดินกลับเข้าไปในเรือน กู่ม่านชิงก็หันมากุมมือสหายของตนเพื่อแสดงความดีใจ
"เหิงเหิง วันนี้ข้าขอนอนกับเจ้าได้หรือไม่?" ใบหน้างามเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
"เจ้าจะมานอนกับข้าทำไมกัน?" เฟิ่งอวี่เหิงถามกลับด้วยความสงสัย
"ข้าอยากอยู่ฟังราชโองการกับเจ้า ข้าตื่นเต้นแทนเจ้า อิอิ"
"พรุ่งนี้เจ้าค่อยมาก็ได้"
"ไม่เอา ข้าอยากนอนกับเจ้า ข้ากลัวว่าข้าจะมาฟังราชโองการไม่ทันและอีกอย่างข้าอยากกินอาหารฝีมือของท่านป้าด้วย ข้าคิดถึงอาหารฝีมือของท่านป้า นะ เหิงเหิง ให้ข้านอนกับเจ้านะ"
"จริง ๆ เลย ชิงเอ๋อร์"
เฟิ่งอวี่เหิงได้แต่ยอมใจกับสตรีข้างกาย ฟังเหตุผลที่สหายตนเองอ้างขึ้นมาก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ กระนั้นนางก็ยินดีที่สหายจะมานอนด้วย
กู่ม่านชิงเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของจวนแล้วก็รีบให้สาวใช้ของตนเองกลับไปที่จวนสกุลกู่ เพื่อไปรายงานแก่บิดามารดาของตนทันทีว่าคืนนี้นางจะพักที่สกุลเฟิ่ง
ทางด้านองค์ชายสามฟู่อวิ้นหลง
ฟู่อวิ้นหลงกำลังไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อของตนหลังจากเพิ่งกลับมาจากจวนของอี้หลิงฟาง เพราะเขาเป็นห่วงจิตใจของนางที่โดนเฟิ่งอวี่เหิงตบหน้าจนแทบเสียโฉม ทำให้ตนถึงกับต้องเรียกหมอหลวงมารักษานางถึงจวน เพราะกลัวว่าใบหน้าอันอ่อนโยนหน้าทะนุถนอมนั้นจะเป็นรอย
ยิ่งเห็นรอยนิ้วมือที่ใบหน้างาม ฟู่อวิ้นหลงได้แต่โมโหที่คู่หมั้นตนเองก่อเหตุรุนแรงกับนางถึงเพียงนี้ ครั้นกำลังจะไปต่อว่าเฟิ่งอวี่เหิงแต่กลับถูกอี้หลิงฟางห้ามไว้เสียก่อน
"องค์ชายสามเพคะ หม่อมฉันไม่เป็นไรจริง ๆ พระองค์อย่าไปต่อว่าคุณหนูเฟิ่งเลย" น้ำเสียงเจอปนไปด้วยความเศร้า
ได้ยินอี้หลิงฟางกล่าวด้วยท่าทางสะอึกสะอื้นจนน่าสงสาร เขาได้แต่เก็บความโกรธเคืองไว้ในอก ในเมื่อนางขอร้องมา เขาก็ได้แต่ยอมทำตามแต่โดยดี บุรุษมีหรือจะไม่ใจอ่อนให้กับสตรีบอบบางและน่าทะนุถนอมเช่นนี้
"ฟางเอ๋อร์ ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าให้เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไร"
"หม่อมฉันเกรงว่าไม่เหมาะสมนะ องค์ชายอาจโดนนินทาได้นะเพคะ" นิ้วเรียวงามปาดไปยังน้ำตาที่ไหลริน
"ข้าเป็นคนพูดเองว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ถ้าข้าว่าเหมาะสมก็คือเหมาะสม ผู้ใดจะว่าอะไรได้ และที่สำคัญอีกไม่นานเจ้าจะได้มาเป็นชายาของข้า มีอะไรที่ไม่เหมาะสมอีก?"
อี้หลิงฟางได้ยินฟู่อวิ้นหลงพูดว่าจะให้นางไปเป็นชายา ก็ทำท่าทางหลบหน้าอย่างเขินอายจนแก้มแดง ฟู่
อวิ้นหลงเห็นท่าทางเขินอายของว่าที่พระชายาของตนก็อดที่จะลูบหัวนางไม่ได้ ทำไมฟางเอ๋อร์ของข้าถึงน่าเอ็นดูนักนะ"ไหนเจ้าลองเรียกข้าใหม่สิ"
"เอ่อ ทะ ท่านพี่อวิ้นหลง" อี้หลิงฟางพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ฟู่อวิ้นหลงได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มอย่างพอใจและไม่ลืมลูบหัวนางเป็นของรางวัลที่ทำตัวน่าเอ็นดู
ทั้งสองพูดคุยกันสักพัก ฟู่อวิ้นหลงก็ขอตัวกลับวังเพื่อจะไปทูลขอพระราชโองการหมั้นหมายกับอี้หลิงฟางอย่างที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้ โดยมีสตรีที่ตนรักเดินไปส่งถึงรถม้า
คล้อยหลังฟู่อวิ้นหลงจากไปจนลับสายตา อี้หลิงฟางหญิงสาวท่าทางดูอ่อนโยนในตอนแรก ได้เปลี่ยนท่าทางเป็นอีกคนทันที จากที่ดูอ่อนโยนก็เป็นแข็งกร้าว สายตาที่เคยอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
ซืออี๋เหนียงมารดาของอี้หลิงฟางที่คอยมองดูเหตุการณ์มาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าองค์ชายสามจากไปแล้วก็รีบเดินมาหาบุตรสาวของตนทันที
"เป็นอย่างไรบ้าง?"
"ซืออี๋เหนียงเข้าไปคุยกันในเรือนเถิด" อี้หลิงฟางบอกมารดาตนเองด้วยน้ำเสียงเรียบ
ไม่ดีนักที่จะพูดคุยกันตรงนี้ เพราะผู้คนพลุกพล่าน อีกทั้งบ่าวในจวนอีก หากนางเผลอเรียกมารดาว่าท่านแม่ตรงนี้ แล้วไปถึงหูฮูหยินคงกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
เรือนของอี้หลิงฟาง
อี้หลิงฟางได้เล่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันนี้ให้ซืออี๋เหนียงหรือมารดาของตนฟังทั้งหมด
"ลูกแม่เก่งมาก" ท้ายเสียงเต็มไปด้วยความภูมิใจ
"เพราะมีท่านแม่คอยชี้นำข้าเจ้าค่ะ"
สองสตรีที่พูดคุยกันอย่างอารมณ์ดี
"เจ้าต้องทำให้องค์ชายหลงเจ้าให้มาก ๆ เข้าใจหรือไม่? อย่าลืมทำแบบที่แม่เคยบอกเจ้า บุรุษก็คือบุรุษ ต่อให้แข็งนอกก็อ่อนในหากเรารู้จุด"
"ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง องค์ชายรับปากกับข้าแล้วว่าจะมาสู่ขอข้า ข้าสะใจนักตอนเห็นสภาพของคุณหนูเฟิ่งนั่น”
อี้หลิงฟางนึกเห็นสภาพของเฟิ่งอวี่เหิงก็ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ หึ รอก่อนเถิดนังเฟิ่งอวี่เหิง ข้าจะแย่งทุกอย่างของเจ้ามาเป็นของข้า ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความโปรดปราน หรือแม้แต่ชื่อเสียงดีงาม อะไรที่เป็นของเจ้า เกี่ยวกับเจ้า ข้าก็จะแย่งจากเจ้ามาให้หมด!
ซืออี๋เหนียงฟังบุตรสาวของตนเล่าให้ฟังก็หัวเราะออกมาอย่างพอใจ นางรู้สึกภูมิใจในตัวบุตรสาวไม่น้อย มิเสียแรงที่ลงทุนปีนเตียงนายท่านอี้จนได้เป็นอนุคนโปรด
ต้องขอบคุณฮูหยินเอกที่นางถือตัวเพราะคิดว่าตนเป็นบุตรของขุนนางเก่าแก่ ไม่สนใจวิธีเอาใจสามีของตนเองเลยแม้แต่น้อย นางสนใจเพียงอำนาจของฮูหยินเท่านั้น จึงทำให้นายท่านอี้มีสาวใช้อุ่นเตียงเต็มจวน
วังหลวง หน้าห้องอักษรขององค์ฮ่องเต้ฟู่เหวยหมิง"ฉินกงกง ข้ามาขอเข้าเฝ้าเสร็จพ่อ ไปแจ้งกับเสด็จพ่อให้ข้าทีว่ามีเรื่องจะกราบทูล""เรียนองค์ชาย ฝ่าบาททรงมีรับสั่งว่าวันนี้มิให้ผู้ใดเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"ฟู่อวิ้นหลงได้ยินถึงกับขมวดคิ้วเสด็จพ่อเป็นอะไร เหตุใดวันนี้จึงไม่ให้เข้าเฝ้ากัน"แม้แต่ข้าผู้เป็นโอรสของเสด็จพ่ออย่างนั้นหรือ?""เป็นเช่นนั้นขอรับ ฝ่าบาททรงมีรับสั่งว่าหากไม่ใช่เรื่องตายห้ามผู้ใดเข้าเฝ้าเด็ดขาดขอรับ"ทั้งที่ตั้งใจว่าจะมาทูลขอให้เสด็จพ่อออกราชโองการสมรสให้แก่ตนกับอี้หลิงฟาง แต่เสด็จพ่อทรงมีรับสั่งถึงขั้นว่าหากไม่ใช่เรื่องตายห้ามให้ผู้ใดเข้าเฝ้าเด็ดขาด แปลว่าวันนี้เสด็จพ่อคงไม่ต้องการพบผู้ใดจริง ๆ เอาเถิด พรุ่งนี้ค่อยมาเข้าเฝ้าใหม่ก็ยังไม่สาย"หากเป็นความประสงค์ของเสด็จพ่อ ข้าก็คงต้องกลับก่อนแล้วจะมาเข้าเฝ้าใหม่ในเช้าวันพรุ่งนี้ ฝากฉินกงกงแจ้งกับเสด็จพ่อให้ข้าด้วย""พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย กงกงผู้นี้จะแจ้งกับฝ่าบาทให้เอง""อืม เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน"หลังจากที่ฟู่อวิ้นหลงจากไปแล้ว ฉินกงกงได้เข้าไปรายงานกับฮ่องเต้ทันที"ที่ให้ไปสืบเรื่องเจ้าสามกับบุตรสาวสกุลอี้ที่ชื่ออี้หลิงฟางเล่า ได้
ณ วังขององค์ชายสามฟู่อวิ้นหลง"เจ้าว่าอย่างไรนะ!"หลังจากได้รับรายงานจากข้ารับใช้คนสนิท ฟู่อวิ้นหลงถึงขั้นตวาดเสียงดังทั้งจวน ใบหน้าเขาซีดเผือดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน"เรียนองค์ชาย ฝ่าบาททรงมีราชโองการถอนหมั้นพระองค์กับคุณหนูเฟิ่ง" ข้ารับใช้คนสนิทของฟู่อวิ้นหลงรายงานเรื่องที่ได้ยินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ไม่จริง จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร ทำไมข้าไม่เห็นรู้เรื่องการถอนหมั้นเลย"สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าไม่เชื่อในเรื่องที่ข้ารับใช้นำมารายงานแม้แต่น้อย"ไปเตรียมเกี้ยวให้ข้า ข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อตอนนี้"ข้ารับใช้ได้รับคำสั่งจึงเดินออกไป เพื่อไปเตรียมเกี้ยวให้ฟู่อวิ้นหลงตามคำสั่งที่ได้รับ"นางน่ะรึจะกล้าถอนหมั้นข้า ต้องมีผู้ใดไปเป่าพระกรรณของเสด็จพ่อเป็นแน่"ฟู่อวิ้นหลงไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเฟิ่งอวี่เหิงจะขอถอนหมั้นกับตน เพราะเขารู้ดีว่านางทุ่มเทให้เขาเพียงใด ตนชี้นกเป็นนก ชี้ไม้ก็เป็นไม้ แล้วอยู่ ๆ จะมีราชโองการถอนหมั้นได้อย่างไร ต้องมีอะไรผิดพลาดเป็นแน่ณ ห้องทรงงานของฮ่องเต้"ถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ" ชายผู้สูงศักดิ์ในชุดสีทองที่กำลังอ่านฎีกาอยู่นั้นไม่ได้สนใจผู้มาเยือนตนแต่อย่างใด เขาสนใจแต
จวนสกุลเฟิ่งหลังจากที่ส่งฉินกงกงกลับวังแล้ว กู่ม่านชิงได้ขอตัวกลับจวนตนเอง ส่วนเสนาบดีเฟิ่งจินหยวนกับเฟิ่งฮูหยินต่างพากันแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน เหลือเพียงเฟิ่งอวี่เหิงที่ไม่มีอะไรให้ทำ นางจึงมานั่งปักผ้าอยู่ที่ศาลาเพียงลำพัง"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู แฮ่ก ๆ ๆ""ใจเย็น ๆ ชินชิน มีอะไรทำไมถึงได้ร้อนรนถึงเพียงนี้""องค์ชายสามเสด็จมาเจ้าค่ะ ตอนนี้รอคุณหนูอยู่ที่เรือนรับรองแล้ว"สตรีที่กำลังปักถึงกับชะงักกับคำพูดของสาวใช้"เจ้าว่าอย่างไรนะ? ชินชิน""องค์ชายสามเสด็จมาที่จวนต้องการมาพบคุณหนูเจ้าค่ะ"ได้ยินคำย้ำจากสาวใช้ของตน นางก็นิ่งไป ภายในใจนางเต็มไปด้วยความสงสัย องค์ชายสามจะมาหาข้าทำไมกัน ทั้งที่ตอนนี้เราสองคนไม่ต่างจากคนแปลกหน้าต่อกันแล้วชินชินเห็นคุณหนูของตนเองนิ่งไปก็อดเป็นกังวลไม่ได้"คุณหนู...""ข้าไม่เป็นไร" ใบหน้างามมีเพียงรอยยิ้มเบาบางหลังจากได้รับรายงานจากสาวใช้ เฟิ่งอวี่เหิงได้เดินมายังเรือนรับรอง เห็นว่ามีบุรุษคุ้นหน้ายืนรอนางอยู่"เฟิ่งอวี่เหิงถวายพระพรองค์ชายฟู่อวิ้นหลงเพคะ"คำพูดห่างเหินจากปากของสตรีตรงหน้า พลันทำให้เขารู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที เพราะเหตุใดกัน?
"องค์ชายกำลังเข้าใจผิดไปนะเพคะ หม่อมฉันไม่ใช่ผู้ผิดสัญญา แต่คนที่ผิดสัญญาระหว่างเราคือพระองค์ต่างหาก!""ข้า..." ฟู่อวิ้นหลงถึงกับเอ่ยคำพูดไม่ออกเมื่อโดนจี้ถูกจุดชายหนุ่มเห็นอีกฝ่ายเงียบไปจนไม่รู้ว่าตนเองจะพูดสิ่งใดต่อ ตัวเขาคิดแต่หาทางให้เฟิ่งอวี่เหิงยอมกลับมาหาตนเช่นเดิม หากนางใจอ่อนแล้วยอมกลับมาเป็นเช่นเดิมก็จะรีบแต่งนางเข้าวังทันทีนางจะได้ไม่ต้องไปเป็นสตรีของผู้ใดสตรีเพียบพร้อมเช่นนางนั้นต่างเป็นที่หมายปองของเหล่าบุรุษ การที่ได้แต่งนางเข้าจวนนั้นมีทั้งอำนาจและชื่อเสียงใครบ้างที่ไม่ต้องการ"ข้า...ข้าแต่งกับเจ้าคนเดียวไม่ได้เจ้าก็รู้ แต่ข้าก็ให้เกียรติเจ้าได้เป็นชายาเอกของข้า ที่มีทั้งฐานะและชื่อเสียงในแคว้นนี้ ข้าให้เจ้าได้ทุกอย่างขอแค่เจ้ามาเป็นชายาเอกของข้า ข้าให้เจ้าได้หมด เหิงเหิงมาเป็นชายาเอกให้ข้าเช่นเดิมเถิดนะ"ฟู่อวิ้นหลงพยายามเกลี้ยกล่อมเฟิ่งอวี่เหิงทุกหนทาง พยายามยกให้เห็นถึงฐานะและชื่อเสียงของชายาเอกว่ามีดีอย่างไรบ้าง เผื่อนางจะกลับมาหาเขาเช่นเดิมเฟิ่งอวี่เหิงได้ยินเช่นนั้นรู้สึกเจ็บใจ ดวงตางามถึงกับน้ำตาคลอ นางเคยหลงรักบุรุษที่มักมากผู้นี้ได้อย่างไรกัน ไม่ได้นะเหิงเหิ
หลังจากฟู่อวิ้นหลงกลับไปแล้ว เฟิ่งฮูหยินก็รีบไปหาบุตรสาวของตนที่เรือนทันที"อาเหิงลูกแม่""ท่านแม่"เฟิ่งฮูหยินเห็นบุตรสาวของตน ก็เข้าไปสวมกอดเพื่อเป็นการปลอบโยนบุตรสาวตน"เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ องค์ชายสามต่อว่าอะไรเจ้าหรือไม่?"เฟิ่งฮูหยินเฝ้ามองบุตรสาวของตนตั้งแต่แรก แต่ที่ตนไม่ยอมเข้าไปหาทั้งคู่ เพราะอยากให้บุตรสาวได้สะสางเรื่องทุกอย่างกับองค์ชายสามฟู่อวิ้นหลงให้เรียบร้อย ภายภาคหน้าจะได้ไม่ต้องมีเรื่องบาดหมางใจต่อกัน"ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ องค์ชายไม่ได้ต่อว่าอะไรข้าเลย ท่านแม่สบายใจได้"พูดจบหญิงสาวก็ลุกหมุนตัวให้มารดาดูอย่างอารมณ์ดี ตนเลือกจะพูดแต่สิ่งที่ให้มารดาไม่เป็นกังวลเท่านั้น แม้ในใจยังรู้สึกจุกในอกแต่ต้องยอมตัดเสียตอนนี้คนเป็นแม่เห็นบุตรสาวอารมณ์ดีก็รู้สึกเบาใจ เพราะว่าตนเป็นห่วงกลัวว่านางจะใจอ่อนและเสียใจอีกครั้ง…หลายอาทิตย์ต่อมา ฝั่งจวนสกุลอี้ตอนนี้ซือจินได้ขึ้นมาเป็นฮูหยินรองของจวนสกุลอี้แล้ว เพราะนางได้ไปเป่าหูอี้ชิงหลางว่าองค์ชายสามฟู่อวิ้นหลงจะมาหมั้นหมายบุตรสาวของตนเพื่อแต่งเป็นชายารองอี้ชิงหลางครั้นได้ยินเรื่องที่อนุคนโปรดเอ่ยถึงกับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี เขาเอง
ตั้งแต่ฮ่องเต้ฟู่เหวยหมิงออกราชโองการถอนหมั้นให้แก่เฟิ่งอวี่เหิงกับฟู่อวิ้นหลงเวลาก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว แต่ผู้คนยังพูดคุยเรื่องการถอนหมั้นอยู่ต่อเนื่องว่าสาเหตุเกิดจากอะไรผู้คนต่างพากันพูดไปต่างๆ นานา แต่เสียงส่วนมากว่าเป็นเพราะเฟิ่งอวี่เหิงนั้นมีนิสัยร้ายกาจ ที่ผ่านมานางเองก็ชอบดุด่าว่าสตรีอื่นที่ยุ่งกับองค์ชายสาม และยังลงมือกับสตรีเหล่านั้นอย่างไม่ลังเลทั้งหมดเป็นเพราะความใจแคบของนาง เป็นเหตุให้ฟู่อวิ้นหลงทนนิสัยของนางไม่ได้จนถึงขั้นขอถอนหมั้น แต่ใครจะไปรู้ว่าความจริงนั้นมีเพียงหนึ่งจวนสกุลเฟิ่งกู่ม่านชิงมาหาเฟิ่งอวี่เหิงที่จวนแต่เช้าเพราะวันนี้นางมีนัดไปเที่ยวตลาดด้วยกัน“แม่ยังไม่อยากให้เจ้าไปข้างนอกตอนนี้เลย ข่าวลือของเจ้ายังเป็นที่พูดถึงไม่หยุดปาก แม่กลัวว่าเจ้าจะคิดมากอีก”เฟิ่งฮูหยินออกความคิดเห็น ไม่ใช่ว่านางไม่อยากให้บุตรสาวไปข้างนอก แต่เพราะยังมีข่าวลือเกี่ยวกับบุตรสาวของนางอยู่“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านแม่” เฟิ่งอวี่เหิงพูดปลอบมารดา“ท่านป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ หลานจะปกป้องเหิงเหิงเอง ถ้ามีคนมาว่าร้ายนาง ข้าจะเป็นคนจัดการเองเจ้าค่ะ!” กู่ม่านชิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังห
อี้หลิงฟางแสร้งทำท่าทีอ่อนโยน ส่งรอยยิ้มให้กับกู่ม่านชิงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงหวาน"ไม่ใช่เจ้าค่ะคุณหนูกู่ เพียงแต่ข้าโดนคุณหนูเฟิ่งเดินชนเลยอยากเรียกร้องความเป็นธรรมกับคุณหนูเฟิ่งเท่านั้นเองเจ้าค่ะ""เจ้าไม่ต้องมาเสแสร้งต่อหน้าข้า ข้าไม่ใช่คนโง่"กู่ม่านชิงรึจะไว้หน้าคนที่มาทำร้ายสหายตน และในเมื่อคนผู้นั้นมาอยู่ตรงหน้านางแล้ว กู่ม่านชิงก็ไม่คิดจะปล่อยไปง่าย ๆ เช่นกันสหายของอี้หลิงฟางที่ตอนแรกตั้งใจจะพากันมาเย้ยหยันเฟิ่งอวี่เหิงรีบพากันหลบไปข้างหลังของอี้หลิงฟางทันที ใครจะกล้าไปมีเรื่องกับกู่ม่านชิงกัน นอกจากนิสัยที่ไม่เหมือนสตรีในห้องหอแล้ว ยังเป็นบุตรสาวคนโปรดของอดีตแม่ทัพใหญ่ที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังเกรงพระทัยถึงสี่ส่วนเฟิ่งอวี่เหิงเห็นสหายของตนเองกำลังมีโทสะ จึงรีบเดินเข้าไปดึงสติสหายของตนไว้ เนื่องจากตนไม่อยากให้กู่ม่านชิงต้องมีข่าวลือไม่ดีที่สาเหตุเกิดจากตัวนาง"อย่าชิงเอ๋อร์ ตัวเจ้าจะเป็นข่าวลือ ข้าไม่อยากให้สหายของข้าต้องแปดเปื้อนไปด้วย เรากลับกันเถิด"ได้ยินที่สหายตนเข้ามาห้ามกู่ม่านชิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย แต่ก่อนที่พวกตนจะเดินจากไป อี้หลิงฟางก็กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน
เสียงดังทรงอำนาจของฟู่เฟยเทียนทำเอาผู้คนที่หันไปมองถึงกับตกตะลึงไม่เว้นแม้แต่ฟู่อวิ้นหลงและอี้หลิงฟาง"เสด็จพี่...""ถวายพระพรรุ่ยอ๋องพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ"ฟู่เฟยเทียนหันคุยกับฟู่อวิ้นหลงผู้ที่เป็นน้องชายต่างมารดาด้วยน้ำเสียงกดดัน"เจ้าสำรวมตนหน่อยเถิดที่นี่ไม่ใช่วังหลวง"ฟู่อวิ้นหลงได้ยินที่พี่ชายต่างมารดาตนกล่าวถึงกับชะงัก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าน้ำเสียงที่เอ่ยถึงตนเป็นน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ของฟู่เฟยเทียน"เสดะ...รุ่ยอ๋องตักเตือนถูกต้องแล้ว เป็นข้าเองที่ไม่สำรวมขอรุ่ยอ๋องโปรดอภัย"ฟู่เฟยเทียนไม่ได้สนใจคนที่เอ่ยขออภัยกับตนเลยแม้แต่น้อย เพราะสายตานั้นมองจับจ้องไปยังสตรีสองนางที่กำลังเลือกซื้อของอย่างสนุกสนานโดยไม่ได้สนใจผู้ใดเลยสักนิด'ผ่านเหตุการณ์ที่ผู้คนมองว่าตนร้ายกาจ แต่นางกลับไม่ใส่ใจซ้ำยังเลือกซื้อของได้อย่างสบายอารมณ์ ช่างน่าสนใจจริง ๆ'ฟู่เฟยเทียนมองดูสตรีที่เลือกซื้อของพลันยกยิ้มมุมปากอย่างเผลอตัว แต่ทว่ารอยยิ้มก็หุบลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงสตรีอีกผู้"อี้หลิงฟางถวายพระพรรุ่ยอ๋องเพคะ" อี้หลิงฟางย่อคำนับพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า"..."ฟู่เฟยเทียนไม่ได้ตอบสิ่งใดเพียงปรายตามองสตรี
ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่นั้น จู่ ๆ เฟิ่งฮูหยินก็ร้องออกมาคล้ายว่าเจ็บปวดบางอย่าง เฟิ่งฮูหยินถึงกับบีบมือสามีของตนแน่นด้วยความเจ็บปวด สร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคนในตอนนี้เป็นอย่างมาก"ฮูหยิน เจ้าเป็นอะไร?" เฟิ่งจินหยวนกุมมือของภรรยาด้วยความห่วงใย"โอ๊ย-! ท่านพี่จู่ ๆ ข้าก็เจ็บท้องเจ้าค่ะ""หรือว่าท่านพี่เจ็บท้องจะคลอด?"กู่ฮูหยินแสดงความคิดเห็นออกมาเพราะจากที่นับเดือนการตั้งครรภ์ของเฟิ่งฮูหยินก็ถือว่าถึงเวลาสมควรแล้วอีกอย่างท่าทางเช่นนี้ต้องใช่อย่างแน่นอน ทำเอาผู้คนที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับแตกตื่นด้วยความตกใจปนกับความดีใจจนทำอะไรไม่ถูกเหล่าบรรดาสาวใช้รีบไปตามหมอมาทำคลอดทันที ทำให้สถานการณ์ตอนนี้นั้นวุ่นวายยิ่งนักต่างจากตอนเช้าโดยสิ้นเชิงตอนนี้ทุกคนต่างพากันยืนอยู่ที่หน้าห้องทำคลอดอย่างใจจดใจจ่อกับสิ่งที่กำลังจะเกิดในไม่ช้า"ท่านพ่อ...ข้าตื่นเต้นจังเลยเจ้าค่ะ"เฟิ่งอวี่เหิงยื่นอยู่ใกล้ ๆ บิดาที่กำลังมีสีหน้าตื่นเต้นไม่แพ้กัน"พ่อก็เช่นกัน"ในขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ การรอคอยก็ได้สิ้นสุดลงเมื่อได้ยินเสียงเด็กทารกที่กำลังร้องออกมาพร้อมกับประตูที่เปิดออก"ย
"เดี๋ยว!!"เฟิ่งอวี่เหิงชะงักไปครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้หันกลับไปมองแต่อย่างใด นางไม่อยากให้กู่จิ้นอันเห็นน้ำตาที่กำลังไหลริน ในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเฟิ่งอวี่เหิงคิดว่าอย่างไรวันนี้ก็มาแล้ว พูดให้จบเสียตอนนี้เลยดีกว่า เพราะหากกลับไปโดยที่ยังไม่ได้พูดอะไรก็จะเป็นการค้างคาใจต่อกันอีก พอคิดได้เช่นนั้นนางก็พ่นลมหายใจออกมาเพื่อกลั้นอารมณ์ที่เก็บความเสียใจไว้อยู่"ข้ารู้ว่าสิ่งที่ข้าทำไปมันผิด เพราะข้าแค่อยากปกป้องตัวเองจากคนที่คิดไม่ดีต่อข้า และที่วางแผนไปทั้งหมดโดยที่ไม่ได้บอกท่าน เพราะข้ากลัวว่าท่านจะไม่ยอมให้ข้าทำเช่นนี้ ดีไม่ดีท่านอาจจะห้ามข้าไม่ให้ข้าไปร่วมงานด้วยซ้ำ เพราะข้ารู้ว่าท่านนั้นเป็นห่วงข้าเพียงใด และข้าก็รู้ว่าท่านไม่ยอมให้ข้าต้องเจ็บตัวอย่างแน่นอน"เฟิ่งอวี่เหิงหยุดพูดไปครู่หนึ่งเพื่อดูท่าทีของอีกฝ่ายทว่ากู่จิ้นอันก็ยังไม่มีท่าทีตอบรับแต่อย่างใด แต่ไม่ว่าอย่างไรเฟิ่งอวี่เหิงก็ตัดสินใจพูดต่อไป เพราะหากไม่พูดวันนี้ วันต่อไปอาจจะไม่ได้พูดอีกย่อมเป็นได้"ที่ข้าต้องทำเช่นนี้กับอี้หลิงฟาง เพราะคนเช่นนางหากไม่โดนเหมือนที่กระทำกับผู้อื่นบ้างก็คงไม่หยุดคิดร้ายเช่นกัน คนเช่นนางน
เช้าวันใหม่วันนี้เฟิ่งอวี่เหิงลุกขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่เช้า เพราะวันนี้นางมีที่จะไปคือจวนสกุลกู่หลังจากที่เมื่อคืนได้พูดคุยกับบิดาแล้ว เฟิ่งอวี่เหิงก็ได้ตัดสินใจทำตามที่กู่ม่านชิงและบิดาแนะนำ คือในเมื่อเขาไม่มาเราก็ต้องไปหา จะได้ปรับความเข้าใจกันสักทีวันนี้นางใส่ชุดสีขาวปักด้วยลายหมู่ตานทำให้ดูสวยงามยิ่งนักชินชินสาวใช้คนสนิทยกถาดปิ่นมาให้เฟิ่งอวี่เหิงเลือก พร้อมกับเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม"คุณหนูวันนี้ปักปิ่นอันไหนดีเจ้าคะ?"สายตาของเฟิ่งอวี่เหิงมองดูปิ่นในถาดที่ชินชินยกมา ได้ไปสะดุดกับปิ่นชิ้นหนึ่งเป็นปิ่นลายหูเตี๋ยสีฟ้า จึงเอื้อมไปหยิบขึ้นมาดูด้วยสายตาเปล่งประกายนางจำได้ว่าปิ่นชิ้นนี้เป็นชิ้นแรกที่กู่จิ้นอันซื้อให้ตอนที่ไปเที่ยวตลาดด้วยกัน ทว่าตั้งแต่ที่ได้มายังไม่เคยปักเลยสักครั้ง'ข้าเอาใจท่านขนาดนี้หากท่านยังไม่หายโกรธ ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว'คิดได้อย่างนั้นเฟิ่งอวี่เหิงจึงให้ชินชินปักปิ่นชิ้นนี้ให้นางหลังจากที่ทำอะไรเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เฟิ่งอวี่เหิงจึงเดินทางไปยังจวนสกุลกู่ตามที่คาดหวังไว้ทันทีใช้เวลาราวสองเค่อก็มาถึงที่หมาย เฟิ่งอวี่เหิงเดินเข้าไปข้างในโดยมีสาวใช้นำทางให้น
"อะไร?" กู่ม่านชิงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่เฟิ่งอวี่เหิงถาม"ข้ารู้นะว่าวันนั้นเจ้าไปไหนกับรุ่ยอ๋อง บอกข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ""ก็แค่ไปกินข้าวด้วยกัน มีอะไรให้น่าตื่นเต้นกัน"แม้ปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่แก้มของกู่ม่านชิงตอนนี้กลับแดงระเรื่อขึ้นมา ทำเอาเฟิ่งอวี่เหิงถึงกับหลุดหัวเราะให้กับท่าทางของสหาย"ก็ได้ ๆ ข้าเชื่อเจ้าก็ได้"เห็นว่าถูกล้อเลียนจากสหาย กู่ม่านชิงก็ได้แต่ย่นจมูกใส่หญิงสาวตรงหน้า"แล้วรุ่ยอ๋องดีกับเจ้าหรือไม่?" ท้ายเสียงมีความห่วงใย"ก็ดีนะ...” กู่ม่านชิงทำท่าครุ่นคิดถึงคำพูดในวันนั้น “นี่เหิงเหิง รุ่ยอ๋องบอกจะพาข้าไปท่องเที่ยวเมืองอื่นด้วย"คิดถึงเรื่องนี้ทีไรกู่ม่านชิงถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ เพราะตื่นเต้นเรื่องที่ตนจะได้ไปเที่ยวตามที่เคยปรารถนาเอาไว้ เมื่อมีคนจะทำปรารถนาของนางให้เป็นจริง มีรึกู่ที่นางจะปิดบัง"ไหนเจ้าว่าไม่ตื่นเต้น?""ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว"กู่ม่านชิงที่โดนหยอกล้อเช่นนั้นถึงกับแง่งอนเพราะความเขินอาย เฟิงอวี่เหิงก็ได้แต่ยิ้มขำให้กับท่าทีเช่นนี้ สตรีสองคนนั่งคุยกันจนถึงช่วงบ่าย กู่ม่านชิงก็ขอตัวกลับจวนของตนในขณะที่กู่ม่านชิงกำลังออกจากโรงน้ำชาของเฟิ่
"เรื่องที่พาเจ้าไปเที่ยวยังเมืองต่าง ๆ เป็นข้าแทนได้หรือไม่?""ฮ่า ฮ่า ฮ่า พระองค์ทรงล้อหม่อมฉันเล่นอีกแล้ว"กู่ม่านชิงแสร้งหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำพูดของคนที่จะพานางไปเที่ยว จะให้นางเชื่อได้อย่างไรว่ารุ่ยอ๋องจะพานางไปได้ ในเมื่อตำแหน่งนั้นที่ติดตัวอยู่นั้นมากด้วยภาระและหน้าที่ จะทิ้งภาระเพราะว่าจะพานางไปเที่ยวอย่างนั้นรึ ไม่ว่าอย่างไรกู่ม่านชิงก็ไม่เชื่อเด็ดขาด"..." ฟู่เฟยเทียนในขณะที่ฟู่เฟยเทียนกำลังจะบอกเรื่องบางอย่างกับกู่ม่านชิงนั้น เสี่ยวเอ้อก็นำอาหารที่สั่งเข้ามาก่อน ทำให้บทสนทนานั้นต้องยุติลงเพื่อที่ทั้งคู่จะได้รับประทานอาหารกันในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังรับประทานอาหารด้วยกันอย่างเงียบ ๆ นั้น ฟู่เฟยเทียนก็ได้เอ่ยปากขึ้นมา"ชิงเอ๋อร์ เรื่องที่ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยว ข้าพูดความจริง เพราะนั่นก็เป็นความฝันของข้าเช่นกัน" น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงจัง"พระองค์จะไปท่องเที่ยวได้อย่างไรเพคะ ในเมื่อพระองค์เป็นรุ่ยอ๋อง เว้นเสียแต่พระองค์จะไม่ได้เป็นท่านอ๋องแล้ว"กู่ม่านชิงยังคงไม่เชื่อคำพูดของฟู่เฟยเทียน เพราะตราบใดที่ฟู่เฟยเทียนยังเป็นอ๋องอยู่ก็ไปไหนตามอำเภอใจไม่ได้ เพราะภาระที่ต้องดูแลประชา
ทันทีที่เห็นว่าเป็นฟู่เฟยเทียนคิ้วงามก็ขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เพราะกู่ม่านชิงนั้นคิดว่าฟู่เฟยเทียนตามกู่จิ้นอันออกไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่ายังไม่ไปไหน"จะไปไหน""ไปหาท่านพี่จิ้นอันเพคะ หม่อมฉันต้องอธิบายให้ท่านพี่จิ้นอันเข้าใจ""ไม่ต้องไป""ไม่ได้เพคะ ต้องไป"กู่ม่านชิงเริ่มจะไม่เข้าใจในการกระทำของฟู่เฟยเทียน นอกจากจะรั้งไม่ให้นางไปอธิบายเรื่องที่เฟิ่งอวี่เหิงกับนางวางแผนให้กู่จิ้นอันฟัง ยังจับมือนางไม่ปล่อยอีก"ข้าหิวข้าว""หิวก็ไปกินสิเพคะ""เจ้าต้องไปกินกับข้าด้วย""หม่อมฉันไม่หิวเพคะ หม่อมฉัน...ว้าย! รุ่ยอ๋องปล่อยมือหม่อมฉันก่อนเพคะ"ฟู่เฟยเทียนนั้นไม่ฟังกู่ม่านชิงพูดแต่อย่างใด ชายหนุ่มดึงมือของกู่ม่านชิงลงบันไดไปยังชั้นล่างเพื่อเดินทางไปยังโรงเตี๊ยมทันที"รุ่ยอ๋อง ได้โปรดปล่อยมือของหม่อมฉันก่อนเพคะ หากมีผู้ใดเห็นพระองค์จะเสื่อมเสียชื่อเสียงเอานะเพคะ" น้ำเสียงที่พยายามออดอ้อนให้ฟู่เฟยเทียนปล่อยมือ"เจ้าก็ต้องรับผิดชอบข้า เพราะเจ้าเป็นคนทำให้ข้าเสียชื่อเสียงเป็นที่ครหาของชาวบ้าน แล้วก็คงไม่มีสตรีใดอยากแต่งงานกับข้าเพราะว่าข้านั้นเสียชื่อเสียงไปแล้ว เพราะฉะนั้น เจ้าต้องรับผิดชอบ
น้ำเสียงที่คนฟังก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้กู่ม่านชิงนั้นคิดสิ่งใดอยู่"ข้าว่าอย่าเพิ่งกังวลเรื่องที่ยังไม่เกิดเลยจะดีกว่า เจ้านั่นแหละเหิงเหิง เหตุใดถึงยอมให้คนพวกนั้นทำร้ายเจ้าได้ ไม่ใช่ว่าเจ้าเตรียมพร้อมอยู่แล้วรึ?" คราวนี้เป็นกู่ม่านชิงถามคำถาม"ข้าเตรียมใจไว้แล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าพวกนั้นจะเลวทรามขนาดนั้น""เจ้านี่น่ะ ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังหากท่านพี่ไปช่วยเจ้าไม่ทันเจ้าจะทำอย่างไร""เอาน่า เรื่องมันผ่านมาแล้วเจ้าจะบ่นข้าทำไมกัน อีกอย่างข้าก็ไม่ยอมตกเป็นเมียของคนพวกนั้นอยู่แล้ว และตอนนี้อี้หลิงฟางก็ได้รับผลกรรมที่ก่อแล้ว" น้ำเสียงที่พูดขึ้นอย่างสบายใจ คล้ายกับว่าไม่ได้ตื่นตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเลยแม้แต่น้อยเพราะก่อนที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับเฟิ่งอวี่เหิง ทั้งคู่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนของอี้หลิงฟางที่ต้องการทำให้เฟิ่งอวี่เหิงนั้นเสื่อมเสียชื่อเสียงตั้งแต่ที่ซูเฟยซื่อมาหาเฟิ่งอวี่เหิงในตอนนั้น ได้เตือนเรื่องอี้หลิงฟางกับนาง ทำให้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเฟิ่งอวี่เหิงก็ได้ส่งคนไปเฝ้าติดตามดูอี้หลิงฟางตลอดอย่างไม่คาดสายตาทุกฝีก้าวซึ่งก็เป็นไปตามที่ซูเฟยซื่อได้คาดการณ์ไว้ อี้
กู่จิ้นอันเอ่ยถามน้องสาวของตัวเองที่กำลังจะออกจากจวนด้วยท่าทีเร่งรีบ"ข้าจะไปหาเหิงเหิงเจ้าค่ะ ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ"กู่ม่านชิงพูดจบก็วิ่งขึ้นรถม้าทันทีไม่รีรอ จนตัวกู่จิ้นอันเองยังรู้จักแปลกใจกับท่าทีของน้องสาวตนเอง เพราะปกติหากนางไปข้างนอก กู่ม่านชิงต้องมาออดอ้อนขอตั๋วเงินกับเขาเพื่อไปซื้อสิ่งของต่าง ๆ ตามที่นางต้องการแต่นี่อะไร? นอกจากจะไม่มาออดอ้อนตนแล้ว ยังทำท่าทางคล้ายกับว่าพยายามหลบหน้าใครบางคน แม้ว่าจะสงสัยว่าตัวกู่ม่านชิงหลบหน้าฟู่เฟยเทียน แต่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะฟู่เฟยเทียนก็แวะเวียนมาที่จวนประจำ แล้วนางเป็นอันใดกัน?ในขณะที่กู่จิ้นอันกำลังสงสัยกับท่าทีของน้องสาวตัวเองที่แปลกไปอยู่นั้น กลับมีใครบางคนนั่งอมยิ้มกับท่าทางของกู่ม่านชิงที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าท่าทางของนางนั้นกำลังหลบหน้าเขาอยู่อย่างแน่นอนเมื่อบรรยากาศกลับมาเงียบสงบแล้ว สองบุรุษก็นั่งพูดคุยกับถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้"เรื่องนั้นจะเริ่มเมื่อใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”"ทันทีที่เสด็จพี่พร้อมก็เริ่มได้เลย""แล้วท่านจะออกจากตำแหน่งรุ่ยอ๋องหรือไม่?""หากตำแหน่งนี้มันรั้งข้าไว้ให้อยู่แต่ในเมืองหลวง ข้าก็คงต้องขอให้เสด็จพ่อ
ในขณะที่ทั้งคู่พากันโทษแต่ผู้อื่นที่ทำให้พวกตนต้องมาเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้อยู่นั้น ประตูเรือนก็ถูกเปิดออกโดยสาวใช้กลุ่มหนึ่งเมื่อเปิดประตูแล้วสาวใช้ประมาณสองถึงสามคนก็พากันไปเก็บสิ่งของภายในเรือนตามคำสั่งของเจ้าของจวนทันที"เดี๋ยว! พวกเจ้าจะเก็บของข้าไปไหน?""พวกข้าได้คำสั่งมาว่าให้เก็บของออกจากเรือนนี้ให้หมดเพื่อให้พวกท่านสองแม่ลูกได้ออกบวชตลอดชีวิต"ตอนนี้แม้แต่สาวใช้ยังพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง ซือจินและอี้หลิงฟางไร้ซึ่งความเคารพจากบรรดาสาวใช้ ทั้งที่แต่ก่อนคนพวกนี้เคยเป็นที่รองมือรองเท้าให้พวกนาง แต่ตอนนี้แม้แต่ก้มหัวให้ก็ยังไม่มี"เจ้าว่าอะไรนะ? ใครจะไปบวชตลอดชีวิตกัน?" อี้หลิงฟางเอ่ยถามอย่างสงสัย"ก็พวกท่านสองคนแม่ลูกอย่างไรเล่า ฮูหยินเอกมีคำสั่งว่าให้พวกท่านทั้งสองคนไปบวชที่วัด ถือศีลภาวนา สำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำไป แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก""ใครทำอะไรผิด ฟางเอ๋อร์ทำเรื่องแค่นี้ถึงกับกล้าออกคำสั่งให้พวกข้าออกบวชตลอด มันจะไม่มากไปหน่อยรึ?"ซือจินยังคงโวยวายไม่ยอมรับกับคำสั่งที่ตัวเองได้รับ แค่เรื่องที่อี้หลิงฟางทำไม่เห็นต้องมาออกคำสั่งถึงขั้นให้พวกนางสองคนแม่ลูกต้องไปบว