อี้หลิงฟางแสร้งทำท่าทีอ่อนโยน ส่งรอยยิ้มให้กับกู่ม่านชิงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงหวาน"ไม่ใช่เจ้าค่ะคุณหนูกู่ เพียงแต่ข้าโดนคุณหนูเฟิ่งเดินชนเลยอยากเรียกร้องความเป็นธรรมกับคุณหนูเฟิ่งเท่านั้นเองเจ้าค่ะ""เจ้าไม่ต้องมาเสแสร้งต่อหน้าข้า ข้าไม่ใช่คนโง่"กู่ม่านชิงรึจะไว้หน้าคนที่มาทำร้ายสหายตน และในเมื่อคนผู้นั้นมาอยู่ตรงหน้านางแล้ว กู่ม่านชิงก็ไม่คิดจะปล่อยไปง่าย ๆ เช่นกันสหายของอี้หลิงฟางที่ตอนแรกตั้งใจจะพากันมาเย้ยหยันเฟิ่งอวี่เหิงรีบพากันหลบไปข้างหลังของอี้หลิงฟางทันที ใครจะกล้าไปมีเรื่องกับกู่ม่านชิงกัน นอกจากนิสัยที่ไม่เหมือนสตรีในห้องหอแล้ว ยังเป็นบุตรสาวคนโปรดของอดีตแม่ทัพใหญ่ที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังเกรงพระทัยถึงสี่ส่วนเฟิ่งอวี่เหิงเห็นสหายของตนเองกำลังมีโทสะ จึงรีบเดินเข้าไปดึงสติสหายของตนไว้ เนื่องจากตนไม่อยากให้กู่ม่านชิงต้องมีข่าวลือไม่ดีที่สาเหตุเกิดจากตัวนาง"อย่าชิงเอ๋อร์ ตัวเจ้าจะเป็นข่าวลือ ข้าไม่อยากให้สหายของข้าต้องแปดเปื้อนไปด้วย เรากลับกันเถิด"ได้ยินที่สหายตนเข้ามาห้ามกู่ม่านชิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย แต่ก่อนที่พวกตนจะเดินจากไป อี้หลิงฟางก็กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน
เสียงดังทรงอำนาจของฟู่เฟยเทียนทำเอาผู้คนที่หันไปมองถึงกับตกตะลึงไม่เว้นแม้แต่ฟู่อวิ้นหลงและอี้หลิงฟาง"เสด็จพี่...""ถวายพระพรรุ่ยอ๋องพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ"ฟู่เฟยเทียนหันคุยกับฟู่อวิ้นหลงผู้ที่เป็นน้องชายต่างมารดาด้วยน้ำเสียงกดดัน"เจ้าสำรวมตนหน่อยเถิดที่นี่ไม่ใช่วังหลวง"ฟู่อวิ้นหลงได้ยินที่พี่ชายต่างมารดาตนกล่าวถึงกับชะงัก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าน้ำเสียงที่เอ่ยถึงตนเป็นน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ของฟู่เฟยเทียน"เสดะ...รุ่ยอ๋องตักเตือนถูกต้องแล้ว เป็นข้าเองที่ไม่สำรวมขอรุ่ยอ๋องโปรดอภัย"ฟู่เฟยเทียนไม่ได้สนใจคนที่เอ่ยขออภัยกับตนเลยแม้แต่น้อย เพราะสายตานั้นมองจับจ้องไปยังสตรีสองนางที่กำลังเลือกซื้อของอย่างสนุกสนานโดยไม่ได้สนใจผู้ใดเลยสักนิด'ผ่านเหตุการณ์ที่ผู้คนมองว่าตนร้ายกาจ แต่นางกลับไม่ใส่ใจซ้ำยังเลือกซื้อของได้อย่างสบายอารมณ์ ช่างน่าสนใจจริง ๆ'ฟู่เฟยเทียนมองดูสตรีที่เลือกซื้อของพลันยกยิ้มมุมปากอย่างเผลอตัว แต่ทว่ารอยยิ้มก็หุบลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงสตรีอีกผู้"อี้หลิงฟางถวายพระพรรุ่ยอ๋องเพคะ" อี้หลิงฟางย่อคำนับพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า"..."ฟู่เฟยเทียนไม่ได้ตอบสิ่งใดเพียงปรายตามองสตรี
ซือจินฟาดฝ่ามือเข้าไปยังใบหน้าสวยของบุตรสาวตนเอง จนเป็นรอยแดงเถือกอี้หลิงฟางยกมือขึ้นมาลูบแก้มของตนเองที่โดนตบอย่างแผ่วเบา "ทะ...ท่าน ท่านแม่ ท่านตบข้า?""ข้าไม่เคยสอนเจ้าให้ขาดสติเช่นนี้ หากเจ้ายังต้องการแก้แค้นนางอวี่เหิงนั่น เจ้าต้องรู้จักคุมอารมณ์ของตนด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วคนที่ลำบากจะเป็นเจ้าเอง!" ซือจินพูดจบนางก็เดินหันหลังกลับทันที แต่ก่อนจะเดินออกจากเรือนนางได้หันมากล่าวคำบางอย่างกับบุตรสาวของตน"เป็นบุตรของข้าแล้วอย่างไร แต่ก็เป็นเพราะข้าสั่งสอนเจ้าไม่ใช่รึถึงมาได้ขนาดนี้ เจ้าที่เป็นแค่บุตรอนุแต่ได้เป็นถึงได้เป็นคนโปรดปรานขององค์ชาย” ซือจินมองหน้าบุตรสาวด้วยแววตาแข็งกร้าว“ช่วงนี้เจ้าอย่าเพิ่งออกไปไหน สำนึกความผิดตนในเรือนสักหนึ่งเดือนเป็นอย่างไรเผื่อจะมีสติขึ้นมาบ้าง" น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความโกรธซือจินพูดจบก็ออกจากเรือน และไม่ลืมสั่งสาวใช้ให้กักบริเวณอี้หลิงฟางที่เรือนเป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อไม่ให้นางออกไปไหน โดยไม่คิดสนใจหันกลับมามองดูบุตรสาวของตนเลยแม้แต่น้อยอี้หลิงฟางได้ยินมารดาตนย้ำถึงเรื่องนางเป็นบุตรอนุ ทำให้นางนึกถึงคำด่าทอของเฟิ่งอวี่เหิง เหมือนภาพซ้ำ ๆ เกิดขึ้นในหั
"เหิงเหิงข้ามาแล้ว" เสียงไพเราะราวกับดนตรีไม่เข้ากับท่าทางของสตรีที่กำลังวิ่งมาแม้แต่น้อย"ชิงเอ๋อร์เจ้าอย่าวิ่ง"กู่ฮูหยินเห็นท่าทางของบุตรสาวตนได้แต่จนใจ บุรุษใดได้ไปเป็นสะใภ้คงมีแต่เรื่องปวดหัวให้ไม่เว้นวันเป็นแน่กู่ม่านชิงรึจะฟังที่มารดาของตนบอก สหายมาหาถึงจวนทั้งทีจะช้าอยู่ได้อย่างไร พอนางวิ่งมาถึงแล้วก็นั่งลงข้าง ๆ สหายของตนทันที"เจ้ามาได้อย่างไร มีเหตุอันใดถึงมาหาข้า เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือไม่ ใครทำอะไรเจ้าบอกข้ามา ข้าจะไปจัดการให้เจ้าเอง"กู่ฮูหยินฟังแล้วถึงกับหน้ามืดจะเป็นลมกับการร่ายยาวของกู่ม่านชิงเพราะนางไม่มีความเป็นสตรีแม้แต่น้อย เดือดร้อนสวี่มามาต้องหาเครื่องหอมให้กู่ฮูหยินได้สูดดม"ชิงเอ๋อร์เจ้าหยุดก่อน อาเหิงไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น เจ้าจะตกใจไปไย เฮ้อ"กู่ม่านชิงได้ยินมารดาตนทักก็หยุดพูดทันที พร้อมกับทำหน้าตาน่าสงสาร พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย"ก็ข้าเป็นห่วงเหิงเหิงหนิเจ้าคะ"เฟิ่งอวี่เหิงนั่งยิ้มให้กับสองแม่ลูก ก่อนจะกล่าวกับกู่ม่านชิง"ข้านำชาที่ข้าทำขึ้นมาเองมาให้ท่านป้าได้ลองชิมดูว่ารสชาติเป็นเช่นไร""ชา? ... เจ้าทำขึ้นมาเองรึ?" กู่ม่านชิงทำทางทีเอียงคอสงสัย สหายข
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปเฟิ่งอวี่เหิงได้รับความยินยอมจากบิดามารดาเรื่องที่นางจะทำโรงน้ำชาอย่างที่ตั้งใจ แต่ตอนนี้ปัญหาติดอยู่อย่างเดียว คือนางจะทำอย่างไรให้โรงน้ำชาของนางเป็นที่เลื่องลือแก่ผู้คน แม้จะมีรสชาติดีก็ใช่ว่าจะเป็นที่จูงใจให้คนมาใช้บริการที่โรงน้ำชาของนาง ต้องมีสิ่งอื่นและแตกต่างจากโรงน้ำชาอื่น ๆ ด้วย“คุณหนูจะเปิดโรงน้ำชาแบบไหนหรือเจ้าคะ?” ชินชินเอ่ยถามคุณหนูของตนเองร่างงามนั่งลงเก้าอี้ นางเอามือขึ้นมาเท้าคางอย่างใช้ความคิด นั่นสิ โรงน้ำชาของนางจะเป็นแบบไหน นางต้องทำยังไง มันเป็นข้อคิดที่คิดยังไงก็คิดไม่ออก“คุณหนูกินซุปไก่ดำไหมเจ้าคะ บ่าวจะไปสั่งกับโรงเตี๊ยมหลัวโปให้เจ้าค่ะ” ชินชินเห็นช่วงนี้คุณหนูของตนใช้ความคิดมากเป็นพิเศษ นางจึงเสนอของกินเพื่อให้ร่างกายคลายความอ่อนล้าเฟิ่งอวี่เหิงมองดูข้างหน้าด้วยแววตาเลื่อนลอย “ซุปไก่ดำของหลัวโปงั้นรึ? เอาสิ แต่ข้าขอขนมจากร้านเซียงเจียวด้วยได้หรือไม่ ขนมของโรงเตี๊ยมหลัวโปไม่ค่อยถูกปากข้าเท่าใดนัก”เฟิ่งอวี่เหิงถอนหายใจออกมา อาหารเหลาของโรงเตี๊ยมหลัวโปรสชาติดีแต่ขนมนั้นตรงกันข้ามเอ๊ะ! เฟิ่งอวี่เหิงฉุกคิดถึงบางอย่าง หากโรงน้ำชาของนางมีดีทั
จวนสกุลเฟิ่งในขณะที่เฟิ่งอวี่เหิงกำลังคิดทำชาหลากหลายรสชาติอยู่ที่ศาลาของจวนอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น กู่ม่านชิงก็ได้มาหาตนที่จวนเหมือนเช่นเคย"เหิงเหิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เสียงใสไพเราะราวกับดนตรีถามสหายของตนด้วยความคิดถึงเฟิ่งอวี่เหิงละมือจากการทำชา เดินไปจับมือสหายของตนให้มานั่งข้างกาย"ข้าสบายดี นี่ข้าคิดว่ากว่าโรงน้ำชาจะสร้างเสร็จคงมีชารสชาติดีไม่น้อยเลย แล้วเจ้าเล่าไม่อยู่เตรียมงามเลี้ยงให้พี่ชายเจ้ารึ?"เฟิ่งอวี่เหิงถามกับสหายตรงหน้าเพราะตนได้ข่าวว่าจวนสกุลกู่เตรียมจัดงานเลี้ยง เพื่อต้อนรับกู่จิ้นอันแม่ทัพใหญ่ประจำเมืองหลวง หรือก็คือพี่ชายของกู่ม่านชิง"เตรียมสิ แต่วันนี้ข้าว่างเลยแวะมาหาเจ้าน่ะ ว่าจะชวนไปซื้อของขวัญให้ท่านพี่เสียหน่อย เจ้าไปเป็นเพื่อนข้าหน่อยนะ"เฟิ่งอวี่เหิงได้ยินเช่นนั้นรีบพยักหน้าตกลงทันที เพราะนางเองก็อยากไปเปิดหูเปิดตาเช่นกัน อีกอย่างตั้งใจไปเดินดูของขวัญให้พี่ชายของสหายตนด้วยขณะที่ทั้งสองกำลังเดินเลือกซื้อของอยู่นั้น กู่ม่านชิงได้เลือกดูของให้พี่ชายตนอันแล้วอันเล่าก็ไม่มีอันไหนถูกใจนางเลยสักชิ้นเดียว"เหิงเหิง เจ้าว่าข้าซื้อของชิ้นไหนให้ท่านพี่ดี ตอนนี
ตอนนี้เมืองหลวงกำลังครึกครื้นเพราะต้อนรับการกลับมาของขบวนแม่ทัพกู่จิ้นอันหลังจากพากองทัพไปปราบกบฏที่ชายแดนเป็นเวลานานกว่าห้าปีจวนสกุลเฟิ่งตอนนี้กู่ม่านชิงมารับสหายที่จวน เพื่อจะชวนนางไปต้อนรับพี่ชายของตนด้วยกัน"เหิงเหิงเจ้าใกล้เสร็จหรือยัง ประเดี๋ยวไม่ทันขบวนของท่านพี่นะ""เหตุใดเจ้าไม่ไปพร้อมท่านป้าเล่า?""ไม่เอา ท่านแม่ก็ไปกับท่านแม่ของเจ้าแล้ว ข้าก็อยากไปกับเจ้าเช่นกัน""...." เฟิ่งอวี่เหิงได้แต่ถอนหายใจกับความเอาแต่ใจของสหาย"ใกล้เสร็จหรือยังงง""ใกล้แล้ว"เสียงของเฟิ่งอวี่เหิงดังออกมาจากห้องแต่งตัวอย่างง่วงนอน เพราะเมื่อคืนนางศึกษาชาจนเกือบรุ่งสาง เพราะคราแรกนางไม่ได้คิดจะไปรอดูขบวนกองทัพอยู่แล้ว แต่กู่ม่านชิงกลับมาหาถึงเรือนตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อรบเร้านางให้ไปด้วยกันร่างหญิงงามล่มเมืองก้าวเดินออกมาจากห้องแต่งตัวชุดสีฟ้าครามลายจวี๋ฮวาสีขาวทำให้ผิวของเฟิ่งอวี่เหิงยิ่งดูเหมือนขาวใสขึ้นอย่างมาก บนมวยผมปักปิ่นลายหูเตี๋ย เป็นลายเครื่องประดับที่นางโปรดปรานกู่ม่านชิงเห็นสหายของตนแต่งตัวงดงามราวกับจะไปร่วมงานเลี้ยงก็อดทักไม่ได้"ไหนเจ้าว่าไม่อยากไปไม่ใช่รึ เหตุใดถึงแต่งตัวราวกับนางเซี
"ลุกขึ้นเถิด""ขอบพระทัยฝ่าบาท"ฮ่องเต้ฟู่เหวยหมิงมองบุคคลที่อยู่เบื้องหน้าตนด้วยความภาคภูมิใจ ชายหนุ่มได้ขึ้นเป็นแม่ทัพในวัยเพียงสิบเจ็ดหนาวเท่านั้น สมกับเป็นบุตรชายของเจ้ากู่หลันจริงๆ"สมแล้วที่ข้าไว้วางใจเจ้าให้ไปปราบกบฏที่ชายแดน ผลงานในครั้งนี้เจ้าทำได้ดียิ่งนัก""มิได้พ่ะย่ะค่ะ ปราบกบฏกระหม่อมคนเดียวคงไม่อาจทำสำเร็จ ทั้งหมดเป็นเพราะทหารทุกนายที่ยอมสละตัวเองเพื่อบ้านเมืองพ่ะย่ะค่ะ"แม่ทัพกู่จิ้นอันกล่าวด้วยน้ำเสียงดังหนักแน่น หากคนที่ตั้งใจฟังดี ๆ จะรู้สึกได้ถึงความเศร้าเสียใจในน้ำเสียงนั้น แม้แต่ฮ่องเต้เองก็รู้สึกได้เช่นเดียวกัน"ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องขอบใจเจ้ารวมทั้งทหารของแคว้นเราทุกคนที่ช่วยกันปกป้องรักษาแคว้นของเราเอาไว้""พ่ะย่ะค่ะ""เดือนหน้าข้าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเจ้า ตอบแทนที่ปราบกบฏสำเร็จ เจ้าเห็นเป็นเช่นไร?"เหล่าบรรดาขุนนางได้ยินอย่างนั้นต่างมองหน้ากัน ฮ่องเต้ทรงถามความเห็นจากแม่ทัพกู่จิ้นอันด้วยตนเอง แสดงว่าคงมีน้ำหนักในพระทัยไม่น้อย"กระหม่อมไม่ต้องการให้มีการจัดงานเลี้ยงพ่ะย่ะค่ะ"อึก! เสียงกลืนน้ำลายของเหล่าบรรดาขุนนางเมื่อได้ยินคำปฏิเสธของกู่จิ้นอัน ท่านแม่ทัพไม่
ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่นั้น จู่ ๆ เฟิ่งฮูหยินก็ร้องออกมาคล้ายว่าเจ็บปวดบางอย่าง เฟิ่งฮูหยินถึงกับบีบมือสามีของตนแน่นด้วยความเจ็บปวด สร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคนในตอนนี้เป็นอย่างมาก"ฮูหยิน เจ้าเป็นอะไร?" เฟิ่งจินหยวนกุมมือของภรรยาด้วยความห่วงใย"โอ๊ย-! ท่านพี่จู่ ๆ ข้าก็เจ็บท้องเจ้าค่ะ""หรือว่าท่านพี่เจ็บท้องจะคลอด?"กู่ฮูหยินแสดงความคิดเห็นออกมาเพราะจากที่นับเดือนการตั้งครรภ์ของเฟิ่งฮูหยินก็ถือว่าถึงเวลาสมควรแล้วอีกอย่างท่าทางเช่นนี้ต้องใช่อย่างแน่นอน ทำเอาผู้คนที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับแตกตื่นด้วยความตกใจปนกับความดีใจจนทำอะไรไม่ถูกเหล่าบรรดาสาวใช้รีบไปตามหมอมาทำคลอดทันที ทำให้สถานการณ์ตอนนี้นั้นวุ่นวายยิ่งนักต่างจากตอนเช้าโดยสิ้นเชิงตอนนี้ทุกคนต่างพากันยืนอยู่ที่หน้าห้องทำคลอดอย่างใจจดใจจ่อกับสิ่งที่กำลังจะเกิดในไม่ช้า"ท่านพ่อ...ข้าตื่นเต้นจังเลยเจ้าค่ะ"เฟิ่งอวี่เหิงยื่นอยู่ใกล้ ๆ บิดาที่กำลังมีสีหน้าตื่นเต้นไม่แพ้กัน"พ่อก็เช่นกัน"ในขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ การรอคอยก็ได้สิ้นสุดลงเมื่อได้ยินเสียงเด็กทารกที่กำลังร้องออกมาพร้อมกับประตูที่เปิดออก"ย
"เดี๋ยว!!"เฟิ่งอวี่เหิงชะงักไปครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้หันกลับไปมองแต่อย่างใด นางไม่อยากให้กู่จิ้นอันเห็นน้ำตาที่กำลังไหลริน ในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเฟิ่งอวี่เหิงคิดว่าอย่างไรวันนี้ก็มาแล้ว พูดให้จบเสียตอนนี้เลยดีกว่า เพราะหากกลับไปโดยที่ยังไม่ได้พูดอะไรก็จะเป็นการค้างคาใจต่อกันอีก พอคิดได้เช่นนั้นนางก็พ่นลมหายใจออกมาเพื่อกลั้นอารมณ์ที่เก็บความเสียใจไว้อยู่"ข้ารู้ว่าสิ่งที่ข้าทำไปมันผิด เพราะข้าแค่อยากปกป้องตัวเองจากคนที่คิดไม่ดีต่อข้า และที่วางแผนไปทั้งหมดโดยที่ไม่ได้บอกท่าน เพราะข้ากลัวว่าท่านจะไม่ยอมให้ข้าทำเช่นนี้ ดีไม่ดีท่านอาจจะห้ามข้าไม่ให้ข้าไปร่วมงานด้วยซ้ำ เพราะข้ารู้ว่าท่านนั้นเป็นห่วงข้าเพียงใด และข้าก็รู้ว่าท่านไม่ยอมให้ข้าต้องเจ็บตัวอย่างแน่นอน"เฟิ่งอวี่เหิงหยุดพูดไปครู่หนึ่งเพื่อดูท่าทีของอีกฝ่ายทว่ากู่จิ้นอันก็ยังไม่มีท่าทีตอบรับแต่อย่างใด แต่ไม่ว่าอย่างไรเฟิ่งอวี่เหิงก็ตัดสินใจพูดต่อไป เพราะหากไม่พูดวันนี้ วันต่อไปอาจจะไม่ได้พูดอีกย่อมเป็นได้"ที่ข้าต้องทำเช่นนี้กับอี้หลิงฟาง เพราะคนเช่นนางหากไม่โดนเหมือนที่กระทำกับผู้อื่นบ้างก็คงไม่หยุดคิดร้ายเช่นกัน คนเช่นนางน
เช้าวันใหม่วันนี้เฟิ่งอวี่เหิงลุกขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่เช้า เพราะวันนี้นางมีที่จะไปคือจวนสกุลกู่หลังจากที่เมื่อคืนได้พูดคุยกับบิดาแล้ว เฟิ่งอวี่เหิงก็ได้ตัดสินใจทำตามที่กู่ม่านชิงและบิดาแนะนำ คือในเมื่อเขาไม่มาเราก็ต้องไปหา จะได้ปรับความเข้าใจกันสักทีวันนี้นางใส่ชุดสีขาวปักด้วยลายหมู่ตานทำให้ดูสวยงามยิ่งนักชินชินสาวใช้คนสนิทยกถาดปิ่นมาให้เฟิ่งอวี่เหิงเลือก พร้อมกับเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม"คุณหนูวันนี้ปักปิ่นอันไหนดีเจ้าคะ?"สายตาของเฟิ่งอวี่เหิงมองดูปิ่นในถาดที่ชินชินยกมา ได้ไปสะดุดกับปิ่นชิ้นหนึ่งเป็นปิ่นลายหูเตี๋ยสีฟ้า จึงเอื้อมไปหยิบขึ้นมาดูด้วยสายตาเปล่งประกายนางจำได้ว่าปิ่นชิ้นนี้เป็นชิ้นแรกที่กู่จิ้นอันซื้อให้ตอนที่ไปเที่ยวตลาดด้วยกัน ทว่าตั้งแต่ที่ได้มายังไม่เคยปักเลยสักครั้ง'ข้าเอาใจท่านขนาดนี้หากท่านยังไม่หายโกรธ ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว'คิดได้อย่างนั้นเฟิ่งอวี่เหิงจึงให้ชินชินปักปิ่นชิ้นนี้ให้นางหลังจากที่ทำอะไรเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เฟิ่งอวี่เหิงจึงเดินทางไปยังจวนสกุลกู่ตามที่คาดหวังไว้ทันทีใช้เวลาราวสองเค่อก็มาถึงที่หมาย เฟิ่งอวี่เหิงเดินเข้าไปข้างในโดยมีสาวใช้นำทางให้น
"อะไร?" กู่ม่านชิงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่เฟิ่งอวี่เหิงถาม"ข้ารู้นะว่าวันนั้นเจ้าไปไหนกับรุ่ยอ๋อง บอกข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ""ก็แค่ไปกินข้าวด้วยกัน มีอะไรให้น่าตื่นเต้นกัน"แม้ปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่แก้มของกู่ม่านชิงตอนนี้กลับแดงระเรื่อขึ้นมา ทำเอาเฟิ่งอวี่เหิงถึงกับหลุดหัวเราะให้กับท่าทางของสหาย"ก็ได้ ๆ ข้าเชื่อเจ้าก็ได้"เห็นว่าถูกล้อเลียนจากสหาย กู่ม่านชิงก็ได้แต่ย่นจมูกใส่หญิงสาวตรงหน้า"แล้วรุ่ยอ๋องดีกับเจ้าหรือไม่?" ท้ายเสียงมีความห่วงใย"ก็ดีนะ...” กู่ม่านชิงทำท่าครุ่นคิดถึงคำพูดในวันนั้น “นี่เหิงเหิง รุ่ยอ๋องบอกจะพาข้าไปท่องเที่ยวเมืองอื่นด้วย"คิดถึงเรื่องนี้ทีไรกู่ม่านชิงถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ เพราะตื่นเต้นเรื่องที่ตนจะได้ไปเที่ยวตามที่เคยปรารถนาเอาไว้ เมื่อมีคนจะทำปรารถนาของนางให้เป็นจริง มีรึกู่ที่นางจะปิดบัง"ไหนเจ้าว่าไม่ตื่นเต้น?""ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว"กู่ม่านชิงที่โดนหยอกล้อเช่นนั้นถึงกับแง่งอนเพราะความเขินอาย เฟิงอวี่เหิงก็ได้แต่ยิ้มขำให้กับท่าทีเช่นนี้ สตรีสองคนนั่งคุยกันจนถึงช่วงบ่าย กู่ม่านชิงก็ขอตัวกลับจวนของตนในขณะที่กู่ม่านชิงกำลังออกจากโรงน้ำชาของเฟิ่
"เรื่องที่พาเจ้าไปเที่ยวยังเมืองต่าง ๆ เป็นข้าแทนได้หรือไม่?""ฮ่า ฮ่า ฮ่า พระองค์ทรงล้อหม่อมฉันเล่นอีกแล้ว"กู่ม่านชิงแสร้งหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำพูดของคนที่จะพานางไปเที่ยว จะให้นางเชื่อได้อย่างไรว่ารุ่ยอ๋องจะพานางไปได้ ในเมื่อตำแหน่งนั้นที่ติดตัวอยู่นั้นมากด้วยภาระและหน้าที่ จะทิ้งภาระเพราะว่าจะพานางไปเที่ยวอย่างนั้นรึ ไม่ว่าอย่างไรกู่ม่านชิงก็ไม่เชื่อเด็ดขาด"..." ฟู่เฟยเทียนในขณะที่ฟู่เฟยเทียนกำลังจะบอกเรื่องบางอย่างกับกู่ม่านชิงนั้น เสี่ยวเอ้อก็นำอาหารที่สั่งเข้ามาก่อน ทำให้บทสนทนานั้นต้องยุติลงเพื่อที่ทั้งคู่จะได้รับประทานอาหารกันในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังรับประทานอาหารด้วยกันอย่างเงียบ ๆ นั้น ฟู่เฟยเทียนก็ได้เอ่ยปากขึ้นมา"ชิงเอ๋อร์ เรื่องที่ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยว ข้าพูดความจริง เพราะนั่นก็เป็นความฝันของข้าเช่นกัน" น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงจัง"พระองค์จะไปท่องเที่ยวได้อย่างไรเพคะ ในเมื่อพระองค์เป็นรุ่ยอ๋อง เว้นเสียแต่พระองค์จะไม่ได้เป็นท่านอ๋องแล้ว"กู่ม่านชิงยังคงไม่เชื่อคำพูดของฟู่เฟยเทียน เพราะตราบใดที่ฟู่เฟยเทียนยังเป็นอ๋องอยู่ก็ไปไหนตามอำเภอใจไม่ได้ เพราะภาระที่ต้องดูแลประชา
ทันทีที่เห็นว่าเป็นฟู่เฟยเทียนคิ้วงามก็ขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เพราะกู่ม่านชิงนั้นคิดว่าฟู่เฟยเทียนตามกู่จิ้นอันออกไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่ายังไม่ไปไหน"จะไปไหน""ไปหาท่านพี่จิ้นอันเพคะ หม่อมฉันต้องอธิบายให้ท่านพี่จิ้นอันเข้าใจ""ไม่ต้องไป""ไม่ได้เพคะ ต้องไป"กู่ม่านชิงเริ่มจะไม่เข้าใจในการกระทำของฟู่เฟยเทียน นอกจากจะรั้งไม่ให้นางไปอธิบายเรื่องที่เฟิ่งอวี่เหิงกับนางวางแผนให้กู่จิ้นอันฟัง ยังจับมือนางไม่ปล่อยอีก"ข้าหิวข้าว""หิวก็ไปกินสิเพคะ""เจ้าต้องไปกินกับข้าด้วย""หม่อมฉันไม่หิวเพคะ หม่อมฉัน...ว้าย! รุ่ยอ๋องปล่อยมือหม่อมฉันก่อนเพคะ"ฟู่เฟยเทียนนั้นไม่ฟังกู่ม่านชิงพูดแต่อย่างใด ชายหนุ่มดึงมือของกู่ม่านชิงลงบันไดไปยังชั้นล่างเพื่อเดินทางไปยังโรงเตี๊ยมทันที"รุ่ยอ๋อง ได้โปรดปล่อยมือของหม่อมฉันก่อนเพคะ หากมีผู้ใดเห็นพระองค์จะเสื่อมเสียชื่อเสียงเอานะเพคะ" น้ำเสียงที่พยายามออดอ้อนให้ฟู่เฟยเทียนปล่อยมือ"เจ้าก็ต้องรับผิดชอบข้า เพราะเจ้าเป็นคนทำให้ข้าเสียชื่อเสียงเป็นที่ครหาของชาวบ้าน แล้วก็คงไม่มีสตรีใดอยากแต่งงานกับข้าเพราะว่าข้านั้นเสียชื่อเสียงไปแล้ว เพราะฉะนั้น เจ้าต้องรับผิดชอบ
น้ำเสียงที่คนฟังก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้กู่ม่านชิงนั้นคิดสิ่งใดอยู่"ข้าว่าอย่าเพิ่งกังวลเรื่องที่ยังไม่เกิดเลยจะดีกว่า เจ้านั่นแหละเหิงเหิง เหตุใดถึงยอมให้คนพวกนั้นทำร้ายเจ้าได้ ไม่ใช่ว่าเจ้าเตรียมพร้อมอยู่แล้วรึ?" คราวนี้เป็นกู่ม่านชิงถามคำถาม"ข้าเตรียมใจไว้แล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าพวกนั้นจะเลวทรามขนาดนั้น""เจ้านี่น่ะ ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังหากท่านพี่ไปช่วยเจ้าไม่ทันเจ้าจะทำอย่างไร""เอาน่า เรื่องมันผ่านมาแล้วเจ้าจะบ่นข้าทำไมกัน อีกอย่างข้าก็ไม่ยอมตกเป็นเมียของคนพวกนั้นอยู่แล้ว และตอนนี้อี้หลิงฟางก็ได้รับผลกรรมที่ก่อแล้ว" น้ำเสียงที่พูดขึ้นอย่างสบายใจ คล้ายกับว่าไม่ได้ตื่นตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเลยแม้แต่น้อยเพราะก่อนที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับเฟิ่งอวี่เหิง ทั้งคู่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนของอี้หลิงฟางที่ต้องการทำให้เฟิ่งอวี่เหิงนั้นเสื่อมเสียชื่อเสียงตั้งแต่ที่ซูเฟยซื่อมาหาเฟิ่งอวี่เหิงในตอนนั้น ได้เตือนเรื่องอี้หลิงฟางกับนาง ทำให้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเฟิ่งอวี่เหิงก็ได้ส่งคนไปเฝ้าติดตามดูอี้หลิงฟางตลอดอย่างไม่คาดสายตาทุกฝีก้าวซึ่งก็เป็นไปตามที่ซูเฟยซื่อได้คาดการณ์ไว้ อี้
กู่จิ้นอันเอ่ยถามน้องสาวของตัวเองที่กำลังจะออกจากจวนด้วยท่าทีเร่งรีบ"ข้าจะไปหาเหิงเหิงเจ้าค่ะ ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ"กู่ม่านชิงพูดจบก็วิ่งขึ้นรถม้าทันทีไม่รีรอ จนตัวกู่จิ้นอันเองยังรู้จักแปลกใจกับท่าทีของน้องสาวตนเอง เพราะปกติหากนางไปข้างนอก กู่ม่านชิงต้องมาออดอ้อนขอตั๋วเงินกับเขาเพื่อไปซื้อสิ่งของต่าง ๆ ตามที่นางต้องการแต่นี่อะไร? นอกจากจะไม่มาออดอ้อนตนแล้ว ยังทำท่าทางคล้ายกับว่าพยายามหลบหน้าใครบางคน แม้ว่าจะสงสัยว่าตัวกู่ม่านชิงหลบหน้าฟู่เฟยเทียน แต่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะฟู่เฟยเทียนก็แวะเวียนมาที่จวนประจำ แล้วนางเป็นอันใดกัน?ในขณะที่กู่จิ้นอันกำลังสงสัยกับท่าทีของน้องสาวตัวเองที่แปลกไปอยู่นั้น กลับมีใครบางคนนั่งอมยิ้มกับท่าทางของกู่ม่านชิงที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าท่าทางของนางนั้นกำลังหลบหน้าเขาอยู่อย่างแน่นอนเมื่อบรรยากาศกลับมาเงียบสงบแล้ว สองบุรุษก็นั่งพูดคุยกับถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้"เรื่องนั้นจะเริ่มเมื่อใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”"ทันทีที่เสด็จพี่พร้อมก็เริ่มได้เลย""แล้วท่านจะออกจากตำแหน่งรุ่ยอ๋องหรือไม่?""หากตำแหน่งนี้มันรั้งข้าไว้ให้อยู่แต่ในเมืองหลวง ข้าก็คงต้องขอให้เสด็จพ่อ
ในขณะที่ทั้งคู่พากันโทษแต่ผู้อื่นที่ทำให้พวกตนต้องมาเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้อยู่นั้น ประตูเรือนก็ถูกเปิดออกโดยสาวใช้กลุ่มหนึ่งเมื่อเปิดประตูแล้วสาวใช้ประมาณสองถึงสามคนก็พากันไปเก็บสิ่งของภายในเรือนตามคำสั่งของเจ้าของจวนทันที"เดี๋ยว! พวกเจ้าจะเก็บของข้าไปไหน?""พวกข้าได้คำสั่งมาว่าให้เก็บของออกจากเรือนนี้ให้หมดเพื่อให้พวกท่านสองแม่ลูกได้ออกบวชตลอดชีวิต"ตอนนี้แม้แต่สาวใช้ยังพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง ซือจินและอี้หลิงฟางไร้ซึ่งความเคารพจากบรรดาสาวใช้ ทั้งที่แต่ก่อนคนพวกนี้เคยเป็นที่รองมือรองเท้าให้พวกนาง แต่ตอนนี้แม้แต่ก้มหัวให้ก็ยังไม่มี"เจ้าว่าอะไรนะ? ใครจะไปบวชตลอดชีวิตกัน?" อี้หลิงฟางเอ่ยถามอย่างสงสัย"ก็พวกท่านสองคนแม่ลูกอย่างไรเล่า ฮูหยินเอกมีคำสั่งว่าให้พวกท่านทั้งสองคนไปบวชที่วัด ถือศีลภาวนา สำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำไป แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก""ใครทำอะไรผิด ฟางเอ๋อร์ทำเรื่องแค่นี้ถึงกับกล้าออกคำสั่งให้พวกข้าออกบวชตลอด มันจะไม่มากไปหน่อยรึ?"ซือจินยังคงโวยวายไม่ยอมรับกับคำสั่งที่ตัวเองได้รับ แค่เรื่องที่อี้หลิงฟางทำไม่เห็นต้องมาออกคำสั่งถึงขั้นให้พวกนางสองคนแม่ลูกต้องไปบว