"ลุกขึ้นเถิด""ขอบพระทัยฝ่าบาท"ฮ่องเต้ฟู่เหวยหมิงมองบุคคลที่อยู่เบื้องหน้าตนด้วยความภาคภูมิใจ ชายหนุ่มได้ขึ้นเป็นแม่ทัพในวัยเพียงสิบเจ็ดหนาวเท่านั้น สมกับเป็นบุตรชายของเจ้ากู่หลันจริงๆ"สมแล้วที่ข้าไว้วางใจเจ้าให้ไปปราบกบฏที่ชายแดน ผลงานในครั้งนี้เจ้าทำได้ดียิ่งนัก""มิได้พ่ะย่ะค่ะ ปราบกบฏกระหม่อมคนเดียวคงไม่อาจทำสำเร็จ ทั้งหมดเป็นเพราะทหารทุกนายที่ยอมสละตัวเองเพื่อบ้านเมืองพ่ะย่ะค่ะ"แม่ทัพกู่จิ้นอันกล่าวด้วยน้ำเสียงดังหนักแน่น หากคนที่ตั้งใจฟังดี ๆ จะรู้สึกได้ถึงความเศร้าเสียใจในน้ำเสียงนั้น แม้แต่ฮ่องเต้เองก็รู้สึกได้เช่นเดียวกัน"ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องขอบใจเจ้ารวมทั้งทหารของแคว้นเราทุกคนที่ช่วยกันปกป้องรักษาแคว้นของเราเอาไว้""พ่ะย่ะค่ะ""เดือนหน้าข้าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเจ้า ตอบแทนที่ปราบกบฏสำเร็จ เจ้าเห็นเป็นเช่นไร?"เหล่าบรรดาขุนนางได้ยินอย่างนั้นต่างมองหน้ากัน ฮ่องเต้ทรงถามความเห็นจากแม่ทัพกู่จิ้นอันด้วยตนเอง แสดงว่าคงมีน้ำหนักในพระทัยไม่น้อย"กระหม่อมไม่ต้องการให้มีการจัดงานเลี้ยงพ่ะย่ะค่ะ"อึก! เสียงกลืนน้ำลายของเหล่าบรรดาขุนนางเมื่อได้ยินคำปฏิเสธของกู่จิ้นอัน ท่านแม่ทัพไม่
หลายวันต่อมากู่ม่านชิงแต่งตัวอย่างอารมณ์ดีเพราะวันนี้ตั้งใจจะให้พี่ชายพาไปเที่ยวตลาดขณะที่กำลังเดินไปยังเรือนรับรอง นางก็ได้ยินเสียงบุรุษสองคนกำลังพูดคุยกัน กู่ม่านชิงจำได้ดีว่าเสียงหนึ่งเป็นเสียงของพี่ชาย แต่บุรุษอีกผู้นั้นไม่คุ้นชิน"วันนี้เจ้าจะไปค่ายทหารกับข้าใช่หรือไม่?" เสียงบุรุษที่ไม่ใช่เสียงกู่จิ้นอันเอ่ยถาม"ไม่ได้!!!"กู่ม่านชิงได้ยินเช่นนั้นก็ตะโกนออกไปทันที แล้วรีบพาตัวเองเดินเข้าไปยังเรือนรับรองเพื่อไปดูหน้าของคนที่มาแย่งตัวพี่ชายของตนเองไปทั้งที่นางตั้งใจจะมาชวนพี่ชายไปเดินตลาด บุรุษผู้นั้นกล้าดียังไงมาชวนตัดหน้านาง หากจะมาแย่งพี่ชายนางไป คงต้องได้จับเข่าคุยกันเสียหน่อยแล้วแต่พอเดินเข้าไปถึงกู่ม่านชิงถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าคนที่มาชวนกู่จิ้นอันคือผู้ใด"ระ... รุ่ยอ๋อง""องค์ชาย" ฟู่เฟยเทียนย้ำกับสตรีที่มองมาทางตนด้วยแววตาเบิกกว้างกู่ม่านชิงได้สติจึงรีบทำความเคารพทันที"ถวายพระพรองค์ชาย ขออภัยที่หม่อมฉันเสียมารยาทเพคะ"กู่ม่านชิงย่อคำนับทำความเคารพด้วยความอ่อนช้อย ก่อนจะหันไปหาพี่ชายของตนด้วยแววตาน่าสงสาร"ท่านพี่จะไปไหนรึเจ้าคะ?"กู่จิ้นอันเห็นแวว
จวนสกุลเฟิ่ง ณ ศาลาประจำจวนหญิงงามอยู่ในชุดสีเขียวอ่อนกำลังเพลิดเพลินกับการชิมชาที่ตนทำขึ้นมาอย่างภูมิใจ เพราะอีกไม่กี่อาทิตย์โรงน้ำชาของนางก็จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว“เป็นเช่นไรบ้าง วันนี้ข้านำขนมจากต่างเมืองมาฝากเจ้าด้วย” เสียงหวานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ขอบใจ” เฟิ่งอวี่เหิงรับขนมจากสหายมาด้วยรอยยิ้ม แล้วให้สาวรับใช้นำไปเก็บให้เรียบร้อย"พรุ่งนี้ข้าว่าจะชวนเจ้าไปเดินตลาดเป็นเพื่อนข้าหน่อย""แล้วเหตุใดถึงไม่ไปวันนี้?"เฟิ่งอวี่เหิงถามคนตรงหน้าอย่างสงสัย ในเมื่อไปวันนี้ย่อมได้ ทำไมต้องรอไปเดินพรุ่งนี้"ก็วันนี้พี่ชายของข้าไม่ว่าง พี่ไปค่ายทหารกับองค์รัชทายาท เลยว่าจะพาข้าไปตลาดในวันพรุ่งนี้แทน"ยิ่งสหายตนพูดเฟิ่งอวี่เหิงยิ่งคิ้วขมวดเข้าหากัน"ในเมื่อเจ้าไปกับท่านแม่ทัพแล้วจะให้ข้าไปด้วยอีกทำไมกัน""เหิงเหิงถึงข้าจะมีพี่ชายไปด้วย แต่อย่างไรบุรุษก็คือบุรุษ จะไปรู้ใจสตรีได้อย่างไรกัน อีกอย่างเจ้าเป็นสหายของข้า ย่อมรู้ใจข้ามากกว่าพี่ข้าแน่นอน" น้ำเสียงที่มีความออดอ้อนเฟิ่งอวี่เหิงได้แต่ถอนหายใจออกมา ถูกกู่ม่านชิงอ้อนขนาดนี้ใครจะกล้าปฏิเสธลงสองสาวงามนั่งพูดคุยกันไปได้สักพัก กู่ม่านชิงก็ขอตัวลากลับจว
จวนสกุลกู่กู่จิ้นอันเดินมาที่เรือนใหญ่ เห็นบิดามารดาของตนนั่งดื่มน้ำชากันอยู่แต่ไร้เงาของน้องสาว"ชิงเอ๋อร์ยังไม่กลับมาหรือขอรับ""ยังหรอก หากไปหาอาเหิงคงจะกลับยามเย็นเลย" กู่ฮูหยินตอบคำถามบุตรชาย"นางไปหาอาเหิงตลอดเลยหรือขอรับ""ก็ตั้งแต่ที่อาเหิงถอนหมั้นกับองค์ชายสาม ชิงเอ๋อร์ก็ไปหาอาเหิงตลอด ช่วงนี้พวกนางตัวติดกันยิ่งกว่าอะไรดี"'ถอนหมั้นรึ'กู่จิ้นอันพึมพำอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ชายหนุ่มอยู่คุยกับบิดามารดาสักพักก็ขอตัวกลับเรือนตนเพื่อพักผ่อนหลังจากที่กู่จิ้นอันเดินมาถึงเรือนของตนเอง เขาเดินไปยังห้องนอนทันที และไปหยิบของที่อยู่ใต้หมอนออกมา เป็นผ้าเช็ดหน้าผืนเก่าที่สีซีดตามกาลเวลาขึ้นมาดูด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาวันต่อมาสองพี่น้องสกุลกู่ใช้เวลาราวหนึ่งเค่อก็ถึงจวนสกุลเฟิ่ง ทั้งสองคนพากันเดินลงจากรถม้าเข้าไปภายในจวน ก็พบท่านประมุขทั้งสองนั่งจิบชาอยู่ยังเรือนรับรอง"คารวะท่านลุง ท่านป้าขอรับ/เจ้าค่ะ""หลานมารับเหิงเหิงไปเที่ยวตลาดเจ้าค่ะ" กู่ม่านชิงเอ่ยกับผู้ใหญ่ทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงใสใต้เท้าเฟิ่งและเฟิ่งฮูหยินยิ้มให้ทั้งสองคนด้วยความเอ็นดู"อาเหิงกำลังแต่งตัวอยู่ ประเดี
"ชอบชิ้นนี้รึ?"เฟิ่งอวี่เหิงสะดุ้งตัวตกใจเล็กน้อย นางหันไปหาคนที่เอ่ยถามตน"ท่านแม่ทัพ"“...”ได้ยินคำว่าท่านแม่ทัพจากปากหญิงงามตรงหน้าถึงสามครั้งสามครา กู่จิ้นอันถึงกับมีสีหน้าอึมครึม"เหตุใดถึงไม่เรียกข้าว่าท่านพี่จิ้นอันอย่างที่เจ้าเคยเรียก?""เอ๊ะ!” เฟิ่งอวี่เหิงตกใจกับคำพูดของกู่จิ้นอันจนเผลออุทานออกมา"เหตุใดถึงไม่เรียกข้าเหมือนอย่างเคย?"เฟิ่งอวี่เหิงได้ยินคำถามที่ถามย้ำกับตนถึงสองครั้งเช่นนั้น จึงได้อธิบายสาเหตุให้กู่จิ้นอันฟัง“ที่ข้าเรียกเช่นนี้เพราะท่านเป็นท่านแม่ทัพที่ผู้คนต่างพากันยำเกรงและนับถือเจ้าค่ะ”แม้จะสนิทกันเพียงใด แต่ก็เมื่อนานมาแล้ว นางไม่อาจตีตัวเสมอบุรุษตรงหน้าได้ เขาเป็นที่เคารพนับถือของบรรดาทหาร แถมมีตำแหน่งใหญ่โต“แต่ข้าอยากให้เจ้าเรียกว่าท่านพี่จิ้นอันเช่นเดิม ได้หรือไม่?”เฟิ่งอวี่เหิงเม้มปากเป็นเส้นตรง นางสบตากับดวงตาที่มองดูนางอย่างล้ำลึก"เจ้าค่ะ ท่านพี่จิ้นอัน"ได้คำเรียกอย่างที่หวังแล้ว กู่จิ้นอันแสร้งหันไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนสีหน้าของตนที่กำลังยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ จากนั้นก็หันหน้ากลับมาเช่นเดิม"ชอบปิ่นนี้รึ?" เสียงทุ้มเอ่ยถาม"เจ้าค่ะ ข้าชอบปิ
"ข้าให้""ให้ข้าหรือเจ้าคะ"เฟิ่งอวี่เหิงมีสีหน้างุนงงกับของที่กู่จิ้นอันยื่นมาให้ตน ดูจากกล่องแล้วคงเป็นของที่มีราคามากเป็นแน่"ถือว่าเป็นของตอบแทนขนมที่เจ้าจะให้ข้า""ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แค่ขนมเท่านั้นข้าเต็มใจให้ท่านอยู่แล้ว"เฟิ่งอวี่เหิงไม่อยากเอาเปรียบกู่จิ้นอันมากเกินไป แค่ขนมที่กินกับน้ำชาจะไปสู้ราคาของที่กู่จิ้นอันมอบให้ได้เช่นไร ดูอย่างไรก็ไม่เหมาะสม"ข้าก็เต็มใจให้เจ้าเช่นกัน" น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงจัง“ไม่เจ้าค่ะ”“ข้าเต็มใจ”“ยังไงก็ไม่เจ้าค่ะ” เฟิ่งอวี่เหิงยังคงย้ำคำเดิม“อาเหิงกำลังปฏิเสธข้าอยู่รึ?”โดนกู่จิ้นอันพูดเช่นนั้นเฟิ่งอวี่เหิงถึงกับเม้มปากเป็นเส้นตรง นางไม่รู้จะปฏิเสธบุรุษที่เอาแต่ใจผู้นี้อย่างไรดี"ถ้าเช่นนั้น ข้าขอบคุณท่านพี่จิ้นอันมากนะเจ้าคะ"เฟิ่งอวี่เหิงรับกล่องไม้มาจากกู่จิ้นอันมาแต่โดยดี เพราะดูแล้วก็ไม่ชนะความเอาแต่ใจของเขาแน่นอนกู่จิ้นอันยิ้มอย่างพอใจแล้วแสร้งหันไปทางอื่นก่อนแล้วพูดพึมพำออกมาเหมือนจะให้ได้ยินแค่สองคน"ใส่ให้ข้าดูด้วยเล่า"เสียงที่เหมือนบ่นพึมพำคล้ายไม่ให้ได้ยิน แต่เฟิ่งอวี่เหิงที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ นั้นได้ยินชัดเจน ใบหน้าของนางถึงกับเห่
ราวสองเค่อ เฟิ่งจินหยวนได้ลืมตาตื่นฟื้นขึ้นมาด้วยท่าทางที่ยังไม่หายจากอาการตกใจเพราะความตื่นเต้น พอได้สติแล้วรีบลุกขึ้นไปหาฮูหยินตนทันที"ข้าหลับไปนานเท่าใด?""ราวสองเค่อเจ้าค่ะท่านลุง" น้ำเสียงกู่ม่านชิงมีความปนขำเล็กน้อยชายวัยกลางคนนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนเป็นลมล้มพับ ไม่รู้เป็นเพราะเหนื่อยที่รีบกลับมาที่จวนหรือเพราะดีใจจนเกินไป แต่พอมาคิดดูอีกทีกลับรู้สึกอับอายที่บุรุษอย่างตนต้องมาเป็นลมต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้"ฮูหยินที่ท่านหมอพูดเป็นเรื่องจริงรึ?" เฟิ่งจินหยวนถามย้ำกับภรรยาตนเพื่อความแน่ใจเฟิ่งฮูหยินพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม "เจ้าค่ะ"ได้ยินคำยืนยันแน่ชัดแล้วว่าตนไม่ได้หูฝาดไป เฟิ่งจินหยวนก็เดินเข้าไปโอบกอดภรรยาของตนด้วยความดีใจทันที"ขอบใจเจ้ามาก ขอบใจจริง ๆ" น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความสุขขณะที่เฟิ่งจินหยวนกำลังกอดภรรยาตัวเองนั้นก็ได้ผละตัวออกมาแล้วหันไปมองรอบ ๆ เรือน"แล้วอาเหิงกับจิ้นอันเล่า?"ตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมาเห็นเพียงกู่ม่านชิงและสาวรับใช้ที่คอยอยู่ปรนนิบัติเท่านั้น แต่ไร้เงาของทั้งสองคน"อาเหิงกับจิ้นอันออกไปส่งท่านหมอเจ้าค่ะ"เฟิ่งจินหยวนพยักหน้าให้กับคำตอบของภรรยาตน แล้วก็พ
ในขณะใบหน้างามกำลังบูดบึ้งอยู่นั้น สายตาของนางก็มองเห็นสตรีนางหนึ่งอยู่ในชุดสีฟ้าปักด้วยลายจวี๋ฮวาสีขาวกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับบิดา ใบหน้ากู่ม่านชิงถึงกับคลี่ยิ้มออกมา"เหิงเหิงมาแล้ว" น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความดีใจวันนี้เฟิ่งจินหยวนมางานเลี้ยงกับบุตรสาวเพียงสองคน เนื่องจากภรรยาของตนตั้งครรภ์อ่อนอยู่ อยู่ในช่วงระวังตัวจึงไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานเลี้ยงด้วยได้"เชิญท่านลุงกับอาเหิงทางนี้ขอรับ"กู่จิ้นอันเอ่ยชวนทั้งสองคนให้ไปที่โต๊ะที่เตรียมไว้"ของขวัญจากข้า"เฟิ่งจินหยวนยื่นกล่องไม้ลายประณีตให้กับกู่จิ้นอัน ก่อนจะเดินตามบ่าวในจวนไปยังโต๊ะรับรองของตน"อันนี้จากข้าเจ้าค่ะ"เฟิ่งอวี่เหิงยื่นภาพวาดอาชาที่ม้วนไว้อย่างดีให้กับกู่จิ้นอัน จากนั้นก็เดินเข้าไปในงานพร้อมกับกู่ม่านชิง ทิ้งไว้เพียงกู่จิ้นอันที่ยืนยิ้มดีใจอยู่คนเดียวทั้งสองคนนั่งในงานได้สักพักก็รู้สึกเบื่อหน่าย จึงพากันออกมาเดินเล่นที่สวนดอกไม้ของสกุลกู่ ดอกไม้นานาพรรณที่กำลังแข่งกันผลิดอกออกจึงเป็นสวนที่งดงามไม่น้อย หลังจากเดินแล้ว ทั้งสองคนพากันมานั่งจิบชาที่ศาลากลางสระน้ำขนาดใหญ่เพราะในงานเลี้ยงไม่มีอะไรให้สนใจอยู่แล้วในขณะที่ทั
ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่นั้น จู่ ๆ เฟิ่งฮูหยินก็ร้องออกมาคล้ายว่าเจ็บปวดบางอย่าง เฟิ่งฮูหยินถึงกับบีบมือสามีของตนแน่นด้วยความเจ็บปวด สร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคนในตอนนี้เป็นอย่างมาก"ฮูหยิน เจ้าเป็นอะไร?" เฟิ่งจินหยวนกุมมือของภรรยาด้วยความห่วงใย"โอ๊ย-! ท่านพี่จู่ ๆ ข้าก็เจ็บท้องเจ้าค่ะ""หรือว่าท่านพี่เจ็บท้องจะคลอด?"กู่ฮูหยินแสดงความคิดเห็นออกมาเพราะจากที่นับเดือนการตั้งครรภ์ของเฟิ่งฮูหยินก็ถือว่าถึงเวลาสมควรแล้วอีกอย่างท่าทางเช่นนี้ต้องใช่อย่างแน่นอน ทำเอาผู้คนที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับแตกตื่นด้วยความตกใจปนกับความดีใจจนทำอะไรไม่ถูกเหล่าบรรดาสาวใช้รีบไปตามหมอมาทำคลอดทันที ทำให้สถานการณ์ตอนนี้นั้นวุ่นวายยิ่งนักต่างจากตอนเช้าโดยสิ้นเชิงตอนนี้ทุกคนต่างพากันยืนอยู่ที่หน้าห้องทำคลอดอย่างใจจดใจจ่อกับสิ่งที่กำลังจะเกิดในไม่ช้า"ท่านพ่อ...ข้าตื่นเต้นจังเลยเจ้าค่ะ"เฟิ่งอวี่เหิงยื่นอยู่ใกล้ ๆ บิดาที่กำลังมีสีหน้าตื่นเต้นไม่แพ้กัน"พ่อก็เช่นกัน"ในขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ การรอคอยก็ได้สิ้นสุดลงเมื่อได้ยินเสียงเด็กทารกที่กำลังร้องออกมาพร้อมกับประตูที่เปิดออก"ย
"เดี๋ยว!!"เฟิ่งอวี่เหิงชะงักไปครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้หันกลับไปมองแต่อย่างใด นางไม่อยากให้กู่จิ้นอันเห็นน้ำตาที่กำลังไหลริน ในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเฟิ่งอวี่เหิงคิดว่าอย่างไรวันนี้ก็มาแล้ว พูดให้จบเสียตอนนี้เลยดีกว่า เพราะหากกลับไปโดยที่ยังไม่ได้พูดอะไรก็จะเป็นการค้างคาใจต่อกันอีก พอคิดได้เช่นนั้นนางก็พ่นลมหายใจออกมาเพื่อกลั้นอารมณ์ที่เก็บความเสียใจไว้อยู่"ข้ารู้ว่าสิ่งที่ข้าทำไปมันผิด เพราะข้าแค่อยากปกป้องตัวเองจากคนที่คิดไม่ดีต่อข้า และที่วางแผนไปทั้งหมดโดยที่ไม่ได้บอกท่าน เพราะข้ากลัวว่าท่านจะไม่ยอมให้ข้าทำเช่นนี้ ดีไม่ดีท่านอาจจะห้ามข้าไม่ให้ข้าไปร่วมงานด้วยซ้ำ เพราะข้ารู้ว่าท่านนั้นเป็นห่วงข้าเพียงใด และข้าก็รู้ว่าท่านไม่ยอมให้ข้าต้องเจ็บตัวอย่างแน่นอน"เฟิ่งอวี่เหิงหยุดพูดไปครู่หนึ่งเพื่อดูท่าทีของอีกฝ่ายทว่ากู่จิ้นอันก็ยังไม่มีท่าทีตอบรับแต่อย่างใด แต่ไม่ว่าอย่างไรเฟิ่งอวี่เหิงก็ตัดสินใจพูดต่อไป เพราะหากไม่พูดวันนี้ วันต่อไปอาจจะไม่ได้พูดอีกย่อมเป็นได้"ที่ข้าต้องทำเช่นนี้กับอี้หลิงฟาง เพราะคนเช่นนางหากไม่โดนเหมือนที่กระทำกับผู้อื่นบ้างก็คงไม่หยุดคิดร้ายเช่นกัน คนเช่นนางน
เช้าวันใหม่วันนี้เฟิ่งอวี่เหิงลุกขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่เช้า เพราะวันนี้นางมีที่จะไปคือจวนสกุลกู่หลังจากที่เมื่อคืนได้พูดคุยกับบิดาแล้ว เฟิ่งอวี่เหิงก็ได้ตัดสินใจทำตามที่กู่ม่านชิงและบิดาแนะนำ คือในเมื่อเขาไม่มาเราก็ต้องไปหา จะได้ปรับความเข้าใจกันสักทีวันนี้นางใส่ชุดสีขาวปักด้วยลายหมู่ตานทำให้ดูสวยงามยิ่งนักชินชินสาวใช้คนสนิทยกถาดปิ่นมาให้เฟิ่งอวี่เหิงเลือก พร้อมกับเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม"คุณหนูวันนี้ปักปิ่นอันไหนดีเจ้าคะ?"สายตาของเฟิ่งอวี่เหิงมองดูปิ่นในถาดที่ชินชินยกมา ได้ไปสะดุดกับปิ่นชิ้นหนึ่งเป็นปิ่นลายหูเตี๋ยสีฟ้า จึงเอื้อมไปหยิบขึ้นมาดูด้วยสายตาเปล่งประกายนางจำได้ว่าปิ่นชิ้นนี้เป็นชิ้นแรกที่กู่จิ้นอันซื้อให้ตอนที่ไปเที่ยวตลาดด้วยกัน ทว่าตั้งแต่ที่ได้มายังไม่เคยปักเลยสักครั้ง'ข้าเอาใจท่านขนาดนี้หากท่านยังไม่หายโกรธ ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว'คิดได้อย่างนั้นเฟิ่งอวี่เหิงจึงให้ชินชินปักปิ่นชิ้นนี้ให้นางหลังจากที่ทำอะไรเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เฟิ่งอวี่เหิงจึงเดินทางไปยังจวนสกุลกู่ตามที่คาดหวังไว้ทันทีใช้เวลาราวสองเค่อก็มาถึงที่หมาย เฟิ่งอวี่เหิงเดินเข้าไปข้างในโดยมีสาวใช้นำทางให้น
"อะไร?" กู่ม่านชิงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่เฟิ่งอวี่เหิงถาม"ข้ารู้นะว่าวันนั้นเจ้าไปไหนกับรุ่ยอ๋อง บอกข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ""ก็แค่ไปกินข้าวด้วยกัน มีอะไรให้น่าตื่นเต้นกัน"แม้ปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่แก้มของกู่ม่านชิงตอนนี้กลับแดงระเรื่อขึ้นมา ทำเอาเฟิ่งอวี่เหิงถึงกับหลุดหัวเราะให้กับท่าทางของสหาย"ก็ได้ ๆ ข้าเชื่อเจ้าก็ได้"เห็นว่าถูกล้อเลียนจากสหาย กู่ม่านชิงก็ได้แต่ย่นจมูกใส่หญิงสาวตรงหน้า"แล้วรุ่ยอ๋องดีกับเจ้าหรือไม่?" ท้ายเสียงมีความห่วงใย"ก็ดีนะ...” กู่ม่านชิงทำท่าครุ่นคิดถึงคำพูดในวันนั้น “นี่เหิงเหิง รุ่ยอ๋องบอกจะพาข้าไปท่องเที่ยวเมืองอื่นด้วย"คิดถึงเรื่องนี้ทีไรกู่ม่านชิงถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ เพราะตื่นเต้นเรื่องที่ตนจะได้ไปเที่ยวตามที่เคยปรารถนาเอาไว้ เมื่อมีคนจะทำปรารถนาของนางให้เป็นจริง มีรึกู่ที่นางจะปิดบัง"ไหนเจ้าว่าไม่ตื่นเต้น?""ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว"กู่ม่านชิงที่โดนหยอกล้อเช่นนั้นถึงกับแง่งอนเพราะความเขินอาย เฟิงอวี่เหิงก็ได้แต่ยิ้มขำให้กับท่าทีเช่นนี้ สตรีสองคนนั่งคุยกันจนถึงช่วงบ่าย กู่ม่านชิงก็ขอตัวกลับจวนของตนในขณะที่กู่ม่านชิงกำลังออกจากโรงน้ำชาของเฟิ่
"เรื่องที่พาเจ้าไปเที่ยวยังเมืองต่าง ๆ เป็นข้าแทนได้หรือไม่?""ฮ่า ฮ่า ฮ่า พระองค์ทรงล้อหม่อมฉันเล่นอีกแล้ว"กู่ม่านชิงแสร้งหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำพูดของคนที่จะพานางไปเที่ยว จะให้นางเชื่อได้อย่างไรว่ารุ่ยอ๋องจะพานางไปได้ ในเมื่อตำแหน่งนั้นที่ติดตัวอยู่นั้นมากด้วยภาระและหน้าที่ จะทิ้งภาระเพราะว่าจะพานางไปเที่ยวอย่างนั้นรึ ไม่ว่าอย่างไรกู่ม่านชิงก็ไม่เชื่อเด็ดขาด"..." ฟู่เฟยเทียนในขณะที่ฟู่เฟยเทียนกำลังจะบอกเรื่องบางอย่างกับกู่ม่านชิงนั้น เสี่ยวเอ้อก็นำอาหารที่สั่งเข้ามาก่อน ทำให้บทสนทนานั้นต้องยุติลงเพื่อที่ทั้งคู่จะได้รับประทานอาหารกันในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังรับประทานอาหารด้วยกันอย่างเงียบ ๆ นั้น ฟู่เฟยเทียนก็ได้เอ่ยปากขึ้นมา"ชิงเอ๋อร์ เรื่องที่ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยว ข้าพูดความจริง เพราะนั่นก็เป็นความฝันของข้าเช่นกัน" น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงจัง"พระองค์จะไปท่องเที่ยวได้อย่างไรเพคะ ในเมื่อพระองค์เป็นรุ่ยอ๋อง เว้นเสียแต่พระองค์จะไม่ได้เป็นท่านอ๋องแล้ว"กู่ม่านชิงยังคงไม่เชื่อคำพูดของฟู่เฟยเทียน เพราะตราบใดที่ฟู่เฟยเทียนยังเป็นอ๋องอยู่ก็ไปไหนตามอำเภอใจไม่ได้ เพราะภาระที่ต้องดูแลประชา
ทันทีที่เห็นว่าเป็นฟู่เฟยเทียนคิ้วงามก็ขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เพราะกู่ม่านชิงนั้นคิดว่าฟู่เฟยเทียนตามกู่จิ้นอันออกไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่ายังไม่ไปไหน"จะไปไหน""ไปหาท่านพี่จิ้นอันเพคะ หม่อมฉันต้องอธิบายให้ท่านพี่จิ้นอันเข้าใจ""ไม่ต้องไป""ไม่ได้เพคะ ต้องไป"กู่ม่านชิงเริ่มจะไม่เข้าใจในการกระทำของฟู่เฟยเทียน นอกจากจะรั้งไม่ให้นางไปอธิบายเรื่องที่เฟิ่งอวี่เหิงกับนางวางแผนให้กู่จิ้นอันฟัง ยังจับมือนางไม่ปล่อยอีก"ข้าหิวข้าว""หิวก็ไปกินสิเพคะ""เจ้าต้องไปกินกับข้าด้วย""หม่อมฉันไม่หิวเพคะ หม่อมฉัน...ว้าย! รุ่ยอ๋องปล่อยมือหม่อมฉันก่อนเพคะ"ฟู่เฟยเทียนนั้นไม่ฟังกู่ม่านชิงพูดแต่อย่างใด ชายหนุ่มดึงมือของกู่ม่านชิงลงบันไดไปยังชั้นล่างเพื่อเดินทางไปยังโรงเตี๊ยมทันที"รุ่ยอ๋อง ได้โปรดปล่อยมือของหม่อมฉันก่อนเพคะ หากมีผู้ใดเห็นพระองค์จะเสื่อมเสียชื่อเสียงเอานะเพคะ" น้ำเสียงที่พยายามออดอ้อนให้ฟู่เฟยเทียนปล่อยมือ"เจ้าก็ต้องรับผิดชอบข้า เพราะเจ้าเป็นคนทำให้ข้าเสียชื่อเสียงเป็นที่ครหาของชาวบ้าน แล้วก็คงไม่มีสตรีใดอยากแต่งงานกับข้าเพราะว่าข้านั้นเสียชื่อเสียงไปแล้ว เพราะฉะนั้น เจ้าต้องรับผิดชอบ
น้ำเสียงที่คนฟังก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้กู่ม่านชิงนั้นคิดสิ่งใดอยู่"ข้าว่าอย่าเพิ่งกังวลเรื่องที่ยังไม่เกิดเลยจะดีกว่า เจ้านั่นแหละเหิงเหิง เหตุใดถึงยอมให้คนพวกนั้นทำร้ายเจ้าได้ ไม่ใช่ว่าเจ้าเตรียมพร้อมอยู่แล้วรึ?" คราวนี้เป็นกู่ม่านชิงถามคำถาม"ข้าเตรียมใจไว้แล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าพวกนั้นจะเลวทรามขนาดนั้น""เจ้านี่น่ะ ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังหากท่านพี่ไปช่วยเจ้าไม่ทันเจ้าจะทำอย่างไร""เอาน่า เรื่องมันผ่านมาแล้วเจ้าจะบ่นข้าทำไมกัน อีกอย่างข้าก็ไม่ยอมตกเป็นเมียของคนพวกนั้นอยู่แล้ว และตอนนี้อี้หลิงฟางก็ได้รับผลกรรมที่ก่อแล้ว" น้ำเสียงที่พูดขึ้นอย่างสบายใจ คล้ายกับว่าไม่ได้ตื่นตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเลยแม้แต่น้อยเพราะก่อนที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับเฟิ่งอวี่เหิง ทั้งคู่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนของอี้หลิงฟางที่ต้องการทำให้เฟิ่งอวี่เหิงนั้นเสื่อมเสียชื่อเสียงตั้งแต่ที่ซูเฟยซื่อมาหาเฟิ่งอวี่เหิงในตอนนั้น ได้เตือนเรื่องอี้หลิงฟางกับนาง ทำให้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเฟิ่งอวี่เหิงก็ได้ส่งคนไปเฝ้าติดตามดูอี้หลิงฟางตลอดอย่างไม่คาดสายตาทุกฝีก้าวซึ่งก็เป็นไปตามที่ซูเฟยซื่อได้คาดการณ์ไว้ อี้
กู่จิ้นอันเอ่ยถามน้องสาวของตัวเองที่กำลังจะออกจากจวนด้วยท่าทีเร่งรีบ"ข้าจะไปหาเหิงเหิงเจ้าค่ะ ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ"กู่ม่านชิงพูดจบก็วิ่งขึ้นรถม้าทันทีไม่รีรอ จนตัวกู่จิ้นอันเองยังรู้จักแปลกใจกับท่าทีของน้องสาวตนเอง เพราะปกติหากนางไปข้างนอก กู่ม่านชิงต้องมาออดอ้อนขอตั๋วเงินกับเขาเพื่อไปซื้อสิ่งของต่าง ๆ ตามที่นางต้องการแต่นี่อะไร? นอกจากจะไม่มาออดอ้อนตนแล้ว ยังทำท่าทางคล้ายกับว่าพยายามหลบหน้าใครบางคน แม้ว่าจะสงสัยว่าตัวกู่ม่านชิงหลบหน้าฟู่เฟยเทียน แต่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะฟู่เฟยเทียนก็แวะเวียนมาที่จวนประจำ แล้วนางเป็นอันใดกัน?ในขณะที่กู่จิ้นอันกำลังสงสัยกับท่าทีของน้องสาวตัวเองที่แปลกไปอยู่นั้น กลับมีใครบางคนนั่งอมยิ้มกับท่าทางของกู่ม่านชิงที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าท่าทางของนางนั้นกำลังหลบหน้าเขาอยู่อย่างแน่นอนเมื่อบรรยากาศกลับมาเงียบสงบแล้ว สองบุรุษก็นั่งพูดคุยกับถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้"เรื่องนั้นจะเริ่มเมื่อใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”"ทันทีที่เสด็จพี่พร้อมก็เริ่มได้เลย""แล้วท่านจะออกจากตำแหน่งรุ่ยอ๋องหรือไม่?""หากตำแหน่งนี้มันรั้งข้าไว้ให้อยู่แต่ในเมืองหลวง ข้าก็คงต้องขอให้เสด็จพ่อ
ในขณะที่ทั้งคู่พากันโทษแต่ผู้อื่นที่ทำให้พวกตนต้องมาเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้อยู่นั้น ประตูเรือนก็ถูกเปิดออกโดยสาวใช้กลุ่มหนึ่งเมื่อเปิดประตูแล้วสาวใช้ประมาณสองถึงสามคนก็พากันไปเก็บสิ่งของภายในเรือนตามคำสั่งของเจ้าของจวนทันที"เดี๋ยว! พวกเจ้าจะเก็บของข้าไปไหน?""พวกข้าได้คำสั่งมาว่าให้เก็บของออกจากเรือนนี้ให้หมดเพื่อให้พวกท่านสองแม่ลูกได้ออกบวชตลอดชีวิต"ตอนนี้แม้แต่สาวใช้ยังพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง ซือจินและอี้หลิงฟางไร้ซึ่งความเคารพจากบรรดาสาวใช้ ทั้งที่แต่ก่อนคนพวกนี้เคยเป็นที่รองมือรองเท้าให้พวกนาง แต่ตอนนี้แม้แต่ก้มหัวให้ก็ยังไม่มี"เจ้าว่าอะไรนะ? ใครจะไปบวชตลอดชีวิตกัน?" อี้หลิงฟางเอ่ยถามอย่างสงสัย"ก็พวกท่านสองคนแม่ลูกอย่างไรเล่า ฮูหยินเอกมีคำสั่งว่าให้พวกท่านทั้งสองคนไปบวชที่วัด ถือศีลภาวนา สำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำไป แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก""ใครทำอะไรผิด ฟางเอ๋อร์ทำเรื่องแค่นี้ถึงกับกล้าออกคำสั่งให้พวกข้าออกบวชตลอด มันจะไม่มากไปหน่อยรึ?"ซือจินยังคงโวยวายไม่ยอมรับกับคำสั่งที่ตัวเองได้รับ แค่เรื่องที่อี้หลิงฟางทำไม่เห็นต้องมาออกคำสั่งถึงขั้นให้พวกนางสองคนแม่ลูกต้องไปบว