ตรีวิทย์กลับเข้ามาในห้องเมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เขามองโทรศัพท์ที่ตกอยู่ที่พื้น หน้าจอแตกกระจายชิ้นส่วนชิ้นเล็กๆกระจายไปคนละมุม ก่อนจะหยิบมันขึ้น
มินตรานั่งมองด้วยสีหน้าเฉยชา เธอไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาสติแตก แต่เขาไม่ใช่ตรีวิทย์ที่เธอรู้จักอีกแล้ว เด็กหนุ่มอารมณ์ดี ยิ้มสดใส ตลกอยู่ตลอดเวลา ขี้เล่น รอยยิ้มสดใสร่าเริงที่ยิ้มให้เธอเสมอไม่มีอีกแล้ว
“คุณกลับไปเถอะ มินอยากอยู่คนเดียว คุณเองก็ไม่พร้อม”
“ทำไมมีแต่คนคอยปฏิเสธผม”
เขากระชากเสียง จนมินตราตกใจ แต่เธอต้องเก็บอารมณ์นั้นเอาไว้มันทั้งเจ็บและขมขื่น
“คุณเองก็ปฏิเสธมินไม่ใช่หรือ”
ตรีวิทย์มองหน้ามินตรา มันจุกจนพูดไม่ออก เขายอมรับที่เป็นฝ่ายขอเลิกกับเธอก่อน แต่เธอไม่ยอมรับมันก็ได้ แต่ทำไมเธอถึงยอมรับมันง่ายดายนัก เพราะเธอไม่เคยคิดจะรักเขา เธอก็แค่ผู้หญิงรักสนุกที่ไม่ต้องการผูกมัดตั้งแต่แรก เธอไม่คิดจะเก็บเด็กไว้เสียด้วยซ้ำ
“การที่มีลูกกับผมมันผิดพลาดมากใช่ไหมมินตรา”
“ที่ฉันพยายาม
ทรงกลดอารมณ์ฉุนเฉียว ที่พยายามโทรตามน้ำริน แต่เธอไม่ยอมรับสาย เพราะมัวทำกิจกรรมอยู่กับสองหนุ่ม จนไม่ได้สนใจโทรศัพท์ ชนาธิปมาส่งเธอที่คอนโด แต่ต้องผิดหวังที่เธอปฏิเสธไม่ให้เขาขึ้นไป เพราะเพิ่งเห็นสายเรียกเข้ามากมายจากทรงกลด เกรงว่าเขาจะมีงานด่วนเพื่อตามเธอให้ไปหาที่ไหนสักแห่ง“มัวทำอะไรอยู่ ฉันโทรหาเป็นร้อยสาย”“รินทำงานค่ะ”“ยังมีงานอื่นที่สำคัญกว่างานของฉันงั้นหรือ”น้ำรินเงียบเสียง พยายามสกัดกั้นอารมณ์ไว้ ที่เขานับวันจะทำตัวเป็นเจ้านาย เอาแต่ฉุนเฉียวใส่เธอ“มีอะไรหรือคะ”“ฉันได้ข่าวมาว่า มีดาราตกกระป๋องเข้าไปหาท่านอักษะถึงบ้านเมื่อหัวค่ำ ถ้าเธอไม่รีบทำคะแนน จะอดขึ้นแท่นเอาได้ง่าย ดารานั่นสวยและหุ่นดีกว่าเธอมาก”“ใครหรือคะ”“อริศรา เลวิส”“สวยและหุ่นดีงั้นหรือ แต่อร่อยไหมมันอีกเรื่องนะคะ”น้ำรินยิ้มเยาะ และอดขำไม่ได้ที
เมื่อเข้ามาในห้อง อาการช็อคของน้ำรินทำให้เมืองนายยิ้ม เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องทำขนาดนี้ หรือเป็นเพราะเขาเป็นพวกต้องการเอาชนะ ชอบความท้าทาย หรือไม่ก็รวยมากจนมองว่าเงินที่จ่ายมา เป็นเพียงแค่เศษเงินเพียงเล็กน้อย “คุณทำแบบนี้ทำไมคะ” “ผมเห็นว่าคุณคิดถึงแต่เงิน ถ้าเงินมันซื้ออะไรได้ทุกอย่างจริง เงินแค่นี้ทำให้ผมไม่ต้องเหนื่อยไปที่อื่น ผมก็จ่ายให้ได้ ไม่ชอบหรือ” น้ำรินจุกอยู่ที่คอ เขากำลังมองเธอเป็นผู้หญิงหิวเงิน ใช้เงินซื้อก็ยอมได้หมด “คุณตามฉันหรือ ถึงได้รู้ว่าฉันกลับมาแล้ว และมาที่นี่เร็วขนาดนี้” “ว้าว! คุณให้ค่าตัวเองสูงขนาดนั้นเลยหรือ ที่คนอย่างผมถึงกับต้องตามเฝ้า” ราวกับถูกตบหน้า เขาเหยียดเธอด้วยคำพูดติดตลกพวกนั้น เธอยืนนิ่ง เมื่อเขาเดินมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจห้องของเธอ เหตุเพราะเมื่อคืนและช่วงเช้าไม่ทันได้มีเวลาสำรวจ เขาอยากเห็นว่ามันดีระดับไหน ที่ทำให้เธอต้องเร่งหาเงิน ในเมื่อเป็นห้องราคาธรรมดาที่จ่ายเด
น้ำรินมาพบพัศวีและเพื่อนๆตามนัด เธอเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียว ที่ได้รับการต้องรับและดูแลเป็นอย่างดีจากหนุ่มหล่อทั้งสี่คนเป็นอย่างดี จนสาวๆคนอื่นแอบอิจฉา“ขอโทษที่มาช้าค่ะ”“ไม่เป็นไรครับ พวกเราอยู่ที่นี่อยู่แล้ว ยังไงก็อยู่กันทั้งคืนนั่นแหละครับ”พัศวียิ้มให้เธอ ด้วยความรู้สึกดีใจที่ได้พบ เพราะพวกเขาไม่ได้เจอน้ำรินและอัญชิสามาพักหนึ่งแล้ว แม้วันนี้อัญชิสาจะไม่ได้มากับน้ำริน เพราะพัศวีไม่อยากให้อัญชิสาต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาก็ดีใจที่น้ำรินไม่ปฏิเสธหรือถามถึงเหตุผลเลยสักนิด แก้วเครื่องดื่มถูกจัดไว้รอน้ำรินนานแล้ว เมื่อมาถึงสืบสายจึงยื่นให้เธอเมื่อผสมเรียบร้อย“ขอบคุณค่ะ วันนี้พวกคุณดูเอาใจใส่รินเป็นพิเศษ มีอะไรให้รับใช้คะเนี่ย”“คุณรินรู้ทันอีกแล้ว”พัศวียิ้ม น้ำรินเป็นคนฉลาด เธอมักจะคาดเดาความต้องการของชายหนุ่มได้ถูกต้องเสมอ โดยยังไม่ทันได้เอ่ยปาก สมแล้วที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความต้อ
ผ่านไปเกือบสองสัปดาห์ คงทรัพย์ลืมอังคณาไปเสียสนิท เขานั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านคงกระพัน จนเริ่มรู้สึกเบื่อ และอาการบาดเจ็บๆต่างๆ เริ่มหายดีแล้ว ห้องหนังสือที่เขาลืมไปแล้ว เมื่อสมัยยังเด็กเขามักจะมาขลุกอยู่ในห้องนี้ เขาจำคำสั่งสอนของแม่ก่อนตายได้ดี “เงินทองมีแล้วก็หมดไป แต่วิชาความรู้มีมากเท่าไหร่ก็จะติดตัวเราไปเท่านั้นไม่มีวันหมด หากแต่จะงอกเงย ออกดอกออกผล เมื่อรู้จักใช้วิชาความรู้นั้นให้เกิดประโยชน์” คำสั่งสอนนี้ ทำให้เขาขยันและตั้งใจเรียน จนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ในอันดับคณะยอดนิยม คะแนนสูงอันดับต้นๆ ของประเทศอย่างวิศวกรรมศาสตร์ เพราะพื้นฐานะครอบครัวที่ยากจนมาก่อน พ่อเป็นนักเลงหัวไม้ ไม่มีความรู้มากมายใช้แต่กำลังห้ำหั่น สั่งสมกำลัง ถูกลูกน้องที่ฉลาดกว่าหักหลัง โกงเงินไปมหาศาล และแถมยังส่งคนทำร้ายปางตาย จนครอบครัวต้องสูญเสียไปหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงแม่ของเขา คงทรัพย์หยิบอัลบั้มรูปเก่าๆ ขึ้นมาดู มีรูปภาพมากมายให้เขาได้ย้อนค
มินตรายื่นจดหมายลาออก ให้กับนับหนึ่งเพื่อเซ็นรับรองให้กับเธอ หลังจากออกจากโรงพยาบาล และเพิ่งกลับมาทำงานได้เพียงห้าวันเท่านั้น “นี่คืออะไรมินตรา ฉันงงไปหมดแล้ว” “มินทำเรื่องลาออกจะกลับไปอยู่บ้านค่ะ ผอ.” “ถึงกับต้องลาออกเลยเหรอ” “มินไม่อยากให้ส่งผลต่อบริษัทน่ะค่ะ มินอยากพักผ่อนด้วย อยู่บ้านน่าจะดีต่อมินและลูก” “คุณมินมีปัญหากับคุณตรีวิทย์หรือ” สีหน้าสลดของมินตรา ทำให้สิ่งที่คาดเดาน่าจะใช่สาเหตุที่เธอลาออก มากกว่าเหตุผลเรื่องสุขภาพและการลาป่วย “มินเลิกกับคุณตรีวิทย์แล้วค่ะ” “ห๊ะ! อะไรนะ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่อง ฉันจะโทรถามนญเดี๋ยวนี้” “ผอ. คะ มินขอร้อง อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่เลยค่ะ มินกับคุณตรีวิทย์ เราเลิกกันด้วยเหตุผลที่ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันดีแล้วค่ะ มินไม่อยากให้ต้องเอาเรื่องของเรา มาเป็นปัญหาของ ผอ. กับท่านประธานอีก” “ใครเป็นคนขอเลิก เธอหรือเขา” มินตราเงียบ กัดริมฝีปากแน่น ทำให้นับหนึ่งเข้าใจในทันท
แดนดินที่นอนหันหลังให้กับลายน้ำ เขาอยู่ในความเงียบมากว่าสองชั่วโมงตั้งแต่สงบสติอารมณ์ลงได้ ลายน้ำนอนร่วมเตียงกับแดนดินทุกวันตั้งวันที่รับปากจะแต่งงานกับเขา หากแต่ทั้งคู่ยังไม่พร้อมที่จะบอกแม่ของเขาให้รับรู้ เพราะมันเร็วเกินไป เกรงว่าท่านจะตกใจลายน้ำลืมตาอยู่ในความมืด ฟังเสียงหายใจของเขาที่มีจังหวะหนักแน่น ราวกับภายจิตใจนั้นยังพุ่งพล่าน เธอจึงตัดสินใจขยับตัวเข้าไปกอดเขาจากทางด้านหลังแทน และซุกกายอยู่กับแผ่นหลังของเขา แดนดินที่สวมเสื้อกล้ามและกางเกงเลขายาว นอนนิ่งสะดุ้งนิดหนึ่ง เมื่อลายน้ำเข้ามากอด ไออุ่นจากทรวงอกและสะโพกที่แนบชิดกัน มันทำให้ลืมเรื่องของมินตราไปชั่วครู่ ก่อนจะจับแขนที่รัดรอบเอวหนาของเขาเพราะรู้สึกว่ามันแน่น แต่ลายน้ำกลับไม่ยอมคลายออก “พรุ่งนี้จะตื่นไปทำงานไม่ไหวนะ”แดนดินเตือนเธอ เพราะตอนนี้เธอไม่ได้อยู่บ้านเฉยๆ เหมือนเดิมแล้ว ต้องไปทำงานที่ศูนย์วิจัยตามเวลาราชการ หากมัวซนหรือทำกิจกรรมจะหมดเรียวแรงและตื่นไม่ไหวในตอนเช้า“ฉันแค่อยากกอดคุณ ไม่ได้อยากทำอย่างอื่นเสียหน่อย”ลายน้ำทำเสียงงัวเงีย เฉไฉไม่ให้เขาคิดว่าเธอต้องการเรื่องนั้นจากเขา แต่กลับเป็นแ
ตรีวิทย์ถูกพากลับมายังห้องพักของเขตรัฐ เขานอนอยู่ที่โซฟายาว ในขณะที่เขตรัฐนอนอยู่บนเตียง พวกเขาเมามายนอนสลบไสลไปนาน แม้เวลาจะล่วงเลยจนเกือบเที่ยง ธนัญญาที่มาหาเขตรัฐด้วยความร้อนใจ เพราะติดต่อทั้งเขาและตรีวิทย์ไม่ได้ เพราะแม่ของมินตราโทรหาเธอตั้งแต่เมื่อคืน แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา ธนัญญาถึงกับอ้าปากค้าง ที่เห็นน้องชายและว่าที่สามี นอนเป็นซากศพ กลิ่นละมุดหึ่งคละคลุ้งไปทั้งห้อง มันทำให้เธอถึงกับกรีดร้องออกมา จนสองหนุ่มถึงกับสะดุ้งตื่น “นี่มันอะไรกัน” “เสียงดังทำไมเนี่ยพี่นัญ” ตรีวิทย์งัวเงีย ขยี้ตา เมื่อจำได้ว่าเป็นพี่สาวของตัวเอง ในขณะที่เขตรัฐเพียงแค่ผงกศีรษะขึ้นมองและล้มลงไปนอนต่อ ธนัญญาตรงเข้าไปตีน้องชาย ราวกับแม่ที่กำลังดุลูกเล็กที่กำลังทำผิด จนตรีวิทย์ลุกหนีแทบไม่ทัน เมื่อเสียงดังมากขึ้น เขตรัฐถึงกับเอามือปิดหู และหยิบหมอนเขวี้ยงไปทางเธอ ธนัญญาหันขวับ และตรงไปตีก้นของเขตรัฐแทน จนเขารู้สึกเจ็บและต้องตื่นขึ้นมาจับมือเธอไว้ “อะไรกันธนัญญา ตีผมทำไม” “พวกนายนี่ทำฉันโมโห ฉันโทรหาทั้งคืนไม่มีใครรับสายฉันสักคน แต่กลับมานอนตายกันอยู่นี่ มันน่าไหม ไม่ร
เวหาขับรถกลับเข้าเมืองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จนอนิลรู้สึกอึดอัด เขาพาเธอไปในที่ของเขา แทนที่จะปล่อยให้เธอไปเที่ยวเล่นของเธอเองลำพัง แล้วยังมาทำสีหน้าไม่พอใจเธออีก เธอจะรู้ไหมว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น “คุณโกรธฉันเหรอ” “ผมบอกให้คุณรอบนรถ” “ก็ฉันเบื่อ อยากยืดเส้นยืดสาย” “ต่อหน้านักข่าว” “ฉันจะรู้ไหม” คำตอบของอนิลทำให้เขาหงุดหงิด ใบหน้าหล่อเหลาเช่นเขา แทนที่จะยิ้มแย้ม แต่กลับเอาแต่เคร่งเครียด ดูไม่สบายหูสบายตาเอาเสียเลย “ฉันจะไปเที่ยว ไม่ได้อยากไปดูคุณทำงานเสียหน่อย” “ก็จะพาไปอยู่นี่ไง” “มืดค่ำป่านนี้ เที่ยวแบบไหนกัน” เมื่อพูดจบ ด้วยความตกใจ อนิลรีบหันขวับมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้วางใจ จ้องเขาเขม็ง ทำให้เวหาถึงกับหันมามอง “คิดอะไรอยู่ พี่ชายคุณบอกให้ไปหาที่อินดีสผับ” อนิลค่อยโล่งใจที่เขาพูดถึงพี่ชาย เวหาบอกกับพนักงานต้อนรับด้านหน้า ว่าเขาเป็นแขกของธนญ เธอจึงรีบนำเขาเข้าไปในทันที สถานที่ทำให้อนิลสนใจ ที่นี่มีผับที่ดูใหญ่โตอลังการมาก และดูดีมีระดับ อนิลเดินตามเวหาเข้าไปราวกับคู่รัก เวหาที่หล่อเนี้ยบด้วยรูปร่างหน้าตาและเครื่องแต่งกาย ทำให้เป็นที่จับตามมอง อีก