“แล้วพวกเธอทำอะไรกัน หมายถึง คุยอะไรกันบ้าง”
เธอหันหน้ามา เพ่งมอง
“ฉันพูดอะไรผิดเหรอ”
“เปล่า แค่รู้สึกแปลกใจที่นายดูสนใจเพื่อนของนายกับฉันมากขนาดนี้ นายคงไม่เห็นหน้าตัวเองหรอก แต่หน้าของนายตอนนี้ขึงขังมาก”
“คือ” เขาพยายามหาข้อแก้ตัว “เขาขังตัวเองในห้องนั้นมาหลายวัน ฉันเป็นห่วงมาก แล้วจู่ ๆ เขาก็ออกมา ฉันก็เลยคิดว่า เธออาจจะมีส่วนช่วยด้วย”
“อ้อ เข้าใจแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะฉันหรอก เขาคิดได้ด้วยตัวเองน่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
เบนจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้น จากนั้นเธอคลี่ยิ้มบาง ๆ “ไม่เชื่อเหรอ ฉันพูดจริงนะ พวกเราแค่คุยกันเรื่องปรัชญาต่าง ๆ เท่านั้นเอง”
“หา ปรัชญาเหรอ”
อเล็กซิสเลิกคิ้ว ทำให้เบนปรับสีหน้าเป็นปกติ “เดส์การ์ต อริสโตเติล ซาร์ต นายรู้จักคนพวกนี้ไหม”
“แน่นอน ฉันรู้จัก...พวกเธอคุยกันแค่นี้เหรอ”
“อื้อ ก็มีเรื่องอื่นด้วยแหละ แต่ว่าส่วนใหญ่คุยกันเรื่องนี้ เพื่อนของนายค่อนข้างรู้ลึกพอสมควร น่าทึ่งมาก ๆ เลยนะ ตอนแรกดูไม่น่าจะเป็นคนสนใจอะไรแบบนี้ ฉันนึกว่าเขาเป็นประเภทชอบกวนประสาทคนอื่นไปทั่ว”
เบนหัวเราะ “ใช่ ๆ หมอนี่เป็นหนอนหนังสือแล้วก็รู้อะไรมากมาย มากกว่าบุคลิกที่เห็นภายนอกนั่นแหละ เธอบอกว่าเขากวนประสาท เขาทำอะไรล่ะ”
“เขาพ่นควันใส่หน้าฉัน ควันบุหรี่น่ะ”
ชายหนุ่มหัวเราะผ่านจมูก “นั่นแหละ เจ้าหมอนี่เลย”
“เอาจริง ๆ ถ้าไม่มีเครื่องดักควัน ฉันว่าเขาก็คงแกล้งฉันต่อไป พวกเราก็คุยไปเรื่อย พูดเรื่องสถานการณ์ในโลก ผู้คน แล้วก็ที่นี่ ฉันพอเข้าใจนะว่าทำไมเขาถึงขังตัวเองไว้แบบนั้น”
“เพราะอะไร”
อเล็กซิสหยุกกึก แววตาดูจริงจังขึ้น “นายลองคิดดูสิ ชีวิตที่ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีจุดมุ่งหมาย ไม่มีความหวัง มันน่าเศร้านะ มันจะยิ่งเศร้ามากขึ้นถ้านายตระหนักความจริงข้อนี้ แล้วมันจะเศร้าที่สุด เมื่อนายตระหนักรู้แล้ว แต่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้”
เขาฟังเธอนิ่ง รู้สึกเจ็บแปลบในอก อเล็กซ์ต้องการเพื่อนที่เข้าใจและสามารถคุยด้วยได้ แต่เบนกลับเลือกที่จะไม่สนใจสิ่งที่อเล็กซ์เก็บไว้ข้างใน ตัวเขาเองรู้ดีว่าลึก ๆ ทุกคนต่างคิดแบบนี้ แต่เขาคิดว่ามันคงดีกว่าถ้าจะไม่ให้ความสำคัญกับมัน บางทีเขาควรอยู่กับอเล็กซ์และคุยกันเรื่องนี้แบบที่อเล็กซิสทำ จะเป็นไปได้ไหมว่าถ้าเขาทำแบบนั้น จิตใจของอเล็กซ์จะฟื้นตัวได้เร็วกว่านี้ แล้วเบนนั่นแหละ จะเป็นคนพาเพื่อนออกมาจากห้องนั้นได้
“แล้วทำอย่างไร เขาถึงรู้ว่าไม่ควรหมกตัวอยู่อย่างนั้นล่ะ”
“ก็สร้างมันขึ้นมาเองสิ”
เด็กสาวยิ้มอีกครั้งเมื่อเขาทำหน้าไม่เข้าใจ “สร้างความหวัง สร้างเป้าหมาย สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาใหม่”
“อธิบายให้ฉันฟังมากกว่านี้ได้ไหม”
“ได้สิ ก็เป้าหมายที่ว่า ก็คือต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ กลับไปบ้านให้ได้”
แววตาของเธอแน่วแน่ สะท้อนให้เห็นว่าเธอจริงจังกับสิ่งที่พูด มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่เรื่องที่น่าแปลกประหลาดกว่าสิ่งใดคือสภาวะที่สติของเขานิ่งงันเมื่อสบเข้ากับดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นอย่างจัง สีน้ำเงินเข้มทำให้หวนนึกถึงสถานที่ที่ร่างของแนทถูกฝังอยู่ เมื่อนั้นเขารู้สึกเคว้งคว้าง
“เบน”
“ขอโทษ เอ่อ จะออกไปจากที่นี่ พวกเธอคิดแบบนี้จริง ๆ เหรอ คิดว่าจะทำได้เหรอ”
“เพราะเรื่องตรวจสุขภาพนี่แหละ ฉันแน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ต้องเตรียมการทำอะไรบางอย่าง ตอนนี้เราได้แต่รอ แล้วก็รอ จนกว่าจะรู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรกับพวกเรา จากนั้น พวกเราจะรู้เองว่าควรทำอย่างไรต่อ”
เขาทำเสียงฮึในลำคอ ขำความคิดของคนทั้งคู่ “ฟังดูเหมือนจะก่อกบฏ ถึงแม้ฉันยังไม่เห็นว่าพวกเธอคิดจะทำอะไรก็ตาม”
อเล็กซิสดูเปลี่ยนไปจากครั้งแรกที่เขาเห็น แก้มทั้งสองข้างปราศจากสีแดงระเรื่อ ไม่มีอาการเขินอาย แถมยังแสดงความเห็นออกมาตรง ๆ ไม่มีปิดบัง เกิดอะไรขึ้นกับเสน่ห์ของเขา หรือเป็นเพราะว่าเขาปิดปุ่มมันอยู่? “...เธอรู้ไหม เธอในตอนนี้กับครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน ค่อนข้างต่างกันนิดหน่อย ฉันรู้สึกอย่างนั้น”
เธอยื่นหน้ามาเพื่อดูสำรวจใบหน้าของเขาเช่นกัน “นายก็เปลี่ยนไปเหมือนกันนะคะ คุณหมาป่า”
“ตรงไหน”
“ความสนใจของนายไง”
เขารู้ว่าเธอหมายถึงอะไร “เขาเป็นเพื่อนสนิท ฉันแค่อยากทราบสาเหตุที่เขาเปลี่ยนก็แค่นั้น”
หากไม่นับใบหน้ากับดวงตา รอยยิ้มของเธอถือได้ว่าเป็นอาวุธอย่างหนึ่งที่สะกดผู้ชายได้อยู่หมัด เธอยิ้มเป็นนัยว่า “ก็แล้วแต่”
“เธอคิดว่าฉันเป็นพวกหมาป่าแบบที่เพื่อนเธอบอกเหรอ”
“ไม่ต้องให้ใครบอกทุกคนก็เห็นได้จากแววตาคู่นี้” เด็กสาวกอดอกแล้วหรี่ตามอง ท่าทางที่ทำให้เขาอยากจับเธอจูบ
“ฉันไม่เคยปิดบังนะ” เขาจ้องเด็กสาว ถึงแม้ได้รับคำตอบเรื่องของอเล็กซ์แล้ว แต่เบนยังไม่แน่ใจว่าเขาอยากเริ่มรุกเธอตอนนี้หรือไม่ เด็กคนนี้มีพลังบางอย่างในตัว มีรอยยิ้มที่แสนดึงดูดและน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกัน บางครั้งเขานึกอยากจูบใบหน้านั้น แต่บางครั้ง เขาแค่อยากลูบศีรษะเธอเบา ๆ แต่กระนั้น ฉันคือเบนจามิน โรซิเยร์ใช่หรือเปล่า
“เธอไม่ต้องกลัวหรอก ถึงใครจะบอกว่าฉันเป็นหมาป่า แต่ก็เป็นหมาป่าที่มีคลาส ไม่ใช่มั่วไปทั่ว ฉันสนใจเธอ นั่นคือความจริง แต่เราก็แค่คุยกันเฉย ๆ ได้”
เธอทำท่าคิดตาม “หืม แต่สิ่งที่ฉันได้ยินมาไม่ใช่แบบนี้แฮะ เอาเถอะ พวกเราเป็นเพื่อนกันได้ จริง ๆ นะ ไม่ใช่แบบที่นายคิด หมายถึงเพื่อนจริง ๆ ไม่ใช่แบบเวดกับซาร่าห์” เธอทำไม้ทำมือประกอบ
“นี่คือปฏิเสธแล้วใช่ไหม”
เธอไม่ตอบ แต่ยิ้มแทน
เบนอมยิ้ม “หรือเป็นเพราะว่าเธอชอบเพื่อนของฉันมากกว่า”
รอยยิ้มของเด็กสาวหายวับ “ไม่ใช่” เธอปฏิเสธทันที “ฉันชอบเขาน่ะ แต่ไม่ใช่แบบนั้น พวกเราเพิ่งรู้จักกันเอง”
อันที่จริง เธออาจไม่รู้สึก หรือพวกเขาอาจจะยังไม่รู้สึก แต่เขาสัมผัสได้ถึงสัญญาณประกายไฟบางอย่างที่อาจจะกลายเป็นเรื่องน้ำเน่าในวันข้างหน้า ถ้ามันกลายเป็นแบบนั้นจริง ๆ เขายิ่งต้องทำให้เธอมานอนกับเขาให้ได้ เพราะมันเป็นบททดสอบสำหรับผู้หญิงทุกคนที่จะเข้ามาในชีวิต
ของอเล็กซ์ เพื่อนายนะทางข้างหน้าเป็นทางตัน เบนเพิ่งรู้ว่าห้องของอเล็กซิสอยู่ริมสุดทางเดิน เธอคงรู้แต่แรกแล้วว่าเขาโกหกเพื่อจะหาเรื่องคุยด้วย
“ฉันดีใจนะที่ได้เจอเพื่อนใหม่ ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วเจอกันที่ห้องอาหาร”
“แน่นอน”
เขายืนมองจนเธอเข้าห้องไปพร้อมกับรอยยิ้มขำ ก่อนที่เบนจะจมอยู่กับความรู้สึกประหลาด มันอึน ๆ เหมือนมีหมอกรายล้อมรอบตัว
บรรยากาศที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งก่อนไม่มีผลกับบรรยากาศ ณ เวลานี้ มันเป็นความรู้สึกหลายอย่างที่ผสมปนเปอยู่ข้างใน เขาไม่ใช่แค่คนที่ทดสอบแต่เขาก็ถูกทดสอบเหมือนกัน แม้บททดสอบนั้นจะต่างวัตถุประสงค์
แบมบี้
เบนจามิน โรซิเยร์ไม่เคยใช้ความคิดมากมายขนาดนี้เพียงเพื่อจะทำให้ผู้หญิงตกหลุมรักตัวเอง หรือวิเคราะห์ผู้หญิง แต่ในเวลานี้กลับมีคำถามมากมายผุดขึ้นมาหลังจากได้คุยกับเธอ คล้ายกับว่าทัศนคติของเขาถูกครอบงำ ทั้งบทสนทนา อารมณ์ เขาเริ่มหมกมุ่นอยู่กับสถานที่ คน และเพื่อนตัวเอง ประหนึ่งเธอแอบปลูกความคิดบางอย่างในหัวของเขาด้วย
และเมื่อเขาหันหลังเดินกลับ
“ได้อะไรใหม่หรือเปล่าล่ะ” อเล็กซ์ยืนกอดอก ยักคิ้วกวนรออยู่
“นายตามฉันมา?”
“อ้าว ไม่เห็นว่าฉันยืนอยู่เหรอไง”
เบนกอดอกบ้าง คิ้วทั้งสองยังคงขมวดเป็นปมแน่น “นายแค่คุยปรัชญากับเด็กคนนี้จริง ๆ เหรอ”
อเล็กซ์พยักหน้า “ก็อยากจะบอกหรอกนะ แต่ขี้เกียจอธิบายให้นายเข้าใจ เพราะว่านายชอบคิดเรื่องสกปรก”
“แต่เวลาที่คนสองคนคุยเรื่องแนวนี้ได้ แปลว่าพวกเขาเข้าใจกันมากไม่ใช่เหรอ อ้า ช่างเถอะ ฉันไม่จี้ถามนายละ” เขายกมือห้าม “ฉันไม่สนแล้วว่านายกับเธอเป็นอะไรกัน แต่นายต้องรู้ไว้ ฉันอยากได้เด็กคนนี้ ฉันเห็นเธอก่อน และไม่สนด้วยว่าเธอจะชอบนายหรือเปล่า หรือตอนนี้เธอชอบนายอยู่หรือไม่ แต่ถ้าเธอตกหลุมรักฉันเมื่อไร อย่าโทษฉันก็แล้วกัน มันไม่เหมือนกับกรณีของซาร่าห์”
ถึงเขาจะพูดไปแบบนั้น แต่กลับไม่แน่ใจว่าคำพูดที่บอกกับอเล็กซ์นั้นยังฟังดูเหมือน
เบนจามิน โรซิเยร์คนเดิมหรือไม่เบ็กกี้เป็นเด็กใหม่ของที่นี่ เธอเพิ่งมาถึงหอพักแห่งนี้ยังไม่ครบวันเลยด้วยซ้ำ พอได้ยินว่ามีประกาศข่าวใหม่ เธอเห็นแต่ละคนรีบวิ่งไปที่โทรทัศน์จอยักษ์ เด็กสาวร่างเล็กเดินไหลไปตามกระแสมนุษย์ มือข้างซ้ายกุมข้อมือข้างขวาเอาไว้ เธอเดินค้อมตัว มองซ้ายมองขวาเหมือนกับมีคนกำลังจับผิดอยู่ และถ้าหากเธอทำอะไรผิดแปลกไป ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ เธอจะโดนลงโทษ เมื่อเดินมาถึงข้างหน้าจอทีวี เด็กสาวแหงนหน้ามองข้อความที่เขียนบนนั้นกำหนดการเคลื่อนย้ายผู้พักอาศัยจะมีขึ้นในวันที่ 28 กรกฎาคม 3012 กรุณาทิ้งสัมภาระไว้ที่ห้อง และมารวมตัวกันเพื่อรอสัญญาณที่ห้องโถงในเวลา 18 นาฬิกา หมายเหตุ: ห้ามพกกระเป๋าสัมภาระ “เคลื่อนย้ายเหรอ หมายความว่าพวกเราต้องย้ายที่อยู่งั้นเหรอ” เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเธอพูดขึ้น เขามีผมสีแดงเช่นกัน แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยกระ เขามากับเพื่อนสาวคนหนึ่ง พอพูดจบ ทั้งสองก็พากันขยับมาข้างหน้า เบ็กกี้จึงมองเห็นแต่แผ่นหลัง เธอไม่ใช่เด็กหญิงตัวน้อย แต่เป็นเด็กสาวที่ร่างเล็กเหมือนเด็กน้อย แม้อายุครบสิบห้าปีเมื่อสองเดือนก่อน แต่เธอหาได้ตัวสูงขึ้นมากกว่าเดิมไม่ ที่สำคัญ ไซส์มินิแบบเบ็กกี้ไม่ได้ทำให้เธอดูน
เบ็กกี้พยายามจะหยุดเรมี แต่สายไปแล้ว สองคนนั้นเดินตรงมา เด็กสาวเดาว่า พวกเขาน่าจะอายุประมาณราว ๆ สิบเจ็ดสิบแปด เธอก้มหน้างุดและเลือกที่จะแอบอยู่ข้างหลังเพื่อนใหม่“มีอะไรให้ช่วยไหม” หนุ่มผมแดงถามพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น ส่วนเด็กสาวคนนั้นทำสีหน้าแบบเดียวกัน จนกระทั่งเบ็กกี้เห็นดวงตาสีน้ำเงินของเธอ สาวร่างเล็กตัวสั่นสะท้านขึ้นมาทันทีมันเป็นดวงตาคู่เดียวกับที่เธอเห็นในความฝัน ดวงตาที่แสนน่ากลัว ใช่ มันมีขอบสีน้ำเงินเข้ม ส่วนในม่านตาเป็นสีน้ำทะเลลึกที่เหมือนมีแสงส่องประกายระยิบระยิบอยู่ข้างใน ใบหน้านี้ด้วย ถึงแม้ในความฝันภาพจะไม่ชัด แต่มันเหมือนกับวงหน้างามที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ความฝันที่ทำให้ครอบครัวของเบ็กกี้ตัดสินใจส่งเธอไปยังสถานบำบัดทางจิต เพราะเด็กสาวเอาแต่กรีดร้องทุกคืน พวกเขาบอกว่าเธอเกิดมาพร้อมกับคำสาปซาตาน ไม่บริสุทธิ์ เต็มไปด้วยบาปกำเนิดมากกว่ามนุษย์ทั่วไป มันเป็นเพราะว่าเธอมักจะฝัน และความฝันจะกลายเป็นจริงอยู่บ่อยครั้ง ถ้าหากฝันเรื่องดี พวกเขาคงเปรียบเธอเหมือนนักบุญ แต่เมื่อมันเป็นเรื่องร้าย เธอจึงถูกเปรียบเหมือนลูกปีศาจ คำสาปที่เธอไม่เคยอยากได้ แล้ว
อเล็กซิสไม่สนใจเพื่อนชาย เธอหันมาหาเบ็กกี้ “เอาล่ะ หมดปัญหาแล้วนะ ฉันชื่อ อเล็กซิส คนนี้ชื่อ ออสโล่ นี่คือ เบน แล้วพวกนายชื่ออะไร”เด็กสาวไม่จำเป็นต้องตอบเมื่อเรมีทำหน้าที่แทนหมด “เรมี ส่วนนี่ก็เบ็กกี้”“อายุแค่สิบสี่ใช่ไหม” เบนถาม“ไม่ ๆ ฉันสิบหกแล้ว” เรมีรีบตอบ“เปล่า ฉันหมายถึงเด็กผู้หญิง”“สิบห้า...ต่างหาก” เธอพูดกระซิบเหมือนเคย“เฮ้อ มินนี่สองสินะ” คนชื่อเบนว่า เด็กสาวไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ความรู้สึกบอกว่ามันไม่ใช่คำชมเธอสังเกตเรมี เขาดูท่าอยากร่วมสนุกกับคนกลุ่มนี้มาก สายตานั้นมองเหมือนรอคอยคำชวน และเมื่อพวกเขาเอ่ยปากชวน เด็กหนุ่มตอบตกลงทันที เขายังลากเบ็กกี้ตามไปด้วยราวกับทั้งสองกลายเป็นพี่น้องกันไปแล้ว หรือรู้จักเป็นเพื่อนกันมานาน สมาชิกใหม่อย่างเธอยังคงกลัวดวงตาของอเล็กซิส ดังนั้นจึงเอาแต่อยู่ติดกับพี่ชายป้ายแดงและพยายามไม่พูดกับเธอคนนั้น อเล็กซิสคงจับสังเกตได้ เธอจึงหันไปคุยกับเรมีแทน เขาถึงกับหน้าบานอย่างกับจานดาวเทียม จะโทษเขาก็ไม่ไ
“ฮึ ๆ เปล่านะ ฉันไม่ได้หัวเราะ แต่...(เธอเอามือปิดปาก) ขอโทษที แต่...นี่คือเหตุผลเหรอ” ซาร่าห์กลั้นหัวเราะไม่มิด ขนาดเสียงหัวเราะยังใสเหมือนระฆัง“ออสโล่...แล้วนายล่ะ” เบนหันไปถามหนุ่มผมแดงพร้อมกับใบหน้าขบขัน“เอ่อ ฉันคิดเลขไว...หัวไว ประมาณนี้”เสียงหัวเราะดังลั่นกว่าเดิม เบ็กกี้กอดอกแน่น สมาชิกใหม่คนนี้เป็นคนเดียวที่ไม่เห็นว่ามันตลก“เวด แล้วนายล่ะ เพราะความหัวร้อนเกินมนุษย์ปกติหรือเปล่า”“หุบปากไปเลย ฉันเป็นลูกหลงเพราะยัยความจำดีกับไอ้คณิตคิดเร็วต่างหาก”เบ็กกี้มองดูเรมีขำขนาดเอากำปั้นทุบพื้น เสียงหัวเราะดังร่วนเหมือนไม่ได้หายใจ เบนกับอเล็กซ์หัวเราะจะเป็นจะตาย ไม่พยายามกลั้นเลยสักนิด พวกพี่น้องโธมัสขำอย่างสุภาพ พยายามไม่แสดงออกมากนัก อาจจะยกเว้นมินนี่ไว้คนหนึ่ง เธอมองคนอื่นด้วยสายตาเอ็นดูเหมือนพระแม่มองสรรพสัตว์“เงียบไปเลย!” เวดวักน้ำใส่ทุกคน ทำให้เบ็กกี้นึกถึงหมีขี้โมโห“หยุด หยุด อย่าวิดน้ำ มันเข้าตา!” สาวบลอนด์พยายามห้ามแฟนตัวเอง
ออสโล่และอเล็กซิสยิ้มน้อย ๆ ทำท่าราวกับเข้าใจว่าเธอรู้สึกอย่างไร แต่พวกเขาก็ยังอดขำไม่ได้ และเมื่อพวกเขาหัวเราะใส่เธอเกินพอดี โทสะเริ่มเดือด และพอมันเดือด เธอห้ามปากตัวเองไม่อยู่“มันไม่ตลกนะ! บางครั้งฉันเห็นเหตุการณ์ผ่านภาพในหัว มันผุดขึ้นมาเอง” หยุดพูดได้แล้วเบ็กกี้ หยุดพูด “ฉันพูดความจริง ฉันเคยฝันถึงเพื่อนคนหนึ่ง ฉันอยู่ในร่างของเธอ เห็นทุกสิ่งผ่านดวงตาของเธอ เธอลืมล็อกประตูห้องนอนและพ่อเลี้ยงก็เข้ามา ฉันพยายามเตือนเธอแล้ว แต่เธอบอกว่าฉันมันบ้า ประสาท เพี้ยน ฉันไม่ใช่เพื่อนของเธอ และพ่อเลี้ยงของเธอก็เข้ามาในห้องนอนจริง ๆ สุดท้าย เพื่อนคนนั้นก็เอาแต่โทษว่าฉันสาปแช่งเธอ”บรรยากาศเปลี่ยนไปทันทีเหมือนครั้งเรมี เสียงหัวเราะหายไป แต่พวกเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดเหมือนที่เชื่อเรมี สีหน้าของพวกเขาบ่งบอกว่าเห็นใจ แต่เธอไม่ต้องการความเห็นใจนั้น เด็กสาวร้องไห้ในใจ ทำไมถึงไม่หุบปากให้สนิท เธอรู้ว่าพวกเขาคิดอะไร พวกเขาคงนึกถึงสายรัดข้อมือเมื่อครู่และคงคิดว่า อ้อ อย่างนี้นี่เอง เธอเป็นคนป่วย เธอสมควรอยู่ที่นั่นต่อไป“เธอเป็นแม่หมอเหร
สาวน้อยผมแดงนอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้ โนเอลอุ้มร่างเล็กมาที่ห้องพยาบาล ข้างเตียงปรากฏเครื่องวินิจฉัยอาการที่ทำหน้าที่เสมือนคุณหมอรายงานอาการว่าเธอแค่เป็นลมไปเท่านั้น โดยไม่มีการกล่าวถึงอาการเจ็บปวดทางศีรษะแต่อย่างใด ไม่มีใครทราบว่าทำไมเบ็กกี้ถึงหมดสติกะทันหัน และก่อนหน้านั้น ทำไมเธอถึงกรีดร้องทุรนทุรายราวกับอาการปวดหัวรุนแรงสาหัสจนทำให้เธอขยับตัวไม่ได้ ได้แต่ร้องแบบนั้น อเล็กซิสจำเสียงนั้นได้ดีทีเดียว เพราะพอได้ยินก็เกิดอาการขนลุกขึ้นมาทันที เด็กสาวกลัวอะไรบางอย่าง...หรือบางที เธออาจจะกลัวอเล็กซิสอเล็กซิสและออสโล่นั่งมองเด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียง เธอยังเด็กมาก เบ็กกี้สวมชุดกระโปรงสีครีมออกเหลืองที่น่าจะเคยเป็นสีขาวบริสุทธิ์มาก่อน ทั้งยังถักเปียสองข้าง ทั้งยังดวงตาสีเขียวเข้มที่เศร้าที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา อเล็กซิสสังเกตเห็นรอยช้ำตามลำตัวของเธอเหมือนกับที่มินนี่และเบนเห็น ทำไมเธอจะจำรอยแบบนั้นไม่ได้ เพราะมันคล้ายกับรอยที่คาเมรอนเคยฝากไว้สาวน้อยผมแดงมาจากสถานพักฟื้นผู้ป่วยจิตเวชในแคสติโมเนีย เมืองที่รายการข่าวมักเล่าว่าผู้คนที่นั่นชอบประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแบบสุดโต่ง อเล็กซิสนึกส
“เบ็กกี้ ฉันรู้นะว่าการเจอกันครั้งแรกของพวกเราไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไร แต่เพื่อนของฉันไม่ใช่พวกนิสัยไม่ดีอย่างที่เธอเคยเจอแน่ พวกเขาไม่ทำร้ายเธอหรอก จำที่เธอตะโกนใส่หน้าฉันได้ไหม เธอโกรธที่ทุกคนตัดสินเธอ ถูกไหม มันเหมือนกันแหละ เธอก็ตัดสินพวกเราไปแล้ว แต่ฉันไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่พวกเราทำกับเธอมันถูกหรอกนะ เรื่องตลกบางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องตลกสำหรับคนอื่น พวกเราเสียใจจริง ๆ นะที่ทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้น”ใบหน้าขาวซีดเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ สายตาของเด็กสาวมองต่ำลง “ฉันขอโทษเหมือนกัน ฉันขอโทษที่พูดแบบนั้นกับเธอ”แน่นอน เธอโล่งอก อเล็กซิสมีบทเรียนกับการที่เธอไม่สนใจที่จะพูด ไม่ยอมสังเกตคนรอบข้าง เพราะเหตุนี้เธอเลยเสียจูนไป แม้ว่าเธอเพิ่งเจอเบ็กกี้ แต่เพราะเห็นว่าเด็กสาวเจอเรื่องเลวร้ายมามากพอสมควร เธอไม่อยากปล่อยเด็กคนนี้อยู่คนเดียว แล้วในสภาพเหมือนถูกขับไล่ออกจากกลุ่มแบบนั้น เบ็กกี้เป็นแค่เด็กผู้หญิงและเป็นเหยื่อของพวกความเชื่อสุดโต่งกับพวกคนเลว“เอาล่ะ พวกเราจะไปกันได้แล้วหรือยัง”“ไปไหนเหรอ”อเล็กซิสกระ
พวกเพื่อนต้อนรับเบ็กกี้อย่างอบอุ่น (แก้ตัวจากครั้งแรก) โดยเฉพาะเทสซ่า เพื่อนสาวคนนี้มีนิสัยแบบนี้แหละ ออกหน้าลุยใส่ทุกคนที่คิดร้ายต่อเพื่อนตัวเอง และเมื่อสาวน้อยผมแดงกลายเป็นเพื่อนก็ละอคติซึ่งกันและกัน ความบาดหมางก็จบลง สิ่งเดียวที่อเล็กซิสสอนให้เบ็กกี้คุ้นเคยไว้ก็คือมุกตลกเจ็บแสบของเวดกับเบน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาแท็กทีมในห้อง อเล็กซิสนั่งค้นหาเครื่องเล่นซีดีที่อเล็กซ์ขอยืมเขาจะชวนฉันอีกไหมเด็กสาวเขกศีรษะตัวเองเบา ๆ อยู่หลายที พอแล้วกับคำถามมากมายในหัว เธอรื้อหาเครื่องเล่นที่ว่าต่อ มันอยู่ลึกสุดใต้กระเป๋า เพราะตั้งแต่มาถึงที่นี่ อเล็กซิสไม่ได้หยิบใช้เลย โดยเฉพาะช่วงที่ยังหมกมุ่นกับความคิดตัวเอง แม้แต่อัลบั้มรูปครอบครัวและเพื่อนที่ตอนแรกอยู่ข้างบน ตอนนี้ลงไปอยู่ก้นกระเป๋าเช่นกัน แน่นอนว่าเธอคิดถึงพวกเขาจะแย่แต่กลัวที่จะเปิดดูภาพเหล่านั้น เพราะถ้าเธอเปิดดู ความรู้สึกสูญเสียก็จะกลับมาเล่นงานอีกพอนึกถึงข้อกำหนดการเคลื่อนย้าย แม้มีคำสั่งห้าม แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอต้องนำเอาของพวกนี้ไปด้วยให้ได้ อย่างน้อยเธอยังได้พกพวกเขาไปด้วย อเล็กซิสได
“เออฉันนี่...” เขาหันไปยิงอีกตัว ปืนในมือแสตนเนอร์อานุภาพร้ายแรงกว่าปืนปกติ เพียงนัดเดียวก็เป่าหัวหุ่นเหล็กกระจุย รอบตัวเริ่มชุลมุนหนักขึ้นทุกที เขารู้สึกเหมือนทุกคนเบียดเป็นวงล้อม กลุ่มทหารเปิดวงจรอะไรบางอย่างที่คล้ายกับสร้างเกราะที่มองไม่เห็นขึ้นมากันไม่ให้เขากับอเล็กซิสเป็นลูกหลง (แม้จะแส่หาเรื่องเข้ามาเอง) เมื่อพวกเขาทำลายบานเหล็กได้สำเร็จก็รีบพากันออกมาทั้งหมด“บ้าชะมัด ฉันบอกให้พวกเธอรอ แล้วเข้ามาได้ไง” แสตนเนอร์ตามมาเอ็ด ทั้งเขาและอเล็กซิสคล้องแขนแล้วก้มหน้า ทหารคนหนึ่งรีบดึงดาบในมือออกไปด้วยโดยไม่หันมามองว่าสีหน้าไมเคิลอาลัยมันแค่ไหน ดูเหมือนว่าหุ่นยนต์มีหน้าที่ปกป้องตึก เมื่อผู้บุกรุกออกไป มันกลับไม่ตาม ทั้งหมดมองกลับไปเห็นหุ่นเหล็กยืนสงบ ดวงตาสีแดงอับแสงลง“คุณจะโกรธพวกเราไม่ได้” เพื่อนสาวดูท่าจะรวบรวมความกล้าได้ก่อน “พวกคุณไม่บอกอะไรเราเลย ฉันอยากจะช่วยเบ็กกี้” อเล็กซิสระเบิดออกมาได้แป๊บเดียวเท่านั้น ท่าทางดั่งสิงโตเมื่อกี้หายกลายเป็นลูกแมวเมื่อเธอมองสภาพทหารบางคนที่รอดออกมา ร่างพวกเขาโชกเลือด ไมเคิลรู้ดี
กลุ่มทหารยกพลกันมาสองคันรถ ตัวรถถังกึ่งรถบรรทุกจุคนได้ราวยี่สิบ เขานับเมื่อทั้งหมดออกมาจากรถ บวกกับพลเดินเท้าอีกหยิบมือก็ได้สี่สิบกว่า ทั้งหมดสวมชุดป้องกันและอาวุธพร้อม ไมเคิลตัดสินใจดูเชิงอยู่ห่าง ๆ พวกเขากำลังจะบุกเข้าไปในตึกสูงเจ็ดชั้นซึ่งเมื่อก่อนน่าจะเป็นศูนย์บังคับการกลางของเขตราซา ตัวตึกเป็นทรงห้าเหลี่ยมขนาดกว้างพอดู ไมเคิลกับอเล็กซิสเล็งไว้ว่าจะเข้าไปหลังจากพักเหนื่อยแต่ถูกตัดหน้าเสียก่อน เจ้าหน้าที่รายหนึ่งถือแผ่นจอสกรีนแบบที่พวกเขาชอบพกกัน (มีไว้ครอบครองเพียงแค่ข้าราชการ) กดอะไรบางอย่างแล้วปรึกษากับเจ้าหน้าที่อีกคน สักพัก คนที่สองยกมือหมุนรอบหนึ่ง ทหารทุกนายหันหน้ามาพร้อมเพรียง“ระวังตัวให้มากที่สุด และพยายามหาตัวประกันให้เจอ ผู้ต้องสงสัยทุกรายขอให้จับเป็น แต่หากขัดขืน สังหารทิ้งได้ทันที เราจะไม่เสียกำลังพลของเราเพื่อแลกกับพวกมัน นอกจากปกป้องตัวประกัน คำสั่งของท่านซีโนฮอฟเป็นอันว่าที่สุด”ทั้งหมดยกมือขวาทาบอกตอบพร้อมกันว่า “ขอรับ!”เขามองหน้าอเล็กซิส “ซีโนฮอฟ เธอเคยได้ยินชื่อนี้ไหม”เพื่อนข้างตัวส่ายหน้า &ldqu
รสช็อกโกแลตในปากออกขมมากกว่าหวาน เขาคลี่ซองดูเห็นว่ามันเป็นรสดาร์ก หยิบผิดหรือนี่ อันที่จริงเขาน่าจะพอเดาที่มาอารมณ์หดหู่ของเธอได้ “มันไม่ใช่ความผิดของเธอนะ”อเล็กซิสยังคงไม่สบตา เขามองเธออย่างเข้าใจ เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการแพทย์ช่วยลบรอยแผลทุกอย่างออกจากตัวเธอ เขาจึงไม่อาจรู้ได้ว่าเธอถูกกระทำอะไรบ้าง มีเพียงรอยหมัดของหนุ่มผิวแทนคนนั้นที่ฝากไว้บนหน้า สิ่งเดียวที่เขาสังเกตเห็นคือเธอผอมลงและเงียบผิดปกติ มันมีบางอย่างในใจที่เธอเก็บไว้แล้วไม่บอกใคร เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะท่าทางของเธอเหมือนกับแม่ยามคิดถึงพ่อ เอาแต่โทษตัวเอง หมกมุ่นกับความคิดร้ายต่าง ๆ นานา และแม้ปาสคาลจะปลอบเธอเท่าไร แม่ก็ไม่เคยสดใสขึ้นอีกเลยเขานั่งลง เผชิญหน้ากับอเล็กซิส “เธออยากมาที่นี่ ส่วนหนึ่งเพื่อหาร่องรอยเบ็กกี้ และอีกส่วนคือเธอไม่อยากเจอคนอื่นใช่ไหม”อเล็กซิสไม่ตอบ เขาไม่ชอบเวลาเธอเงียบแบบนี้เลย ปกติแล้ว มันควรเป็นตัวเขาสิ แต่ตั้งแต่เวดถูกพาตัวไปไหนก็ไม่รู้ จนอเล็กซ์งี่เง่าแล้วพวกเขาเลิกกัน แล้วมาเรื่องนี้เอง ไมเคิลไม่คิดว่าอเล็กซิสคนเดิมจะกล
ฝนตกเหมือนไม่มีวันหยุด แม้ไมเคิลสวมชุดกันฝนไว้แต่มันไม่ได้สบายตัวเท่าไรนัก เพราะเมื่อขยับจะเกิดเสียงเสียดสี ทำไมตกกระหน่ำอย่างนี้วะ มันเหมือนกับไม่ใช่ฝน แต่เป็นมวลน้ำเทโครมลงบนหัว แถมยังรู้สึกว่าน้ำซึมผ่านเสื้อข้างใน เขาไม่ชอบให้ตัวเปียกเหนอะหนะ“ตกหนักชะมัด ตกหนักที่สุดเท่าที่เคยอยู่มาแล้ว” เรมีกอดอก ส่วนอเล็กซิสยืนรอเงียบ ๆ คนอื่นอาจหาว่าบ้าที่พวกเขาตัดสินใจลักลอบเข้าเขตราซาโดยใช้เวลาไตร่ตรองไม่ถึงนาทีดี ในเมื่อมีกฎห้ามไม่ให้เข้า แต่ใช่ว่าไม่มีคนทำ ตรงกันข้าม มีคนลักลอบเข้าไปเยอะแยะ เมื่อวานก่อน ไมเคิลกับเรมีเข้าไปในตลาดมือสองแล้วพบว่าพวกพ่อค้านำสินค้าราคาถูกมาจากเขตนี้ พวกเขาลักลอบเข้าไปหยิบของเหลือทิ้งมาขายต่อหรือใช้เองบ่อยครั้ง สบู่แชมพูอายุสองปี เศษเสื้อผ้า ทุกอย่างที่ยังไม่หมดอายุ ราคาของในตลาดจึงถูกกว่าในซูเปอร์ และเมื่อเขาบอกเรื่องนี้กับอเล็กซิส เธอต้องการตามหาเบ็กกี้ที่นี่เรมีมองนาฬิกาแล้วก้มตัวลงหยิบอิฐออกทีละก้อน ปากบ่นไป “เทสซ่าจะยอมให้หมอนั่นมาหรือเปล่า พักหลังทำตัวเป็นคุณแม่ขี้บ่นอยู่”ไมเคิลไม่คิดว่าเธอทำตัวเป็นคุณแม่หรอก เทสซ่าห่างไกลจากคำนี้มาก แต่เพราะเธอต้องทำหน้า
เธอกลับเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้ง อเล็กซิสพยายามปลุกสติตัวเอง เล็บของเบ็กกี้จิกลึกมากขึ้นทุกที เลือดไหลทะลักจากใต้ผิว ทุกอย่างช้าลงตรงข้ามกับความรู้สึกที่ทวีคูณ เล็บค่อย ๆ ฉีกออกจากกัน บางนิ้วฝังแล้วกรีดลงบนเนื้อเธอ หนังค่อย ๆ ปริแยกออกพร้อมลาวาสีเลือดเอ่อล้น กล้ามเนื้อขึ้นเป็นเส้นหนาเกร็งไปจนถึงขมับ ตัวเธอถูกยกขึ้นสูงแล้วดิ่งลงปะทะกับพื้น ริมฝีปากชิมน้ำสกปรกและคราบเลือด ใบหน้าถูไถลไป...ตื่น!เธอลืมตาโพล่ง ความทรงจำชัดขึ้นทุกทีจนอเล็กซิสแทบไม่อยากนอน แต่แล้วจำต้องหลับตาอีกรอบเพราะเจ็บเบ้าตาก่อนจะสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนไอสำลักออกมา มือใครสักคนแปะอยู่บนศีรษะแล้วเลื่อนมาจับไหล่เธอไว้ อเล็กซิสลุกขึ้นนั่งทันที ตกใจ พอมองเต็มตาจึงเห็นดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องกลับมา“ไมเคิล...”คงเรียกว่าเป็นเด็กหนุ่มผมเงินไม่ได้แล้ว เพราะเฉดผมสีน้ำตาลเริ่มโผล่ออกมามากขึ้น มุมปากของเขาเชิดขึ้น อมยิ้มบาง ๆ “เธอผอมไปนะ”ทันใดนั้น อเล็กซิสโผเข้ากอดเขา เธอไม่ได้ฝันไป และข้างหลังไมเคิลคือเรมีที่นั่งมองพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น เธอกวาดตามอง
เธอนิ่งคิดเมื่อเดสซิเรถามคำถามนี้ เพราะเหตุนี้วันนี้เธอจึงตัดสินใจจะพบไมเคิล แต่ขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจความคิดตัวเอง “ก็...”ข้างหลังตึกมีพื้นที่โล่ง ๆ ขนาดเท่าครึ่งสนามบาสเกตบอล เอมอนสวมเสื้อกล้ามเผยผิวแทนแกว่งแขนไปมา เขาพยักหน้าให้หญิงสาวข้างอเล็กซิสแต่นัยน์ตานั้นเป็นประกายปิดบังความสนใจของตัวเองไม่อยู่ แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะอธิบายเป็นคำพูดยาก สิ่งหนึ่งที่อเล็กซิสมั่นใจคือ เอมอนหลงรักเดสซิเร เขาไม่ได้มองเธอเป็นเพื่อน-กิน-กัน-มัน-ดีแต่อย่างใด แต่ฝ่ายหญิงคิดอย่างไร เธอเดาไม่ออกเด็กสาวกวาดตามองโดยรอบแต่ไม่เห็นอุปกรณ์ใด ๆ เลยนอกจากนวมสีน้ำเงิน“นายนี่นะ จะฝึกสาว” เดสซิเรกอดอก ทำเสียงดูแคลน “แน่ใจรึ”ชายหนุ่มยักไหล่ “ก็...ฉันทำร้ายผู้หญิงไม่ลงเธอก็รู้” เขาโยนนวมชกให้อเล็กซิส “ดังนั้น เริ่มบทเรียนด้วยการโดนตัวฉันให้ได้ดีกว่า”เดสซิเรผิวปาก ทึ่ง “เข้าใจคิดนี่”ทว่าคนที่ถูกฝึกกลับผิดหวัง อเล็กซิสอยากให้เขาทำให้เธอแข็งแกร่ง“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเสียใจสิ จ
ผ้าห่มสีขาวสะอาดส่งกลิ่นหอมจากการอบความร้อนฆ่าเชื้อ เธอพยายามลุกขึ้นแต่เหมือนติดอยู่ในร่างนี้ เสียงกรีดร้องของเอเลน่าดังเข้าโสตประสาทประหนึ่งมีพลังสั่นคลอนสะเทือนไปจนถึงแกนหูข้างใน อเล็กซิสหันไปเห็นเธออยู่ในสภาพมัดติดกับเตียง เธอร้องระบายความเจ็บปวดข้างในจนขากรรไกรแทบฉีกออกจากกัน “ฆ่าฉันซะ ฆ่าฉันซะ” ราวเหล็กบนเตียงกระตุกรัว อเล็กซิสมองดูเหมือนเตียงจะถล่มตามแรงเคลื่อนไหว เสียงหวีดร้องกรีดหัวใจจนอยากตะโกนบอกให้พวกเขา...ฆ่าเธอซะ ทำตามที่เธออ้อนวอน“เราจะทำอย่างไรดีคะคุณหมอ” “ทำตามที่เธอปรารถนา เราช่วยเธอไม่ได้แล้ว” อเล็กซิสมองทรอย เห็นแต่เพียงแผ่นหลังและผมสีเทา พวกเขาเข็นเตียงเธอออกไปตามคำสั่ง ไม่นานเสียงเอเลน่าสงบลง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นเด็กสาว“มันอยู่ในตัวเธอด้วย”เธอส่ายหน้า “ฉันกำลังจะตายเหมือนเธอเหรอคะ”ทรอยไม่ตอบ“มันอยู่ในตัวเธอ”“มันอยู่ในตัวเธอ”อเล
“อย่าปล่อยเด็ดขาด”น้ำตาเด็กสาวไหลรินหยดลงบนแขน ความเค็มของน้ำตาทำให้แผลแสบร้อนนิด ๆ นิ้วของเบ็กกี้จิกลึกลงบนแขนจนเลือดไหลซิบ อเล็กซิสกัดฟันทนความเจ็บปวดทุกอย่าง ขืนตัวรั้งเพื่อนไว้ไม่ให้พวกมันเอาตัวไปได้ ชายสองคนต่างพยายามแยกพวกเธอออกจากกันราวกับเล่นชักเย่อ “ใช้มันซะ เบ็กกี้ ได้โปรด” เธอขอร้อง “ได้โปรด...” เด็กสาวหวีดร้อง เล็บที่จิกอยู่กับเนื้อฉีกขาดฝังอยู่ข้างในเนื้อของเธอ บางนิ้วมีเล็บแข็งเกินจึงเฉือนฉวัดขูดผิวเป็นรอยยาว เสียงดังตุบกลางหลังเด็กสาว เบ็กกี้ล้มฟุบลงกับพื้น ยูฟุนแบกร่างเธอออกไปพร้อมกับเด็กอีกคน“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” เกรกอรี่พึมพำแล้วเหวี่ยงตัวอเล็กซิสลงไปกองกับพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำโสโครกผสมเลือดเจิ่งนอง เธอตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นไม่ทันไรก็ล้มลง เด็กแฝดที่ยังเหลืออีกคนถูกโขกกับกำแพงดังจนคล้ายกับกะโหลกแตก ร่างอ่อนปวกเปียกไถลครูดลงเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิต อเล็กซิสปากสั่น เกรกอรี่ย่างสามขุมแล้วกดหน้าเธอลงกับพื้นก่อนจะมัดมือไพล่หลัง เธอดิ้นจนแขนเสียดสีกับเชือก รอยแผลที่เบ็กก
อาคุสะนอนอยู่บนเตียงนิ่งเหมือนไม่ได้ยินใครทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เธอตะลึงมากที่สุดคือออร่าหลากสีที่ล้อมเป็นรัศมีรอบตัวเขา พอเธอเขยิบเข้าไป อเล็กซ์ดึงแขนรั้งไว้ทันที “อย่า มันอันตราย”ชายหนุ่มเกาแก้มตัวเอง “ฉันโดนแล้ว มันเหมือนกับพลังของเขากระจายรอบตัว ถ้าเธอเข้าไปในรัศมีนั้นจะเหมือนคนบ้า ทั้งร้องไห้ หัวเราะ ด่าทุกสิ่ง ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะสงบลงได้”หญิงสาวเขยิบถอยหลังทันที ออร่าที่พุ่งออกมาทำให้อาคุสะเหมือนกับเจ้าชายนิทราต้องสาปประมาณนั้น “มันเกิดอะไรขึ้น เพราะแบบนี้ใช่ไหม พวกนายถึงไม่ส่งข่าวมา”เขาพยักหน้า ชายหนุ่มเชื้อเชิญให้เธอหาที่นั่งเอง ส่วนเขาเดินเก็บของผ่านหน้าไปมา ปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น “พวกเราชนะเควสทั้งสองระดับ วันต่อมาระดับสามเปิด พวกเราก็เลยลอง”“บ้าไปแล้ว” เทสซ่าร้อง“ก็จริง” เขาหัวเราะ เธอไม่ได้เห็นเสียงหัวเราะของเขามานานแล้วตั้งแต่เบนจากไป หนุ่มผมดำผู้นี้มีลักษณะเหมือนคนหลายบุคลิก บางครั้งยียวน บางครั้งเงียบขรึม บางครั้งกราดเกรี้ยว “อาคุสะเกือบตาย