“คิดถึงพ่อขาจนทนไม่ไหวเลยเหรอคะถึงได้รีบตื่นแต่เช้ามาที่นี่”เมื่อเห็นว่ามารดาตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเดินทางมาทำมื้อเช้าให้บิดาแก้มใสก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวอย่างอารมณ์ดีก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปกอดเอวมารดาด้วยความคิดถึง ตอนที่เธอกลับมาเธอแวะไปเยี่ยมมารดาแล้วครั้งหนึ่งหลังจากนั้นเธอก็แทบจะไม่มีเวลากระดิกตัวไปไหนเพราะมีทั้งเรื่องงานและเรื่องของลูกสาวรอคอยให้เธอจัดการให้เรียบร้อยซึ่งวันนี้ก็เช่นกันแก้มใสมีงานที่ต้องทำทั้งวัน“แม่ขาไม่ได้คิดถึงพ่อขาคนเดียวซะหน่อย แม่ขาคิดถึงเรากับกอหญ้าแล้วก็ตาหมอด้วยต่างหากก็เลยรีบตื่นแต่เช้ามาทำของโปรดของทุกคนให้กินก่อนไปทำงาน”คำตอบที่แสดงถึงความใส่ใจและห่วงใยคนในครอบครัวของคุณยายที่รักทำให้ภีมวัจน์ที่ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกได้แต่ฟังด้วยความรู้สึกขมขื่นอยู่ในใจมันจะดีสักแค่ไหนกันนะถ้าคนในครอบครัวของเขาตอนนี้รักใคร่และห่วงใยเขาแบบนี้บ้าง“อ้อ เกือบลืมไปตอนนี้มีว่าที่หลานเขยเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนแล้วเดี๋ยววันหลังยายจะทำของอร่อยๆให้เรากินก่อนไปทำงานนะรับรองว่าอร่อยเหมือนที่บ้านของเราเลยแหละ”ภีมวัจน์ถึงกับหลุดออกจากภวังค์ความคิดเมื่อคุณยายที่รักรวมเขาเข้า
ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้ามาสายตาของภีมวัจน์ก็ปะทะเข้ากับรอยยิ้มของดารัณก่อนเป็นคนแรกก่อนที่เขาจะมองเลยผ่านไปอย่างไม่แยแสและหยุดสายตาลงบนร่างของชายชราที่นั่งอย่างมั่นคงบนโซฟาใบหน้าที่แลดูน่าเกรงขามค่อยๆเผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้หลานชายที่ไม่ค่อยได้พบหน้ากันเพราะงานที่รัดตัวของอีกฝ่ายส่วนดารัณนั้นรีบเก็บรอยยิ้มกลับคืนอย่างไม่เต็มใจแต่เธอจะทำอย่างไรได้เมื่อลูกเลี้ยงที่เธอเกลียดชังยิ่งกว่าสิ่งใดไม่เหลือบแลเธอแม้แต่หางตาภีมวัจน์ยังคงกุมมือกอหญ้าเอาไว้อย่างแนบแน่นไม่ยอมปล่อยเขาเดินจูงมือเธอไปนั่งลงบนโซฟาพร้อมเงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นปู่พร้อมเอ่ยถามถึงเรื่องการมาเยือนของท่านด้วยความสงสัยระคนแปลกใจเพราะน้อยครั้งนักที่คุณปู่ของเขาจะแวะมาที่บริษัทถ้าไม่บังเอิญผ่านมาจริงๆหรือว่ามีใครบางคนพูดอะไรกับท่านๆถึงได้มารอเขาตั้งแต่ที่เขายังไม่มาทำงานซึ่งผิดวิสัยของท่านมากๆ“คุณปู่มีธุระอะไรหรือเปล่าครับถึงได้มาหาภีมแต่เช้าเชียว”ประโยคทักทายของหลานชายทำให้ชายชราเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนที่เขาจะมองคนที่นั่งอยู่เคียงข้างภีมวัจน์ด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มสาเหตุที่เขามาหาหลานชายในวันนี้เป็นเพราะดารัณหลุดปากพูดออ
หลังจากเลิกงานแล้วกอหญ้ากับภีมวัจน์ก็รีบเดินทางกลับบ้านทันทีเพราะไม่อยากให้คุณปู่ต้องรอนานส่วนวัตถุดิบที่จะใช้ทำอาหารของวันนี้กอหญ้ามอบหมายให้ลูกน้องทั้งสองของเธอไปจัดเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วซึ่งเมนูที่กอหญ้าตั้งใจจะทำให้คุณปู่ทานในวันนี้ก็คือข้าวแช่ชาววังเพราะว่าอยู่ในช่วงหน้าร้อนกอหญ้าจึงอยากจะทำเมนูคลายร้อนที่ทานง่ายถึงแม้ว่าขั้นตอนของการทำอาจจะดูยุ่งยากและต้องพิถีพิถันมากหน่อยแต่ไม่เป็นปัญหากับเธอแต่อย่างใดเพราะตั้งแต่เด็กจนโตคุณยายก็มักจะทำเมนูนี้ให้ครอบครัวทานในหน้าร้อนตลอดกอหญ้ากับรามสูรจึงได้รับการถ่ายทอดฝีมือมาจากคุณยายโดยตรงรสชาติที่ทั้งสองพี่น้องทำจึงอร่อยเทียบเท่ากับฝีมือของคุณยายที่รักทีเดียว“ทำไมคุณถึงทำกับข้าวเก่งจัง”ภีมวัจน์ที่คอยเป็นลูกมือช่วยกอหญ้าทำมื้อเย็นเอ่ยถามเธอด้วยความอยากรู้เขาจำได้ว่าตั้งแต่ที่กอหญ้าประกาศกับเขาว่าจะต้องทำให้เขาหวั่นไหวให้ได้เธอก็ทำมื้อเช้ามาให้เขาซึ่งรสชาติของอาหารมื้อแรกที่ได้รับการเอาใจใส่(ที่หวังผล)จากเธอนั้นรสชาติค่อนข้างอร่อยและถูกปากของเขามากออกไปทางคล้ายกับรสมือของแม่ที่เขาเคยทานในอดีตวัยเยาว์นี่เขาไม่ได้ต้องการอวดหรืออวยเ
เนื่องจากเมื่อวานภีมวัจน์ต้องกลับไปทานอาหารมื้อค่ำกับครอบครัวการเริ่มต้นฝึกความแข็งแกร่งกับแก้มใสตามข้อตกลงบังคับแกมขู่เข็ญจึงต้องเลื่อนเป็นวันถัดไปและวันนี้หลังจากที่จัดการกับงานตรงหน้าเสร็จเรียบร้อยและโยนงานกองใหญ่ที่เหลือให้เตชินทร์รับช่วงต่อแล้วภีมวัจน์ก็เตรียมตัวพากอหญ้าเดินทางกลับบ้านของเธอทันทีทำให้คนที่ใบหน้าแทบจะจมลงบนเอกสารที่อยู่ตรงหน้าได้แต่เอ่ยขึ้นด้วยความน้อยอกน้อยใจ“ตั้งแต่กลับมาทำงานท่านประธานก็ใช้งานผมจนแทบไม่ได้พักเลยนะครับ ผมเหนื่อยจะตายอยู่แล้วท่านประธานรู้ไหม? ฮือ ฮือ เวรกรรมอะไรของแกนะเตชินทร์ถึงได้เจอะได้เจอกับท่านประธานที่ช่างโหดเหี้ยมใช้งานไม่ให้หยุดพักแบบนี้”เสียงร้องไห้คร่ำครวญที่แสร้งทำกับใบหน้าหล่อเหลาที่ไร้ซึ่งหยดน้ำตาทำให้ภีมวัจน์อดใจไม่ไหวจับปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะโยนใส่เตชินทร์ที่เบี่ยงตัวหลบด้วยความรวดเร็วเพราะเขาคุ้นชินกับการชอบโยนปากกาใส่เขาในยามโกรธของภีมวัจน์แล้ว“แบร่ โยนให้ตายก็ไม่มีทางโดน คิก คิก คิก”คนที่แสร้งทำตัวน่าสงสารก่อนหน้านี้แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ภีมวัจน์ด้วยความเจ้าเล่ห์ก่อนที่เขาจะส่งค้อนให้ภีมวัจน์ทิ้งท้ายเมื่อรู้ว่าต่อให้ทำตัวน่าสงสารอ
เพราะถูกแม่ยายเคี่ยวกรำอย่างโหดเหี้ยมทำให้ภีมวัจน์ตั้งใจเรียนรู้วิชาการต่อสู้เป็นอย่างมากหลังจากวันแรกที่เขาเรียนรู้ขั้นพื้นฐานไปแล้ววันต่อมาแก้มใสก็มอบหมายให้ไทเลอร์อาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ประจำตระกูลพิสิฐกุลวัตรดิลกรับหน้าที่คอยฝึกสอนภีมวัจน์ที่ไม่ได้หัวไวเพียงแค่คำพูดอวดอ้างเท่านั้นแต่เพราะเขาเป็นคนที่ช่างสังเกตุและระมัดระวังอยู่เสมอทำให้เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนฝีมือของภีมวัจน์นั้นเรียกได้ว่าร้ายกาจไม่แพ้ลูกน้องของวายุเลยแม้แต่น้อย “เรียนรู้ได้ไวดีนี่”หลังจากที่ได้รับรายงานความก้าวหน้าในการฝึกซ้อมการต่อสู้ของลูกเขยแก้มใสที่กำลังนั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจอยู่ที่โรงพยาบาลก็วิ่งแจ้นกลับบ้านทันทีด้วยความดีใจเจ้าเด็กคนนี้ไม่ทำให้เธอผิดหวังเลยสงสัยคำพูดที่บอกว่าตัวเองหัวไวสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วไม่ใช่แค่คำโอ้อวดซะแล้วไม่เสียแรงที่ลูกสาวเธอทั้งรักและหลงเขาราวกับแมลงวันตอมขี้ เอ๊ะ !! คำเปรียบเทียบของเธอทำไมฟังดูทะแม่งชอบกลนะภีมวัจน์ที่เป็นขี้ที่ถูกแมลงวันตอม “_”กอหญ้าที่ถูกเปรียบเทียบว่าเป็นแมลงวันตอมขี้ “_”“ตอนนี้เชื่อใจผมได้หรือยังครับว่าผมสามารถปกป้องกอหญ้าได้แน่นอน”คนที่
โรงพยาบาล N ภายในห้องพักผู้ป่วยที่อบอวลไปด้วยกลิ่นยาภีมวัจน์ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดดวงตาคู่คมกระพริบไปมาหลายครั้งเพื่อปรับให้เข้ากับแสงสว่างภายในห้องก่อนที่ภาพเลือนรางตรงหน้าจะค่อยๆชัดเจนขึ้นตามลำดับจนกระทั่งใบหน้างดงามของใครบางคนสะท้อนเข้าสู่สายตาของเขา ภีมวัจน์ค่อยๆใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มียันร่างลุกขึ้นจากเตียงก่อนที่มือหยาบกร้านเพราะผ่านการฝึกที่หนักหน่วงจะแตะลงบนแก้มเนียนของกอหญ้าที่กำลังนอนฟุบหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงคนไข้ของเขา หมับ เมื่อประสาทสัมผัสรับรู้ที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาทำงานแม้ว่าดวงตาคู่งามจะปิดสนิทมือของกอหญ้าก็รีบคว้าจับมือที่กำลังแตะลงบนแก้มของเธอด้วยความรวดเร็วทันที“ตื่นแล้วเหรอคะ?”น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามภีมวัจน์ด้วยความดีใจใบหน้าที่ตอนแรกยังคงมีความงัวเงียให้เห็นอยู่บ้างพลันตื่นเต็มตาเมื่อเห็นว่าคนที่เธอนอนเฝ้าเขามาหนึ่งคืนเต็มๆฟื้นแล้ว“ขืนผมยังนอนไม่ยอมลุกแม่ยายคงได้ตามมาตีผมหลังหักอีกแน่ ๆ โทษฐานที่ทำให้ลูกสาวของท่านต้องมานอนเฝ้าทั้งคืน”กอหญ้าหลุดเราะออกมาด้วยความขบขันกับคำพูดติดตลกของภีมวัจน์ก่อนที่เธอจะแนบใบหน้าเล็กเรียวลงบนฝ่ามือให
ในขณะที่ภีมวัจน์กำลังนอนหลับพักผ่อนอย่างสบายใจส่วนกอหญ้าเองก็กำลังจัดการกับเอกสารตรงหน้าอย่างผ่อนคลายสบายอารมณ์เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเบาๆติดกันสามครั้งกอหญ้าเอ่ยปากอนุญาตโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากตัวหนังสือบนเอกสารแม้แต่ตัวเดียวก่อนที่ผู้มาเยือนจะค่อยๆกระชากประตูเปิดออกและวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นตันใจจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมาอยู่ร่อมร่อ“ท่านประธานของเต”เสียงแผดร้องโหยหวนของเตชินทร์ทำให้ภีมวัจน์ที่กำลังนอนหลับสนิทถึงกับสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจเขายังไม่ทันได้เอ่ยถามกอหญ้าว่าเกิดอะไรขึ้นก็ถูกใครบางคนโถมเข้ามากอดเอาไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว“ฮือ ฮือ ท่านประธานใครมันกล้าทำให้ท่านประธานตกอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้แบบนี้”ถึงแม้น้ำเสียงจะฟังดูสะอึกสะอื้นคล้ายดั่งคนที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างหนักแต่ใบหน้าที่ซบลงบนไหล่ของภีมวัจน์กลับแอบเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย หึ หึ สงสัยพระเจ้าต้องสงสารเขาอย่างแน่นอนที่ถูกเจ้านายใช้งานจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนถึงได้ลงโทษเจ้านายของเขาให้ตกอยู่ในสภาพคิ้วแตกปากแตกแบบนี้ คิก คิก เตชินทร์ลอบหัวเราะในใจเขานั้นทั้งนึกสะใจและห่วงใยไปในคร
กลิ่นกายหอมกรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของกอหญ้าที่ลอยเข้ามาแตะจมูกทำให้ภีมวัจน์ที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่เตียงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองก่อนที่ดวงตาคู่คมของเขาจะเบิกกว้างเล็กน้อยจ้องมองกอหญ้าที่สวมชุดนอนลายเสือที่แทบจะปกปิดความอวบอิ่มของร่างกายเอาไว้ไม่มิดด้วยความตกตะลึงฉับพลันนั้นอยู่ ๆ เลือดลมภายในร่างกายของภีมวัจน์ก็แล่นพล่านสูบฉีดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนความร้อนรุ่มราวกับถูกยาปลุกเซ็กซ์ตรงเข้าจู่โจมอย่างกะทันหันเพียงแค่เห็นผิวเนื้อขาวเนียนราวกับหยกชั้นดีภายใต้เนื้อผ้าบางเบา เขาอยากสัมผัสลูบไล้ให้ถึงใจคือความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวของภีมวัจน์ตัวหนังสือที่เขาอ่านก่อนหน้านี้ถูกความคิดเหล่านี้ตีจนกระเจิดกระเจิงกระเด็นลอยไปไกล“ทะ ทำไมวันนี้ถึงได้ใส่ชุดนี้ล่ะคะ ปกติผมไม่เคยเห็นคุณใส่ชุดแบบนี้มาก่อนเลย”อึกภีมวัจน์เอ่ยถามกอหญ้าด้วยดวงตาที่พราวระยับเผยความต้องการอย่างปิดไม่มิดลำคอรู้สึกแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนที่กอหญ้าจะเดินมาหยุดลงที่ข้างเตียงและทิ้งตัวลงนั่งบนตักของเขาทำเอาคนที่ถูกจู่โจมถึงกับยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจสองมือโยนหนังสือที่ตั้งใจอ่านทิ้งลงข้างเตียงอย่างไม่ใยดีและเปลี่ยนมาโอบ