“เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงกลับบ้านมาด้วยสภาพแบบนี้” ดารัณเอ่ยถามลูกชายที่ถูกลูกน้องประคองเข้ามาภายในบ้านด้วยสภาพทุลักทุเลสีหน้าของดนัยในยามนี้แสดงออกว่าเจ็บปวดมากส่งผลให้เธอถึงกับรู้สึกปวดใจไม่ว่าลูกชายของเธอจะยังเป็นเด็กหรือเติบโตเป็นหนุ่มเช่นเวลานี้เธอก็มักจะรู้สึกเจ็บปวดเสมอในยามที่เขาได้รับบาดเจ็บกลับมา “หึ นัยไม่ทันระวังเลยโดนหมามันจับทุ่มเอา อูย เบาๆหน่อยไม่ได้หรือไงว่ะเจ็บจะตายห่าอยู่แล้ว”เสียงตวาดด้วยความเจ็บของดนัยทำให้ลูกน้องทั้งสองคนที่กำลังประคองเขาให้นั่งลงบนโซฟาถึงกับสะดุ้งตกใจจนแทบจะปล่อยมือเขาให้ล้มลงไปนั่งเองยังดีที่ดนัยคว้าแขนของคนทั้งคู่ไว้ได้ทันพร้อมถลึงตาใส่ลูกน้องที่ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวด้วยสีหน้าดุดัน“เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆไม่ได้เรื่องเลยสักคนจะไปไหนก็ไปรำคาญจริงๆเลย”เมื่อได้ยินผู้เป็นเจ้านายเอ่ยปากไล่ลูกน้องทั้งสองคนก็ไม่รอช้าที่จะเผ่นแนบออกไปทันทีขืนพวกเขายังอยู่ตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าดนัยจะโมโหคลุ้มคลั่งจนเผลอทำร้ายร่างกายของพวกเขาทั้งสองคนเหมือนที่ผ่านมาหรือเปล่าพอได้ยินว่าเจ้านายรำคาญพวกเขาก็รู้สึกดีใจจนแทบจะกอดคอกันร้องไห้ทีเดียวเป็นลูกน้องค
คอนโด Aแกรกแอด“คุณกอหญ้าจ๋าเตชินทร์มาแล้ว”เสียงที่ดังมาก่อนตัวทำให้กอหญ้าที่กำลังไล่สายตาไปตามตัวอักษรบนเอกสารที่อยู่ในมือค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองไปทางต้นเสียงด้วยรอยยิ้มละมุนส่วนภีมวัจน์ที่นั่งอยู่ข้างๆใบหน้าหล่อเหลาพลันบึ้งตึงเมื่อคนที่เตชินทร์ตะโกนบอกการมาถึงของตัวเองคือกอหญ้าทั้ง ๆ ที่เขาต่างหากที่เป็นเจ้านายเหอะ พอมีเพื่อนใหม่เจ้านายอย่างเขาก็ไม่อยู่ในสายตาเสียแล้วมันช่างน่าเจ็บใจนักรอเพียงไม่นานเจ้าของน้ำเสียงสดใสก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าของคนทั้งสองใบหน้าหล่อเหลาพลันฉีกยิ้มกว้างให้ทั้งคู่ด้วยความดีใจก่อนที่เตชินทร์จะรีบเดินเข้ามาหาภีมวัจน์และก้มหัวทำความเคารพเจ้านายส่วนกอหญ้าเตชินทร์ทำเพียงขยิบตาทักทายอีกฝ่ายเท่านั้น“ตกลงว่าฉันหรือกอหญ้ากันแน่ที่เป็นเจ้านายของแก มาถึงก็เรียกเมียฉันเสียงอ่อนเสียงหวานเชียวนะ”ภีมวัจน์เอ่ยถามเตชินทร์พร้อมถลึงตาใส่เขาไปรอบหนึ่งแล้วยกมือขึ้นกอดอกพร้อมเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาทำให้คนที่ลืมตัวเรียกหากอหญ้าก่อนภีมวัจน์ที่เป็นเจ้านายถึงกับลอบกลืนน้ำลายด้วยความหวาดหวั่น เฮ้อ เตชินทร์นะเตชินทร์กลับมาทำงานทั้งทีก็หาเรื่องใส่ตัวซะแล้ว“เจ้านายของเตชินทร์ก็ต้องเ
คฤหาสน์เก้าทัพกลิ่นหอมของข้าวต้มหมูสับทรงเครื่องที่ลอยมาแตะจมูกทำให้รอยยิ้มอ่อนโยนพลันเผยขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยชุดสูทเรียบหรูแลดูภูมิฐานและน่ายำเกรงเขาค่อยๆก้าวเข้าไปในห้องอาหารที่มีร่างบอบบางของใครบางคนกำลังวางแก้วน้ำส้มคั้นสดลงตรงตำแหน่งที่นั่งประจำของเขาอย่างเบามือ“ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจังเลยคะพี่เก้าตื่นขึ้นมาบนเตียงก็ไม่มีคนให้นอนกอดแล้ว”น้ำเสียงอ่อนโยนที่มาพร้อมอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นทำให้คนที่เพิ่งจัดเตรียมมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยๆหันมามองใบหน้าหน้าหล่อเหลาที่ยู่ปากเล็กน้อยคล้ายกำลังน้อยใจที่เธอทิ้งให้เขาตื่นขึ้นมาเพียงลำพังทั้ง ๆที่ปกติแล้วทั้งคู่มักจะตื่นพร้อมกันเสมอ“นอนหลับสบายมาหลายวันแล้วนับก็อยากจะตื่นขึ้นมายืดเส้นยืดสายด้วยการทำมื้อเช้าให้พี่เก้าบ้าง”ถ้าหากเก้าทัพคือความอ่อนโยนนับดาวก็คงจะเป็นความหอมหวานละมุนที่ชวนให้เก้าทัพตกหลุมรักครั้งแล้วครั้งเล่าถึงแม้ว่าปัจจุบันทั้งคู่จะครองรักกันมานานหลายปีแล้วก็ตาม“มื้อเย็นนับเข้าครัวทำอาหารให้พี่เก้ากินทุกวันแล้ว มื้อเช้าก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่บ้านเขาทำไปเถอะค่ะพี่เก้าอยากให้นับพักผ่อนบ้างจะไ
ท่ามกลางบรรดานักธุรกิจที่กำลังเดินสวนกันไปมาบ้างก็หยุดทักทายเมื่อเจอคนรู้จักร่างสูงของใครบางคนที่กำลังเดินผ่านกลุ่มคนเหล่านั้นเรียกความสนใจจากสายตาทุกคู่ให้มองมาที่เขาด้วยความแปลกใจระคนสงสัยว่าเหตุใดทายาทรุ่นที่หนึ่งลำดับที่สองอย่างเก้าทัพ พิสิฐกุลวัตรดิลก ถึงได้ปรากฏตัวอยู่ ณ ที่แห่งนี้เวลานี้สำหรับทุกคนที่ต่างรู้จักคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วเก้าทัพคือคนแปลกหน้าทว่าหน้าตาหล่อเหลาคมคายของเขากลับโดดเด่นเหนือใครชวนให้ผู้ที่พบเห็นไม่อาจละสายตาไปจากร่างสูงของเขาได้เลย ยกเว้นเพียงคนเดียวที่กลับชะงักฝีเท้าเบิกตากลมโตมองผู้ที่กำลังเดินตรงมายังบริเวณที่เธอกับภีมวัจน์ยืนอยู่ด้วยความตกใจจนเผลออุทานเรียกชื่อของเขาออกไปโดยไม่รู้ตัว“น้าเก้า”ถึงแม้ว่าเสียงที่เปล่งออกมาจะแผ่วเบาคล้ายกำลังพึมพำกับตัวเองแต่เก้าทัพกลับได้ยินมันอย่างชัดเจนรวมถึงคนข้างกายของกอหญ้าอย่างภีมวัจน์ด้วยเช่นกัน เก้าทัพเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือหลังจากที่เพิ่งอ่านข้อความที่ถูกส่งเข้ามาจบลงสายตาคู่คมมองหาบุคคลที่ส่งเสียงเรียกชื่อเขาจนกระทั่งดวงตาสองคู่ของหนึ่งน้าหลานสบตากันเข้าอย่างจัง“กอหญ้า?”เสียงเรียกชื่อกอหญ้าทำให้คิ้วเข้มข
คฤหาสน์แก้มใส“ฮ่า ฮ่า ฮ่า สะใจจริงๆเลยวุ้ย”“หยุดหัวเราะได้แล้วครับระวังตีนกามันจะขึ้นจนแป้งที่โป๊ะอยู่บนหน้าจะปริออก”คำพูดเย้าหยอกของน้องชายทำให้แก้มใสหุบยิ้มแทบจะทันทีดวงตากลมโตถลึงมองเก้าทัพอย่างดุดันเรียวขาขาวที่อยู่ในชุดราตรีสีสวยยกขึ้นเล็งเป้าหมายจะถีบน้องชายที่นั่งอยู่ข้างๆทำให้วายุที่นั่งอยู่อีกฝั่งรีบตะโกนร้องห้ามภรรยาพร้อมกระโดดเข้ามานั่งแทนที่เก้าทัพที่ถอยหนีหลบเรียวขาสวยของพี่สาวอย่างรู้งานทันที“อูย แก้มใสจ๋าเอาขาลงค่ะเอาขาลงเป็นสาวเป็นนางไม่ยกขาแบบนี้นะคะทูนหัวของผัว อูย ใจหายใจคว่ำหมด”วายุมือหนึ่งจับขาของแก้มใสเอาไว้ส่วนอีกมือหนึ่งก็ยกขึ้นมาทาบหน้าอกเมื่อรู้สึกตื่นตระหนกจนความดันแทบพุ่ง“พี่หมอก็ดูน้องเก้าสิแก้มใสยังไม่แก่สักหน่อยปีนี้เพิ่งจะ 43 ขวบเอง”แก้มใสทำหน้าง้ำจ้องหน้าน้องชายอย่างไม่สบอารมณ์สองขาที่ถูกรวบไว้ก็พยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมแขนที่แน่นราวกับคีมเหล็กของสามี ชิ เจ้าน้องบ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาว่าเธอแก่ถึงเธอจะนอนดึกบ่อย ๆ แต่เธอก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีเธอทั้งออกกำลังกายและทานอาหารที่มีประโยชน์ไหนจะหากิจกรรมคลายเครียดทำอย่างการชวนแก๊งเพื่อนมารวมตัว
ปังทันทีที่ภีมวัจน์เปิดประตูรถออกมาลูกกระสุนที่ไร้ที่ไปที่มาก็เฉียดแก้มเขาไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปดวินาทีนั้นความหวาดกลัวทั้งหมดพลันถาโถมตรงเข้าจู่โจมที่กลางใจกอหญ้าที่เปิดประตูรถอีกฝั่งลงมาถึงกับสติหลุดไปชั่วขณะด้วยความตกใจตอนอยู่ในงานเลี้ยงเธอแทบหาขวัญตัวเองไม่เจอมาถึงตอนนี้เกรงว่ามันคงจะถูกเสียงปืนกระชากหลุดลอยไปไกลจนกอหญ้าแทบจะไม่รู้ตัวแล้วว่าตอนนี้เธอต้องทำอะไร“หลบไปกอหญ้า หลบไปเดี๋ยวนี้”เสียงร้องเตือนด้วยความเป็นห่วงของวายุเรียกสติของกอหญ้าให้กลับมาคืนเธอตัดสินใจวิ่งอ้อมรถตรงเข้าไปกระชากแขนภีมวัจน์ที่ยืนตัวแข็งทื่อราวกับหุ่นยนต์เมื่ออยู่ ๆ ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดและอยู่เหนือความคาดหมายก่อนจะพาเขาออกวิ่งไปทางสวนดอกไม้ข้างบ้านทันทีด้วยความรวดเร็ว ส่งผลให้คนที่กำลังยกปืนขึ้นเล็งไปยังว่าที่ลูกเขยทำเพียงยกยิ้มมุมปากเท่านั้นเธอจ้องมองแผ่นหลังของภีมวัจน์ด้วยสายตาที่มุ่งมั่นก่อนที่จะกดลั่นไกสาดกระสุนออกไปอีกครั้งด้วยความแม่นยำปัง ปัง ปัง“หมอบลงเดี๋ยวนี้”เสียงตะโกนที่ดังไล่หลังตามมาทำให้กอหญ้าตัดสินใจฉุดมือภีมวัจน์ให้กระโจนลงไปนอนหมอบราบอยู่บนพื้นหญ้าข้างหน้าทันทีอย่างไม
เป็นเพราะว่าเมื่อคืนนั่งคุยกันดึกเกินไปกฤษฎิ์จึงถูกแก้มใสบังคับแกมข่มขู่ให้พักอยู่ที่บ้านของเธอรวมถึงภีมวัจน์ด้วยเช่นกันที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เมื่อถูกสายตาดุดันของแม่ยายปิดปากเอาไว้ราวกับเป็นใบ้ส่วนกอหญ้าที่เดิมทีก็อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วก็ถูกมารดาหิ้วกลับไปโยนเอาไว้ในห้องโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดขอร้องใดๆทั้งสิ้นแต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็คือเวลาต่อมาคนที่มาเคาะประตูห้องนอนของเธอก็คือภีมวัจน์ที่ส่งยิ้มกว้างอบอุ่นอ่อนโยนให้เธอทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออกหมับกอหญ้าโถมตัวเข้ากอดภีมวัจน์เอาไว้ด้วยความดีใจใบหน้าเนียนใสซบลงบนอกกว้างของเขาพร้อมถูไถไปมาเบาๆอย่างออดอ้อนด้วยความลืมตัวแต่คนที่ถูกโผเข้ากอดถึงกับตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจเพราะคนที่ยืนอยู่หน้าห้องตอนนี้ไม่ได้มีเพียงเขาแต่ยังคงมีบรรพบุรุษที่ยืนกอดอกกำหมัดแน่นมองดูลูกสาวแสดงความรักกับภีมวัจน์ต่อหน้าต่อตาเธอด้วยความรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เฮ้อ เวรกรรมสินะเวรกรรมตามเธอทันแล้วจริงๆตอนที่เธอรักกับวายุเธอเองก็แหกทุกกฎของความเป็นกุลสตรีมาถึงตอนนี้ลูกสาวสุดที่รักของเธอก็พร้อมแหกทุกกฎเพื่อความรักเช่นกันสมกับที่เป็นล
เป็นเพราะยังไม่คุ้นชินกับที่นอนทำให้ภีมวัจน์หลับๆตื่นๆในช่วงครึ่งคืนหลังหลังจากที่เขาจัดการกับกอหญ้าจนเธอหมดเรี่ยวแรงเผลอนอนหลับไปภีมวัจน์จึงยอมหยุดกิจกรรมเข้าจังหวะและลุกขึ้นไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าผืนเล็กออกมาก่อนจะนำไปชุบน้ำอุ่นบิดหมาดและนำกลับมาเช็ดตัวให้กอหญ้าจนสะอาดสะอ้านเขาจึงตระกองกอดเธอเข้าสู่ห้วงนิทรา ปริบ ปริบ ปริบ ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือดวงตาคู่คมที่ยังคงพร่ามัวก็ปะทะเข้ากับดวงตากลมโตของคนข้างกายที่ตอนนี้กำลังกระพริบตาปริบๆมองใบหน้าหล่อเหลาของภีมวัจน์อย่างรักใคร่จนกระทั่งภีมวัจน์ตื่นเต็มตากอหญ้าจึงค่อยๆขยับเข้าไปซุกบนอกกว้างและเงยหน้าขึ้นจูบที่คางของเขาเบาๆชวนให้คนที่เพิ่งตื่นนอนรู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจ“ตื่นนานแล้วเหรอคะ?”น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามคนที่กำลังนอนซบหน้าอกของตัวเองอยู่พร้อมกับรีบคว้าจับมือเล็กเรียวบางที่กำลังลูบไล้แผ่นอกกว้างของเขาไปมาเบาๆอย่างซุกซนทำเอาความรู้สึกร้อนวูบวาบที่ช่องท้องพลันถูกกระตุ้น แต่ถึงอย่างนั้นภีมวัจน์ก็พยายามระงับความต้องการเอาไว้สุดกำลังเขาจะพากอหญ้าทำกิจกรรมเข้าจังหวะจนถูกแม่ยายตำหนิว่าพาลูกสาวของท่านเสียค