คฤหาสน์เก้าทัพกลิ่นหอมของข้าวต้มหมูสับทรงเครื่องที่ลอยมาแตะจมูกทำให้รอยยิ้มอ่อนโยนพลันเผยขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยชุดสูทเรียบหรูแลดูภูมิฐานและน่ายำเกรงเขาค่อยๆก้าวเข้าไปในห้องอาหารที่มีร่างบอบบางของใครบางคนกำลังวางแก้วน้ำส้มคั้นสดลงตรงตำแหน่งที่นั่งประจำของเขาอย่างเบามือ“ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจังเลยคะพี่เก้าตื่นขึ้นมาบนเตียงก็ไม่มีคนให้นอนกอดแล้ว”น้ำเสียงอ่อนโยนที่มาพร้อมอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นทำให้คนที่เพิ่งจัดเตรียมมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยๆหันมามองใบหน้าหน้าหล่อเหลาที่ยู่ปากเล็กน้อยคล้ายกำลังน้อยใจที่เธอทิ้งให้เขาตื่นขึ้นมาเพียงลำพังทั้ง ๆที่ปกติแล้วทั้งคู่มักจะตื่นพร้อมกันเสมอ“นอนหลับสบายมาหลายวันแล้วนับก็อยากจะตื่นขึ้นมายืดเส้นยืดสายด้วยการทำมื้อเช้าให้พี่เก้าบ้าง”ถ้าหากเก้าทัพคือความอ่อนโยนนับดาวก็คงจะเป็นความหอมหวานละมุนที่ชวนให้เก้าทัพตกหลุมรักครั้งแล้วครั้งเล่าถึงแม้ว่าปัจจุบันทั้งคู่จะครองรักกันมานานหลายปีแล้วก็ตาม“มื้อเย็นนับเข้าครัวทำอาหารให้พี่เก้ากินทุกวันแล้ว มื้อเช้าก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่บ้านเขาทำไปเถอะค่ะพี่เก้าอยากให้นับพักผ่อนบ้างจะไ
ท่ามกลางบรรดานักธุรกิจที่กำลังเดินสวนกันไปมาบ้างก็หยุดทักทายเมื่อเจอคนรู้จักร่างสูงของใครบางคนที่กำลังเดินผ่านกลุ่มคนเหล่านั้นเรียกความสนใจจากสายตาทุกคู่ให้มองมาที่เขาด้วยความแปลกใจระคนสงสัยว่าเหตุใดทายาทรุ่นที่หนึ่งลำดับที่สองอย่างเก้าทัพ พิสิฐกุลวัตรดิลก ถึงได้ปรากฏตัวอยู่ ณ ที่แห่งนี้เวลานี้สำหรับทุกคนที่ต่างรู้จักคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วเก้าทัพคือคนแปลกหน้าทว่าหน้าตาหล่อเหลาคมคายของเขากลับโดดเด่นเหนือใครชวนให้ผู้ที่พบเห็นไม่อาจละสายตาไปจากร่างสูงของเขาได้เลย ยกเว้นเพียงคนเดียวที่กลับชะงักฝีเท้าเบิกตากลมโตมองผู้ที่กำลังเดินตรงมายังบริเวณที่เธอกับภีมวัจน์ยืนอยู่ด้วยความตกใจจนเผลออุทานเรียกชื่อของเขาออกไปโดยไม่รู้ตัว“น้าเก้า”ถึงแม้ว่าเสียงที่เปล่งออกมาจะแผ่วเบาคล้ายกำลังพึมพำกับตัวเองแต่เก้าทัพกลับได้ยินมันอย่างชัดเจนรวมถึงคนข้างกายของกอหญ้าอย่างภีมวัจน์ด้วยเช่นกัน เก้าทัพเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือหลังจากที่เพิ่งอ่านข้อความที่ถูกส่งเข้ามาจบลงสายตาคู่คมมองหาบุคคลที่ส่งเสียงเรียกชื่อเขาจนกระทั่งดวงตาสองคู่ของหนึ่งน้าหลานสบตากันเข้าอย่างจัง“กอหญ้า?”เสียงเรียกชื่อกอหญ้าทำให้คิ้วเข้มข
คฤหาสน์แก้มใส“ฮ่า ฮ่า ฮ่า สะใจจริงๆเลยวุ้ย”“หยุดหัวเราะได้แล้วครับระวังตีนกามันจะขึ้นจนแป้งที่โป๊ะอยู่บนหน้าจะปริออก”คำพูดเย้าหยอกของน้องชายทำให้แก้มใสหุบยิ้มแทบจะทันทีดวงตากลมโตถลึงมองเก้าทัพอย่างดุดันเรียวขาขาวที่อยู่ในชุดราตรีสีสวยยกขึ้นเล็งเป้าหมายจะถีบน้องชายที่นั่งอยู่ข้างๆทำให้วายุที่นั่งอยู่อีกฝั่งรีบตะโกนร้องห้ามภรรยาพร้อมกระโดดเข้ามานั่งแทนที่เก้าทัพที่ถอยหนีหลบเรียวขาสวยของพี่สาวอย่างรู้งานทันที“อูย แก้มใสจ๋าเอาขาลงค่ะเอาขาลงเป็นสาวเป็นนางไม่ยกขาแบบนี้นะคะทูนหัวของผัว อูย ใจหายใจคว่ำหมด”วายุมือหนึ่งจับขาของแก้มใสเอาไว้ส่วนอีกมือหนึ่งก็ยกขึ้นมาทาบหน้าอกเมื่อรู้สึกตื่นตระหนกจนความดันแทบพุ่ง“พี่หมอก็ดูน้องเก้าสิแก้มใสยังไม่แก่สักหน่อยปีนี้เพิ่งจะ 43 ขวบเอง”แก้มใสทำหน้าง้ำจ้องหน้าน้องชายอย่างไม่สบอารมณ์สองขาที่ถูกรวบไว้ก็พยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมแขนที่แน่นราวกับคีมเหล็กของสามี ชิ เจ้าน้องบ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาว่าเธอแก่ถึงเธอจะนอนดึกบ่อย ๆ แต่เธอก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีเธอทั้งออกกำลังกายและทานอาหารที่มีประโยชน์ไหนจะหากิจกรรมคลายเครียดทำอย่างการชวนแก๊งเพื่อนมารวมตัว
ปังทันทีที่ภีมวัจน์เปิดประตูรถออกมาลูกกระสุนที่ไร้ที่ไปที่มาก็เฉียดแก้มเขาไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปดวินาทีนั้นความหวาดกลัวทั้งหมดพลันถาโถมตรงเข้าจู่โจมที่กลางใจกอหญ้าที่เปิดประตูรถอีกฝั่งลงมาถึงกับสติหลุดไปชั่วขณะด้วยความตกใจตอนอยู่ในงานเลี้ยงเธอแทบหาขวัญตัวเองไม่เจอมาถึงตอนนี้เกรงว่ามันคงจะถูกเสียงปืนกระชากหลุดลอยไปไกลจนกอหญ้าแทบจะไม่รู้ตัวแล้วว่าตอนนี้เธอต้องทำอะไร“หลบไปกอหญ้า หลบไปเดี๋ยวนี้”เสียงร้องเตือนด้วยความเป็นห่วงของวายุเรียกสติของกอหญ้าให้กลับมาคืนเธอตัดสินใจวิ่งอ้อมรถตรงเข้าไปกระชากแขนภีมวัจน์ที่ยืนตัวแข็งทื่อราวกับหุ่นยนต์เมื่ออยู่ ๆ ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดและอยู่เหนือความคาดหมายก่อนจะพาเขาออกวิ่งไปทางสวนดอกไม้ข้างบ้านทันทีด้วยความรวดเร็ว ส่งผลให้คนที่กำลังยกปืนขึ้นเล็งไปยังว่าที่ลูกเขยทำเพียงยกยิ้มมุมปากเท่านั้นเธอจ้องมองแผ่นหลังของภีมวัจน์ด้วยสายตาที่มุ่งมั่นก่อนที่จะกดลั่นไกสาดกระสุนออกไปอีกครั้งด้วยความแม่นยำปัง ปัง ปัง“หมอบลงเดี๋ยวนี้”เสียงตะโกนที่ดังไล่หลังตามมาทำให้กอหญ้าตัดสินใจฉุดมือภีมวัจน์ให้กระโจนลงไปนอนหมอบราบอยู่บนพื้นหญ้าข้างหน้าทันทีอย่างไม
เป็นเพราะว่าเมื่อคืนนั่งคุยกันดึกเกินไปกฤษฎิ์จึงถูกแก้มใสบังคับแกมข่มขู่ให้พักอยู่ที่บ้านของเธอรวมถึงภีมวัจน์ด้วยเช่นกันที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เมื่อถูกสายตาดุดันของแม่ยายปิดปากเอาไว้ราวกับเป็นใบ้ส่วนกอหญ้าที่เดิมทีก็อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วก็ถูกมารดาหิ้วกลับไปโยนเอาไว้ในห้องโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดขอร้องใดๆทั้งสิ้นแต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็คือเวลาต่อมาคนที่มาเคาะประตูห้องนอนของเธอก็คือภีมวัจน์ที่ส่งยิ้มกว้างอบอุ่นอ่อนโยนให้เธอทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออกหมับกอหญ้าโถมตัวเข้ากอดภีมวัจน์เอาไว้ด้วยความดีใจใบหน้าเนียนใสซบลงบนอกกว้างของเขาพร้อมถูไถไปมาเบาๆอย่างออดอ้อนด้วยความลืมตัวแต่คนที่ถูกโผเข้ากอดถึงกับตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจเพราะคนที่ยืนอยู่หน้าห้องตอนนี้ไม่ได้มีเพียงเขาแต่ยังคงมีบรรพบุรุษที่ยืนกอดอกกำหมัดแน่นมองดูลูกสาวแสดงความรักกับภีมวัจน์ต่อหน้าต่อตาเธอด้วยความรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เฮ้อ เวรกรรมสินะเวรกรรมตามเธอทันแล้วจริงๆตอนที่เธอรักกับวายุเธอเองก็แหกทุกกฎของความเป็นกุลสตรีมาถึงตอนนี้ลูกสาวสุดที่รักของเธอก็พร้อมแหกทุกกฎเพื่อความรักเช่นกันสมกับที่เป็นล
เป็นเพราะยังไม่คุ้นชินกับที่นอนทำให้ภีมวัจน์หลับๆตื่นๆในช่วงครึ่งคืนหลังหลังจากที่เขาจัดการกับกอหญ้าจนเธอหมดเรี่ยวแรงเผลอนอนหลับไปภีมวัจน์จึงยอมหยุดกิจกรรมเข้าจังหวะและลุกขึ้นไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าผืนเล็กออกมาก่อนจะนำไปชุบน้ำอุ่นบิดหมาดและนำกลับมาเช็ดตัวให้กอหญ้าจนสะอาดสะอ้านเขาจึงตระกองกอดเธอเข้าสู่ห้วงนิทรา ปริบ ปริบ ปริบ ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือดวงตาคู่คมที่ยังคงพร่ามัวก็ปะทะเข้ากับดวงตากลมโตของคนข้างกายที่ตอนนี้กำลังกระพริบตาปริบๆมองใบหน้าหล่อเหลาของภีมวัจน์อย่างรักใคร่จนกระทั่งภีมวัจน์ตื่นเต็มตากอหญ้าจึงค่อยๆขยับเข้าไปซุกบนอกกว้างและเงยหน้าขึ้นจูบที่คางของเขาเบาๆชวนให้คนที่เพิ่งตื่นนอนรู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจ“ตื่นนานแล้วเหรอคะ?”น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามคนที่กำลังนอนซบหน้าอกของตัวเองอยู่พร้อมกับรีบคว้าจับมือเล็กเรียวบางที่กำลังลูบไล้แผ่นอกกว้างของเขาไปมาเบาๆอย่างซุกซนทำเอาความรู้สึกร้อนวูบวาบที่ช่องท้องพลันถูกกระตุ้น แต่ถึงอย่างนั้นภีมวัจน์ก็พยายามระงับความต้องการเอาไว้สุดกำลังเขาจะพากอหญ้าทำกิจกรรมเข้าจังหวะจนถูกแม่ยายตำหนิว่าพาลูกสาวของท่านเสียค
“คิดถึงพ่อขาจนทนไม่ไหวเลยเหรอคะถึงได้รีบตื่นแต่เช้ามาที่นี่”เมื่อเห็นว่ามารดาตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเดินทางมาทำมื้อเช้าให้บิดาแก้มใสก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวอย่างอารมณ์ดีก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปกอดเอวมารดาด้วยความคิดถึง ตอนที่เธอกลับมาเธอแวะไปเยี่ยมมารดาแล้วครั้งหนึ่งหลังจากนั้นเธอก็แทบจะไม่มีเวลากระดิกตัวไปไหนเพราะมีทั้งเรื่องงานและเรื่องของลูกสาวรอคอยให้เธอจัดการให้เรียบร้อยซึ่งวันนี้ก็เช่นกันแก้มใสมีงานที่ต้องทำทั้งวัน“แม่ขาไม่ได้คิดถึงพ่อขาคนเดียวซะหน่อย แม่ขาคิดถึงเรากับกอหญ้าแล้วก็ตาหมอด้วยต่างหากก็เลยรีบตื่นแต่เช้ามาทำของโปรดของทุกคนให้กินก่อนไปทำงาน”คำตอบที่แสดงถึงความใส่ใจและห่วงใยคนในครอบครัวของคุณยายที่รักทำให้ภีมวัจน์ที่ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกได้แต่ฟังด้วยความรู้สึกขมขื่นอยู่ในใจมันจะดีสักแค่ไหนกันนะถ้าคนในครอบครัวของเขาตอนนี้รักใคร่และห่วงใยเขาแบบนี้บ้าง“อ้อ เกือบลืมไปตอนนี้มีว่าที่หลานเขยเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนแล้วเดี๋ยววันหลังยายจะทำของอร่อยๆให้เรากินก่อนไปทำงานนะรับรองว่าอร่อยเหมือนที่บ้านของเราเลยแหละ”ภีมวัจน์ถึงกับหลุดออกจากภวังค์ความคิดเมื่อคุณยายที่รักรวมเขาเข้า
ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้ามาสายตาของภีมวัจน์ก็ปะทะเข้ากับรอยยิ้มของดารัณก่อนเป็นคนแรกก่อนที่เขาจะมองเลยผ่านไปอย่างไม่แยแสและหยุดสายตาลงบนร่างของชายชราที่นั่งอย่างมั่นคงบนโซฟาใบหน้าที่แลดูน่าเกรงขามค่อยๆเผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้หลานชายที่ไม่ค่อยได้พบหน้ากันเพราะงานที่รัดตัวของอีกฝ่ายส่วนดารัณนั้นรีบเก็บรอยยิ้มกลับคืนอย่างไม่เต็มใจแต่เธอจะทำอย่างไรได้เมื่อลูกเลี้ยงที่เธอเกลียดชังยิ่งกว่าสิ่งใดไม่เหลือบแลเธอแม้แต่หางตาภีมวัจน์ยังคงกุมมือกอหญ้าเอาไว้อย่างแนบแน่นไม่ยอมปล่อยเขาเดินจูงมือเธอไปนั่งลงบนโซฟาพร้อมเงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นปู่พร้อมเอ่ยถามถึงเรื่องการมาเยือนของท่านด้วยความสงสัยระคนแปลกใจเพราะน้อยครั้งนักที่คุณปู่ของเขาจะแวะมาที่บริษัทถ้าไม่บังเอิญผ่านมาจริงๆหรือว่ามีใครบางคนพูดอะไรกับท่านๆถึงได้มารอเขาตั้งแต่ที่เขายังไม่มาทำงานซึ่งผิดวิสัยของท่านมากๆ“คุณปู่มีธุระอะไรหรือเปล่าครับถึงได้มาหาภีมแต่เช้าเชียว”ประโยคทักทายของหลานชายทำให้ชายชราเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนที่เขาจะมองคนที่นั่งอยู่เคียงข้างภีมวัจน์ด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มสาเหตุที่เขามาหาหลานชายในวันนี้เป็นเพราะดารัณหลุดปากพูดออ