งานวันเกิดของท่านพัลลภเป็นศูนย์รวมนักธุรกิจและบุคคลที่มีชื่อเสียงทุกแวดวงการอย่างแท้จริงก่อนหน้าที่เธอจะเดินทางมางานเลี้ยงกอหญ้าได้ศึกษาข้อมูลของเขามาแล้วเธอจึงไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใดที่เขาเป็นที่รู้จักของคนมากมายขนาดนี้ ชื่อเสียงและผลประโยชน์ที่คนบางกลุ่มภายในงานได้ทำการแลกเปลี่ยนกับเขานั้นคุ้มค่ามากพอที่จะทำให้ใครต่อใครเดินเข้ามาทำความรู้จักกับเขาอย่างไม่ลังเล แต่ที่กอหญ้าสงสัยเอามากๆนั้นคือคุณตาของเธอรู้จักกับคนๆนี้ได้อย่างไรทั้ง ๆที่ท่านไม่ค่อยชอบคบค้าสมาคมกับใครเพื่อนของท่านที่เธอรู้จักต่อให้ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมายังแทบนับนิ้วได้ด้วยซ้ำ“อดทนหน่อยนะคะไม่นานงานเลี้ยงก็เลิกแล้ว”เมื่อคิดว่าชายหนุ่มรูปงามที่นั่งอยู่ข้างๆคงกำลังอึดอัดใจที่ต้องนั่งร่วมโต๊ะกับบุคคลที่มีชื่อเสียงแล้วเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายกอหญ้าก็หันมาส่งยิ้มหวานละมุนให้เขาอย่างต้องการปลอบใจพร้อมยื่นมือไปกุมมือของเขาและบีบเบาๆอย่างอ่อนโยน ส่งผลให้กฤษฎิ์ที่กำลังนั่งมองบรรยากาศภายในงานและบังเอิญหันมาเจอภาพความหวานนี้เข้าถึงกับหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ทันทีทั้ง ๆที่เขารู้ดีถึงความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวสองคนนี้ว
พระจันทร์เต็มดวงลอยอยู่บนฟ้าแสงจันทร์นวลผ่องส่องผ่านผ้าม่านลงมากระทบพื้นเผยให้เห็นร่างสูงของใครบางคนกำลังยืนพิงกรอบหน้าต่างคล้ายกำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิดที่ยังคงหาทางออกไม่เจอ ดวงตาคู่งามจ้องมองบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองหลวงด้วยแววตาครุ่นคิดในใจพลันหวนคิดไปถึงท่าทีกระซิบกระซาบระหว่างกอหญ้ากับคุณตากำมะลอที่ภีมวัจน์มั่นใจมากว่าเขาเพิ่งเคยเห็นหน้าอีกฝ่ายเป็นครั้งแรกท่าทีพูดคุยที่ดูสนิทสนมกันของทั้งคู่ทำให้เขาอดที่จะรู้สึกเคลือบแคลงและสงสัยถึงตัวตนที่แท้จริงของกอหญ้าไม่ได้ว่าจริงๆแล้วเธอคือใครกันแน่ครืด ครืด ครืดเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนเก้าอี้โซฟาที่ตั้งอยู่ข้างๆทำให้ความคิดที่กำลังจมอยู่ในภวังค์พลันถูกดึงกลับคืนมาภีมวัจน์รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าใครคือคนที่โทรมา“ว่า”“ไม่พบข้อมูลเลยครับนาย ข้อมูลที่สืบมาได้ตรงตามที่คุณกอหญ้าบอกทุกอย่างไม่มีเพิ่มเติมเลยสักนิดส่วนผู้ชายที่ชื่อกฤษฎิ์ไม่ว่าจะพยายามสืบหาตัวตนเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้เลยครับ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีการป้องกันข้อมูลรั่วไหลได้เป็นอย่างดีทั้งข้อมูลและการเข้าถึงตัวยากมากกว่าทุกคนที่ผมเ
โรงพยาบาล Nเมื่อรถหยุดลงที่หน้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาลกอหญ้าก็รีบเปิดประตูและตะโกนเรียกให้บุรุษพยาบาลเข้ามาพาตัวภีมวัจน์ที่กำลังสลบไสลไม่ได้สติเข้าไปทำแผลที่ห้องฉุกเฉินก่อนที่เธอจะวิ่งตามรถเข็นไปด้วยความเป็นห่วงจนกระทั่งมาถึงห้องฉุกเฉิน ในขณะที่เธอกำลังจะก้าวตามเข้าไปมือบางของเธอกลับถูกมือใหญ่ที่แข็งแรงของใครบางคนดึงรั้งเอาไว้ทำให้เธอถึงกับเซถลาไปเล็กน้อยก่อนที่สายตาขุ่นเคืองจะตวัดมองคนที่กล้ากระชากเธอไม่ให้ตามภีมวัจน์เข้าไปในห้องฉุกเฉิน“ใจเย็นๆนังหนู แค่โดนยิงเฉียด ๆ ไม่ได้ตัดขั้วหัวใจถึงตายสักหน่อยร้องไห้เป็นเด็กน้อยไปได้”น้ำเสียงอบอุ่นที่แฝงไปด้วยความเหนื่อยอกเหนื่อยใจเล็กน้อยของกฤษฎิ์ทำให้กอหญ้าเริ่มเบะปากอีกครั้งก่อนที่เธอจะโผเข้ากอดผู้เป็นตาและปล่อยโฮเหมือนครั้งที่ยังเป็นเด็กและถูกพี่ชายกลั่นแกล้งจนร้องไห้เสียงดังลั่นวิ่งไปฟ้องคุณตาทั้งเสียงสะอึกสะอื้น“พะ เพราะกอหญ้าเขาถึงถูกยิง ฮือ ฮือ คุณตาขาถ้ากอหญ้าไม่ประมาทเขาคงไม่เป็นอันตราย”เดิมทียามที่เห็นหลานสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำหูน้ำตาไหลกฤษฎิ์ควรจะรู้สึกสงสารและเห็นใจแต่ตอนนี้กลับแปลกออกไปดวงตาคมกริบของเขากลอกขึ้นบนลงล่างไปมา
“ดีใจที่จะได้เจอหนุ่มหล่อแล้วเจ้าภีมลูกชายของเพื่อนแม่เราลูกจะเอาเขาไว้ตรงไหนกันล่ะ”“ไม่ต้องเอาไว้ตรงไหนหรอกค่ะ เพราะคุณภีมเขาไม่ได้เป็นอะไรกับลูกสาวของท่านทั้งนั้น”เสียงที่ดังมาก่อนตัวทำให้ทั้งสามคนถึงกับหันมามองหน้ากันด้วยแปลกใจก่อนที่สาวสวยคนหนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าคนทั้งสามที่สีหน้าค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ ๆก็มีแขกรับเชิญที่ไม่รู้จักเดินเข้ามาในบ้านได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่มีใครมาขวางเอาไว้เลยสักคน“แก นังกอหญ้าแกเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง?”แพรวรัมภาที่ได้สติก่อนคนแรกตวาดกอหญ้าเสียงดังด้วยความโมโหอารมณ์เบิกบานใจก่อนหน้านี้พลันหายวับไปกับตาในขณะที่เปรมชัยโมโหจนหน้าเขียวคล้ำที่อยู่ ๆก็มีคนบุกรุกบ้านของเขาในยามวิกาลและยังเป็นการบุกรุกที่ไร้สุ้มเสียงอีกด้วย“ถามโง่ๆฉันก็เดินเข้ามาทางประตูไงหรือคิดว่าฉันหายตัวได้ล่ะ”คำตอบที่ยียวนกวนอารมณ์ของกอหญ้าทำให้สามคนพ่อแม่ลูกต่างชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจเป็นเปรมชัยที่ทนไม่ไหวตะโกนเรียกลูกน้องเสียงดังลั่นบ้าน“ใครก็ได้มาจับตัวนังเด็กคนนี้โยนออกไปนอกบ้านที”น้ำเสียงทรงอำนาจน่าเกรงขามของเปรมชัยไม่ได้ทำให้กอหญ้ารู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แ
คอนโด Aเสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดของคนที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่นอนหมดสติไปนานถึงสี่ชั่วโมงทำให้กฤษฎิ์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาริมหน้าต่างค่อยๆหันหน้ากลับมามองภีมวัจน์ที่กำลังกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับสภาพการมองเห็นให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งความรู้สึกแรกที่ชายหนุ่มสัมผัสได้ในยามนี้ก็คืออาการมึนงงที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไรกับอาการปวดที่หัวไหล่ด้านซ้ายที่เขาเพียงแค่ขยับความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามาทันทีอย่างไม่คิดจะไว้หน้ากันเลยสักนิด“ฮาย หลานเขย”เสียงทักทายที่ดังขึ้นพร้อมร่างสูงของชายชราที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆเตียงของภีมวัจน์เมื่อไหร่ไม่รู้ทำให้คนที่หันมาเจอถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจพร้อมพยายามขยับตัวเพื่อถอยหนีทำให้อาการปวดที่หัวไหล่ด้านซ้ายทวีความรุนแรงมากขึ้นจนทำให้เขาต้องหยุดชะงักอยู่กับที่และเพ่งมองคนที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มอย่างรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนคุณตากำมะลอ!!“คะ คุณตามาอยู่ที่ห้องของผมได้ยังไงครับ?”น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยสายตาหวาดระแวงก่อนที่กฤษฎิ์จะหันไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมายื่นให้ภีมวัจน์ท
เรื่องที่เธอกับภีมวัจน์ถูกลอบทำร้ายถูกกอหญ้าปิดข่าวเอาไว้อย่างมิดชิดต่อให้หูตาของบางคนจะยื่นมายาวแค่ไหนกอหญ้าก็ฟาดกลับคืนไปอย่างไม่ไว้หน้ารวมถึงครอบครัวของภีมวัจน์ด้วยที่อยู่ ๆ ดนัยก็โผล่มาหาพี่ชายถึงหน้าห้องทำงานโดยที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าซึ่งเรื่องนี้เธอก็เตรียมการเอาไว้แล้วเช่นกันหนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ภีมวัจน์จะพักฟื้นอยู่ที่บ้านเท่านั้นส่วนเรื่องงานเธอจะเป็นคนคอยช่วยดูแลและตัดสินใจแทนเขาในบางเรื่องเอง “ใครจุดธูปเรียกไม่ทราบถึงได้เสนอหน้ามาถึงที่นี่”รอยยิ้มยียวนบนใบหน้าของดนัยพลันแข็งค้างเมื่อได้ยินคำทักทายที่ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่คิดจะให้เกียรติเขาเลยสักนิดทั้ง ๆที่ขาเป็นถึงน้องชายของท่านประธานบริษัทส่วนเธอที่เพิ่งเอ่ยถามเขาด้วยวาจาไม่น่าฟังเป็นเพียงแค่นักศึกษาฝึกงานที่พ่วงด้วยตำแหน่งคนรักของภีมวัจน์เท่านั้นแต่ถึงจะเป็นแฟนของภีมวัจน์แล้วอย่างไรมีสิทธิ์อะไรมาพูดจาล่วงเกินเขาแบบนี้“นี่ใช้ปากพูดเหรอ?หรือว่าใช้...”ดนัยแสร้งหลุบตาลงมองไปที่เรียวขาสวยของกอหญ้าสายตาของเขาตกกระทบลงบนตำแหน่งล่างสุดของร่างกายซึ่งกอหญ้ารู้ความนัยนั้นดีว่าหมายความว่าอย่างไร ใบหน้างดงามที่ราวกับหลุดออกมาจากภ
“เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงกลับบ้านมาด้วยสภาพแบบนี้” ดารัณเอ่ยถามลูกชายที่ถูกลูกน้องประคองเข้ามาภายในบ้านด้วยสภาพทุลักทุเลสีหน้าของดนัยในยามนี้แสดงออกว่าเจ็บปวดมากส่งผลให้เธอถึงกับรู้สึกปวดใจไม่ว่าลูกชายของเธอจะยังเป็นเด็กหรือเติบโตเป็นหนุ่มเช่นเวลานี้เธอก็มักจะรู้สึกเจ็บปวดเสมอในยามที่เขาได้รับบาดเจ็บกลับมา “หึ นัยไม่ทันระวังเลยโดนหมามันจับทุ่มเอา อูย เบาๆหน่อยไม่ได้หรือไงว่ะเจ็บจะตายห่าอยู่แล้ว”เสียงตวาดด้วยความเจ็บของดนัยทำให้ลูกน้องทั้งสองคนที่กำลังประคองเขาให้นั่งลงบนโซฟาถึงกับสะดุ้งตกใจจนแทบจะปล่อยมือเขาให้ล้มลงไปนั่งเองยังดีที่ดนัยคว้าแขนของคนทั้งคู่ไว้ได้ทันพร้อมถลึงตาใส่ลูกน้องที่ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวด้วยสีหน้าดุดัน“เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆไม่ได้เรื่องเลยสักคนจะไปไหนก็ไปรำคาญจริงๆเลย”เมื่อได้ยินผู้เป็นเจ้านายเอ่ยปากไล่ลูกน้องทั้งสองคนก็ไม่รอช้าที่จะเผ่นแนบออกไปทันทีขืนพวกเขายังอยู่ตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าดนัยจะโมโหคลุ้มคลั่งจนเผลอทำร้ายร่างกายของพวกเขาทั้งสองคนเหมือนที่ผ่านมาหรือเปล่าพอได้ยินว่าเจ้านายรำคาญพวกเขาก็รู้สึกดีใจจนแทบจะกอดคอกันร้องไห้ทีเดียวเป็นลูกน้องค
คอนโด Aแกรกแอด“คุณกอหญ้าจ๋าเตชินทร์มาแล้ว”เสียงที่ดังมาก่อนตัวทำให้กอหญ้าที่กำลังไล่สายตาไปตามตัวอักษรบนเอกสารที่อยู่ในมือค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองไปทางต้นเสียงด้วยรอยยิ้มละมุนส่วนภีมวัจน์ที่นั่งอยู่ข้างๆใบหน้าหล่อเหลาพลันบึ้งตึงเมื่อคนที่เตชินทร์ตะโกนบอกการมาถึงของตัวเองคือกอหญ้าทั้ง ๆ ที่เขาต่างหากที่เป็นเจ้านายเหอะ พอมีเพื่อนใหม่เจ้านายอย่างเขาก็ไม่อยู่ในสายตาเสียแล้วมันช่างน่าเจ็บใจนักรอเพียงไม่นานเจ้าของน้ำเสียงสดใสก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าของคนทั้งสองใบหน้าหล่อเหลาพลันฉีกยิ้มกว้างให้ทั้งคู่ด้วยความดีใจก่อนที่เตชินทร์จะรีบเดินเข้ามาหาภีมวัจน์และก้มหัวทำความเคารพเจ้านายส่วนกอหญ้าเตชินทร์ทำเพียงขยิบตาทักทายอีกฝ่ายเท่านั้น“ตกลงว่าฉันหรือกอหญ้ากันแน่ที่เป็นเจ้านายของแก มาถึงก็เรียกเมียฉันเสียงอ่อนเสียงหวานเชียวนะ”ภีมวัจน์เอ่ยถามเตชินทร์พร้อมถลึงตาใส่เขาไปรอบหนึ่งแล้วยกมือขึ้นกอดอกพร้อมเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาทำให้คนที่ลืมตัวเรียกหากอหญ้าก่อนภีมวัจน์ที่เป็นเจ้านายถึงกับลอบกลืนน้ำลายด้วยความหวาดหวั่น เฮ้อ เตชินทร์นะเตชินทร์กลับมาทำงานทั้งทีก็หาเรื่องใส่ตัวซะแล้ว“เจ้านายของเตชินทร์ก็ต้องเ