“กอหญ้าขออนุญาตไปทักทายเพื่อนก่อนนะคะ”เมื่อสบโอกาสกอหญ้าก็เงยหน้าขึ้นบอกภีมวัจน์กับท่านหญิงรสาที่กำลังคุยกันอย่างออกรสก่อนที่เธอจะลุกขึ้นและเดินตรงมาหาสายขิมที่กำลังจ้องหน้าคู่ปรับเก่าด้วยโทสะที่กำลังคุกรุ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ในใจเธออยากจะกรีดร้องและอาละวาดด่าทออีกฝ่ายที่ทำตัวเป็นตาอยู่ที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรด้วยความพยายามเหมือนเธอแต่กลับลอยหน้าลอยตาได้ภีมวัจน์ไปครอบครองแทบตายแต่ก็ได้เพียงกดข่มความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้เพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เธอจะแสดงความเอาใจแต่ใจออกมาแบบไหนก็ได้ภาพความสนิทสนมของหนุ่มสาวทั้งสองคนต่อให้กอหญ้าไม่พูดแต่สายขิมไม่ใช่คนโง่เธอย่อมมองออกอยู่แล้วว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่ใช่เพียงแค่เลขากับท่านประธานอย่างแน่นอน อีกอย่างก่อนหน้านี้ก็มีสายในแผนกบริหารที่เธอซื้อตัวเอาไว้ทักมาบอกเธอว่าภีมวัจน์เปิดตัวกอหญ้าเป็นคนรักอย่างออกหน้าออกตาแต่สายขิมเลือกที่จะไม่เชื่อเพราะเธอไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง มาถึงวันนี้เธอเชื่อแล้วว่าข่าวที่ได้รับมานั้นไม่มีผิดพลาดเลยแม้แต่น้อยเป็นตัวเธอเองที่ไม่อยากจะยอมรับความจริงนี้ต่างหากความจริงที่ชวนให้รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจแบบนี้เธอรับไม
งานเลี้ยงวันเกิดท่านพัลลภเสียงฮือฮาพลันดังขึ้นทันทีเมื่อหน้าทางเขาของงานเลี้ยงปรากฏร่างสูงสง่าของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ไม่ค่อยออกงานสังคมเดินควงแขนมากับสาวสวยที่หน้าตาพริ้มเพรางดงามราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดของจิตรกรชื่อดัง ทั้งคู่เดินควงแขนกันมาอย่างแนบชิดจนแทบจะไม่มีช่องว่างให้ลมพัดผ่านก่อนที่ร่างบอบบางจะเซถลาเล็กน้อยไปซบอกร่างสูงของชายหนุ่มรูปงามที่คว้าเอวของเธอเอาไว้ได้ทันและทำตัวเป็นหลักให้เธอได้ยึดเกาะเมื่ออยู่ ๆก็ถูกคนๆหนึ่งชนเข้าที่ไหล่อย่างไม่ทันตั้งตัว“นี่คุณ!!”ริมฝีปากอวบอิ่มเริ่มทำงานทันทีที่ตั้งหลักยืนได้อย่างมั่นคงแต่คำพูดที่เตรียมจะต่อว่ายังไม่ทันจะถูกพ่นออกจากปากดวงตากลมโตพลันเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อใบหน้าที่คุ้นเคยของคนที่ตั้งใจกลั้นแกล้งเธอกระทบเข้าสู่ม่านตาO_O“ขอโทษด้วยนะจ๊ะหนู พอดีตาแก่แล้วเดินเหินไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ พอออกจากบ้านมาร่วมงานเลี้ยงก็ทำเรื่องขายหน้าเข้าให้แล้ว”ปากเอ่ยถ้อยคำขอโทษแต่ใบหน้ากลับพราวระยับไปด้วยรอยยิ้มใจดีที่แฝงไปด้วยเลศนัยกอหญ้าถึงกับปากตากระตุกทันทีส่วนภีมวัจน์เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืนอยู่ใกล้กับกอหญ้ามากจนเกินไปความหึงหวงก็พลันทำงา
งานวันเกิดของท่านพัลลภเป็นศูนย์รวมนักธุรกิจและบุคคลที่มีชื่อเสียงทุกแวดวงการอย่างแท้จริงก่อนหน้าที่เธอจะเดินทางมางานเลี้ยงกอหญ้าได้ศึกษาข้อมูลของเขามาแล้วเธอจึงไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใดที่เขาเป็นที่รู้จักของคนมากมายขนาดนี้ ชื่อเสียงและผลประโยชน์ที่คนบางกลุ่มภายในงานได้ทำการแลกเปลี่ยนกับเขานั้นคุ้มค่ามากพอที่จะทำให้ใครต่อใครเดินเข้ามาทำความรู้จักกับเขาอย่างไม่ลังเล แต่ที่กอหญ้าสงสัยเอามากๆนั้นคือคุณตาของเธอรู้จักกับคนๆนี้ได้อย่างไรทั้ง ๆที่ท่านไม่ค่อยชอบคบค้าสมาคมกับใครเพื่อนของท่านที่เธอรู้จักต่อให้ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมายังแทบนับนิ้วได้ด้วยซ้ำ“อดทนหน่อยนะคะไม่นานงานเลี้ยงก็เลิกแล้ว”เมื่อคิดว่าชายหนุ่มรูปงามที่นั่งอยู่ข้างๆคงกำลังอึดอัดใจที่ต้องนั่งร่วมโต๊ะกับบุคคลที่มีชื่อเสียงแล้วเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายกอหญ้าก็หันมาส่งยิ้มหวานละมุนให้เขาอย่างต้องการปลอบใจพร้อมยื่นมือไปกุมมือของเขาและบีบเบาๆอย่างอ่อนโยน ส่งผลให้กฤษฎิ์ที่กำลังนั่งมองบรรยากาศภายในงานและบังเอิญหันมาเจอภาพความหวานนี้เข้าถึงกับหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ทันทีทั้ง ๆที่เขารู้ดีถึงความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวสองคนนี้ว
พระจันทร์เต็มดวงลอยอยู่บนฟ้าแสงจันทร์นวลผ่องส่องผ่านผ้าม่านลงมากระทบพื้นเผยให้เห็นร่างสูงของใครบางคนกำลังยืนพิงกรอบหน้าต่างคล้ายกำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิดที่ยังคงหาทางออกไม่เจอ ดวงตาคู่งามจ้องมองบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองหลวงด้วยแววตาครุ่นคิดในใจพลันหวนคิดไปถึงท่าทีกระซิบกระซาบระหว่างกอหญ้ากับคุณตากำมะลอที่ภีมวัจน์มั่นใจมากว่าเขาเพิ่งเคยเห็นหน้าอีกฝ่ายเป็นครั้งแรกท่าทีพูดคุยที่ดูสนิทสนมกันของทั้งคู่ทำให้เขาอดที่จะรู้สึกเคลือบแคลงและสงสัยถึงตัวตนที่แท้จริงของกอหญ้าไม่ได้ว่าจริงๆแล้วเธอคือใครกันแน่ครืด ครืด ครืดเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนเก้าอี้โซฟาที่ตั้งอยู่ข้างๆทำให้ความคิดที่กำลังจมอยู่ในภวังค์พลันถูกดึงกลับคืนมาภีมวัจน์รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าใครคือคนที่โทรมา“ว่า”“ไม่พบข้อมูลเลยครับนาย ข้อมูลที่สืบมาได้ตรงตามที่คุณกอหญ้าบอกทุกอย่างไม่มีเพิ่มเติมเลยสักนิดส่วนผู้ชายที่ชื่อกฤษฎิ์ไม่ว่าจะพยายามสืบหาตัวตนเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้เลยครับ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีการป้องกันข้อมูลรั่วไหลได้เป็นอย่างดีทั้งข้อมูลและการเข้าถึงตัวยากมากกว่าทุกคนที่ผมเ
โรงพยาบาล Nเมื่อรถหยุดลงที่หน้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาลกอหญ้าก็รีบเปิดประตูและตะโกนเรียกให้บุรุษพยาบาลเข้ามาพาตัวภีมวัจน์ที่กำลังสลบไสลไม่ได้สติเข้าไปทำแผลที่ห้องฉุกเฉินก่อนที่เธอจะวิ่งตามรถเข็นไปด้วยความเป็นห่วงจนกระทั่งมาถึงห้องฉุกเฉิน ในขณะที่เธอกำลังจะก้าวตามเข้าไปมือบางของเธอกลับถูกมือใหญ่ที่แข็งแรงของใครบางคนดึงรั้งเอาไว้ทำให้เธอถึงกับเซถลาไปเล็กน้อยก่อนที่สายตาขุ่นเคืองจะตวัดมองคนที่กล้ากระชากเธอไม่ให้ตามภีมวัจน์เข้าไปในห้องฉุกเฉิน“ใจเย็นๆนังหนู แค่โดนยิงเฉียด ๆ ไม่ได้ตัดขั้วหัวใจถึงตายสักหน่อยร้องไห้เป็นเด็กน้อยไปได้”น้ำเสียงอบอุ่นที่แฝงไปด้วยความเหนื่อยอกเหนื่อยใจเล็กน้อยของกฤษฎิ์ทำให้กอหญ้าเริ่มเบะปากอีกครั้งก่อนที่เธอจะโผเข้ากอดผู้เป็นตาและปล่อยโฮเหมือนครั้งที่ยังเป็นเด็กและถูกพี่ชายกลั่นแกล้งจนร้องไห้เสียงดังลั่นวิ่งไปฟ้องคุณตาทั้งเสียงสะอึกสะอื้น“พะ เพราะกอหญ้าเขาถึงถูกยิง ฮือ ฮือ คุณตาขาถ้ากอหญ้าไม่ประมาทเขาคงไม่เป็นอันตราย”เดิมทียามที่เห็นหลานสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำหูน้ำตาไหลกฤษฎิ์ควรจะรู้สึกสงสารและเห็นใจแต่ตอนนี้กลับแปลกออกไปดวงตาคมกริบของเขากลอกขึ้นบนลงล่างไปมา
“ดีใจที่จะได้เจอหนุ่มหล่อแล้วเจ้าภีมลูกชายของเพื่อนแม่เราลูกจะเอาเขาไว้ตรงไหนกันล่ะ”“ไม่ต้องเอาไว้ตรงไหนหรอกค่ะ เพราะคุณภีมเขาไม่ได้เป็นอะไรกับลูกสาวของท่านทั้งนั้น”เสียงที่ดังมาก่อนตัวทำให้ทั้งสามคนถึงกับหันมามองหน้ากันด้วยแปลกใจก่อนที่สาวสวยคนหนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าคนทั้งสามที่สีหน้าค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ ๆก็มีแขกรับเชิญที่ไม่รู้จักเดินเข้ามาในบ้านได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่มีใครมาขวางเอาไว้เลยสักคน“แก นังกอหญ้าแกเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง?”แพรวรัมภาที่ได้สติก่อนคนแรกตวาดกอหญ้าเสียงดังด้วยความโมโหอารมณ์เบิกบานใจก่อนหน้านี้พลันหายวับไปกับตาในขณะที่เปรมชัยโมโหจนหน้าเขียวคล้ำที่อยู่ ๆก็มีคนบุกรุกบ้านของเขาในยามวิกาลและยังเป็นการบุกรุกที่ไร้สุ้มเสียงอีกด้วย“ถามโง่ๆฉันก็เดินเข้ามาทางประตูไงหรือคิดว่าฉันหายตัวได้ล่ะ”คำตอบที่ยียวนกวนอารมณ์ของกอหญ้าทำให้สามคนพ่อแม่ลูกต่างชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจเป็นเปรมชัยที่ทนไม่ไหวตะโกนเรียกลูกน้องเสียงดังลั่นบ้าน“ใครก็ได้มาจับตัวนังเด็กคนนี้โยนออกไปนอกบ้านที”น้ำเสียงทรงอำนาจน่าเกรงขามของเปรมชัยไม่ได้ทำให้กอหญ้ารู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แ
คอนโด Aเสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดของคนที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่นอนหมดสติไปนานถึงสี่ชั่วโมงทำให้กฤษฎิ์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาริมหน้าต่างค่อยๆหันหน้ากลับมามองภีมวัจน์ที่กำลังกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับสภาพการมองเห็นให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งความรู้สึกแรกที่ชายหนุ่มสัมผัสได้ในยามนี้ก็คืออาการมึนงงที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไรกับอาการปวดที่หัวไหล่ด้านซ้ายที่เขาเพียงแค่ขยับความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามาทันทีอย่างไม่คิดจะไว้หน้ากันเลยสักนิด“ฮาย หลานเขย”เสียงทักทายที่ดังขึ้นพร้อมร่างสูงของชายชราที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆเตียงของภีมวัจน์เมื่อไหร่ไม่รู้ทำให้คนที่หันมาเจอถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจพร้อมพยายามขยับตัวเพื่อถอยหนีทำให้อาการปวดที่หัวไหล่ด้านซ้ายทวีความรุนแรงมากขึ้นจนทำให้เขาต้องหยุดชะงักอยู่กับที่และเพ่งมองคนที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มอย่างรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนคุณตากำมะลอ!!“คะ คุณตามาอยู่ที่ห้องของผมได้ยังไงครับ?”น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยสายตาหวาดระแวงก่อนที่กฤษฎิ์จะหันไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมายื่นให้ภีมวัจน์ท
เรื่องที่เธอกับภีมวัจน์ถูกลอบทำร้ายถูกกอหญ้าปิดข่าวเอาไว้อย่างมิดชิดต่อให้หูตาของบางคนจะยื่นมายาวแค่ไหนกอหญ้าก็ฟาดกลับคืนไปอย่างไม่ไว้หน้ารวมถึงครอบครัวของภีมวัจน์ด้วยที่อยู่ ๆ ดนัยก็โผล่มาหาพี่ชายถึงหน้าห้องทำงานโดยที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าซึ่งเรื่องนี้เธอก็เตรียมการเอาไว้แล้วเช่นกันหนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ภีมวัจน์จะพักฟื้นอยู่ที่บ้านเท่านั้นส่วนเรื่องงานเธอจะเป็นคนคอยช่วยดูแลและตัดสินใจแทนเขาในบางเรื่องเอง “ใครจุดธูปเรียกไม่ทราบถึงได้เสนอหน้ามาถึงที่นี่”รอยยิ้มยียวนบนใบหน้าของดนัยพลันแข็งค้างเมื่อได้ยินคำทักทายที่ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่คิดจะให้เกียรติเขาเลยสักนิดทั้ง ๆที่ขาเป็นถึงน้องชายของท่านประธานบริษัทส่วนเธอที่เพิ่งเอ่ยถามเขาด้วยวาจาไม่น่าฟังเป็นเพียงแค่นักศึกษาฝึกงานที่พ่วงด้วยตำแหน่งคนรักของภีมวัจน์เท่านั้นแต่ถึงจะเป็นแฟนของภีมวัจน์แล้วอย่างไรมีสิทธิ์อะไรมาพูดจาล่วงเกินเขาแบบนี้“นี่ใช้ปากพูดเหรอ?หรือว่าใช้...”ดนัยแสร้งหลุบตาลงมองไปที่เรียวขาสวยของกอหญ้าสายตาของเขาตกกระทบลงบนตำแหน่งล่างสุดของร่างกายซึ่งกอหญ้ารู้ความนัยนั้นดีว่าหมายความว่าอย่างไร ใบหน้างดงามที่ราวกับหลุดออกมาจากภ
โรงเรียนอนุบาลมือเล็กขาวนุ่มนิ่มของเด็กชายตัวน้อยค่อยๆยื่นไปอุ้มเจ้าลูกแมวตัวเล็กที่ส่งเสียงร้องด้วยความสงสารดวงตากลมโตราวกับผลองุ่นจ้องมองแมวน้อยด้วยแววตาทอแสงเป็นประกายก่อนที่เด็กชายจะยื่นเจ้าแมวสีขาวที่เลอะคราบดินให้เด็กชายอีกคนที่หน้าตาเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออกพร้อมกับหันกลับไปอุ้มเจ้าแมวน้อยอีกตัวมาไว้ในอ้อมแขนพีร์ รณพีร์ : เราจะพาเจ้าแมวน้อยสองตัวนี้กลับไปเลี้ยงจริงๆเหรอครับพี่ภาคย์ ?เด็กชายตัวน้อยเอ่ยถามผู้เป็นพี่ชายด้วยสีหน้ากังวลใจเพราะเขากลัวว่าบิดาและมารดาจะไม่เอ็นดูเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนเหมือนเขากับพี่ชายที่รู้สึกสงสารลูกแมวน้อยที่กำพร้าแม่ตั้งแต่แรกเห็นพี่ชายของเขาจึงตัดสินใจที่จะพาเจ้าตัวเล็กทั้งสองกลับไปด้วยเพื่อขออนุญาตบิดาและมารเลี้ยงเอาไว้ภาคย์ ภูบดินทร์ : อืม แมวน้อยน่าสงสารไม่มีแม่แล้วต่อไปเราสองคนต้องตั้งใจเลี้ยงให้ดีนะรู้ไหม ?ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยบอกน้องชายด้วยรอยยิ้มก่อนที่สองพี่น้องจะพากันเดินไปที่หน้าโรงเรียนเพื่อนั่งรอบิดากับมารดามารับระหว่างทางที่เดินไปเด็กสาวบางคนต่างก็หันมาจ้องมองพี่น้องฝาแฝดด้วยความสนใจบางคนถึงกับแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอายแต่เด็กชายทั้งสอ
เวลาที่ผ่านไปวันแล้ววันเล่าในที่สุดกำหนดคลอดของกอหญ้าก็ใกล้เข้ามาทุกทีทุกคนในครอบครัวต่างพากันตื่นเต้นเป็นอย่างมากโดยเฉพาะบรรดาผู้อาวุโสอย่างคุณตากฤษฎิ์ คุณยายที่รัก รวมไปถึงคุณปู่ภาสกรของภีมวัจน์ที่ทั้งตื่นเต้นและกังวลใจเนื่องจากท้องของกอหญ้านั้นค่อนข้างใหญ่มากเพราะเจ้าเด็กตัวอ้วนในท้องนั้นเป็นเด็กแฝด ซึ่งตั้งแต่นั้นมาทุกคนต่างก็สั่งห้ามไม่ให้เธอเข้าครัวทำอาหารแต่มีหรือที่คนดื้อรั้นอย่างกอหญ้าจะฟังทันทีที่ไร้สายตาคอยจับจ้องกอหญ้าก็ยังคงเพลิดเพลินกับการเรียนรู้วิธีทำอาหารที่หลากหลายเหมือนเดิมจนกระทั่งเหลือเวลาอีกเพียงสามอาทิตย์ก่อนที่เธอจะคลอดกิจกรรมที่เธอชอบทำทุกอย่างจึงถูกสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดซึ่งกอหญ้าก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดีเพราะตอนนี้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวสักเท่าไรเธอจึงทำได้เพียงแค่นั่งๆนอนๆจนแทบจะขึ้นรากลายเป็นปลาเค็มตากแห้งอยู่แล้ววันนี้เธอจึงถือโอกาสที่ภีมวัจน์หยุดงานชวนเขาออกมาเดินเล่นด้านล่างเพื่อสูดอากาศที่บริสุทธิ์ดีกว่านอนอุดอู้อยู่ภายในบ้าน“หืม ทำไมคุณตากับคุณยายถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะคะ ? แล้วนั่นใช่คุณปู่ของพี่ภีมไหมคะ ?”เมื่อเดินมาถึงบริเวณสวนดอกไม้สายตาของกอหญ้าก็พลัน
เมื่อเดินทางกลับมาจากฮันนีมูนภีมวัจน์ก็กลับไปทำงานตามปกติส่วนกอหญ้าที่อายุครรภ์เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆก็มองหากิจกรรมทำเพื่อไม่ให้ตัวเองว่างจนฟุ้งซ่านเมื่อต้องอยู่บ้านเพียงลำพังในช่วงที่เพิ่งกลับมาจากฮันนีมูนกอหญ้าเคยขอตามภีมวัจน์ไปที่บริษัทเพื่อช่วยเขาทำงานแต่กลับถูกวาจาออดอ้อนอ่อนหวานที่บอกให้เธอพักผ่อนอยู่ที่บ้านเพื่อดูแลครรภ์ใจของกอหญ้าพลันอ่อนยวบและยอมทำตามคำขอร้องของสามีอย่างว่าง่ายเพราะเธอเข้าใจดีว่าภีมวัจน์นั้นเป็นห่วงเธอกับลูกกิจกรรมที่กอหญ้าเลือกทำในระหว่างที่พักผ่อนอยู่บ้านส่วนใหญ่แล้วเธอจะเปิดเพลงฟังพร้อมทั้งทำอาหารไปด้วยซึ่งตั้งแต่ที่เดินทางกลับจากฮันนีมูนกอหญ้าก็เริ่มมีความสนใจอยากจะเรียนทำอาหารจีนแล้วเพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เธออยู่อิตาลีเธอเคยลงเรียนทำอาหารและขนมหลักสูตรระยะสั้นช่วงปิดเทอมทำให้กอหญ้ามีความรู้เรื่องการทำอาหารไม่น้อยและครั้งนี้กอหญ้าเริ่มเรียนรู้การทำอาหารด้วยตัวเองโดยการดูจากสื่อตามช่องทางต่างๆด้วยความที่เธอเป็นคนหัวไวเรียนรู้เพียงไม่นานฝีมือการทำอาหารของกอหญ้านั้นเรียกได้ว่าพัฒนาแบบก้าวกระโดดมากยิ่งกว่าแม่แก้มใสของเธอเสียอีกและวันนี้ยังคงเป็นอีกหนึ่งวันที่ก
หลังจากที่แต่งงานและจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยและส่งบรรดาคุณลุงคุณป้าคุณปู่คุณย่ารวมไปถึงน้อง ๆของกอหญ้ากลับต่างประเทศเรียบร้อยแล้วภีมวัจน์ก็จัดการโยนงานทั้งหมดให้เตชินทร์ดูแลทันทีทำเอาคนที่เพิ่งไปเที่ยวกลับมาอย่างมีความสุขหน้าหงิกหน้างอไม่น่ามองไปหลายวันเลยทีเดียว ยังดีที่กลับมาจากต่างประเทศครั้งนี้เตชินทร์มีเคทกลับมาด้วยในฐานะแฟนทำให้เขาที่เคยถูกทอดทิ้งให้ทำงานคนเดียวเพียงลำพังไม่ต้องอยู่อย่างเหงาๆอีกต่อไปอีกทั้งยังมีพ่อตากับแม่ยายของท่านประธานที่คอยช่วยงานเตชินทร์จึงไม่ค่อยกังวลใจสักเท่าไรมีเพียงความโมโหเล็กน้อยจากการที่ถูกท่านประธานช่วงชิงเวลาที่เขาจะสวีทหวานกับเคทไปเท่านั้นที่ทำให้เตชินทร์โมโหจนเผลอก่นด่าเจ้านายไปหลายคำทีเดียวเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนอึกกอหญ้าลอบกลืนน้ำลายด้วยความกระหายเมื่อเห็นคนต่อแถวซื้อชานมชื่อดังที่กำลังเป็นที่นิยมในประเทศไทยก่อนหน้าที่เธอจะเลือกเดินทางมาฮันนีมูนที่ประเทศจีนเธอได้หาข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารชื่อดังเอาไว้มากมายหลายร้านทีเดียวและเมนูชานมไข่มุกก็คือเมนูแรกที่เธออยากจะลองชิมหลังจากที่เดินทางมาถึงที่นี่“พี่ภีมขากอหญ้าอยากกินชานมร้านนั้น”กอหญ้าเอ่ยบอกภีม
เมื่อขบวนเจ้าบ่าวมาถึงทุกคนถึงกับรู้สึกตาพร่าไปชั่วขณะกับด่านประตูเงินประตูทองที่ดูเหมือนเป็นด่านศูนย์รวมคนหน้าตาดีที่หน้าตาหล่อเหลาคมคายยิ่งกว่าดาราชื่อดังเสียอีกสาวๆที่มากับขบวนแห่ขันหมากต่างพากันหน้าแดงหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นจนกระทั่งเริ่มด่านประตูเงินประตูทองด่านแรกสาวๆที่หน้าแดงก่อนหน้านี้พลันยิ้มไม่ออกในทันทีเมื่อเงื่อนไขของการผ่านด่านนั้นยากจนเกินไปรามสูร : จะถอยก็ได้นะถ้าสู้ไม่ไหวน้ำเสียงของรามสูรฟังดูเนือยๆก็จริงแต่สายตาที่เขากำลังมองไปที่ภีมวัจน์กลับทำให้เจ้าตัวรู้สึกชาวาบที่หนังศีรษะในใจพลันลอบคิดว่านี่เป็นการมองข่มขู่อย่างไรสุ้มเสียงและไม่ยอมให้เขาปฏิเสธซึ่งภีมวัจน์เองก็ไม่คิดที่จะเอ่ยปฏิเสธแต่อย่างใดนี่คืองานแต่งของเขาเชียวน้ากว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเรื่องอะไรที่เขาจะต้องยอมถอยขนาดด่านทดสอบความแข็งแกร่งของแม่แก้มใสเขายังผ่านมาได้เลยนับประสาอะไรกับแค่ด่านประตูเงินประตูทองด่านแรกที่เขาต้องกินอาหารตรงหน้าให้หมดภาสกร : หลานจะกินหมดนี่จริงๆเหรอ ?ภาสกรที่ยืนอยู่ข้างๆภีมวัจน์เอ่ยถามด้วยความกังวลระคนห่วงใยเมื่อเห็นเมนูอาหารที่อยู่ตรงหน้าซึ่งรสชาติอย่าใ
“ฮึก คุณปู่ขา ฮือ ฮือ”กอหญ้าโผเข้าสู่อ้อมกอดของเรียวอิจิที่อ้าแขนกว้างโอบรั้งหลานสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความคิดถึงสุดหัวใจฝ่ามือใหญ่ที่คอยอุ้มชูเธอมาตั้งแต่เด็กค่อยๆลูบหลังที่สะสั่นท้านด้วยแรงสะอื้นอย่างปลอบโยนในขณะที่กอหญ้ารีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลด้วยความดีใจอย่างลวกๆยังดีที่เครื่องสำอางที่ช่างใช้แต่งหน้าให้เธอคือชนิดกันน้ำไม่อย่างนั้นใบหน้าของเธอคงเลอะไปด้วยคราบเครื่องสำอางอย่างแน่นอน“ไม่ร้องนะคนเก่งของปู่วันนี้หนูสวยมากๆขืนร้องไห้อีกคนสวยของปู่คงได้กลายเป็นคนขี้เหร่แน่ ๆ”น้ำเสียงอ่อนโยนของเรียวอิจิเอ่ยชมหลานสาวด้วยภาษาญี่ปุ่นที่เขามักจะใช้พูดคุยกับหลานสาวเป็นประจำเพราะว่าเรียวอิจิอยากให้กอหญ้าเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่เด็กๆเขาจึงมักจะใช้ภาษาญี่ปุ่นพูดคุยสนทนากับหลานสาวอยู่เสมอจนกระทั่งกอหญ้าค่อยๆซึมซับภาษาญี่ปุ่นทีละน้อยจนกลายเป็นว่าสามารถพูดได้คล่องในที่สุด“กอหญ้าแค่ดีใจมากไปหน่อยน่ะค่ะก็เลยกลั้นไว้ไม่อยู่ว่าแต่คุณปู่มาได้ยังไงคะเนี่ย ?”“เฮอะ แต่งงานทั้งทีก็ไม่คิดจะส่งข่าวไปบอกปู่บ้างเลยนะเรา”เรียวอิจิแค่นเสียงเฮอะขึ้นจมูกพร้อมตอบกลับหลานสาวด้วยน้ำเสียงแง่งอนทำให้กอหญ้าได้แ
เช้าวันต่อมารามสูรค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความยากลำบากทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองคล้ายกำลังถูกบางสิ่งบางอย่างทับอยู่ร่างสูงจึงลุกขึ้นพรวดด้วยความตกใจทำให้กอหญ้าที่ปีนขึ้นมานอนบนตัวของพี่ชายราวกับเด็กน้อยลื่นไถลลงบนที่นอนทันทีทำเอาคนขี้เซาถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจเช่นกัน ดวงตาคู่งามกระพริบปริบๆด้วยความงุนงงก่อนที่จะสบเข้ากับดวงตาที่ดูไม่สบอารมณ์ของรามสูรทันใดนั้นกอหญ้าก็ตื่นเต็มตาทันทีในใจพลันมีลางสังหรณ์ไม่ดีเธอจึงรีบขยับตัวออกห่างจากพี่ชายอย่างเนียนๆแต่ก็ช้ากว่ารามสูรที่ยื่นขามาถีบก้นของกอหญ้าเบาๆคนทั้งคนก็ถลาล้มลงไปนอนราบบนเตียงอย่างหมดสภาพ็ช้ากสวว่รมสรท“เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยปีนขึ้นมานอนบนตัวคนอื่นแล้วนอนน้ำลายไหลยืดสักที”น้ำเสียงดุดันที่แฝงไปด้วยความเอือมระอาเล็กน้อยทำให้กอหญ้าที่ล้มลงบนที่นอนรีบดีดตัวเองลุกขึ้นนั่งและจ้องหน้ารามสูรกลับคืนอย่างดุดันไม่แพ้กัน“พี่รามบ้าถีบมาได้กอหญ้าโตแล้วนะ”น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ต่อว่ารามสูรพร้อมถีบขารัวๆไปทางเขาที่กระโดดลงจากเตียงหลบฝ่าเท้าของน้องสาวได้อย่างหวุดหวิด“โตแล้วก็ควรจะเลิกปีนขึ้นมานอนน้ำลายไหลยืดบนตัวพี่รามสักทีเหอ
“พี่รามของยาย”ทันทีที่เห็นหน้าหลานชายที่รักก็รีบวิ่งเข้าไปกอดรามสูรด้วยความดีใจใบหน้าของเธอในยามนี้แย้มยิ้มด้วยความยินดีเพราะเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่รามสูรไม่ได้กลับมาเมืองไทย“พี่รามเองก็คิดถึงคุณยายมากเหมือนกันครับ”รามสูรเอ่ยบอกผู้เป็นยายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนทำให้กอหญ้าที่เดินตามหลังเข้ามาทันได้ยินประโยคนี้เข้าพอดีถึงกับเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ทีกับเธอไม่เห็นว่าพี่ชายจะพูดจาออดอ้อนแบบนี้บ้างเลยเขานี่มันสองมาตรฐานชัดๆ“ปากบอกว่าคิดถึงแต่ตัวไม่ยอมกลับมาหายายบ้างเลยนะเราหรือว่าเดี๋ยวนี้พอมีสาวแล้วก็เลยลืมยาย”คำว่า มีสาวแล้ว ของที่รักทำให้รามสูรที่ไม่เคยคิดจะมีความรักพลันรีบส่ายหน้าปฏิเสธสุดชีวิตทันทีต่อให้เขาจะชอบมีความสัมพันธ์ข้ามคืนกับสาวๆมากหน้าหลายตาแต่เรื่องความรักก็ไม่เคยอยู่ในหัวของเขาหรอกนะ ฮึ้ย คิดถึงเรื่องความรักแล้วขนลุกชะมัด“มีสาวที่ไหนกันคะคุณยายปากดีไม่มีใครเกินแบบนี้จะมีสาวที่ไหนมาชายตามองกันล่ะคะ ? ”กอหญ้าที่เดินไปนั่งลงข้างๆกฤษฎิ์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นในขณะที่รามสูรได้แต่หันขวับกลับไปถลึงตาใส่น้องสาวที่ลอยหน้าลอยตาหยิบองุ่นส่งเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อยทั้งๆที่เพิ่งพูด
โรงพยาบาล K“ไปดื่มด้วยกันหน่อยไหมคะ ?”ฝีเท้าของคุณหมอหนุ่มที่กำลังก้าวเดินไปยังลานจอดรถของโรงพยาบาลพลันชะงักเล็กน้อยเขาเหลือบมองสาวสวยที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปเพียงแวบเดียวก่อนที่จะดึงสายตากลับมาคืนและเดินไปยังรถ Rolls-Royce รุ่นล่าสุดที่ผลิตเพียงห้าคันในโลกโดยที่ไม่ตอบคำถามของสาวสวยที่มาดักรอพบเพื่อพูดคุยกับเขาแต่อย่างใดทำให้หญิงสาวที่หวังจะได้รับความสนใจจากคุณหมอหนุ่มได้แต่กระทืบเท้าด้วยความเจ็บใจ“หึ ฝากเอาไว้ก่อนเถอะราฟสักวันฉันจะทำให้คุณยอมสยบแทบเท้าฉันให้ได้”เรน่าได้แต่หมายหมาดอยู่ในใจก่อนที่เธอจะหมุนตัวเดินกลับไปขึ้นรถหรูราคาแพงและขับออกไปจากโรงพยาบาลทันทีVictoria PubRolls-Royce ที่ขับออกมาจากโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของประเทศอิตาลีค่อยๆเลี้ยวเข้ามายังผับประจำที่เขาชอบมานั่งดื่มหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการผ่าตัดมาทั้งคืนก่อนที่ร่างสูงจะเปิดประตูและโยนกุญแจรถให้พนักงานภายในผับอย่างสนิทสนมคุ้นเคยและเดินเข้าไปภายในผับทันทีเสียงเพลงที่เปิดเบาๆคลอไปกับบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายทำให้ลำคอของรามสูรแห้งผากอย่างบอกไม่ถูกเป็นเวลาหลายวันแล้วที่เขายุ่งอยู่กับการผ่าตัดจนแทบไม่มีเวลามาพักผ