“กอหญ้าขออนุญาตไปทักทายเพื่อนก่อนนะคะ”เมื่อสบโอกาสกอหญ้าก็เงยหน้าขึ้นบอกภีมวัจน์กับท่านหญิงรสาที่กำลังคุยกันอย่างออกรสก่อนที่เธอจะลุกขึ้นและเดินตรงมาหาสายขิมที่กำลังจ้องหน้าคู่ปรับเก่าด้วยโทสะที่กำลังคุกรุ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ในใจเธออยากจะกรีดร้องและอาละวาดด่าทออีกฝ่ายที่ทำตัวเป็นตาอยู่ที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรด้วยความพยายามเหมือนเธอแต่กลับลอยหน้าลอยตาได้ภีมวัจน์ไปครอบครองแทบตายแต่ก็ได้เพียงกดข่มความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้เพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เธอจะแสดงความเอาใจแต่ใจออกมาแบบไหนก็ได้ภาพความสนิทสนมของหนุ่มสาวทั้งสองคนต่อให้กอหญ้าไม่พูดแต่สายขิมไม่ใช่คนโง่เธอย่อมมองออกอยู่แล้วว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่ใช่เพียงแค่เลขากับท่านประธานอย่างแน่นอน อีกอย่างก่อนหน้านี้ก็มีสายในแผนกบริหารที่เธอซื้อตัวเอาไว้ทักมาบอกเธอว่าภีมวัจน์เปิดตัวกอหญ้าเป็นคนรักอย่างออกหน้าออกตาแต่สายขิมเลือกที่จะไม่เชื่อเพราะเธอไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง มาถึงวันนี้เธอเชื่อแล้วว่าข่าวที่ได้รับมานั้นไม่มีผิดพลาดเลยแม้แต่น้อยเป็นตัวเธอเองที่ไม่อยากจะยอมรับความจริงนี้ต่างหากความจริงที่ชวนให้รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจแบบนี้เธอรับไม
งานเลี้ยงวันเกิดท่านพัลลภเสียงฮือฮาพลันดังขึ้นทันทีเมื่อหน้าทางเขาของงานเลี้ยงปรากฏร่างสูงสง่าของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ไม่ค่อยออกงานสังคมเดินควงแขนมากับสาวสวยที่หน้าตาพริ้มเพรางดงามราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดของจิตรกรชื่อดัง ทั้งคู่เดินควงแขนกันมาอย่างแนบชิดจนแทบจะไม่มีช่องว่างให้ลมพัดผ่านก่อนที่ร่างบอบบางจะเซถลาเล็กน้อยไปซบอกร่างสูงของชายหนุ่มรูปงามที่คว้าเอวของเธอเอาไว้ได้ทันและทำตัวเป็นหลักให้เธอได้ยึดเกาะเมื่ออยู่ ๆก็ถูกคนๆหนึ่งชนเข้าที่ไหล่อย่างไม่ทันตั้งตัว“นี่คุณ!!”ริมฝีปากอวบอิ่มเริ่มทำงานทันทีที่ตั้งหลักยืนได้อย่างมั่นคงแต่คำพูดที่เตรียมจะต่อว่ายังไม่ทันจะถูกพ่นออกจากปากดวงตากลมโตพลันเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อใบหน้าที่คุ้นเคยของคนที่ตั้งใจกลั้นแกล้งเธอกระทบเข้าสู่ม่านตาO_O“ขอโทษด้วยนะจ๊ะหนู พอดีตาแก่แล้วเดินเหินไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ พอออกจากบ้านมาร่วมงานเลี้ยงก็ทำเรื่องขายหน้าเข้าให้แล้ว”ปากเอ่ยถ้อยคำขอโทษแต่ใบหน้ากลับพราวระยับไปด้วยรอยยิ้มใจดีที่แฝงไปด้วยเลศนัยกอหญ้าถึงกับปากตากระตุกทันทีส่วนภีมวัจน์เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืนอยู่ใกล้กับกอหญ้ามากจนเกินไปความหึงหวงก็พลันทำงา
งานวันเกิดของท่านพัลลภเป็นศูนย์รวมนักธุรกิจและบุคคลที่มีชื่อเสียงทุกแวดวงการอย่างแท้จริงก่อนหน้าที่เธอจะเดินทางมางานเลี้ยงกอหญ้าได้ศึกษาข้อมูลของเขามาแล้วเธอจึงไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใดที่เขาเป็นที่รู้จักของคนมากมายขนาดนี้ ชื่อเสียงและผลประโยชน์ที่คนบางกลุ่มภายในงานได้ทำการแลกเปลี่ยนกับเขานั้นคุ้มค่ามากพอที่จะทำให้ใครต่อใครเดินเข้ามาทำความรู้จักกับเขาอย่างไม่ลังเล แต่ที่กอหญ้าสงสัยเอามากๆนั้นคือคุณตาของเธอรู้จักกับคนๆนี้ได้อย่างไรทั้ง ๆที่ท่านไม่ค่อยชอบคบค้าสมาคมกับใครเพื่อนของท่านที่เธอรู้จักต่อให้ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมายังแทบนับนิ้วได้ด้วยซ้ำ“อดทนหน่อยนะคะไม่นานงานเลี้ยงก็เลิกแล้ว”เมื่อคิดว่าชายหนุ่มรูปงามที่นั่งอยู่ข้างๆคงกำลังอึดอัดใจที่ต้องนั่งร่วมโต๊ะกับบุคคลที่มีชื่อเสียงแล้วเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายกอหญ้าก็หันมาส่งยิ้มหวานละมุนให้เขาอย่างต้องการปลอบใจพร้อมยื่นมือไปกุมมือของเขาและบีบเบาๆอย่างอ่อนโยน ส่งผลให้กฤษฎิ์ที่กำลังนั่งมองบรรยากาศภายในงานและบังเอิญหันมาเจอภาพความหวานนี้เข้าถึงกับหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ทันทีทั้ง ๆที่เขารู้ดีถึงความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวสองคนนี้ว
พระจันทร์เต็มดวงลอยอยู่บนฟ้าแสงจันทร์นวลผ่องส่องผ่านผ้าม่านลงมากระทบพื้นเผยให้เห็นร่างสูงของใครบางคนกำลังยืนพิงกรอบหน้าต่างคล้ายกำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิดที่ยังคงหาทางออกไม่เจอ ดวงตาคู่งามจ้องมองบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองหลวงด้วยแววตาครุ่นคิดในใจพลันหวนคิดไปถึงท่าทีกระซิบกระซาบระหว่างกอหญ้ากับคุณตากำมะลอที่ภีมวัจน์มั่นใจมากว่าเขาเพิ่งเคยเห็นหน้าอีกฝ่ายเป็นครั้งแรกท่าทีพูดคุยที่ดูสนิทสนมกันของทั้งคู่ทำให้เขาอดที่จะรู้สึกเคลือบแคลงและสงสัยถึงตัวตนที่แท้จริงของกอหญ้าไม่ได้ว่าจริงๆแล้วเธอคือใครกันแน่ครืด ครืด ครืดเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนเก้าอี้โซฟาที่ตั้งอยู่ข้างๆทำให้ความคิดที่กำลังจมอยู่ในภวังค์พลันถูกดึงกลับคืนมาภีมวัจน์รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าใครคือคนที่โทรมา“ว่า”“ไม่พบข้อมูลเลยครับนาย ข้อมูลที่สืบมาได้ตรงตามที่คุณกอหญ้าบอกทุกอย่างไม่มีเพิ่มเติมเลยสักนิดส่วนผู้ชายที่ชื่อกฤษฎิ์ไม่ว่าจะพยายามสืบหาตัวตนเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้เลยครับ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีการป้องกันข้อมูลรั่วไหลได้เป็นอย่างดีทั้งข้อมูลและการเข้าถึงตัวยากมากกว่าทุกคนที่ผมเ
โรงพยาบาล Nเมื่อรถหยุดลงที่หน้าประตูทางเข้าของโรงพยาบาลกอหญ้าก็รีบเปิดประตูและตะโกนเรียกให้บุรุษพยาบาลเข้ามาพาตัวภีมวัจน์ที่กำลังสลบไสลไม่ได้สติเข้าไปทำแผลที่ห้องฉุกเฉินก่อนที่เธอจะวิ่งตามรถเข็นไปด้วยความเป็นห่วงจนกระทั่งมาถึงห้องฉุกเฉิน ในขณะที่เธอกำลังจะก้าวตามเข้าไปมือบางของเธอกลับถูกมือใหญ่ที่แข็งแรงของใครบางคนดึงรั้งเอาไว้ทำให้เธอถึงกับเซถลาไปเล็กน้อยก่อนที่สายตาขุ่นเคืองจะตวัดมองคนที่กล้ากระชากเธอไม่ให้ตามภีมวัจน์เข้าไปในห้องฉุกเฉิน“ใจเย็นๆนังหนู แค่โดนยิงเฉียด ๆ ไม่ได้ตัดขั้วหัวใจถึงตายสักหน่อยร้องไห้เป็นเด็กน้อยไปได้”น้ำเสียงอบอุ่นที่แฝงไปด้วยความเหนื่อยอกเหนื่อยใจเล็กน้อยของกฤษฎิ์ทำให้กอหญ้าเริ่มเบะปากอีกครั้งก่อนที่เธอจะโผเข้ากอดผู้เป็นตาและปล่อยโฮเหมือนครั้งที่ยังเป็นเด็กและถูกพี่ชายกลั่นแกล้งจนร้องไห้เสียงดังลั่นวิ่งไปฟ้องคุณตาทั้งเสียงสะอึกสะอื้น“พะ เพราะกอหญ้าเขาถึงถูกยิง ฮือ ฮือ คุณตาขาถ้ากอหญ้าไม่ประมาทเขาคงไม่เป็นอันตราย”เดิมทียามที่เห็นหลานสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำหูน้ำตาไหลกฤษฎิ์ควรจะรู้สึกสงสารและเห็นใจแต่ตอนนี้กลับแปลกออกไปดวงตาคมกริบของเขากลอกขึ้นบนลงล่างไปมา
“ดีใจที่จะได้เจอหนุ่มหล่อแล้วเจ้าภีมลูกชายของเพื่อนแม่เราลูกจะเอาเขาไว้ตรงไหนกันล่ะ”“ไม่ต้องเอาไว้ตรงไหนหรอกค่ะ เพราะคุณภีมเขาไม่ได้เป็นอะไรกับลูกสาวของท่านทั้งนั้น”เสียงที่ดังมาก่อนตัวทำให้ทั้งสามคนถึงกับหันมามองหน้ากันด้วยแปลกใจก่อนที่สาวสวยคนหนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าคนทั้งสามที่สีหน้าค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ ๆก็มีแขกรับเชิญที่ไม่รู้จักเดินเข้ามาในบ้านได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่มีใครมาขวางเอาไว้เลยสักคน“แก นังกอหญ้าแกเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง?”แพรวรัมภาที่ได้สติก่อนคนแรกตวาดกอหญ้าเสียงดังด้วยความโมโหอารมณ์เบิกบานใจก่อนหน้านี้พลันหายวับไปกับตาในขณะที่เปรมชัยโมโหจนหน้าเขียวคล้ำที่อยู่ ๆก็มีคนบุกรุกบ้านของเขาในยามวิกาลและยังเป็นการบุกรุกที่ไร้สุ้มเสียงอีกด้วย“ถามโง่ๆฉันก็เดินเข้ามาทางประตูไงหรือคิดว่าฉันหายตัวได้ล่ะ”คำตอบที่ยียวนกวนอารมณ์ของกอหญ้าทำให้สามคนพ่อแม่ลูกต่างชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจเป็นเปรมชัยที่ทนไม่ไหวตะโกนเรียกลูกน้องเสียงดังลั่นบ้าน“ใครก็ได้มาจับตัวนังเด็กคนนี้โยนออกไปนอกบ้านที”น้ำเสียงทรงอำนาจน่าเกรงขามของเปรมชัยไม่ได้ทำให้กอหญ้ารู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แ
คอนโด Aเสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดของคนที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่นอนหมดสติไปนานถึงสี่ชั่วโมงทำให้กฤษฎิ์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาริมหน้าต่างค่อยๆหันหน้ากลับมามองภีมวัจน์ที่กำลังกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับสภาพการมองเห็นให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งความรู้สึกแรกที่ชายหนุ่มสัมผัสได้ในยามนี้ก็คืออาการมึนงงที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไรกับอาการปวดที่หัวไหล่ด้านซ้ายที่เขาเพียงแค่ขยับความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามาทันทีอย่างไม่คิดจะไว้หน้ากันเลยสักนิด“ฮาย หลานเขย”เสียงทักทายที่ดังขึ้นพร้อมร่างสูงของชายชราที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆเตียงของภีมวัจน์เมื่อไหร่ไม่รู้ทำให้คนที่หันมาเจอถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจพร้อมพยายามขยับตัวเพื่อถอยหนีทำให้อาการปวดที่หัวไหล่ด้านซ้ายทวีความรุนแรงมากขึ้นจนทำให้เขาต้องหยุดชะงักอยู่กับที่และเพ่งมองคนที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มอย่างรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนคุณตากำมะลอ!!“คะ คุณตามาอยู่ที่ห้องของผมได้ยังไงครับ?”น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยสายตาหวาดระแวงก่อนที่กฤษฎิ์จะหันไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมายื่นให้ภีมวัจน์ท
เรื่องที่เธอกับภีมวัจน์ถูกลอบทำร้ายถูกกอหญ้าปิดข่าวเอาไว้อย่างมิดชิดต่อให้หูตาของบางคนจะยื่นมายาวแค่ไหนกอหญ้าก็ฟาดกลับคืนไปอย่างไม่ไว้หน้ารวมถึงครอบครัวของภีมวัจน์ด้วยที่อยู่ ๆ ดนัยก็โผล่มาหาพี่ชายถึงหน้าห้องทำงานโดยที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าซึ่งเรื่องนี้เธอก็เตรียมการเอาไว้แล้วเช่นกันหนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ภีมวัจน์จะพักฟื้นอยู่ที่บ้านเท่านั้นส่วนเรื่องงานเธอจะเป็นคนคอยช่วยดูแลและตัดสินใจแทนเขาในบางเรื่องเอง “ใครจุดธูปเรียกไม่ทราบถึงได้เสนอหน้ามาถึงที่นี่”รอยยิ้มยียวนบนใบหน้าของดนัยพลันแข็งค้างเมื่อได้ยินคำทักทายที่ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่คิดจะให้เกียรติเขาเลยสักนิดทั้ง ๆที่ขาเป็นถึงน้องชายของท่านประธานบริษัทส่วนเธอที่เพิ่งเอ่ยถามเขาด้วยวาจาไม่น่าฟังเป็นเพียงแค่นักศึกษาฝึกงานที่พ่วงด้วยตำแหน่งคนรักของภีมวัจน์เท่านั้นแต่ถึงจะเป็นแฟนของภีมวัจน์แล้วอย่างไรมีสิทธิ์อะไรมาพูดจาล่วงเกินเขาแบบนี้“นี่ใช้ปากพูดเหรอ?หรือว่าใช้...”ดนัยแสร้งหลุบตาลงมองไปที่เรียวขาสวยของกอหญ้าสายตาของเขาตกกระทบลงบนตำแหน่งล่างสุดของร่างกายซึ่งกอหญ้ารู้ความนัยนั้นดีว่าหมายความว่าอย่างไร ใบหน้างดงามที่ราวกับหลุดออกมาจากภ