ผ่านมาหลายต่อหลายคืนแล้วที่มิวเฝ้าภาวนาขอให้เจออมนุษย์ร่างกายล่ำบึ้ก ไม่ว่าจะเพราะอยากเคลียร์ใจหรือเพราะติดใจบรรยากาศซู่ซ่าในม่านหมอกก็ตาม ชายหนุ่มก็ยังอยากเจอดันเต้อยู่ดี อากาศเย็นสบายในห้องแต่งตัวไม่อาจดับความรุ่มร้อนของชายหนุ่ม ตั้งแต่มิวตะคอกใส่ดันเต้แล้วหลบหนีออกจากความฝัน เขาก็ไม่พานพบคิวบัสตนนั้นอีกเลย จะเป็นที่ทำงานหรือในความฝัน จนดูเหมือนว่าการหายตัวคงเป็นสิ่งถนัดของดันเต้ เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าปีศาจน้อยใจเป็นหรือไม่ ทว่าก็หวังเอาไว้ว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น หลายสิ่งยากเหนือจินตาการเกิดแบบฉับพลันในระยะเวลาอันรวดเร็ว แรกเริ่มก็ยากเกินความเข้าใจ กระนั้นเมื่อคุ้นเคยมันกลับกลายเป็นเรื่องตื่นเต้นที่โหยหา แต่ตอนนี้เมื่อนั่งตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มิวจำเป็นต้องสลัดเรื่องราวส่วนตัวทิ้งไว้เบื้องหลัง เขาสามารถพกพาความเครียดหรือกังวลใจของตัวเองไปพบลูกค้าได้ ภาพรวมในอมอร์ทุกอย่างเป็นปกติ ในแต่ละวันมีเด็กเข้าออกกันเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นสถานการณ์ยากเกินควบคุมของเป็นเอก ฉะนั้นการขาดหรือมีดันเต้หนึ่งคน ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินได
“มันทำอะไรแบบนี้ได้ด้วยเหรอ” ความตกอกตกใจของมิวยังไม่สร่าง เขาทบทวนทุกอย่างด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย เพื่อให้แน่ใจว่าความมึนเมาไม่ได้หลอนประสาทหูของตัวเอง ดวงอาทิตย์รุ่งสางเริ่มทอประกายแสดจากภายนอกอาคาร ทว่าแสงสว่างนั้นก็ไม่อาจสาดส่องความอึมครึมแห่งความสับสนให้กระจ่าง ทุกอย่างไปไกลเกินการควบคุม ฉีกทุกกฎการเรียนรู้ของมิวที่สะสมมานานยี่สิบสี่ปี เขาหวนคิดถึงนักเดินเรือสมัยก่อนที่ค้นพบทวีปใหม่ มันทั้งตื่นและชวนให้รู้สึกอันตรายไปพร้อมกัน “ตอนนี้มนุษย์รอบตัวนายไม่มีใครเชื่อใจได้สักคน” ดันเต้เกลี้ยกล่อม “เป็นเอกเป็นคนพาอาร์เต้ไปสัก ผู้จัดการร้านของนายอาจเป็นผู้ช่วยของคิวปิดอยู่ก็ได้” มิวใส่คะแนนให้ดันเต้ไปอีกหนึ่งแต้มเมื่อฟังจบ ถึงไม่เห็นกับตาแต่ด้วยม่านควันบังตาทำให้ ความน่าเชื่อถือของคิวบัสนั้นมากกว่ารุ่นน้องคนสนิท “พวกนั้นอาจลงมือกับนายอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าหากนายโดนจับไปทำอะไรแบบที่อาร์เต้โดน แล้วนายเกิดเกลียดฉันขึ้นมา ตอนนั้นฉันคงเข้าใกล้นายไม่ได้อีกต่อไป” มิวใส่คะแนนเพิ่มให้ดันเต้อีกสองคะแนน เพราะน้ำเสียงของ
เงาที่ทอดยาวภายใต้ปีกสีดำสยายใหญ่ราวกับอีกโลกที่เหลื่อมกัน อาทิตย์มิอาจทอแสงลอดความทะมึนนี้เข้ามาได้ เมื่อบานประตูเผยตัวออกมา มันจะไม่ปิดหากไม่ถูกใช้งาน แสงเรืองรองสีทองแววโรจน์ในดวงตาดุดัน เพียงแค่มือหนาใหญ่ทาบทับบนศีรษะอย่างอ่อนโยน มนุษย์หนุ่มก็ถึงแก่วิสัญญีสลบลงในอ้อมกอดคิวบัส อึดใจเดียวที่ลมหายใจรวยรินถูกปล่อยออกมาผ่านริมฝีปากระเรื่อ ดวงตาคู่หวานกะพริบถี่เพียงช่วงสั้นๆ การมองเห็นก็ค่อยๆถูกปรับให้ทำงานได้ตามปกติ หมอกหนาทึบกลายเป็นพนักงานต้อนรับของดินแดนแห่งฝัน มันเข้ามาทักทายอย่างอ่อนโยนตามเส้นผมสีน้ำตาลเข้ม พัดโบกความเย็นสบายขานตอบการมาเยือน มนุษย์หนุ่มเริ่มคุ้นเคยไม่ต่างจากการแวะไปร้านสะดวกซื้อแถวบ้าน เพียงแต่การมาที่นี่ต้องมีคนนำเข้ามา… อาจเพราะมีอีกมือโอบอุ้มอย่างแผ่วเบา ความขลาดเขลาจึงไม่อาจแทรกเข้ามาในจินตภาพ ความอุ่นภายใต้ผิวหนังนุ่มลื่นของปีศาจนั้นไม่ต่างจากมนุษย์เดินดิน หากดันเต้ไม่เฉลยความลับออกมาเสียก่อน มิวก็แทบไม่รู้สึกเลยว่าชายหนุ่มด้านหลังนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างจากเขา “นายห้ามหนีฉัน
ความคิดในหัวน้อยๆของมิวฟุ้งซ่าน ในขณะที่ด้านล่างล่อนจ้อนกำลังโดนเย้าแหย่ ที่ผ่านมาเด็กหนุ่มมักสวมบทเป็นผู้กระทำในการร่วมรัก แต่เมื่อตำแหน่งบนเตียงถูกเปลี่ยนด้วยความจำเป็น มิวค่อนข้างตื่นเต้นด้วยและกังวล ถึงจะลองดูคลิปและอ่านข้อมูลมาบ้างแล้วก็ตาม ทว่าการปฏิบัติจริงนั้นยังดูเทอะทะเก้กังอยู่มาก เอาเข้าจริงการเป็นผู้ตามยังถือว่าใหม่มากสำหรับมิว การปล่อยให้ช่วงล่างโดนกระเซ้าหยอกล้อ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันรู้สึกดีใช่เล่น แต่ก็ยังไม่อยากยอมรับว่าชอบเสียทีเดียว คงต้องรอให้ไปถึงยังจุดสุดท้ายของเหตุการณ์ มิวอาจรีวิวและให้ดาวดันเต้ได้ถูกต้อง ขณะมือของดันเต้ถูรู่ไปตามทุกตารางนิ้วของท่อนเนื้อขาวเนียนละเอียด กลิ่นกายจากของทั้งคู่ก็ฟุ้งกระจายออกมาในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความหวานซ่อนเปรี้ยวตีผสมกับความหวานซ่อนเผ็ด คลุกเคล้าจนเป็นกลิ่นที่ซึ่งมิอาจระบุได้ชัดเจน สำหรับอมนุษย์การมีกลิ่นกายซับซ้อนเช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดา ทว่ากับมนุษย์นี่ถือเป็นเรื่องพิเศษ เพราะตามปกติสิ่งมีชีวิตอย่างมิว หากไม่ปรุงแต่งจะมีกลิ่นเรียบง่าย “จะง่ายกว่านี้ถ้า
รยางค์จากด้านหลังตรงกลางก้นกบเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ มันเชื่อมต่อกับกระดูกสันหลังยาวลงมา และมีความรู้สึกไม่ต่างจากนิ้วมือ ส่วนปลายทู่มนมีรูที่ยืดขยายได้กว้าง สามารถลำเลียงของเหลวประหลาดได้ไม่ต่างจากท่อทางเดินในร่างกาย มันส่ายไปมาใกล้รูสวาทสีชมพูเข้มด้วยหมายมุ่งจะจู่โจม หางของดันเต้นั้นเรียวยาวคล้ายปลาไหล หากยืดออกจนสุดจะมีความยาวประมาณครึ่งหนึ่งของส่วนสูง กระนั้นมันก็ยังขยายเพิ่มได้อีกนิดหน่อย เพราะกล้ามเนื้อจุดนี้มีความยืดหยุ่นสูง อีกทั้งข้อต่อเล็กๆนับสิบที่เรียงกันอยู่ภายใน ก็ทำให้มันโค้งงอและเลื้อยได้เหมือนงู สีของหางเป็นสีเดียวกับผิวหนังของดันเต้ สัมผัสยามจับต้องนั้นลื่นไหลไม่มีจุดสะดุด นอกจากจะเป็นเครื่องเอาไว้เล่นสนุกแล้วบางครั้งดันเต้ก็ใช้มันเป็นอาวุธ แต่ก็ไม่บ่อยเท่าไหร่นักเพราะเจ้านี่ควบคุมได้ยาก “ข้างล่างนั่น… มันอะไร?” ด้วยการรับรู้อันแตกต่างที่ไม่มีอะไรเหมือนเจ้าสิ่งซุกซนด้านล่าง ทำให้ความคิดของชายหนุ่มภายใต้ผ้าปิดตาสีดำ ไม่สามารถชี้นำไปยังทางดีๆได้เลย ปลายหัวโค้งมนอันเขื่องพยายามกระทุ้งเย
หมอกขาวทึบอบอวลไปด้วยกลิ่นความใคร่ที่ไหลพรั่งพรูผ่านทุกต่อมในร่างกาย มันทะลักล้นไม่หยุดหลังการไต่ระดับถึงจุดสุดยอด กราฟแห่งความสุขสมยังค้างเติ่งสูงอยู่ด้านบน ไม่ตกร่วงเหมือนความรู้สึกของคนทั่วไป เหงื่อเม็ดใสเกาะเป็นหยดกลมตามลอนท้องและแผงอก มันรวมตัวเป็นก้อนกลมและไหลหล่นบนผ้าปูยามหน้าท้องกระเพื่อม เสียงหอบหนักดังมาจากมนุษย์หนุ่มเป็นหลัก ริมฝีปากกระจับสวยแดงระเรื่อจากการขบเม้ม ผิวขาวสะอาดโดนแต่งแต้มด้วยความสดใส สีแดงชาดเป็นริ้วจากพวงแก้มลามถึงใบหู ดวงตาสีเข้มถูกความเหนื่อยล้ากดทับจนหรี่เล็ก สะโพกกลมแน่พลิ้วไหวเล็กน้อยอยู่ท่ามกลางสมรภูมิน้ำกามที่เจิ่งนอง อาจเพราะสมองเลือนรางเป็นจุดเบลอ เขาโค้งใหญ่บนศีรษะของดันเต้จึงดูไม่แย่นักในสายตาของมิว มิหนำซ้ำยังทำให้ปีศาจดูดุดันอย่างที่ควรจะเป็นเสียด้วยซ้ำ ถึงจะจะบอกได้ไม่เต็มอกว่าคุ้นชินแล้วก็ตาม ตั้งแต่ดันเต้ย่างเท้าเข้ามาในชีวิตแบบไม่เต็มใจ ชายหนุ่มก็พบเจอเรื่องพิลึกกึกกือมากมาย และมีแนวโน้มจะแปลกใหม่มากขึ้นด้วยซ้ำ มิวชอบ… อย่างน้อยมันก็โหดร้ายน้อยกว่าความเหงา การมีที่อยู่แต่ไร้ซึ่งความรู้สึกถึงบ
ดวงตาและริมฝีปากถูกผนึกในเวลาไล่เลี่ยกัน เหลือเพียงด้านล่างที่ยังเปิดค้างพร้อมของเหลวที่รั่วไหล ของเหลวหนืดยืดไหลเป็นสายจากช่องน้อยลากยาวไปถึงต้นขา แสงสีส้มอมม่วงย้อมบรรยากาศให้เร้นลับ กลิ่นอายทะเลเค็มๆก็ไม่อาจสะกดใจได้เท่ากลิ่นหอมหวานของเครื่องเทศและยางไม้ ที่ลอยออกมาจากตัวของครึ่งอสูร มันเป็นกลิ่นซับซ้อนที่หลอมละลายพฤติกรรม เมื่อห้อมล้อมด้วยนฤมิตจากเวทมนตร์ ก็ชวนให้สับสนถึงความจริง การรับรู้เพี้ยนของมิวผิดเพี้ยน เขาไม่รู้ว่าเขาใช้เวลากับดันเต้ไปนานเท่าไหร่แล้ว และไม่รู้ว่าขีดจำกัดของร่างกายตัวเองอยู่ตรงไหน ทั้งที่เพิ่งหลั่งไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน อารมณ์ทางเพศของเด็กหนุ่มกลับไม่ดิ่งลงตามที่ควรจะเป็น ทั้งด้านหน้าและด้านหลังยังอุ่นร้อนพร้อมเสิร์ฟให้กรรมการชิมทุกเมื่อ ยิ่งได้มองแววตาดุดันรุ่งโรจน์ด้วยแสงสีทองแล้ว ทรวงอกก็พองออกเหมือนจะระเบิด ท้องน้อยบิดมวนด้วยความโกลาหล ถึงความอายยังไม่สลายหายไป แต่มิวก็พร้อมยอมพลีแลกทุกอย่าง เพื่อให้ได้มองใบหน้าคมเข้มของดันเต้เหยเกด้วยความหื่นกระหาย อีกฝ่ายก็คิดไม่ต่างกัน… กลิ่นพีชในสวนบนยอ
มันไม่ได้จบแค่ครั้งเดียว! ในความฝันไร้จุดสิ้นสุดทุกอย่างดำเนินไปโดยไร้เส้นแบ่งของเวลา บนเตียง ริมระเบียงหรือดาดฟ้าล้วนไม่ต่ำกว่าสถานที่ละสองรอบ ทุกบรรยากาศเสกสรรได้ดั่งใจไม่ว่าจะกลางค่ำกลางคืน หรือกลางแสงแดดพร้อมสายลมพัดโชยอ่อน ดวงตาใสซื่อของเด็กหนุ่มเหลือกขึ้นตอนสติใกล้หลุดลอย เรี่ยวแรงโรยราตามพละกำลังที่ถูกใช้ มิวคงสลบเหมือดไปแล้วหากไม่ได้พลังในกายคอยช่วยเสริมอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งครั้งสุดท้ายที่เด็กหนุ่มเหมือนจะขาดหายใจกลับบ้านเก่าไปจริงๆ เขาจึงร้องขอครึ่งอสูรให้ปลดปล่อยจิตวิญญาณคืนสู่ความเป็นจริง ความเหนื่อยล้ารุมเร้ามายังร่างกายจริง มิวแทบไม่เหลือแรงจะทำอะไรนอกจากกิน กิน และก็กิน แม้ว่าจะรู้ตัวว่าขาดงานไปแล้วสองวัน ชายหนุ่มก็เลือกจะกินมันทั้งวันทั้งคืน ไซคีสีดำตรงท้องน้อยขาวเนียนจางลง กระนั้นตราปีศาจที่ดันเต้ทำพิธีไปนั้นก็ยังไม่ปรากฏให้เห็น ความร้อนใจของมิวไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าปีศาจผู้ทำพิธี เขาคอยพะเน้าพะนอเด็กหนุ่มอย่างใกล้ชิด และหาเศษหาเลยทุกครั้งที่มีโอกาส “คืนนี้ฉันให้นายแค่รอบเดียว เพราะช่ว
ยามอรุโณทัยถักทอผืนนภาเป็นโทนอุ่น ความมืดจากเบื้องบนค่อยๆถูกเส้นขอบฟ้ารุกคืบทีละเล็กทีละน้อย จนต้องถอยร่นหนีไปยังอีกฟากฝั่งด้วยความจำยอม ความร้อนไต่ผนังทีละด้านของตึก เกาะกระจกทุกบานจนเกิดไอเล็กๆ กระนั้นก็ไม่อาจแยกชายสองคนที่ท่อนบนเปลือยเปล่าให้หลุดจากการกอดก่าย เสียงจากลำโพงโทรทัศน์ดังคลอเคลียให้บรรยากาศไม่น่าเบื่อเกินไป ถึงดวงตาของชายทั้งคู่จะจับจดอยู่กับหน้าจอกะพริบที่มีภาพเคลื่อนไหวตรงหน้า ทว่าก็ไม่อาจดึงความสนใจทั้งหมดได้อย่างเบ็ดเสร็จ ไม่ถึงห้านาทีชายคนร่างสูงใหญ่กว่าก็ก้มลงไปหอมศีรษะของชายตัวเล็กกว่า ที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดราวลูกแมวตัวน้อย อีกห้านาทีต่อมาชายในอ้อมกอดก็ขบกัดหยอกล้อกับหน้าอกของชายตัวใหญ่กว่า สลับวนเวียนอยู่อย่างนี้มาเกือบชั่วโมง เสียงหัวเราะคิกคักดังสรวลขัดกับบทโศกของหนังที่เปิด “ดูไม่รู้เรื่องแล้วนะ” ชายผู้มีผิวหยาบกร้านกว่าเอ็ดด้วยเสียงอิดออด ขณะโดนมือซุกซนเทียวไล้เทียวขื่ออยู่แถวหัวนมอันอ่อนไหว “อยากโดนอีกรอบเหรอ พี่จัดให้หายอยากเอาไหม?” “ไม่เอา” ถึงจะปฏิเสธ… อาร์เต้ไม่หยุดการกระทำยั่วยวนของตัวเอง
ในห้องสี่เหลี่ยมทึบทั้งสี่ด้านไม่มีอะไรให้สังเกตสังกา โดยเฉพาะในช่วงเวลาอันเหนื่อยอ่อนเช่นนี้ เด็กหนุ่มลอบมองไปยังใบหน้าขาวผุดผ่องภายใต้เรือนผมสีทอง เขาไม่อาจคาดเดาได้ว่าข้างในจิตใจของคิวปิดตรงหน้าอยู่นั้น มีความเป็นปีศาจหรือเทวดามากกว่ากัน “เลอะเทอะกว่าที่คิดไว้สักหน่อย” เอสันใช้แรงมหาศาลที่ขัดกับรูปลักษณ์ของตัวเอง ยกเก้าอี้ขึ้นมาตั้งเพื่อให้มิวนั่ง หลังมองเห็นขาเรียวบางของมนุษย์หนุ่มสั่นงันงกแทบยืนไม่ไหว “แต่ก็หวังว่านายจะไม่ได้รับพลังของฉันจนมากเกินไปนะ” “หมายความว่าไง?” มิวถามห้วนๆ หลังพักสะโพกลงบนเก้าอี้บุหนัง จิตใจของเด็กหนุ่มสงบลงหลังเสร็จกิจกามฉบับเร่งด่วน เขามีเวลาได้พักผ่อนร่างนิดหน่อย ถึงกุญแจมือจะเริ่มบาดข้อมือมากขึ้นก็ตาม “ก็ตอนนี้ในตัวนายมีอะไรต่อมิอะไรผสมกันยุ่งเหยิงไปหมด ขืนนายรับเวทมนตร์เล่นงานมั่วซั่วเข้าไปจนเกินพอดี มีหวังนายอาจจะเสียตัวตนไปตลอดกาลก็ได้” เมื่อเห็นแววตาช่างสงสัยของมิว เอสันจึงขยายความต่อสั้นๆ “หมายถึงวิกลจริต” มีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย สีหน้าของมิวซีดเผือด หางคิ้วและดวงตาลู่ต่ำ ในหัวพยายามจับคู่ใบหน้ากับ
นิ้วมือทั้งสิบของเอสันถูกปกคลุมด้วยเมือกเหลวโดยสมบูรณ์ เมื่อการกระตุกครั้งสุดท้ายสงบนิ่ง กามเทพผู้กระหายก็ปลดปล่อยอีกร่างให้เป็นอิสระ นี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุด… ทว่ากลับเป็นการเริ่มสู่บทใหม่ที่เร้าใจยิ่งกว่า ท่าทีกระเสือกกระสนด้วยความเสียวซ่านของมิว ปลุกชีพเทวดาน้อยตัวใหญ่ที่สิงสถิตอยู่ระหว่างขาของเอสัน ให้ชูชันพร้อมสำหรับบรรเลงท่วงทำนองการโหมโรง “ฉันถลำลึกเกินไปแล้ว” เอสันบ่นกับตัวเอง เขาทั้งรู้ตัวเองดีและขลาดเขลาไปพร้อมกัน ทุกอย่างในความนึกคิดถูกไฟแห่งความคลุมเครือแผดเผาจนเหลือแต่ตอตะโก “ฉันควรแค่นี้หรือเปล่า” “แล้วมีอะไรให้นายทำอีกหรือยังไง” มิวถามด้วยดวงตาใสซื่อ “ถ้าฉันอยากทำมากกว่านี้ล่ะ” คิวปิดฉายแววเจ้าเล่ห์ผ่านทางคำพูด พลางกดหลังของมิวให้แอ่นโค้ง และยกสะโพกให้เด้งสูง “ยังไงซะ! ก็หวังว่านายจะชอบของขวัญที่ฉันกำลังจะมอบให้นะ” สำหรับมิวของขวัญจากเทพไม่เคยเป็นเรื่องดี รวมถึงในสถานการณ์แสนหมิ่นเหม่ในครั้งนี้เช่นกัน ถึงอยากจะปฏิเสธหรือแข็งขืน แต่ผลลัพธ์คงออกมาไม่ต่างกัน ศาสตราแห่งเทพชูชันแข็งโด่อย่างเต
เมื่อโดนทักท้วงถึงความรู้สึกที่ถูกละเลย มิวรู้จึงเริ่มรู้ตัวถึงของเหลวที่ไหลซึมผ่านรอยแยกจากด้านหลัง มันพรั่งพรูออกมาไม่ต่างจากด้านหน้า เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าเขาควรวิตกกังวลกับเหตุการณ์นี้แล้วหรือยัง “เมล็ดพันธุ์คงกำลังกระตุ้นนายอยู่” เอสันพูดพลาง แสยะยิ้มที่ไม่อาจอ่านความหมาย ใบหน้าเคลือบแฝงความบริสุทธิ์และความร้ายกาจไปพร้อมกัน “ไม่ใช่เลือดหรืออะไรที่เลวร้ายใช่ไหม?” มิวลดคิ้วลงต่ำ พยายามก้มมองลงไปยังหว่างขาที่เปียกโชก แต่ก็ติดโซ่เย็นยะเยือกตรึงร่างเอาไว้ “มันก็แค่น้ำใสๆ เผื่อนายอยากรู้” หมอกจางๆสีสวยยังคงครอบคลุมบรรยากาศโดยรอบให้โอบล้อมด้วยเสน่หา คิวปิดผู้ร่วมชะตากรรมลุกขึ้นยืน สาวเท้าก้าวเล็กๆ เข้าไปในวงเวทย์รูปดาว ดวงตาดุจดวงดาราในห้วงอวกาศจับจ้องไปยังใบหน้าขวยเขินของเด็กหนุ่ม “นายเป็นผู้โอบอุ้ม… น่าจะรู้ดีกว่าใครว่าเมล็ดพันธุ์ต้องการอะไร” พูดพลางเอสันก็ยื่นมือจับไปยังแท่งไฟที่ยังแข็งอยู่กลางลำตัวของมิว “เกสรไม้ย่อมมีน้ำหวานเพื่อล่อหลอกให้แมลงเข้ามาเชยชม ถึงจะได้ดอกผลอันงดงาม” “ฮะ… อึก…” มิวย่นคิ้วใบหน้าเหยเก
นอกเหนือจากรสสัมผัสทางการมองเห็นจะน่าหลงใหล กลิ่นแก่นร่างกายของเอสันยังชวนให้มิวเคลิบเคลิ้ม จนเขาอดคิดถึงขนมเพิ่งอบใหม่ๆไปเสียไม่ได้ กลิ่นวานิลลาหอมอ่อนๆผสมกับกลิ่นละมุนของเด็กหนุ่มคละเคล้ากัน สร้างความรู้สึกอันหาสิ่งใดเปรียบเปรยไม่ได้ กามเทพหนุ่มมีรูปร่างสมส่วนราวกับปั้นแต่งโดยช่างศิลป์มือทอง ใบหน้าทั้งสองข้างสมมาตรกันพอดิบพอดีไร้ที่ติ ดวงตากลมโตแต้มสีฟ้าทอเป็นประกายงดงาม เส้นผมหยักศกเป็นลอนใหญ่ราวแสงอรุณสีเหลืองทอง ผิวพรรณก็เนียนลออเรียบลื่นไม่ต่างจากหินอ่อน กล้ามเนื้อมัดเล็กช่วยเสริมให้ร่างกายที่ไม่สูงมากนักดูแข็งแรง หากประเมินผ่านๆด้วยสายตา มิวคิดว่าเอสันน่าจะสูงสักร้อยเจ็ดสิบนิดๆ ซึ่งน่าจะเตี้ยกว่าเขาไม่เกินแปดเซนติเมตรโดยประมาณ เมื่อประกอบรวมกับใบหน้าอันอ่อนเยาว์ ทำให้ชายหนุ่มนึกสงสัยว่ากามเทพตรงหน้านั้นอายุถึงวัยทำเรื่องอย่างว่าจริงๆแล้วแน่ใช่ไหม “นายคงไม่สบายตัวแน่ถ้ายังขืนใส่กางเกงเอาไว้แบบนี้” เอสันพูดพลางเคล้นคลึงกลางเป้าที่เปียกแฉะ ยิ่งเขาสัมผัสและบีบแท่งเนื้อในร่มผ้านั้นมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งแสดงอาการอึดอัดมากตามเท่านั้น “ให้ฉันถอ
สถานการณ์ที่ไม่อาจควบคุมผันเปลี่ยนเร็ว จนหัวของเด็กหนุ่มตาใสอย่างมิวหมุนตามไม่ทัน สติของเด็กหนุ่มอายุยี่สิบสี่ตั้งรับกับการผันผวนยิ่งกว่าดัชนีตลาดหุ้นไม่ไหว ไม่กี่อาทิตย์ก่อนมิวยังหงุดหงิดเรื่องไอ้จ้อนของตัวเองไม่ยอมกระดิกทำหน้าที่มานานหลายปี พอมาช่วงนี้เขากลับมีเรื่องอย่างว่ารุมล้อมไม่เว้นวัน เหมือนได้ช่วงชีวิตวัยหนุ่มฉกรรจ์ที่ขาดหายคืนมาแบบทบต้นทบดอก อากาศนห้องถึงจะถูกเติมเข้ามาจนหายใจสะดวก ทว่ามิวกลับรู้สึกอึดอัด อาการคันยุบยิบปรากฏแถวท้องน้อย ที่สำคัญเด็กหนุ่มครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นพิเศษ อาการเหล่านี้เป็นแบบเดียวกับตอนดันเต้พยายามครอบครองร่างกายของเขา ยิ่งมองสบเข้าไปยังดวงตาสีฟ้าประกายแวววาว มิวยิ่งตกอยู่ในวังวนแห่งเสน่หา จิตวิญญาณบอบบางเหมือนลอยคว้างอยู่กลางอวกาศท่ามกลางหมู่ดาว เหงื่อเม็ดใสแตกซิกๆตามกรอบหน้า รูม่านตาขยายออกจากความตื่นเต้น หัวใจเต้นระริกอยู่ในโพรงอันอบอุ่น หมดทั้งสมองทึ่มทื่อมะลื่อของมิวไม่เหลือพื้นที่ให้สงสัยกามเทพหนุ่มตรงหน้า เมื่อเอสันบอกว่าการกลั่นแกล้งสารพัดเป็นฝีมือของน้องชาย มิวก็ยินยอมเชื่อว่าเป็นฝีมือขอ
หลังจากเดินจนครบหนึ่งรอบถ้วนทั่วพื้นที่ห้องสี่เหลี่ยม คิวปิดร่างเล็กก็ทิ้งตัวลงหน้ากรงขัง อันที่จริงเอสันรู้อยู่แล้วว่าทางออกเดียวของที่นี่คือประตูเหล็กบานใหญ่ที่ถูกปิดล็อกจากด้านนอก แต่เขาแค่เพียงอยากหาเรื่องอื่นให้สนใจนอกเหนือจากความปวดแสบกลางลำตัว เวทมนตร์แบบเดียวกับที่ดันเต้โดนเมื่อคราวก่อน มันส่งผลแสลงอย่างร้ายแรงเมื่อผู้รับเป็นปีศาจ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันไม่มีผลอะไรกับคิวปิดผู้เป็นเจ้าของ ความแสบร้อนรวมกระจุกกันอยู่ในช่องท้อง มันไม่ได้ถูกทำให้หาย เพียงแค่กักเก็บเอวไว้เพื่อรอเวลาปลดปล่อยที่เหมาะสม ‘เอสัน’ และ ‘เจสัน’ เป็นคู่พี่น้องฝาแฝดที่ทั้งรักและเกลียด ทว่าความเกลียดส่วนใหญ่จะอยู่กับเจสันผู้เป็นน้องเสียมากกว่า แม่ของทั้งสองเทพเป็นเทพีผู้เรืองนามเรื่องความงามและความรัก จึงทำให้บุตรชายของนางนั้นเป็นที่รักไปด้วย กระนั้นทั้งหมดกลับไปสามารถส่งถึงน้องชายผู้มาทีหลัง จริงๆแล้วอุปนิสัยของเจสันค่อนข้างผิดแผกจากการเป็นเทพทั่วไป ที่มักมีเป้าหมายอย่างชัดเจน แม้จะมีคิวปิดคนอื่นอีกมากมายก็ไม่มีใครเป็นเหมือนเจสันผู้นี้ เขาจึงถูกมองว่าเป
‘เอสันสองคน’ หากยังมีแรงมากพอมิวคงหัวเราะให้กับความตลกร้ายตรงหน้า ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้… สมองเพี้ยนๆ ของเขายังสามารถสร้างภาพลวงตาโป้ปดเพื่อลดทอนความรุนแรง ไอ้อาการแบบนี้มิวเคยเจออยู่บ้างนานๆครั้ง ความรู้สึกเหมือนผีอำทำให้ร่างกายขยับเขยื้อนไม่ได้ มองเห็นอะไรแปลกๆ กึ่งหลับกึ่งตื่นแยกแยะหรือคิดอะไรไม่ค่อยออก มันต่างจากตอนเมาจนแฮงค์ ถึงกุญแจมือจะถูกหุ้มด้วยขนสัตว์เทียมอ่อนนุ่ม แต่ภายในยังคงเป็นเหล็ก มันถึงทิ้งรอยบาดเล็กๆ สีแดงช้ำๆ รอบข้อมือของมิว หากความชาถูกนับเป็นความรู้สึกก็ถือว่ามิวมีความก้าวหน้า เขาเริ่มซ่าๆแถวบริเวณที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมานาน และเหมือนว่าจะเริ่มเป็นตะคริวบ้างแล้ว เด็กหนุ่มพยายามกระชากข้อมือให้หลุดจากพันธนาการ เขามั่นใจว่าใช้แรงทั้งหมดที่รวบรวมได้ส่งไปยังท่อนแขนที่ชูเหนือหัว ผลลัพธ์ที่ได้มันเหมือนการกระตุกของกล้ามเนื้อมัดเล็กเสียมากกว่า การเคลื่อนไหวแผ่วเบาไม่อาจสร้างความสนใจได้มากพอ เป็นอีกครั้งที่มิวลองเปล่งเสียงจนสุดกะบังลม เช่นกัน… ผลลัพธ์ที่ได้มีเพียงลมอุ่นๆเล็ดลอดผ่านโพรงปากเพียงเท่านั้น
เสียงอึกทึกครึกโครมครอบคลุมพื้นที่ส่วนบน ยิ่งในวันหยุดด้วยแล้ว… ความโกลาหลและบาปเจ็ดประการรวมกระจุกกันเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ แสงไฟระยิบระยับสว่างไสวจนแสงดาวยังยอมแพ้ ทุกคนจับต้องไปยังเวทีที่จัดแสดงดาวบนดินมากหน้าหลายตา ไม่มีใครอยากแหงนหน้าขึ้นมองหมู่ดวงดาราด้านบนแม้แต่น้อย ลึกลงไปใต้ผืนดินในพื้นที่เดียวกันทุกอย่างกลับเงียบสงบ เขตหวงห้ามนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ถึงการมีอยู่ ทางเดินของชั้นใต้ดินลับนั้นทอดยาวเป็นเส้นตรง ไม่ได้มีความซับซ้อนเหมือนด้านบน แต่ละห้องถูกแบ่งแยกตามแต่ละประเภทของการใช้งานเป็นอย่างดี หนึ่งในนั้นมีห้องสี่เหลี่ยมสีชมพูอ่อนหวาน แต่กลับมีชื่อแสนน่ากลัว กามเทพหนุ่มเรียกมันว่า ‘ห้องสังเกตการณ์’ ห้องสังเกตการณ์ถูกสร้างเพื่อเฝ้าดูปฏิกิริยาตอบโต้ของตัวทดลอง เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่หรือแม้แต่เวทมนตร์คาถาแบบใหม่ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ผิดกฎพันธสัญญาสองโลก กามเทพหนุ่มจอมเพี้ยนจึงปกปิดมัน โดยจำกัดวงของผู้ที่รับรู้ความลับให้อยู่แค่คนที่ไว้ใจได้เท่านั้น ความสดใสของห้อ