“สวัสดีครับ” มนันย์เอ่ยเสียงทักทายท่านเจ้าสัว หลังจากเกิดอุบัติเหตุผ่านมาหลายวัน ร่างกายท่านซูบลงเล็กน้อย มนันย์จัดแจงยกปิ่นโตไปวางไว้ตรงเค้าเตอร์ห้องครัว ก่อนจะเดินมายืนข้างเตียงถามไถ่อาการท่านเจ้าสัว“เป็นยังไงบ้างครับ”“ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ” สายตาที่ทอดมองเด็กหนุ่มตรงหน้าจดจ้องทำเอาเจ้าตัววางตัวไม่ถูกก่อนจะเอ่ยความคิดที่เขาไตร่ตรองมาอยู่หลายวันจวบจนถึงตอนนี้ไม่มีอะไรจะร้องขอคนตรงหน้าอีกแล้วนอกจาก…“เรื่องที่เธออยากออกไปใช้ชีวิตข้างนอกฉันตกลงแต่ฉันมีเรื่องให้เธอช่วยอย่างหนึ่งได้หรือเปล่า”“…”ที่ว่าลูกชายคนโตของท่านเจ้าสัวเจ็บหนักที่สุดแต่ตัวมนันย์เองก็ไม่คิดว่าจะบาดเจ็บจนถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นอีกทั้งต่อมรับกลิ่นผิดเพี้ยนไปจากเดิมไม่แน่ว่าอาจจะเป็น (Hyposmia) ผู้ป่วยที่มีความสามารถในการรับกลิ่นน้อยลงหรือ (Dysosmia) จมูกได้กลิ่นเปลี่ยนไปเกิดจากที่ศีรษะได้รับกระทบกระเทือนอย่างแรงความทรงจำบางส่วนขาดหายไปไหนจะอาการหูอื้อทั้งสองข้างซึ่งการประเมินเบื้องต้นอาการเหล่านี้อาจจะค่อยๆฟื้นตัวจนกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่ต้องอาศัยการผ่าตัดซึ่งหมอจะทำการนัดครั้งต่อไปเมื่อร่างกายภายในฟื้นตัวดีแล้วสองเท้
เหตุการณ์ครั้งนี้เปลี่ยนความคิดและการดำเนินชีวิตของพรรำไพเป็นอย่างมากอีกทั้งลูกชายคนเล็กที่บาดเจ็บเล็กน้อยนั้นเพราะบอดี้การ์ดส่วนตัวที่จ้างมาทำไมเธอถึงไม่เอะใจตั้งแต่แรกนะระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองไม่ใช่สถานะเจ้านายกับลูกน้องที่เข้าใจตั้งแต่แรกเพียงเพราะอคติบังตาเธอจึงมองไม่เห็นความสุขของลูกชายทั้งสองเห็นเพียงความเหมาะสมต่อหน้าตาวงศ์ตระกูลอีกทั้งคำสรรเสริญจอมปลอมที่พวกคุณหญิงคุณนายคอยพูดกรอกหูจนมองโลกผิดเพี้ยนไปหมดเอาความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้งหากไม่มีอุบัติเหตุครั้งนี้ไม่รู้ว่าเธอจะเปิดตาเปิดใจให้กับความสุขของลูกเมื่อไหร่อย่างน้อยเรื่องร้ายๆก็ยังมีเรื่องดีๆเข้ามาอยู่บ้างต่อจากนี้เธอสัญญากับตัวเองจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีความสุขมองความสุขของลูกเป็นที่ตั้งจะไม่ยัดเยียดการเลือกคู่ของพวกเขาอีกอีกทั้งยังเคารพการตัดสินใจไม่ก้าวก่ายและไม่เหยียดหยามคนอื่นเพียงเพราะแค่เพศรองเพศไหนก็มีศักดิ์ศรีความเป็นคนเท่าเทียมกันโดยเฉพาะเพศสภาพโอเมก้าพนักงานทำความสะอาดโรงพยาบาลทำเอาเธอประทับใจเช่นกันที่เห็นกระเป๋าเงินแบรนด์เนมของเธอหล่นก็ยังเก็บมาคืนของข้างในรวมถึงเงินครบทุกบาททุกสตางค์เงินแ
รถตู้มาถึงบ้านพักตากอากาศทางภาคเหนือก็ตะวันตกดินพอดีการเดินทางไม่เร่งรีบจึงใช้เวลามากกว่าปกติหลายชั่วโมงบ้านไม้ยกสูงชั้นเดียวหลังคาทรงไทยอากาศถ่ายเทปลอดโปร่งเหมาะแก่การมาพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกายสำหรับผู้ป่วยเป็นอย่างมากรายล้อมไปด้วยธรรมชาติหลบหลีกเรื่องราววุ่นๆในโซเชี่ยลได้เป็นอย่างดีแม้บรรยากาศจะดีและสวยงามสักแค่ไหนคนที่ประสบอุบัติเหตุมาหยกๆกลับไม่รู้สึกถึงอะไรนอกจากอยากจะเก็บตัวปลีกวิเวกมากกว่าอีกทั้งบ้านพักตากอากาศแห่งนี้เป็นหนึ่งในกิจการของทางฝั่งคุณหญิงพรรำไพรอบๆบ้านแห่งนี้ปลูกดอกพีโอนีไว้สุดลูกหูลูกตาเพราะเก็บเป็นหัวเชื้อน้ำหอมและดอกไม้อบแห้งส่งออกไปยังต่างประเทศด้วยเหตุนี้พรรำไพจึงคะยั้นคะยอให้ลูกชายดั้นด้นมารักษาตัวไกลถึงที่นี่เพราะบรรยากาศล้วนอบอวลไปด้วยกลิ่นที่พิรชัชจำใจต้องชอบในขณะนี้แม้ว่าก่อนหน้าจะเป็นกลิ่นที่อัลฟ่าอย่างพิรชัชไม่คิดจะเฉียดกรายเข้าไปใกล้ด้วยความที่เรียนและรับวัฒนธรรมตะวันตกมาค่อนชีวิตกลิ่นของมันออกจะฉุนสักเล็กน้อยอีกทั้งความหมายก็ไม่ดีเท่าไหร่ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ชอบกลิ่นของมันร่างกายที่ซูบผอมของอัลฟ่าก้าวเท้าออกมาจากรถตู้อย่างเชื่องช้ายืดเส้นยืดสายอยู่สักค
“คุณพิรชัชครับอาหารเช้าเสร็จแล้วครับ” มนันย์เคาะอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีท่าที่ว่าจะเปิดกำลังจะบิดประตูเข้าไปประตูห้องนอนก็เปิดออกมาไม่ทันตั้งตัวจนมนันย์เซเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของพิรชัชมนันย์ตาเหลือกลนลานรีบขอโทษขอโพย“ผมขอโทษครับที่ไม่ระวังคุณพิรชัชเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับผมขอโทษจริงๆ” พลางก้มหัวปลกๆเอ่ยขอโทษออกมาไม่ขาดสาย“ขอโทษพอหรือยัง”“…”มนันย์ได้สติจึงเอ่ยถาม “ผมขออนุญาตพยุงคุณไปยังโต๊ะอาหารนะครับ” รอจนพิรชัชตอบ ‘อืม’ มนันย์จึงค่อยๆพยุงแขนพาก้าวเดินไปยังโต๊ะอาหารเช้าที่ตั้งอยู่ลานด้านนอกบรรยากาศสดชื่นเย็นสบายไอหมอกปกคลุมบนยอดภูเขาก่อนพระอาทิตย์จะค่อยๆทอแสงให้ความอบอุ่นกำลังดี“เชิญครับ” เมื่อเห็นว่าพิรชัชนั่งลงเรียบร้อยก็เอ่ยปากถาม“จะรับกาแฟชาหรือน้ำส้มดีครับ”“กาแฟ”“ครับ” มนันย์รับคำก่อนจะจัดแจงอธิบายว่าอาหารอะไรอยู่ตรงไหนก่อนจะเอ่ยปาก“งั้นผมขอตัวสักครู่นะครับ” พิรชัชเพียงแต่พยักหน้าแต่ก็ไม่ได้ถามไถ่อะไรอีกมนันย์เข้ามานั่งกินข้าวต้มในครัวสายตาก็มองพิรชัชที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ข้างนอกคนเดียวอีกทั้งตัวบ้านเป็นพื้นที่โล่งกว้างไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรมากมายไม่มีกั้นห้องเป็นสัดเป็นส่วน
มนันย์ได้แต่ยืนนิ่งเหมือนหุ่นปั้น ปล่อยให้ฝ่ามือร้อนลากไล้ไปตามร่างกายตามอำเภอใจ แรงกอดรัดเริ่มรุนแรงขึ้น แม้อยากจะดิ้นหนีสักเท่าไหร่กลับถูกพันธนาการแน่นยิ่งขึ้น ในยามอัลฟ่ารัทจะสูญเสียสติสัมปชัญญะโดยสมบูรณ์ หากดิ้นหนีหรือต่อกรมากเท่าไหร่ ความรุนแรง ความอยากเอาชนะก็จะมากขึ้นเท่านั้น โอเมก้าที่สรีระอ่อนแอกว่ามักตกอยู่ในสภาวะจำยอม หากไม่อยากเจ็บตัวและเกิดการบาดเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์มักจะยอมลู่ไปตามลม หากฝืนต้านทานไว้อาจไม่มีลมหายใจอีกต่อไป คู่นอนโอเมก้าบางคนถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อถูกหามเข้าโรงพยาบาลก็มาก หากไม่อยากเจ็บตัวมากไปกว่านี้ย่อมไม่มีทางเลือกอื่น มนันย์ขบเม้มริมฝีปากไว้แน่นไม่กล้าเผยเสียงครางออกมาเมื่ออีกฝ่ายขบเม้มบริเวณหลังคอ บริเวณที่ไวต่อสัมผัสที่สุดของโอเมก้า อีกทั้งกลิ่นหอมกรุ่นยังออกมาจากบริเวณหลังคอนี้ อัลฟ่าที่ตกอยู่ในสภาวะรัทไม่สนใจว่าคนที่อยู่ในอ้อมแขนจะเป็นใคร ขอเพียงมีคนรองรับความกำหนัดที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนตอนนี้ก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้นจมูกที่ได้รับกลิ่นเพี้ยนมาหลายสัปดาห์กลับได้กลิ่นหอมตรงซอกคอขาวเป็นกลิ่นที่อัลฟ่าเองก็อธิบายไม่ถูกมันเป็นกลิ่นที่ทำให้เขาหลงใหล
แม้จะพูดได้ไม่เต็มปากว่าถูกควบคุมด้วยฤทธิ์ของฟีโรโมนแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเขาเองก็เต็มใจทอดกายให้พิรชัชได้เชยชม มนันย์ลูบต้นคอตัวเองอย่างเหม่อลอย ตราประทับสลักลงหลังคออย่างสมบูรณ์ เขายิ้มเยาะให้ตัวเองก่อนจะหยิบยาสามเม็ดที่วางอยู่บนหัวเตียงเข้าปากอย่างขมขื่น โอเมก้าลากสภาพร่างกายอันหนักอึ้งไปอาบน้ำ น้ำสีขาวขุ่นผสมกับเลือดไหลตามน่องขา ส่วนล่างชายิบแทบไม่รู้สึก ร่างกายร้อนรุ่มไปด้วยพิษไข้ หน้ากระจกที่สะท้อนภาพตัวเองปากแตกเลือดซิบ ลำคอหน้าอก หน้าท้องมีแต่รอยขมเม้ม จ้ำช้ำเป็นจุด ๆ เอวแดงเถือกเป็นรอยบีบเคล้น ช่องทางหลังเหมือนจะฉีกขาดสี่วันสามคืนที่ถูกกกกอดระยะเวลายาวนานขนาดนั้นกลับเป็นเพียงพริบตาหนึ่งเท่านั้นแม้ไม่หนักหนาสาหัสแต่สภาพก็ไม่ได้ดีนักในตอนเช้าตรู่ที่ลุกขึ้นนอนมนันย์เวียนหัวหน้ามืดแต่ก็ฝืนกายลุกขึ้นมาเขาจะมัวแต่นอนซมไม่ได้เพราะยังมีพิรชัชที่ต้องคอยดูแลมนันย์ไม่ลืมหน้าที่ตัวเองจัดการทำธุระส่วนตัวเสร็จก็โทรบอกคุณลุงคนขับรถอีกทั้งให้ป้ามะลิตระเตรียมอาหารเช้าพร้อมเข้ามาดูแลแทนสักครึ่งวันแม้ป้ามะลิไม่ถามไถ่แต่มนันย์รู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองไม่ใช่ความลับอีกต่อไปมนันย์
การสอบชิงทุน E ใกล้เข้ามาแล้วเหลือเวลาเพียงอีกไม่กี่สัปดาห์ให้มนันย์ได้ทบทวนเนื้อหาทั้งหมดก่อนจะเข้าสอบ ทุนนี้เป็นทุนที่โอเมก้ายากไร้ต่างใฝ่ฝัน มันเสมือนเป็นใบเบิกทางที่จะการันตีว่าผู้ที่สอบได้ทุนนี้ หากสำเร็จเล่าเรียนออกมามีงานรองรับแน่นอน และที่สำคัญคงจะเป็นการได้ร่ำเรียนในประเทศโลกที่ 1 ที่ค่าครองชีพแพงหูฉี่ อีกทั้งเป็นการเปิดโลกกว้างของตัวเอง มนันย์จึงคาดหวังไว้เอาไว้สูง และสมัครลงศูนย์สอบในตัวเมือง แต่ก็ไม่รู้ว่ากว่าจะถึงเวลานั้นจะมีเวลาปลีกตัวไปสอบหรือไม่ เพราะระยะเวลาการสอบมีทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย อีกทั้งช่วงนี้คุณชัชดูเหมือนจะเรียกใช้เขาบ่อยกว่าปกติและดูเหมือนว่าจะมีชีวิตชีวามากกว่าแต่ก่อน“ป้ามะลิทำไมวันนี้เตรียมของเยอะจังเลยล่ะครับ” มนันย์อดสงสัยไม่ได้เพราะข้าวของที่จัดเตรียมตรงลานกว้างเหมือนจะไปเข้าค่ายพักแรมสัก 2-3 วัน จึงอดถามไม่ได้“เอ้าคุณมีนาไม่ทราบเหรอคะ คุณท่านจะไปพักที่โฮมสเตย์น้ำพุร้อนที่หลังเขาน่ะค่ะ”“น้ำพุร้อน?”“ใช่ค่ะ เอาเป็นว่าคุณมีนาไปเตรียมตัวเถอะนะคะ เดี๋ยวของใช้ต่าง ๆ ป้ากับตาสงจะเตรียมเอง”“ขอบคุณมากครับ”มนันย์หมุนตัวจะเข้าไปเก็บของห้องตัวเองแต่ก็ชะงัก
“คุณพิรชัชอย่าดื่มมากไปครับเดี๋ยวต้องทานยาอีก” มนันย์เอ่ยเตือน แต่มีหรือคนอย่างพิรชัชจะฟัง“งดยาไปสักมื้อหนึ่งคงไม่เป็นไรหรอก”“แต่”“ไม่มีแต่”“นายก็ลองชิมดู ไวน์มะเกี๋ยงเป็นสินค้าชื่อดังของที่นี่”“คุณพิรชัชรู้ได้ยังไงครับว่าเป็นไวน์อะไร”มนันย์ยกขวดไวน์ขึ้นมาดูด้วยความสงสัย เป็นไวน์มะเกี๋ยงจริง ๆ อย่างที่คุณชัชว่า หรือว่าสายตาของคุณชัชจะสามารถมองเห็นได้ชัดขึ้นมาบ้างแล้ว ทำเอามนันย์เสียวสันหลังขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่พิรชัชหลับตาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย“ฉันไม่ได้พิการไปเสียหมด แม้ตาจะบอดแต่ลิ้นยังพอรับรสและจมูกยังได้กลิ่นอยู่บ้าง ถึงแม้จะไม่ใช่ทุกรสหรือทุกกลิ่น แม้ว่าก่อนหน้าจมูกจะได้กลิ่นเพี้ยนไปจากเดิมก็เถอะ ที่สำคัญไวน์ชนิดนี้ของที่นี่มีชื่อเสียงมานานแล้ว” พูดเสร็จก็กระแทกขวดไวน์ลงกับโต๊ะอย่างแรง มนันย์ละล่ำละลักตอบ “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะตั้งคำถามกับคุณ” อีกนัยหนึ่งเขากลัวสายตาที่มองมา กลัวถ้อยคำด่าทอต่อว่าต่าง ๆ เขาคือมนันย์เป็นคนที่คุณชัชเกลียดที่สุด คิดได้ดังนั้นอาหารค่ำแม้จะรสชาติดีเลิศขนาดไหนก็รู้สึกฝืดคอกินไม่ลงขึ้นมาทันที สองมือวางตะเกียบอย่างช้า ๆ ก่อนจะก้มหน้างุดบี
เพราะอายุห่างกันเกือบ 15 ปีทำให้นับนิรันดร์นับอนันต์แทบจะกลายมาเป็นพ่อของนับกัลป์อีกคนพ่ออย่างพิรชัชกลับกลายเป็นสปอยลูกสาวแต่ความเด็ดขาดกลับตกอยู่ที่สองแฝดพวกเขาต่างก็สรรหาสิ่งของดีๆมาให้แถมยังหวงน้องสาวมากๆด้วยนับกัลป์ที่ตอนนี้อายุ 3 ขวบแล้วหน้าตาสะสวยแต่เด็กเลยเชียวผมสีน้ำตาลอ่อนกว่าของสองแฝดอีกเมื่อเด็กน้อยเข้าโรงเรียนสองแฝดก็ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองเทียวรับเทียวส่งเพราะว่าอยู่โรงเรียนเดียวกันสองแฝดเป็นรุ่นพี่ม. 6 เด็กๆห้องอนุบาลหมีน้อยต่างก็รู้ดีว่าพี่ชายของนับกัลป์ดุเหมือนยักษ์หากมีคนแกล้งให้เด็กน้อยร้องไห้ละก็จะต้องถูกดุแน่ๆสองแฝดนั้นน่ากลัวกว่าพ่อแม่ของพวกเขาเสียอีก ส่วนนับกัลป์นั้นได้แต่ทำหน้าเซ็งเพราะสองแฝดทำตัวแบบนี้เลยไม่มีใครอยากเล่นกับเขาเลยสักคน“แม่คะหนูไม่อยากให้พี่ๆไปรับที่โรงเรียนเลย” เมื่ออยู่พร้อมหน้ามื้อเช้าของวันเด็กน้อยก็รายงานพ่อแม่ทันที“ทำไมละคะ” มนันย์เอ่ยถามส่วนพิรชัชที่สวมชุดกันเปื้อนจัดแจงข้าวเช้าให้ลูกๆอดส่งสายตาไปปรามสองแฝดไม่ได้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นบกัลป์บ่นเรื่องความขี้หวงของสองแฝด“ก็ไม่มีใครอยากเล่นกับหนู”“ไม่เห็นต้องแคร์เลยเด็กน้อยเธออย่าลืมว่ามีพวกเ
มนันย์ยิ้มให้กับสามีของตัวเองไม่คาดคิดว่าคุณชัชจะมีมุมที่น่ารักขี้อ้อนอย่างนี้อยู่ด้วยโอเมก้ารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังปล่อยฟีโรโมนปลอบประโลมคล้ายกับว่ามีสายลมอุ่นๆห้อมล้อมสองแม่ลูกเอาไว้ตั้งครรภ์ที่สองนี้มนันย์ไม่ได้ทำรังจนกองเสื้อผ้าสุมกันเป็นกองใหญ่เหมือนท้องแรกไม่รู้เพราะมีคู่อยู่ข้างกายหรือเปล่าเขาติดกลิ่นของอีกฝ่ายมากกว่าแม้ไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนแต่ติดกลิ่นกายอีกทั้งอ้อมกอดนี้ก็เหมือนปราการใหญ่ที่ให้เขาได้ซุกตัวคุณแม่โอเมก้ารู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยทุกครั้งที่ได้ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกอุ่นนี้“คิดถึงสองแฝดจังครับไม่โทรมาเลย” พิรชัชอดหัวเราะไม่ได้“จะเอาเวลาที่ไหนมาโทรคุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณปู่คุณย่าสปอยสองแสบนั้นแค่ไหนกว่าจะกลับมาก็เดือนหน้านู้นแหละอีกอย่างช่วงนี้คุณก็จะได้มีเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ด้วย”“คุณมากกว่าน่ะซิครับที่ได้พักผ่อนผมรู้นะว่าคุณกับสองแฝดทะเลาะกันตลอด”“เอ้า…ผมไม่ผิดนะสองแสบนั่นติดคุณแจแถมอยากจะนอนกล่อมน้องทั้งคืนคุณเอาผมไปไว้ที่ไหน”มนันย์ส่ายหน้าให้สามีอัลฟ่าอย่างอ่อนใจ “นั่นก็ลูกคุณนะ” “ไม่เกี่ยวคุณน่ะเมียผมสองแฝดนั้นกีดกันผมกับคุณชัดๆ” มนันย์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายสองแฝดน
เสียงโอ๊กอ๊ากยามเช้าภายในห้องน้ำทำเอาพิรชัชรู้สึกกระวนกระวายไปหมดหลายวันมาแล้วที่มนันย์ทำตัวแปลกไปก่อนหน้านี้พวกเขาสองคนตัวติดกันแทบทุกวันแต่ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่ามนันย์ไม่เหมือนเดิมหรือว่าเพราะเขายังทำตัวไม่ดีพออัลฟ่าอย่างพิรชัชได้แต่เกาะหน้าประตูห้องน้ำได้แต่ตะโกนถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าให้ผมเข้าไปไหม”“ไม่—เป็นไรครับ” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงอาเจียนอย่างรุนแรงอัลฟ่าหางลู่หูตกได้แต่เดินวนเวียนอยู่ภายในห้องนอนด้วยความวิตกกังวลต่างๆนานาๆพวกเขาเพิ่งจะได้ใช้ชีวิตคู่เป็นครอบครัวสมบูรณ์พร้อมหน้าได้ไม่นานอย่าให้มีเรื่องราวร้ายๆเกิดขึ้นในตอนนี้เลยก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปประคองโอเมก้าที่หน้าซีดเผือดประคองให้นั่งลงบนเตียงกว้างอย่างช้าๆ “ไปหาหมอไหมหืมเป็นอะไรไปอย่าเก็บไว้คนเดียวคุณยังมีผมและลูกๆนะ” มนันย์เห็นสามีตัวเองในเวย์นี้ก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ไม่พูดเปล่าแถมยังเกลี่ยแก้มใสนั้นอย่างเบามือ “ช่วงนี้โหมงานหนักไปหรือเปล่าเหมือนว่าคุณจะเบื่ออาหารนะออกไปทานนอกบ้านกันไหมจะได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วย” มนันย์ส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะหยิบสิ่งที่เขาซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาก
สองร่างเปลือยเปล่าต่างกกกอดนัวเนียกันด้วยความกระหายและต้องการเติมเต็มซึ่งกันและกัน ช่องทางหลังโอเมก้าหยาดเยิ้มไปด้วยน้ำหล่อลื่นเนื่องจากช่วงฮีท การเตรียมพร้อมช่องทางหลังที่ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปทำให้การสอดใส่ไม่ติดขัด ส่วนปลายตอกลึกเข้าไปจนถึงปากถุงครรภ์ “อ๊ะอื้อ” โอเมก้าแหงนหน้าไปทางข้างหลังพร้อมร่างกายที่บิดพริ้วไปด้วยความกระสันจังหวะเนิบนาบก่อนหน้าหยุดลงเมื่อเห็นปฏิกิริยาคนใต้ร่าง“คุณเจ็บเหรอถ้าเจ็บก็ให้บอก…อย่าทน” พิรชัชพูดพร้อมกับแช่แกนกายไว้อยู่อย่างนั้นสักพักมันอึดอัดพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างจนทำเอาคุณแม่โอเมก้าทนแทบไม่ไหว“คะคุณขยับสักทีมันทรมาน” อัลฟ่าเองก็กัดฟันกรอดเช่นกันช่องทางคล้ายกำลังดูดกลืนท่อนลำของเขาอย่างหื่นกระหาย“ซี้ด… ผมขยับแทบไม่ได้” มันทั้งคับทั้งบีบแน่นแบบนี้ไม่รู้เพราะอารมณ์ที่พุ่งกระฉุดหรือเพราะความปราถนาลึกๆเรื่องตั้งครรภ์ของโอเมก้ากันแน่ที่ทำให้คนที่ไม่ประสีประสาและอับอายเรื่องอย่างว่ากลายมาเป็นผู้ควบขี่อยู่ตอนนี้“อื้ออะ” จังหวะและแรงกระแทกลงมาทำเอาอัลฟ่าแทบจะถึงปลายทางอยู่ร่อมร่อพิรชัชปล่อยให้คุณแม่ได้ควบขี่เขาตามอำเภอใจภาพที่เห็นทำเอาอัลฟ่าแทบลืมหายใจใ
“ขอบคุณมากครับ”“คุณเก่งมากหากเป็นผมไม่รู้ว่าจะผ่านคืนวันที่ยากลำบากเหล่านั้นไปได้ไหมที่ผ่านมาผมมองไม่เห็นถึงความลำบากที่คุณเคยได้รับมาก่อนเลย”“อย่าพูดถึงมันอีกเลยครับเรื่องราวมันผ่านมาแล้วแถมต้องขอบคุณเรื่องราวเหล่านั้นที่ทำให้ผมได้เติบโตและเข้มแข็งอย่างทุกวันนี้”“ยินดีด้วยนะครับแม่แม่เก่งที่สุดเลย” สองแฝดแม้จะอายุ 10 ขวบแต่ก็ยังมีนิสัยขี้อ้อนเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิดต่างก็เข้ามาสวมกอดแสดงความยินดี“ขอบคุณครับ” ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มนันย์ได้ถ่ายภาพร่วมกับครอบครัวของตัวเองรวมไปถึงโอเมก้าในปกครองข้างหลังที่ต่างก็ได้รับโอกาสการสนับสนุนทุกการศึกษาจนได้มีหน้าที่การงานมั่นคงส่งต่อความฝันและอนาคตให้กับโอเมก้าที่ขาดโอกาสต่อไปมนันย์ยิ้มทั้งน้ำตาภาพที่เขาได้วาดฝันไว้กลายเป็นจริงเสียทีความหมายของชื่อมนันย์ควรค่าแก่การสรรเสริญและมานัสที่ล่วงลับไปนั้นตัดสินใจไม่ผิดที่ให้บุตรชายได้ใช้ชื่อนี้เพราะโอเมก้าคนนี้กลายเป็นผู้ให้กลายเป็นที่รักของผู้คนมากหน้าหลายตาและควรค่าต่อการสรรเสริญอย่างแท้จริงหลังจากจัดงานแต่งงานมนันย์และพิรชัชก็ได้มาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันตอนนี้ก็ผ่านมา 2 ปีแล้วที่พวกเขาต่างก็เข้านอน
มนันย์และครอบครัวกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้กลับมาตลอดระยะเวลา 10 ปี ก่อนหน้านั้นโอเมก้าเองคิดว่าไม่มีที่ให้เขาได้กลับไป อีกทั้งไม่มีใครที่เขาจะต้องอาลัยอาวรณ์อีก แต่ว่าตอนนี้เขากลับมีคนรักมากมายถึงเพียงนี้ มนันย์เองไม่เคยคิดคาดฝันมาก่อนเช่นกัน การเป็นที่รักและถูกรักมันคือความรู้สึกอย่างนี้เองเพราะเป็นโอเมก้าอีกทั้งยังกำพร้าแต่เด็กด้วยโอกาสต่างๆในชีวิตหากเขาไม่รักดีและไขว่คว้ามาด้วยตัวเองก็คงไม่ได้เห็นตัวเองในอย่างตอนนี้ตอนนี้มนันย์กลายเป็นหนึ่งในโอเมก้า 100 ลำดับที่มีอิทธิพลของโลกที่ขึ้นนิตยสารชื่อดังการกระทำของเขาส่งผลต่อการขับเคลื่อนของสังคมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเรื่องการออกมาเรียกร้องให้มีการแก้กฎหมายและเพิ่มบทลงโทษแก่อัลฟ่าที่คุกคามโอเมก้าสวัสดิการปัจจัย 4 ที่โอเมก้าถูกกีดกัดก่อนหน้าและการมายืนอยู่จุดนี้ก็เพื่ออยากให้ทุกคนตระหนักถึงความเป็นมนุษย์ไม่ว่าจะเพศรองไหนก็ไม่ควรจะถูกกีดกันและเหยียดหยามเราต่างก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมนันย์เป็นเจ้าของมูลนิธิถึง 3 แห่งเพราะเขาตระหนักดีถึงเรื่องการศึกษา ‘การศึกษาเปลี่ยนชีวิต’การศึกษามันเปลี่ยนอนาคตได้จริงๆไม่ว่าคุณจะเกิดมายา
สองฝาแฝดที่แกล้งหลับโทรหาคุณตาและลุงๆของเขาที่ต่างก็ช่วยกันวางแผนนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีนับอนันต์และนับนิรันดร์โตพอที่จะเข้าใจว่าระหว่างพ่อและแม่ของพวกเขาต่างก็มีเส้นใยบางๆที่คอยกั้นระหว่างความสัมพันธ์นั้นในอดีตพวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาอะไรแต่เด็กทั้งสองรวมถึงวรวิทย์และมาวินเองต่างก็มองออกว่าทั้งสองคนต่างมีเยื่อใยให้กันอยู่โอเมก้าอย่างมนันย์เองแม้จะไร้กลิ่นแต่ทว่าไม่ได้ไร้เสน่ห์ไปเสียหมดเป็นเจ้าตัวเองที่ปิดกั้นไม่ให้อัลฟ่าหน้าไหนได้เข้ามาทำความรู้จักพิรชัชเองก็เช่นกันสายตาของพวกเขาต่างก็คอยมองกันและกันอยู่ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมาพิรชัชเองก็ได้พิสูจน์ให้พ่อตาอย่างวรวิทย์ได้เห็นความจริงใจและความรู้สึกผิดกับอดีตที่ผ่านมาระยะเวลาล่วงเลยมาป่านนี้แทนที่จะมีหลานให้ตาอย่างเขาอีกสัก 2-3 คนปัดโธ่เอ้ยอดที่จะสุมหัวกับหลานๆจัดฉากให้ไม่ได้แล้วก็สำเร็จเมื่อเวลาผ่านไปค่อนคืนก็ยังไม่เห็นมนันย์กลับมาตาหลานเฮลั่นกระโดดกอดกันจนตัวกลมก่อนจะแยกย้ายกันไปนอนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทางนันธ์เดชภาคย์เองก็ได้รับข่าวคราวเช่นเดียวกันมนันย์ไม่ได้กีดกันหากปู่หลานจะโทรคุยกันบ้างเป็นครั้งคราวยังไงเด็กทั้งสองก็มี
“ผมเจอแล้วและคนคนนั้นก็คือคุณ” ใบหน้าสวยหวานของโอเมก้าแดงก่ำด้วยความเขินอายความรู้สึกครั้งนี้แตกต่างกับที่อยู่ด้วยกันบนบ้านพักบนเขาอย่างสิ้นเชิงตอนนั้นมนันย์สวมบทเป็นพยาบาลจำเป็นที่ชื่อมีนาแต่ทว่าคราวนี้พวกเขาทั้งสองต่างก็ยอมรับและมองเห็นตัวตนของกันและกันอย่างชัดเจนสายตาสีนิลที่จ้องมองมาทำเอาโอเมก้าทำตัวไม่ถูกพิรชัชจุมพิตที่หลังคอนั้นอย่างแผ่วเบารอยแผลเป็นนั้นเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าอัลฟ่าอย่างเขาระยำเพียงใดนิ้วมือเรียวยาวสัมผัสรอยแผลนั้นด้วยความรู้สึกเสียใจและละอายใจเป็นที่สุด“เจ็บไหม”“ไม่แล้วครับ”“ตอนที่ผ่าเอามันออกล่ะเจ็บมากไหม”“การมีอยู่ของมันทำให้ผมเจ็บปวดมากกว่าในตอนนั้นโอเมก้าที่ตั้งครรภ์ต้องการฟีโรโมนของคู่มากยิ่งโอเมก้าที่ถูกทำพันธะจะทุรนทุรายเมื่อห่างจากคู่ผมในตอนนั้นไม่กล้าคาดหวังอะไรอีกอีกทั้งผมเองก็มีส่วนผิดที่โกหกคุณตั้งแต่แรก—”“อย่าโทษตัวเองอีกเลยคุณเจ็บปวดมามากพอแล้วต่อจากนี้อย่าเจ็บปวดเพราะมันอีกเลยต่อให้คุณจะไร้กลิ่นผมก็ยังจะรักคุณมีเพียงคุณจะทะนุถนอมคุณเป็นอย่างดี” ริมฝีปากหนาจุมพิตหน้าผากมนด้วยความรักและปล่อยฟีโรโมนเพื่อปลอบประโลมคู่ของตนแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่สามารถ
“ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาคุณผ่านช่วงรัทไปได้ยังไงครับ”“ออกไปเถอะผมขอร้อง”เตียงที่ยวบข้างหลังทำเอาร่างกายอัลฟ่าแข็งค้างก่อนจะพลิกตัวหันมา “จะทำอะไร!”“ผมรู้ว่าคุณทรมานแต่ว่าคุณไม่ต้องอดกลั้นขนาดนี้ก็ได้เราต่างก็ไม่ใช่เจ้าของซึ่งกันและกันอีกทั้ง…หากคุณจะมีใครสักคนผมก็ยินดีและเชื่อว่าลูกๆต่างก็ยินดีด้วยเช่นกันเพราะฉะนั้นที่ผมจะบอกคุณก็คือตลอด 5 ปีที่ผ่านมาคุณทำหน้าที่พ่อได้ดีมากมากจนเกินกว่าที่ผมจินตนาการเอาไว้มากและผมไม่คิดว่าคุณจะทำมันมาได้นานจนถึงทุกวันนี้” มนันย์บิดผ้าขนหนูในอ่างขึ้นมาเช็ดหน้าให้อัลฟ่าที่นอนนิ่งให้เขาเช็ดหน้าให้อย่างไม่ขัดขืน“เราต่างก็ไม่มีอะไรติดค้างกันตั้งนานแล้วนะครับคุณควรจะเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว”“ผมทำไม่ได้” มือหนาจับมือขาวที่กำลังเช็ดหน้าไว้พลางจ้องมองใบหน้าสวยหวานไล่ตั้งแต่หน้าผากมนสันจมูกจนมาถึงริมฝีปากบางก่อนจะหลับตาพร้อมกอบกุมมือขาวนั้นแนบกับใบหน้าตัวเองอย่างถวิลหาเพราะที่ผ่านมาเขาทำได้เพียงโอบกอดคนตรงหน้าเพียงความฝันเขาอยากทะนุถนอมโอเมก้าตรงหน้าให้มากที่สุดไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกโกรธหรือเกลียดตัวเองไปมากกว่านี้ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาแม้จะยากลำบากสักเพียงไหนเขาก็ไม่เ