ครืน ครืนเปรี้ยง“กรี๊ด หนูหม่อนกลัว ฮือ ฮือ แม่ขาอยู่ที่ไหนหนูหม่อนกลัว”หมับ“ไม่ต้องกลัวนะคะเด็กดีพี่ชายอยู่ตรงนี้แล้ว”สองแขนของเด็กชายตรงเข้าสวมกอดร่างบางที่สั่นเทาด้วยความหวาดกลัวของเด็กสาวที่กำลังนั่งหลบฝนอยู่ในบ้านของเล่นท่ามกลางความเหน็บหนาวที่พัดเข้ามาปะทะร่างเล็กเป็นระลอก เม็ดฝนที่สาดกระเซ็นมาถูกเสื้อผ้าจนก่อให้เกิดความหนาวเหน็บถูกความอบอุ่นจากอ้อมกอดของใครบางคนโอบล้อมเอาไว้ทำให้ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาค่อยๆยิ้มออกมาด้วยความดีใจเด็กสาวค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของคนที่เธอเรียกว่าพี่ชายก่อนที่เธอสวมกอดเขาเอาไว้ราวกับว่าเขาคือที่พึ่งพิงเพียงคนเดียวของเธอในยามนี้ รามสูรยกมือที่เย็นเฉียบเพราะอากาศที่หนาวเย็นขึ้นลูบหลังหม่อนไหมไปมาเบาๆพร้อมก้มลงจูบบนหน้าผากของเด็กสาวอย่างแผ่วเบาการกระทำที่แสนอ่อนโยนของเขาทำให้ความหวาดกลัวที่เกาะกินใจหม่อนไหมในทีแรกค่อยๆจางหายไปพร้อมกับเม็ดฝนที่เริ่มซาลง“ฝนหยุดตกแล้วค่ะ”เมื่อหยาดฝนจางหายไปจากท้องนภาแสงแดดก็เริ่มเข้ามาแทนที่กลิ่นอายของเม็ดฝนที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนพื้นหญ้าทำให้รามสูรอดไม่ได้ที่จะสูดอากาศสดชื่นเข้าไปเต็มปอด"หนูหม่อนกลัวฝนเ
ท่ามกลางความมืดมิดที่ไร้แสงสว่างรามสูรเดินอยู่บนทางเดินที่ทอดยาวไปข้างหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเพียงลำพังอากาศที่เย็นยะเยือกทำให้เขาต้องยกสองมือขึ้นโอบกอดตัวเองเอาไว้เพื่อให้คลายจากความหนาวเหน็บ ดวงตาสีดำดั่งรัตติกาลราตรีมองไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวังระยะทางไกลแสนไกลที่เขาเดินผ่านมาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้จะจบลงเมื่อไรแสงสว่างที่เขาเฝ้ารอกลับห่างออกไปคล้ายต้องการฝังกลบเขาเอาไว้กับความมืดมิดเพียงลำพัง“มีใครอยู่แถวนี้ไหม ใครก็ได้ช่วยพาออกไปจากตรงนี้ที หนูหม่อนหนูอยู่ที่ไหน ฮึก พี่รามคิดถึงหนูหม่อนกับลูกเหลือเกิน แม่แก้มครับพ่อครับ ฮือ พี่รามหนาว พี่รามคิดถึงทุกคน คุณตาคุณยาย ช่วยพาพี่รามออกไปจากตรงนี้ที”ความอ้างว้างที่เกาะกินใจทำให้ของเหลวอุ่นร้อนไหลทะลักออกมาจากดวงตาคู่สวยที่เงยหน้ามองไปรอบๆด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวเขาคิดถึงครอบครัวของเขาเหลือเกินคิดถึงทุกคนใจจะขาดแล้ว“คุณพ่อขา”ในขณะที่รามสูรกำลังก้มหน้าร้องไห้เงียบๆเสียงเล็กๆที่ลอยมากับสายลมทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่รามสูรจะเงียบเพื่อตั้งใจฟังอีกครั้งแต่สิ่งที่ได้ยินมีเพียงความเงียบงันที่เริ่มเข้ามาเกาะกินใจของเขาอีกครา “หูแว่วไปเอ
หมับแรงปะทะเบาๆจากทางด้านหลังมาพร้อมกับสองแขนที่โอบกอดรามสูรอย่างแนบแน่นกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยลอยเข้ามาแตะจมูกทำให้คนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงคนไข้ค่อยๆหันหน้ามาหาใครบางคนที่ร้องไห้ออกมาเงียบๆจนชุดผู้ป่วยของรามสูรเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา“คนใจร้าย ทิ้งให้น้องรอตั้งนานกว่าจะยอมฟื้นขึ้นมา ที่ผ่านมากอหญ้าไม่เคยทิ้งพี่รามไปไหนเลยสักครั้งแล้วทำไมพี่รามถึงได้ทิ้งให้น้องรอนานขนาดนี้”หลังจากที่ร้องไห้เงียบๆจนพอใจกอหญ้าก็ต่อว่ารามสูรด้วยความน้อยอกน้อยใจทันทีซึ่งเพียงเท่านั้นยังคงไม่พอเธอยังยกมือขึ้นหมายจะทุบพี่ชายให้สาแก่ใจที่ทำให้เธอต้องนอนร้องไห้ทุกคืนหลังจากที่ได้รับข่าวร้ายจากมารดาแต่ถึงเธอจะรู้ว่าพี่ชายฝาแฝดยังไม่ฟื้นกอหญ้าก็ไม่เคยโผล่หน้ามาเยี่ยมพี่ชายเลยสักครั้งจนถึงวันนี้ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะตอนเด็กๆทั้งคู่เคยตกลงกันว่าถ้าหากวันหนึ่งใครคนใดคนหนึ่งเกิดเป็นอะไรขึ้นมาขอให้อีกคนไม่ต้องมาเยี่ยม คนที่กำลังป่วยจะได้รู้ว่ายังมีคนๆหนึ่งที่กำลังรอคอยการกลับมาของเขาอยู่ซึ่งคนๆนั้นในตอนนี้ก็คือน้องสาวอย่างเธอนั่นเองที่เฝ้านับวันรอให้พี่ชายของเธอฟื้นขึ้นมาเสียที ตอนที่รามสูรพูดขึ้นม
“คุณปู่”หม่อนไหมเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงหัวใจของเธอพลันเต้นรัวเร็วจนขบคิดอะไรไม่ออกในขณะที่พ่อเลี้ยงแสงหล้ามองภาพครอบครัวสุขสันต์ตรงหน้าด้วยสีหน้าดำคล้ำขึงขังสะท้อนความเจ็บปวดออกมาทางแววตาอย่างไม่ปิดบัง“นี่มันเรื่องอะไรกันหม่อนไหม” พ่อเลี้ยงแสงหล้าเอ่ยถามหลานสาวด้วยน้ำเสียงดุดันสายตาที่มองสบกับหลานสาวเต็มไปด้วยคำถามในขณะที่แม่เลี้ยงเอื้องคำได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าหลานสาวที่เธอรักและทะนุถนอมราวกับไข่ในหินจะทำตัวให้เธอรู้สึกผิดหวังถึงเพียงนี้“นี่คือ...”รามสูรหันไปถามหม่อนไหมที่น้ำตาไหลร่วงลงมาเป็นหยดๆก่อนที่เขาจะรีบยื่นมือไปปาดน้ำตาอุ่นๆหยาดเล็กออกจากแก้มเนียนให้เธออย่างอ่อนโยนในใจพลันนึกถึงเหตุผลที่หม่อนไหมเคยบอกเขาตอนที่ตั้งครรภ์ช่วงแรก ๆว่ารอให้เธอคลอดก่อนเธอถึงจะบอกความจริงกับคุณปู่คุณย่าถ้าอย่างนั้นทั้งสองท่านที่อยู่ตรงหน้านี้ก็คือ...“พ่อคะใจเย็นๆก่อน”หม่อนไหมยังไม่ทันตอบคำถามของแสงหล้าเมษาที่วิ่งตามมาทีหลังๆจากที่วนหาที่จอดรถอยู่นานสองนานก็รีบเข้ามาจับมือของพ่อเลี้ยงแสงหล้าเอาไว้ทันที เธอกลัวว่าท่านจะโมโหจนอาละวาดใส่หม่อนไหมที่คงตกใจและทำตัวไม่
“หน้าตาก็ดูใจดีนะแต่ข้างในจริงๆใจร้ายฉิบหาย”เมื่อเดินมาถึงทางเลี้ยวเสียงตำหนิที่นุ่มนวลของใครบางคนก็ดังขึ้นก่อนที่พ่อเลี้ยงแสงหล้าจะมองหาที่มาของเสียงจนกระทั่งสายตาปะทะเข้ากับใบหน้าเจ้าเล่ห์ที่ขยับมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมฉีกยิ้มให้พ่อเลี้ยงแสงหล้าอย่างยียวนซึ่งมองดูก็รู้ว่าคนๆนี้กำลังตั้งใจกวนประสาทเขาอยู่กลิ่นอายสังหารที่ออกมาจากร่างสูงของคนที่แนะนำตัวเองว่าเป็นตาของเจ้าเด็กหนุ่มคนนั้นทำให้พ่อเลี้ยงแสงหล้าขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงเขาจะไม่ใช่คนที่คลุกคลีอยู่ในวงการนักเลงหัวไม้หรือผู้มีอิทธิพลที่ชอบฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอย่างใครหลายๆคนที่เขารู้จักกันแต่พ่อเลี้ยงแสงหล้าก็พอจะมองออกว่าผู้ชายตรงหน้านั้นค่อนข้างไม่ธรรมดาและค่อนข้างอันตรายต่อชีวิตของคนที่ตั้งตัวเป็นศัตรู“คิดเองเออเองแล้วก็มากล่าวหาว่าคนอื่นใจร้ายแบบนี้ดูไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่นะครับ”พ่อเลี้ยงแสงหล้าตอบกลับคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนที่เขาจะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่อยากเสียเวลาสนทนากับกฤษฎิ์ที่รีบก้าวตามไปขวางหน้าพ่อเลี้ยงแสงหล้าเอาไว้ทันที“ถ้าคิดว่าไม่ถูกต้องก็มาทำความเข้าใจกันหน่อยเป็นไงครับ ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าความ
“หลับแล้วเหรอคะหลานย่า”เมื่อเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยแก้มใสก็ตรงดิ่งเข้าไปหาหลานสาวตัวน้อยที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงพร้อมกับยื่นมือไปสัมผัสแก้มอวบขาวของแพรไหมอย่างแผ่วเบาใบหน้าสวยใสไร้ริ้วรอยในวัย 47 ปีเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความเอ็นดูหลานสาวที่กำลังนอนหลับสนิท“ดื่มนมอิ่มก็หลับปุ๋ยเลย ช่างเป็นเด็กเลี้ยงง่ายจริงๆ”ที่รักที่รับหน้าที่กล่อมเหลนน้อยนอนเอ่ยบอกแก้มใสด้วยรอยยิ้มเช่นกันก่อนที่แก้มใสจะลุกขึ้นมานั่งลงข้างๆมารดาพร้อมกับซบใบหน้าเล็กของเธอลงบนไหล่ของท่านอย่างแสนรัก“ทำไมวันนี้ถึงมาที่นี่ได้ล่ะลูก ไหนเมื่อเช้าแก้มใสบอกแม่ขาว่าจะเข้าบริษัทไปประชุมสรุปกำไรประจำสัปดาห์แล้วทำไมอยู่ ๆถึงมาโผล่ที่โรงพยาบาลได้”ที่รักหรี่ตามองลูกสาวอย่างจับผิดในขณะที่แก้มใสได้แต่ผินหน้าไปทางอื่นเพื่อไม่ให้มารดารู้ว่าเธอแอบหนีงานเพื่อมาสืบข่าวเรื่องปู่ของหม่อนไหม“ช่างเถอะแม่ขาก็ถามไปอย่างนั้นแหละ นิสัยชอบโดดงานของเราแม่ขาชินแล้วล่ะเพราะปกติเราก็ชอบไปโผล่ที่นั่นที่นี่อยู่เรื่อย”ได้ยินดังนั้นแก้มใสก็หันมายิ้มหวานให้มารดาทันทีทำให้ที่รักได้แต่มองลูกสาวอย่างฝากไว้ก่อนก่อนที่เธอจะหันหน้าไปหาสามีที่กำลังนั
เพราะยังคงทำใจไม่ได้ที่จะต้องแยกห่างจากรามสูรคืนนั้นทั้งคืนหม่อนไหมจึงนอนไม่หลับส่งผลให้ร่างกายของเธออ่อนเพลียและครั่นเนื้อ ครั่นตัว คล้ายกำลังจะเป็นไข้ทำให้กฤษฎิ์ที่แวะมาเยี่ยมรามสูรกับหม่อนไหมตามปกติถึงกับสั่งให้เธอนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลต่ออีกสองวันเพื่อรอดูอาการหากเธอมีอาการผิดปกติทีมแพทย์จะได้ทำการรักษาได้ทันท่วงทีส่วนพ่อเลี้ยงแสงหล้าเมื่อทราบข่าวว่าหลานสาวไม่สบายก็รีบเดินทางมาเยี่ยมหม่อนไหมที่โรงพยาบาลทันทีด้วยความเป็นห่วงถึงแม้ในใจจะยังคงโกรธหลานสาวอยู่มากก็ตาม แต่เมื่อเขาได้เห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของหม่อนไหมหัวใจที่แข็งกระด้างของพ่อเลี้ยงแสงหล้าก็พลันอ่อนยวบด้วยความสงสาร“หนูหม่อนหลานย่า”ทันทีที่เห็นใบหน้าขาวซีดของหม่อนไหมแม่เลี้ยงเอื้องคำก็รีบเดินเข้ามาหาเธอด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับยื่นมือมากุมมือของหลานสาวเอาไว้ด้วยความสงสาร เพราะอาการป่วยไข้หลังคลอดเคยเกิดขึ้นกับเธอตอนที่คลอดอติรุจน์บิดาของหม่อนไหมซึ่งครั้งนั้นกว่าเอื้องคำจะหายดีและกลับมาแข็งแรงก็กินเวลานานเกือบสองสัปดาห์ทีเดียว“ย่าร้องไห้ทำไมคะหนูหม่อนไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย”เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่อ่อนระโหยของหม่อ
หลังจากที่นอนพักรักษาตัวดูอาการอยู่สองวันเต็มอาการไข้ของหม่อนไหมก็ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับโดยไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อนทำให้กฤษฎิ์อนุญาตให้หม่อนไหมเดินทางกลับมาพักฟื้นที่ร่างกายที่บ้านโดยที่มีรามสูรคอยดูแลอยู่ไม่ห่างส่วนแพรไหมที่เป็นขวัญใจของคนในบ้านก็มีแม่แก้มใสกับคุณยายที่รักที่คอยช่วยดูแลจนกระทั่งสุขภาพของหม่อนไหมค่อยๆแข็งแรงขึ้นเธอก็กลับมารับบทบาทแม่ลูกอ่อนอย่างเต็มตัว การเลี้ยงแพรไหมนั้นไม่ได้ง่ายเลยแม้แต่น้อยเมื่อบางวันเธอก็ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มแต่บางวันเธอกับรามสูรก็เกือบโต้รุ่งกันทีเดียวเพราะพลังดีดของเด็กหญิงแพรไหมที่ส่งเสียงชวนบิดากับมารดาคุยไม่หยุดทำให้เช้าวันเดินกลับเชียงใหม่ขอบตาของคุณพ่อคุณแม่มือใหม่นั้นได้กลายเป็นหมีแพนด้าไปเสียแล้ว“เมื่อคืนไม่ได้นอนเลยเหรอลูก”แก้มใสเอ่ยถามลูกชายกับลูกสะใภ้ที่พร้อมใจกันพยักหน้ารับคำพูดของเธออย่างพร้อมเพรียงด้วยท่าทางอิดโรยที่แก้มใสมองแวบเดียวก็รู้ว่าทั้งคู่แทบไม่ได้นอนพักผ่อน“หลานแม่แก้มดีดเหลือเกินครับ ตีสองแล้วก็ยังตาใสแป๋วชวนพ่อกับแม่คุยไม่ยอมนอนเลย”รามสูรเอ่ยบอกมารดาด้วยสีหน้าอ่อนเพลียก่อนที่เขาจะหันไปฟัดแก้มลูกสาวตัวน้อยที่ตื่