"แบบนี้ก็แสบน่าดูสิครับแม่" นายหนุ่มว่าพลางเหลือบมองขึ้นไปบนห้องที่ตอนนี้ได้ยินเสียงเจ้าขาหัวเราะร่วนไม่หยุด
"ไม่หรอก แกก็เป็นไปตามวัยนั่นแหละแล้วอีกอย่างอยู่นั่นก็ไม่ค่อยมีเด็กผู้หญิงให้เล่นด้วยเด็ก ๆ มาซ้อมมวยก็มีแต่ผู้ชายซะส่วนใหญ่ เลยออกจะห้าว ๆ ไปนิดนึง แต่บทจะหวานน้องก็หวานมากนะ น่ารักแบบนี้แม่ชอบ" คุณหญิงรวิดาพูดกับลูกชายพลางตักข้าวเข้าปากแล้วชำเลืองมองสามีอย่างมีเลศนัย ขณะที่ได้ยินเสียงของเล็กกับน้อยเดินคุยกันลงมาด้านล่าง
"เล็ก น้อย มากินข้าวด้วยกันสิลูก" คุณหญิงรวิดาเอ่ยเรียกกันเอง
"พวกผมไปกินในครัวกับป้าแม่บ้านสะดวกกว่าครับ มีข้าวเหนียวด้วยเมื่อเช้าผมลุกขึ้นมาหุงไว้แล้วครับ" เล็กหันมาตอบยิ้ม ๆ
"แล้วเจ้าล่ะ" โรมเอ่ยถามคนที่ยังไม่ลงมา
"กำลังอาบน้ำครับ เพิ่งคุยกับพ่อใหญ่เสร็จครับ" น้อยหันมาตอบชายหนุ่มยิ้ม ๆ ซึ่งพ่อใหญ่ที่เขาเรียกก็คือท่านอัฐลุงของชายหนุ่มนั่นเอง แต่เด็ก ๆ ที่ท่านดูแลสอนมวยให้จะเรียกท่านว่าพ่อใหญ่กันหมดยกเว้น เจ้าขาที่ท่านให้เรียกว่าพ่อหรือพ่ออัฐมาตั้งแต่เด็ก ๆ
"คุณอาขา วันนี้เจ้ากับระรานจะไปหาเพื่อนกันนะคะ คงจะกลับเย็น ๆ หรือดึก ๆ เลยค่ะ" เด็กสาวสะพายกระเป๋าใบเล็กเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับบอกคุณอาน้องของพ่อบุญธรรมของเธอแล้วเดินไปนั่งข้างโรมเหมือนเป็นเรื่องปกติ (ตอนมาครั้งแรกคุณอาบอกให้นั่งตรงนี้เธอก็เลยนั่งแต่ตรงนี้ เพราะไม่รู้ว่าที่อื่นเป็นที่ประจำหรือเปล่าน่ะ ^_^)
"แล้วเมื่อคืน อาบอกให้พี่โรมเอาเงินไปให้หนู พี่เขาเอาไปให้หรือยังลูก" คุณหญิงรวิดาถามหญิงสาวยิ้ม ๆ
"เอาให้แล้วค่ะ แต่เจ้ายังมองไม่เห็นประโยชน์ในตอนนี้เท่าไหร่ค่ะ ไอ้บัตรดำขอบทองนี่คงจะไม่สะดวกจ่ายข้าวแกง 50 บาทมั้งคะ" คนตัวเล็กว่าพรางดึงบัตรเครดิตที่โรมเอาไปให้เมื่อคืนขึ้นมาวางที่โต๊ะ คุณอาทั้ง 2 มองบัตรแล้วชำเลืองหน้าลูกชายอึ้ง ๆ เพราะคิดว่าลูกชายจะให้เงินสดกับเด็กสาวไปซื้อชุดนักศึกษาแค่หลักพันหรือหมื่นกลายเป็นว่าคุณลูกชายให้แบล็คการ์ดซะงั้นทั้งที่เพิ่งเคยเจอกันไม่กี่ชั่วโมง
"พี่เขาให้ก็เก็บไว้สิลูกเผื่อมีอะไรที่ไม่สะดวกต้องจ่ายเงินสด อย่างพวกซื้อของในห้าง กระเป๋า รองเท้า หรืออุปกรณ์การเรียนที่ต้องใช้" คุณศาสตราว่ายิ้ม ๆ
"เจ้าเตรียมมาหมดแล้วค่ะ กระโปรงแม่ก็ตัดให้มาตั้งหลายตัว รองเท้าก็ซื้อแล้วทั้งผ้าใบ คัทชู แล็บท็อป ไอแพด ก็ครบแล้ว แล้วแม่ก็ซื้อตัวพ็อกเก็ตเป็นเน็ตรายปีให้เลยค่ะ จ่ายทีเดียวจบ" หญิงสาวว่าพลางยกมือไหว้แม่บ้านที่ตักข้าวให้
"แล้วจะเอารถอะไรไป" โรมเอ่ยถามเมื่อนึกได้ว่าเมื่อวานหญิงสาวมารถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ในขณะที่ผู้ติดตามขับ 4 ประตูยกสูงเข้ามา
"เอ๊า?? ก็ปิคอัพไง เอารถใหญ่มาด้วย ไม่ได้โง่นะจะได้ขับมอไซค์ตากแดดน่ะ" หญิงสาวเลิกคิ้วตอบพลางตักข้าวเข้าปาก
"เอารถพี่ไปมั้ยล่ะ พอดีวันนี้พี่ไม่อยู่บ้าน" คนใจดีว่าพลางล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจรถครอบครัวคันใหม่ป้ายแดงของตัวเองยื่นให้
"โห... ป๋ามากพ่อ เจอกันแป๊บเดียว ให้แบล็คการ์ด แถมตอนนี้ให้ป้ายแดงขับเล่น นี่แจกสาว ๆ จนลืมหรือเปล่าคุณ ว่าเจ้าไม่ใช่วัตถุนิยมขนาดนั้น แต่ก็ขอบใจนะ ประหยัดน้ำมันไอ้เบิ้มเยอะเลย แหะ" คนตัวเล็กว่าตาโตตามนิสัยโผงผางปนทะเล้นเอื้อมไปหยิบกุญแจรถคันสวยมาแล้วยกมือไหว้พร้อมกับส่งยิ้มตาหยีให้อย่างน่าตี
"ขับดี ๆ ละกัน" เจ้าของรถว่าขึ้นนิ่ง ๆ
"ประกันชั้น 1 กลัวอะไร ในกรุงเทพมันเหยียบได้ไม่ถึง 120 หรอก เคยลองแล้ว และถ้ายางมากับรถถึงถนนจะแฉะก็ไม่มีสะบัด" คนตัวเล็กว่าพลางเก็บกุญแจรถใส่กระเป๋า
"รู้ดี" "ที่บ้านมีค่ะ เห็นว่าบ้านนอกแต่แม่ข่อยก็ขับยี่ห้อนี้นะจ๊ะ" คนตัวเล็กยื่นหน้ามาตอบเหมือนสนิทมาหลายปี
"จะบอกว่าบ้านรวยว่างั้น" ชายหนุ่มยังพยายามต่อปากต่อคำไม่เลิก
"ป๊าว... จะบอกว่าพ่อมีตังค์ ว่าแต่คันนี้มันน้ำมันเต็มถังปะ"
"อืม..." ชายหนุ่มพยักหน้า ทีแรกเขาตั้งใจว่าจะเอารถคันนี้ไปทำธุระกับเพื่อนเลยเติมน้ำมันไว้เต็มถัง
"โอเค ดี" คนตัวเล็กว่าพลางก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มเข้าปากเร็ว ๆ เมื่อยินเสียงแจ้งเตือนข้อความของตัวเองเข้ารัว ๆ ก่อนจะดื่มน้ำแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
"หนูไปนะคะ อาใหญ่ อาหญิง ไปล่ะนะป๋า... ฮ่า ๆๆ" คนตัวเล็กยกมือไหว้น้องเขยและน้องสาวพ่อบุญธรรมแล้วหันมาบอกลาเจ้าของรถแบบทะเล้นพร้อมทั้งวิ่งออกจากบ้านที่ตอนนี้เล็กและน้อยยืนรออยู่โรงจอดรถของบ้าน แล้วชี้ไปที่รถคันใหญ่ป้ายแดงของโรม
ในบ้าน....
"ไง น่ารักมากใช่มั้ยแม่บอกแล้ว" คุณหญิงรวิดาว่ากับลูกชายยิ้ม ๆ
"ก็ น่าจะพอ ๆ กับ 2 ตัวของไอ้มาร์คกับไอ้ศิแหละครับ ก็ตามวัย" ชายหนุ่มว่าพลางมองตามออกไปนอกกระจก ที่ตอนนี้เจ้าขากระโดดขึ้นรถตำแหน่งคนขับ "น้องขับรถยนต์ได้หรือแม่"
"น้อยไปสิ ได้ยันรถไถ รถเกี่ยวข้าวจ่ะ แค่นั้นน่ะจิ๊บ ๆ" คุณแม่ตอบลูกชายขำ ๆ
"แล้วคิดไงให้แบล็คการ์ดน้องไปใช้เกิดน้องมันรูดกระจายทำไง" คุณศาสตราถามอย่างลองใจ
"ชุดนักเรียนคงไม่ถึงล้านมั้งครับ" คนไม่เคยมีน้องของตัวเองว่าขึ้นแบบสบาย ๆ เพราะเท่าที่เขาเคยเห็นมาร์คให้ของต่าง ๆ กับน้ำหวานก็มีแต่ของดี ๆ ทั้งนั้น และน้ำหวานกับของขวัญน้องเพื่อนก็ไม่มีใครที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอะไร และจากที่เขาเห็นครีมที่เจ้าขาใช้แบบออลอินวันเมื่อคืนเขายิ่งมั่นใจว่าบัตรของเขาจะไม่โดนรูดจนร้องขอชีวิตแน่นอน
"เหรอ... แล้วไหนบอกว่าจะเอารถคันใหม่ไปลองเครื่องล่ะจ๊ะ ไหงเอาให้น้องไปขับเล่นแล้วล่ะ" คุณหญิงรวิดาว่ากับลูกชายพรางเบะปากอย่างหมั่นไส้
"แม่ครับ เด็กรุ่นนี้ต้องเซฟตี้มั้ยครับ ดูอย่างน้องขวัญครั้งก่อนเกยฟุตบาทเกือบจะตีลังกา ไอ้เทนแม่งแทบจะเลิกคบกับผมแถมต้องปิดเรื่องเงียบไม่ให้ไอ้มาร์ครู้อีก แล้วดูหลานสาวแม่ครับ มาบิ๊กไบก์เลยนะ แล้วดู 4 ประตูเอามาดิ แตะพลาดนิดเดียวกลายเป็นไอ้ตีนโตเอาได้ง่าย ๆ เลยด้วย" คนคิดไกลให้เหตุผลจริงจัง ซึ่งความห่วงนี้โรมจะเป็นมาตั้งแต่ที่เริ่มรู้จักน้ำหวานใหม่ ๆ ถึงน้ำหวานจะไม่ใช่น้องสาวของเขาจริง ๆ แต่ก็ดูแลกันมาตั้งแต่ก่อน ม.1 เขารักและเอ็นดูเด็กสาวมาก โอ๋มาก แล้วยังน้องสาวของศิลาเพื่อนอีกคนที่ตอนนี้ไปอยู่ต่างประเทศไม่ยอมกลับไทย นั่นเขาก็โอ๋ไม่ต่างกัน ชนิดที่เทนกับมาร์คดุน้องทีไรเป็นได้โกรธกันทุกรอบ และพ่อกับแม่ของเขาก็จะรู้ทุกครั้ง เพราะเทนจะพูดคุยกับแม่เพื่อนเป็นประจำ และท่านก็พอใจที่เห็นโรมดูห่วงใยลูกบุญธรรมของพี่ชายอยู่มาก
"แม่เริ่มเห็นเคล้าลางแล้วล่ะว่าทำไม เทนถึงชอบบ่นว่าเราตามใจน้อง ๆ มาก แถมน้อง ๆ ยังแอบเอาแต่ใจ จะมาตามใจเจ้าขามากจนน้องเคยตัวไม่ได้นะลูก เดี๋ยวแม่เขาจะว่าเอาได้ ป้าเตือนเขาค่อนข้างจะอยากให้ลูกพึ่งพาตัวเอง"
"แล้วเห็นบอกว่าจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกหรือครับ" โรมเปลี่ยนเรื่องไปอีกทาง
"ก็ว่าอย่างนั้น ใจแม่ไม่อยากให้ไปหรอกเป็นห่วงแต่ก็อย่างว่าแหละป้าเตือนเขาเกรงใจ" คุณรวิดาว่าพรางถอนหายใจ
"แม่ก็คุยกับลุงอัฐสิครับให้น้องอยู่ที่นี่ก็ได้ ก็ไม่ได้ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ เอารถคันเล็กของผมไปกลับก็ได้ไม่ต้องใช้มอเตอร์ไซค์" ชายหนุ่มว่าพรางเสนอรถสปอร์ตคันงามของตัวเองที่จอดอยู่ในโรงจอดรถอีกคันให้หญิงสาวใช้
"ป๋าจริงเว้ย พ่อไม่สงสัยแล้วทำไมเงินเก็บแกถึงไม่เยอะ ก็เอ็งเล่นแจกแบบนี้นี่เอง
"ป๋าจริงเว้ย พ่อไม่สงสัยแล้วทำไมเงินเก็บแกถึงไม่เยอะ ก็เอ็งเล่นแจกแบบนี้นี่เอง" คุณศาสตราขำกับความใจป้ำของลูกชาย"ใช่ที่ไหนล่ะครับพ่อ เงินเก็บผมก็ลงทุนมั้ยครับ แล้วเงินหุ้นที่บริษัทปันให้แต่ละปีผมก็ให้แม่จัดการมาตลอดไม่เคยยุ่งเกี่ยวนะ ผมก็แค่เสนอสิ่งที่ดี ๆ ให้เท่านั้น น้องเป็นผู้หญิงมันต้องดูแลมั้ย จะมอเตอร์ไซค์ไปมหาลัยงี้ จะออกไปอยู่ข้างนอกงี้ แต่ละอย่างมันปลอดภัยที่ไหน ขนาดไอ้ 2 แสบ แค่ขี่จักรยานยังพากันเทกระจาดศอกแตกให้ไอ้เทนบินด่วนจากเชียงใหม่ได้เลยนะครับ แล้วเกิดเจ้าขาเป็นอะไรไปลุงอัฐไม่บินด่วนมาเหยียบคอหอยเอาหรือไง" ชายหนุ่มให้เหตุผลยาวเหยียด ซึ่งพอดีกับเทนขับรถเข้ามาจอดในบ้าน"คุณพ่อคุณแม่ สวัสดีครับ" เทนเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ เพื่อน"มาเทนกินข้าวด้วยกันลูก" คุณศาสตราทักเพื่อนลูกชายยิ้ม ๆ"ผมเรียบร้อยมาแล้วครับพ่อ แล้วนี่มึงคุยกับคุณพ่อยังเรื่องรีสอร์ตตกลงว่าเอาไง" เทนตอบพ่อเพื่อนแล้วหันมาถามเพื่อน"ยังว่ะ แต่ไปดูก่อนถ้าราคาตามที่พูดก็ไม่มีปัญหานี่ กูพอมีเงินเก็บอยู่ไม่รบกวนพ่อกับแม่กูหรอก" โรมหันไปพูดกับเพื่อนพร้อมกับยกน้ำขึ้นดื่ม"รีสอร์ตอะไรหรือลูก" ค
"เฮ้ย! ได้ไงวะ นี่เราเจอก่อนนะ" แมงปอว่าเสียงดังอย่างไม่พอใจ"ราคาเป็นหมื่น สภาพบ้านนอกแบบนี้คงมีปัญญาจ่ายหรอก นู่น...งานเซลล์อยู่หน้าร้านนู่น อย่ามาสะเออะในร้าน" สาวสวยว่าพลางเบะปากมองเจ้าขาและเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้าเหยียด ๆ"ก็ราคาแค่หมื่นมั้ยวะ บ้านนอกแล้วไง ปากแบบนี้อยากกราบตีนบ้านนอกมั้ยล่ะ" แมงปอว่าอย่างเหลืออดถึงพวกเธอจะเด็กบ้านนอกแต่เรื่องเงินแมงปอไม่เคยขัดสนเพราะเธอก็เป็นลูกสาวคนเล็กของกำนันดัง มีที่มรดกให้เช่าเป็นพันไร่ ถึงไม่ทำงานก็มีกินแถมเธอยังเป็นนักมวยค่าตัวแพงพอ ๆ กับเจ้าขาอีกด้วย"เฮ้ยมึง ใจเย็น..." เจ้าขาพูดกับเพื่อนรักเสียงหวานแล้วมองหน้าพนักงานและลูกค้าสาวสวยตัวแสบนิ่ง ๆ"ชุดนั้นเมื่อกี้มันอยู่ในมือเราแล้วเรากำลังจะลอง มีอีกชุดไซส์ s มั้ย" เจ้าขาชี้ไปที่ชุดที่หญิงสาวหยิบไปวางบนเคาน์เตอร์"มีค่ะ สักครู่ค่ะลูกค้า" พนักงานของร้านว่าขึ้นยิ้ม ๆ เตรียมจะเดินเลี่ยงไปหยิบอีกชุดมาให้"ชั้นไม่ใส่ชุดซ้ำกับอีบ้านนอกนี่นะ ถ้าแกเอามาให้มันลองฉันจะไม่ซื้อร้านแกอีก" หญิงสาวว่าขึ้นเสียงดังจนพนักงานชะงัก เพราะสาวคนนี้เคยมากับลูกชายคนเล็กของร้านและมาซื้อร้านนี้ประจำ (แต่ใช้ส่วนลดนะ)
"สวย ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะคุณโรม แอลี่ไปลองนะคะ" สาวสวยว่าพลางทำท่าจะลุกขึ้นจากพนักเก้าอี้ไปลอง ทำให้คนตัวเล็กที่ไม่ได้เดินมานั่งตวัดตามองหน้าโรมอย่างเอาเรื่องทันที"ผมเปลี่ยนใจ ผู้จัดการเอาชุดพวกนี้ส่งที่บ้านผม บอกว่าของคุณเจ้าขา " โรมบอกผู้จัดการแล้วลุกขึ้นยืนเอามือล้วงกระเป๋ามองหน้าคนตัวเล็กนิ่ง ๆ"บ้านคุณโรม? หรือคะ" ผู้จัดการสาขาทวนพลางหันไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่สลับกันไปมาอึ้ง ๆ"ครับ บ้านผม แล้วนี่คือคุณเจ้าขา ต่อไปเธอมาก็ให้เกียรติเธอด้วย แล้วอย่าให้ผมได้ยินอีกว่าที่ร้านนี้เลือกปฏิบัติ" ชายหนุ่มว่าเสียงนิ่งแล้วกวาดตามองรอบร้านก่อนจะสบตากลมโตของคนที่กำลังมองเขาอยู่"แล้วบอกทุกสาขาว่าต่อไปไม่มีใครมีส่วนลดอะไรในชื่อผมถ้าผมไม่ได้มา แล้วห้ามผู้หญิงคนนี้เข้ามาระรานอะไรในร้านผมอีก" ว่าพลางตวัดตามองสาวสวยที่นั่งข้าง ๆ เมื่อครู่เหยียด ๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าหญิงสาวที่ตัวเองเรียกว่าน้องยิ้ม ๆ "พอใจมั้ยครับ""ยัง! ทีหลังก็สอนกีให้ดี ๆ ระวังจะเจ็บตัวโดยใช่เหตุ" หญิงสาวออกคำสั่งแล้วจับมือเพื่อนเตรียมจะเดินออกนอกร้าน เมื่อเห็น 2 หนุ่มเล็กน้อยเดินถือของเข้ามา"เดี๋ยว... (โรมว่าพลางคว้าข้อมือบางเอาไว้จ
"เรามาดูเสื้อนักศึกษา มีไซส์ s ให้ลองมั้ยคะ พอดีว่าร้านข้างล่างไม่สะดวก" เจ้าเขาถามยิ้ม ๆ"มีน่ะมี แต่ลองแล้วต้องซื้อนะคะน้อง แล้วร้านเราของแบรนด์ไม่มีตัวละร้อยนะ" พนักงานสาวพูดเสียงนิ่ง แต่ไม่ยอมขยับตัวเดินไปหยิบเสื้อมาให้เธอลอง"รู้ค่ะ อ่านออกแล้วตกลงว่าจะให้ลองให้ซื้อมั้ยคะถ้าไม่จะได้ไปร้านอื่น" แมงปอตอบอย่างอารมณ์เสีย "คนพวกนี้ยังไงนะแค่เสื้อตัวไม่กี่บาททำยังกับตัวละแสนงั้นแหละ""ก็ดูสภาพน้องแล้วไม่น่าจะมีจ่ายนี่คะ งานเซลล์ชั้นล่างก็มีนะ" พนักงานคนเดิมว่าสวนขึ้นแล้วทำท่าจะเดินออกไปทางอื่น"เอ่อ... สวัสดีค่ะ คุณหนูอยากได้อะไรพี่หาให้ค่ะ" ผู้ชายเรียบร้อยเดินออกมาจากด้านในแล้วกระวีกระวาดพุ่งมาทันที เมื่อเห็น 2 สาว ที่สาขาข้างล่างเพิ่งส่งรูปมาให้ดูเมื่อไม่ถึง 5 นาทีมายืนอยู่ที่ร้านตัวเอง"เราอยากได้เสื้อนักศึกษาค่ะ พอดีว่าเห็นเนื้อผ้าที่ร้านข้างล่างแล้วแต่ยังไม่ได้ซื้อ เห็นว่าแบรนด์เดียวกันเลยคิดว่าผ้าไม่น่าจะต่างกัน" เจ้าขาว่าว่ายิ้ม ๆ จริง ๆ ทีแรกก็กะว่าจะไปซื้อเซลล์นั่นแหละแต่ตอนนี้โมโหแล้วเจอเด็กเจ้าของบัตรมากวนประสาท เลยกะจะรูดบัตรเล่นซะซักแสนครึ่งแสนเอาให้เหงื่อซึมกันไปเลย"ได้ส
"ขอบคุณมากนะคะที่มาอุดหนุน โอกาสหน้ามาใหม่นะคะ" โม้นาว่าเสียงหวานพร้อมกับคืนบัตรเครดิตให้หญิงสาวก่อนจะยื่นถุงเสื้อผ้ามาให้ยิ้ม ๆ"ขอบคุณมากค่ะ แล้วโอกาสหน้าไม่กลัวหนูมาไล่พนักงานพี่ออกหรือคะ ฮ่า ๆๆ" เจ้าขาว่าอย่างอารมณ์ดี "พวกเราไปแล้วค่ะขอบคุณนะคะ สวัสดีค่ะ" "สวัสดีค่ะ/ครับ" ว่าพลางยกมือไหว้ ก่อนที่ทั้ง 3 เพื่อนจะยกมือไหว้ตามอย่างนอบน้อมทำเอาโม้นาหน้าเหลอหลาเพราะไม่คิดว่าพวกเธอจะยกมือไหว้พนักงานกันแบบนี้ "สะ...สวัสดีค่ะ" โม้นาขานรับพรางไหว้ย่อเข่าอ่อน..."ระราน พวกแกซื้ออะไรเยอะแยะเนี่ย" แมงปอถามขึ้นทันทีที่พ้นร้าน เมื่อเห็น 2 ศรีพี่น้องซื้อของเต็มไม้เต็มมือ"ซื้อเสื้อผ้าไปให้พ่อกับแม่น่ะ กะว่าก่อนเปิดเทอมจะกลับบ้านแล้วก็ซื้อรองเท้าใหม่คนละคู่ เมื่อเช้ามีป๋าให้ตังค์มาต้องใช้ซะหน่อย" น้อยตอบยิ้ม ๆ"อ๋อ... งั้นเราไปชั้น 5 กันก่อน คุณอาฝากไปเอากระเป๋าที่สั่งไว้กลับบ้านด้วย" เจ้าขาพยักหน้าพร้อมทั้งบอกเพื่อนอย่างนึกได้"งั้น ปะ หวังว่าร้านนั้นคงไม่เหยียดเราอีกนะ ต่อไปกูจะมาห้างกูต้องบอกพ่อขายนาซื้อเบนซ์ล่ะ แล้วหาเกิบงาม ๆ ใส่แทนไอ้ผ้าใบตราดาวนี่" แมงปอว่าพลางยกรองเท้าให้เพื่อนดู"จะยากอะไ
"พี่จีน่าคะ คือว่า..." "เอาน่า นิ่งไว้ค่ะพี่จัดการเอง" จีน่าพูดสวนแมงปอขึ้นทันทีก่อนที่เธอจะพูดจบแล้วเดินมาลากแขนเจ้าขาไปอีกคน"เดี๋ยวค่ะพี่จีน่า เจ้าเห็นใบที่ชอบแล้วค่ะขอไปดูใบนั้นก่อนนะคะ" เจ้าขารีบเบรกเพราะกลัวว่าภรรยาพี่ชายจะพาไปเลือกใบที่แพงในร้าน เธอจึงมองใบที่ราคาไม่แพงมากและสามารถจ่ายเองได้ แล้วรีบเดินไปหยิบมาทาบกับตัวแล้วยิ้ม "เจ้าอยากได้ใบนี้ค่ะ มันเน้นใช้งานดี""โอเค เอาใบนี้ด้วยค่ะแล้วก็ใบนี้ด้วย อ้อ...ไปเรียนต้องบุก ๆ หน่อย เอาแบบนี้ 2 ใบค่ะพี่ผักกาด แล้ว...." จีน่าว่าพลางเดินไปที่โซนกระเป๋าสะพายของผู้ชายแล้วหันมามอง 2 หนุ่มหันไปมองกระเป๋า "เอากระเป๋าสะพายแบบนี้ดีกว่านะพี่ว่าดีกว่าครอสต์บอดี้เยอะเลยใส่ของได้เยอะด้วย ชอบสีอะไร" จีน่าเดินถือกระเป๋ามา 2 ใบคล้ายกันแต่ต่างสีเดินมาหา 2 หนุ่มพรางถามอย่างปรึกษาทำเอาทั้ง 2 มองหน้ากันกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ"พวกผมไม่เอาหรอกครับพี่จี" น้อยว่าพลางเหลือบมองราคากระเป๋า ใบละเกือบแสน *แม่งเกิดมาแค่ใบละ ห้าพันกูก็หน้ามืดแล้ว นี่ 98,000 กูจะเป็นลม ...*"ไม่ได้ค่ะ เอาคนละใบนี่แหละ พี่คะ เอานี่ค่ะ" ว่าพรางยื่นกระเป๋า 2 ใบให้พนักงานอย่างถูกใจ "แล
15 นาทีผ่านไป...2 สาวเดินออกมาจากห้องลองชุดตามหลังพนักงานที่ถือถุงใส่ชุดเดิมของเธอมายิ้ม ๆ"เริดมากลูก แต่พี่ว่าหนูยังไม่ทำผมกันเลยนะ" จีน่าว่าพลางมองหน้า 2 สาว แมงปอรีบก้มหัวลงแล้วตลบผมขึ้นกลางหัวก่อนจะรัดด้วยยางรัดผมสีดำแล้วดึงเชือกที่ผูกอยู่ที่ข้อมือเจ้าขาที่พนักงานผูกให้มารัดเป็นโบง่าย ๆ แต่มองแล้วเหมาะกับชุดออกแนวเท่ ๆ ลุย ๆ ของเธอแล้วล้วงเอาลิปกลอสเปลี่ยนสีในกระเป๋ามาทา ก่อนจะหันมายิ้มให้จีน่า เธอเลือกใส่กางเกงพับชายเอวสูงกับเสื้อครอปปาดไหล่ที่แมตช์กับรองเท้ารัดข้อของเธออย่างลงตัว ส่วนเจ้าขานั้นอยู่ในชุดกางเกงขายาวทรงหลวมต่ำเกาะสะโพกมีสายยาวพาดเฉียงเส้นเดียวกับเกาะอกสีเดียวกันกับกางเกงโชว์ร่องสิบเอ็ดและเอว 22 นิ้วของเธออย่างน่ามอง ผมที่เธอถักเปียหลวม ๆ ไว้ในทีแรกแกะยางรัดผมออกแล้วสางเป็นหยักศกลอนใหญ่เงาสลวยเต็มหลัง หยิบเอาลิปกลอสในมือของแมงปอมาทาที่ริมฝีปากตัวเองแล้วทำท่าส่งจูบให้โม้นาขำ ๆ"สวยพอมั้ยแม่" เจ้าขาถามโม้นาที่ยืนมอง 2 สาวอึ้ง ๆ อยู่"เริดเว่อร์ค่ะลูก สวยหาจุดติไม่ได้เลยค่ะ ผิวดีเนียนไม่ขาวเว่อร์ หน้าไม่ต้องโบก ปากจาง ๆ ขนตาไม่ต้องดัด เด็ดคือผมไม่ต้องหวี โอ๊ะ... ง่าย
"พี่อัฐพี่เตือนสวัสดีค่ะ" คุณหญิงรวิดารีบเดินลงมาจากบ้านเมื่อแม่บ้านขึ้นไปตามว่าพี่ชายมาถึง"อืม...โทษทีมาถึงแต่เช้า คนบางคนเขาห่วงลูก ๆ เค้า แม่เจ้าปอก็อยากมาด้วยแต่ไม่ได้มา แต่ก็ฝากขนุนต้นหน้าบ้านมาซะหลายลูกเลย" ท่านอัฐว่ายิ้ม ๆ"ขนมาเยอะแยะ แล้วเล็กกับน้อยนี่ให้เรียนที่นี่เลยมั้ยคะ เด็ก ๆ จะได้อยู่ด้วยกัน" คุณหญิงรวิดาว่ายิ้ม ๆ พลางจูงมือพี่สะใภ้ไปนั่งที่ห้องนั่งเล่น ส่วนเด็ก ๆ ทั้ง 4 ต่างพากันขึ้นห้องไปอาบน้ำเพื่อที่จะลงมาทานข้าวเช้าพร้อมกัน"ถามแล้วมันไม่มากันหรอก เจ้าน้องเขาอยากทำค่ายมวยต่อแล้วก็อยากจะทำเกษตรทฤษฎีใหม่ด้วย เจ้าคนพี่ก็อยากเปิดอู่ ตอนนี้พ่อกับแม่เขาก็กลับไปอยู่บ้านกันแล้วจะได้อยู่กันพร้อมหน้าซะที" ท่านอัฐว่ายิ้ม ๆ"ดีจังเลยนะคะ เด็ก ๆ เขามีแผนชีวิต แต่ตาโรมนี่สิจะเชิญท่านเข้ามาทำงานที่โรงทอก็ยากลำบากไม่สนใจอะไรเอาซะเลย แล้วเมื่อวานเห็นว่าไปคุยเรื่องรีสอร์ตน้าเพื่อนบอกว่าเขาจะขายไม่รู้ว่ายังไงเงียบไปเลย" คุณหญิงรวิดาว่าถึงลูกชายคนเล็กอย่างเอือมระอา โดยไม่ได้หันมองว่าคนโดนนินทากำลังเดินเข้ามาในบ้าน"นินทานะครับคุณหญิง" ชายหนุ่มว่าพลางก้มลงหอมแก้มคุณแม่ฟอดใหญ่ "คุณลุง
โรม หรือ รวัช ขึ้นรับตำแหน่งประธานฝ่ายบริหารแทนผู้เป็นพ่อด้วยการขอร้องของครอบครัวในอีก 3 ปีหลังจากที่เขาจบดอกเตอร์ และหลังจากนั้นอีก 5 ปีเขาและเพื่อน ๆ ได้ตกลงกันที่จะปิดบริษัทที่ต่างประเทศ เพราะศิลาและมาร์คย้ายกลับมาไทยถาวร ศิลาขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นบอสใหญ่แห่ง เคเอส กรุ๊ป มีรองประธานฝ่ายบริหารผู้มากความสามารถอย่างมาร์คหรือมนัสพงษ์ 1 ในเพื่อนรักเคียงข้าง โดยที่คุณปู่ของศิลาให้มาร์คถือหุ้นในบริษัทถึง 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อตอบแทนความดีและความซื่อสัตย์ที่เขามีให้คุณหญิงรวิดาวางมือจากร้านเสื้อผ้าของตัวเองให้ลูกสะใภ้ทั้ง 2 ร่วมกันบริหารและถือหุ้นร่วมกันคนละครึ่ง โรมตัดสินใจขายผับให้กับรุ่นน้อง แต่สร้างรีสอร์ตริมทะเลเพิ่มขยายพื้นที่จนใหญ่ที่สุดในจังหวัด โดยให้ปิยะเป็นผู้ดูแลและให้แฮคกับอาร์ขึ้นมาเป็นผู้ช่วยของตัวเองที่บริษัทส่วน สรัญ เขาประสบความสำเร็จกับบริษัทออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เริ่มก่อตั้งด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 3 ล้านบาทและมีพนักงานแค่เขากับภรรยาในช่วงเริ่มแรกด้วยการช่วยวางแผนของน้องชาย ตอนนี้กิจการก้าวหน้าจนเป็นที่ยอมรับทั้งในไทยและต่างประเทศ และเขาก็ปฏิเสธหุ้นของโรงทอที่พ่อจ
งานฉลองบัณฑิตจบใหม่ถูกจัดขึ้นที่ผับชื่อดังไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ รถสปอร์ตเปิดประทุนคันสวยวิ่งเข้ามาจอดด้านหน้า พร้อมกับการปรากฎกายของสาวสวยสุดเซ็กซี่ที่วันนี้เธอจัดเต็มมาด้วยเสื้อผ้าหน้าผมสมกับเป็นภรรยาเจ้าของผับ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่เคยเปลี่ยนไม่ว่าจะแต่งกายด้วยชุดอะไรหรือเทศกาลอะไรนั่นก็คือสร้อยคอเส้นเล็กจี้พระจันทร์เสี้ยวกับตัวอาร์ที่ใส่ติดคอเธอตลอดตั้งแต่วันแรกที่โรมใส่ให้เมื่อ 4 ปีก่อน เจ้าขาในวันนี้แขวนนวมนักมวยขึ้นเป็นผู้บริหารร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังร่วมกับแม่สามีหญิงสาวก้าวเข้ามาในร้านอย่างมาดมั่น แต่ต้องหยุดชะงักกับภาพเห็นตรงหน้า กับไอ้หนุ่มผมยาวคุ้นตาที่กำลังนั่งดื่มกินและหัวเราะต่อกระซิกอยู่กับสาวสวยคุ้นหน้าคนหนึ่งอยู่ในร้าน"อิป๋า! เมียมายืนหัวโด่อยู่นี่ไม่คิดจะเชิญนั่งรึไง" เสียงหวานปนเกรี้ยวกราดดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ชายหนุ่มหันขวับกลับมามองก่อนจะยิ้มกว้างแล้วลุกขึ้นเดินมาโอบเอวหญิงสาวไปนั่งลงที่โซฟาตัวเดิม"ฟาง นี่เจ้าขา ภรรยาไอ...เจ้า นี่พี่ฟางฉีเพื่อนร่วมคณะพี่ แล้วนี่ก็พี่จิ๊กหรือพี่แจ็คแฟนพี่ฟาง" ชายหนุ่มแนะนำให้หญิงสาวรู้จักกับเพื่อนผ
2 ปีต่อมาอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ แห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษโรมเดินขึ้นบันไดขึ้นไปที่ชั้น 2 ของอพาร์ตเมนต์แล้วหยุดยืนเคาะประตูหน้าห้องที่ติดบันไดทางเดิน ก่อนจะถอนหายใจแรง ๆ รอคนที่อยู่ข้างในมาเปิดให้ ชายร่างผอมสวมแว่นสายตาค่อนข้างหนาเดินออกมาเปิดประตูแล้วมองหน้าผู้มาเยือนเป็นคำถาม กว่า 2 ปีแล้วที่สรัญพาครอบครัวของเขามาอยู่ที่นี่ โดยการช่วยเหลือของโรมและเพื่อน ๆ โดยที่พ่อเขาไม่ทราบมาก่อน ทั้งเขาและภรรยาทำงานเป็นลูกจ้างร้านสะดวกซื้อที่ไม่ไกลจากที่พักมากนักและให้ลูกชายคนเดียวเข้าเรียนอยู่ที่โรงเรียนฝึกภาษาไม่ไกลจากอพาร์ตเมนต์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะตอนที่เกิดเรื่องบัญชีของเขาที่รับโอนเงินจากบัญชีหุ้นของโรมถูกทางธนาคารสำนักงานใหญ่อายัดไว้ทั้งหมดเพื่อตรวจสอบและโยงไปถึงบัญชีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสกันด้วย ทำให้เขาค่อนข้างลำบากในการใช้ชีวิตอย่างมาก การมาที่นี่ในตอนแรกนั้นได้ความช่วยเหลือจากศิลาให้พักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของทางบริษัทที่ศิลากับมาร์คพักอยู่ แต่เมื่อทั้งคู่ได้งานจึงขอย้ายออกมาอยู่ที่นี่ และเพราะตอนที่ออกมาจากไทยทั้งคู่ไม่ได้นำเอกสารใด ๆ ติดตัวมาด้วย จึงทำงานได้เพียงพนักงาน
"โอ๊ย! เจ้าลูก หล่อขนาดนี้ รวยก็ปานนี้ แถมรับความมึนของเราได้ขนาดนี้ เป็นแม่นะ แม่พยักหน้าตั้งแต่เกริ่น 3 ประโยคแรกแล้วลูก หรือยังไง อึกอักนี่คือพี่เขาไม่แซบว่างั้น" คุณนายเตือนตาว่ากับลูกสาวพร้อมกับเอ่ยแซวในตอนท้ายทำเอาคนโดนถามถึงกับอายม้วนก้มหลบตาประชาชนแทบมุดม้าหินอ่อนหนี"ก็แซบอยู่" หญิงสาวตอบเสียงอ่อย ๆ อาย ๆ"ถ้าแซบก็เก็บไว้กินเองค่ะลูก รีบรับก่อนผู้ชายจะเปลี่ยนใจค่า" คุณแม่บอกลูกสาวเสียงประชด เจ้าขาเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองหน้าชายหนุ่มนิ่ง ๆ ตอนนี้ทั้งลานเงียบรอฟังผลตอบรับเหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนรอคำตอบซะเอง"ว่าไง เป็นแฟนกับพี่มั้ย" ชายหนุ่มเอ่ยถามยิ้ม ๆ"เป็นแค่แฟนนะ" "อืม...ตอนนี้เป็นแค่แฟนก่อน" ชายหนุ่มพยักหน้าพร้อมกับอมยิ้มขำ ๆ *ตอนนี้เป็นแฟนถึงห้องนอนแล้วค่อยเป็นเมียพี่ก็ได้* ชายหนุ่มคิดในใจ"ก็ได้" คนตัวเล็กพยักหน้าตอบอาย ๆ"อะไรนะ!!" คำถามพร้อมเพรียงเสียงดังขึ้นทันที หญิงสาวลุกขึ้นยืนพร้อมกับมองพี่น้องนักมวยรอบลานแล้วมองหน้าพ่อกับแม่ พี่สาวคนสนิทก่อนจะหันมาตอบชายหนุ่มอีกครั้งอย่างเสียงดังและฟังชัด"เออ...เป็นแฟนกับพ
ตกเย็น ร้านหมูกระทะที่โรมให้น้อยไปสั่งขับรถขนหมูกระทะและอุปกรณ์มาส่งที่โรงซ้อม ชายหนุ่มสั่งเครื่องดื่มเป็นอัดลมและน้ำผลไม้ให้อย่างไม่อั้น ท่านอัฐยืนมองความสนุกสนานของเด็ก ๆ ที่กำลังช่วยกันจัดสถานที่ในการปาร์ตี้กันคืนนี้ยิ้ม ๆ"คิดยังไงมาเลี้ยงหมูกระทะเด็ก ๆ" ท่านอัฐเอ่ยถามหลานชาย"ก็เห็นบ่นอยากกินกันครับแล้วอีกอย่างพวกไปเรียนกรุงเทพก็มากันหมดแล้วเลยเลี้ยงซะหน่อย พรุ่งนี้ผมว่าจะเข้ากรุงเทพด้วยครับลุงว่าจะไปดูคุณพ่อหน่อยครับ" ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ พร้อมกับถอนหายใจภายหลัง"แล้วไอ้เจ้าว่าไงล่ะ น้องมาเราจะกลับ""ก็...ยังไม่คุยเลยครับ ช่วงนี้น้องต้องซ้อมผมไม่อยากทำให้เจ้าเสียสมาธิ เอาจริง ๆ ที่ผมหนีมานี่ช่วงน้องสอบก็กลัวว่าจะเผลอทำอะไรน้องอีก ไม่อยากให้น้องเสียสมาธิครับลุง" ชายหนุ่มตอบแบบตรงไปตรงมา"แล้ววันนี้ก็หน้าบึ้งทั้งวันทะเลาะกันอีกหรือไง" ท่านอัฐเอ่ยถามพลางปรายตามองชายหนุ่ม"หึ! เปล่าหรอกครับแค่โดนกวนเมื่อคืนแล้วเมื่อเช้าไม่ได้ซ้อมกับเพื่อนแล้วงอแงใส่แค่นั้นครับ แต่เห็นบอกว่าจะออกไปรับแฟนเขาไม่ใช่หรือครับลุง" ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอตอบผู้เป
"ให้ไปอ่านหนังสือสอบ ไม่ใช่ให้ไปหาวิชาปราบผัว" ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับสะโพกที่ขยับอย่างต่อเนื่อง "ซี้ด...เจ้าอย่ารัด" ชายหนุ่มครางยาวแล้วลงประกบจูบ เอวหนาสาวขึ้นลงอย่างบ้าคลั่ง คนใต้ร่างเสียวสะท้านทุกจังหวะที่แก่นกายเข้าไปกระทบผนังด้านในสุด เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง เมื่อทั้งคู่ใกล้ถึงฝั่ง ร่างบางเกร็งกระตุกถี่ตอดรัดแก่นกาย แล้วหอบหายใจแรง ๆ จนอกกระเพื่อม เอวหนาเร่งส่งแรงกระแทกกระทั้นส่งตัวเองเสร็จสมตามหญิงสาวไปไม่ห่างกัน ส่งลาวาสีขาวขุ่นพวยพุ่งเข้าร่องสาวแล้วกดแช่ไว้อย่างตั้งใจ "อ่า...เมียพี่สุดยอด" คนตัวโตเอ่ยชมพร้อมกับก้มลงกดหอมที่หน้าผากชื้นเหงื่อแรง ๆ"งือ ออกไปได้แล้ว อิคนบ้าพลัง" หญิงสาวว่าพลางทุบอกแกร่งอาย ๆ"เข้าแล้วไม่มีออกถ้าไม่หมดแม็ก แต่คืนนี้น่าจะสว่างคาตาเพราะคนแถวนี้ปล่อยพี่อดมาหลายวัน" ชายหนุ่มว่าพร้อมกับขยับสะโพกเบา ๆ"อ๊ะ! พี่ ยะ อย่าเพิ่งขยับ อูย..." หญิงสาวรีบทัดทานขึ้นพร้อมกับสูดปากเมื่อรู้สึกว่าสิ่งแปลกปลอมที่อยู่กลางกายเริ่มขยับขยายขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย มือบางดันอกแกร่งไว้ทั้ง 2 ข้าง"ไม่ทันแล้วครับ ตัวเล็ก
โรมเดินออกมาจากหลังม่านพร้อมกับส่งไลน์ไปบอกผู้เป็นลุงว่าเจ้าขากลับมาถึงบ้านแล้ว ก่อนจะยืนขำกับความไม่สังเกตสังกาของหญิงสาว ที่ข้าวของของเขาบางส่วนก็ยังวางอยู่ในห้อง โดยที่เขาไม่คิดจะเก็บ ครู่ต่อมาเจ้าขาเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พันตัวแค่ผืนเดียว ผมยาวสลวยของเธอถูกรวบและหนีบด้วยกิ๊บตัวใหญ่อยู่กลางหัว ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วมองบรรดาครีมต่าง ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ "หรือว่าแม่ทะเลาะกับพ่อแยกห้องนอนอีกแล้ววะ แล้วครีมเพียบไม่รู้อะไรเป็นอะไรเยอะแยะเป็นโต๊ะอิป๋าเลย" ว่าพลางหยิบครีมคุ้นตาที่เธอเคยเห็นบนโต๊ะของโรมในห้องนอนที่ร้านมาดู "ผู้หญิงก็ใช้ได้ผู้ชายก็ใช้ได้งั้นเหรอ (เปิดออกดม) ก็หอมดีหรอกแต่ทาตรงไหนล่ะนี่ เฟช??...ช่างแม่งเหอะ" ว่าพลางวางลงแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าที่ตอนนี้โรมแอบมองเธออยู่ในนั้น "เชี้ย! หลอนเหรอวะเนี่ย" หญิงสาวอุทานเสียงดังเมื่อเปิดตู้แล้วเจอหน้าโรมยิ้มอยู่ในนั้นก่อนจะปิดตู้ทันทีอย่างตกใจแล้วตั้งสติค่อย ๆ เปิดประตูตู้อีกรอบ"ไง คิดถึงผัวจนหลอนเลยเหรอ" ชายหนุ่มเอ่ยทักพร้อมกับก้าวออกมาจากตู้แล้วสวมกอดคนตัวเล็กอย่างคิดถึงก่อนจะกดหอมแก้มป่
"อืม... ก็ตามใจแล้วกัน แล้วรถนี่ซื้อมาทำไมล่ะจะเอามาจอดทิ้งไว้นี่?" ท่านอัฐเอ่ยถามอย่างสงสัยเพราะเห็นว่าโรมมีรถหลายคัน แต่ทำไมถึงซื้อกระบะเพิ่มแล้วบอกว่าตัวเองไม่ค่อยได้ขับกระบะเลยจะทิ้งไว้ให้ใช้งานที่นี่"ใครว่าผมอยากซื้อล่ะครับ โดนเอามาประเคนถึงร้านเลยต่างหาก พอดีน้องรหัสไอ้เทนมันจะเลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการศูนย์แต่ขาดยอด 2 คัน พวกผมเลยโดนบังคับซื้อกันคนละคัน ไอ้เทนมันเอารถเก๋งให้เมียมันขับ ส่วนผมไม่รู้จะซื้อมาทำอะไรเลยบอกมันว่าเอาราคาถูก ๆ มันเลยเลือกคันนี้มาให้" ชายหนุ่มตอบที่มาของรถขำ ๆ "เออ... แล้ววันนี้เจ้าตัวแสบเขาจะกลับมาแล้วนะ เห็นว่าสอบเสร็จเที่ยงก็จะพากันออกมาเลย แวะส่งเจ้าปอก่อนถึงจะกลับบ้านจะได้ไม่ดึกว่างั้น เห็นโทรมาบอกแม่เขาเมื่อเช้า" ท่านอัฐบอกหลานชายยิ้ม ๆ "งั้นคืนนี้ผมก็ต้องลงมานอนห้องข้างล่างแล้วสิครับ เจ้าของห้องจะมาแล้ว" ชายหนุ่มเอ่ยตอบพร้อมกับถอนหายใจ เพราะเมื่อเช้าเขาไปที่ตลาดกับบอยนักมวยในค่าย เขาเห็นผู้หญิงที่เจ้าขาหอมแก้มกลางห้างเดินอยู่กับแม่ของเธอที่ตลาด"เฮ้ย! แม่เขาไม่ได้สั่งก็นอนที่เดิมนั่นแหละ ไม่อยากรู้เหรอว่าปลาไหลอย่างไอ้ตัวแสบเจ้าลูกสาวคุณนายเตือนตา
"พี่อัฐครับ ผมขอโทษ ผมสำนึกผิดจริง ๆ ครับ ที่ผมมานี่ผมไม่ได้มาเพราะอยากให้โรมช่วยโรงทอหรอกครับ ผมแค่อยากขอโทษลูกจริง ๆ ส่วนโรงทอมันจะเจ้งมันจะล่มก็แล้วแต่บุญกรรม เพราะผมถือว่าผมไว้ใจคนผิด ผมทำเรื่องโอนหุ้นที่ผมถือทั้งหมดของโรงทอให้เจ้าโรมวันนั้น ผมเพิ่งเห็นเอกสารที่เลขาเจ้ารันลืมวางไว้ในห้องประชุมว่าเจ้ารันมันเปลี่ยนเอกสารโอนให้เจ้าโรมแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีกใบเป็นชื่อของมันรอแต่ตราประทับกับลายเซ็นผมมันก็จะถือหุ้นได้ใหญ่ที่สุดในบริษัท พี่อัฐ... ผมสาบานว่าผมต้องการมาขอโทษลูกแค่นั้นจริง ๆ ครับ สิ่งที่หญิงทำกับลูกผมไม่เคยได้สนับสนุนแต่ยอมรับว่าไม่ได้ขัดเพราะไม่อยากมีปัญหา ผมกลับมาจากทำงานก็อยากได้ยินคำพูดดี ๆ จากที่บ้าน อยากเห็นครอบครัวอบอุ่น" คุณศาสตรานั่งลงกับพื้นพร้อมทั้งพนมมือไหว้พี่ชายภรรยาอย่างรู้สึกผิดที่สุดในชีวิต ซึ่งคนที่ยืนฟังอยู่ด้านนอก ล้วงมือถือออกมากดส่งอีเมล์ออกไปแล้วยืนฟังคำพูดของพ่อกับแม่ต่ออย่างใจเย็น"หึ! ตลก ครอบครัวอบอุ่นเหรอ แล้วเจ้าโรมมันได้เคยได้อุ่นมั่งมั้ยล่ะ กลับมาบ้านก็ได้ยินเสียงประชดประชันกระแนะกระแหนนี่มันอบอุ่นมั้ย คิดถึงจิตใจลูกบ้างหรือเปล่า" ท่านอัฐพูด