[Tanin Talk]ผมกับไอ้ยูขับรถมาส่งหนูดาที่บ้าน ตลอดทางเธอไม่พูดอะไรสักคำ ผมรู้สึกสงสารเธอจังแต่ผมเชื่อว่าได้ดินไม่มีทางทำแบบนั้นแน่แต่ตอนนี้มันไปทำห่าอะไรอยู่ที่ไหนพวกผมไม่รู้เลย ไอ้ดินไม่เคยเป็นแบบนี้ ตั้งแต่ผมรู้จักมันมา มันไม่เคยหายไปโดยไม่บอกเพื่อน ผมชักจะสังหรณ์ใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้ ถ้ามันอยู่กับคุณอาก็ต้องไม่ขาดการติดต่อแบบนี้ดิ แม่งเอ๊ย...ปวดหัวฉิบ พอถึงบ้านหนูดาก็เปิดประตูลงจากรถโดยไม่พูดอะไรสักคำ อารมณ์แบบนี้โคตรน่ากลัวปึงงงง!!!ประตูรถถูกปิดลงอย่างแรงด้วยฝีมือของคนตัวเล็กนั่น ผมหันไปมองไอ้ยู มันไหวไหล่ให้ผมทีหนึ่ง คงไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน“ไอ้เหี้ยดิน มันหายหัวไปไหนวะ” ผมพูดขึ้นมาพลางเปิดประตูลงไปดูคนตัวเล็กนั่น ผมทิ้งเธอไว้แบบนี้ไม่ได้หรอก ไอ้ยูมันก็ตามผมลงมาด้วย ผมเห็นเธอนั่งกอดเข่าพลางเอาหน้าซุกลงไปอยู่บนโซฟา ก็เลยเดินไปนั่งข้างๆ แล้วเอามือตบไหล่บางเบาๆก่อนเธอจะเงยหน้าขึ้นมองผม“ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเขาแน่ ไม่มีวัน”“หนูดา ฟังนะ ไอ้ดินไม่มีวันทำแบบนั้น” ผมเอ่ยบอกเธอเสียงแข็งเพราะผมมั่นใจว่าไอ้ดินรักคนตัวเล็กตรงหน้าผมมากและมันไม่มีวันทำให้เธอเสียใจ แต่ตอนนี้ต้องมีอะไรเกิ
เมื่อเย็นวาน....ก๊อกๆ ๆ ...แอ๊ดดดดด“นายน้อยมาแล้วครับ” คนสนิทของป๊าเคาะประตูแล้วเปิดพาผมเข้าไปหาพ่อตัวเอง หึ...ผมแสยะยิ้มให้กับความน่าสมเพชของตัวเอง มาหาพ่อตัวเองแท้ๆ ก็ต้องให้คนอื่นพาเขามา ท่านมาอยู่ที่นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ผมไม่เห็นจะรู้เรื่องเลยปึกกกกผมเดินเข้าไปแล้วโยนถุงกระดาษบนโต๊ะ ก่อนผมจะมาหาท่านผมไปทำตามที่ท่านสั่งมาเรียบร้อยแล้ว ท่านหมุนเก้าอี้กลับมามองที่ถุงนั้น“แกเก็บเงินมาได้งั้นเหรอ...” ท่านพูดพลางหรี่ตามองผม“อืม เก็บมาได้เท่านี้ ส่วนผู้หญิงหนีไปได้” ผมพูดพลางเอามือล้วงกระเป๋า“อะไรนะ!!!!” จะตะโกนทำไม่เนี่ย ท่านลุกขึ้นเดินมาหาผมทันที“ป๊าหูไม่ดีเหรอ ถึงไม่ได้ยินที่ผมพูด จะบอกอีกทีก็ได้ ผู้หญิงหนีไปแล้ว” ผมพูดพลางใช้ลิ้นดุนแก้มตัวเอง อารมณ์ของป๊าตอนนี้บอกได้เลยว่าถ้าผมไม่ใช่ลูก ท่านฆ่าผมแน่ๆ“ไอ้ดิน!!! แกอย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะ ผู้หญิงแค่คนเดียวปล่อยหนีไปได้ยังไง แกตั้งใจปล่อยมันไปงั้นซินะ”“เฮ้อออ ป๊า นี่ไงเงิน เก็บมาได้แล้ว จะอะไรนักหนาวะ” ผมพูดพลางเดินไปหยิบถุงเงินมายื่นให้ท่านปึกกกก///ท่านหยิบมันไปแล้วขว้างใส่ผม“เงินพวกนี้ก็ของแกซินะ ไอ้ลูกเวร ให้มันได้ยังงี้”
ฉันรู้สึกตัวตื่นจากการถูกรบกวนบริเวณซอกคอ แน่นอนว่าไม่มีใครเข้ามาบ้านนี้หรือห้องนี้ได้นอกจาก...และเพื่อความแน่ใจ ฉันจึงเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟหัวเตียงพรึบบบ“ดิน!” เป็นเขาจริงๆ ด้วย ฉันรีบผลักเขาออกแล้วยันตัวลุกขึ้นนั่งดึงเอาผ้าห่มมาปิดร่างกายทันที ก่อนที่คนตัวสูงจะโน้มหน้าเข้ามาฉกฉวยสูดความหอมจากแก้มฉันฟอดดด///“นี่! ออกไปนะ อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” ฉันใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักดันให้เขาออกห่าง ถามว่าดีใจไหมที่เขากลับมา...ก็ดีใจอยู่หรอก แต่...ก็ไม่อยากให้อภัยเหมือนกัน การหายไปของคนเรามีอยู่ไม่กี่สาเหตุหรอกและฉันคิดว่าไม่มีเหตุผลที่เขาจะติดต่อกลับมา นอกเสียจากมันจะเป็นเรื่องที่ฉันรู้ไม่ได้“หนูดา ฟังฉันก่อน” เขาพูดพลางจับข้อมือสองข้างของฉันไปรวบไว้ข้างหลังด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขา เหตุการณ์นี้มัน...ไม่ได้นะ ฉันจะยอมให้เขาทำแบบนั้นอีกไม่ได้“ไม่!! ฉันไม่ฟังออกไปเดี๋ยวนี้”ปึกกก///ฉันถีบเขาออกอย่างแรงแล้ววิ่งไปที่ประตูห้องทันทีแต่ก็ไม่ทันเขาอยู่ดี เขากระชากแขนฉันกลับแล้วเหวี่ยงไปที่เตียงตามด้วยร่างหนาคร่อมทับบนตัวฉันไว้“พูดดีๆ ไม่ฟังใช่มะ ได้…”“อ๊ะ! ปล่อยนะ ปล่อยฉัน ไอ้เด็กบ้า อุ๊บบบบ” เขาบ
[Patapee Talk]หมับบบ//ผมตกใจนิดหน่อยที่อยู่ดีๆ หนูดาก็เดินเข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง เธอเอาหน้าซบลงมาบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของผมมันเลยทำให้ผมรับรู้ถึงน้ำที่ไหลออกมาโดนแผ่นหลังของผมใช่...เธอร้องไห้ ซึ่งผมไม่อยากเห็นมันเลย น้ำตาของผู้หญิงคนนี้ ผมเลือกที่จะปล่อยให้เธอกอดผมอยู่แบบนั้น“นะ...นายอย่าหายไปอีกได้ไหม ฉันไม่รู้ว่าฉันต้องทำยังไง ฉันไม่รู้ว่าต้องไปหานายที่ไหน ฉันไม่รู้ว่านายจะกลับมาเมื่อไร ฉันไม่รู้อะไรเลย ฮึก ไม่รู้เลยจริงๆ” บ้าฉิบ ทำไมคำพูดแค่นี้ถึงทำให้ผมรู้สึกจุกอกอย่างบอกไม่ถูกนะ เธอร่ายมนตร์อะไรใส่ผมวะ แล้วผมจะต้องทำยังไงต่อ“หนูดา...ฟังฉันนะ ฉันสัญญากับเธอไม่ได้ แต่ถ้าฉันหายไปไม่ต้องตามหา ให้เธอรอฉันอยู่ที่นี้ ฉันจะกลับมาหาเธอเอง เข้าใจไหม หืมม” ผมหันกลับไปพูดกับคนตัวเล็กพลางใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาที่แอบแก้มทั้งสองข้างของเธอ“แล้ว...ถ้านายไม่กลับมาล่ะ ฉะ...จะทำยังไง ฮือออ...ฮืออออ” เธอร้องไห้โฮพลางโผเข้ากอดเอวผมแน่นแม้แต่อากาศก็ผ่านไม่ได้ ราวกับไม่อยากให้ผมห่างจากเธอแม้แต่นิดเดียว“ฉันสัญญา ว่าฉันจะกลับมา ไปนอนได้แล้ว ฉันขออาบน้ำก่อน” ผมพูดพลางดันร่างบางออก เธอพยักหน้ารับแ
“ดิน ทำไมยังไม่ไปอะ” ฉันเอ่ยถามเขาทันทีที่เดินออกมาหน้าบ้านแล้วยังเห็นเขายืนพิงรถอยู่“รอไปส่งเธอ”“ฮะ! มะ...ไม่ต้อง ใกล้แค่นี้ฉันไปเองได้” ฉันรีบปฏิเสธแทบไม่ทัน“ทำไม” เขาพูดพลางหรี่ตามองฉัน“ก็...ไม่ทำไม เดี๋ยวนายไปสายนะ”“ขึ้นรถ!!”“แต่…”“ให้ไว!!” เขาเปิดประตูให้ฉันแล้วเดินอ้อมไปฝั่งคนขับทันที ฉันได้แต่จำใจขึ้นไปนั่งอย่างห้ามไม่ได้ ป่านนี้จะมีใครมารึยังนะ ถ้ามีคนเห็นจะทำยังไง พวกเขาต้องว่าฉันเลี้ยงเด็กแน่ๆ ใครจะไปคิดว่าฉันจะมีแฟนหล่อแบบนี้ โอ้ยยยย..“คิดอะไร...?”“ปะ...เปล่า เอ๊ะ! มันเลยแล้วนะดิน” ฉันพูดพลางหันหลังกลับไปมองบริษัทที่เขาเพิ่งขับเลยมา“รู้แล้ว” หา? อะไรคือรู้แล้วยังเลย...บ้าบอ“แล้ว…?”“กินข้าว หิว” เขาตอบพลางเลี้ยวรถเข้าข้างทาง แล้วเปิดประตูลงจากรถ ทำไมถึงเป็นที่นี่ นักศึกษาเยอะฉิบ ฉันจะทำยังไงดี...มีเรื่องให้ปวดหัวแต่เช้าเลย“ลงมา” เขาเปิดประตูเรียกฉัน“ฉันไม่หิว...”“จะลงดีๆ ไหม” น้ำเสียงแบบนี้ไม่น่าไว้ใจมากๆ ฉันเลยลงจากรถแล้วเดินตามเขาไปพลางก้มหน้างุด ทำไมมีแต่คนมองฉันนะ ตายๆๆๆ“กินอะไร หืม”“อะไรก็ได้” ฉันนั่งก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือ ไม่อยากเงยขึ้นมาเลย แล
พอผมเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ผมเห็นคนตัวเล็กนั่งอยู่ที่โซฟา ทำท่าเหมือนเอาผ้ากดไว้ที่ปลายเท้า เลือด...ทำไมถึงมีเลือดออกเยอะขนาดนั้นด้วยความตกใจผมเลยพุ่งเข้าไปหาเธอทันทีและจับเท้าเล็กนั่นมาสำรวจดู“ดิน กะ”“นี่มันอะไร ไปโดนอะไรมา!” ผมไม่ฟังที่เธอจะพูดแต่รัวคำถามใส่เธอแทน“พอดีแก้วมันตกแตกอะ แล้วเก็บไม่หมดก็เลยเผลอไปเหยียบมันเข้า” เธอพูดพลางชักเท้ากลับเข้าหาตัวเหมือนไม่อยากให้ผมดู“อย่าดื้อ ฉันจะทำแผลให้” ผมเปลี่ยนเป็นนั่งขัดสมาธิลงกลับพื้นเพื่อจะทำแผลให้คนตัวเล็ก“ไม่เป็นไร ฉันทำเองได้” ผมไม่ตอบแต่หันไปทำหน้าดุใส่เธอแทน เธอก็เลยยอมให้ผมทำแผลให้“เหยียบได้ยังไง ปกติเห็นใส่รองเท้าตลอด” ผมเอ่ยถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอส้วมรองเท้าในบ้านตลอดไม่เคยถอดเลยสักครั้ง“น้ำส้มในแก้วที่แตกอะมันกระเด็นใส่ ฉันเลยเอาไปซัก อ๊ะ”“เจ็บเหรอ”“นิดหน่อย” เธอตอบผมด้วยสีหน้าเหยเก ดีนะที่มันไม่ลึกมาก“ระวังตัวหน่อยดิ ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย” ผมทำแผลเสร็จแล้วพูดบอกเธอพลางเก็บของไปด้วย“ขอบคุณนะ…” เธอเอ่ยบอกผมแล้วส่งยิ้มหวานมาให้ เจอยิ้มแบบนี้ทีไร ใจไม่ดีทุกที แต่ก่อนผมจะลุกเอากล่องยาไปเก็บ สายตาผมมันไปเห็นอะไร
หึ...ผมกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่แล้ว ยัยเตี้ยนี่กล้าร้องเพลงด้วยเสียงเพี้ยนๆ แบบนี้ได้ยังไงกันแถมยังใส่ feeling แบบจัดเต็มอีก พอร้องจบเธอก็ค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมองผม“ฮันแน่ ยิ้มแล้วววว” ผมหุบยิ้มทันทีที่เธอเอ่ยแซวและเดินไปนั่งที่เตียง“เหอะ ถ้าฉันมีเสียงแบบเธอนะ ฉันจะไม่ร้องเพลงให้ใครฟังเด็ดขาด” ผมพูดบอกเธอพลางหยิบนาฬิกาข้อมือมาใส่ ร้องเพลงง้อผมเนี้ยนะ บ้าไปแล้ว มีวิธีที่ง่ายกว่านี้ตั้งเยอะ เธอก็น่าจะรู้ว่าผมต้องการอะไรแต่เธอไม่ทำ เหอะ...สุดยอดเลย“แต่เสียงเพี้ยนของฉัน ก็ทำให้คนบางคนยิ้มได้น้า ฮึบ” หนูดาพูดจบแล้วก็โดดขึ้นมานั่งบนตักพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบคอผมไว้ ผมเลยเลื่อนแขนไปข้างหลังเพื่อยันตัวเองไว้“ลงไปเดี๋ยวนี้ ฉันรีบ” ผมเอ่ยขึ้นพลางจ้องหน้าคนบนตัก ผมก็อยากรู้ว่าเธอจะทำยังไงต่อ“ไม่! จนกว่าดินจะหายโกรธ เอ้...ไม่มีกลิ่นบุหรี่แล้ว” พูดจบเธอทาบปากเรียวเล็กนั่นมาที่ปากผมเบาๆ แล้วผละออกจุ๊บ“แค่เนี่ย...” ผมพูดแล้วหันหน้าหนีเธอเพื่อสะกดอารมณ์ตัวเองที่มันกำลังพลุ่งพล่านอยู่ในตัวผม ก็เธอเล่นนั่งทับและบดเบียดมันไปมาอยู่แบบนั้นใครจะทนไหว สาบานว่าเธอไม่ได้กำลังยั่วผมอยู่ ยัยตัวแสบ“อ่า ยังไม่หายอีกอ๋
[Neerada Talk]ฉันกะพริบตาถี่ก่อนพยุงตัวขึ้นนั่ง ปวดตัวชะมัด ฉันหันไปมองร่างสูงที่นอนอยู่ข้างๆ แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาไปตายอดตายมาจากไหนถึงได้หื่นขนาดนี้ เหอะ! ฉันหันซ้ายหันขวาเพื่อโทรศัพท์ เอ๊ะ...นี่มันห้องดินนี่นา โทรศัพท์ฉันอยู่บนห้อง แล้วนี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย...ฉันเลยไปคว้านาฬิกาเขาที่อยู่หัวเตียงมาดู บรรลัยแล้ว แปดโมงกว่า...“ดินตื่น ดิน ฉันสายแล้ว” ฉันรีบเขย่าแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเป็นมัดๆ ของเขา พอเขารู้สึกตัวแล้วฉันก็ดีดตัวลุกจากที่นอนขึ้นไปอาบน้ำทันทีพอฉันออกมาก็เห็นเขานั่งรออยู่ในรถแล้ว ฉันว่าฉันแต่งตัวเร็วแล้วนะ เขาเร็วกว่าอีกเหรอ..แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาคิดเรื่องนั่น ฉันรีบพุ่งไปขึ้นรถทันที“อะ...นายไม่มีเรียนเหรอ” ฉันเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เห็นเขายังอยู่ในชุดนอน“วันนี้คลาสบ่าย” เขาตอบพลางหมุนพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวรถออก“อ้าว แล้วทำไมไม่บอกอะ จะได้ไม่ปลุกแต่เช้า” ฉันบ่นขึ้นพลางหันกระจกเข้าหันตัวเองเพื่อจะใช้รองพื้นแต้มรอยบนคอฉันที่เขาเป็นคนสร้าง ยิ่งมาตื่นสายอีกไม่รู้จะเนียนรึเปล่าเนี่ย ฉันเหลือบไปเห็นเขายกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างพอใจ หมั่นไส้ชะมัด“เหอะ! ไม่ต้องมายิ้มเลย” เขาหุบยิ้
วันนี้ดินพาฉันมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลของตามคำแนะนำของคุณหมอคนเดียวของกลุ่ม แต่วันนี้ฉันดูสดชื่นและมีความสุขแบบบอกไม่ถูก ยิ่งได้เห็นหน้าดิน ได้จับ ได้กอด ได้หอมนะ ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่จนยิ้มไม่หุบเลยแหละ คิ คิ“เป็นไรเนี่ย” ดินถามขึ้นระหว่างที่เรานั่งรอหมอเรียกอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์แล้วฉันเอาแต่คล้องแขนเขาพลางใช้จมูกโด่งซุกไปมาอยู่ที่แขนดินแบบนั้นไปยอมปล่อย“ไม่รู้อ่ะ อยากได้กลิ่นตัวดิน” ฉันพูดเสียงอู้อี้เมื่อจมูกยังกดอยู่ที่แขนของเขา รู้สึกเหมือนตัวเองหื่นยังไงก็ไม่รู้ แต่มันห้ามไม่ได้เลยอ่ะ“หื้มม”ฉันเหลือบมองหน้าดินเห็นเขาแอบเขินหน่อยๆ ด้วยนะ คิ คิ น่ารักที่สุดเลย หลัวฉัน...ของฉันคนเดียว“เชิญคุณนีรดาร์ ห้องตรวจ 1 ค่ะ”เอ๊ะ…! เรียกแล้ว ฉันกับดินพากันเดินเข้ามาในห้องตรวจ 1 ตามที่เสียงที่ประกาศเรียกเมื่อกี้ ฉันเห็นหมอผู้หญิงคนนี้แล้วไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่เลย เอาแต่มองดินอยู่ได้ ตั้งแต่นั่งอยู่ตรงนั้นจนฉันขึ้นนอนบนเตียงเพื่อจะอัลตราซาวด์ดูเบบี๋น้อยในท้องฉัน มันก็ตื่นเต้นอยู่หรอกแต่ใจดันจดจ่ออยู่หมอคนนั้นกับหลัวฉันเนี่ยแหละ“ดิน! หันมาหาหนูดา”“ดินดูเบบี๋อยู่ เนี่ยหนูดาดูดิ เห็นไหม”
“ดิน สุขสันต์วันเกิดนะ หนูดารักดิน นี้ของขวัญวันเกิด” หนูดาเดินเข้ามากอดผมแล้วพูดขึ้นพร้อมกับยัดบางอย่างใส่มือผมก่อนจะผละออกแล้วทำท่าเขินๆ ผมเลยยกมือขึ้นมาดูว่าเธอเอาอะไรให้ผม“เห่ย!” ผมอุทานเสียงหลง เผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจ ลืมความโกรธเมื่อกี้นี้ไปจนหมดสิ้นแล้วดึงหนูดาเข้ามากอดอีกครั้งพลางก้มจูบที่หัวเธอเบาๆ นี้เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดในชีวิตผมเลย ผมกำลังจะเป็นพ่อคน เรากำลังจะมีเจ้าตัวเล็กด้วยกัน เรากำลังจะกลายเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ“หายโกรธนะ ป๊ะป๋า จุ๊บ” หนูดาดันตัวออกแล้วเขย่งขึ้นมาจุ๊บที่ปากผมทีหนึ่ง ผมส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับความเล่นใหญ่เล่นจริงของเมียตัวแสบ แต่คำว่า ป๊ะป๋า เนี่ยมันทำให้ผมอยู่ไม่เป็นสุขเลยจริงๆ หน้าร้อนผ่าวไปหมด“หึ ไม่เอาเล่นใหญ่แบบนี้แล้วนะ จะช็อกว่ะ”ปัง...ปังฮิ้ววววว….ฮิ้วววววโห...แม่งเล่นใหญ่จริงว่ะ มีพลุสายรุ้งด้วย..นี่ขนาดวันเกิดยังเล่นใหญ่ขนาดนี้ ถ้างานแต่ง..กูว่ามีนอนในโรงแกล้งกูแหง...หึ แล้วก็ตามมาด้วยเสียงแซวต่างๆ นานาของให้พวกเวรนั่น“ว่าแต่เพิ่งปล่อย ทำไม” ผมก็อดที่จะสงสัยไม่ได้เพราะหนูดเพิ่งจะตกลงกับป๊าเมื่อไม่กี่วันนี้เองว่าจะมีหลานให้ท่าน“3
ผมออกมาเคลียร์งานที่ผับตั้งแต่เช้าเพราะวันนี้วันหยุด ปกติหนูดาจะเป็นคนทำแต่วันนี้ยัยเตี้ยของผมไม่ค่อยสบาย ผมเลยกะว่าจะมาเคลียร์งานให้เสร็จแต่เช้า สายๆจะได้พาเมียไปหาหมอผมนั่งเคลียร์งานอยู่ในห้องสักพักก็มีคนเปิดประตูห้องทำงานของผมเข้ามาอย่างถือวิสาสะแกร่ก...แอ๊ดดดด“อุ้ย! ขอโทษค่ะ คือป้าไม่รู้ว่านายน้อยจะเข้ามาแต่เช้า” ป้าแม่บ้านวางอุปกรณ์ทำความสะอาดลงแล้วรีบยกมือไหว้ผมด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน นี่ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ“ป้าจะไหว้ผมทำไม ป้าจะทำความสะอาดใช่ไหม ทำเลยครับ ไม่เป็นไร” แล้วผมก็ยกมือไหว้ป้าคืน นรกได้กินหัวผมพอดีให้คนรุ่นราวคราวเดียวกับป๊ามายกมือไหว้แบบนี้ แล้วป้าก็เอามือลงส่งยิ้มมาให้ผมก่อนจะหันไปหยิบอุปกรณ์แล้วทำความสะอาดตามหน้าที่ของท่านครืดดดด...ครืดดดดผมรีบหยิบมือถือออกจากกระเป๋าทันทีเพราะคิดว่าเป็นสายเรียกเข้าจากเมียแต่ไม่ใช่ เบอร์ใครวะ...ผมเลื่อนสไลด์เพื่อรับสาย“ครับ ผมปฐพี อะไรนะ! ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” ผมรีบคว้ากุญแจรถแล้วออกมาจากห้องทำงานทันทีพลางกดมือถือหาเฮียหมอไปด้วย ไอ้เฮียหมอแม่งก็ไม่รับสายซะทีวะ…ตืดดดดด...ตืดดดดด[อะไรของแม่งวะ โทรทำเหี้ยไร]“ไอ้เฮีย มึงรีบไ
“พอๆๆ ไอ้ห่านี่ก็ไม่เกรงใจป๊าเลย ไว้กลับไปทำที่ห้องโน้น ความจริงเรื่องเนี่ยไอ้ดินมันไม่รู้หรอก มันก็เพิ่งรู้ก่อนหน้าหนูไม่นานเนี่ยแหละ แผนป๊าเอง”“ห้ะ! นี่ท่าน” ฉันถึงกับพูดลืมอายไปเลย ไม่เคยคิดเลยว่ามาเฟียที่น่าเกรงขามแบบท่านจะมาทำอะไรเพื่อแกล้งฉันแบบนี้ อะไรเข้าสิงท่าฟ่ะ ทำไมท่านถึงทำแบบนี้นะ เหงาหรือว่าอะไร สองพ่อลูกนี่ทำตัวได้น่าโมโหชะมัด ถ้าไม่ติดว่าเป็นป๊าดินล่ะก็ ฉันไม่ปล่อยไปแน่...ฉันเลยหันกลับไปหาลูกชายตัวดีของท่านแทน“ไอ้เด็กบ้า กลับไปนายเจอดีแน่”“อ้าว ทำไมเป็นดินอะ” ดินพูดขึ้นหน้าตาเลิ่กลั่กแล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแบบงงๆ“ก็ฉันทำท่านได้ไหมล่ะ นายเป็นลูกก็รับไปสิ” ฉันพูดพลางเอามือขึ้นกอดอกด้วยท่าทางฟึดฟัดพอสมควร ความจริงอยากทำมากกว่านี้อีก...แต่ทำไม่ได้“ป๊าเล่นไรเนี่ย เห็นไหมผมซวยเลย” แล้วดินก็หันไปพูดกับป๊าตัวเองอย่างหัวเสีย“ก็ฉันอยากเห็นกะตานี่หว่า ว่าลูกสะใภ้ฉัน ใจเด็ด ใจกล้า อย่างที่เขาพูดกันจริงรึเปล่า แต่เกินคาดไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างหนูจะยอมตายแทนลูกชายฉันได้ แกนี่มันโชคดีจริงๆ ฮ่าๆๆ” ท่านพูดขึ้นแล้วเดินเข้าไปตบไหล่ลูกชายตัวเองเบาๆ ก่อนจะหัวเราะขึ้นอย่างชอบใจ
สองอาทิตย์ต่อมา…..หลังจากที่ฉันและดินไปส่งพ่อกับแม่ไปเมกาเพื่อรักษาตัวเสร็จเรียบร้อยก็บินกลับมาที่เชียงใหม่ทันทีเพราะคนของป๊าโทรมาบอกว่าท่านมีเรื่องกับคนในแก๊งที่หักหลังท่านสถานการณ์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร แล้วดินก็ดูร้อนใจมาก ฉันลอบมองดินเป็นระยะๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถไฟเหาะ เฮ้อออ...ทำไมเขาถึงขับรถเร็วแบบนี้นะ“ดิน เบาลงหน่อยดีไหม” ฉันเอื้อมมือไปจับแขนดินเพื่อดึงสติเขากลับมา ฉันคิดว่าใจดินคงไปอยู่กับป๊าแล้วละ ดินถอนหายใจออกมาก่อนจะผ่อนคันเร่งลงนิดหนึ่งสักพักรถก็เคลื่อนมาจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ฉันไม่เคยได้มาสักครั้ง เวลาท่านอยากเจอดินหรือมีงานต้องคุยส่วนมากก็จะไปหาดินที่ผับแล้วก็ภัตตาคารอะไรทำนองนั้นแต่ไม่เคยนัดดินมาที่นี่เลยฉันวิ่งตามดินมาหยุดอยู่กลางห้องโถงใหญ่กลางบ้านแต่ไม่เห็นใครเลย เงียบสงัดจนน่าแปลกใจ ดินก็คงคิดแบบนั้นเหมือนกันเขาคว้ามือฉันไปจับไว้แน่นแล้วหันซ้ายหันขวามองอย่างระวังตัวพรึบบบบปึกกกก“ดิน”ดินดึงตัวฉันเข้าไปกอดจากหลังแล้วกดหัวลงเหมือนพยายามจะบังตัวฉันไว้จากอะไรสักอย่างก่อนฉันจะได้ยินเสียงของแข็งกระทบเข้าร่างกายดินอย่างจังเพราะฉันสัมผัสได้จากการแรงกระแทกและดินก็ทรุดเ
“ดิน ทำไมวันนั้นดินถึงรู้ว่าหนูดาอยู่ไหน ทำไมดินถึงไปช่วยหนูดาได้ล่ะ” ฉันเอ่ยถามและเหลือบตาขึ้นมองหน้าดิน เรื่องนี้มันข้องใจฉันมากเลยว่าจะถามตั้งนานแหละ“ก็ไปเจอมือถือหนูดาในรถแท็กซี่ที่จอดอยู่แถวนั้น”“มือถือ...แล้วทำไมถึงเจออะ”“ก็มือถือไง”ฉันดันตัวเองขึ้นหรี่ตามองหน้าดินแล้วเขาก็ทำเป็นลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ มือถือ….มือถือ โฮะ นี่เขาแอบเปิด GPS ในมือถือฉันงั้นเหรอ“นายมันร้ายกาจที่สุด” ฉันมองเขาตาขวางพลางดีดตัวเองขึ้นจากตักเขาแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง งั้นเขาก็รู้หมดเลยดิว่าฉันไปไหนบ้าง...ร้ายกาจมากกกก แต่จะว่าไปถ้าเขาไม่ทำแบบนี้วันนั้นคงไปช่วยฉันไม่ทันแน่ๆ“หนูดา ดินจะให้พ่อหนูดาไปรักษาที่เมกา” อยู่ๆ ดินก็พูดในสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดออกมา เขาเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ทำแบบนั้นได้ยังไง นั่นพ่อฉันนะ จะให้เขาเป็นคนมาดูแลแบบนี้ได้ไง ฉันไม่ยอมหรอก ค่ารักษาแพงจะตาย ฉันจะมีปัญญาหามาใช้เขาเหรอ“ห้ะ! ไม่ได้นะ”“เดี๋ยว ฟังดินให้จบก่อน หนูดาอยากให้พ่อหายไหม แม่ก็อยากให้พ่อหายเหมือนกันพ่อเองท่านก็อยากหาย หมอที่โน่นเก่งมากนะ ใช้เวลาไปถึงปีหรอก เรื่องค่ารักษาดินจัดการเอง ดินคุยกับแม่แล้ว จัดการเรื่องทุกอย่างแล้ว
“บาย อีชะนี”“บาย อีผีทั้งหลาย”ฉันเดินออกมาส่งพวกอีผีทั้งหลาย หึ ไม่ได้เจอกันนานเม้าท์มอยกันตั้งแต่บ่ายจนเย็น ฉันหันหลังกำลังจะเดินกลับเข้าบ้านแต่สายตาก็ดันไปสะดุดกับอะไรบางอย่างตรงสวนข้างบ้านเลยเปลี่ยนทิศทางทันทีเดินไปยืนพิงเสาชิงช้าในสวนมองดูสองแม่ลูกเขาช่วยกันปลูกต้นไม้เหอะ...ดินกลายเป็นลูกรักของแม่ไปเฉยเลย เพราะฉันไม่ชอบการมาทำอะไรแบบนี้ที่สุดไม่เคยมาช่วยแม่ปลูกต้นไม้เลยสักครั้ง แต่ก็อดยิ้มให้กับความน่ารักน่าเอ็นดูของดินไม่ได้ เวลาเขาอยู่กับแม่ฉันดินกลายเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้นเอง ดินเองก็คงจะคิดถึงแม่เขาไม่น้อยเหมือนกัน“ดิน กลับได้แล้ว ไม่ชินทางอะ เดี๋ยวมืดแล้วจะแย่” ฉันเอ่ยบอกดินเพราะเห็นว่านี่มันเย็นมากแล้ว เดี๋ยวเขาจะกลับลำบาก โรงแรมก็อยู่ตั้งไกล ดินหันมาพยักหน้าให้ฉันก่อนจะลุกขึ้นปัดเนื้อปัดตัวที่เต็มไปด้วยขี้ดิน ฉันส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินเข้าไปเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดทำความสะอาดตามเนื้อตัวและถอดผ้ากันเปื้อนออกให้เขา“รีบกลับไปไหนล่ะ มาวันเดียวเองเหรอ” แม่ถามขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าดินทำท่าจะกลับ แม่ต้องคิดว่าดินกลับไปเชียงใหม่แน่ๆ“อ๋อ เปล่าฮะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ดินมาใหม่”“ดิ
“นี่จ้ะ อีกสักพักก็คงมาแล้วแหละ เห็นโทรมาบอกแม่ว่าเพื่อนๆ จะมากินข้าวเที่ยงที่บ้าน แม่ก็เลยออกไปซื้อของมานี่ไง ตามสบายเลยนะดิน” ท่านยื่นแก้วน้ำมาให้ผมแล้วเดินไปหยิบของพวกนั้นเข้าไปเก็บในครัว ผมเลยเดินไปหยิบกรอบรูปที่วางเรียงกันอยู่หลายอันขึ้นมาไล่ดู พัฒนาการของเมียผม หึ บ้านนี้คงจะรักลูกสาวคนนี้มากมีแต่รูปหนูดาเต็มบ้านไปหมดผมเดินดูไปรอบๆ บ้านอย่างถือวิสาสะ แม่หนูดานี่เก่งเนอะดูแลบ้านคนเดียวให้เรียบร้อยเป็นระเบียบขนาดนี้ได้ แล้วผมก็มาสะดุดกับห้องใต้บันได ที่ข้างในเหมือนมีเตียงคนป่วยแบบในโรงพยาบาล หรือว่า….“เข้าไปทักพ่อเขาซะหน่อยไหม” ท่านเดินมาจากด้านหลังและเอ่ยขึ้นจนผมสะดุ้งเพราะผมมัวแต่ชะเง้อมองในห้องนั้นอยู่ แล้วท่านก็เดินผ่านผมเข้าไปในห้องผมเลยเดินตามท่านเข้าไป พ่อหนูดาป่วยหนักจริงๆ ด้วย หนูดาถึงได้ยอมไปทำงานไกลบ้านก็เพราะอย่างงี้นี้เอง...ผมยกมือไหว้ท่านเพราะเห็นว่าท่านลืมตาอยู่แต่ก็ไม่รู้ว่าท่านจะเห็นผมรึเปล่า“พ่อดูสิ ใครมา แฟนลูกสาวตัวดีของพ่อไง หล่อใช่ไหมล่ะ” แม่ของหนูดาพูดขึ้น แล้วพ่อก็หันมองแม่แบบช้าๆ ก่อนจะกะพริบตาให้ มันหมายถึงท่านรับรู้รึเปล่านะ ท่านหันกลับมามองที่ผมอีกค
หลายวันต่อมา…“อ้าว ทำไมมึงยังอยู่อะ” ไอ้ยูเปิดประตูเข้ามาแล้วถามขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นผมนั่งดกเหล้าอยู่บนโซฟา แล้วมันก็พากันมานั่งพลางหยิบแก้วมาใส่น้ำแข็ง ผมหันไปมองมันตาขวาง ยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ ทักเหี้ยไรไม่รู้เรื่อง“กูยังไม่ตาย สัส”“เออ กูรู้ กูหมายถึงมึงไม่ได้ไปกับเมีย โฮะ..นี่มึงโดนเทเหรอวะ ฮ่าๆๆๆ” ไอ้เหี้ยยูนี่แม่งปากดีฉิบ มันพูดขึ้นพลางยิ้มเยาะผมอย่างสะใจ น่าเตะปากฉิบ ขยี้ปมกูดีจัง“เท พ่อง” ผมหันไปด่ามันก่อนยกเหล้าขึ้นดกอย่างเอาเป็นเอาตายใช่...ผมโดนเท ด้วยเหตุผลที่ว่า หนูดากลัวแม่จะช็อกที่อยู่ดีๆ ก็พาผู้ชายไปบ้านแถมตกลงจะแต่งงานกันแล้วด้วย เธอเลยขอกลับไปเคลียร์กับพ่อแม่ก่อน แล้วรอบหน้าค่อยให้ผมไป... น่าหงุดหงิดฉิบหาย“โดนเทชัวร์” ไอ้ห่านี้ก็ไม่จบ ผมเลยหยิบน้ำแข็งในถังเต็มกำมือแล้วปาใส่มันด้วยความหมั่นไส้“ไอ้สัส มึงไปนั่งไกลๆ เลย” ไอ้ธามพูดขึ้นพลางก้มลงปัดน้ำแข็งบนตักตัวเองที่โดนลูกหลงไปด้วย“เออ ไล่กู จำไว้นะมึง” ไอ้ยูก็ขยับออกมานั่งที่โซฟาอีกตัวด้วยท่าทีงอนๆ เหมือนผู้หญิงฉิบหาย แล้วมันก็ด่ากันตามประสามันแกร่กกก..พวกผมหันไปมองที่ประตูทันที วันนี้พวกเฮียๆ ไม่อยู่นี่หว่า แ