อื้ออออ...อืออออ
ฉันยกแขนบิดตัวก่อนจะค่อยๆ กะพริบตาเพื่อปรับให้เข้ากับแสงไฟ นี่ฉันเผลอหลับไปเหรอเนี่ย นานแค่ไหนแล้วนะ ดวงตาเบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มายืนจ้องหน้าอยู่ ฉันพลิกตัวหนีไปอีกทางจนลืมไปว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาไม่ได้มีพื้นที่เยอะขนาดจะรองรับร่างกายฉันได้ ส่งผลให้ทั้งตัวหล่นร่วงไปกองอยู่กับพื้น
ตุบบบ...โอ๊ยยยย!!!!
“เห่ยยย!!!”
เขาร้องอุทานพลางเอื้อมมือจะคว้าตัวฉัน..แต่ไม่ทัน ฉันยันตัวลุกขึ้นนั่ง เอามือลูบตามเนื้อตัวที่มีร่องรอยการตกกระทบนิดหน่อย นิ่วหน้า ซูดปาก ตกลงมาแค่นี้ก็เจ็บเหมือนกันนะเนี่ย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าบุคคลปริศนาอยู่ในบ้านด้วย ฉันรีบดีดตัวลุกขึ้นยืนแล้วถอยหลังไปทางห้องครัวเพื่อหาอะไรป้องกันตัว โดยที่ยังจ้องคนคนนั้นอยู่ แต่เห็นหน้าเขาไม่ชัดเท่าไรเพราะไม่ได้ใส่แว่น ยิ่งไฟในห้องนี้เป็นแสงสลัว ยิ่งทำให้ฉันแทบจะไม่เห็นหน้าเขาเลย ฉันเอื้อมมือไปควานหาบางอย่างบนเคาน์เตอร์ครัวก่อนจะหยิบกรรไกรมากำไว้ในมือแน่น ในจังหวะเดียวกันผู้บุกรุกก็ค่อยๆ ก้าวเข้าหาและฉันถอยหนี
ปึกกกก!!!
ความเย็นของประตูตู้เย็นทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย นั่นแปลว่าฉันถอยไปอีกไม่ได้แล้ว เขายกแขนสองข้างขึ้นดันตู้เย็นโดยมีใบหน้าฉันอยู่ระหว่างกลางคล้ายกับกักขัง
“แกเป็นใครอะ ออกไปนะ” ฉันร้องโวยวายพร้อมกับยกกรรไกรในมือขึ้น เปลือกตาบางปิดลงในตอนที่เขาเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ “ฉันไม่มีอะไรให้แกปล้นหรอกนะ ไปปล้นที่อื่นเถอะ”
"..." ไม่มีการโต้ตอบใดๆ มีเพียงลมหายใจที่ถูกพ่นออกมาอย่างสม่ำเสมอ ใกล้มาก ใกล้จนได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยปะปนอยู่ในอากาศ
“ปล่อยฉันไปนะ...นะ” ฉันไม่มีทางเลือกจำต้องขอร้องกราบกราน ให้เขาเห็นใจ
“นี่!!!...ถ้าฉันเป็นโจรจริงนะ ไม่ปล่อยให้เธอมายืนอยู่แบบนี้หรอกนะ” ในที่สุดเขาก็พูด แต่ไม่ใช่การพูดปกติแต่มันเป็นการตะคอก บ้าเอ๊ย...ตกใจหมด
ฉันค่อยๆ หรี่ตามอง เห็นเขาดึงมือไปลวงกระเป๋ากางเกงตัวเองทั้งสองข้าง ยกยิ้มขึ้นมุมปากเล็กน้อยก่อนจะถอยห่างออกไปสองสามก้าว พอให้ฉันหายใจได้สะดวกขึ้น
“นายอยู่ที่นี้เหรอ…?” ฉันถามแต่ยังไม่ลดกรรไกรในมือลง
“อืมมม” เขาครางรับ
“ห๊ะ...ป้าพิมบอกว่าเด็กนักเรียนนิ แต่นี่…” ฉันพูดพลางชี้นิ้วไล่ตามความสูงของเขาซึ่งถ้าเทียบกับฉัน แค่ไหล่เขาเท่านั้นเอง เด็กนักเรียนอะไรของป้าเนี่ย…
“เด็กนักเรียน...หึ!!!” เขาหลุบมองฉันพลางแค่นหัวเราะในลำคอ เหมือนประมาณว่าฉันโดนหลอกเข้าให้แล้ว ป้านะ...ป้า ยังมีอะไรที่ฉันไม่รู้อีกรึเปล่าเนี่ย ก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั่งโซฟาตัวกลางห้องโถงตัวเดิม ฉันจึงรีบวางกรรไกรแล้วตามเขาออกไป
ฉันใช้สายตาไล่สำรวจ housemate ของตัวเองที่กำลังก้มหน้าก้มตาจ้องหน้าจอมือถือ พลางหย่อนสะโพกลงนั่งโซฟาอีกตัวข้างกัน ตอนนี้ฉันเห็นใบหน้าเขาชัดขึ้น ปฏิเสธไม่ได้เลยเรื่องของความหล่อ เบ้าหน้าฟ้าประทานสุดๆ จมูกที่เชิดขึ้นเป็นสัน คิ้วดกดำ กลีบปากหยักสวยเข้ารูป เสียดายจัง เขาไม่น่าเป็นเกย์เลย แต่ถึงเขาจะไม่ได้เป็น ฉันก็ไม่ถูกกับผู้ชายอายุน้อยกว่าอยู่ดี
“มองอะไร” ประโยคคำถามของเขาปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์
“อะ...อ๋อ แค่เช็กอะไรนิดหน่อย”
“เช็ก…?” คิ้วหนาขมวดยุ่งพลางหรี่ตามองฉันอย่างจับผิด เอาเข้าจริงถ้าบอกว่าไม่ได้เป็นฉันก็เชื่อนะ...หรือเขาเป็นพวกแอบ แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน..มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
“นายชื่อ..อะไร” ฉันเลี่ยงไปเปิดประเด็นใหม่
“อยากรู้…?” เขาไม่ได้ตอบแต่ถามกลับ ด้วยท่าทางกวนตีนสุดๆ ถ้าไม่อยากรู้จะถามทำบ้าอะไรเล๊า!! ฉันอยากแหกปากใส่หน้าเขา...แต่ก็ทำได้แค่สูดลมหายใจเข้าลึก...ลึกพูดออกไปในโทนเสียงปกติ
“เออน่า...ก็อยู่บ้านเดียวกัน จะได้เรียกถูก”
“แล้วเธอละ…?” ไม่ตอบแถมยังย้อน แล้วดูสรรพนามที่ใช้กับฉันที่แก่กว่าตั้งหลายปี เด็กนี่ไม่มีมารยาทเอาซะเลย
“ฉันเป็นพี่นายนะ...เท่าที่รู้”
“แล้วง่ะ…?” ไม่มีความสะทกสะท้านใดๆ เขาขยับไหล่ยกขึ้นก่อนจะก้มหน้าสนใจมือถือต่อ คำถามฉันหายวับไปในอากาศ คำตอบก็ไม่ได้ ได้แต่ความกวนตีนกลับมา...
“ก็ควรเรียกฉันว่าพี่ป่ะ” ฉันว่า
“ฉันไม่เคยมีญาติหน้าเหมือนเธอ” คำตอบนี่ทำเอาฉันอยากทุบหัวเด็กนี่สักที ปากนี่...สุดยอดเลย ฉันเริ่มเชื่อแล้วว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายจริงๆ ฉันทำได้แค่ท่องไว้ในใจ 'อดทนไว้หนูดา เราต้องสมานฉันท์เพื่อการอยู่รอด' ในขณะที่ความร้อนปะทุขึ้นเกือบถึงขีดสุด แต่เขากลับนั่งนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหอะ!!! นี่เขาเป็นคนแบบไหนกันนะ
“มันเป็นมารยาทไหมล่ะ ฉันอายุเยอะกว่า นายก็ต้องเรียกฉันว่า...พี่ เข้าใจ?” เงียบ...ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา นี่ฉันคุยกับใครอยู่วะ...เนี่ย
“เออออ...แล้วแฟนล่ะ นายมีแฟนไหม” เปลี่ยนเรื่องก็ได้ อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าจะมีใครมาที่บ้านหลังนี้อีกไหม
เขาหันมามองหน้าฉันแล้วกระตุกยิ้ม หมายความว่าไง ฉันพูดอะไรผิด ใจจริงอยากถามว่ามีแฟนผู้ชายหรือผู้หญิงด้วยซ้ำ
“อยากรู้…?”
“อืมมมม”
“อยากรู้ทำไม อยากได้ฉันเหรอ…?
“เหอะ!!! ฉันไม่ชอบผู้ชายแอ๊บแมนแบบนายหรอกนะ”
"ห๊ะ..." เขาทำหน้ายุ่งใส่ฉันทันที
“เอาน่าๆ ...ฉันไม่บอกใครหรอก” ฉันพูดพลางยกมือขึ้นตบไหล่เขาเบาเหมือนเป็นการปลอบประโลม ที่บ้านเขาต้องยังไม่รู้แน่เลย คงจะอึดอัดมากซินะ ถึงได้มาเช่าบ้านอยู่คนเดียวแบบนี้น่ะ...เห็นแบบนี้แล้วก็อดที่จะสงสารเขาไม่ได้เหมือนกันนะ
หมับบบบ!!! อ๊ะ….!!
เขาคว้าข้อมือของฉันแล้วกระชากเข้าหาตัวอย่างแรงจนหน้าฉันไปกระแทกกับแผงอกแกร่งของเขา ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูฉันเสียงเรียบที่ฟังแล้วมันรู้สึกขนลุกแปลกๆ
“ทำบ้าไรของเธอ”
“นายนั่นแหละเป็นบ้าอะไร ปล่อยนะฉันเจ็บ” ฉันเงยหน้าขึ้นพร้อมพ่นคำใส่หน้าเขา ไม่เพียงแต่ไม่ทำตามที่ฉันบอก เขายังบีบมันแน่นขึ้นไปอีก ทำไมต้องทำรุนแรงขนาดนี้ด้วย ไม่ชอบก็บอกดีๆ ไม่เป็นรึไงนะ พวกซาดิส...ชอบใช้กำลัง ฉันพยายามแกะมือเขาออกแต่ไม่เป็นผลเลย
“อ่อยเหรอ...หึ น่ารังเกียจ” เขาพูดพลางใช้สายตาไล่ตั้งแต่ต้นขาขึ้นมาจนถึง…
“ทุเรศ..อย่ามองนะ” ฉันก้มลงมองตามจุดที่เขาโฟกัส ก่อนที่จะเอามืออีกข้างดึงเสื้อขึ้นปิดหน้าอกตัวเอง คงเป็นตอนที่เราฉุดกระชากกันเมื่อกี้ด้วยความที่เสื้อมันตัวใหญ่เลยทำไหล่มันตกไปข้างหนึ่งเผยให้เห็นเนินอกอวบขาว น่าอายชะมัด แต่สายตาที่เขามองมา...ไม่ได้แสดงออกถึงความรังเกียจอย่างที่เขาพูดเลยสักนิด หรือฉันอาจจะคิดมากไป ขนาดแค่แตะตัวนิดเดียวยังโกรธขนาดนี้ เขาคงไม่ชอบผู้หญิงจริงๆ นั่นแหละ ถ้าเป็นผู้ชายจริงป่านนี้ฉันคงไม่รอดแล้ว ฉันควรจะสบายใจหรือกลัวว่าเขาจะตีฉันตายดี
“ปล่อย….” ฉันสะบัดมือออก “โอเค...ฉันจะไม่โดนตัวนายอีกและจะอยู่ให้ห่างด้วย นายสบายใจได้ ไปนอนละ ฝันดี” พอฉันพูดจบก็ลุกจากโซฟาและเดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อจะขึ้นห้องนอน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะลอบมองคนที่นั่งหันหลังอยู่ที่เดิมอีกครั้ง ความจริงก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงจริงรึเปล่า แต่ฉันไม่มีทางเลือกเอาซะเลย….ต่างคนต่างอยู่ไปก็แล้วกัน ผ่านสถานการณ์แบบนี้ไปได้คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ
ซ่าาาา……...ปึกอร๊ายยยยย!!!!!ทันที...ที่น้ำในแก้วที่ฉันถือมาลอยไปอยู่บนหน้าของผู้หญิงคนนั้นจนหมด แก้วเปล่าถูกวางลงบนโต๊ะอย่างแรงเพื่อแสดงให้กลุ่มคนตรงหน้ารู้ว่าฉันโกรธมาก และตามมาด้วยเสียงกรี๊ดของหญิงสาววัยแรกรุ่นที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือน แต่ดันปากดี ฉันไม่รู้หรอกว่ายัยนี้เด็กใคร แต่คงเส้นใหญ่มากถึงได้มาทำงานที่นี่ได้ เพราะเธอทำงานไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ขนาดฉันที่ทั้งสวยและเก่ง กว่าจะเข้าได้ก็แทบแย่ แต่เพราะอารมณ์ไง ไม่แคร์อะไรทั้งนั้น แล้วเป็นไงล่ะทีเนี้ย เฮ้ออออ!!!“คุณนีรดาร์ เข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม”“คุณนีรดาร์!!!!!”“คะๆๆๆๆ”เสียงตะคอกของผู้จัดการทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ หลังจากที่จัดการยัยเด็กนั่นเรียบร้อย ฉันก็ถูกเรียกเข้ามาในห้องเย็นเกือบชั่วโมงและไม่มีท่าทีว่าจะได้ออกไป ถ้าเทียบกับสมัยเป็นนักเรียนก็คงหมายถึงห้องปกครองที่ไม่มีใครอยากเข้ามา แต่ฉันจับใจความที่คุณผู้จัดการพูดไม่ได้สักอย่างเพราะมัวแต่คิดถึงคำที่ยัยนั่นพูด ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น แต่เอ๊ะ...เมื่อกี้เหมือนได้ยินย้ายๆ อะไรย้าย“ผู้จัดการว่ายังไงนะคะ”“เฮ้อออ!!! ผมบอกว่า คุณต้องย้ายไปประจำที่เชียงใหม่” เขาถอนหายใจแรงหนึ่งคร
“คุณนีรดาร์ รึเปล่าครับ”ฉันหันไปตามเสียงเรียกขณะที่กำลังยืนหันหน้าหันหลังอยู่หน้าสนามบินเชียงใหม่ ผู้จัดการบอกว่าพอถึงที่สนามบินก็จะมีคนของบริษัทมารับ นี้คงเป็นคนของบริษัทซินะ“ค่ะ ฉันนีรดาร์”“อ๋อครับ ผมมาจากบริษัท Y ครับ มารับคุณไปส่งที่พักครับ” เขาพูดพลางเอื้อมมือมายกกระเป๋าเดินทางสองสามใบที่อยู่บนรถเข็นเพื่อขนขึ้นรถ“ขอบคุณนะคะ คุณ...เออ”“ผม...ที ครับ”ฉันเอ่ยขอบคุณเขาตามมารยาทและก็ควรรู้ชื่อเขาด้วยเพราะเราอาจได้ทำงานร่วมกันในวันข้างหน้า เขาตอบฉันกลับมาแบบยิ้มๆ มือเล็กเอื้อมไปเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งบนเบาะด้านหลังคนขับ มีความรู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญเลยแฮะ มีรถตู้มารับด้วย รถแล่นมาได้ซักประมาณครึ่งชั่วโมงได้แหละมั้งก่อนจะมาหยุดนิ่งอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ที่ดูภายนอกมันอาจจะเล็กไปหน่อยแต่ก็น่าอยู่ดีนะ สะอาดสะอ้าน น่าจะมีคนค่อยดูแลแน่ๆ ดีเลย ฉันเป็นพวกไม่ชอบทำงานบ้านสักเท่าไร ก็ส่วนมากแม่จะทำให้นี่นา“ถึงแล้วครับ” พี่คนขับที่ชื่อที..คนนั้นหันมาบอกฉัน แล้วหันกลับไปเปิดประตูลงจากรถเดินไปเปิดกระโปรงหลังเพื่อขนของลง ฉันจึงเปิดประตูลงมาจากรถ อากาศที่นี่ดีจัง ไม่ร้อนอบอ้าวหรืออาจเป็นเพราะยังเช
[ Patapee Talk ]ขณะที่ผมกำลังนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินลงบันไดมาจากชั้นบนแล้วเสียงนั่นก็เงียบไปสักพัก...ผมเลยไม่ได้สนใจอะไร นั้นคงจะเป็นผู้หญิงคนที่ป้าพิมบอกไว้ซินะ เหอะ...เป็นผู้หญิงแบบไหนกันถึงยอมมาอยู่บ้านเดียวกับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ตอนที่ป้าแกบอกผมก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องไม่ยอมแน่ๆ แต่มันคงเป็นคราวซวยของผมที่มาเจอผู้หญิงบ้า ที่กล้ามาอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง...ความจริงผมย้ายออกไปอยู่คอนโดที่ป๊าซื้อไว้ให้ก็ได้นะ แต่ผมไม่อยากพึ่งพาท่านเพราะผมไม่อยากสืบทอดสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่ ผมไม่เห็นด้วยกับทุกอย่างที่ท่านทำ เฮ้อออออ.... เตรียมตัวไปสนามแข่งรถดีกว่า ปกติผมจะไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ผับใกล้ๆ เนี่ยแหละ ไปบ้าง ไม่ไปบ้าง แต่หลักๆ ผมอยู่ที่สนามแข่งรถมากกว่า ที่นี่เงินดี ได้เงินง่าย และตายได้ง่ายๆ เหมือนกันแต่มีรึที่ผมจะกลัว ผมลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อจะไปอาบน้ำแต่งตัว วันนี้ผมไม่มีเรียนบ่ายและผมก็ไม่อยากเจอยัยผู้หญิงคนนั้น ปกติผมก็ไม่ค่อยได้กลับมาบ้านนี้เท่าไร ออกไปตั้งแต่เช้ากลับเข้ามาก็ห้าทุ่มเที่ยงคืน แต่ถ้าวันหยุดก็เช้า หรือไม่ก็ไม่กลั