[ Patapee Talk ]
ขณะที่ผมกำลังนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินลงบันไดมาจากชั้นบนแล้วเสียงนั่นก็เงียบไปสักพัก...ผมเลยไม่ได้สนใจอะไร นั้นคงจะเป็นผู้หญิงคนที่ป้าพิมบอกไว้ซินะ เหอะ...เป็นผู้หญิงแบบไหนกันถึงยอมมาอยู่บ้านเดียวกับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ตอนที่ป้าแกบอกผมก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องไม่ยอมแน่ๆ แต่มันคงเป็นคราวซวยของผมที่มาเจอผู้หญิงบ้า ที่กล้ามาอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง...
ความจริงผมย้ายออกไปอยู่คอนโดที่ป๊าซื้อไว้ให้ก็ได้นะ แต่ผมไม่อยากพึ่งพาท่านเพราะผมไม่อยากสืบทอดสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่ ผมไม่เห็นด้วยกับทุกอย่างที่ท่านทำ เฮ้อออออ.... เตรียมตัวไปสนามแข่งรถดีกว่า ปกติผมจะไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ผับใกล้ๆ เนี่ยแหละ ไปบ้าง ไม่ไปบ้าง แต่หลักๆ ผมอยู่ที่สนามแข่งรถมากกว่า ที่นี่เงินดี ได้เงินง่าย และตายได้ง่ายๆ เหมือนกันแต่มีรึที่ผมจะกลัว ผมลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อจะไปอาบน้ำแต่งตัว วันนี้ผมไม่มีเรียนบ่ายและผมก็ไม่อยากเจอยัยผู้หญิงคนนั้น ปกติผมก็ไม่ค่อยได้กลับมาบ้านนี้เท่าไร ออกไปตั้งแต่เช้ากลับเข้ามาก็ห้าทุ่มเที่ยงคืน แต่ถ้าวันหยุดก็เช้า หรือไม่ก็ไม่กลับเลย เพราะงั้นถ้าผมจะเลี่ยงไม่ต้องเจอผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก ผู้หญิงวัยทำงานคงจะเป็นมนุษย์ป้าที่ขี้บ่น จุกจิก จุ้นจ้าน น่ารำคาญแน่ๆ ผมควรจะอยู่ให้ห่างเธอเอาไว้...นึกได้อย่างงั้นผมจึงรีบแต่งตัวและออกจากบ้านทันทีพร้อมกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนคนหนึ่ง
"กว่าจะรับได้นะมึง ทำเชี่ยไรอยู่"
'เออ...ก็รับแล้วเนี่ย มีเชี่ยไร'
"เตรียมตัวเลย กูออกมาแหละ"
ติ๊ด!!!
ผมกดตัดสายโดยไม่รอฝังคำตอบจากมัน ไอ้ยูตะ มันเป็นเพื่อนผมตั้งแต่ปี 1 และก็มันเนี่ยแหละที่พาผมเข้าวงการแข่งรถ เพราะพี่มันเป็นเจ้าของสนาม และวันนี้ผมต้องไปสนามมีแข่งนัดสำคัญที่ผมพลาดไม่ได้ ผมไม่เคยใช้รถเวลาไปไหนมาไหน ส่วนมากก็รถเมล์หรือไม่ก็ไอ้สองตัวนั่นมารับมาส่ง รถที่ลงแข่งก็ของไอ้ยูทั้งนั้น มันเคยให้ผมมาใช้เพราะผมแข่งชนะได้มาคันหนึ่ง แต่ผมสะดวกแบบนี้ จะใช้ก็เฉพาะเวลาไปรับสาวมาตั้มเท่านั้นแหละ ไม่นานผมก็มาถึงสนามแข่ง....
“ไงมึง” ผมเดินตรงเข้าไปในห้อง VIP ที่มีแต่พวกผมและพวกเฮียๆ ของไอ้ยูเท่านั้น ไอ้ยูเอ่ยทักผมทันที ที่เห็นผมเปิดประตู ผมเดินเข้ามาแล้วยักคิ้วให้มันทีหนึ่งเพื่อเป็นการทักทาย
“พร้อมเร็วนะมึง เพิ่งบ่ายสองเอง” ไอ้ยูพูดพลางหยิบขนมเข้าปาก ส่วนเพื่อนผมอีกคนก็นั่งไขว่ห้างอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาตัวถัดไป มันชื่อธาม เรียนเก่งมาก และเงียบมาก เราสองคนโตมาด้วยกันและผมบังคับให้มันมาเรียนที่นี่ เพราะผมไม่มีเพื่อน
“กูแค่ไม่อยากอยู่บ้าน” ผมละสายตาจากไอ้ธามและหันไปตอบไอ้ยู
“พี่สาวมึงมาแล้วเหรอว่ะ...ฮ่าๆๆๆ” มันถามผมพร้อมเสียงหัวเราะลั่น แม่งกวนตีนจริง...น่าเตะปากไหม
“ไม่..ใช่...พี่...กู....สัส” ผมหันไปบอกเน้นมันทีละคำอย่างชัดเจนแต่ตามด้วยสรรพนามที่ใช้เรียกมันอยู่บ่อยๆ อารมณ์เสียชะมัดแค่รู้ว่าจะมีคนมาแย่งอากาศหายใจในบ้านก็ขัดใจจะแย่ละ นี้ยังจะเป็นผู้หญิงอีกถึงผมจะชอบเอาผู้หญิงแต่ผมก็ไม่ชอบที่จะอยู่ด้วยกันตลอดเวลาหรอกนะ น่าเบื่อ!!! พวกผมก็คุยกัน...เรียกว่าด่ากันจะดีกว่า จนเวลาล่วงเลยมาเกือบทุ่ม ผมต้องลงไปเตรียมตัวลงสนามและผมมั่นใจมากว่าผมจะชนะเหมือนทุกครั้ง
บรึ่นนนนน.....ฟิ้วววววส์
“สุดยอดเหมือนเดิม”
เมื่อการแข่งจบลงและแน่นอนผมเป็นฝ่ายชนะ ทันทีที่ผมเปิดประตูลงมาจากรถก็ได้ยินเสียงเฮ้ดังลั่นสนาม ตามด้วยเสียของไอ้ยูเพื่อนผมที่กำลังเดินมาพร้อมกันไอ้ธามและเฮียๆ ของมันผมก็ตอบรับด้วยการยักคิ้วให้เหมือนเดิมและเดินขึ้นไปบนห้องพักเพื่อเปลี่ยนชุด ผมเงยหน้าดูเวลา สองทุ่มกว่าเอง แต่ผมรู้สึกเหนื่อยและอยากนอน วันนี้ผมตั้งใจจะไปนอนที่คอนโด ไม่อยากกลับไปบ้านนั้น ปกติผมจะไปนอนบ้านไอ้ยูแต่วันนี้มันมีญาติมาเต็มบ้าน มันเลยต้องกลับเร็ว และไอ้ธามมันไม่เคยให้ผมไปนอนด้วยเลยไม่รู้คอนโดมันมีอะไรไม่มีใครได้ไปเหยียบสักคน แต่...ผมหาคีย์การ์ดไม่เจอ ลืมเหรอ...โธ่เว้ยยยย ลืมได้ไงว่ะ ผมจึงต้องเปลี่ยนเส้นทางกลับไปบ้านเพื่อเอาคีย์การ์ดก่อน
แกร๊กกกก....แอ๊ดดดด
ผมเปิดประตูบ้านเข้ามา สายตาดันไปปะทะเข้ากับร่างบางของใครสักคนที่นอนอยู่ตรงโซฟากลางห้องนั่งเล่น และเสียงดังมาจากโทรทัศน์ที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ผมจึงค่อยๆ เดินอ้อมมาข้างหลังโซฟาตัวนั้นแล้วโน้มตัวลงมามองพินิจพิจารณาใบหน้ามนได้รูป ขนตายาวเรียงเป็นแพ แก้มอมชมพูเป็นธรรมชาติที่ปราศจากการแต้มสี ผมยาวเป็นลอนสีน้ำตาลอ่อน ผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอสวยมาก และผมกำลังหลงใหลใบหน้านั่น นี้เธออายุเท่าไรกันนะ มากกว่าผมงั้นหรอกตัวเธอเล็กมากแต่ทรวงทรงเธอไม่สมกับตัวเอาซะเลย แล้วดูแต่งตัวดิ ล่อเสื้อล่อตะเข้เหลือเกิน กางเกงขาสั้นที่เผยให้เห็นขาขาวเนียน กับเสื้อยืดตัวใหญ่แต่ไม่สามารถบดบังสองเต้าใหญ่ๆ ของเธอได้เลย ผู้หญิงอะไรหุ่นเอ็กซ์เป็นบ้า ....มันน่าไหมเนี่ย
เอื้อกกกก....
ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ลำคอแห้งผากไปหมด นี่เหรอผู้หญิงวัยทำงานที่จะมาอยู่บ้านเดียวกับผม ไม่เหมือนที่ผมคิดไว้สักนิดเธอผ่านมาเยอะแค่ไหนกันถึงได้มานอนอ่อยผู้ชายแบบนี้.....เหอะ!!!!!
อื้ออออ...อืออออฉันยกแขนบิดตัวก่อนจะค่อยๆ กะพริบตาเพื่อปรับให้เข้ากับแสงไฟ นี่ฉันเผลอหลับไปเหรอเนี่ย นานแค่ไหนแล้วนะ ดวงตาเบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มายืนจ้องหน้าอยู่ ฉันพลิกตัวหนีไปอีกทางจนลืมไปว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาไม่ได้มีพื้นที่เยอะขนาดจะรองรับร่างกายฉันได้ ส่งผลให้ทั้งตัวหล่นร่วงไปกองอยู่กับพื้นตุบบบ...โอ๊ยยยย!!!!“เห่ยยย!!!”เขาร้องอุทานพลางเอื้อมมือจะคว้าตัวฉัน..แต่ไม่ทัน ฉันยันตัวลุกขึ้นนั่ง เอามือลูบตามเนื้อตัวที่มีร่องรอยการตกกระทบนิดหน่อย นิ่วหน้า ซูดปาก ตกลงมาแค่นี้ก็เจ็บเหมือนกันนะเนี่ย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าบุคคลปริศนาอยู่ในบ้านด้วย ฉันรีบดีดตัวลุกขึ้นยืนแล้วถอยหลังไปทางห้องครัวเพื่อหาอะไรป้องกันตัว โดยที่ยังจ้องคนคนนั้นอยู่ แต่เห็นหน้าเขาไม่ชัดเท่าไรเพราะไม่ได้ใส่แว่น ยิ่งไฟในห้องนี้เป็นแสงสลัว ยิ่งทำให้ฉันแทบจะไม่เห็นหน้าเขาเลย ฉันเอื้อมมือไปควานหาบางอย่างบนเคาน์เตอร์ครัวก่อนจะหยิบกรรไกรมากำไว้ในมือแน่น ในจังหวะเดียวกันผู้บุกรุกก็ค่อยๆ ก้าวเข้าหาและฉันถอยหนีปึกกกก!!!ความเย็นของประตูตู้เย็นทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย นั่นแปลว่าฉันถอยไปอีกไม่ได้แล้ว เขาย
ซ่าาาา……...ปึกอร๊ายยยยย!!!!!ทันที...ที่น้ำในแก้วที่ฉันถือมาลอยไปอยู่บนหน้าของผู้หญิงคนนั้นจนหมด แก้วเปล่าถูกวางลงบนโต๊ะอย่างแรงเพื่อแสดงให้กลุ่มคนตรงหน้ารู้ว่าฉันโกรธมาก และตามมาด้วยเสียงกรี๊ดของหญิงสาววัยแรกรุ่นที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือน แต่ดันปากดี ฉันไม่รู้หรอกว่ายัยนี้เด็กใคร แต่คงเส้นใหญ่มากถึงได้มาทำงานที่นี่ได้ เพราะเธอทำงานไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ขนาดฉันที่ทั้งสวยและเก่ง กว่าจะเข้าได้ก็แทบแย่ แต่เพราะอารมณ์ไง ไม่แคร์อะไรทั้งนั้น แล้วเป็นไงล่ะทีเนี้ย เฮ้ออออ!!!“คุณนีรดาร์ เข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม”“คุณนีรดาร์!!!!!”“คะๆๆๆๆ”เสียงตะคอกของผู้จัดการทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ หลังจากที่จัดการยัยเด็กนั่นเรียบร้อย ฉันก็ถูกเรียกเข้ามาในห้องเย็นเกือบชั่วโมงและไม่มีท่าทีว่าจะได้ออกไป ถ้าเทียบกับสมัยเป็นนักเรียนก็คงหมายถึงห้องปกครองที่ไม่มีใครอยากเข้ามา แต่ฉันจับใจความที่คุณผู้จัดการพูดไม่ได้สักอย่างเพราะมัวแต่คิดถึงคำที่ยัยนั่นพูด ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น แต่เอ๊ะ...เมื่อกี้เหมือนได้ยินย้ายๆ อะไรย้าย“ผู้จัดการว่ายังไงนะคะ”“เฮ้อออ!!! ผมบอกว่า คุณต้องย้ายไปประจำที่เชียงใหม่” เขาถอนหายใจแรงหนึ่งคร
“คุณนีรดาร์ รึเปล่าครับ”ฉันหันไปตามเสียงเรียกขณะที่กำลังยืนหันหน้าหันหลังอยู่หน้าสนามบินเชียงใหม่ ผู้จัดการบอกว่าพอถึงที่สนามบินก็จะมีคนของบริษัทมารับ นี้คงเป็นคนของบริษัทซินะ“ค่ะ ฉันนีรดาร์”“อ๋อครับ ผมมาจากบริษัท Y ครับ มารับคุณไปส่งที่พักครับ” เขาพูดพลางเอื้อมมือมายกกระเป๋าเดินทางสองสามใบที่อยู่บนรถเข็นเพื่อขนขึ้นรถ“ขอบคุณนะคะ คุณ...เออ”“ผม...ที ครับ”ฉันเอ่ยขอบคุณเขาตามมารยาทและก็ควรรู้ชื่อเขาด้วยเพราะเราอาจได้ทำงานร่วมกันในวันข้างหน้า เขาตอบฉันกลับมาแบบยิ้มๆ มือเล็กเอื้อมไปเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งบนเบาะด้านหลังคนขับ มีความรู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญเลยแฮะ มีรถตู้มารับด้วย รถแล่นมาได้ซักประมาณครึ่งชั่วโมงได้แหละมั้งก่อนจะมาหยุดนิ่งอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ที่ดูภายนอกมันอาจจะเล็กไปหน่อยแต่ก็น่าอยู่ดีนะ สะอาดสะอ้าน น่าจะมีคนค่อยดูแลแน่ๆ ดีเลย ฉันเป็นพวกไม่ชอบทำงานบ้านสักเท่าไร ก็ส่วนมากแม่จะทำให้นี่นา“ถึงแล้วครับ” พี่คนขับที่ชื่อที..คนนั้นหันมาบอกฉัน แล้วหันกลับไปเปิดประตูลงจากรถเดินไปเปิดกระโปรงหลังเพื่อขนของลง ฉันจึงเปิดประตูลงมาจากรถ อากาศที่นี่ดีจัง ไม่ร้อนอบอ้าวหรืออาจเป็นเพราะยังเช