“เห้ย! ฉันยังไม่อิ่มนะ”
อยู่ดีๆ หมอนั่นก็แย่งจานอาหารไปแล้วเอาวางไว้บนหลังตู้โชว์สูงลิบ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ขนาดมาตรฐานร้อยห้าสิบสามเซนติเมตรอย่างฉันจะหยิบยังไงถึง
ฉันหันไปคว้าเก้าอี้มาปีนหยิบด้วยความยากลำบาก แต่ไม่ยอมแพ้หรอกนะ ความหิวชนะสิ่งอื่นใดเสมอ
ไม่นานฉันเอื้อมหยิบอาหารจานนั้นลงมาได้และนั่งกินต่ออย่างสบายใจ
น่าโมโหชะมัดแต่พอเห็นขนมปังในมือแล้วก็มีความรู้สึกผิดแทรกเข้ามานิดหน่อย กินของที่เขาทำแล้วยังมีนหน้าไปโมโหเขาอีก ถ้าไม่ได้เขาวันนี้ ฉันโดนไฟคลอกตายคาบ้านแหงๆ
เฮ้อ...คิดถึงแม่กับพ่อจัง ถ้าอยู่บ้านคงได้กินอะไรอร่อยๆ ข้อเสียของการที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เอาแต่รอพ่อกับแม่ประเคนให้ รู้ซึ้งตอนห่างอกพ่ออกแม่เนี่ยแหละ ทีนี้ก็คงต้องเปลี่ยนตัวเองใหม่
แกร๊ก….แอ็ด
ฉันหันไปตามเสียงเปิดประตูทั้งที่ยังคาบขนมปังชิ้นสุดท้ายคาปาก
“นายจะไปไหนเหรอ” ฉันกัดขนมปังคำใหญ่ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนรวมบ้านที่ก้าวออกมาจากห้องตัวเอง ในปากก็ยังคงเขี้ยวตุ้ยๆ เรื่องกินสำหรับฉันน่ะ เรื่องใหญ่
“ธุระ” เขาตอบห้วนๆ แล้วเดินไปนั่งใส่รองเท้าผ้าใบอยู่หน้าประตูบ้าน
“เอ่อ...ฉันอยากไปห้างอะ นายผ่านทางนั้นไหม”
ตั้งแต่มายังไม่ได้ซื้อของใช้ส่วนตัวเลยสักอย่าง จะไปเองก็กล้าๆ กลัว ๆ ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามีรถผ่านไหมหรือต้องขึ้นรถสายไหน อย่างน้อยถ้ามีเขาไปด้วยแล้วบอกว่าฉันต้องลงตรงไหนก็ยังดี การมีเพื่อนสักคนในต่างถิ่นยังไงมันก็อุ่นใจกว่า
"…" แต่เขากลับเงียบ
“งั้น...ไม่เป็นไรก็ได้” ฉันบอกเสียงอ่อย…
และเขายังคงก้มหน้าใส่รองเท้าโดยไม่สนใจกันเลยสักนิด ราวกับฉันเป็นอากาศธาตุ ได้ยินที่ฉันพูดบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้
“ไปอาบน้ำดิ...อย่านานด้วย” อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้นหลังจากที่เงียบไปสักพัก พร้อมกับลุกขึ้นยืน เหลือบมองฉันเล็กน้อยด้วยสีหน้าเรียบเฉยต่างกับฉันที่ดีใจจนเนื้อเต้น วางจานเปล่าลงบนโต๊ะรีบดีดตัววิ่งขึ้นห้องไปอาบน้ำแต่งตัวทันทีเพราะกลัวเขาจะไม่รอ
ฉันใช้เวลาไม่เกินสิบห้านาทีก็พาตัวเองลงมาจากห้อง
“ปะ...ไปกัน” ฉันเอ่ยพลางหยิบรองเท้าผ้าใบคู่โปรดมาใส่ วันนี้ฉันแต่งตัวแบบสบายๆ อาจเป็นเพราะรีบด้วยแหละ
ณ ห้างสรรพสินค้า LL
“โห...คนเยอะจัง”
ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ เมื่อเดินลงมาจากรถสองแถวสาธารณะ ก่อนจะหันไปบอกเพื่อนร่วมบ้านใจดีที่อุตส่าห์พามา
“นายส่งฉันแค่นี้ก็ได้นะ ขอบใจนะ”
หมับ...!
“เดี๋ยว...” เขาคว้าข้อมือฉัน “เปลี่ยนใจละ ฉันจะไปกับเธอ”
พูดจบเขาก็กึ่งจูงกึ่งลากฉันข้ามถนนเพื่อจะไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“อ้าว...แล้วธุระนายล่ะ?” ฉันถามขึ้นตอนที่เรากำลังผ่านเข้าประตูห้าง
“เสร็จแล้วเธอก็ต้องไปทำธุระกับฉันไง”
“หื้ม?”
ระหว่างที่ยังมึนงงกับประโยคของเขา ฉันก็ถูกลากเขามายังโซนของใช้โซนหนึ่งของห้างพร้อมกับตะกร้าหนึ่งใบที่ถูกยัดใส่มือ เขาออกแรงดุนดันเป็นเชิงให้ฉันเดินนำหน้าไป ฉันยังคงลอบมองผู้ชายที่เดินตามหลังเป็นระยะ สมองก็คิดวนอยู่แต่กับเรื่องของเขา
สรุปแล้วเขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ...เดายากจัง บทจะใจดีก็ดีซะจนน่ากลัว
บางครั้งก็ดูเขาถึงยาก แต่บางทีก็ดูเป็นมิตร ฉันควรทำตัวยังไงเวลาอยู่กับเขา วูบหนึ่งฉันรู้สึกถึงความเป็นผู้ชาย...ผู้ชายที่ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วย หรือถ้าเขาเป็นจริงๆ ก็เนียนมากแอบซะมิดชิดเชียว
หลังจากที่ซื้อของเสร็จเรียบร้อย ฉันก็หอบถุงข้าวของด้วยมือทั้งสองข้างพลางเอาใบเสร็จขึ้นมาดูรายการที่ซื้อนิดหน่อย จู่ๆ เขาก็แย่งถุงทั้งหมดไปถือไว้เอง ฉันก็ไม่ปฏิเสธนะ ดีซะอีกมีคนช่วยถือ การกระทำของเขาในบางครั้งมันก็ทำให้ฉันยิ้มได้เหมือนกันนะ…
ว่าแต่เขายิ้มเป็นรึเปล่า ยังไม่เคยเห็นเลย ตอนนี้กลายเป็นฉันที่เป็นฝ่ายเดินตาม ดูไปดูมาเขามีความเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าผู้ชายแท้บางคนซะอีก
.....
“นาย” ฉันดึงชายเสื้อเชิ้ตผู้ชายที่เดินอยู่ข้างหน้าเพื่อให้เขาหยุดตอนที่เราเดินผ่านโซนร้านอาหาร
“...?” เขาหันมาย่นคิ้วใส่ฉันด้วยความสงสัย
“หิวอ่ะ” ฉันพูดพร้อมกับส่งสายตาวิงวอนไปให้และมันก็ได้ผล
“จะกินอะไร”
ฉันชี้ไปที่ร้านสุกี้ชื่อดัง “...ฉันเลี้ยงเอง”
เขาพยักหน้าแทนการตอบรับ จากนั้นฉันก็พุ่งตัวเข้าไปในอาหารอย่างไวโดยมีหมอนั่นถือของพะรุงพะรังตามมาติดๆ
พอได้โต๊ะ ฉันก็จัดแจง สั่ง...สั่ง...สั่งทุกอย่างที่อยากกิน ส่วนเขาก็ยังทำเหมือนอยู่คนเดียวบนโลก ไม่สนใจอะไรสักอย่าง จะกินอะไรหรือไม่กินอะไร ก็ไม่พูดไม่บอก ไม่เป็นไร…ฉันสั่งเผื่อเอง
ระหว่างรออาหาร เขาก็หยิบมือถือออกมาจิ้มๆ กดๆ โดยที่ยังมีฉันที่แอบมองอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวรึเปล่า ฉันอยากรู้จักเขามากกว่านี้เพราะเราต้องอยู่บ้านเดียวกันอีกตั้งหลายเดือน
เขาไม่อยากรู้จักฉันบ้างรึไงนะ…
สุดท้ายฉันก็ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมเป็นเวลานานหลายนาที จนอาหารมาเสิร์ฟ จนเริ่มกิน
และในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหว
“นาย…ชื่ออะไรอะ” ฉันเริ่มทำลายความเงียบด้วยประโยคเบสิก...รู้สึกแปลกๆ เงียบแบบนี้ฉันกินไม่อร่อย…
“...” แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็คือ….เงียบ
“ฉันชื่อหนูดานะ”
“...ดิน” ในที่สุดก็ยอมบอกชื่อ
“แล้วนายอายุเท่าไรอะ” ฉันยังคงถามต่อ
“...” เงียบอีกแล้ว
“ฉัน 26 เป็นพี่นายกี่ปีเหรอ…?”
“...4 ปี”
งั้นเขาก็ 22 สินะ คนบ้าอะไร เย็นชาชะมัด ฉันต้องตอบคำถามตัวเองก่อนค่อยถามเขาเหรอวะ...นี่เขาก็จะจบมหาลัยแล้วดิ
เด็กนักเรียนของป้าพิมเหรอเนี่ย
หลังจากนั้นฉันก้มหน้าก้มตากินอาหารของตัวเองต่อ คิดคำถามไม่ออกละ แล้วก็ดูเหมือนเขาไม่ค่อยอยากคุยด้วย...
กินเสร็จเราก็ออกมาจากห้าง เขาพาฉันขึ้นรถมาลงที่...ที่หนึ่ง น่าจะเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ ฉันก็เดินตามเขามาเรื่อยๆ จนเลยมาในโซนของ...เอ่อ หลุมฝังศพของผู้ล่วงลับ มันก็ไม่ได้ดูน่ากลัว แค่ไม่ค่อยชินฉันมองสำรวจไปรอบๆ บรรยากาศก็ร่มรื่นดีนะ ต้นไม่ใหญ่เยอะ แต่ก็ไม่เหมาะกับการมาพักผ่อนอยู่ดีปึก! โอ๊ย...“หยุดทำไมไม่บอกเล่า!” ฉันพ่นคำใส่เขาแล้วเอามือลูบหน้าผากตัวเอง คนบ้าหยุดก็ไม่รู้จักบอก“รออยู่นี่แหละ...เดี๋ยวฉันมา” เขาหันมาบอกและทำท่าจะก้าวเดินไปจากตรงนี้แต่ฉันยื่นมือไปดึงชายเสื้อเขาไว้ก่อน“นายจะไปนานไหม”“ไม่นาน...ทำไม” เขาเลิกคิ้วถาม“ปะ...เปล่า ไปเหอะ”ความจริงฉันก็กลัวเขาจะทิ้งฉันไว้ที่นี่...เพราะฉันจำทางกลับไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ได้แต่นั่งรอเขาอยู่ที่เดิมไม่กล้าเดินไปไหน พลางชะเง้อมองตามแผ่นหลังเด็กนั่นไปจนเกือบสุดทาง...พักใหญ่เลยกว่าเขาจะเดินกลับออกมา“...” เขาหยุดตรงมองหน้าฉันครู่หนึ่งและเดินต่อจะเรียกก็ไม่เรียก กลัวดอกพิกุลจะร่วงรึไงนะ“นาย...ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยสิ นะๆ” ฉันพูดพร้อมยื่นมือถือให้เขาเมื่อเราเดินออกมาถึงจุดที่วิวมันสวยมาก เขาหันมาถอนหายใจแรงใส่ฉันหนึ่งครั้ง ก่อนจะวางถุงข
[Patapee Talk]หลังจากที่ผมบอกเธอ ว่าผมไม่ได้เป็นเกย์...และชอบผู้หญิง เธอก็ดูเปลี่ยนไป ระหว่างทางกลับบ้านเราไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ มันมีความรู้สึกแปลกๆ แทรกเข้ามา แต่ทำไมผมต้องสนใจด้วยวะดีซะอีกจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับผม พอถึงบ้านเธอก็เดินขึ้นห้องตัวเอง แล้วปิดประตูเงียบเวลาล่วงเลยมากว่าสองชั่วโมงแล้วยังไม่มีวี่แววว่าเธอจะออกมาเลย แต่มันไม่ใช่ความผิดผมนะ ทำไมยัยเตี้ยนั่นทำให้ผมรู้สึกผิดได้ตลอดเลยครืด!….ครืด!ผมหงายหน้าจอขึ้นมาดูก่อนเลื่อนสไลด์รับสายไอ้ยูตะ[มึงทำเหี้ยไรอยู่ กว่าจะรับสายได้ กูนึกว่าตายห่าไปแหละ…] พอผมกดรับสาย ไอ้ยูตะมันก็บ่นผมยับ“มีเหี้ยไรวะ!” ความหงุดหงิดที่มีอยู่แล้วเป็นทุนเดิม บวกเพิ่มเข้าไปอีกเท่าตัว จนผมตะคอกกลับเสียงลั่น[อ้าว...ไอ้ห่า กัดกะหมามาไง]“เออ..!”[แล้วมึงอยู่ไหนแล้วเนี่ย]“ก็อยู่บ้านดิ”[นี่อย่าบอกนะ...ว่ามึงลืมนัดวันนี้]“นัดกะใครวะ” วันนี้ผมมีนัดกับใครด้วยเหรอ[มึงรีบแต่งตัวออกมาเลย กูเลี้ยวเข้าซอยมาละ...เร็วด้วยไอ้ห่า]หลังจากที่ผมวางสายจากไอ้ยูตะก็ลุกหยิบแจ็คเก็ตตัวโปรดและออกจากบ้านทันทีจำได้แล้วว่าวันนี้ยัยแสบประจำกลุ่มกลับมาจากไปเรียนแลกเปลี่
เช้าวันจันทร์กริ้งงงงงง….กริ้งงงงงงงงฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเมื่อมีเสียงดังมารบกวนการนอนของฉัน ได้เวลาแล้วเหรอเนี่ย ฉันเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาปิดนาฬิกาปลุกแล้วลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวทันทีวันนี้เป็นวันแรกของการทำงานที่ใหม่ ฉันจะเจอกับอะไรบ้างก็ไม่รู้ พอแต่งตัวเสร็จฉันก็เดินลงมาจากห้อง พลางหยุดที่หน้าประตูของหมอนั่น เมื่อวานเขาไม่ได้กลับมานอนบ้านสินะ...แต่ก็ดีแล้วหนิฉันสบายใจที่สุดเลย...ไม่ต้องกลับมาเลยยิ่งดี@ บริษัท Y“ฉัน นีรดาร์ ค่ะ” ฉันเดินเข้าไปบอกประชาสัมพันธ์“อ๋อค่ะ เชิญชั้นสองเลยค่ะ”“ขอบคุณค่ะ” ฉันเดินขึ้นมาบนชั้นสองตามที่ผู้หญิงคนนั้นบอก ที่นี่ดูใหญ่กว่าที่กรุงเทพอีกนะ“คุณนีรดาร์ ใช่ไหมคะ” ฉันหันไปทางต้นเสียง ผู้หญิงวัยประมาณสามสิบส่งยิ้มมาให้ฉัน ดูท่าทางเธอใจดีจัง“ใช่ค่ะ”“พี่ชื่อ วิภา นะคะ เป็นเลขาของคุณ พัศกร ผู้จัดการของคุณนีรดาร์”“เรียกหนูดา ก็ได้ค่ะ”“ค่ะ น้องหนูดา เดี๋ยวเชิญทางนี้เลยค่ะ ผู้จัดการรออยู่ค่ะ” แล้วเธอก็พาฉันไปยังห้องห้องหนึ่ง น่าจะเป็นห้อง ผจก.คนใหม่ของฉันเนี่ยแหละก๊อกๆๆ … แอ๊ดดดด“มาแล้วค่ะ คุณกร” พี่วิภาบอกผู้ชายคนนั้นที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่าน
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป…ฉันใช้ชีวิตปกติ มาทำงาน กลับบ้านนอน ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ไม่อุปสรรคอะไร ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแหละ ฉันเริ่มปรับตัวเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี...แต่ฉันไม่เจอหน้านายดินนั่นเลย ตั้งแต่วันนั้น เขาย้ายออกไปแล้วเหรอ แต่ห้องเขาก็ยังล็อกอยู่นะ ป้าพิมแกก็ไม่อยู่บ้านไม่รู้จะกลับเมื่อไร แล้วหมอนั่นไปอยู่ที่ไหนล่ะ…“พี่หนูดา วันนี้เลิกงานแล้วไปไหนป้ะ?” เฟรนเอ่ยถามฉัน“เปล่านี่...ทำไมเหรอ”“ดีเลย วันนี้วันเกิดพี่จิ๊บ พี่เขานัดจะไปผับใกล้ๆ เนี่ย ไปด้วยกันนะ”“นั่นสิ หนูดาไปด้วยนะ” พี่เจ้าของงานชวนขนาดนี้ฉันจะปฏิเสธยังไงล่ะ“ค่ะ…”“งั้นเจอกัน 3ทุ่มครึ่งนะจ๊ะ”“ตกลงค่ะ”@ ผับหลังจากที่ฉันมาถึงหน้าผับก็กดโทรศัพท์หาเฟรนทันที“พี่มาถึงแล้วเฟรน อ๋อๆ เคจ่ะ” เฟรนบอกว่าให้เดินเข้าไปเลยแล้วบอกว่าโต๊ะวันเกิด ก็จะมีคนพาไปเอง ฉันเลยเข้าไปบอกพนักงานต้อนรับทันที แล้วเขาก็พาไปส่งที่โต๊ะจริงด้วย บริการดีจัง“ง้อออออ...แอบแซ่บนะเนี่ย” ยัยเฟรนเป็นคนเอ่ยทักฉัน ก็วันนี้ฉันเล่นหยิบชุดไหมพรมสีแดงยาวเหนือเข่าขึ้นมาหน่อย สายเดี่ยว รัดรูป แถมผ่าหน้ามาจนถึงโคนขาอ่อน สิ้นเสียงเฟรนทุกคนก็หันมามองฉันเป็นตาเดียว
ผมรีบวิ่งตามเสียงนั่นไปทันทีและภาพที่เห็นทำให้ใจผมหล่นวูบ ไอ้เหี้ยนั่นคร่อมอยู่บนร่างบางที่เหมือนจะไม่มีแรงเลยสักนิดปึกกกก...ผัวะ….ผัวะ….ผมตรงเข้าไปถีบไอ้เหี้ยนั้น จนร่างมันกระเด็นไปอีกทางและตามเข้าไปเอาปืนตบหน้ามันอีกสองทีและกดปลายกระบอกปืนเข้าที่ขมับของมัน ผมขบกรามแน่นด้วยความโมโห“มึง...กล้าดี...ยังไง มาแตะต้องคนของกู...ฮะ!!!!” ผมเอ่ยเสียงเรียบและทิ้งท้ายด้วยการตะคอกใส่หน้ามัน ภาพที่ผมเห็นเมื่อกี้มันทำให้ผมเป่าหัวไอ้สารเลวนี่ได้ง่ายๆ เลยนะ แต่มันตายก็จะง่ายไปซะหน่อย มันยกมือขึ้นพนมเชิงขอร้องผม“ผะ...ผม ขะ..ขอโทษ ปะ...ปล่อย...ผมไป...เถอะ”“ปล่อย...หึ” ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทั้งเตะทั้งกระทืบมันอยู่อย่างนั้น จนมันสลบคาตีน ก่อนจะเก็บปืนแล้วหันไปหาคนตัวเล็กที่ตอนนี้ตัวเธอสั่นเทาไปหมดเพราะความกลัว ผมเอื้อมมือไปจับตัวเธอ….อร๊ายยยย….!!!!“อย่าเข้ามานะ...ออกไป ฮือๆๆ ออกไป” เธอร้องกรี๊ดและพยายามไล่ผม อาจเป็นเพราะมันมืดมากเธอเลยไม่รู้ว่าผมเป็นใคร“หนู...ดา หนูดา”“ดะ...ดิน ดินนนน ดินๆ” เธอเรียกชื่อผมซ้ำๆ ก่อนจะโผเข้ากอดผม ราวกับเธอกำลังดีใจมากที่คนที่อยู่ตรงหน้าคือผม“กลับบ้านกันนะ” ผมเอ่
แฮ่กกก….แฮ่กกก….แฮ่กกกกก///ฉันรีบสูดเอาอากาศเข้าปอด นี่ไม่ใช่จูบแรกของฉันหรอกนะแต่ไอ้เด็กบ้านี่จูบเก่งชะมัด ที่เขาเรียกว่าจูบกระชากวิญญาณมันเป็นอย่างงี้นี้เอง ฉันเกือบตายแล้วจริงๆ แต่เดี๋ยว...นี่มันใช่เวลามาอวยไอ้เด็กบ้านั่นไหมใจฉัน...หมอนี่ทำให้ใจฉันเต้นไม่ปกติอีกแล้ว ฉันไม่กล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ ความร้อนเห่อขึ้นมาทันที มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย เขาบอกว่าช่วยลบร่องรอยพวกนั้น แต่…..“ไอ้สารเลวนั่น...ไม่ได้จูบฉันซะหน่อย” ฉันพูดขึ้นพลางหันหน้ากลับไปจ้องเขาอย่างไม่เข้าใจ ฉันแค่อยากรู้ทำไมเขาทำแบบนี้กับฉัน เขาลุกยืนขึ้นเต็มความสูง“รีบไปอาบน้ำเถอะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน” เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากห้อง หมดความอดทน...อดทนกับอะไร รึว่า…เวลาแบบนี้เขายังกล้าคิดกับฉันแบบนี้อีกเหรอ บ้าจริง!โอ๊ยยยยย……ฉันกำลังจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่ก็ต้องนั่งลงที่เตียงเหมือนเดิม ลืมไปเลยไอ้สารเลวนั่นมันต่อยท้องฉันตั้งหลายที เจ็บร้าวไปหมด เรื่องที่นายดินทำเมื่อกี้มันทำให้ฉันลืมเรื่องเลวร้ายพวกนั้นไปได้สนิทเลย เขาทำได้ยังไงกันนะ ตอนนี้ในหัวของฉันมีแค่การกระทำของเขาเท่านั้น….ฉันพยายามพาตัวเองไปอาบน้ำด้วยความทุลักทุเ
[Neerada Talk]เช้าวันต่อมา...ฉันพยายามปรับตาให้เข้ากับแสงที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าตา แล้วก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาทับตัวฉันอยู่...แขน...ไอ้เด็กบ้านั่นอุ๊บบบบฉันรีบเอามือปิดปากไว้กลัวเขาจะตื่น จากนั้นก็ค่อยๆ ยกแขนเขาออกจากตัวอย่างเบามือที่สุด มือเขายังไม่ได้ทำแผลเลย...และเหมือนมันจะบวมๆ ด้วย เห็นแบบนั้นฉันเลยลงไปหยิบกล่องยาข้างขึ้นมาเพื่อจะทำแผลและทายาให้เขาพอกลับขึ้นมาฉันก็นั่งลงที่พื้นข้างๆ เตียงแล้วค่อยๆ บรรจงทำแผลให้เขาอย่างเบามือ กลัวเขาจะเจ็บก็กลัว แล้วยังกลัวเขาจะตื่นอีก หลังทำแผลเสร็จฉันก็หันไปมองเขาที่ยังคงหลับตาพริ้ม ดูแบบนี้ก็น่ารักดีนะ เมื่อคืนไอ้เด็กบ้านี่นอนอยู่กับฉันทั้งคืนเลยเหรอ….อ๊อดดดดด….อ๊อดดดดดเสียงออดหน้าบ้านทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ ก่อนจะรีบลุกลงไปข้างล่างเพื่อดูว่าใครมา…แกร่กกกก….แอ๊ดดดดดพอเปิดประตูออก ฉันก็เห็นคนยื่นอยู่หน้าบ้านสามคนแต่ฉันไม่รู้จักพวกเขาจึงเอ่ยถามออกไป “พวกคุณมาหาใครคะ”“พวกมึงมาทำไรกันแต่เช้า” และเสียงดินก็ตะโกนลงมาจากชั้นบน“เช้าเหี้ยไรคร๊าบบบบ จะเที่ยงอยู่แล้ว” ผู้ชายคนหนึ่งตอกกลับไป พวกเขาคงเป็นเพื่อนหมอนั่นซินะ“นี่ดิน มึงขึ้นไปทำไรบนนั่น
หลายวันต่อมา@ บริษัท Yหลังจากเหตุการณ์วันนั้นฉันก็พยายามหลบหน้าเขาตลอด...ฉันไม่มีสมาธิทำงานเลยช่วงเนี่ย ในหัวคิดแต่เรื่องของหมอนั่น“คุณนีรดาร์”“คะ...ผู้จัดการ” อยู่ๆ ผจก.ก็เดินเข้ามาทักฉันขณะที่ฉันกำลังจะเดินออกจากบริษัทเพื่อจะกลับบ้าน“วันนี้คุณว่างไหม ไปทานข้าวเย็นกัน”“คะ…?”“พอดีผม...ไม่มีเพื่อนกินข้าวน่ะแล้วก็อยากคุยอะไรกับคุณนิดหน่อย”“อ๋อ...ก็ได้คะ”ฉันตอบรับเขาเพราะเขาหล่อ...เอ๊ย!!! ไม่ใช่ เพราะเขามีเรื่องจะคุยกับฉันต่างหาก จากนั้นเขาก็พาฉันมาร้านอาหารสุดหรูใจกลางเมือง“คุณนีรดาร์...อยากทานอะไรครับ” เขาเอ่ยถามฉันพลางยื่นเมนูมาให้“เรียกหนูดาก็ได้ค่ะ” ฉันรับเมนูมาและบอกเขาแบบยิ้มๆ เรียกซะเต็มยศเลย ไม่ค่อยชินเท่าไหร่“อืมมมม...คุณกรสั่งเลยก็ได้ค่ะ หนูดาทานได้หมดแหละ” ฉันบอกเขาแล้วมองไปรอบๆ ร้าน ร้านนี้น่านั่งดีแหะ เงียบดี“หนูดาครับ...หนูดามีแฟนรึยัง”“คะ…?”“ผมขอแทนตัวเองว่าพี่ได้ไหม อยู่ข้างนอกหนูดาเรียก พี่กรก็ได้นะ”“อ๋อ...ได้ค่ะ พี่กร”“ว่าแต่...สรุปมีแฟนรึยัง”“ยะ...ยังค่ะ” เขาจะจีบฉันเหรอเนี่ย...ไม่นะ ฉันไม่ได้หวังสูงขนาดนั้น แต่เป็นจริงก็ดี...แล้วเราก็ทานอาหารไป คุย
วันนี้ดินพาฉันมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลของตามคำแนะนำของคุณหมอคนเดียวของกลุ่ม แต่วันนี้ฉันดูสดชื่นและมีความสุขแบบบอกไม่ถูก ยิ่งได้เห็นหน้าดิน ได้จับ ได้กอด ได้หอมนะ ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่จนยิ้มไม่หุบเลยแหละ คิ คิ“เป็นไรเนี่ย” ดินถามขึ้นระหว่างที่เรานั่งรอหมอเรียกอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์แล้วฉันเอาแต่คล้องแขนเขาพลางใช้จมูกโด่งซุกไปมาอยู่ที่แขนดินแบบนั้นไปยอมปล่อย“ไม่รู้อ่ะ อยากได้กลิ่นตัวดิน” ฉันพูดเสียงอู้อี้เมื่อจมูกยังกดอยู่ที่แขนของเขา รู้สึกเหมือนตัวเองหื่นยังไงก็ไม่รู้ แต่มันห้ามไม่ได้เลยอ่ะ“หื้มม”ฉันเหลือบมองหน้าดินเห็นเขาแอบเขินหน่อยๆ ด้วยนะ คิ คิ น่ารักที่สุดเลย หลัวฉัน...ของฉันคนเดียว“เชิญคุณนีรดาร์ ห้องตรวจ 1 ค่ะ”เอ๊ะ…! เรียกแล้ว ฉันกับดินพากันเดินเข้ามาในห้องตรวจ 1 ตามที่เสียงที่ประกาศเรียกเมื่อกี้ ฉันเห็นหมอผู้หญิงคนนี้แล้วไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่เลย เอาแต่มองดินอยู่ได้ ตั้งแต่นั่งอยู่ตรงนั้นจนฉันขึ้นนอนบนเตียงเพื่อจะอัลตราซาวด์ดูเบบี๋น้อยในท้องฉัน มันก็ตื่นเต้นอยู่หรอกแต่ใจดันจดจ่ออยู่หมอคนนั้นกับหลัวฉันเนี่ยแหละ“ดิน! หันมาหาหนูดา”“ดินดูเบบี๋อยู่ เนี่ยหนูดาดูดิ เห็นไหม”
“ดิน สุขสันต์วันเกิดนะ หนูดารักดิน นี้ของขวัญวันเกิด” หนูดาเดินเข้ามากอดผมแล้วพูดขึ้นพร้อมกับยัดบางอย่างใส่มือผมก่อนจะผละออกแล้วทำท่าเขินๆ ผมเลยยกมือขึ้นมาดูว่าเธอเอาอะไรให้ผม“เห่ย!” ผมอุทานเสียงหลง เผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจ ลืมความโกรธเมื่อกี้นี้ไปจนหมดสิ้นแล้วดึงหนูดาเข้ามากอดอีกครั้งพลางก้มจูบที่หัวเธอเบาๆ นี้เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดในชีวิตผมเลย ผมกำลังจะเป็นพ่อคน เรากำลังจะมีเจ้าตัวเล็กด้วยกัน เรากำลังจะกลายเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ“หายโกรธนะ ป๊ะป๋า จุ๊บ” หนูดาดันตัวออกแล้วเขย่งขึ้นมาจุ๊บที่ปากผมทีหนึ่ง ผมส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับความเล่นใหญ่เล่นจริงของเมียตัวแสบ แต่คำว่า ป๊ะป๋า เนี่ยมันทำให้ผมอยู่ไม่เป็นสุขเลยจริงๆ หน้าร้อนผ่าวไปหมด“หึ ไม่เอาเล่นใหญ่แบบนี้แล้วนะ จะช็อกว่ะ”ปัง...ปังฮิ้ววววว….ฮิ้วววววโห...แม่งเล่นใหญ่จริงว่ะ มีพลุสายรุ้งด้วย..นี่ขนาดวันเกิดยังเล่นใหญ่ขนาดนี้ ถ้างานแต่ง..กูว่ามีนอนในโรงแกล้งกูแหง...หึ แล้วก็ตามมาด้วยเสียงแซวต่างๆ นานาของให้พวกเวรนั่น“ว่าแต่เพิ่งปล่อย ทำไม” ผมก็อดที่จะสงสัยไม่ได้เพราะหนูดเพิ่งจะตกลงกับป๊าเมื่อไม่กี่วันนี้เองว่าจะมีหลานให้ท่าน“3
ผมออกมาเคลียร์งานที่ผับตั้งแต่เช้าเพราะวันนี้วันหยุด ปกติหนูดาจะเป็นคนทำแต่วันนี้ยัยเตี้ยของผมไม่ค่อยสบาย ผมเลยกะว่าจะมาเคลียร์งานให้เสร็จแต่เช้า สายๆจะได้พาเมียไปหาหมอผมนั่งเคลียร์งานอยู่ในห้องสักพักก็มีคนเปิดประตูห้องทำงานของผมเข้ามาอย่างถือวิสาสะแกร่ก...แอ๊ดดดด“อุ้ย! ขอโทษค่ะ คือป้าไม่รู้ว่านายน้อยจะเข้ามาแต่เช้า” ป้าแม่บ้านวางอุปกรณ์ทำความสะอาดลงแล้วรีบยกมือไหว้ผมด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน นี่ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ“ป้าจะไหว้ผมทำไม ป้าจะทำความสะอาดใช่ไหม ทำเลยครับ ไม่เป็นไร” แล้วผมก็ยกมือไหว้ป้าคืน นรกได้กินหัวผมพอดีให้คนรุ่นราวคราวเดียวกับป๊ามายกมือไหว้แบบนี้ แล้วป้าก็เอามือลงส่งยิ้มมาให้ผมก่อนจะหันไปหยิบอุปกรณ์แล้วทำความสะอาดตามหน้าที่ของท่านครืดดดด...ครืดดดดผมรีบหยิบมือถือออกจากกระเป๋าทันทีเพราะคิดว่าเป็นสายเรียกเข้าจากเมียแต่ไม่ใช่ เบอร์ใครวะ...ผมเลื่อนสไลด์เพื่อรับสาย“ครับ ผมปฐพี อะไรนะ! ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” ผมรีบคว้ากุญแจรถแล้วออกมาจากห้องทำงานทันทีพลางกดมือถือหาเฮียหมอไปด้วย ไอ้เฮียหมอแม่งก็ไม่รับสายซะทีวะ…ตืดดดดด...ตืดดดดด[อะไรของแม่งวะ โทรทำเหี้ยไร]“ไอ้เฮีย มึงรีบไ
“พอๆๆ ไอ้ห่านี่ก็ไม่เกรงใจป๊าเลย ไว้กลับไปทำที่ห้องโน้น ความจริงเรื่องเนี่ยไอ้ดินมันไม่รู้หรอก มันก็เพิ่งรู้ก่อนหน้าหนูไม่นานเนี่ยแหละ แผนป๊าเอง”“ห้ะ! นี่ท่าน” ฉันถึงกับพูดลืมอายไปเลย ไม่เคยคิดเลยว่ามาเฟียที่น่าเกรงขามแบบท่านจะมาทำอะไรเพื่อแกล้งฉันแบบนี้ อะไรเข้าสิงท่าฟ่ะ ทำไมท่านถึงทำแบบนี้นะ เหงาหรือว่าอะไร สองพ่อลูกนี่ทำตัวได้น่าโมโหชะมัด ถ้าไม่ติดว่าเป็นป๊าดินล่ะก็ ฉันไม่ปล่อยไปแน่...ฉันเลยหันกลับไปหาลูกชายตัวดีของท่านแทน“ไอ้เด็กบ้า กลับไปนายเจอดีแน่”“อ้าว ทำไมเป็นดินอะ” ดินพูดขึ้นหน้าตาเลิ่กลั่กแล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแบบงงๆ“ก็ฉันทำท่านได้ไหมล่ะ นายเป็นลูกก็รับไปสิ” ฉันพูดพลางเอามือขึ้นกอดอกด้วยท่าทางฟึดฟัดพอสมควร ความจริงอยากทำมากกว่านี้อีก...แต่ทำไม่ได้“ป๊าเล่นไรเนี่ย เห็นไหมผมซวยเลย” แล้วดินก็หันไปพูดกับป๊าตัวเองอย่างหัวเสีย“ก็ฉันอยากเห็นกะตานี่หว่า ว่าลูกสะใภ้ฉัน ใจเด็ด ใจกล้า อย่างที่เขาพูดกันจริงรึเปล่า แต่เกินคาดไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างหนูจะยอมตายแทนลูกชายฉันได้ แกนี่มันโชคดีจริงๆ ฮ่าๆๆ” ท่านพูดขึ้นแล้วเดินเข้าไปตบไหล่ลูกชายตัวเองเบาๆ ก่อนจะหัวเราะขึ้นอย่างชอบใจ
สองอาทิตย์ต่อมา…..หลังจากที่ฉันและดินไปส่งพ่อกับแม่ไปเมกาเพื่อรักษาตัวเสร็จเรียบร้อยก็บินกลับมาที่เชียงใหม่ทันทีเพราะคนของป๊าโทรมาบอกว่าท่านมีเรื่องกับคนในแก๊งที่หักหลังท่านสถานการณ์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร แล้วดินก็ดูร้อนใจมาก ฉันลอบมองดินเป็นระยะๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถไฟเหาะ เฮ้อออ...ทำไมเขาถึงขับรถเร็วแบบนี้นะ“ดิน เบาลงหน่อยดีไหม” ฉันเอื้อมมือไปจับแขนดินเพื่อดึงสติเขากลับมา ฉันคิดว่าใจดินคงไปอยู่กับป๊าแล้วละ ดินถอนหายใจออกมาก่อนจะผ่อนคันเร่งลงนิดหนึ่งสักพักรถก็เคลื่อนมาจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ฉันไม่เคยได้มาสักครั้ง เวลาท่านอยากเจอดินหรือมีงานต้องคุยส่วนมากก็จะไปหาดินที่ผับแล้วก็ภัตตาคารอะไรทำนองนั้นแต่ไม่เคยนัดดินมาที่นี่เลยฉันวิ่งตามดินมาหยุดอยู่กลางห้องโถงใหญ่กลางบ้านแต่ไม่เห็นใครเลย เงียบสงัดจนน่าแปลกใจ ดินก็คงคิดแบบนั้นเหมือนกันเขาคว้ามือฉันไปจับไว้แน่นแล้วหันซ้ายหันขวามองอย่างระวังตัวพรึบบบบปึกกกก“ดิน”ดินดึงตัวฉันเข้าไปกอดจากหลังแล้วกดหัวลงเหมือนพยายามจะบังตัวฉันไว้จากอะไรสักอย่างก่อนฉันจะได้ยินเสียงของแข็งกระทบเข้าร่างกายดินอย่างจังเพราะฉันสัมผัสได้จากการแรงกระแทกและดินก็ทรุดเ
“ดิน ทำไมวันนั้นดินถึงรู้ว่าหนูดาอยู่ไหน ทำไมดินถึงไปช่วยหนูดาได้ล่ะ” ฉันเอ่ยถามและเหลือบตาขึ้นมองหน้าดิน เรื่องนี้มันข้องใจฉันมากเลยว่าจะถามตั้งนานแหละ“ก็ไปเจอมือถือหนูดาในรถแท็กซี่ที่จอดอยู่แถวนั้น”“มือถือ...แล้วทำไมถึงเจออะ”“ก็มือถือไง”ฉันดันตัวเองขึ้นหรี่ตามองหน้าดินแล้วเขาก็ทำเป็นลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ มือถือ….มือถือ โฮะ นี่เขาแอบเปิด GPS ในมือถือฉันงั้นเหรอ“นายมันร้ายกาจที่สุด” ฉันมองเขาตาขวางพลางดีดตัวเองขึ้นจากตักเขาแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง งั้นเขาก็รู้หมดเลยดิว่าฉันไปไหนบ้าง...ร้ายกาจมากกกก แต่จะว่าไปถ้าเขาไม่ทำแบบนี้วันนั้นคงไปช่วยฉันไม่ทันแน่ๆ“หนูดา ดินจะให้พ่อหนูดาไปรักษาที่เมกา” อยู่ๆ ดินก็พูดในสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดออกมา เขาเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ทำแบบนั้นได้ยังไง นั่นพ่อฉันนะ จะให้เขาเป็นคนมาดูแลแบบนี้ได้ไง ฉันไม่ยอมหรอก ค่ารักษาแพงจะตาย ฉันจะมีปัญญาหามาใช้เขาเหรอ“ห้ะ! ไม่ได้นะ”“เดี๋ยว ฟังดินให้จบก่อน หนูดาอยากให้พ่อหายไหม แม่ก็อยากให้พ่อหายเหมือนกันพ่อเองท่านก็อยากหาย หมอที่โน่นเก่งมากนะ ใช้เวลาไปถึงปีหรอก เรื่องค่ารักษาดินจัดการเอง ดินคุยกับแม่แล้ว จัดการเรื่องทุกอย่างแล้ว
“บาย อีชะนี”“บาย อีผีทั้งหลาย”ฉันเดินออกมาส่งพวกอีผีทั้งหลาย หึ ไม่ได้เจอกันนานเม้าท์มอยกันตั้งแต่บ่ายจนเย็น ฉันหันหลังกำลังจะเดินกลับเข้าบ้านแต่สายตาก็ดันไปสะดุดกับอะไรบางอย่างตรงสวนข้างบ้านเลยเปลี่ยนทิศทางทันทีเดินไปยืนพิงเสาชิงช้าในสวนมองดูสองแม่ลูกเขาช่วยกันปลูกต้นไม้เหอะ...ดินกลายเป็นลูกรักของแม่ไปเฉยเลย เพราะฉันไม่ชอบการมาทำอะไรแบบนี้ที่สุดไม่เคยมาช่วยแม่ปลูกต้นไม้เลยสักครั้ง แต่ก็อดยิ้มให้กับความน่ารักน่าเอ็นดูของดินไม่ได้ เวลาเขาอยู่กับแม่ฉันดินกลายเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้นเอง ดินเองก็คงจะคิดถึงแม่เขาไม่น้อยเหมือนกัน“ดิน กลับได้แล้ว ไม่ชินทางอะ เดี๋ยวมืดแล้วจะแย่” ฉันเอ่ยบอกดินเพราะเห็นว่านี่มันเย็นมากแล้ว เดี๋ยวเขาจะกลับลำบาก โรงแรมก็อยู่ตั้งไกล ดินหันมาพยักหน้าให้ฉันก่อนจะลุกขึ้นปัดเนื้อปัดตัวที่เต็มไปด้วยขี้ดิน ฉันส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินเข้าไปเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดทำความสะอาดตามเนื้อตัวและถอดผ้ากันเปื้อนออกให้เขา“รีบกลับไปไหนล่ะ มาวันเดียวเองเหรอ” แม่ถามขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าดินทำท่าจะกลับ แม่ต้องคิดว่าดินกลับไปเชียงใหม่แน่ๆ“อ๋อ เปล่าฮะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ดินมาใหม่”“ดิ
“นี่จ้ะ อีกสักพักก็คงมาแล้วแหละ เห็นโทรมาบอกแม่ว่าเพื่อนๆ จะมากินข้าวเที่ยงที่บ้าน แม่ก็เลยออกไปซื้อของมานี่ไง ตามสบายเลยนะดิน” ท่านยื่นแก้วน้ำมาให้ผมแล้วเดินไปหยิบของพวกนั้นเข้าไปเก็บในครัว ผมเลยเดินไปหยิบกรอบรูปที่วางเรียงกันอยู่หลายอันขึ้นมาไล่ดู พัฒนาการของเมียผม หึ บ้านนี้คงจะรักลูกสาวคนนี้มากมีแต่รูปหนูดาเต็มบ้านไปหมดผมเดินดูไปรอบๆ บ้านอย่างถือวิสาสะ แม่หนูดานี่เก่งเนอะดูแลบ้านคนเดียวให้เรียบร้อยเป็นระเบียบขนาดนี้ได้ แล้วผมก็มาสะดุดกับห้องใต้บันได ที่ข้างในเหมือนมีเตียงคนป่วยแบบในโรงพยาบาล หรือว่า….“เข้าไปทักพ่อเขาซะหน่อยไหม” ท่านเดินมาจากด้านหลังและเอ่ยขึ้นจนผมสะดุ้งเพราะผมมัวแต่ชะเง้อมองในห้องนั้นอยู่ แล้วท่านก็เดินผ่านผมเข้าไปในห้องผมเลยเดินตามท่านเข้าไป พ่อหนูดาป่วยหนักจริงๆ ด้วย หนูดาถึงได้ยอมไปทำงานไกลบ้านก็เพราะอย่างงี้นี้เอง...ผมยกมือไหว้ท่านเพราะเห็นว่าท่านลืมตาอยู่แต่ก็ไม่รู้ว่าท่านจะเห็นผมรึเปล่า“พ่อดูสิ ใครมา แฟนลูกสาวตัวดีของพ่อไง หล่อใช่ไหมล่ะ” แม่ของหนูดาพูดขึ้น แล้วพ่อก็หันมองแม่แบบช้าๆ ก่อนจะกะพริบตาให้ มันหมายถึงท่านรับรู้รึเปล่านะ ท่านหันกลับมามองที่ผมอีกค
หลายวันต่อมา…“อ้าว ทำไมมึงยังอยู่อะ” ไอ้ยูเปิดประตูเข้ามาแล้วถามขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นผมนั่งดกเหล้าอยู่บนโซฟา แล้วมันก็พากันมานั่งพลางหยิบแก้วมาใส่น้ำแข็ง ผมหันไปมองมันตาขวาง ยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ ทักเหี้ยไรไม่รู้เรื่อง“กูยังไม่ตาย สัส”“เออ กูรู้ กูหมายถึงมึงไม่ได้ไปกับเมีย โฮะ..นี่มึงโดนเทเหรอวะ ฮ่าๆๆๆ” ไอ้เหี้ยยูนี่แม่งปากดีฉิบ มันพูดขึ้นพลางยิ้มเยาะผมอย่างสะใจ น่าเตะปากฉิบ ขยี้ปมกูดีจัง“เท พ่อง” ผมหันไปด่ามันก่อนยกเหล้าขึ้นดกอย่างเอาเป็นเอาตายใช่...ผมโดนเท ด้วยเหตุผลที่ว่า หนูดากลัวแม่จะช็อกที่อยู่ดีๆ ก็พาผู้ชายไปบ้านแถมตกลงจะแต่งงานกันแล้วด้วย เธอเลยขอกลับไปเคลียร์กับพ่อแม่ก่อน แล้วรอบหน้าค่อยให้ผมไป... น่าหงุดหงิดฉิบหาย“โดนเทชัวร์” ไอ้ห่านี้ก็ไม่จบ ผมเลยหยิบน้ำแข็งในถังเต็มกำมือแล้วปาใส่มันด้วยความหมั่นไส้“ไอ้สัส มึงไปนั่งไกลๆ เลย” ไอ้ธามพูดขึ้นพลางก้มลงปัดน้ำแข็งบนตักตัวเองที่โดนลูกหลงไปด้วย“เออ ไล่กู จำไว้นะมึง” ไอ้ยูก็ขยับออกมานั่งที่โซฟาอีกตัวด้วยท่าทีงอนๆ เหมือนผู้หญิงฉิบหาย แล้วมันก็ด่ากันตามประสามันแกร่กกก..พวกผมหันไปมองที่ประตูทันที วันนี้พวกเฮียๆ ไม่อยู่นี่หว่า แ