เช้าวันใหม่มาถึงพร้อมกับแสงแดดที่ส่องลอดผ่านม่านในห้องคอนโดหรู แต่บรรยากาศภายในกลับไม่ได้สงบสุขเช่นเดียวกับความงามของวันใหม่ มิรินนอนขดตัวอยู่บนเตียง ผ้าห่มผืนหนาคลุมร่างเปลือยเปล่าของเธอไว้จนถึงคาง ดวงตาเธอลืมขึ้นช้าๆ แต่ทันทีที่ความทรงจำเมื่อคืนผุดขึ้นมา หัวใจของเธอก็เต้นรัว
เธอขยับตัวเล็กน้อย พลันรู้สึกถึงความหนักแน่นของร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงมุมห้อง ภาณุจ้องมองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เขาแต่งตัวเรียบร้อยในชุดสูทเนี๊ยบ มือถือแก้วกาแฟไว้ ขณะที่ดวงตาคมจับจ้องมาที่เธอ
“คุณตื่นแล้ว” เสียงของเขาเรียบเฉย แต่น้ำเสียงนั้นกลับแฝงไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้เธอรู้สึกตัวหดเล็กลง
มิรินหลุบตามองพื้น เธอไม่กล้าสบตากับเขา ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรหรือแม้แต่ทำอะไรต่อ
“ทำไมถึงเงียบล่ะ?” เขาเอ่ยถามอีกครั้ง ก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะข้างตัวแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “เมื่อคืนนี้คุณไม่ค่อยเงียบเท่าไหร่”
คำพูดนั้นเหมือนเข็มที่ทิ่มแทง เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและความโกรธ “คุณมันบ้า...” เธอพึมพำ น้ำเสียงสั่นไหว
“บ้า?” เขายิ้มเยาะ ก่อนจะก้าวเข้ามาหาเธอจนร่างสูงใหญ่บดบังแสงแดดที่ส่องมาจากหน้าต่าง “คุณคิดว่าผมบ้าเพราะอะไร? เพราะผมแตะต้องคุณ? หรือเพราะคุณเองที่ตอบสนองกลับมา?”
“ฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้!” เธอเถียงกลับ น้ำตาเอ่อคลอที่ขอบตา ขณะที่มือทั้งสองข้างกำผ้าห่มไว้แน่น
ภาณุโน้มตัวลงมา มือหนาวางบนขอบเตียงใกล้กับเธอจนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากร่างของเขา “แต่คุณก็ไม่ได้หยุดมัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
น้ำตาหยดแรกของเธอร่วงหล่นลงบนผ้าห่ม เธอรู้สึกทั้งโกรธและเจ็บปวด ราวกับถูกผลักให้เผชิญกับความรู้สึกที่เธอเองก็ไม่อาจอธิบายได้
ภาณุถอนหายใจ เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง ก่อนจะก้าวถอยห่างจากเตียง “คุณอยากโทษใครก็โทษไปเถอะ” เขาพูดเรียบๆ แต่ทุกคำหนักแน่น “แต่จำไว้ให้ดี มิริน... ชีวิตของคุณไม่ใช่ของคุณอีกต่อไป คุณเลือกเข้ามาในกรงนี้เอง และคุณต้องอยู่ในนั้นจนกว่าผมจะพอใจ”
เขาหยิบกระเป๋าเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปที่ประตู ทิ้งให้เธอนั่งจมอยู่ในความรู้สึกที่สับสนทั้งในใจและร่างกาย
เสียงปิดประตูดังขึ้นเบาๆ เมื่อเขาออกจากห้อง เหลือไว้เพียงความเงียบและความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาจนมิรินแทบจะรับมือไม่ไหว เธอซบหน้าลงกับเข่าของตัวเอง น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ไหลออกมาอย่างอัดอั้น
เธอรู้ว่าไม่มีทางหนีจากผู้ชายคนนี้ได้ง่ายๆ ไม่ใช่เพราะเขาแข็งแกร่งกว่าหรือมีอำนาจเหนือกว่า แต่เพราะหัวใจของเธอเองที่เริ่มสั่นคลอนอย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน... และเธอเกลียดตัวเองที่เริ่มหวั่นไหว
เสียงประตูห้องดัง ปัง! ทำให้มิรินสะดุ้งเฮือก เธอเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงของภาณุที่เดินกลับเข้ามาในห้อง ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องไปที่เธอราวกับจะทะลุผ่านหัวใจที่เต้นระรัวอยู่ในอก
“คุณจะหนีไปถึงเมื่อไหร่ มิริน?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น เรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้เธอไม่กล้าหลบสายตา
“ฉันไม่ได้หนี…” เธอกระซิบแผ่ว น้ำเสียงนั้นแทบจะหลุดหายไปในอากาศ แต่เขากลับได้ยินมันชัดเจน ราวกับความเงียบรอบตัวทำให้คำพูดของเธอยิ่งก้อง
“ไม่ได้หนี?” เขาก้าวเข้ามาใกล้ เตียงนอนที่เธอนั่งขดตัวอยู่นั้นเหมือนเล็กลงทันทีที่เขายืนอยู่เหนือเธอ “งั้นคุณก็ยอมรับความจริงสิ”
“ความจริงอะไร?” เธอถามกลับ น้ำตายังเอ่อคลอในดวงตา
เขาโน้มตัวลงมา มือหนาวางลงบนเตียงข้างตัวเธอจนเธอรู้สึกเหมือนถูกล้อมรอบด้วยแรงกดดันที่หนีไม่พ้น “ความจริงที่ว่า ไม่ว่าคุณจะยอมหรือไม่ยอม… เราก็แต่งงานกันแล้ว” เสียงของเขาแผ่วเบาแต่หนักแน่น ดวงตาที่จ้องเธอเหมือนจะเผาไหม้เธอทั้งเป็น
“และตอนนี้…” เขาเอ่ยช้าๆ ริมฝีปากขยับใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนของเขา “เราก็เป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์”
คำพูดนั้นเหมือนเปลวไฟที่จุดชนวนความร้อนแรงในอากาศ เธอสบตากับเขา หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา ขณะที่เขาค่อยๆ เลื่อนมือไปแตะที่ใบหน้าของเธอ
“ปล่อยฉัน…” เธอพยายามผลักเขาออก แต่แรงของเธอไม่อาจเทียบกับแรงของเขาได้ มือหนาจับข้อมือเธอไว้ ก่อนจะดันเธอลงไปบนเตียง
“ปล่อย?” เขากระซิบชิดริมฝีปากของเธอ น้ำเสียงนั้นเยาะเย้ยและร้อนแรง “มิริน… ตอนนี้คุณไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้อีกต่อไปแล้ว”
เขาก้มลงครอบครองริมฝีปากของเธอในทันที ความรุนแรงที่แฝงด้วยแรงปรารถนาในจูบของเขาทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก ลิ้นร้อนของเขาสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากของเธอ รุกล้ำและเรียกร้องจนเธอไม่อาจปฏิเสธได้
มือหนาเลื่อนไปตามร่างกายของเธอ ไล้ไปตามส่วนโค้งเว้าที่เขาเคยครอบครอง ร่างบางของเธอสั่นสะท้านในทุกสัมผัส ความรู้สึกที่ร้อนแรงท่วมท้นทำให้เธอหลุดเสียงแผ่วออกมาโดยไม่ตั้งใจ
“คุณมันคนบ้า…” เธอพูดทั้งน้ำตา ขณะที่เขาก้มลงจูบเนินอกของเธออย่างเอาแต่ใจ
“ถ้าผมบ้า คุณก็คือคนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้” เขาตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาที่จ้องมองเธอเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ไม่อาจควบคุมได้
เขากอดเธอไว้แน่น ร่างกายของเขาที่แนบชิดกับเธอเหมือนจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ทุกสัมผัสของเขาเป็นเหมือนคำยืนยันที่ว่าเธอคือของเขา และไม่มีใครสามารถพรากเธอไปได้
“มิริน…” เขาเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่ลึกซึ้ง “คุณเป็นของผม… และผมจะไม่มีวันปล่อยคุณไป”
มิรินหลับตาลง น้ำตาที่ไหลลงมาไม่ได้มีแค่ความเจ็บปวด แต่ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนที่เธอไม่อยากยอมรับ หัวใจของเธอที่เคยต่อต้านเขาเริ่มสั่นคลอน ท่ามกลางเปลวไฟแห่งแรงปรารถนาที่เผาไหม้ทั้งสองจนไม่เหลือทางหนีอีก
ภาณุยืนอยู่หน้าโต๊ะกระจกในห้องนอน ค่อยๆ ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวเม็ดสุดท้ายอย่างประณีต ก่อนจะหยิบเสื้อสูทสีน้ำเงินเข้มมาสวมทับ ท่าทางของเขายังคงสง่างามและเรียบเฉยเหมือนทุกครั้ง ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อเขาแม้แต่น้อย
ดวงตาคมกริบเหลือบมองไปที่เตียง ร่างบางของมิรินที่นอนหันหลังให้เขา ผ้าห่มผืนบางคลุมกายเธอไว้ แต่ไม่ได้ซ่อนความอ่อนแอและความสับสนในดวงตาของเธอได้เลย
เขาก้าวเข้ามาใกล้เตียงช้าๆ เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นดังแผ่วในความเงียบ เมื่อมาถึง เขาโน้มตัวลงเล็กน้อย มือหนายื่นไปเขี่ยปลายผมนุ่มสลวยของเธอเบาๆ ราวกับกำลังหยอกล้อ
“คุณภรรยา...” เสียงเยือกเย็นของเขาดังขึ้น ใบหน้าเรียบนิ่งแต่แฝงความทรงอำนาจที่กดดันหัวใจของเธอ
“ต่อไปจะไปไหน อย่าลืมว่าคุณมีสถานะเป็นภรรยาของท่านทูต” น้ำเสียงนั้นไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย ดวงตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอที่พยายามเบือนหนี “แต่งตัวให้ระมัดระวังหน่อย... อย่าทำอะไรที่ทำให้คนอื่นสงสัยว่า คุณไม่ได้เหมาะสมกับตำแหน่งนี้”
คำพูดของเขาเหมือนน้ำแข็งที่กดทับลงบนหัวใจของเธอ มือของเขาที่ลูบเส้นผมนุ่มของเธอเบาๆ ให้ความรู้สึกขัดแย้งอย่างน่ากลัว
“คุณ...” มิรินสะอึก เสียงเธอขาดห้วงเพราะแรงอารมณ์ เธอกำผ้าห่มไว้แน่น พยายามกลั้นน้ำตาที่คลออยู่ในดวงตา
เขายืดตัวขึ้นเต็มความสูง มองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาราวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่มีผลอะไรต่อเขาเลย “อย่าลืมสถานะของคุณล่ะ มิริน”
คำพูดนั้นจบลงพร้อมกับเขาก้าวเดินไปทางประตูอย่างสง่างาม ราวกับไม่มีอะไรที่ทำให้เขาต้องมองกลับมา
เธอหลับตาแน่น น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาโดยที่เธอไม่อาจกลั้นได้ เสียงประตูปิดดังขึ้นเบาๆ แต่ความรู้สึกหนักอึ้งในอกของเธอยังคงอยู่
“คุณมันคนเย็นชา...” เธอกระซิบกับตัวเอง ขณะกำมือแน่นจนเล็บจิกลงบนฝ่ามือ เธอรู้ดีว่าเขาอาจไม่ใส่ใจ แต่คำพูดและการกระทำของเขาในทุกครั้ง กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นเพียงหุ่นเชิดในชีวิตของเขา
และเธอเกลียดที่หัวใจของตัวเองเริ่มหวั่นไหวทุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้
เสียงหวานที่สั่นเครือดังขึ้นในความเงียบสงัดของค่ำคืน“อื้อ... ภานุคะ ปล่อยฉัน!”เสียงวอนขออันแผ่วเบากลายเป็นเพียงลมที่ไร้ผล เมื่อชายหนุ่มตรงหน้าเพียงกระชากร่างเธอเข้ามาแนบชิด ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องไปที่หญิงสาวอย่างดุดัน ริมฝีปากบางเม้มแน่น ไม่สนคำอ้อนวอนที่เปล่งออกมามือแกร่งดึงเสื้อผ้าของเธออย่างไม่ปรานี เสียงเนื้อผ้าฉีกขาดดังสะท้อนในอากาศ จนร่างบางขาวโพลนถูกเผยให้เห็นในความมืดสลัว มีเพียงแสงไฟสีอ่อนจากโคมไฟที่ช่วยเน้นเส้นโค้งเว้าที่อวบอิ่มของร่างกายเธอ ชุดชั้นในลูกไม้สีดำสนิทที่ยังคงปกปิดไว้เพียงเล็กน้อยกลับยิ่งทำให้เธอดูยั่วยวนมิรินยืนหอบหายใจหนักหน่วง มือบางยกขึ้นปิดหน้าอกที่เปลือยเปล่าด้วยความอับอาย แต่สายตาเย็นชาของภาณุกลับไม่แสดงความปรานีแม้แต่น้อย“อย่าทำแบบนี้...” เสียงเธอขาดห้วง ร่างบางสั่นสะท้าน ขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขามืดครึ้มไปด้วยอารมณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้“คิดว่าฉันจะใจอ่อนหรือไง มิริน?” น้ำเสียงเขาต่ำและเยือกเย็น ราวกับคำพูดของเธอไม่เคยมีผลใดกับเขาเขาเอื้อมมือมาจับข้อมือบางของเธอที่พยายามปกป้องตัวเอง น้ำเสียงของเธอที่เคยแข็งกร้าวเริ่มแผ่วลงเมื่อเผชิญกับแรง
เสียง ติ๊ง จากโทรศัพท์ดังขึ้นในความเงียบของห้องทำงานกว้างขวาง โต๊ะไม้สักเรียบหรูเต็มไปด้วยเอกสารและแฟ้มข้อมูลที่ต้องจัดการ แต่สายตาคมของภาณุเบี่ยงไปมองหน้าจอที่สว่างขึ้นมือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู อินสตาแกรม ของมิรินปรากฏขึ้น ภาพถ่ายล่าสุดทำให้เขาต้องชะงักเธอยืนอยู่ในร้านอาหารหรู ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่หัวเราะและสนุกสนาน ชุดผ้าซาตินสีครีมที่เธอสวมแหวกอกลึกจนเห็นเนินอกอวบอิ่ม ดึงดูดสายตาและเรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้ทันที ผ้าซาตินเนียนลื่นราวกับไหลไปตามส่วนโค้งเว้าของร่างกายเธอ ท่าทางโพสต์ถ่ายรูปยิ่งเสริมให้ชุดนั้นดูยั่วยวนเกินพิกัดภาณุจ้องภาพนั้นนิ่ง ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ดวงตาคมวาววับ ความรู้สึกบางอย่างกำลังเดือดพล่านในใจเขา แต่ไม่มีใครสามารถอ่านมันออกได้เขาวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะด้วยแรงที่มากกว่าปกติ ปัง! เสียงดังพอให้ตัวเขาเองต้องสูดลมหายใจลึก“ท่านทูตครับ” เสียงของเลขาดังขึ้นพร้อมกับการก้าวเข้ามาในห้องภาณุหันไปมองด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อะไร?”“เอกสารที่จะต้องส่งให้ทางสถานทูตญี่ปุ่นครับ ผมวางไว้บนโต๊ะแล้ว”เขาพยักหน้าเล็กน้อย รับเอกสารมาวางลงกับโต๊ะ ก่อนจะ
เสียงรองเท้าส้นสูงของมิรินกระทบพื้นลานจอดรถใต้คอนโดหรู ร่างบางพยายามสะบัดข้อมือที่ถูกมือหนาของภาณุกระชากไว้แน่น แต่ยิ่งเธอขัดขืน เขากลับยิ่งเพิ่มแรงดึงราวกับจะไม่ให้เธอหลุดพ้นจากการควบคุมของเขา“ภาณุ! คุณจะพาฉันไปไหน!” เสียงเธอสั่นเครือ ขณะที่เขายังคงเดินลากเธอไปโดยไม่ตอบเมื่อถึงหน้าประตูห้อง เขาเปิดออกอย่างแรง ก่อนจะผลักเธอเข้าไปในห้อง มิรินล้มตัวลงกับพื้น มือบางพยายามพยุงตัวขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ขยับ ร่างสูงใหญ่ของภาณุก็ก้าวเข้ามาปิดประตูตามหลังทันทีที่ประตูปิดลง ความเงียบงันในห้องถูกแทนที่ด้วยความร้อนแรงที่พุ่งปะทุขึ้นในดวงตาของเขา เขาก้าวเข้ามาหาเธออย่างไม่ลังเล มือหนาคว้าแขนบางของเธอขึ้นมา ก่อนจะดึงเธอเข้ามาจูบอย่างรุนแรงโดยไม่มีคำอธิบายริมฝีปากของเขาบดเบียดเข้าหาเธออย่างเอาแต่ใจ ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอหนี มิรินดิ้นรนสุดแรง แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเธอกลับยิ่งเป็นการยั่วยุให้เขาเพิ่มแรงกดดัน มือหนาของเขาเลื่อนขึ้นมากระชากชุดเดรสที่เธอสวมจนเสียงฉีกขาดดังสะท้อนในความเงียบ“พอเถอะ... ภาณุ... ได้โปรด...” เสียงเธอขาดห้วง ร่างกายเปลือยเปล่าที่สั่นสะท้านทำให้เธอรู้สึกทั
เช้าวันใหม่มาถึงพร้อมกับแสงแดดที่ส่องลอดผ่านม่านในห้องคอนโดหรู แต่บรรยากาศภายในกลับไม่ได้สงบสุขเช่นเดียวกับความงามของวันใหม่ มิรินนอนขดตัวอยู่บนเตียง ผ้าห่มผืนหนาคลุมร่างเปลือยเปล่าของเธอไว้จนถึงคาง ดวงตาเธอลืมขึ้นช้าๆ แต่ทันทีที่ความทรงจำเมื่อคืนผุดขึ้นมา หัวใจของเธอก็เต้นรัวเธอขยับตัวเล็กน้อย พลันรู้สึกถึงความหนักแน่นของร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงมุมห้อง ภาณุจ้องมองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เขาแต่งตัวเรียบร้อยในชุดสูทเนี๊ยบ มือถือแก้วกาแฟไว้ ขณะที่ดวงตาคมจับจ้องมาที่เธอ“คุณตื่นแล้ว” เสียงของเขาเรียบเฉย แต่น้ำเสียงนั้นกลับแฝงไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้เธอรู้สึกตัวหดเล็กลงมิรินหลุบตามองพื้น เธอไม่กล้าสบตากับเขา ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรหรือแม้แต่ทำอะไรต่อ“ทำไมถึงเงียบล่ะ?” เขาเอ่ยถามอีกครั้ง ก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะข้างตัวแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “เมื่อคืนนี้คุณไม่ค่อยเงียบเท่าไหร่”คำพูดนั้นเหมือนเข็มที่ทิ่มแทง เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและความโกรธ “คุณมันบ้า...” เธอพึมพำ น้ำเสียงสั่นไหว“บ้า?” เขายิ้มเยาะ ก่อนจะก้าวเข้ามาหาเธอจนร่างสูงใหญ่บดบังแสงแดดที
เสียงรองเท้าส้นสูงของมิรินกระทบพื้นลานจอดรถใต้คอนโดหรู ร่างบางพยายามสะบัดข้อมือที่ถูกมือหนาของภาณุกระชากไว้แน่น แต่ยิ่งเธอขัดขืน เขากลับยิ่งเพิ่มแรงดึงราวกับจะไม่ให้เธอหลุดพ้นจากการควบคุมของเขา“ภาณุ! คุณจะพาฉันไปไหน!” เสียงเธอสั่นเครือ ขณะที่เขายังคงเดินลากเธอไปโดยไม่ตอบเมื่อถึงหน้าประตูห้อง เขาเปิดออกอย่างแรง ก่อนจะผลักเธอเข้าไปในห้อง มิรินล้มตัวลงกับพื้น มือบางพยายามพยุงตัวขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ขยับ ร่างสูงใหญ่ของภาณุก็ก้าวเข้ามาปิดประตูตามหลังทันทีที่ประตูปิดลง ความเงียบงันในห้องถูกแทนที่ด้วยความร้อนแรงที่พุ่งปะทุขึ้นในดวงตาของเขา เขาก้าวเข้ามาหาเธออย่างไม่ลังเล มือหนาคว้าแขนบางของเธอขึ้นมา ก่อนจะดึงเธอเข้ามาจูบอย่างรุนแรงโดยไม่มีคำอธิบายริมฝีปากของเขาบดเบียดเข้าหาเธออย่างเอาแต่ใจ ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอหนี มิรินดิ้นรนสุดแรง แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเธอกลับยิ่งเป็นการยั่วยุให้เขาเพิ่มแรงกดดัน มือหนาของเขาเลื่อนขึ้นมากระชากชุดเดรสที่เธอสวมจนเสียงฉีกขาดดังสะท้อนในความเงียบ“พอเถอะ... ภาณุ... ได้โปรด...” เสียงเธอขาดห้วง ร่างกายเปลือยเปล่าที่สั่นสะท้านทำให้เธอรู้สึกทั
เสียง ติ๊ง จากโทรศัพท์ดังขึ้นในความเงียบของห้องทำงานกว้างขวาง โต๊ะไม้สักเรียบหรูเต็มไปด้วยเอกสารและแฟ้มข้อมูลที่ต้องจัดการ แต่สายตาคมของภาณุเบี่ยงไปมองหน้าจอที่สว่างขึ้นมือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู อินสตาแกรม ของมิรินปรากฏขึ้น ภาพถ่ายล่าสุดทำให้เขาต้องชะงักเธอยืนอยู่ในร้านอาหารหรู ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่หัวเราะและสนุกสนาน ชุดผ้าซาตินสีครีมที่เธอสวมแหวกอกลึกจนเห็นเนินอกอวบอิ่ม ดึงดูดสายตาและเรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้ทันที ผ้าซาตินเนียนลื่นราวกับไหลไปตามส่วนโค้งเว้าของร่างกายเธอ ท่าทางโพสต์ถ่ายรูปยิ่งเสริมให้ชุดนั้นดูยั่วยวนเกินพิกัดภาณุจ้องภาพนั้นนิ่ง ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ดวงตาคมวาววับ ความรู้สึกบางอย่างกำลังเดือดพล่านในใจเขา แต่ไม่มีใครสามารถอ่านมันออกได้เขาวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะด้วยแรงที่มากกว่าปกติ ปัง! เสียงดังพอให้ตัวเขาเองต้องสูดลมหายใจลึก“ท่านทูตครับ” เสียงของเลขาดังขึ้นพร้อมกับการก้าวเข้ามาในห้องภาณุหันไปมองด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อะไร?”“เอกสารที่จะต้องส่งให้ทางสถานทูตญี่ปุ่นครับ ผมวางไว้บนโต๊ะแล้ว”เขาพยักหน้าเล็กน้อย รับเอกสารมาวางลงกับโต๊ะ ก่อนจะ
เสียงหวานที่สั่นเครือดังขึ้นในความเงียบสงัดของค่ำคืน“อื้อ... ภานุคะ ปล่อยฉัน!”เสียงวอนขออันแผ่วเบากลายเป็นเพียงลมที่ไร้ผล เมื่อชายหนุ่มตรงหน้าเพียงกระชากร่างเธอเข้ามาแนบชิด ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องไปที่หญิงสาวอย่างดุดัน ริมฝีปากบางเม้มแน่น ไม่สนคำอ้อนวอนที่เปล่งออกมามือแกร่งดึงเสื้อผ้าของเธออย่างไม่ปรานี เสียงเนื้อผ้าฉีกขาดดังสะท้อนในอากาศ จนร่างบางขาวโพลนถูกเผยให้เห็นในความมืดสลัว มีเพียงแสงไฟสีอ่อนจากโคมไฟที่ช่วยเน้นเส้นโค้งเว้าที่อวบอิ่มของร่างกายเธอ ชุดชั้นในลูกไม้สีดำสนิทที่ยังคงปกปิดไว้เพียงเล็กน้อยกลับยิ่งทำให้เธอดูยั่วยวนมิรินยืนหอบหายใจหนักหน่วง มือบางยกขึ้นปิดหน้าอกที่เปลือยเปล่าด้วยความอับอาย แต่สายตาเย็นชาของภาณุกลับไม่แสดงความปรานีแม้แต่น้อย“อย่าทำแบบนี้...” เสียงเธอขาดห้วง ร่างบางสั่นสะท้าน ขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขามืดครึ้มไปด้วยอารมณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้“คิดว่าฉันจะใจอ่อนหรือไง มิริน?” น้ำเสียงเขาต่ำและเยือกเย็น ราวกับคำพูดของเธอไม่เคยมีผลใดกับเขาเขาเอื้อมมือมาจับข้อมือบางของเธอที่พยายามปกป้องตัวเอง น้ำเสียงของเธอที่เคยแข็งกร้าวเริ่มแผ่วลงเมื่อเผชิญกับแรง