เสียงหวานที่สั่นเครือดังขึ้นในความเงียบสงัดของค่ำคืน
“อื้อ... ภานุคะ ปล่อยฉัน!” เสียงวอนขออันแผ่วเบากลายเป็นเพียงลมที่ไร้ผล เมื่อชายหนุ่มตรงหน้าเพียงกระชากร่างเธอเข้ามาแนบชิด ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องไปที่หญิงสาวอย่างดุดัน ริมฝีปากบางเม้มแน่น ไม่สนคำอ้อนวอนที่เปล่งออกมา มือแกร่งดึงเสื้อผ้าของเธออย่างไม่ปรานี เสียงเนื้อผ้าฉีกขาดดังสะท้อนในอากาศ จนร่างบางขาวโพลนถูกเผยให้เห็นในความมืดสลัว มีเพียงแสงไฟสีอ่อนจากโคมไฟที่ช่วยเน้นเส้นโค้งเว้าที่อวบอิ่มของร่างกายเธอ ชุดชั้นในลูกไม้สีดำสนิทที่ยังคงปกปิดไว้เพียงเล็กน้อยกลับยิ่งทำให้เธอดูยั่วยวน มิรินยืนหอบหายใจหนักหน่วง มือบางยกขึ้นปิดหน้าอกที่เปลือยเปล่าด้วยความอับอาย แต่สายตาเย็นชาของภาณุกลับไม่แสดงความปรานีแม้แต่น้อย “อย่าทำแบบนี้...” เสียงเธอขาดห้วง ร่างบางสั่นสะท้าน ขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขามืดครึ้มไปด้วยอารมณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้ “คิดว่าฉันจะใจอ่อนหรือไง มิริน?” น้ำเสียงเขาต่ำและเยือกเย็น ราวกับคำพูดของเธอไม่เคยมีผลใดกับเขา เขาเอื้อมมือมาจับข้อมือบางของเธอที่พยายามปกป้องตัวเอง น้ำเสียงของเธอที่เคยแข็งกร้าวเริ่มแผ่วลงเมื่อเผชิญกับแรงดึงดูดของเขาที่เธอไม่อาจหนีพ้น ความใกล้ชิดที่อึดอัด กลิ่นกายเขาที่แสนร้อนแรง ลมหายใจร้อนที่เป่ารดต้นคอของเธอ ทุกอย่างเหมือนกับพันธนาการที่ทำให้เธออ่อนแรงลงทีละน้อย แต่ในขณะเดียวกันก็ปลุกไฟบางอย่างในใจเธอที่เธอไม่อยากยอมรับ... “ถ้าเธอคิดจะท้าทายฉัน... ก็เตรียมรับผลลัพธ์ไว้ให้ดี” เสียงของเขาตอกย้ำ ร่างสูงโถมเข้ามาใกล้จนเธอไม่อาจหลีกหนี “อย่าดิ้นให้เหนื่อยเปล่าเลย มิริน” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นในความเงียบ ดวงตาคมกริบที่เย็นชาเหมือนน้ำแข็งจ้องมองร่างบางตรงหน้า ราวกับจะปลิดชีพเธอด้วยสายตาเพียงอย่างเดียว “ปล่อยฉันเถอะค่ะ!” มิรินพยายามถอยหนี ขณะที่มือหนาของเขาคว้าข้อมือเธอไว้แน่นจนเธอแทบจะขยับไม่ได้ “ปล่อย?” เขาหัวเราะในลำคอ ริมฝีปากบางยกขึ้นเพียงนิดในรอยยิ้มเย้ยหยัน “เธอคิดว่าฉันจะฟังคำขอร้องของเธอเหรอ? มิริน... เธอเป็นคนยอมเดินเข้ามาในกรงนี้เอง จำไว้” เสียงของเขาเรียบ แต่ทุกคำหนักแน่นจนเธอรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า ร่างกายสั่นสะท้านเมื่อเสื้อผ้าของเธอถูกเขากระชากออกโดยไม่แสดงความลังเล "อ๊ะ!" เสียงเธอขาดห้วง เมื่อเนื้อผ้าฉีกขาดจนเผยให้เห็นผิวเนียนขาวใต้แสงไฟสลัว ร่างบางในชุดชั้นในลูกไม้สีดำตัดกับผิวขาวโพลนเป็นภาพที่เหมือนหลุดออกมาจากฝันร้ายที่สวยงาม เขามองเธอด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก มือหนายกขึ้นเชยคางเธออย่างอ่อนโยนจนน่ากลัว แต่คำพูดที่ออกมากลับเฉียบคมดั่งคมมีด “ฟังนะ...” เขาก้มลงมา กระซิบข้างหูของเธอด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นที่ทำให้หัวใจของเธอหยุดเต้นไปชั่วขณะ “ถ้าเธออยากมีชีวิตที่สงบสุขในบ้านหลังนี้ เธอมีหน้าที่แค่ฟังคำสั่งของฉัน และทำตัวให้สมกับตำแหน่งที่ครอบครัวเธอส่งเธอมาที่นี่... ไม่มีอะไรมากกว่านั้น” น้ำเสียงของเขาชัดเจนจนมิรินไม่อาจหาคำตอบโต้ ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความสับสนและเจ็บปวด แต่ภาณุเพียงแค่ถอยออกไปเล็กน้อย ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมระหว่างพวกเขา “เธออยากพิสูจน์ตัวเองใช่ไหม?” เขาถามพลางมองเธอด้วยสายตาเย้ยหยัน ราวกับเธอเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมของเขา “งั้นก็แสดงให้ฉันเห็น... ว่าเธอมีค่าพอให้ฉันมอง” เขาทิ้งคำพูดนั้นไว้ในอากาศก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้เธอยืนสั่นสะท้านอยู่ในความเงียบ มิรินยืนกอดตัวเอง น้ำตาที่กลั้นไว้เริ่มไหลอาบแก้ม เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะรับมือกับชายคนนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่ใช่แค่คนเย็นชา... แต่เขาคือคนที่สามารถบดขยี้หัวใจเธอได้เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ จุดเริ่มต้นของเงื่อนไขที่ไร้ทางเลือก... และไฟที่รอวันจะปะทุในหัวใจของทั้งสองเสียง ติ๊ง จากโทรศัพท์ดังขึ้นในความเงียบของห้องทำงานกว้างขวาง โต๊ะไม้สักเรียบหรูเต็มไปด้วยเอกสารและแฟ้มข้อมูลที่ต้องจัดการ แต่สายตาคมของภาณุเบี่ยงไปมองหน้าจอที่สว่างขึ้นมือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู อินสตาแกรม ของมิรินปรากฏขึ้น ภาพถ่ายล่าสุดทำให้เขาต้องชะงักเธอยืนอยู่ในร้านอาหารหรู ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่หัวเราะและสนุกสนาน ชุดผ้าซาตินสีครีมที่เธอสวมแหวกอกลึกจนเห็นเนินอกอวบอิ่ม ดึงดูดสายตาและเรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้ทันที ผ้าซาตินเนียนลื่นราวกับไหลไปตามส่วนโค้งเว้าของร่างกายเธอ ท่าทางโพสต์ถ่ายรูปยิ่งเสริมให้ชุดนั้นดูยั่วยวนเกินพิกัดภาณุจ้องภาพนั้นนิ่ง ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ดวงตาคมวาววับ ความรู้สึกบางอย่างกำลังเดือดพล่านในใจเขา แต่ไม่มีใครสามารถอ่านมันออกได้เขาวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะด้วยแรงที่มากกว่าปกติ ปัง! เสียงดังพอให้ตัวเขาเองต้องสูดลมหายใจลึก“ท่านทูตครับ” เสียงของเลขาดังขึ้นพร้อมกับการก้าวเข้ามาในห้องภาณุหันไปมองด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อะไร?”“เอกสารที่จะต้องส่งให้ทางสถานทูตญี่ปุ่นครับ ผมวางไว้บนโต๊ะแล้ว”เขาพยักหน้าเล็กน้อย รับเอกสารมาวางลงกับโต๊ะ ก่อนจะ
เสียงรองเท้าส้นสูงของมิรินกระทบพื้นลานจอดรถใต้คอนโดหรู ร่างบางพยายามสะบัดข้อมือที่ถูกมือหนาของภาณุกระชากไว้แน่น แต่ยิ่งเธอขัดขืน เขากลับยิ่งเพิ่มแรงดึงราวกับจะไม่ให้เธอหลุดพ้นจากการควบคุมของเขา“ภาณุ! คุณจะพาฉันไปไหน!” เสียงเธอสั่นเครือ ขณะที่เขายังคงเดินลากเธอไปโดยไม่ตอบเมื่อถึงหน้าประตูห้อง เขาเปิดออกอย่างแรง ก่อนจะผลักเธอเข้าไปในห้อง มิรินล้มตัวลงกับพื้น มือบางพยายามพยุงตัวขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ขยับ ร่างสูงใหญ่ของภาณุก็ก้าวเข้ามาปิดประตูตามหลังทันทีที่ประตูปิดลง ความเงียบงันในห้องถูกแทนที่ด้วยความร้อนแรงที่พุ่งปะทุขึ้นในดวงตาของเขา เขาก้าวเข้ามาหาเธออย่างไม่ลังเล มือหนาคว้าแขนบางของเธอขึ้นมา ก่อนจะดึงเธอเข้ามาจูบอย่างรุนแรงโดยไม่มีคำอธิบายริมฝีปากของเขาบดเบียดเข้าหาเธออย่างเอาแต่ใจ ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอหนี มิรินดิ้นรนสุดแรง แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเธอกลับยิ่งเป็นการยั่วยุให้เขาเพิ่มแรงกดดัน มือหนาของเขาเลื่อนขึ้นมากระชากชุดเดรสที่เธอสวมจนเสียงฉีกขาดดังสะท้อนในความเงียบ“พอเถอะ... ภาณุ... ได้โปรด...” เสียงเธอขาดห้วง ร่างกายเปลือยเปล่าที่สั่นสะท้านทำให้เธอรู้สึกทั
เช้าวันใหม่มาถึงพร้อมกับแสงแดดที่ส่องลอดผ่านม่านในห้องคอนโดหรู แต่บรรยากาศภายในกลับไม่ได้สงบสุขเช่นเดียวกับความงามของวันใหม่ มิรินนอนขดตัวอยู่บนเตียง ผ้าห่มผืนหนาคลุมร่างเปลือยเปล่าของเธอไว้จนถึงคาง ดวงตาเธอลืมขึ้นช้าๆ แต่ทันทีที่ความทรงจำเมื่อคืนผุดขึ้นมา หัวใจของเธอก็เต้นรัวเธอขยับตัวเล็กน้อย พลันรู้สึกถึงความหนักแน่นของร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงมุมห้อง ภาณุจ้องมองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เขาแต่งตัวเรียบร้อยในชุดสูทเนี๊ยบ มือถือแก้วกาแฟไว้ ขณะที่ดวงตาคมจับจ้องมาที่เธอ“คุณตื่นแล้ว” เสียงของเขาเรียบเฉย แต่น้ำเสียงนั้นกลับแฝงไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้เธอรู้สึกตัวหดเล็กลงมิรินหลุบตามองพื้น เธอไม่กล้าสบตากับเขา ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรหรือแม้แต่ทำอะไรต่อ“ทำไมถึงเงียบล่ะ?” เขาเอ่ยถามอีกครั้ง ก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะข้างตัวแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “เมื่อคืนนี้คุณไม่ค่อยเงียบเท่าไหร่”คำพูดนั้นเหมือนเข็มที่ทิ่มแทง เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและความโกรธ “คุณมันบ้า...” เธอพึมพำ น้ำเสียงสั่นไหว“บ้า?” เขายิ้มเยาะ ก่อนจะก้าวเข้ามาหาเธอจนร่างสูงใหญ่บดบังแสงแดดที
เช้าวันใหม่มาถึงพร้อมกับแสงแดดที่ส่องลอดผ่านม่านในห้องคอนโดหรู แต่บรรยากาศภายในกลับไม่ได้สงบสุขเช่นเดียวกับความงามของวันใหม่ มิรินนอนขดตัวอยู่บนเตียง ผ้าห่มผืนหนาคลุมร่างเปลือยเปล่าของเธอไว้จนถึงคาง ดวงตาเธอลืมขึ้นช้าๆ แต่ทันทีที่ความทรงจำเมื่อคืนผุดขึ้นมา หัวใจของเธอก็เต้นรัวเธอขยับตัวเล็กน้อย พลันรู้สึกถึงความหนักแน่นของร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงมุมห้อง ภาณุจ้องมองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เขาแต่งตัวเรียบร้อยในชุดสูทเนี๊ยบ มือถือแก้วกาแฟไว้ ขณะที่ดวงตาคมจับจ้องมาที่เธอ“คุณตื่นแล้ว” เสียงของเขาเรียบเฉย แต่น้ำเสียงนั้นกลับแฝงไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้เธอรู้สึกตัวหดเล็กลงมิรินหลุบตามองพื้น เธอไม่กล้าสบตากับเขา ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรหรือแม้แต่ทำอะไรต่อ“ทำไมถึงเงียบล่ะ?” เขาเอ่ยถามอีกครั้ง ก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะข้างตัวแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “เมื่อคืนนี้คุณไม่ค่อยเงียบเท่าไหร่”คำพูดนั้นเหมือนเข็มที่ทิ่มแทง เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและความโกรธ “คุณมันบ้า...” เธอพึมพำ น้ำเสียงสั่นไหว“บ้า?” เขายิ้มเยาะ ก่อนจะก้าวเข้ามาหาเธอจนร่างสูงใหญ่บดบังแสงแดดที
เสียงรองเท้าส้นสูงของมิรินกระทบพื้นลานจอดรถใต้คอนโดหรู ร่างบางพยายามสะบัดข้อมือที่ถูกมือหนาของภาณุกระชากไว้แน่น แต่ยิ่งเธอขัดขืน เขากลับยิ่งเพิ่มแรงดึงราวกับจะไม่ให้เธอหลุดพ้นจากการควบคุมของเขา“ภาณุ! คุณจะพาฉันไปไหน!” เสียงเธอสั่นเครือ ขณะที่เขายังคงเดินลากเธอไปโดยไม่ตอบเมื่อถึงหน้าประตูห้อง เขาเปิดออกอย่างแรง ก่อนจะผลักเธอเข้าไปในห้อง มิรินล้มตัวลงกับพื้น มือบางพยายามพยุงตัวขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ขยับ ร่างสูงใหญ่ของภาณุก็ก้าวเข้ามาปิดประตูตามหลังทันทีที่ประตูปิดลง ความเงียบงันในห้องถูกแทนที่ด้วยความร้อนแรงที่พุ่งปะทุขึ้นในดวงตาของเขา เขาก้าวเข้ามาหาเธออย่างไม่ลังเล มือหนาคว้าแขนบางของเธอขึ้นมา ก่อนจะดึงเธอเข้ามาจูบอย่างรุนแรงโดยไม่มีคำอธิบายริมฝีปากของเขาบดเบียดเข้าหาเธออย่างเอาแต่ใจ ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอหนี มิรินดิ้นรนสุดแรง แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเธอกลับยิ่งเป็นการยั่วยุให้เขาเพิ่มแรงกดดัน มือหนาของเขาเลื่อนขึ้นมากระชากชุดเดรสที่เธอสวมจนเสียงฉีกขาดดังสะท้อนในความเงียบ“พอเถอะ... ภาณุ... ได้โปรด...” เสียงเธอขาดห้วง ร่างกายเปลือยเปล่าที่สั่นสะท้านทำให้เธอรู้สึกทั
เสียง ติ๊ง จากโทรศัพท์ดังขึ้นในความเงียบของห้องทำงานกว้างขวาง โต๊ะไม้สักเรียบหรูเต็มไปด้วยเอกสารและแฟ้มข้อมูลที่ต้องจัดการ แต่สายตาคมของภาณุเบี่ยงไปมองหน้าจอที่สว่างขึ้นมือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู อินสตาแกรม ของมิรินปรากฏขึ้น ภาพถ่ายล่าสุดทำให้เขาต้องชะงักเธอยืนอยู่ในร้านอาหารหรู ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่หัวเราะและสนุกสนาน ชุดผ้าซาตินสีครีมที่เธอสวมแหวกอกลึกจนเห็นเนินอกอวบอิ่ม ดึงดูดสายตาและเรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้ทันที ผ้าซาตินเนียนลื่นราวกับไหลไปตามส่วนโค้งเว้าของร่างกายเธอ ท่าทางโพสต์ถ่ายรูปยิ่งเสริมให้ชุดนั้นดูยั่วยวนเกินพิกัดภาณุจ้องภาพนั้นนิ่ง ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ดวงตาคมวาววับ ความรู้สึกบางอย่างกำลังเดือดพล่านในใจเขา แต่ไม่มีใครสามารถอ่านมันออกได้เขาวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะด้วยแรงที่มากกว่าปกติ ปัง! เสียงดังพอให้ตัวเขาเองต้องสูดลมหายใจลึก“ท่านทูตครับ” เสียงของเลขาดังขึ้นพร้อมกับการก้าวเข้ามาในห้องภาณุหันไปมองด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อะไร?”“เอกสารที่จะต้องส่งให้ทางสถานทูตญี่ปุ่นครับ ผมวางไว้บนโต๊ะแล้ว”เขาพยักหน้าเล็กน้อย รับเอกสารมาวางลงกับโต๊ะ ก่อนจะ
เสียงหวานที่สั่นเครือดังขึ้นในความเงียบสงัดของค่ำคืน“อื้อ... ภานุคะ ปล่อยฉัน!”เสียงวอนขออันแผ่วเบากลายเป็นเพียงลมที่ไร้ผล เมื่อชายหนุ่มตรงหน้าเพียงกระชากร่างเธอเข้ามาแนบชิด ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องไปที่หญิงสาวอย่างดุดัน ริมฝีปากบางเม้มแน่น ไม่สนคำอ้อนวอนที่เปล่งออกมามือแกร่งดึงเสื้อผ้าของเธออย่างไม่ปรานี เสียงเนื้อผ้าฉีกขาดดังสะท้อนในอากาศ จนร่างบางขาวโพลนถูกเผยให้เห็นในความมืดสลัว มีเพียงแสงไฟสีอ่อนจากโคมไฟที่ช่วยเน้นเส้นโค้งเว้าที่อวบอิ่มของร่างกายเธอ ชุดชั้นในลูกไม้สีดำสนิทที่ยังคงปกปิดไว้เพียงเล็กน้อยกลับยิ่งทำให้เธอดูยั่วยวนมิรินยืนหอบหายใจหนักหน่วง มือบางยกขึ้นปิดหน้าอกที่เปลือยเปล่าด้วยความอับอาย แต่สายตาเย็นชาของภาณุกลับไม่แสดงความปรานีแม้แต่น้อย“อย่าทำแบบนี้...” เสียงเธอขาดห้วง ร่างบางสั่นสะท้าน ขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขามืดครึ้มไปด้วยอารมณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้“คิดว่าฉันจะใจอ่อนหรือไง มิริน?” น้ำเสียงเขาต่ำและเยือกเย็น ราวกับคำพูดของเธอไม่เคยมีผลใดกับเขาเขาเอื้อมมือมาจับข้อมือบางของเธอที่พยายามปกป้องตัวเอง น้ำเสียงของเธอที่เคยแข็งกร้าวเริ่มแผ่วลงเมื่อเผชิญกับแรง