วันต่อมา…ฮันน่าตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยความสุขเหมือนกับทุกๆ วัน มือบางยกขึ้นเพื่อที่จะกอดชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆ เหมือนกับทุกวันพรึบ!!แต่ไม่ว่าจะสัมผัสไปตรงไหนก็พบกับความว่างเปล่าไม่มีใคร คิ้วสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาสำรวจสิ่งที่อยู่รอบข้าง“หายไปไหนแต่เช้านะ?”คำถามแรกที่ผุดเข้ามาในหัว และเป็นคำถามเดียวที่เธออยากรู้มากที่สุดในตอนนี้ เมื่อเตียงที่เคยนอนด้วยกันกลับไม่มีเคย์สันนอนอยู่ด้วยเหมือนเคยสายตาเฉี่ยวคมมองเห็นกระดาษที่มีข้อความบางอย่างวางอยู่ที่โต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนที่เธอจะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่านขอโทษที่ไม่ได้ปลุก พอดีมีงานด่วนรีบอาบน้ำแต่งตัวนะ เดี๋ยวจะมีคนมาส่งที่บริษัทเคสันข้อความในกระดาษเพียงสั้นๆ แต่กลับทำให้ฮันน่ารู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวรับรู้ได้ถึงความรักและความเป็นห่วงที่เขามีต่อเธอคนมีความรักก็ย่อมมีความสุขกันเป็นธรรมดา ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยรอยยิ้มนับวันความสัมพันธ์ของเขาและเธอก็ยิ่งดีขึ้น และเคย์สันยังทำหน้าที่แฟนได้ดีมากๆ ดีจนแทบจะไม่มีที่ติ ดีจนเธอรักเธอหลงไม่ไหวแล้วฮันน่ายังคงนั่งมองกระดาษในมือพร้อมรอยยิ้ม การมีแฟนไ
หลังจากที่เคย์สันทานอาหารเช้ากับฮันน่าเสร็จ เขาก็ไปส่งเธอที่คอนโด ก่อนจะออกเดินทางไปยังสนามบินส่วนตัว เพื่อที่จะขึ้นเครื่องบินส่วนตัวเดินทางไปดูงานที่ต่างจังหวัดใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงนิดๆ ก่อนที่เครื่องบินส่วนตัวจะลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เคย์สันต้องมาตรวจดูงานในวันนี้มาเฟียหนุ่มใช้โอกาสนี้มาตรวจเช็คโกดังสินค้าใหม่ด้วยตัวเองและถือโอกาสนี้พาคู่ค้าไปทานอาหารเพื่อเป็นการผูกมิตรกันเอาไว้หลังจากที่เคลียร์ปัญหาที่โกดังสินค้าเสร็จ ชายหนุ่มก็เดินทางไปยังร้านอาหารที่คู่ค้านัดคุยงานกันเอาไว้ทันที“สวัสดีครับ” เคย์สันทักทายคู่ค้าอย่างเป็นมิตร เพราะต้องพึ่งพากันในด้านของธุรกิจไปอีกนาน“สวัสดีครับ ไม่คิดเลยว่าคุณเคย์สันจะมาพบผมด้วยตัวเอง” คู่ค้าวัยห้าสิบท้วงขึ้นด้วยความดีใจ เพราะรู้ดีว่าเคย์สันงานยุ่งและค่อนข้างถือตัวไม่ค่อยออกมาพบใคร“ผมมาตรวจโกดังใหม่พอดี ก็เลยถือโอกาสนี้มาทานอาหารตามคำเชิญของคุณวินิจครับ” เคย์สันตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร เพราะเขารู้ดีว่าควรวางตัวกับใครยังไงบ้าง“ขอบคุณมากนะครับที่มา ร้านนี้อาหารอร่อยมาก ผมสั่งอาหารเอาไว้แล้วรอสักครู่นะครับ” วินิจเตรียมการต้
“คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาบังคับคนอื่นแบบนี้นะคะ”“ทำไมผมจะไม่มีสิทธิ์” เคย์สันรู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตัวเองอีกครั้ง เมื่อได้เจอผู้หญิงที่เขารักและเธอกำลังยืนอยู่ตรงหน้า“ฉันคงไปกับคุณไม่ได้ เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว” มีนาพยายามคิดถึงความเป็นจริงที่เธอจะต้องยอมรับ“แล้วไหนบอกว่าไม่รู้จักกัน” ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่สนใจในสิ่งที่เธอพูดออกมา แต่เขาเลือกที่จะถามในสิ่งที่อยากรู้ออกไปแทน“ลืมมันไปเถอะค่ะ คุณเองก็มีคนใหม่แล้วอย่าทำแบบนี้เลย”มีนาเตือนสติชายหนุ่มตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ความรู้สึกเจ็บปวดพุ่งเข้ามาในใจเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มมีผู้หญิงคนใหม่แล้ว“ทำไมต้องมาทนลำบากขนาดนี้ด้วย”มาเฟียหนุ่มเอ่ยถามเสียงเบาพร้อมกับดึงอดีตภรรยาเข้ามากอดเอาไว้แน่น ตอนนี้เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความรู้สึกที่มีต่อเธอนั้นยังเหมือนเดิมทุกอย่างไม่เคยเปลี่ยน“….” มีนาถึงกับเงียบไปและเธอก็รับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงที่ชายหนุ่มมีต่อเธอ“ถ้าลำบากทำไมไม่กลับมาหาฉัน”เคย์สันคลายอ้อมกอด ก่อนจะคว้ามือหญิงสาวมาจับเอาไว้แน่น และความรู้สึกสงสารก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อได้สัมผัสมือบางที่เคยเนียนนุ่ม ซึ่งตอนนี้ดูหยาบกระด้างขึ้นเ
ระหว่างช่วงเวลาที่เดินทางกลับ หัวใจแกร่งรู้สึกล่องลอยและเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ยิ่งเห็นภาพที่มีนาอุ้มเด็กผู้หญิงออกมา เขาก็ยิ่งสงสัยและอยากรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกใครถึงแม้ในใจอยากจะอยู่ต่อ เพื่อตามสืบเรื่องของมีนาและเป็นห่วงไม่อยากจะให้เธอต้องทนลำบากทำงานที่หนักๆ เรียกได้ว่ากลับแค่ตัว แต่ใจยังคงอยู่กับหญิงสาวอีกคนที่เชียงใหม่ติ้ง!! ติ้ง!!เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นแทบทั้งวัน แต่ชายหนุ่มกลับเมินเฉยไม่สนใจ จนกระทั่งถึงตอนกลับเขาค่อยกดเข้าไปอ่านข้อความLINEHANNA : ใกล้ถึงหรือยังคะ?HANNA : หนูทำอาหารเอาไว้รอทานพร้อมเฮียนะHANNA : ส่งรูปภาพพร้อมกับรูปภาพภายในห้องครัวใหญ่ที่มีของวางเตรียมเอาไว้เพื่อทำอาหารความรู้สึกสับสนติดอยู่ภายในใจจนกระทั่งเคย์สันกลับมาถึงบ้าน และเห็นหญิงสาวนอนหลับอยู่ในห้องรับแขกมือและแขนของเธอมีจุดสีแดงหลายจุดซึ่งน่าจะเป็นแผลตอนที่เธอทำอาหาร ถึงแม้เธอจะทำอาหารไม่เก่ง แต่เธอก็ตั้งใจทำทุกอย่างเอาไว้รอในตอนที่เขากลับมาจุ๊บ!!ริมฝีปากหนาประกบลงที่หน้าผากมนอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน แต่ไม่ว่าจะเบาแค่ไหนคนตัวเล็กก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจนได้ มือบางสวมกอดคนตรงหน้าด้
เคย์สันอยู่เล่นกับลูกและอยู่เป็นเพื่อนมีนาจนดึกและเขาก็ยังไม่ยอมกลับสักที จนกระทั่ง…ครืด~ ครืด~“ขอตัวออกไปรับสายก่อนนะ” เคย์สันหันไปบอกมีนาเสียงเบา เพราะลูกสาวตัวเล็กพึ่งจะนอนหลับไปได้ไม่นาน“ค่ะ”มีนาตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ บางทีการใช้ชีวิตแบบนี้ก็มีความสุขไปอีกแบบ ได้อยู่กันพร้อมหน้า ราวกับครอบครัวสุขสันต์ ที่เติมเต็มความสุขให้ลูกสาวตัวน้อยได้อย่างเต็มที่ด้วยการที่มีทั้งพ่อและแม่อยู่ด้วยกันตลอดทั้งวันเคย์มัวแต่ยุ่งกับการดูแลลูกสาว จนเผลอละเลยความรู้สึกของผู้หญิงอีกคนที่โทรหาเขาทั้งวัน แต่เขาก็ไม่ยอมรับสายเธอเลยจนถึงตอนดึก(ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ หนูโทรไปทั้งวันไม่เห็นรับสายหนูเลย) ฮันน่าพยายามถามด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุด ถึงแม้ในใจจะรู้สึกเจ็บแค่ไหนก็ตาม“วันนี้งานยุ่ง” เคย์สันยังคงเอาเรื่องงานมาอ้างเพื่อให้หญิงสาวเชื่อว่าเขามาทำงานจริงๆ(เคลียร์งานยังไม่เสร็จเหรอคะ ทำไมถึงยังไม่กลับ) ฮันน่ามองดูเวลาที่ใกล้จะสองทุ่มแล้ว“ใช่” เคย์สันเงียบไปสักพักก่อนจะตอบออกมา(ถ้างานมีปัญหาก็เคลียร์งานก่อนเถอะค่ะ) ฮันน่าบอกด้วยความเข้าใจและไม่อยากรบกวนเวลางานของชายหนุ่ม“ถึงบ้านแล้วใช่ไหม” เคย์สันถามไป
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา เคย์สันยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เวลาไปทำงานก็ออกจากบ้านแต่เช้า และกลับบ้านดึกทุกวันส่วนฮันน่าก็พยายามทำตัวปกติ ไม่ได้ทำตัวงี่เง่าหรือเซ้าซี้อะไร วันไหนมีเรียนเธอก็ไปเรียนตามปกติ พอเรียนเสร็จก็กลับบ้านและรอข่าวจากนักสืบเธอเธอจ้างเอาไว้และวันนี้ก็เป็นวันที่ฮันน่ารอคอยมาตลอดทั้งอาทิตย์ เพราะวันนี้นักสืบนัดส่งรายงานผลการติดตามตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาหญิงสาวนั่งรอการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์อย่างใจจดใจจ่อ รอแล้วรอเล่าเมื่อไหร่นักสืบจะส่งมาติ้ง!! ติ้ง!! ติ้ง!!เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมารัวๆ เมื่อถึงเวลานัดหมาย ฮันน่านั่งนิ่งพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อเป็นการตั้งสติและทำใจกับสิ่งที่เธอจะได้เห็นต่อไปนี้เมื่อเปิดดูรูปภาพฮันน่าก็แทบล้มทั้งยืนกับภาพที่เห็น หัวใจดวงน้อยจุกหน่วงขึ้นมาเมื่อได้เห็นภาพของเคย์สันกับผู้หญิงคนอื่นข้อมูลยาวเหยียดที่นักสืบส่งมาแต่ฮันน่าก็ไม่ได้อ่านทุกคำ เพราะทนอ่านไม่ไหว เธอจึงเลือกที่จะดูผ่านๆ และจับใจความสำคัญได้ว่า เคย์สันไปเจอผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่วันแรกที่เขาไปทำงานที่เชียงใหม่ และเป็นวันแรกที่เขากลับบ้านดึกและให้เหตุผลกับเธอว่างานมีปัญหา
เคย์สันอุ้มหญิงสาวขึ้นมาบนห้องนอน เพราะถ้าขืนปล่อยให้คนเมาเดินเองใช้เวลาสองชั่วโมงก็คงเดินไม่ถึงห้อง“ไปพักได้ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” มาเฟียหนุ่มหันไปบอกลูกน้องคนสนิทที่เดินตามหลังมาไม่ห่างร่างบางถูกวางลงบนเตียงนอนอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกผิดเจ็บลึกอยู่ภายในใจที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องออกไปดื่มจนเมากลับมาแบบนี้“อาบน้ำไหวมั้ย?” มาเฟียหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า“ไม่ไหวค่ะ” ฮันน่าตอบพร้อมกับส่ายหน้ารัวๆ“นั่งรอก่อนนะเดี๋ยวจะเช็ดตัวให้” เคย์สันไม่อยากให้เธอนอนสภาพนี้ ถึงจะอาบน้ำไม่ไหวแต่ถ้าได้เช็ดตัวเธอก็คงจะนอนสบายขึ้น“หนูอาบคนเดียวไม่ไหว เฮียช่วยอาบน้ำให้หนูหน่อยได้มั้ยคะ” ทันทีที่พูดจบฮันน่าก็ซุกใบหน้าไปที่หน้าอกแกร่งทั้งกอดทั้งอ้อนถึงจะเมาแค่ไหนหญิงสาวก็ยังพอมีสติอยู่บ้าง และอยากจะลองใจเคย์สัน เธออยากจะรู้เหมือนกันว่าเขายังคิดยังไง และเขายังรู้สึกกับเธอเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า“เมียใครทำไมอ้อนเก่งจังเลย” แขนแกร่งกอดหญิงสาวเอาไว้แน่นในอ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรัก ก่อนจะอุ้มร่างบางเข้าไปในห้องน้ำตามที่เธอต้องการคำว่าเมียที่เขาพูดออกมาทำเอาฮันน่าแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ใจดวงน้อยป
หลายวันผ่านไปชีวิตยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งฮันน่าก็ยังไม่ได้รับความชัดเจนอะไรจากเคย์สัน ไม่มีคำขอโทษหรือการสารภาพอะไรออกมาฮันน่าเป็นฝ่ายที่ทนรอต่อไปไม่ไหว เธออยากจะรู้และเห็นทุกอย่างด้วยตัวของเธอเองเพื่อความแน่ใจอีกสักครั้ง (ถ้าจะเจ็บก็เจ็บให้สุด)หญิงสาวยืนอยู่หน้าโรงพยาบาลหรูที่ติดอันดับต้นๆ ของประเทศ ส่วนเรื่องของราคาและค่ารักษาคงไม่ต้องบอกว่าแพงแค่ไหนฮันน่าตัดสินใจที่จะตามมาดูให้เห็นกับตา และวันนี้เธอก็ได้เห็นในสิ่งที่เธอต้องการจะเห็นแล้วจริงๆสายตานิ่งเรียบมองผ่านช่องกระจกใสเล็กๆ ที่อยู่หน้าประตู และเธอก็ได้เห็นว่าลูกสาวเขาป่วยหนักจริงๆ ส่วนคนเป็นแม่ก็ดูแลลูกสาวอย่างใกล้ชิดไม่ยอมห่างไปไหน“หมอมาตรวจหรือยัง”เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาทำให้ฮันน่าต้องรีบหาที่หลบ เพราะเธอไม่อยากจะให้เขาเห็นและรู้ในตอนนี้“มาแล้วครับ” เสียงของลูกน้องคนสนิทตอบก่อนจะเปิดประตูให้เจ้านายได้เข้าไปหาลูกสาวที่กำลังรอเขาอยู่หลังจากที่เจ้านายเข้าไปในห้อง ลูกน้องก็ต่างเดินออกไปรอที่อื่นเพื่อให้เจ้านายได้มีเวลาส่วนตัวฮันน่าเดินออกมายืนดูที่หน้าประตูเหมือนเดิม และเห็นว่าเคย์สันกำลังเล่นกับลูกสาวและภรรยาอย่า
เช้าวันต่อมาฮันน่ากับเคย์สันตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวัน พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จทั้งสองก็จัดการเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เรียบร้อยค่าใช้จ่ายในงานทั้งหมดที่เคย์สันต้องจ่ายเกือบสองล้าน เพราะมีทั้งค่าสถานที่ ค่าอาหาร ค่าเวที ค่านักร้อง ค่าเครื่องดื่ม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งยังไม่รวมค่าชุดกับค่าแต่งหน้าที่เขาจะต้องกลับไปเคลียร์ที่กรุงเทพฯ อีกวันนี้ฮันน่าชวนเคย์สันออกไปเดินเล่นที่ริมทะเล เนื่องจากต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกหลายวัน จึงต้องออกมาเดินเที่ยวเล่นชมบรรยากาศกันสักหน่อย“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฮันน่าถามขึ้นเมื่อเคย์สันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าและท่าทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่“เอ่อ… คือ งานที่กรุงเทพมีปัญหา ต้องรีบกลับไปเคลียร์” เคย์สันอ้ำอึ้งก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา ซึ่งเป็นงานสำคัญที่เขาไม่อาจจะเลี่ยงได้“หนูขอไปเก็บของก่อนได้มั้ยคะ” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ถึงในใจจะแอบผิดหวังอยู่บ้าง“ไม่อยู่เที่ยวต่อเหรอ” มาเฟียหนุ่มถามขึ้น เพราะเขารู้ดีว่าฮันน่าชอบทะเลมากแค่ไหน ถ้าได้มาแล้วเขาก็อยากจะให้เธอได้พักผ่อนที่นี่ก่อน“ไม่เป็นไรค่ะ หนูกลับพร้อมเฮียเลยดีกว่า” ฮันน่าตอบ“เดี๋ยวจะพามาเที่ยวใหม่
พิธีการต่างๆ ถูกดำเนินมาจนถึงขั้นตอนสุดท้ายของงาน นั่นก็คือการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอ ถึงแม้แขกบางส่วนจะทยอยกลับกันบ้างแล้ว แต่ก็ยังเหลือบางส่วนที่รออยู่จนถึงขั้นตอนนี้ทุกคนต่างก็ร่วมอวยพรให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวกันอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวออกไปเพื่อให้ทั้งสองคนได้พักผ่อนและมีเวลาส่วนตัว“ม๊าอยากเลี้ยงหลานแล้วนะ” ก่อนจะออกไปคุณแม่ของฮันน่าก็ไม่ลืมที่จะพูดย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง“ม๊าคะ” ใบหน้าสวยร้อนแผ่วรู้สึกเขินอายในสิ่งที่คุณแม่พูดออกมา“ไม่ต้องห่วงนะครับ” เคย์สันหันไปบอกแม่ยายพร้อมรอยยิ้ม เพราะเขาเองก็อยากจะมีลูกแล้วเหมือนกันหลังจากที่ทุกคนเดินออกไป เคย์สันก็เดินเข้าไปหาหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงกว้างทันที“เหนื่อยมั้ย” มาเฟียหนุ่มถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง มือหนาจับปลายคางให้เชิ่ดขึ้น เพื่อที่เขาจะได้มองใบหน้าสวยได้ชัดเจน“นิดหน่อยค่ะ” ฮันน่าฉีกยิ้มกว้างถึงแม้จะเหนื่อยแต่ทุกอย่างก็คุ้มค่าสำหรับเธอ“แล้วเมื่อไหร่เราจะมีลูกด้วยกัน” เคย์สันถามขึ้น เพราะนี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าฮันน่าจะท้องเลยสักนิด ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจทำมาตลอด“เฮียอยากมีลูกเหรอคะ” ฮันน่าถามย้ำด้วยความตก
วันต่อมาเวลา 16:00 น.แสงแดดอ่อนๆ กับสายลมเย็นสบาย เสียงคลื่นซัดสาดเป็นระยะ บรรยากาศเย็นสบายตามแบบฉบับของธรรมชาติหาดทราย สายลม แสงแดด ท้องฟ้าสีสวย กับทะเลสีคราม ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นความฝันของผู้หญิงหลายๆ คนโต๊ะเก้าอี้จัดเรียงเอาไว้อย่างสวยงาม มีทั้งโซนอาหารและเครื่องดื่มที่จัดเตรียมเอาไว้สำหรับแขกทุกคนที่มาร่วมงานทางเดินเล็กๆ ที่เตรียมเอาไว้ให้สำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้เดินขึ้นเวที และตลอดทางก็มีดอกกุหลาบสีขาวสลับกับสีแดงสดจัดเรียงเอาไว้ทั่วงาน ซึ่งดูสวยงามและลงตัวเป็นอย่างมากและตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาเริ่มงานแล้ว แขกในงานก็เริ่มทยอยมากันจนใกล้จะครบแล้ว บรรดาเพื่อนๆ ต่างทำหน้าที่ต้อนรับแขกแทนเจ้าของงานได้เป็นอย่างดีทุกคนที่มาร่วมงานในวันนี้ต่างก็เป็นคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อนสนิทที่ต่างก็มาร่วมแสดงความยินดีในงานวันนี้“ข้างนอกคนเยอะมั้ย” ความตื่นเต้นทำเอาเจ้าสาวของงานเดินไปเดินมาไม่หยุด ใครเข้ามาก็ถามทุกครั้งว่าคนเยอะหรือเปล่าฮันน่าอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตา ภายนอกอาจจะดูเรียบๆ แต่กลับมีลายปักดอกไม้แฝงอยู่ด้านในเพื่อเพิ่มเสน่ห์และลวดลายให้ดูน่าค้นหามากขึ้น“ไม่เยอะหรอก” ค
สามเดือนต่อมา@ภูเก็ตประเทศไทยฮันน่าตรวจดูความเรียบร้อยทุกอย่างด้วยตัวเอง เพราะงานนี้จะต้องออกมาดีและสวยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ อาหาร ดอกไม้ และโรงแรม เรียกได้ว่าฮันน่าดูแลทุกขั้นตอนทว่าฮันน่าคนเดียวคงดูแลไม่ไหว เพราะมีเพื่อนๆ คอยให้คำปรึกษาและแนะนำอยู่ตลอด อย่างเช่นตอนนี้…“งานนี้ต้องออกมาสวยมากแน่ๆ”นาเดียพูดขึ้นพร้อมกับมองสำรวจไปรอบๆ เมื่อทุกอย่างใกล้จะเสร็จเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือแค่เพียงเก็บรายละเอียดนิดๆ หน่อยๆ ก็น่าจะเสร็จเรียบร้อยดี“ขอบใจมากนะที่มาช่วย” ฮันน่าขอบคุณนาเดียที่มาช่วยเธอออกแบบและทำทุกอย่าง“เพื่อนจะแต่งงานทั้งทีก็ต้องมาช่วยสิ เดี๋ยวอีกหน่อยพวกนั้นก็คงมาถึง” นาเดียบอกพร้อมรอยยิ้ม และอีกหน่อยคริสตัลกับไอรินก็คงจะมาถึงกันแล้ว“แล้วพี่หมอล่ะ” ฮันน่าถามถึงคุณหมอคีรินทันที“ทำงานอยู่ คงจะมาถึงตอนดึกๆ นู้นแหละ” นาเดียตอบไป เพราะช่วงนี้คนไข้เยอะพี่หมอก็ทำงานจนแทบจะไม่ได้พัก“แล้วพวกนั้นถึงไหนกันแล้ว” ฮันน่าเปลี่ยนเรื่องคุยทันที เมื่อเห็นนาเดียทำหน้าเศร้าขึ้นมา“อ้าว นั่นไงมาถึงพอดีเลย” นาเดียชี้ไปยังทางเดินที่มีสองสาวกำลังเดินมา“ใครเป็นคนออกแบบเนี่ย จัดงานได้
วันต่อมา“อื้อออ” ร่างเล็กรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อมีแสงแดดส่องเข้ามาภายในห้องนอน ร่างกายร้าวระบมไปทั่วทุกส่วนจนแทบจะขยับไม่ได้ฮันน่ามองชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ซึ่งเขานั้นจะเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวในชีวิตเธอร่างบางพยายามขยับตัวช้าๆ เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่น เพราะเธออยากจะให้เขาได้นอนพักต่ออีกสักนิดวันนี้ฮันน่าเลือกใส่ชุดเดรสแขนสั้นคลุมเข่าเนื้อผ้าเบาสบาย เพราะเธอจะต้องไปรับและพามินตราไปเที่ยวตลอดทั้งวัน“สายแล้วนะคะ ตื่นได้แล้วค่ะ” ฮันน่าก้มลงกระซิบบอกที่ข้างหูของมาเฟียหนุ่มเหมือนทุกครั้ง“ทำไมช่วงนี้ตื่นเช้าทุกวันเลย” เคย์สันถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะเป็นฝ่ายปลุกเธอตลอด“พาหนูมินไปเที่ยวกันค่ะ” ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีเมื่อพูดถึงเด็กตัวเล็ก“เที่ยวที่ไหน” เคย์สันยังคงถามต่อ เพราะเขายังไม่รู้เลยว่าเธอจะพามินตราไปเที่ยวที่ไหน“ทะเลค่ะ หนูเตรียมชุดเอาให้เฮียแล้วนะคะ”“ห้ามใส่บิกินี” น้ำเสียงดุดันเอ่ยห้ามก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ“รู้ได้ไง” ฮันน่าถึงกับนั่งทำหน้าเซ็ง เพราะเธอแอบเตรียมชุดว่ายน้ำใส่ในกระเป๋าเ
@โรงแรม“เป็นอะไรหรือเปล่า?”เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องพัก เคย์สันก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เพราะกลัวว่าฮันน่าจะคิดมากเรื่องที่เขาดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้มีนากับลูกสาว“เปล่าค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไร” ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างเพื่อยืนยันคำตอบว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ“คิดมากเรื่องมีนามั้ย”“เรื่องอะไรคะ”“ก็เรื่องที่ฉันเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้มีนากับลูกสาวไง”“หนูเข้าใจทุกอย่าง ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยค่ะ” ฮันน่าตอบไปตามความจริง เพราะเธอไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาคิด“จริงเหรอ” มาเฟียหนุ่มถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ“จริงค่ะ แบบนี้สิคะถึงเหมาะที่จะเป็นพ่อของลูกในอนาคต” ฮันน่าบอกอย่างภูมิใจ อย่างน้อยเธอก็ได้คนดีๆ อย่างเคย์สันมาร่วมใช้ชีวิตด้วยกัน และเธอคงจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีและมีความสุขมากแน่ๆ“ฉันก็นึกว่าเธอจะน้อยใจซะอีก” เคย์สันตอบไปตามที่คิด“หนูไม่ใช่คนงี่เง่านะคะ แล้วอีกอย่างหนูก็เป็นคนดีด้วย” ฮันน่ายิ้มกว้างไม่อยากให้ชายหนุ่มคิดมาก“ขอบคุณนะที่เข้าใจฉัน” มือหนารวบร่างบางเข้ามากอดเอาไว้แน่น“ก็รักไงคะหนูถึงเข้าใจ” ฮันน่ากอดชายหนุ่มเอาไว้แน่นไม่ต่างกัน นับวันเธอยิ่งรักเขามากขึ้น“ไปอาบน้ำกันเถ
วันต่อมาฮันน่าตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายแล้วรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวทันที เมื่อคืนเธอตื่นเต้นและเตรียมของเกือบทั้งคืน ตอนแรกเธอว่าจะไม่นอนด้วยซ้ำ แต่พอรอไปรอมาเธอก็เผลอหลับจนถึงบ่าย“เสร็จหรือยัง?” ใบหน้าหล่อถามพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าเธอเดินไปเดินมาไม่หยุด ไม่รู้ว่าจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น“อืม… น่าจะเสร็จแล้วค่ะ” ฮันน่ามองสำรวจของในกระเป๋าเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยว่าเธอไม่ได้ลืมอะไร“ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น” เคย์สันถามขึ้นด้วยความอยากรู้“ก็หนูดีใจหนิคะ ไม่ได้เจอน้องมินตั้งหลายเดือนแล้ว”ฮันน่ารู้สึกผูกพันกับมินตรามาก เพราะก่อนที่มินตราจะไปอยู่ต่างประเทศ เธอก็เป็นคนช่วยดูแลมินตราทุกวัน จนทำให้เกิดความรักและความผูกพัน“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ” โรมันเดินเข้ามารายงานและช่วยถือของให้เจ้านายตามหน้าที่“รีบไปกันเถอะค่ะ” ฮันน่าเดินเข้าไปกอดแขนเคย์สันเอาไว้แน่นก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปด้วยกันโชคดีที่มาเฟียหนุ่มมีเครื่องบินส่วนตัว จึงไม่ต้องไปนั่งรอที่สนามบินให้เสียเวลา พอไปถึงก็เตรียมตัวขึ้นเครื่องบินทันทีใช้เวลาเดินทางเกือบสิบชั่วโมงกว่าจะมาถึง ซึ่งฮันน่ากับเคย์สันเลือกที่จะพักที่โรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจาก
สามเดือนต่อมา“ขอบคุณนะคะ” ฮันน่าเอ่ยขอบคุณพร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดมาเฟียหนุ่มที่กำลังยืนตรวจเช็คความเรียบร้อยอยู่หน้ากระจก“ขอบคุณเรื่องอะไร” เคย์สันถามกลับด้วยความสงสัย“ขอบคุณที่ตามใจหนูทุกอย่างไงคะ” ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี เพราะไม่ว่าเธอจะขออะไรเขาก็ยอมตามใจเธอทุกอย่างนับวันฮันน่าก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น และเธอยิ่งมั่นใจว่าเธอคิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่จะแต่งงานกับเคย์สัน“จะมีเมียแล้วก็ต้องตามใจเมียสิ” เคย์สันตอบท่าทางทะเล้น“น่ารักที่สุดเลยค่ะ”“น่ารักแล้วรักมั้ยล่ะ?” ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วถามด้วยความอยากรู้“รักสิคะ รักมากด้วย” ฮันน่าตอบเสียงหวาน พร้อมกับกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย“รีบลงไปข้างล่างกันเถอะ ก่อนที่จะไม่ได้ลงไป”เพียงแค่ร่างกายเนียนนุ่มมาสัมผัสที่ตัว ก็ยิ่งทำให้มาเฟียหนุ่มเกิดอารมณ์พุ่งพล่าน จนต้องเอ่ยท้วงขึ้น“ทำไมล่ะคะ?” คนตัวเล็กยังคงแกล้งถามกลับ ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ทั้งๆ ที่ในใจเธอรู้ความหมายเป็นอย่างดีพรึบ!!เคย์สันไม่ตอบอะไร แต่กลับคว้าใบหน้าสวยเข้ามาจูบอย่างดูดดื่มและร้อนแรงก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องดังขึ้นมาขัดจังหวะ ก่อนที่ใบ
หลังจากที่ภาพขอแต่งงานถูกปล่อยออกไปและฮันน่าก็ถ่ายภาพโชว์แหวนเพชรเม็ดโตลงอวดเพื่อน แต่กลับทำให้เธอกลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน และเป็นคนที่สาวๆ ทั้งประเทศอิจฉา ที่เธอจะได้แต่งงานกับมาเฟียที่ทั้งหล่อและรวยมากๆภายในเวลาชั่วข้ามคืนแต่กลับทำให้ชีวิตของฮันน่าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก มีคนติดตามเยอะยิ่งกว่าดาราเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงต่างก็ให้ความสนใจในตัวเธอกันทั้งนั้น“หนูไปเรียนก่อนนะคะ” คนตัวเล็กเดินเข้าไปสวมกอดมาเฟียหนุ่มด้วยท่าทางออดอ้อนเช่นเคยเหมือนที่เคยทำ“ไม่ไปไม่ได้เหรอ” เคย์สันถามขึ้นนับวันเขายิ่งหวงจนแทบตะไม่อยากปล่อยให้เธอไปเรียน“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูจะเรียนไม่จบ” ฮันน่ายังคงอ้อนเขาเช่นเคย“เรียนไม่จบก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เมียคนเดียวฉันเลี้ยงได้” ชายหนุ่มกอดหญิงสาวเอาไว้แน่นนับวันยิ่งตัวติดกัน นับวันยิ่งไม่อยากห่างไปไหน“ไม่ได้ค่ะ หนูต้องเรียนให้จบเผื่อว่าในอนาคตหนูจะได้ทำงานช่วยเฮียไงคะ” ฮันน่าตอบเพราะเรียนจบเธออยากจะช่วยเขาทำงาน ดีกว่าจะต้องมานั่งรออยู่เฉยๆ“ก็ได้” สุดท้ายเคย์สันก็ยิมใจอ่อนปล่อยให้เธอไปเรียน เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบแล้วเคย์สันเป็นคนไปรับไปส่