เช้านี้พิมพ์มาดาทำหน้าที่เจ้าบ้านพาพาขวัญเดินชมรอบบริเวณบ้านและทำความรู้จักกับพื้นที่ใช้สอยในบ้านและห้องต่างๆ ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ห้องรับแขกที่แสนโอ่อ่าเป็นห้องสุดท้าย
เด็กสาวยืนนิ่งตกตะลึงตาค้าง ไม่ใช่เพราะความหรูหราของเฟอร์นิเจอร์ในห้องรับแขกและของตกแต่งราคาแพงในห้องนี้หรอกนะที่ทำให้เธออยู่ในอาการนั้น แต่เป็นเพราะภาพถ่ายครอบครัวใบใหญ่ที่ติดไว้ที่ฝาผนังของห้องต่างหากที่ทำให้เธอ
ตกอยู่ในอาการนี้เธอมองผู้ชายที่อยู่ในรูปที่ยืนเคียงข้างกับพอลสามีของพิมพ์มาดาที่เธอเคยเห็นหน้าบ่อยๆ แต่ชายหนุ่มลูกครึ่งคนนั้น
เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เขามีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวพรรณขาวสะอาด ใบหน้าหล่อเหลาสไตล์ลูกครึ่ง โดยเฉพาะดวงตาคมกริบ มีเสน่ห์คู่นั้นยิ่งดึงดูดเธอให้ตกอยู่ในภวังค์ จนเสียงของผู้หญิงที่เธอเคารพรักดังขึ้น เธอถึงได้สติกลับคืน“นี่ไง ลูกๆของป้า ป้าก็ได้แต่เคยเล่าให้พี่ๆเขาฟังว่ามีเพื่อนสนิทและมีลูกสาวน่ารัก เด็กๆไม่เคยเห็นหน้ากันเลย ที่ยืนข้างป้านี่พี่แพท ลูกชายคนที่สอง กับพี่พลอยลูกสาวคนเล็ก ส่วนที่ยืนข้างลุงพอลคือพี่พีท ลูกชายคนโตของป้า ตอนนี้พี่ๆเขากำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ที่อเมริกา พี่พลอยอยู่ปีสอง พี่แพทเรียนโท
ปีหนึ่ง ส่วนพี่พีทเพิ่งจบโทหมาดๆเลย เห็นว่าจะอยู่พาแฟนเที่ยวก่อนค่อยกลับไทยนะ อีกไม่นานคงได้เจอกัน”“ค่ะ”
เธอตอบรับคำพูดของผู้มีพระคุณ ในใจวูบโหวงอย่างประหลาดเพียงเพราะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นมีแฟนแล้ว แต่มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเธอเลยนี่ คนหล่อและดูเพอร์เฟคขนาดนี้
แถมอายุยังพร้อมแล้วที่จะทำงานมีครอบครัวก็ไม่เห็นจะแปลกที่เขาจะมีคนรัก ในเมื่อเขาเป็นลูกป้าพิมพ์ ก็ต้องมีศักดิ์เป็นพี่ชายของเธอด้วยนับจากนี้“ไปดูที่สวนกุหลาบกับแปลงผักสวนครัวของป้าดีกว่า พั้นช์ต้องชอบแน่ๆ ปกติป้าก็ไม่ค่อยมีเวลาดูแลหรอก ให้เด็กๆ
ในบ้านนี่แหละเป็นธุระให้ ถ้าพั้นช์อยากปลูกอะไรก็จัดการได้ เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ คิดซะว่าบ้านนี้คือบ้านของพั้นช์เหมือนกัน”ด้วยรู้ดีว่าสาวน้อยตรงหน้าชอบปลูกต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจเหมือนตัวเอง จึงรีบเปิดโอกาสให้สาวน้อยได้หางานอดิเรกทำแก้เหงาทันที
“ค่ะป้าพิมพ์”
“พรุ่งนี้ป้าก็ต้องไปทำงานแล้ว จะเกเรอีกวันก็คงไม่ได้ เพราะมีประชุมผู้ถือหุ้น เอาไว้วันหลังป้าพาไปซื้อต้นไม้มาปลูกกันนะ ป้าไม่ได้มีเพื่อนไปเดินดูต้นไม้มานานแล้ว ตั้งแต่พี่พีทไปเรียนโทนั่นแหละ”
เพราะพิมพ์มาดามีตำแหน่งเป็นถึงประธานบริษัทของบริษัทอังสหาริมทรัพย์ชื่อดัง ที่เป็นเจ้าของทั้งบ้านจัดสรร รวมไปถึงคอนโดมิเนียมทั่วประเทศ จึงไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก ตอนนี้ก็รอเพียงลูกชายคนโตกลับมารับช่วงบริหารต่อจากเธอ เพื่อที่เธอจะได้มีเวลาว่างปลูกต้นไม้และเดินทางท่องเที่ยวใช้ชีวิต
วัยเกษียณกับสามีเสียที“ได้ค่ะป้าพิมพ์”
แล้วครึ่งวันเช้า สาวๆก็ขลุกตัวอยู่ในสวนกุหลาบ โรงเรือนกล้วยไม้ และแปลงผักสวนครัวจนใกล้จะถึงเวลาอาหารกลางวันจึงได้แยกย้ายกันไปอาบน้ำ แล้วลงมาเจอกันที่ห้องอาหารเหมือนเดิม
ช่วงบ่ายของวัน สองสาวใช้เวลาในการเสิร์ชหาข้อมูลการปลูกต้นไฮเดรนเยีย เพราะลงมติกันแล้วว่าจะทำแปลงปลูกรอบรั้วบริเวณด้านหน้าบ้าน แล้วในสวนหน้าบ้านอีกหลายจุด
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว”
เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น เรียกให้สองสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาหาข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือมองไปยังต้นเสียงทันที
“พีท กลับมาแล้วหรอลูก”
พิรัชย์ คลาร์ก หรือ พีท หนุ่มลูกครึ่งไทยอเมริกันที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวเทพเจ้าปั้น คิ้วหนาเข้ม ดวงตาคมกริบ
สีน้ำตาลเข้มเกือบดำ จมูกโด่งตามเชื้อสายของบิดา ริมฝีปากหยักได้รูปสีแดงสดสุขภาพดี รูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาวจัด ผมรองทรงไถข้างสั้นปล่อยด้านหน้ายาวปกหน้าผากเซททรงยุ่งนิดๆ ยิ่งทำให้เขาดูหล่อเหลาอ่อนกว่าวัยเขาตรงเข้าสวมกอดมารดาที่ลุกขึ้นยืนแล้วอ้าแขนรอ
ลูกชายคนโตของบ้าน“ไหนว่าจะอยู่พาแฟนเที่ยวต่อไงลูก ทำไมรีบกลับมา”
“ค่อยกลับมาเที่ยวที่ไทยก็ได้ครับ ไปเรียนที่นั่นหลายปีแล้ว เที่ยวกันจนเบื่อแล้วครับ”
ทั้งสองผละออกจากกัน มารดาของเขาจึงมองไปที่ด้านหลังของลูกชาย ที่มีสาวสวยแต่งกายเปรี้ยวจัดโชว์สัดส่วน ยกมือไหว้เธอ
“คุณแม่ สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีจ้ะ ชัญญ่า”
เธอรับไหว้ผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักของลูกชาย แม้ว่าในใจจะไม่ค่อยชอบใจว่าที่สะใภ้คนนี้สักเท่าไหร่ แต่เธอกับสามีถือคติที่ว่าปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน ไม่ว่าอย่างไร คู่ครองของลูกทั้งสามก็จะให้อิสระกับพวกเขาทุกคนในการเลือกกันเอาเอง แม้ว่าคนคนนั้น จะไม่ค่อยถูกตาต้องใจแม่สามีอย่างเธอเลยก็ตาม
ดวงตาคมกริบจ้องมองไปที่สาวน้อยร่างผอมบาง
ผิวขาวจัดที่นั่งอยู่ด้านหลังมารดา“นี่หรือครับ เด็กที่แม่บอกว่าเป็นลูกเพื่อนรักที่เสียไป”
“ใช่จ้ะ นี่ลูกชายคนโตของป้า พี่พีทไงลูก ส่วนนั่นก็แฟนของพี่พี่ทเขา ชื่อชัญญ่า ส่วนนี่น้องพั้นช์ ต่อไปนี้น้องจะมาอยู่
กับเรา ในฐานะลูกสาวอีกคนของแม่”“สวัสดีค่ะ”
พาขวัญยืนขึ้นแล้วพนมมือไหว้หนุ่มสาวคู่นั้นด้วยความนอบน้อม
“สวัสดีจ้ะ น้องพั้นช์”
ชัญญาภัคเอ่ยทักทายคนที่เป็นลูกสาวอีกคนของว่าที่แม่สามีเสียงหวาน แม้จะรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับสาวน้อยผิวขาวผ่อง หน้าตาสวยหวานน่ารักราวตุ๊กตาคนนี้ก็ตาม
ดวงตาคมกริบจ้องมองสาวน้อยตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า สาวน้อยรูปร่างผอมเพรียว เอวบางร่างเล็กในชุดเดรสกระโปรงสั้นสีหวาน ผมยาวสีน้ำตาลเข้มมีผมหน้าม้าน่ารัก ใบหน้าเรียวรูปไข่ คิ้วเข้มถูกกันตกแต่งรับกับรูปหน้า ดวงตากลมโตหวานสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งปลายเชิดรั้น รับกับริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มสีแดงสด ใบหน้าสวยหวานน่ารักจนชวนใจแกว่งแม้ไม่ได้แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเลยก็ตาม
แต่เมื่อดวงตาคมกริบประสานกับดวงตากลมโตของเธอ สาวน้อยก็หลบตาเขาวูบ ไม่ยอมมองหน้าเขาอีก ทำเหมือนกับว่าเกรงกลัวเขาเสียเต็มประดา คิ้วเข้มจึงขมวดเป็นปม รู้สึกไม่ค่อยพอใจเธอนิดหน่อย
“มากันเหนื่อยๆ ไปพักก่อนไหม ค่อยลงมากินข้าวเย็นกันก็ได้ แล้วชัญญ่าจะค้างที่นี่หรือกลับบ้านตัวเองจ๊ะ”
“ขอรบกวนพักผ่อนที่นี่และทานข้าวเย็นก่อนนะคะ ชัญญ่าเหนื่อยๆค่ะ เดี๋ยวค่ำๆค่อยกลับบ้านค่ะ ชัญญ่าบอกพ่อกับแม่ไว้แล้วว่าจะถึงบ้านค่ำๆ”
เพราะปกติหนุ่มสาวคู่นี้ก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นประจำที่คอนโดของลูกชายเธอที่อเมริกา เธอจึงไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจที่จะให้ว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้อยู่ร่วมบ้าน
“งั้นผมพาชัญญ่าขึ้นไปพักก่อนนะครับแม่ เดี๋ยวมื้อเย็นเจอกันครับ”
“จ้ะ”
ดวงตาคมกริบเหลือบไปมองสาวน้อยคนนั้นอีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็หลบตาเขาวูบเหมือนเดิม ยิ่งทำให้เขารู้สึกขัดหู
ขัดตาและไม่พอใจมากยิ่งขึ้น คนหล่อๆอย่างเขามีแต่คน อยากมองและอยากสบตาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา มีแต่ยัยเด็กผอมกะหร่องนี่คนเดียว ที่ทำเหมือนเขาเป็นยักษ์ เป็นมาร“อืมมม พีทคะ” ชัญญาภัคที่กำลังพยายามจับท่อนร้อนของเขายัดใส่ร่องรักของเธอเป็นครั้งที่สอง หลังจากเขาจัดให้เธอเพื่อเป็นการสั่งลาไปแล้วหนึ่งรอบ เพราะหลังจากนี้คงไม่ค่อยได้มีโอกาสมานอนด้วยกันบ่อยๆหรือใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวันอีกต่อไปแล้ว เพราะต่างคนต่างต้องอยู่บ้านของตัวเอง เขาไม่สามารถปลีกตัวออกไปอยู่คอนโดกับเธอแล้วทิ้งให้แม่อยู่กับเด็กสาวสองคนได้ ส่วนเธอก็ไม่อยากที่จะมาอยู่ร่วมบ้านกับเขาทุกวันอยู่ดี เพราะรู้ว่ามารดาของเขาไม่ค่อยจะปลื้มเธอนัก “พอแล้วชัญญ่า ผมเหนื่อย” “อะไรกันคะพีท ปกติคุณไม่เป็นแบบนี้” ใช่ ปกติเขาไม่เคยเป็นแบบนี้ และคนที่ออกกำลังกายอย่างหนักจนร่างกายหนั่นแน่นไปด้วยมัดกล้าม ไม่มีอะไรมาทำให้เขาเหนื่อยง่ายๆ แต่ก็ไม่รู้เป็นอะไร ทุกครั้งที่กระแทกกระทั้นในร่องรักของคนรักเมื่อสักครู่ กลับมีภาพใบหน้าของยัยเด็กผอมกะหร่องนั่นเข้ามารบกวน จนเขาหงุดหงิดและหมดอารมณ์ “ผมเดินทางอดหลับอดนอนมานะ เหนื่อย อยากพัก คุณอย่างี่เง่าได้ไหม” เขาจับตัวของคนรักสาวให้ลงมาจากการนั่งคร่อมทับตัวเขา แล้วหั
กลางดึกคืนนั้นในขณะที่สาวน้อยกำลังวิดีโอคอลคุยกับเพื่อนรักอย่างออกรสอยู่นั้น อยู่ๆ เธอก็รู้สึกหิวน้ำขึ้นมา “ยัยจุ๋ม รอแป๊บนะ ฉันหิวน้ำอ่ะ เมื่อเย็นว่าจะเอาขึ้นมาก็ลืม ถือสายรอก่อน เดี๋ยวขอลงไปเอาน้ำข้างล่างแป๊บนะ” “อืม ไปเถอะ ขอเข้าห้องน้ำแป๊บนึงเหมือนกัน” สองสาวต่างแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวของตัวเองอย่างรวดเร็ว พาขวัญเดินลงมาเอาน้ำเปล่าที่ห้องครัว ในขณะที่เธอกำลังจะเดินกลับขึ้นห้องไปนั้น อยู่ๆก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาดในห้องนั่งเล่นที่ใกล้กันนั้น จึงรีบเดินเข้าไปดูเพราะกลัวว่าจะมีขโมยเข้ามาในบ้าน ตับ ตับ ตับ ตับ ตับ “อื้อ อื้อ พีท” “ซี้ดดดดด ผมจะเสร็จ อื้มม” บนโซฟาตัวยาวของห้องนั่งเล่น มีสองร่างที่กำลังโยกขย่มกันอย่างเอาเป็นเอาตายโดยที่ฝ่ายหญิงนั่งอยู่ด้านบน ภาพตรงหน้าทำเอาสาวน้อยพาขวัญตกใจจนสติแตก “กรี๊ดดดดด” ตุ้บ ขวดน้ำที่เธอถือมาจากในครัวหล่นลงพื้นเสียงดังพร้อมกับเสียงกรีดร้องของเธอเพราะความตกใจทำให้สองร่างที่กำลังโยกขย่มกันสุดแรง
ในขณะที่สองสาวกำลังนั่งทานอาหารมื้อเช้ากันอยู่ พิรัชย์ในชุดสูทพอดีตัวสีกรมท่า เดินตรงเข้ามานั่งประจำที่ของตัวเอง ก่อนปรายตามองไปยังยัยเด็กผอมกะหร่องแต่ตัวหอม และก็เป็นเหมือนเดิมเมื่อเธอก้มหน้าหลบตาเขาอีกแล้ว “พีท แต่งตัวหล่อ จะไปไหนลูก” “ก็ไปศึกษางานกับแม่ไงครับ” “เพิ่งกลับมาถึง ไม่พาชัญญ่าไปเที่ยวก่อนหรอ จะลุยงานเลยหรอลูก” “ไม่เที่ยวแล้วครับ ใช้ชีวิตวัยรุ่นมาเพียงพอแล้ว รีบศึกษางานให้เป็นเร็วๆ แม่จะได้พักผ่อนแล้วก็ไปเที่ยวรอบโลกกับพ่อไงครับ ไม่ดีหรอ” “ดีจ้ะ แต่แม่ไม่ค่อยอยากไปไหนไกลแล้วล่ะ ห่วงพั้นช์” “ป้าพิมพ์ไม่ต้องห่วงพั้นช์หรอกค่ะ พั้นช์อยู่ได้ จะตั้งใจเรียน ไม่กลับบ้านดึก ไม่เหลวไหลแน่นอนค่ะ” สาวน้อยของแม่ชูสองนิ้วขึ้นมาเป็นการสัญญากันตามประสาสาวๆ “นั่นสิครับแม่ ผมก็อยู่ทั้งคน เด็กคนเดียวผมดูแลให้ก็ได้ พั้นช์คงไม่กล้าทำตัวเหลวไหลกับผมหรอก เพราะผมไม่ได้ใจดีเหมือนแม่นะ ถ้าดื้อโดนผมแน่” โดนผมแน่ ในที่นี้ ก็ไม่รับประกันเหมือนกัน ว่าถ้ายัยเด็ก
ในงานเลี้ยงแสดงความยินดีที่พิรัชย์ได้รับตำแหน่งประธานบริษัท จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมห้าดาวชื่อดัง ครอบครัวของเขาเดินทางมาถึงที่โรงแรมในช่วงเวลาจวนเจียนจะเริ่มงาน สามสาวต่างวัยเดินเข้ามาในงานพร้อมกัน แต่สายตาของเขาดันจับจ้องอยู่ที่สาวนางเดียวเหมือนกับมีแม่เหล็กดึงดูดให้ไม่อาจจะละสายตาได้ นั่นคือสาวสวยหุ่นสะโอดสะองในชุดเดรสตัวยาวสายเดี่ยวสีน้ำเงินเข้มผ้ามันวาววับ ตัวเสื้อแหวกลึกโชว์เนินอกอวบของวัยสาวที่เบียดรัดกันจนชิด ลำคอระหงมีสร้อยเพชรเส้นเล็กๆ น้ำงามที่แม่ของเขาลากเขาไปเป็นเพื่อนเพื่อซื้อมาให้เธอ โดยมีเขาเป็นคนเลือกให้เองกับมือ ช่างเข้ากันกับเธอเหลือเกินจริงๆ ใบหน้าที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางราคาแพงแต่บางเบาสไตล์เกาหลี โชว์ความงามของวัยสาวและผิวพรรณที่แท้จริงของเจ้าตัว ยิ่งใส่รองเท้าส้นสูงที่ค่อนข้างสูงกว่าที่เคยเห็นเธอใส่ในชีวิตประจำวัน ยิ่งทำให้ร่างงามดูเพรียวระหงยิ่งขึ้นไปอีกเท่าตัว ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนกระแอมกลบเกลื่อนแล้วเลื่อนสายตาไปมองคนรักของตัวเอง ที่ก็สวยเซ็กซี่เป็นประจำแบบที่เขาเคยเห็นจนชินตา จึงไม่ได้ตื่นเต้น
ภายใต้แสงสลัวของผับชื่อดัง บรรดาผีเสื้อราตรีต่างโยกย้ายตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนาน เว้นแต่หญิงสาวเรือนร่างเย้ายวนในชุดเผยเนื้อตัวที่นั่งอย่างลำพังอยู่หน้าบาร์ เธอยกเครื่องดื่มอย่างแรงในแก้วทรงสวยกระดกเข้าปากจนหมดหลายต่อหลายแก้วด้วยความเซ็ง หกเดือนที่ผ่านมา คนรักของเธอเอาแต่ทุ่มเทให้กับงานจนไม่มีเวลามาสนใจเธอเลย แม้ว่าเธอจะไปหาเขาถึงที่บ้านหรือทำกระทั่งแก้ผ้านอนอ่อยเขาถึงบนเตียง แต่เขากลับไม่แตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บ มันน่าหงุดหงิดจริงๆ “มาคนเดียวหรือครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านข้างในขณะที่มีคนถือวิสาสะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างตัวของเธอ จึงเงยหน้าขึ้นมองเพื่อที่จะเตรียมต่อว่าชายหนุ่มผู้ไม่มีมารยาทคนนั้นแต่ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ก็ชายหนุ่มคนที่นั่งลงที่เก้าอี้ข้างตัวเธอเขาหล่อมากๆ รูปร่างสูงใหญ่ แต่งกายด้วยชุดสูทแสนภูมิฐาน ความเพอร์เฟคของเขาแทบไม่ต่างจากคนรักของเธอเลย “ค่ะ มาคนเดียว” เธอตอบเขากลับไปพร้อมกับการส่งยิ้มยั่วยวนให้เขา “ขอผมนั่งด้วยคนนะครับ” “ค
ร่างบางในชุดนอนแบบเสื้อเชิ้ตตัวยาวสีขาว สั้นเหนือเข่าขึ้นไปเป็นคืบเดินลงมาเอาน้ำเปล่าในห้องครัวอีกครั้ง หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น เธอก็ไม่เคยลืมที่จะเตรียมหยิบน้ำขึ้นไปไว้ที่ห้องนอนของเธออีกเลย แต่วันนี้เธอดันลืมเสียนี่ เมื่อได้น้ำเปล่าขวดใหญ่แล้ว เธอก็เดินกลับห้อง โดยจะต้องเดินผ่านห้องอาหารและบาร์เหล้าอีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีเสียงทุ้มดังขึ้น และมีคนตัวโตขยับเข้ามาประชิดร่างของเธอจากทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว “ลงมาทำอะไร” เธอยืนตัวแข็งค้างกับสัมผัสร้อนผ่าวที่ข้างแก้ม กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ จากเขามันทำให้เธอแทบจะมึนเมาตามไปด้วย “เอ่อ ลงมาเอาน้ำค่ะ พั้นช์หิวน้ำ” เขาก้มลงมองผ่านบ่าบอบบางของเธอไปทางด้านหน้า ก็เห็นเธอกอดขวดน้ำขวดใหญ่เย็นเจี๊ยบไว้แนบอก ด้วยมืออันสั่นเทา “ฉันว่าเธอแต่งตัวโป๊ไปนะ” “ขะ ขอโทษค่ะ พั้นช์เห็นว่าดึกแล้ว ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ข้างล่าง คราวหน้าจะใส่เสื้อคลุมลงมาค่ะ” เขาชะโงกหน้าไปมองด้านหน้าของเธออีกครั้ง ก็เห็นปลายยอดอ
เมื่อเธอทานอาหารเช้าเสร็จ พิมพ์มาดาก็เอ่ยไหว้วานเธอให้ทำธุระบางอย่างให้ทันที “พั้นช์ ป้าขอรบกวนให้ช่วยดูแลพี่พีทให้ได้ไหมลูก ยัยส้มมันโก๊ะๆ เดี๋ยวทำตาพีทป่วยหนักกว่าเดิม พอดีลุงกับป้ามีธุระต้องออกไปทำนิดหน่อย ไม่งั้นป้าจะดูแลตาพีทเอง” เธอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ แต่ก็ไม่เสียเวลาคิดนาน เพราะเรื่องง่ายๆ แค่นี้ ยังไงเธอก็ทำให้กับป้าพิมพ์ของเธอได้อยู่แล้ว “ได้ค่ะ ป้าพิมพ์ไม่ต้องห่วงนะคะ พั้นช์จะดูแลคุณพีทเองค่ะ” เธอกลับเข้าไปในห้องนอนของเขาอีกครั้งพร้อมด้วยอุปกรณ์เช็ดตัว มือเล็กแตะที่หน้าผากของเขาก็พบว่าเขายังคงตัวร้อนจี๋เหมือนเดิม จึงถอดเสื้อของเขาออกแล้วค่อยๆ เช็ดตัวให้กับเขา โดยที่เธอแทบไม่มองเรือนร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาเลย แต่จนแล้วจนรอด อุณหภูมิร่างกายของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย เธอจึงสอดมือเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนหนา ก่อนรูดเอากางเกงนอนตัวบางของเขาออกมา แล้วสอดผ้าเข้าไปเช็ดตัวในส่วนล่างให้เขาทุกซอกทุกมุม ยกเว้นบริเวณส่วนนั้นของเขาที่เธอไม่กล้าแม้แต่จะเอามือเข้าไปใกล้ เธอเช็ดตัว
พาขวัญรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเช้าตรู่ เธอจึงรีบเก็บฟูกที่นอนแล้วกลับห้องไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา แล้วรีบกลับไปที่ห้องของเขาเพื่อจะไปดูให้แน่ใจอีกครั้งว่าเขายังมีไข้หรือไม่ จะได้บอกกับป้าพิมพ์ของเธอได้ถูก แต่เมื่อเข้ามาถึงที่ห้องของเขาก็ต้องแปลกใจ เมื่อคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงมาทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้อยู่บนนั้นอีกแล้ว เสียงน้ำจากฝักบัวที่ดังแว่วๆออกมาจากห้องน้ำทำให้รู้ว่าตอนนี้คนป่วยได้ลุกขึ้นมาอาบน้ำแล้ว “อาบน้ำได้แล้ว คงหายป่วยแล้วสินะ” เธอกำลังตัดสินใจจะออกจากห้องนี้ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดิน เมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก เผยให้เห็นคนตัวโตที่กำลังเดินออกจากห้องน้ำมาในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่มัดปมอย่างหมิ่นเหม่ ต่ำแสนต่ำจนแทบจะเห็นอะไรต่อมิอะไรหมดแล้ว พาขวัญกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ดวงตากลมโตเบิกกว้างกับภาพผู้ชายที่แสนเพอร์เฟคตรงหน้า ลำตัวหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อและซิกแพคเป็นลอนสวย ผิวพรรณขาวจัดที่มีหยดน้ำเกราะพราวไปทั้งร่างยิ่งดูเซ็กซี่ ผมที่เปียกลู่เปิดเปลือยใบหน้าคมให้ยิ่งหล่อเหลามากขึ้นไปอีก
เขาจับเธอให้ลุกขึ้นจากกายเขา แล้วจูงมือพาคนตัวน้อยลงไปเล่นน้ำกันในสระโดยที่ไม่ยอมให้เธอใส่ชุดว่ายน้ำสีหวานนั่นอีกสักชิ้น หนุ่มสาวหยอกล้อกันอยู่ในน้ำอีกไม่นาน คนตัวโตที่หื่นกระหายก็แผลงฤทธิ์ใส่เมียสาวอีกครั้ง “พี่พีท” “เรียกพี่ทำไมครับ” “ก็พี่ เอ่อ มัน..” เธอรู้สึกถึงสิ่งที่ดุนดันอยู่ที่หน้าท้องของเธอ ก็ให้หวั่นใจ สามีที่มีความต้องการที่มากล้น กำลังจะจับเธอกินอีกแล้วแน่ๆ “มันต้องการพั้นช์อีกแล้ว ขอกินอีกรอบนะครับ แล้วจะให้ไปนอนกลางวัน” “อือออ พี่พีทเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเยอะแยะคะ” เขากอดกระชับคนตัวบางแล้วดันเธอไปจนถึงริมขอบสระอย่างที่เขาเคยทำเมื่อนานมาแล้ว แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความสมยอมและยินดีของเธอ “อยู่กับพั้นช์ พี่หิวตลอดเวลาเลย ยิ่งพั้นช์ท้อง พี่ยิ่งหิว ไม่รู้เป็นอะไร ตัวพั้นช์มันหอมกว่าปกติ” เขาช้อนอุ้มที่สะโพกเธอขึ้นมา ก่อนจดจ่อตัวตนที่แข็งเขม็งที่ปากทางรักของเธอ คนตัวบางกอดรัดรอบคอเขาแน่น แล้วกดร่องรักฉ่ำน้ำของเธอให้ครอบครองตัวตนใหญ่โตของเ
สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันต่อมา เมื่อคืนเข้าหอ เขาปล่อยให้เธอนอนหลับพักผ่อนหลายชั่วโมง ก่อนปลุกเธอมาทานข้าวเย็นแล้วอาบน้ำเตรียมตัวนอน ซึ่งเขาก็จับเธอกินด้วยความหิวกระหายอีกแค่สองครั้งเท่านั้น เพราะภรรยาป้ายแดงที่พ่วงด้วยตำแหน่งว่าที่คุณแม่ยังสาวค่อนข้างอ่อนเพลียจนเห็นได้ชัด เขาจึงเอาแต่ใจกับเธอไม่ลง จึงปล่อยให้เธอนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ สายวันนี้ทั้งเธอและเขาจึงสดชื่น ไม่ได้หลงเหลืออาการอ่อนเพลียแต่อย่างใด “พั้นช์ อาบน้ำแล้วออกไปหาข้าวทานกันนะครับ ป่านนี้ลูกเราหิวแย่แล้ว” “ค่ะ” เขาอุ้มเธอเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพากันออกไปหาร้านอาหารอร่อยๆ ทานกัน แต่โลกก็ดันกลมเหลือเกินเมื่อเขาและเธอบังเอิญเจอกับคู่สามีภรรยาที่เคยมีประเด็นกับพวกเขาทั้งคู่ “เอ่อ สวัสดีครับ คุณพีท คุณพั้นช์” มานเมตต์และภรรยา เดินตรงเข้ามาทักทายพิรัชย์และพาขวัญถึงที่โต๊ะอาหาร ตั้งแต่ที่พ่อเขาถูกตำรวจวิสามัญไปเมื่อเดือนก่อน หลังจากงานศพของพ่อเขาที่คนทั้งคู่อุตส่าห์มาร่วมงานเพื่ออโหสิกรรมใ
ไหนว่าตามใจเธอไง งานแต่งงานในโบสถ์ง่ายๆ ของเขา คือการเชิญแขกมาร่วมงานจนเต็มโบสถ์ขนาดใหญ่ที่บรรจุคนได้นับพัน ไหนจะตกแต่งสถานที่ด้วยดอกกุหลาบนำเข้าสีขาวและดอกลิลลี่แห่งหุบเขา หรือ Lily of the Valley สีขาวน่ารักเต็มโบสถ์ไปหมด ทั้งยังจัดสถานที่สำหรับถ่ายรูปที่สวนข้างโบสถ์เสียหรูหรา ประดับประดาด้วยดอกไม้เมืองนอกสีขาวนานาพันธุ์ ดั่งสวนในฝันของเจ้าหญิงก็ไม่ปาน บ่าวสาวที่งดงามราวเจ้าชายเจ้าหญิง กำลังกล่าวคำปฏิญาณและสวมแหวนแต่งงานให้แก่กัน ก่อนจะมอบจุมพิตที่หวานล้ำต่อหน้าสักขีพยานนับพัน แล้วพากันมาโยนช่อดอกลิลลี่แห่งหุบเขา ให้กับสาวๆที่มายืนรอกันอยู่ที่บันไดหน้าโบสถ์ โดยสาวผู้โชคดีที่รับช่อดอกไม้นั้นได้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นจริญญา เพื่อนรักของเจ้าสาวนั่นเอง บ่าวสาวจับจูงมือกันไปขึ้นรถสปอร์ตเปิดประทุนคันหรู แล้วพากันขับออกไป ท่ามกลางเสียงปรบมือและโห่ร้องยินดีของสักขีพยานทั้งหลาย เจ้าสาวคนสวยเอนศีรษะพิงบ่าบึกบึนของเจ้าบ่าวสุดหล่อเอาไว้ แล้วเงยหน้าขึ้นมองสบตากับเขา แล้วก็เป็นเขาที่อดใจไม่ไหว ก้มหน้าลงมาจุ๊บปากของเธอเบาๆ หนึ่งครั้ง เพราะวันนี้
พาขวัญหลับไปหนึ่งคืนเต็มๆ เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีในช่วงเช้าของอีกวัน สิ่งแรกที่เธอเห็นนอกจากเพดานสีขาวของโรงยาบาลคือคนตัวโตที่ฟุบหน้านอนหลับอยู่ที่ข้างเตียงของเธอ มือใหญ่จับมือของเธอแน่นจนรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ “พี่พีท” พิรัยช์สะดุ้งตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงหวานที่แสนคุ้นเคย แม้มันจะแหบพร่ากว่าเดิมก็ตามที “ที่รัก ตื่นแล้วหรอครับ ขอบคุณพระเจ้า” ร่างใหญ่ลุกขึ้นโอบกระชับร่างบางขึ้นมากอดแนบอก เขาลูบหลังลูบไหล่เพื่อเรียกขวัญให้คนตัวน้อยที่อาจจะยังไม่หายตกใจดี ซึ่งเธอก็กอดเขาตอบเสียแน่นเหมือนกัน “พี่พีท พี่ปลอดภัยดีใช่ไหมคะ มันไม่ได้ทำอะไรพี่ใช่ไหม” “ครับ เราสามคนปลอดภัยดี” คนตัวเล็กขยับตัวออกจากอ้อมอกอันอบอุ่น มองเขาตาแป๋วด้วยไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร ในเมื่อเธอกับเขาเสี่ยงอันตรายกันอยู่ในโกดังนั้นแค่สองคน หรือเธออาจจะฟังผิดไป จึงเอ่ยทวนคำของเขาอีกครั้ง “เราสามคน หรือคะ” “ครับ เราสามคน พี่ พั้นช์ และอีกคนในนี้” มือใหญ่อบอุ่น ลูบหน้าท
พิรัชย์เหยียบคันเร่งแทบมิดเพื่ออยากไปถึงที่หมายให้เร็วที่สุด ทีมบอดี้การ์ดขับตามมาติดๆ แต่เมื่อใกล้ถึงที่หมายก็ต้องขับตามเจ้านายให้ห่างเข้าไว้ เพื่อความปลอดภัยของพาขวัญ พิรัชย์ถึงที่หมายในไม่นาน ตรงหน้าเขาคือโกดังร้างกลางป่า ที่มีคนของนิมมานต์ยืนเฝ้ายามอยู่รอบบริเวณ พวกมันตรงเข้าค้นตัวของเขาแล้วปลดอาวุธที่เขาพกมาทั้งหมด แล้วพาเขาเข้าไปในโกดังนั้นทันที “พั้นช์” เขารีบวิ่งไปหาคนรักสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กลางโกดังที่ทั้งมืดและเหม็นอับนั้น ดีหน่อยที่มันไม่ได้มัดเธอเอาไว้ เพราะคิดว่าสาวน้อยตัวบางอย่างเธอไม่มีพิษมีภัยอะไร “พี่พีท” สาวน้อยโผเข้ากอดเขาแน่น น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอกลัวจริงๆ ไม่ใช่กลัวแค่พวกมันจะทำอะไรเธอ แต่เธอกลัวพวกมันจะล่อเขามาฆ่า เหมือนตอนนี้ที่เขาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าคนชั่วอย่างไอ้นิมมานต์มันจะทำอะไรกับเขาบ้าง “พี่พีทมาทำไมคะ มันจะฆ่าพี่นะ” “พี่รู้ แต่จะให้พี่ทิ้งพั้นช์ไว้ได้ไง ถ้าพั้นช์เป็นอะไรไป พี่จะอยู่ได้ยังไง” “แล้วถ้าพี่พีทเป็น
หลังจากวันนั้น คลื่นลมก็สงบมาโดยตลอด นิมมานต์ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร และคนของเขาก็พยายามหาหลักฐานมาจนได้นั่นคือคลิปเสียงที่ไอ้คนที่รับจ้างมาฆ่าเขาแอบอัดไว้ทุกครั้งที่มีการนัดเจอกันและพูดคุยรายละเอียดงานทุกอย่าง มีเสียงของมันและนิมมานต์ชัดเจน มันคงรู้ตัวว่ามันคงอาจถูกเก็บได้ทุกเมื่อ จึงรวบรวมหลักฐานเอาผิดนิมมานต์เอาไว้ แล้วฝากเอาไว้ที่เมียของมันเอง โชคดีที่ไอ้นิมมานต์มันพอมีความเป็นคนอยู่บ้าง จึงไม่ได้ตามฆ่าลูกเมียของไอ้สองตัวนั้น จริงๆก็ไม่รู้ว่ามีความเป็นคนหรือประมาท คิดไม่ถึงกันแน่ว่าคนที่มันใช้งานมาหลายครั้ง จะกล้าหักหลังมันแบบนี้ และเขาก็พอมีคนรู้จักที่เป็นตำรวจน้ำดีอยู่บ้าง จึงทำสำเนาหลักฐานเหล่านั้นส่งให้ตำรวจไปชุดหนึ่งเอาไว้เป็นหลักฐานเอาผิดมัน ผ่านมาแล้วหนึ่งเดือนเต็มๆ จนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนิมมานต์แต่งงานกับลูกสาวรัฐมนตรีชื่อดัง หลังจากนั้นมันก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เพราะมันเองก็สืบรู้มาว่าทางเขาได้หลักฐานมาจากเมียไอ้สองตัวนั้นแล้ว ดีที่เขาส่งลูกเมียของไอ้สองตัวนั้นไปอยู่ในที่ปลอดภัยเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงได้มีคนตายตามกันไปอีกหลายศพ
พิรัชย์นั่งฟังรายงานความคืบหน้าของเรื่องที่มีคนจงใจพยายามฆ่าเขาแล้วทำให้เป็นอุบัติเหตุเมื่อวันก่อนด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ตอนนี้คนของเขาจับคนร้ายได้แล้วที่ชายแดน มันสารภาพจนหมดเปลือก แต่ในขณะที่กำลังจะพามันทั้งสองคนไปส่งตำรวจ คนของเขาก็โดนถล่มยิง ทั้งเจ็บทั้งตายไปหลายคน ส่วนคนร้ายที่พยายามฆ่าเขาเสียชีวิตทั้งคู่ “ไอ้นิมมานต์ มันกล้าขนาดนี้เลยหรอ” กรามแกร่งขบกันจนขึ้นสันนูน มือใหญ่ทั้งสองกำแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธ เขาพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองตามไปถล่มคนพวกนั้นให้ตายตกตามลูกน้องของเขาไปเสียก่อน “ตอนนี้เราไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดมันได้เลยครับ ไอ้สารเลวสองตัวนั่นก็ตายไปแล้ว ไม่มีโทรศัพท์ติดตัว ไม่มีหลักฐานอะไรบ่งบอกว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับไอ้นิมมานต์เลย เพราะมันสองตัวบอกว่าไอ้นิมมานต์มันจ่ายเป็นเงินสด ไม่มีการโอนผ่านบัญชี ส่วนการเรียกใช้งานก็ให้คนไปตามที่บ้าน นัดพบกันตามที่รกร้างไร้กล้องวงจรปิด” ยิ่งลูกน้องรายงานข้อเท็จจริงเท่าไหร่ เจ้านายหนุ่มยิ่งเครียดขึ้งเท่านั้น หนทางที่จะเอาผิดมันทางกฎหมาย ปิดตายลงทุกที และหนทางที่จะให้
“พีทคะ” ร่างใหญ่ที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำมาต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่ออยู่ๆ คนรักเก่าในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวไม่ต่างจากเขาวิ่งถลาเข้ามากอดรัดเขาเอาไว้ เขาตื่นมาในห้องของพาขวัญในเวลาค่อนข้างสาย จึงรีบแยกย้ายกันมาอาบน้ำห้องใครห้องมันเพื่อที่จะได้รีบลงไปทานอาหารเช้าให้ทันเวลาเพราะกลัวว่าแม่จะบ่น “ชัญญ่า คุณเข้ามาทำไม” เขาไม่ถามว่าเธอเข้ามาได้ยังไง เพราะรู้ดีว่าเธอคงไปเอากุญแจสำรองจากในตู้นั่นมาแน่นอน เพราะเมื่อคืนเธอก็แอบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องแต่งตัวของพาขวัญ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เธอต้องเห็นฉากรักของเขากับพาขวัญแน่นอน “ชัญญ่าเข้ามาหาคุณสิคะ เมื่อก่อนตอนเช้าๆ พีทจะต้องทำอะไรชัญญ่าก่อนจะอาบน้ำแทบทุกวัน ชัญญ่าเลยเข้ามาปรนนิบัติพีทเหมือนที่เคยทำ” เธอยังคงกอดเขาแน่นๆ มือร้อนๆ ก็ลูบไล้ไปทั่วหน้าอกหนั่นแน่น จนปลายยอดอกของเขามันตั้งชันแข็งขึงไปหมด “ผมอิ่มแล้ว ผมมีคนให้ทำด้วยแล้ว เมื่อคืนคุณก็เห็นนี่” ชัญญาภัคชะงักค้างไป ด้วยไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไร หรือเขาจะรู้ต
“พีท พีทคะ” ชัญญาภัคเคาะประตูห้องอดีตคนรักอยู่นาน ร้องเรียกเขาอยู่หลายครั้งก็ไม่มีคนมาเปิดประตูให้ เลยลองบิดลูกบิดประตูดูก็พบว่ามันไม่ได้ล็อก จึงยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ แล้วเดินเข้าไปในห้องที่มืดสนิท มีเพียงแสงจากไฟภายนอกส่องเข้ามาเล็กน้อยเท่านั้น เธอเดินมาหยุดที่เตียงกว้างก็ต้องแปลกใจ บนเตียงนั้นไม่มีเขานอนอยู่ จึงเปิดไฟแล้วเดินหาเขาจนทั่วห้องก็ไม่มี “อย่าบอกนะว่าไปนอนกับนังพั้นช์” เธอรีบเดินตรงดิ่งไปที่ชั้นล่าง เพื่อเปิดตู้ที่เก็บกุญแจสำรอง เพราะเขาเคยบอกเธอว่ากุญแจสำรองของทุกห้องเก็บเอาไว้ที่ไหน ก่อนจะเอากุญแจดอกน้อยที่มีชื่อติดว่าพั้นช์และพีทออกมา เผื่อวันหลังเธอจะได้แอบเข้าห้องเขา เสียงที่ดังแว่วๆ ออกมาจากห้องที่อยู่ด้านในสุดฝั่งตะวันตก ทำให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูกำมือแน่นจนตัวสั่นเทาไปหมด เสียงที่เล็ดลอดออกมาเบาแสนเบาแทบฟังไม่เป็นภาษานั้น เธอรู้ดีว่ามันเป็นเสียงอะไร และเสียงของใคร เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าคำรามลั่นดังขึ้นมาในครั้งสุดท้าย พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะ