ร่างบางในชุดนอนแบบเสื้อเชิ้ตตัวยาวสีขาว สั้นเหนือเข่าขึ้นไปเป็นคืบเดินลงมาเอาน้ำเปล่าในห้องครัวอีกครั้ง หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น เธอก็ไม่เคยลืมที่จะเตรียมหยิบน้ำขึ้นไปไว้ที่ห้องนอนของเธออีกเลย แต่วันนี้เธอดันลืมเสียนี่
เมื่อได้น้ำเปล่าขวดใหญ่แล้ว เธอก็เดินกลับห้อง โดยจะต้องเดินผ่านห้องอาหารและบาร์เหล้าอีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีเสียงทุ้มดังขึ้น และมีคนตัวโตขยับเข้ามาประชิดร่างของเธอจากทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“ลงมาทำอะไร”
เธอยืนตัวแข็งค้างกับสัมผัสร้อนผ่าวที่ข้างแก้ม กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ จากเขามันทำให้เธอแทบจะมึนเมาตามไปด้วย
“เอ่อ ลงมาเอาน้ำค่ะ พั้นช์หิวน้ำ”
เขาก้มลงมองผ่านบ่าบอบบางของเธอไปทางด้านหน้า ก็เห็นเธอกอดขวดน้ำขวดใหญ่เย็นเจี๊ยบไว้แนบอก ด้วยมืออัน
สั่นเทา“ฉันว่าเธอแต่งตัวโป๊ไปนะ”
“ขะ ขอโทษค่ะ พั้นช์เห็นว่าดึกแล้ว ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ข้างล่าง คราวหน้าจะใส่เสื้อคลุมลงมาค่ะ”
เขาชะโงกหน้าไปมองด้านหน้าของเธออีกครั้ง ก็เห็นปลายยอดอกเล็กๆ ที่มันดุนดันเสื้อนอนของเธอออกมาก็อมยิ้มพอใจ
“ไม่ใช่ชุดนี้ แต่เป็นชุดออกงานของเธอต่างหาก
มันแหวกลึกทั้งหน้าทั้งหลัง ฉันว่ามันเกินงามไปหน่อย หรือเป็นประเภทชอบโชว์กันนะ”“ไม่เห็นว่าจะโป๊อะไรซักหน่อย ใครๆ ก็ใส่กัน แฟนคุณ
ยังใส่โป๊กว่าพั้นช์อีก”ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอกล้าเถียงเขาออกไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่ปกติ ยังแทบไม่ค่อยกล้าจะสบตากับเขาตรงๆ เลยสักครั้ง
“เธอเถียงฉันหรอ”
“มะ ไม่ใช่ค่ะ พั้นช์แค่อธิบาย แล้วพั้นช์ก็โตแล้วด้วย”
อืม เธอโตแล้ว เขาไม่เถียง เพราะผู้ชายมันมองเธอตาเป็นมันกันทั้งงานเลย ไม่เว้นแม้แต่เขา ที่แทบจะละสายตาไปจากใบหน้าหวานๆ และเรือนร่างที่แสนเย้ายวนของวัยแรกสาวนี่ไม่ได้เลยจริงๆ
“แปลว่าเธอชอบโชว์ ชอบให้ผู้ชายมามอง แล้วคิดอะไรสกปรกๆ กับเรือนร่างของเธอใช่ไหม”
“ไม่มีใครเขาคิดอะไรสกปรกๆ แบบที่คุณว่าหรอกค่ะ แล้วพั้นช์ก็ไม่ได้อยากที่จะใส่ชุดนั้นสักหน่อย”
“แล้วใส่ทำไม ทำไมไม่ใส่ชุดอื่นที่มันเรียบร้อยกว่านี้”
เขาพ่นลมหายใจร้อนๆ ใส่ที่ข้างแก้มและซอกคอของเธออีกครั้ง จนขนอ่อนลุกซู่ไปทั่วกายสาว
“ตะ แต่ป้าพิมพ์เป็นคนเลือกให้ พั้นช์ต้องใส่ตามนั้น
นี่คะ”“หึ เป็นเด็กดี เชื่อฟังแม่ฉันทุกอย่าง ถ้าแม่ฉันสั่งให้เธอทำอะไรแบบที่เธอไม่ชอบ เธอก็จะทำหรอ”
“ค่ะ พั้นช์จะทำ เพราะพั้นช์เป็นหนี้บุญคุณของป้าพิมพ์ ป้าพิมพ์อุตส่าห์รับพั้นช์มาดูแล แถมยังให้ความรักความอบอุ่นกับพั้นช์ อะไรที่ป้าพิมพ์อยากให้พั้นช์ทำ พั้นช์พร้อมตอบแทน”
เธอยังคงยืนกอดขวดน้ำนิ่งๆ หันหลังให้เขาเหมือนเดิมไม่ยอมขยับกายไปไหน ไม่รู้ว่าไม่อยากเห็นหน้าคนเมา
หรือเพราะขาของเธอก้าวไม่ออกกันแน่“ดี งั้นฉัน ในฐานะลูกของแม่ ก็มีสิทธิ์เรียกร้องการตอบแทนจากเธอเหมือนกันสินะ”
มือใหญ่สวมกอดเธอจากทางด้านหลัง รั้งให้ตัวเธอขยับมาชิดกับอกแกร่งของเขา จมูกโด่งฉกวูบไปที่แก้มนวลของเธออย่างรวดเร็วแบบที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว
“อ๊ะ คุณพีท ปล่อยพั้นช์”
หญิงสาวร่างบางดิ้นรนให้พ้นจากอ้อมกอดของเขา
แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนเขาจะยิ่งรัดเธอแรงขึ้น จนตอนนี้ร่างกายทุกส่วนของเขากับเธอ มันแนบกันจนชิดจนไม่มีที่ว่างให้อากาศเล็ดลอดผ่านไปได้แล้ว“ปล่อยนะ”
เธอยังคงพยายามดิ้นรนขัดขืน และเบี่ยงใบหน้าหนีเขา แต่ยิ่งเป็นการเปิดทางให้เขารังแกเธอได้ง่ายขึ้น เมื่อจมูกโด่งของเขาตรงเข้าซุกไซ้ซอกคอของเธออย่างหื่นกระหายทันที
“อืมมม พั้นช์”
“หยุดนะ คุณเมามากแล้ว ปล่อยพั้นช์นะ”
เธอยังพยายามดิ้นอีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็ทำมัน
ได้สำเร็จ เมื่อเท้าน้อยๆ ของเธอ กระทืบลงที่เท้าของเขาเต็มแรง“โอ๊ยยยย”
เมื่อหลุดออกจากอ้อมกอดที่แข็งราวครีมเหล็กของเขาได้ เธอก็วิ่งฝ่าความมืดขึ้นห้องนอนของเธอไปทันที โดยที่ไม่หันกลับมามองคนตัวโตที่ทรุดกายลงนั่งที่พื้นแล้วร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดอีกเลย
“โอยยย ยัยเด็กแสบ คิดว่าฉันพิศวาสเธอนักหรือไง
แค่แกล้งเล่นนิดหน่อยต้องทำขนาดนี้เลยหรอวะ อย่าให้ฉัน มีโอกาสอีกครั้งนะ ฉันเอาเธอจริงๆ แน่”คนตัวโตลุกขึ้นเดินเขย่งขาไปทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เพราะตอนนี้ทั้งเมาทั้งเจ็บเท้า คงฝืนสังขารเดินขึ้นบ้านไม่ได้แล้ว
เมื่อเข้าห้องนอนของตัวเองมาได้ ก็กดล็อกประตูทันที ร่างบางทิ้งแผ่นหลังพิงบานประตูเอาไว้ มือเล็กกดไปที่หัวใจที่มันเต้นกระหน่ำรุนแรงด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะเมาจนขนาดสติแบบนี้ ถ้าเธอไม่กระทืบเท้าเขา ตัวเล็กๆแบบเธอไม่มีทางสู้แรงของเขาไหว สุดท้ายแล้วจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่อาจคาดเดาได้เลย
“เกือบไปแล้ว เมาซะขนาดนั้น เขาจะรู้ไหมว่าทำอะไรลงไปบ้าง เห้อ พรุ่งนี้จะมองหน้าเขายังไงดีเนี่ย”
เช้าที่ไม่ค่อยจะสดใสสักเท่าไหร่สำหรับเธอ เพราะเมื่อคืนดันมีเรื่องมากวนใจให้เธอคิดไม่ตก จนนอนแทบไม่หลับ
แต่เมื่อออกจากห้องมาได้ก็เจอเข้ากับลุงพอลและป้าพิมพ์ ที่เดินจับมือกันกะหนุงกะหนิงเหมือนคู่รักหนุ่มสาวก็ไม่ปาน“อ้าวพั้นช์ ตื่นเช้าจังลูก วันนี้ไม่มีเรียนไม่ใช่หรือ เมื่อคืนก็นอนดึก ทำไมไม่นอนอีกหน่อยล่ะ”
นอนดึกหรือ เธอแทบไม่ได้นอนเลยต่างหาก แต่จะให้พูดออกไปได้อย่างไร มีหวังป้าพิมพ์ได้เรียกเขามาต่อว่า แล้วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต คราวนี้คงต้องโดนเขากลั่นแกล้ง จนอยู่บ้านหลังนี้ต่อไปไม่ได้แน่ๆ
“พั้นช์จะลงไปช่วยป้าอังกาบทำอาหารเช้าค่ะ”
“งั้นลงไปพร้อมป้า ว่าจะลงไปดูอาหารที่ลุงเขาชอบพอดี”
เมื่อทั้งหมดลงมาถึงข้างล่าง ก็เจอเข้ากับเด็กรับใช้ที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าห้องนั่งเล่น ไม่กล้าเข้าไปทำความสะอาด เจ้าของบ้านจึงเอ่ยถามขึ้น
“มีอะไรยัยส้ม ไม่เข้าไปทำความสะอาด มัวมายืน
ทำอะไรอยู่”“เอ่อ คุณพีทนอนหลับอยู่ข้างในค่ะ ส้มไม่กล้าเข้าไปกวน”
“อ้าว ตายจริง ทำไมตาพีทมานอนอยู่ตรงนี้ได้”
“สงสัยเมื่อคืนคงเมามากค่ะ ก่อนปิดบ้านหนูเห็นคุณพีทนั่งดื่มอยู่ที่บาร์เหล้า”
“อืมๆ ไปทำห้องอื่นก่อนเถอะส้ม เดี๋ยวฉันดูเอง พั้นช์ เข้าไปดูพี่พีทกันลูก ไม่รู้เมาอะไรขนาดนั้น”
พิมพ์มาดาเดินจูงมือสาวน้อยของตัวเองพร้อมด้วยสามีเดินเข้าไปในห้องทันที
“พีท”
สามีที่ฟังภาษาไทยก่อนหน้านี้ไม่รู้เรื่อง จึงไม่ได้เข้าใจเรื่องราวอะไรมาก่อน เมื่อเข้าห้องมาเจอลูกชายนอนตากแอร์
อยู่ก็ตกใจ รีบเข้าไปดูทันที“ที่รัก ทำไมลูกมานอนอยู่ที่นี่”
“ยัยส้มว่าแกเมาน่ะค่ะ สงสัยเมื่อคืนขึ้นบ้านไม่ไหว”
พิมพ์มาดาจึงจูงมือพาขวัญ เข้ามานั่งใกล้ๆ กับโซฟา
ตัวที่เขานอนอยู่ แล้วคนเป็นแม่ก็ปลุกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เมาไม่รู้เรื่องทันที“พีท ลูก อุ๊ยคุณ ลูกตัวร้อนจี๋เลย”
ทันทีที่แตะมือลงไปบนตัวของลูกชาย ก็ต้องรีบชักมือกลับ เพราะร่างกายหนั่นแน่นที่นอนหลับไม่รู้เรื่องนั้นร้อน
ราวกับไฟ“พั้นช์ โทรตามพี่หมอให้ป้าหน่อยลูก เดี๋ยวป้าจะให้หนุ่มๆ ช่วยกันพาพี่เขาขึ้นไปนอนบนห้อง”
พาขวัญรีบกดโทรศัพท์มือถือของตัวเอง โทรหาหมอเหมราช ลูกพี่ลูกน้องของคนที่นอนป่วยอยู่ ที่เขาเคยถูกเรียกตัวมาตรวจอาการให้ก่อนหน้านี้ไปรอบหนึ่งแล้ว
ไม่นาน หมอเหมราชก็มาถึง และตรวจอาการให้เบื้องต้นก็พบว่าเขาเป็นไข้ เนื่องจากร่างกายพักผ่อนน้อยเพราะหักโหมงานหนักมานาน รวมทั้งเมื่อคืนนอนตากแอร์โดยไม่มีผ้าห่มปกคลุมร่างกายสักผืน และเมื่อหมอตรวจร่างกายก็พบว่าที่เท้าของเขาแดงช้ำเป็นจ้ำ เหมือนมีอะไรแข็งๆ ตกกระแทกอีกต่างหาก
“ท่าทางจะเมามากนะครับน้าพิมพ์ ถึงได้ทำอะไรหล่นใส่เท้าจนแดงช้ำขนาดนั้น ท่าทางนี่ก็คงเป็นอีกเหตุผลนึงให้เจ้าพีทมันขึ้นบ้านไม่ไหว ทั้งเมาทั้งเจ็บเท้า เลยนอนตากแอร์อยู่ที่ห้องนั่งเล่นจนป่วยแบบนี้ครับ”
“เห้อ ร่างกายก็ไม่ค่อยได้พัก ยังจะห้าวไปนั่งดื่มคนเดียวอีก”
“อาจจะฉลองตำแหน่งใหม่ก็ได้ครับ แต่ทีนี้ร่างกายอ่อนเพลียเป็นทุนเดิมเลยเมามากไปหน่อย”
พาขวัญก้มหน้างุด เธอรู้ว่ารอยจ้ำแดงที่เท้าของเขาได้มาได้อย่างไร เพราะเธอเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นด้วยตัวเธอเอง จึงรู้สึกผิดไม่น้อย เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเมามาก แต่ถ้าไม่เจ็บเท้าขนาดนั้น คงเดินขึ้นบ้านไหว และคงไม่ต้องมาเป็นไข้นอนซมไม่รู้เนื้อรู้ตัวแบบนี้หรอก
“ยังไงก็หมั่นเช็ดตัวให้เจ้าพีทมันหน่อยนะครับ ผมฉีดยาแก้ไข้ให้แล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก แล้วถ้าตื่นขึ้นมาก็ค่อยทานยาลดไข้ ถ้าตัวยังร้อนอยู่ ยังไงรบกวนหาคนเฝ้าไว้สักคนนะครับเผื่อเช็ดตัวและดูแลเรื่องป้อนยาครับ”
“จ้ะ ขอบใจมากลูก อยู่ทานข้าวเช้ากันก่อนไหมเหม”
“ไม่เป็นไรครับน้าพิมพ์ เดี๋ยวผมกลับเลยดีกว่าครับ พอดีวันนี้ต้องเข้าเวร”
“งั้นเดี๋ยวพั้นช์ลงไปส่งนะคะพี่หมอ”
“ขอบคุณครับ”
หมอหนุ่มรูปหล่อยิ้มหวานให้เธอแล้วเดินตามเธอลงไปด้านล่าง
“พั้นช์เป็นยังไงบ้างครับ เรียนหนักไหม”
“สบายดีค่ะ ช่วงนี้จะสอบแล้ว เลยต้องไปติวกัน
นิดหน่อย แต่ยังไม่มีอะไรหนักหรอกค่ะ เพิ่งปีหนึ่งเอง”“ถ้ามีอะไรที่พี่ช่วยได้ พี่ยินดีนะ พั้นช์ไลน์หาพี่ได้ตลอดเวลา”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“แล้วถ้าพี่จะไลน์หาพั้นช์บ้าง พั้นช์จะว่าอะไรไหมครับ”
“ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ถ้าพี่หมอว่าง ก็ไลน์มาได้ค่ะ พั้นช์ว่างแทบตลอดเวลาอยู่แล้ว”
ดวงตาคมกริบมอบสบตากับเธอด้วยแววหวาน เขา
อมยิ้มน้อยๆ ส่งให้เธอ ไม่รู้ว่าสาวน้อยคนนี้จะรู้หรือเปล่าว่าเขาคิดอะไรกับเธอ มากกว่าแบบที่เธอคิดกับเขา แต่เด็กที่ดูท่าทางเรียบร้อยและอยู่ในความดูแลของพิมพ์มาดาแบบนี้ เขาคงไม่ต้องรีบร้อนอะไร รอให้เธอโตกว่านี้อีกสักสองสามปีค่อยจีบเธอแบบจริงจังก็น่าจะยังไม่สาย เพราะขืนเขาทำอะไรกระโตกกระตากไปตอนนี้ เธออาจตื่นกลัวเขา หรือเขาอาจโดนพิมพ์มาดาต่อว่า เอาได้“งั้นพี่กลับก่อนนะครับ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ”
เมื่อเธอทานอาหารเช้าเสร็จ พิมพ์มาดาก็เอ่ยไหว้วานเธอให้ทำธุระบางอย่างให้ทันที “พั้นช์ ป้าขอรบกวนให้ช่วยดูแลพี่พีทให้ได้ไหมลูก ยัยส้มมันโก๊ะๆ เดี๋ยวทำตาพีทป่วยหนักกว่าเดิม พอดีลุงกับป้ามีธุระต้องออกไปทำนิดหน่อย ไม่งั้นป้าจะดูแลตาพีทเอง” เธอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ แต่ก็ไม่เสียเวลาคิดนาน เพราะเรื่องง่ายๆ แค่นี้ ยังไงเธอก็ทำให้กับป้าพิมพ์ของเธอได้อยู่แล้ว “ได้ค่ะ ป้าพิมพ์ไม่ต้องห่วงนะคะ พั้นช์จะดูแลคุณพีทเองค่ะ” เธอกลับเข้าไปในห้องนอนของเขาอีกครั้งพร้อมด้วยอุปกรณ์เช็ดตัว มือเล็กแตะที่หน้าผากของเขาก็พบว่าเขายังคงตัวร้อนจี๋เหมือนเดิม จึงถอดเสื้อของเขาออกแล้วค่อยๆ เช็ดตัวให้กับเขา โดยที่เธอแทบไม่มองเรือนร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาเลย แต่จนแล้วจนรอด อุณหภูมิร่างกายของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย เธอจึงสอดมือเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนหนา ก่อนรูดเอากางเกงนอนตัวบางของเขาออกมา แล้วสอดผ้าเข้าไปเช็ดตัวในส่วนล่างให้เขาทุกซอกทุกมุม ยกเว้นบริเวณส่วนนั้นของเขาที่เธอไม่กล้าแม้แต่จะเอามือเข้าไปใกล้ เธอเช็ดตัว
พาขวัญรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเช้าตรู่ เธอจึงรีบเก็บฟูกที่นอนแล้วกลับห้องไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา แล้วรีบกลับไปที่ห้องของเขาเพื่อจะไปดูให้แน่ใจอีกครั้งว่าเขายังมีไข้หรือไม่ จะได้บอกกับป้าพิมพ์ของเธอได้ถูก แต่เมื่อเข้ามาถึงที่ห้องของเขาก็ต้องแปลกใจ เมื่อคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงมาทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้อยู่บนนั้นอีกแล้ว เสียงน้ำจากฝักบัวที่ดังแว่วๆออกมาจากห้องน้ำทำให้รู้ว่าตอนนี้คนป่วยได้ลุกขึ้นมาอาบน้ำแล้ว “อาบน้ำได้แล้ว คงหายป่วยแล้วสินะ” เธอกำลังตัดสินใจจะออกจากห้องนี้ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดิน เมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก เผยให้เห็นคนตัวโตที่กำลังเดินออกจากห้องน้ำมาในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่มัดปมอย่างหมิ่นเหม่ ต่ำแสนต่ำจนแทบจะเห็นอะไรต่อมิอะไรหมดแล้ว พาขวัญกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ดวงตากลมโตเบิกกว้างกับภาพผู้ชายที่แสนเพอร์เฟคตรงหน้า ลำตัวหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อและซิกแพคเป็นลอนสวย ผิวพรรณขาวจัดที่มีหยดน้ำเกราะพราวไปทั้งร่างยิ่งดูเซ็กซี่ ผมที่เปียกลู่เปิดเปลือยใบหน้าคมให้ยิ่งหล่อเหลามากขึ้นไปอีก
พาขวัญนั่งก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารเช้าของตัวเองโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองสบตากับลูกชายคนโตของเจ้าของบ้านเลย เธอรู้ว่าเขาไม่ค่อยชอบเธอนัก แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะเกลียดเธอถึงขนาดพยายามหาทางกลั่นแกล้งให้เธออยู่บ้านนี้ไม่ได้ขนาดนี้ “พั้นช์ เป็นอะไรลูก ไม่พูดไม่จา เหนื่อยหรอจ๊ะ เมื่อคืนได้นอนหรือเปล่า” “เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ แต่เมื่อคืนพั้นช์ได้นอนนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ” “งั้นวันนี้ป้าให้คนขับรถไปส่งพั้นช์ดีกว่า เดี๋ยวต้องเรียนอีกทั้งวัน ป้ากลัวพั้นช์ขับรถหลับใน” “เอ่อ พั้นช์..” เธอกำลังจะเอ่ยขอขับรถไปเรียนเอง เพราะไม่อยากให้ใครลำบาก แต่ก็พูดได้แค่นั้น เพราะพิรัชย์เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน “เดี๋ยวผมไปส่งครับ ขากลับเดี๋ยวจะแวะรับให้ ไม่ต้องห่วงครับแม่” “ดีเหมือนกัน ไปกลับกับพีท แม่จะได้สบายใจ” ที่เป็นแบบนั้นเพราะตั้งแต่ที่เขาเริ่มทำงานในตำแหน่งประธานบริษัท ทางกาสิโนของพ่อเขาก็เกิดเรื่องยุ่งๆ เมื่อมาเฟียคู่แข่งพยายามโจมตีโรงแรมและกาสิโนของพ่อเขา ทั้งเล่นงานในที่สว่างและเล่
ทันทีที่รถยนต์คันหรูสีดำมันปลาบแล่นเข้าใกล้ตึกคณะ พิรัชย์ก็เห็นหนุ่มสาวคู่เมื่อเช้านั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินอย่างสนิทสนม กรามแกร่งขบกันจนแน่นอย่างไม่พอใจ “บีบแตรสิชิต มัวแต่อ่อยผู้ชาย จนไม่สนใจอะไรเลย” เสียงแตรรถดังขึ้น ทำให้หนุ่มสาวที่กำลังนั่งดูคลิปตลกในมือถือเครื่องเดียวกัน เงยหน้ามองรถคันหรูที่จอดรออยู่ที่หน้าตึก “อุ๊ย คุณพีทมาแล้ว พั้นช์ไปก่อนนะวี” “อื้ม เดินทางปลอดภัยครับ เจอกันพรุ่งนี้นะ” “จ้ะ บาย” หนุ่มสาวโบกไม้โบกมือให้กัน ก่อนจะเดินแยกย้ายกันไป โดยที่เธอเปิดประตูรถเข้าไปนั่งเคียงคู่กับเขาที่เบาะด้านหลัง “ขอโทษค่ะ” เธอเอ่ยขอโทษเขาทันที เพราะเมื่อเข้ามาในรถก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาบึ้งตึง คงอารมณ์เสียที่รอเธอนาน “มัวแต่อ่อยผู้ชาย” เธอตวัดสายตามองหน้าเขา ไม่รู้ว่าเขาจะจงเกลียดจงชังอะไรเธอนักหนา เหน็บแนมเธอได้ทั้งวัน ในขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ในซอยของหมู่บ้าน อยู่ๆ ก็มีรถยนต์มาจากไหนไม่รู้ เร่งความเร็วแล้วแซงขึ้
เสียงออดหน้าประตูคอนโดมิเนียมสุดหรูของมานเมตต์ดังขึ้น ไม่นานบานประตูก็เปิดออกโดยผู้หญิงสาวสวยแต่งกายวาบหวิว ชัญญาภัคยืนตะลึงมองผู้หญิงคนนั้นอยู่นาน คิดว่าเธอคงเป็นคนรักของมานเมตต์ ไหนว่าโสด ไม่มีแฟนไง ทำไมถึงมีผู้หญิงคนนี้อยู่ที่ห้อง ผู้ชายก็เหมือนกันหมด ขี้โกหกและเห็นแก่ตัว แต่เธอจะคิดมากทำไม ความสัมพันธ์ของเธอกับเขามันก็แค่คู่นอนคืนเดียว ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งอะไรกับเขาอีกด้วยซ้ำ “ใครมา” มานเมตต์ในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินมาที่ประตูก็ต้องตกใจ เพราะคนที่ไม่ควรมาเจอเขากับผู้หญิงคนอื่นในสภาพแบบนี้เลยคือเธอ ชัญญาภัค ผู้หญิงที่เขาไม่ได้อยากให้เป็นแค่ One Night Stand “ชัญญ่า” “ขอโทษค่ะ ที่มารบกวน” เธอหมุนตัวเตรียมเดินกลับไปจากที่นี่ และคงไม่มีทางกลับมาเหยียบที่นี่อีกแล้ว แม้ว่าจะอยากทำเรื่องอย่างว่ากับผู้ชายคนนี้มากมายขนาดไหนก็ตาม “เดี๋ยวครับชัญญ่า ไม่ใช่แบบนั้นนะ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนรักของผม” เขาเอื้อมมคว้ามือเธอ แล้วดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอด ไม่ยอมให้เธอหนีเขาไปไหนเด็ดขาด
นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่เธอต้องอยู่ในความดูแลของเขา ในตอนเช้าเธอต้องออกไปเรียนพร้อมกับเขาทุกวัน ถ้าวันไหนเธอมีเรียนแค่ครึ่งวัน เขาจะให้บอดี้การ์ดของเขามารับเธอไปส่งที่บ้านก่อน เพื่อให้เธอได้ใช้เวลาพักผ่อนตามอัธยาศัย แต่ถ้าวันไหนเธอมีเรียนถึงเย็น เขาก็จะให้บอดี้การ์ดของเขา มาแวะรับเธอแล้วกลับบ้านไปพร้อมกัน โดยที่บางทีเขาก็หอบเอางานกลับมาทำที่บ้านด้วย “พี่พีท” ทันทีที่เขากับเธอกลับมาถึงบ้าน ก็มีสาวสวยร่างบางผมสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าลูกครึ่งน่ารักราวตุ๊กตา แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดแฟชั่นจ๋าจนเข็ดฟัน วิ่งมากอดเขาถึงหน้าบ้าน “ยัยพลอย มากันตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นบอกพี่เลย” “ก็เซอร์ไพรส์ไงคะ” “จ้ะ เซอร์ไพรส์มาก” สาวสวยร่างบางผละออกจากอ้อมกอดของเขา แล้วจับเขาหมุนตัวไปมา “โอ้โห พี่ดูเท่มากเลยค่ะ ราศีท่านประธานจับเชียว ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิมมาก อย่างนี้สาวๆ น่าจะทอดสะพานให้พี่เยอะแน่ๆ มีปัญหากับพี่ชัญญ่าไหมเนี่ย รายนั้นยิ่งขี้หึงอยู่” มีปัญหาหรอ ตอนนี้เหมือนว่าเขากับเธอจะมีปัญห
บ้านพักตากอากาศของครอบครัวคลาร์ก เป็นบ้านปูนสีขาวหลังใหญ่ติดชายหาดส่วนตัว บรรยากาศร่มรื่นเพราะมีต้นไม้น้อยใหญ่รอบตัวบ้าน หนุ่มสาวทั้งสี่คนมีห้องส่วนตัวกันทุกคน เพราะขนาดที่ไม่ธรรมดาของบ้าน สามารถรองรับทั้งคนในครอบครัว และเหล่าบอดี้การ์ดมือดีอีกเป็นโขยง อาหารมื้อเย็นวันนี้ พิมพ์มาดาลงทุนเข้าครัวด้วยตัวเอง เพราะเป็นวันพิเศษอีกวันหนึ่ง ไม่นานอาหารที่ลูกๆทั้งสี่คนชอบกินก็พร้อมเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะแล้วเรียบร้อย โดยมีพาขวัญและพลอยชมพูคอยช่วยอยู่ไม่ห่าง เมื่อทั้งหมดทานอาหารค่ำกันเสร็จเรียบร้อย พิมพ์มาดาก็ยกเค้กก้อนโตเข้ามาในห้องอาหาร เซอร์ไพรส์ลูกสาวคนใหม่จนเจ้าตัวน้ำตาเอ่อคลอ พาขวัญหลับตาอธิษฐานแล้วเป่าเทียนจนดับทั้งหมด “ป้าขอให้พั้นช์มีความสุขมากๆ ป้ารักพั้นช์มากนะลูก” เธอสวมกอดป้าพิมพ์ของเธอเอาไว้แน่น “ขอบคุณมากค่ะ ป้าพิมพ์ พั้นช์ก็รักป้าพิมพ์มากเหมือนกัน” พอลส่งของขวัญกล่องใหญ่ให้กับเธอ “สุขสันต์วันเกิด โตขึ้นอีกปีแล้ว ลุงขอให้พั้นช์ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวัน”
“พั้นช์ ขึ้นมาเถอะ เดี๋ยวป่วยนะ” พชร ส่งมือลงไปดึงสาวน้อยที่ยืนตัวสั่นเทาด้วยความตกใจขึ้นมาจากสระว่ายน้ำ ก่อนรีบหยิบชุดคลุมมาสวมทับให้เธอทันที เขาดึงเธอเข้ามาสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของตัวเอง แล้วลูบหลังคนตัวบางที่ยังสั่นสะท้านไปทั้งร่างไม่หาย “พี่แพท พั้นช์..” “ไม่ต้องพูดครับ พี่เห็นหมดทุกอย่าง ช่างมันเถอะนะ ลืมมันไป พี่พีทอาจจะเมามาก เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง” “มะ ไม่ต้องค่ะ พั้นช์ไม่เป็นอะไร แค่กลัวว่าเขาจะมีปัญหากับคนรัก เดี๋ยวจะมาโทษว่าเป็นความผิดของพั้นช์อีก เขายิ่งชอบว่าพั้นช์อยู่เรื่อย ทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจเขาหรอกค่ะ” “ปกติพี่พีททำแบบนี้กับพั้นช์บ่อยไหมครับ” “มะ ไม่เคยนะคะ คุณพีทคงเมามาก ช่างเถอะค่ะพี่แพท” สาวน้อยรีบละล่ำละลักออกไป จะให้เธอบอกความจริงได้อย่างไร ว่าเขากลั่นแกล้งเธอแบบนี้มาสามครั้งแล้ว “อืม เอางั้นก็ได้ พี่จะไม่ไปรื้อฟื้นอะไรเรื่องนี้อีก แต่ไม่รู้ว่าพั้นช์จะเชื่อไหม ว่าปกติพี่พีทเป็นสุภาพบุรุษมาก ไม่เคยทำตัวรุ่มร่ามแบบนี้กับใครเล
เขาจับเธอให้ลุกขึ้นจากกายเขา แล้วจูงมือพาคนตัวน้อยลงไปเล่นน้ำกันในสระโดยที่ไม่ยอมให้เธอใส่ชุดว่ายน้ำสีหวานนั่นอีกสักชิ้น หนุ่มสาวหยอกล้อกันอยู่ในน้ำอีกไม่นาน คนตัวโตที่หื่นกระหายก็แผลงฤทธิ์ใส่เมียสาวอีกครั้ง “พี่พีท” “เรียกพี่ทำไมครับ” “ก็พี่ เอ่อ มัน..” เธอรู้สึกถึงสิ่งที่ดุนดันอยู่ที่หน้าท้องของเธอ ก็ให้หวั่นใจ สามีที่มีความต้องการที่มากล้น กำลังจะจับเธอกินอีกแล้วแน่ๆ “มันต้องการพั้นช์อีกแล้ว ขอกินอีกรอบนะครับ แล้วจะให้ไปนอนกลางวัน” “อือออ พี่พีทเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเยอะแยะคะ” เขากอดกระชับคนตัวบางแล้วดันเธอไปจนถึงริมขอบสระอย่างที่เขาเคยทำเมื่อนานมาแล้ว แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความสมยอมและยินดีของเธอ “อยู่กับพั้นช์ พี่หิวตลอดเวลาเลย ยิ่งพั้นช์ท้อง พี่ยิ่งหิว ไม่รู้เป็นอะไร ตัวพั้นช์มันหอมกว่าปกติ” เขาช้อนอุ้มที่สะโพกเธอขึ้นมา ก่อนจดจ่อตัวตนที่แข็งเขม็งที่ปากทางรักของเธอ คนตัวบางกอดรัดรอบคอเขาแน่น แล้วกดร่องรักฉ่ำน้ำของเธอให้ครอบครองตัวตนใหญ่โตของเ
สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันต่อมา เมื่อคืนเข้าหอ เขาปล่อยให้เธอนอนหลับพักผ่อนหลายชั่วโมง ก่อนปลุกเธอมาทานข้าวเย็นแล้วอาบน้ำเตรียมตัวนอน ซึ่งเขาก็จับเธอกินด้วยความหิวกระหายอีกแค่สองครั้งเท่านั้น เพราะภรรยาป้ายแดงที่พ่วงด้วยตำแหน่งว่าที่คุณแม่ยังสาวค่อนข้างอ่อนเพลียจนเห็นได้ชัด เขาจึงเอาแต่ใจกับเธอไม่ลง จึงปล่อยให้เธอนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ สายวันนี้ทั้งเธอและเขาจึงสดชื่น ไม่ได้หลงเหลืออาการอ่อนเพลียแต่อย่างใด “พั้นช์ อาบน้ำแล้วออกไปหาข้าวทานกันนะครับ ป่านนี้ลูกเราหิวแย่แล้ว” “ค่ะ” เขาอุ้มเธอเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพากันออกไปหาร้านอาหารอร่อยๆ ทานกัน แต่โลกก็ดันกลมเหลือเกินเมื่อเขาและเธอบังเอิญเจอกับคู่สามีภรรยาที่เคยมีประเด็นกับพวกเขาทั้งคู่ “เอ่อ สวัสดีครับ คุณพีท คุณพั้นช์” มานเมตต์และภรรยา เดินตรงเข้ามาทักทายพิรัชย์และพาขวัญถึงที่โต๊ะอาหาร ตั้งแต่ที่พ่อเขาถูกตำรวจวิสามัญไปเมื่อเดือนก่อน หลังจากงานศพของพ่อเขาที่คนทั้งคู่อุตส่าห์มาร่วมงานเพื่ออโหสิกรรมใ
ไหนว่าตามใจเธอไง งานแต่งงานในโบสถ์ง่ายๆ ของเขา คือการเชิญแขกมาร่วมงานจนเต็มโบสถ์ขนาดใหญ่ที่บรรจุคนได้นับพัน ไหนจะตกแต่งสถานที่ด้วยดอกกุหลาบนำเข้าสีขาวและดอกลิลลี่แห่งหุบเขา หรือ Lily of the Valley สีขาวน่ารักเต็มโบสถ์ไปหมด ทั้งยังจัดสถานที่สำหรับถ่ายรูปที่สวนข้างโบสถ์เสียหรูหรา ประดับประดาด้วยดอกไม้เมืองนอกสีขาวนานาพันธุ์ ดั่งสวนในฝันของเจ้าหญิงก็ไม่ปาน บ่าวสาวที่งดงามราวเจ้าชายเจ้าหญิง กำลังกล่าวคำปฏิญาณและสวมแหวนแต่งงานให้แก่กัน ก่อนจะมอบจุมพิตที่หวานล้ำต่อหน้าสักขีพยานนับพัน แล้วพากันมาโยนช่อดอกลิลลี่แห่งหุบเขา ให้กับสาวๆที่มายืนรอกันอยู่ที่บันไดหน้าโบสถ์ โดยสาวผู้โชคดีที่รับช่อดอกไม้นั้นได้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นจริญญา เพื่อนรักของเจ้าสาวนั่นเอง บ่าวสาวจับจูงมือกันไปขึ้นรถสปอร์ตเปิดประทุนคันหรู แล้วพากันขับออกไป ท่ามกลางเสียงปรบมือและโห่ร้องยินดีของสักขีพยานทั้งหลาย เจ้าสาวคนสวยเอนศีรษะพิงบ่าบึกบึนของเจ้าบ่าวสุดหล่อเอาไว้ แล้วเงยหน้าขึ้นมองสบตากับเขา แล้วก็เป็นเขาที่อดใจไม่ไหว ก้มหน้าลงมาจุ๊บปากของเธอเบาๆ หนึ่งครั้ง เพราะวันนี้
พาขวัญหลับไปหนึ่งคืนเต็มๆ เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีในช่วงเช้าของอีกวัน สิ่งแรกที่เธอเห็นนอกจากเพดานสีขาวของโรงยาบาลคือคนตัวโตที่ฟุบหน้านอนหลับอยู่ที่ข้างเตียงของเธอ มือใหญ่จับมือของเธอแน่นจนรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ “พี่พีท” พิรัยช์สะดุ้งตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงหวานที่แสนคุ้นเคย แม้มันจะแหบพร่ากว่าเดิมก็ตามที “ที่รัก ตื่นแล้วหรอครับ ขอบคุณพระเจ้า” ร่างใหญ่ลุกขึ้นโอบกระชับร่างบางขึ้นมากอดแนบอก เขาลูบหลังลูบไหล่เพื่อเรียกขวัญให้คนตัวน้อยที่อาจจะยังไม่หายตกใจดี ซึ่งเธอก็กอดเขาตอบเสียแน่นเหมือนกัน “พี่พีท พี่ปลอดภัยดีใช่ไหมคะ มันไม่ได้ทำอะไรพี่ใช่ไหม” “ครับ เราสามคนปลอดภัยดี” คนตัวเล็กขยับตัวออกจากอ้อมอกอันอบอุ่น มองเขาตาแป๋วด้วยไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร ในเมื่อเธอกับเขาเสี่ยงอันตรายกันอยู่ในโกดังนั้นแค่สองคน หรือเธออาจจะฟังผิดไป จึงเอ่ยทวนคำของเขาอีกครั้ง “เราสามคน หรือคะ” “ครับ เราสามคน พี่ พั้นช์ และอีกคนในนี้” มือใหญ่อบอุ่น ลูบหน้าท
พิรัชย์เหยียบคันเร่งแทบมิดเพื่ออยากไปถึงที่หมายให้เร็วที่สุด ทีมบอดี้การ์ดขับตามมาติดๆ แต่เมื่อใกล้ถึงที่หมายก็ต้องขับตามเจ้านายให้ห่างเข้าไว้ เพื่อความปลอดภัยของพาขวัญ พิรัชย์ถึงที่หมายในไม่นาน ตรงหน้าเขาคือโกดังร้างกลางป่า ที่มีคนของนิมมานต์ยืนเฝ้ายามอยู่รอบบริเวณ พวกมันตรงเข้าค้นตัวของเขาแล้วปลดอาวุธที่เขาพกมาทั้งหมด แล้วพาเขาเข้าไปในโกดังนั้นทันที “พั้นช์” เขารีบวิ่งไปหาคนรักสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กลางโกดังที่ทั้งมืดและเหม็นอับนั้น ดีหน่อยที่มันไม่ได้มัดเธอเอาไว้ เพราะคิดว่าสาวน้อยตัวบางอย่างเธอไม่มีพิษมีภัยอะไร “พี่พีท” สาวน้อยโผเข้ากอดเขาแน่น น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอกลัวจริงๆ ไม่ใช่กลัวแค่พวกมันจะทำอะไรเธอ แต่เธอกลัวพวกมันจะล่อเขามาฆ่า เหมือนตอนนี้ที่เขาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าคนชั่วอย่างไอ้นิมมานต์มันจะทำอะไรกับเขาบ้าง “พี่พีทมาทำไมคะ มันจะฆ่าพี่นะ” “พี่รู้ แต่จะให้พี่ทิ้งพั้นช์ไว้ได้ไง ถ้าพั้นช์เป็นอะไรไป พี่จะอยู่ได้ยังไง” “แล้วถ้าพี่พีทเป็น
หลังจากวันนั้น คลื่นลมก็สงบมาโดยตลอด นิมมานต์ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร และคนของเขาก็พยายามหาหลักฐานมาจนได้นั่นคือคลิปเสียงที่ไอ้คนที่รับจ้างมาฆ่าเขาแอบอัดไว้ทุกครั้งที่มีการนัดเจอกันและพูดคุยรายละเอียดงานทุกอย่าง มีเสียงของมันและนิมมานต์ชัดเจน มันคงรู้ตัวว่ามันคงอาจถูกเก็บได้ทุกเมื่อ จึงรวบรวมหลักฐานเอาผิดนิมมานต์เอาไว้ แล้วฝากเอาไว้ที่เมียของมันเอง โชคดีที่ไอ้นิมมานต์มันพอมีความเป็นคนอยู่บ้าง จึงไม่ได้ตามฆ่าลูกเมียของไอ้สองตัวนั้น จริงๆก็ไม่รู้ว่ามีความเป็นคนหรือประมาท คิดไม่ถึงกันแน่ว่าคนที่มันใช้งานมาหลายครั้ง จะกล้าหักหลังมันแบบนี้ และเขาก็พอมีคนรู้จักที่เป็นตำรวจน้ำดีอยู่บ้าง จึงทำสำเนาหลักฐานเหล่านั้นส่งให้ตำรวจไปชุดหนึ่งเอาไว้เป็นหลักฐานเอาผิดมัน ผ่านมาแล้วหนึ่งเดือนเต็มๆ จนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนิมมานต์แต่งงานกับลูกสาวรัฐมนตรีชื่อดัง หลังจากนั้นมันก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เพราะมันเองก็สืบรู้มาว่าทางเขาได้หลักฐานมาจากเมียไอ้สองตัวนั้นแล้ว ดีที่เขาส่งลูกเมียของไอ้สองตัวนั้นไปอยู่ในที่ปลอดภัยเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงได้มีคนตายตามกันไปอีกหลายศพ
พิรัชย์นั่งฟังรายงานความคืบหน้าของเรื่องที่มีคนจงใจพยายามฆ่าเขาแล้วทำให้เป็นอุบัติเหตุเมื่อวันก่อนด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ตอนนี้คนของเขาจับคนร้ายได้แล้วที่ชายแดน มันสารภาพจนหมดเปลือก แต่ในขณะที่กำลังจะพามันทั้งสองคนไปส่งตำรวจ คนของเขาก็โดนถล่มยิง ทั้งเจ็บทั้งตายไปหลายคน ส่วนคนร้ายที่พยายามฆ่าเขาเสียชีวิตทั้งคู่ “ไอ้นิมมานต์ มันกล้าขนาดนี้เลยหรอ” กรามแกร่งขบกันจนขึ้นสันนูน มือใหญ่ทั้งสองกำแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธ เขาพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองตามไปถล่มคนพวกนั้นให้ตายตกตามลูกน้องของเขาไปเสียก่อน “ตอนนี้เราไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดมันได้เลยครับ ไอ้สารเลวสองตัวนั่นก็ตายไปแล้ว ไม่มีโทรศัพท์ติดตัว ไม่มีหลักฐานอะไรบ่งบอกว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับไอ้นิมมานต์เลย เพราะมันสองตัวบอกว่าไอ้นิมมานต์มันจ่ายเป็นเงินสด ไม่มีการโอนผ่านบัญชี ส่วนการเรียกใช้งานก็ให้คนไปตามที่บ้าน นัดพบกันตามที่รกร้างไร้กล้องวงจรปิด” ยิ่งลูกน้องรายงานข้อเท็จจริงเท่าไหร่ เจ้านายหนุ่มยิ่งเครียดขึ้งเท่านั้น หนทางที่จะเอาผิดมันทางกฎหมาย ปิดตายลงทุกที และหนทางที่จะให้
“พีทคะ” ร่างใหญ่ที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำมาต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่ออยู่ๆ คนรักเก่าในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวไม่ต่างจากเขาวิ่งถลาเข้ามากอดรัดเขาเอาไว้ เขาตื่นมาในห้องของพาขวัญในเวลาค่อนข้างสาย จึงรีบแยกย้ายกันมาอาบน้ำห้องใครห้องมันเพื่อที่จะได้รีบลงไปทานอาหารเช้าให้ทันเวลาเพราะกลัวว่าแม่จะบ่น “ชัญญ่า คุณเข้ามาทำไม” เขาไม่ถามว่าเธอเข้ามาได้ยังไง เพราะรู้ดีว่าเธอคงไปเอากุญแจสำรองจากในตู้นั่นมาแน่นอน เพราะเมื่อคืนเธอก็แอบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องแต่งตัวของพาขวัญ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เธอต้องเห็นฉากรักของเขากับพาขวัญแน่นอน “ชัญญ่าเข้ามาหาคุณสิคะ เมื่อก่อนตอนเช้าๆ พีทจะต้องทำอะไรชัญญ่าก่อนจะอาบน้ำแทบทุกวัน ชัญญ่าเลยเข้ามาปรนนิบัติพีทเหมือนที่เคยทำ” เธอยังคงกอดเขาแน่นๆ มือร้อนๆ ก็ลูบไล้ไปทั่วหน้าอกหนั่นแน่น จนปลายยอดอกของเขามันตั้งชันแข็งขึงไปหมด “ผมอิ่มแล้ว ผมมีคนให้ทำด้วยแล้ว เมื่อคืนคุณก็เห็นนี่” ชัญญาภัคชะงักค้างไป ด้วยไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไร หรือเขาจะรู้ต
“พีท พีทคะ” ชัญญาภัคเคาะประตูห้องอดีตคนรักอยู่นาน ร้องเรียกเขาอยู่หลายครั้งก็ไม่มีคนมาเปิดประตูให้ เลยลองบิดลูกบิดประตูดูก็พบว่ามันไม่ได้ล็อก จึงยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ แล้วเดินเข้าไปในห้องที่มืดสนิท มีเพียงแสงจากไฟภายนอกส่องเข้ามาเล็กน้อยเท่านั้น เธอเดินมาหยุดที่เตียงกว้างก็ต้องแปลกใจ บนเตียงนั้นไม่มีเขานอนอยู่ จึงเปิดไฟแล้วเดินหาเขาจนทั่วห้องก็ไม่มี “อย่าบอกนะว่าไปนอนกับนังพั้นช์” เธอรีบเดินตรงดิ่งไปที่ชั้นล่าง เพื่อเปิดตู้ที่เก็บกุญแจสำรอง เพราะเขาเคยบอกเธอว่ากุญแจสำรองของทุกห้องเก็บเอาไว้ที่ไหน ก่อนจะเอากุญแจดอกน้อยที่มีชื่อติดว่าพั้นช์และพีทออกมา เผื่อวันหลังเธอจะได้แอบเข้าห้องเขา เสียงที่ดังแว่วๆ ออกมาจากห้องที่อยู่ด้านในสุดฝั่งตะวันตก ทำให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูกำมือแน่นจนตัวสั่นเทาไปหมด เสียงที่เล็ดลอดออกมาเบาแสนเบาแทบฟังไม่เป็นภาษานั้น เธอรู้ดีว่ามันเป็นเสียงอะไร และเสียงของใคร เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าคำรามลั่นดังขึ้นมาในครั้งสุดท้าย พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะ