ในขณะที่สองสาวกำลังนั่งทานอาหารมื้อเช้ากันอยู่
พิรัชย์ในชุดสูทพอดีตัวสีกรมท่า เดินตรงเข้ามานั่งประจำที่ของตัวเอง ก่อนปรายตามองไปยังยัยเด็กผอมกะหร่องแต่ตัวหอม และก็เป็นเหมือนเดิมเมื่อเธอก้มหน้าหลบตาเขาอีกแล้ว“พีท แต่งตัวหล่อ จะไปไหนลูก”
“ก็ไปศึกษางานกับแม่ไงครับ”
“เพิ่งกลับมาถึง ไม่พาชัญญ่าไปเที่ยวก่อนหรอ จะลุยงานเลยหรอลูก”
“ไม่เที่ยวแล้วครับ ใช้ชีวิตวัยรุ่นมาเพียงพอแล้ว
รีบศึกษางานให้เป็นเร็วๆ แม่จะได้พักผ่อนแล้วก็ไปเที่ยวรอบโลกกับพ่อไงครับ ไม่ดีหรอ”“ดีจ้ะ แต่แม่ไม่ค่อยอยากไปไหนไกลแล้วล่ะ ห่วงพั้นช์”
“ป้าพิมพ์ไม่ต้องห่วงพั้นช์หรอกค่ะ พั้นช์อยู่ได้ จะตั้งใจเรียน ไม่กลับบ้านดึก ไม่เหลวไหลแน่นอนค่ะ”
สาวน้อยของแม่ชูสองนิ้วขึ้นมาเป็นการสัญญากันตามประสาสาวๆ
“นั่นสิครับแม่ ผมก็อยู่ทั้งคน เด็กคนเดียวผมดูแลให้ก็ได้ พั้นช์คงไม่กล้าทำตัวเหลวไหลกับผมหรอก เพราะผมไม่ได้ใจดีเหมือนแม่นะ ถ้าดื้อโดนผมแน่”
โดนผมแน่ ในที่นี้ ก็ไม่รับประกันเหมือนกัน ว่าถ้ายัยเด็กผอมกะหร่องของแม่เกิดทำตัวดื้อด้านไม่เชื่อฟังเขา จะโดนเขา
เล่นงานแบบไหน“นั่นแหละที่แม่กลัว ขืนทิ้งน้องให้อยู่กับแก มีหวังแม่กลับมา น้องคงเหลือแต่กระดูก”
คำว่าเหลือแต่กระดูกของแม่กับของเขามันต่างกัน เพราะของแม่คงหมายถึงโดนเขาดุหรือทำโทษจนหงอ ไม่มีชีวิตชีวา แต่ของเขามันจะหมายถึง ถูกเขาจับกินจนเหลือแต่ซาก
ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆ กับความคิดเลอะเทอะของเขา นี่เขาคิดอกุศลแบบนี้ไปได้อย่างไร ในเมื่อยัยเด็กนี่ยังเด็กมากๆ
ไม่ทันบรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ แถมเขายังมีคนรักอยู่แล้วทั้งคน ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เขากับเธอก็คงได้แต่งงานสร้างครอบครัวกันแน่นอน“โถ่แม่ อย่าคิดมากสิครับ พั้นช์เองก็โตแล้ว แถมที่บ้านเราแม่บ้านคนเก่าคนแก่เยอะแยะ ไม่มีใครปล่อยให้ผมกินหัว
ยัยเด็กนี่หรอกน่า”เขาปรายตาคมกริบมองไปทางเธอนิดหนึ่ง ก่อนต้อง
อมยิ้มมุมปากอย่างชอบใจเมื่อเห็นเธอนั่งจับมือจับไม้กับแม่เขาอยู่ เหมือนจะปลอบใจคนแก่ที่ชอบคิดมากอย่างไรอย่างนั้น“ใช่ค่ะ ป้าพิมพ์ไปเที่ยวกับลุงพอลได้ตามสบายเลยนะคะ ไม่ต้องห่วงพั้นช์จริงๆค่ะ ให้ป้าอังกาบดูแลพั้นช์ก็ได้ พั้นช์เป็นเด็กดีแค่ไหนป้าพิมพ์ก็รู้นี่คะ”
“จ้าๆ เดี๋ยวถ้าพีทเก่งจนแม่สามารถปล่อยมือให้พีทดูแลบริษัทและพนักงานทั้งหมดแทนแม่ได้แล้ว แม่ก็จะไปเที่ยว
รอบโลกกับพ่อบ่อยๆแล้วกันนะ”“ดีมากครับแม่”
พิรัชย์ตักข้าวต้มกุ้งของโปรดเข้าปากก็ต้องทำตาโต เพราะรสชาติของมันทั้งหอมหวานและกลมกล่อมอย่างที่ไม่เคยกินมาก่อน
“อืมมม ข้าวต้มกุ้งนี่อร่อยจังครับแม่ ป้าอังกาบฝีมือพัฒนานะครับ”
พูดจบก็ตักข้าวต้มรสเลิศนั้นเข้าปากอีกหลายคำ เพราะติดใจในรสชาติของมันเสียแล้ว
“ฝีมือป้าอังกาบที่ไหนกันล่ะ ฝีมือน้องต่างหาก”
ข้าวต้มที่กำลังจะถูกส่งเข้าปากมีอันต้องชะงัก เขาจึงเหลือบตาไปมองเธอ ซึ่งก็พบว่าเธอมองเขาอยู่แบบกล้าๆ กลัวๆเหมือนเดิม
“ฝีมือพั้นช์เองหรอ อร่อยมาก”
“ขอบคุณมากค่ะ”
พูดจบก็ส่งข้าวต้มในช้อนเข้าปากทันที แล้วเคี้ยวตุ้ยๆอย่างเอร็ดอร่อย ฝีมือยัยเด็กผอมกะหร่องนี่ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ทำอาหารเก่งขนาดนี้ ทำไมเจ้าหล่อนถึงได้ผอมเก้งก้างขนาดนั้นกันนะ ไม่ชอบกินข้าวหรืออย่างไร ผอมๆ แบบนี้คงรองรับความดิบเถื่อนของเขาไม่ไหวแน่ๆ เพราะเวลาที่เขามีความต้องการ เขามักแสดงออกมาอย่างเร่าร้อนและติดจะรุนแรงเสมอ แต่เอ๊ะ แล้วเด็กนี่มาเกี่ยวอะไร จะต้องมารองรับความต้องการของเขาทำไมกัน ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย แถมเขายังมีคนรักให้ระบายอารมณ์หนุ่มพวกนี้อยู่แล้ว ทำไมถึงคิดฟุ้งซ่านได้เลอะเทอะขนาดนี้กันนะ
“ฮึ่ม แล้วทำอะไรเป็นบ้างล่ะ”
เขากระแอมแก้เก้อกับความคิดผิดศีลธรรมของเขา
แล้วรีบถามข้อมูลของแม่ครัวมากฝีมือเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยความคิดให้ลึกสุดใจ“พั้นช์ทำได้หลายอย่างค่ะ ถ้าคุณพีทอยากทานอะไรก็บอกได้เลยนะคะ ถ้าทำไม่เป็นก็เสิร์ชหาสูตรจากในเน็ตได้ค่ะ”
แม้จะไม่ค่อยอยากสบตาหรือพูดคุยกับเขานัก เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่จะอย่างไรคนอยู่บ้านเดียวกันก็คงหนีกันไม่พ้น แถมเมื่อคืนเขาคงโกรธและหงุดหงิดเธอมากที่ไปทำลายสวรรค์ของเขากับคนรัก เลยแกล้งข่มขวัญเธอด้วยวิธีนั้น เขาคงไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรเธอจริงๆหรอก เพราะไม่อย่างนั้น
เธอที่ตัวสั่นไร้สิ้นเรี่ยวแรงจะต่อต้านเขาก็คงไม่จะมีทางรอดมาจนถึงตอนนี้ได้ เพราะฉะนั้น ต่อไปเธอต้องระวังตัวให้มาก อย่าทำอะไรให้เขาหงุดหงิดหรือเสียอารมณ์อีก เธอก็น่าจะอยู่รอดปลอดภัย“อืม จริงสินะ ไว้วันหลังถ้าอยากกินอะไรเป็นพิเศษแล้วฉันจะบอกแล้วกัน หวังว่าเมื่อถึงวันนั้นที่ฉันอยากกิน ฉันคงได้กิน”
“พั้นช์จะพยายามค่ะ”
เขาพยักหน้าให้เธอเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ แล้วก็กินข้าวต้มถ้วยนั้นต่อจนหมดอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ วันนี้พีทไปกับแม่ก็ดีเหมือนกัน เพราะวันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้น แม่ก็อยากให้พีทไปด้วยอยู่แล้วแต่แรกแต่ไม่กล้ากวน จะได้แนะนำพีทให้ผู้ถือหุ้นและกรรมการบริหารได้รู้จักไปพร้อมๆ กันเลย”
“ครับแม่ ผมจะตั้งใจ ไม่ทำให้แม่ผิดหวังครับ”
“แม่เชื่อในตัวลูกอยู่แล้วจ้ะ”
“ขอบคุณมากครับแม่”
หกเดือนผ่านพ้นไปกับการที่เขาเข้าไปศึกษางานอย่างจริงจังในบริษัทพิมพ์มาดา พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) เพื่อรับตำแหน่งประธานบริษัทต่อจากมารดาของตนเอง ซึ่งเขาก็ทำได้ดี มีภาวะผู้นำและมีวิสัยทัศน์มากจนกรรมการบริหารคนอื่นๆ
ต่างไว้วางใจที่จะวางความหวังของทั้งบริษัทในมือของเขาให้บริหารงานต่อจากแม่ของเขาได้และวันนี้ก็เป็นวันที่เขาเข้ารับตำแหน่งต่อจากแม่อย่างเป็นทางการ โดยที่แม่ของเขาจะลดบทบาทลงเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของบริษัทแทน
ซึ่งหกเดือนที่ผ่านมานี้ เขาทำงานดึกดื่นแทบทุกวันและไม่มีวันหยุดเลย จนคนรักสาวตามมางอแงใส่เขาบ่อยๆ ที่บ้าน และแม้ว่าเธอจะนอนค้างคืนกับเขาที่บ้านในวันหยุด แต่เขาก็จะทำงานจนดึกดื่นและไม่ยอมแตะต้องเธอเลยมาหกเดือนเต็มๆ แล้ว แม้ว่าเธอจะพยายามลุกเขาเท่าไหร่ก็ตาม แต่เขาจะอ้างความเหน็ดเหนื่อยและความเครียดจากการทำงานเอ่ยปฏิเสธให้เธอเสียอารมณ์เสมอ
และแม้ว่าเธอเองจะจบปริญญาโทคณะบริหารธุรกิจเหมือนกับเขา และที่บ้านจะมีบริษัทส่งออกอาหารแช่แข็งก็ตาม แต่เธอก็เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ ไม่ยอมเข้าไปช่วยพ่อแม่บริหารงานเสียที เพราะเธอหวังว่าจะเป็นสะใภ้ตระกูลคลาร์กที่
มั่งคั่งและร่ำรวยมหาศาล ทั้งยังเป็นมหาอำนาจในอเมริกาอีกต่างหาก เพราะถ้าเป็นแบบนั้น เธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำงานให้เหนื่อยและหนักสมอง สู้เอาเวลามาดูแลปรนนิบัติสามี และคิดหาวิธีมัดใจเขาด้วยลีลาเร่าร้อนบนเตียงจะดีกว่าและในวันนี้ วันที่เขาจะรับตำแหน่งท่านประธานเต็มตัว ก็จะมีงานเลี้ยงของบริษัทในเวลากลางคืน ซึ่งเธอก็จะไปกับเขา เพื่อแสดงตัวให้พนักงานสาวๆของเขาได้เห็น ว่าเจ้านายหนุ่มหล่อมีคนรักตัวจริงแล้ว ตัดปัญหาพวกหวังสบายและใช้เต้าไต่ ซึ่งถ้ามีใครมาทำแบบนั้น เธอนี่แหละจะไปแหกอกมันเองถึงที่
“เดี๋ยวคืนนี้ พั้นช์ไปงานเลี้ยงแสดงความยินดีที่พี่พีทรับตำแหน่งประธานกับป้าด้วยนะลูก เสื้อผ้าป้าให้เลขาเตรียมให้พั้นช์แล้ว น่ารักเชียว เรียนเสร็จแล้วก็รีบกลับมานะลูก วันนี้
ไม่มีไปติวหนังสือใช่ไหม”พิมพ์มาดาเอ่ยขึ้นในตอนที่ทั้งสี่นั่งทานอาหารเช้ากันอยู่ ซึ่งวันนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเพราะเมื่อคืนชัญญาภัคมาค้างกับ
เขาด้วย“ได้ค่ะ ป้าพิมพ์ วันนี้พั้นช์ไม่มีไปติวหนังสือที่ไหนค่ะ เพราะวันนี้นายวีก็ต้องไปงานเลี้ยงของคุณพีทกับครอบครัวด้วยค่ะ เพื่อนๆ เลยยกเลิกการติวกันไปก่อน”
เธอหมายถึงปฐวี เพื่อนกลุ่มเดียวกันกับเธอ ที่เคยมารับมาส่งเธอตอนไปติวหนังสือในวันเสาร์อาทิตย์บ่อยๆ
“จริงสิ ตาวีเป็นลูกผู้ถือหุ้นและกรรมการบริหารนี่นา”
ชัญญาภัคแอบเบะปากให้กับมารดาของคนรัก ไม่รู้
จะรักจะเอ็นดูยัยเด็กกาฝากนี่ไปถึงไหน แทนที่จะสนใจและให้ความสำคัญกับว่าที่ลูกสะใภ้คนโตอย่างเธอ กลับทุ่มเทความรักและความเอาใจใส่ให้ยัยเด็กนั่นจนน่าหมั่นไส้“พีทจะกลับมาที่บ้านก่อนหรือเปล่าคะ ชัญญ่าจะได้
รอไปพร้อมพีทเลย”“ผมไม่กลับมาแล้วล่ะ ชัญญ่าจะขับรถไปเองหรือไปพร้อมแม่ก็ได้นะ”
“งั้นชัญญ่าไปพร้อมคุณแม่ก็ได้ค่ะ ขากลับค่อยกลับพร้อมพีท”
“ครับ”
แม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์ที่เด็กนั่นพูดถึงเพื่อนชายคนสนิท ที่ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ทั้งๆที่เพิ่งเรียนอยู่ปีหนึ่ง ริอ่านจะมีแฟน มีหนุ่มมาคอยตามจีบถึงบ้าน ถึงจะไม่พอใจขนาดไหนก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้ เพราะเขาไม่ได้เป็นอะไรกับยัยเด็กนั่น
ที่นับวันจะสวยสมวัยและมีน้ำมีนวลขึ้นเรื่อยๆ จนเขาต้องแอบมองอยู่บ่อยครั้งในงานเลี้ยงแสดงความยินดีที่พิรัชย์ได้รับตำแหน่งประธานบริษัท จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมห้าดาวชื่อดัง ครอบครัวของเขาเดินทางมาถึงที่โรงแรมในช่วงเวลาจวนเจียนจะเริ่มงาน สามสาวต่างวัยเดินเข้ามาในงานพร้อมกัน แต่สายตาของเขาดันจับจ้องอยู่ที่สาวนางเดียวเหมือนกับมีแม่เหล็กดึงดูดให้ไม่อาจจะละสายตาได้ นั่นคือสาวสวยหุ่นสะโอดสะองในชุดเดรสตัวยาวสายเดี่ยวสีน้ำเงินเข้มผ้ามันวาววับ ตัวเสื้อแหวกลึกโชว์เนินอกอวบของวัยสาวที่เบียดรัดกันจนชิด ลำคอระหงมีสร้อยเพชรเส้นเล็กๆ น้ำงามที่แม่ของเขาลากเขาไปเป็นเพื่อนเพื่อซื้อมาให้เธอ โดยมีเขาเป็นคนเลือกให้เองกับมือ ช่างเข้ากันกับเธอเหลือเกินจริงๆ ใบหน้าที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางราคาแพงแต่บางเบาสไตล์เกาหลี โชว์ความงามของวัยสาวและผิวพรรณที่แท้จริงของเจ้าตัว ยิ่งใส่รองเท้าส้นสูงที่ค่อนข้างสูงกว่าที่เคยเห็นเธอใส่ในชีวิตประจำวัน ยิ่งทำให้ร่างงามดูเพรียวระหงยิ่งขึ้นไปอีกเท่าตัว ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนกระแอมกลบเกลื่อนแล้วเลื่อนสายตาไปมองคนรักของตัวเอง ที่ก็สวยเซ็กซี่เป็นประจำแบบที่เขาเคยเห็นจนชินตา จึงไม่ได้ตื่นเต้น
ภายใต้แสงสลัวของผับชื่อดัง บรรดาผีเสื้อราตรีต่างโยกย้ายตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนาน เว้นแต่หญิงสาวเรือนร่างเย้ายวนในชุดเผยเนื้อตัวที่นั่งอย่างลำพังอยู่หน้าบาร์ เธอยกเครื่องดื่มอย่างแรงในแก้วทรงสวยกระดกเข้าปากจนหมดหลายต่อหลายแก้วด้วยความเซ็ง หกเดือนที่ผ่านมา คนรักของเธอเอาแต่ทุ่มเทให้กับงานจนไม่มีเวลามาสนใจเธอเลย แม้ว่าเธอจะไปหาเขาถึงที่บ้านหรือทำกระทั่งแก้ผ้านอนอ่อยเขาถึงบนเตียง แต่เขากลับไม่แตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บ มันน่าหงุดหงิดจริงๆ “มาคนเดียวหรือครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านข้างในขณะที่มีคนถือวิสาสะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างตัวของเธอ จึงเงยหน้าขึ้นมองเพื่อที่จะเตรียมต่อว่าชายหนุ่มผู้ไม่มีมารยาทคนนั้นแต่ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ก็ชายหนุ่มคนที่นั่งลงที่เก้าอี้ข้างตัวเธอเขาหล่อมากๆ รูปร่างสูงใหญ่ แต่งกายด้วยชุดสูทแสนภูมิฐาน ความเพอร์เฟคของเขาแทบไม่ต่างจากคนรักของเธอเลย “ค่ะ มาคนเดียว” เธอตอบเขากลับไปพร้อมกับการส่งยิ้มยั่วยวนให้เขา “ขอผมนั่งด้วยคนนะครับ” “ค
ร่างบางในชุดนอนแบบเสื้อเชิ้ตตัวยาวสีขาว สั้นเหนือเข่าขึ้นไปเป็นคืบเดินลงมาเอาน้ำเปล่าในห้องครัวอีกครั้ง หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น เธอก็ไม่เคยลืมที่จะเตรียมหยิบน้ำขึ้นไปไว้ที่ห้องนอนของเธออีกเลย แต่วันนี้เธอดันลืมเสียนี่ เมื่อได้น้ำเปล่าขวดใหญ่แล้ว เธอก็เดินกลับห้อง โดยจะต้องเดินผ่านห้องอาหารและบาร์เหล้าอีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีเสียงทุ้มดังขึ้น และมีคนตัวโตขยับเข้ามาประชิดร่างของเธอจากทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว “ลงมาทำอะไร” เธอยืนตัวแข็งค้างกับสัมผัสร้อนผ่าวที่ข้างแก้ม กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ จากเขามันทำให้เธอแทบจะมึนเมาตามไปด้วย “เอ่อ ลงมาเอาน้ำค่ะ พั้นช์หิวน้ำ” เขาก้มลงมองผ่านบ่าบอบบางของเธอไปทางด้านหน้า ก็เห็นเธอกอดขวดน้ำขวดใหญ่เย็นเจี๊ยบไว้แนบอก ด้วยมืออันสั่นเทา “ฉันว่าเธอแต่งตัวโป๊ไปนะ” “ขะ ขอโทษค่ะ พั้นช์เห็นว่าดึกแล้ว ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ข้างล่าง คราวหน้าจะใส่เสื้อคลุมลงมาค่ะ” เขาชะโงกหน้าไปมองด้านหน้าของเธออีกครั้ง ก็เห็นปลายยอดอ
เมื่อเธอทานอาหารเช้าเสร็จ พิมพ์มาดาก็เอ่ยไหว้วานเธอให้ทำธุระบางอย่างให้ทันที “พั้นช์ ป้าขอรบกวนให้ช่วยดูแลพี่พีทให้ได้ไหมลูก ยัยส้มมันโก๊ะๆ เดี๋ยวทำตาพีทป่วยหนักกว่าเดิม พอดีลุงกับป้ามีธุระต้องออกไปทำนิดหน่อย ไม่งั้นป้าจะดูแลตาพีทเอง” เธอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ แต่ก็ไม่เสียเวลาคิดนาน เพราะเรื่องง่ายๆ แค่นี้ ยังไงเธอก็ทำให้กับป้าพิมพ์ของเธอได้อยู่แล้ว “ได้ค่ะ ป้าพิมพ์ไม่ต้องห่วงนะคะ พั้นช์จะดูแลคุณพีทเองค่ะ” เธอกลับเข้าไปในห้องนอนของเขาอีกครั้งพร้อมด้วยอุปกรณ์เช็ดตัว มือเล็กแตะที่หน้าผากของเขาก็พบว่าเขายังคงตัวร้อนจี๋เหมือนเดิม จึงถอดเสื้อของเขาออกแล้วค่อยๆ เช็ดตัวให้กับเขา โดยที่เธอแทบไม่มองเรือนร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาเลย แต่จนแล้วจนรอด อุณหภูมิร่างกายของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย เธอจึงสอดมือเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนหนา ก่อนรูดเอากางเกงนอนตัวบางของเขาออกมา แล้วสอดผ้าเข้าไปเช็ดตัวในส่วนล่างให้เขาทุกซอกทุกมุม ยกเว้นบริเวณส่วนนั้นของเขาที่เธอไม่กล้าแม้แต่จะเอามือเข้าไปใกล้ เธอเช็ดตัว
พาขวัญรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเช้าตรู่ เธอจึงรีบเก็บฟูกที่นอนแล้วกลับห้องไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา แล้วรีบกลับไปที่ห้องของเขาเพื่อจะไปดูให้แน่ใจอีกครั้งว่าเขายังมีไข้หรือไม่ จะได้บอกกับป้าพิมพ์ของเธอได้ถูก แต่เมื่อเข้ามาถึงที่ห้องของเขาก็ต้องแปลกใจ เมื่อคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงมาทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้อยู่บนนั้นอีกแล้ว เสียงน้ำจากฝักบัวที่ดังแว่วๆออกมาจากห้องน้ำทำให้รู้ว่าตอนนี้คนป่วยได้ลุกขึ้นมาอาบน้ำแล้ว “อาบน้ำได้แล้ว คงหายป่วยแล้วสินะ” เธอกำลังตัดสินใจจะออกจากห้องนี้ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดิน เมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก เผยให้เห็นคนตัวโตที่กำลังเดินออกจากห้องน้ำมาในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่มัดปมอย่างหมิ่นเหม่ ต่ำแสนต่ำจนแทบจะเห็นอะไรต่อมิอะไรหมดแล้ว พาขวัญกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ดวงตากลมโตเบิกกว้างกับภาพผู้ชายที่แสนเพอร์เฟคตรงหน้า ลำตัวหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อและซิกแพคเป็นลอนสวย ผิวพรรณขาวจัดที่มีหยดน้ำเกราะพราวไปทั้งร่างยิ่งดูเซ็กซี่ ผมที่เปียกลู่เปิดเปลือยใบหน้าคมให้ยิ่งหล่อเหลามากขึ้นไปอีก
พาขวัญนั่งก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารเช้าของตัวเองโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองสบตากับลูกชายคนโตของเจ้าของบ้านเลย เธอรู้ว่าเขาไม่ค่อยชอบเธอนัก แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะเกลียดเธอถึงขนาดพยายามหาทางกลั่นแกล้งให้เธออยู่บ้านนี้ไม่ได้ขนาดนี้ “พั้นช์ เป็นอะไรลูก ไม่พูดไม่จา เหนื่อยหรอจ๊ะ เมื่อคืนได้นอนหรือเปล่า” “เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ แต่เมื่อคืนพั้นช์ได้นอนนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ” “งั้นวันนี้ป้าให้คนขับรถไปส่งพั้นช์ดีกว่า เดี๋ยวต้องเรียนอีกทั้งวัน ป้ากลัวพั้นช์ขับรถหลับใน” “เอ่อ พั้นช์..” เธอกำลังจะเอ่ยขอขับรถไปเรียนเอง เพราะไม่อยากให้ใครลำบาก แต่ก็พูดได้แค่นั้น เพราะพิรัชย์เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน “เดี๋ยวผมไปส่งครับ ขากลับเดี๋ยวจะแวะรับให้ ไม่ต้องห่วงครับแม่” “ดีเหมือนกัน ไปกลับกับพีท แม่จะได้สบายใจ” ที่เป็นแบบนั้นเพราะตั้งแต่ที่เขาเริ่มทำงานในตำแหน่งประธานบริษัท ทางกาสิโนของพ่อเขาก็เกิดเรื่องยุ่งๆ เมื่อมาเฟียคู่แข่งพยายามโจมตีโรงแรมและกาสิโนของพ่อเขา ทั้งเล่นงานในที่สว่างและเล่
ทันทีที่รถยนต์คันหรูสีดำมันปลาบแล่นเข้าใกล้ตึกคณะ พิรัชย์ก็เห็นหนุ่มสาวคู่เมื่อเช้านั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินอย่างสนิทสนม กรามแกร่งขบกันจนแน่นอย่างไม่พอใจ “บีบแตรสิชิต มัวแต่อ่อยผู้ชาย จนไม่สนใจอะไรเลย” เสียงแตรรถดังขึ้น ทำให้หนุ่มสาวที่กำลังนั่งดูคลิปตลกในมือถือเครื่องเดียวกัน เงยหน้ามองรถคันหรูที่จอดรออยู่ที่หน้าตึก “อุ๊ย คุณพีทมาแล้ว พั้นช์ไปก่อนนะวี” “อื้ม เดินทางปลอดภัยครับ เจอกันพรุ่งนี้นะ” “จ้ะ บาย” หนุ่มสาวโบกไม้โบกมือให้กัน ก่อนจะเดินแยกย้ายกันไป โดยที่เธอเปิดประตูรถเข้าไปนั่งเคียงคู่กับเขาที่เบาะด้านหลัง “ขอโทษค่ะ” เธอเอ่ยขอโทษเขาทันที เพราะเมื่อเข้ามาในรถก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาบึ้งตึง คงอารมณ์เสียที่รอเธอนาน “มัวแต่อ่อยผู้ชาย” เธอตวัดสายตามองหน้าเขา ไม่รู้ว่าเขาจะจงเกลียดจงชังอะไรเธอนักหนา เหน็บแนมเธอได้ทั้งวัน ในขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ในซอยของหมู่บ้าน อยู่ๆ ก็มีรถยนต์มาจากไหนไม่รู้ เร่งความเร็วแล้วแซงขึ้
เสียงออดหน้าประตูคอนโดมิเนียมสุดหรูของมานเมตต์ดังขึ้น ไม่นานบานประตูก็เปิดออกโดยผู้หญิงสาวสวยแต่งกายวาบหวิว ชัญญาภัคยืนตะลึงมองผู้หญิงคนนั้นอยู่นาน คิดว่าเธอคงเป็นคนรักของมานเมตต์ ไหนว่าโสด ไม่มีแฟนไง ทำไมถึงมีผู้หญิงคนนี้อยู่ที่ห้อง ผู้ชายก็เหมือนกันหมด ขี้โกหกและเห็นแก่ตัว แต่เธอจะคิดมากทำไม ความสัมพันธ์ของเธอกับเขามันก็แค่คู่นอนคืนเดียว ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งอะไรกับเขาอีกด้วยซ้ำ “ใครมา” มานเมตต์ในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินมาที่ประตูก็ต้องตกใจ เพราะคนที่ไม่ควรมาเจอเขากับผู้หญิงคนอื่นในสภาพแบบนี้เลยคือเธอ ชัญญาภัค ผู้หญิงที่เขาไม่ได้อยากให้เป็นแค่ One Night Stand “ชัญญ่า” “ขอโทษค่ะ ที่มารบกวน” เธอหมุนตัวเตรียมเดินกลับไปจากที่นี่ และคงไม่มีทางกลับมาเหยียบที่นี่อีกแล้ว แม้ว่าจะอยากทำเรื่องอย่างว่ากับผู้ชายคนนี้มากมายขนาดไหนก็ตาม “เดี๋ยวครับชัญญ่า ไม่ใช่แบบนั้นนะ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนรักของผม” เขาเอื้อมมคว้ามือเธอ แล้วดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอด ไม่ยอมให้เธอหนีเขาไปไหนเด็ดขาด
เขาจับเธอให้ลุกขึ้นจากกายเขา แล้วจูงมือพาคนตัวน้อยลงไปเล่นน้ำกันในสระโดยที่ไม่ยอมให้เธอใส่ชุดว่ายน้ำสีหวานนั่นอีกสักชิ้น หนุ่มสาวหยอกล้อกันอยู่ในน้ำอีกไม่นาน คนตัวโตที่หื่นกระหายก็แผลงฤทธิ์ใส่เมียสาวอีกครั้ง “พี่พีท” “เรียกพี่ทำไมครับ” “ก็พี่ เอ่อ มัน..” เธอรู้สึกถึงสิ่งที่ดุนดันอยู่ที่หน้าท้องของเธอ ก็ให้หวั่นใจ สามีที่มีความต้องการที่มากล้น กำลังจะจับเธอกินอีกแล้วแน่ๆ “มันต้องการพั้นช์อีกแล้ว ขอกินอีกรอบนะครับ แล้วจะให้ไปนอนกลางวัน” “อือออ พี่พีทเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเยอะแยะคะ” เขากอดกระชับคนตัวบางแล้วดันเธอไปจนถึงริมขอบสระอย่างที่เขาเคยทำเมื่อนานมาแล้ว แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความสมยอมและยินดีของเธอ “อยู่กับพั้นช์ พี่หิวตลอดเวลาเลย ยิ่งพั้นช์ท้อง พี่ยิ่งหิว ไม่รู้เป็นอะไร ตัวพั้นช์มันหอมกว่าปกติ” เขาช้อนอุ้มที่สะโพกเธอขึ้นมา ก่อนจดจ่อตัวตนที่แข็งเขม็งที่ปากทางรักของเธอ คนตัวบางกอดรัดรอบคอเขาแน่น แล้วกดร่องรักฉ่ำน้ำของเธอให้ครอบครองตัวตนใหญ่โตของเ
สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันต่อมา เมื่อคืนเข้าหอ เขาปล่อยให้เธอนอนหลับพักผ่อนหลายชั่วโมง ก่อนปลุกเธอมาทานข้าวเย็นแล้วอาบน้ำเตรียมตัวนอน ซึ่งเขาก็จับเธอกินด้วยความหิวกระหายอีกแค่สองครั้งเท่านั้น เพราะภรรยาป้ายแดงที่พ่วงด้วยตำแหน่งว่าที่คุณแม่ยังสาวค่อนข้างอ่อนเพลียจนเห็นได้ชัด เขาจึงเอาแต่ใจกับเธอไม่ลง จึงปล่อยให้เธอนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ สายวันนี้ทั้งเธอและเขาจึงสดชื่น ไม่ได้หลงเหลืออาการอ่อนเพลียแต่อย่างใด “พั้นช์ อาบน้ำแล้วออกไปหาข้าวทานกันนะครับ ป่านนี้ลูกเราหิวแย่แล้ว” “ค่ะ” เขาอุ้มเธอเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพากันออกไปหาร้านอาหารอร่อยๆ ทานกัน แต่โลกก็ดันกลมเหลือเกินเมื่อเขาและเธอบังเอิญเจอกับคู่สามีภรรยาที่เคยมีประเด็นกับพวกเขาทั้งคู่ “เอ่อ สวัสดีครับ คุณพีท คุณพั้นช์” มานเมตต์และภรรยา เดินตรงเข้ามาทักทายพิรัชย์และพาขวัญถึงที่โต๊ะอาหาร ตั้งแต่ที่พ่อเขาถูกตำรวจวิสามัญไปเมื่อเดือนก่อน หลังจากงานศพของพ่อเขาที่คนทั้งคู่อุตส่าห์มาร่วมงานเพื่ออโหสิกรรมใ
ไหนว่าตามใจเธอไง งานแต่งงานในโบสถ์ง่ายๆ ของเขา คือการเชิญแขกมาร่วมงานจนเต็มโบสถ์ขนาดใหญ่ที่บรรจุคนได้นับพัน ไหนจะตกแต่งสถานที่ด้วยดอกกุหลาบนำเข้าสีขาวและดอกลิลลี่แห่งหุบเขา หรือ Lily of the Valley สีขาวน่ารักเต็มโบสถ์ไปหมด ทั้งยังจัดสถานที่สำหรับถ่ายรูปที่สวนข้างโบสถ์เสียหรูหรา ประดับประดาด้วยดอกไม้เมืองนอกสีขาวนานาพันธุ์ ดั่งสวนในฝันของเจ้าหญิงก็ไม่ปาน บ่าวสาวที่งดงามราวเจ้าชายเจ้าหญิง กำลังกล่าวคำปฏิญาณและสวมแหวนแต่งงานให้แก่กัน ก่อนจะมอบจุมพิตที่หวานล้ำต่อหน้าสักขีพยานนับพัน แล้วพากันมาโยนช่อดอกลิลลี่แห่งหุบเขา ให้กับสาวๆที่มายืนรอกันอยู่ที่บันไดหน้าโบสถ์ โดยสาวผู้โชคดีที่รับช่อดอกไม้นั้นได้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นจริญญา เพื่อนรักของเจ้าสาวนั่นเอง บ่าวสาวจับจูงมือกันไปขึ้นรถสปอร์ตเปิดประทุนคันหรู แล้วพากันขับออกไป ท่ามกลางเสียงปรบมือและโห่ร้องยินดีของสักขีพยานทั้งหลาย เจ้าสาวคนสวยเอนศีรษะพิงบ่าบึกบึนของเจ้าบ่าวสุดหล่อเอาไว้ แล้วเงยหน้าขึ้นมองสบตากับเขา แล้วก็เป็นเขาที่อดใจไม่ไหว ก้มหน้าลงมาจุ๊บปากของเธอเบาๆ หนึ่งครั้ง เพราะวันนี้
พาขวัญหลับไปหนึ่งคืนเต็มๆ เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีในช่วงเช้าของอีกวัน สิ่งแรกที่เธอเห็นนอกจากเพดานสีขาวของโรงยาบาลคือคนตัวโตที่ฟุบหน้านอนหลับอยู่ที่ข้างเตียงของเธอ มือใหญ่จับมือของเธอแน่นจนรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ “พี่พีท” พิรัยช์สะดุ้งตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงหวานที่แสนคุ้นเคย แม้มันจะแหบพร่ากว่าเดิมก็ตามที “ที่รัก ตื่นแล้วหรอครับ ขอบคุณพระเจ้า” ร่างใหญ่ลุกขึ้นโอบกระชับร่างบางขึ้นมากอดแนบอก เขาลูบหลังลูบไหล่เพื่อเรียกขวัญให้คนตัวน้อยที่อาจจะยังไม่หายตกใจดี ซึ่งเธอก็กอดเขาตอบเสียแน่นเหมือนกัน “พี่พีท พี่ปลอดภัยดีใช่ไหมคะ มันไม่ได้ทำอะไรพี่ใช่ไหม” “ครับ เราสามคนปลอดภัยดี” คนตัวเล็กขยับตัวออกจากอ้อมอกอันอบอุ่น มองเขาตาแป๋วด้วยไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร ในเมื่อเธอกับเขาเสี่ยงอันตรายกันอยู่ในโกดังนั้นแค่สองคน หรือเธออาจจะฟังผิดไป จึงเอ่ยทวนคำของเขาอีกครั้ง “เราสามคน หรือคะ” “ครับ เราสามคน พี่ พั้นช์ และอีกคนในนี้” มือใหญ่อบอุ่น ลูบหน้าท
พิรัชย์เหยียบคันเร่งแทบมิดเพื่ออยากไปถึงที่หมายให้เร็วที่สุด ทีมบอดี้การ์ดขับตามมาติดๆ แต่เมื่อใกล้ถึงที่หมายก็ต้องขับตามเจ้านายให้ห่างเข้าไว้ เพื่อความปลอดภัยของพาขวัญ พิรัชย์ถึงที่หมายในไม่นาน ตรงหน้าเขาคือโกดังร้างกลางป่า ที่มีคนของนิมมานต์ยืนเฝ้ายามอยู่รอบบริเวณ พวกมันตรงเข้าค้นตัวของเขาแล้วปลดอาวุธที่เขาพกมาทั้งหมด แล้วพาเขาเข้าไปในโกดังนั้นทันที “พั้นช์” เขารีบวิ่งไปหาคนรักสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กลางโกดังที่ทั้งมืดและเหม็นอับนั้น ดีหน่อยที่มันไม่ได้มัดเธอเอาไว้ เพราะคิดว่าสาวน้อยตัวบางอย่างเธอไม่มีพิษมีภัยอะไร “พี่พีท” สาวน้อยโผเข้ากอดเขาแน่น น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอกลัวจริงๆ ไม่ใช่กลัวแค่พวกมันจะทำอะไรเธอ แต่เธอกลัวพวกมันจะล่อเขามาฆ่า เหมือนตอนนี้ที่เขาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าคนชั่วอย่างไอ้นิมมานต์มันจะทำอะไรกับเขาบ้าง “พี่พีทมาทำไมคะ มันจะฆ่าพี่นะ” “พี่รู้ แต่จะให้พี่ทิ้งพั้นช์ไว้ได้ไง ถ้าพั้นช์เป็นอะไรไป พี่จะอยู่ได้ยังไง” “แล้วถ้าพี่พีทเป็น
หลังจากวันนั้น คลื่นลมก็สงบมาโดยตลอด นิมมานต์ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร และคนของเขาก็พยายามหาหลักฐานมาจนได้นั่นคือคลิปเสียงที่ไอ้คนที่รับจ้างมาฆ่าเขาแอบอัดไว้ทุกครั้งที่มีการนัดเจอกันและพูดคุยรายละเอียดงานทุกอย่าง มีเสียงของมันและนิมมานต์ชัดเจน มันคงรู้ตัวว่ามันคงอาจถูกเก็บได้ทุกเมื่อ จึงรวบรวมหลักฐานเอาผิดนิมมานต์เอาไว้ แล้วฝากเอาไว้ที่เมียของมันเอง โชคดีที่ไอ้นิมมานต์มันพอมีความเป็นคนอยู่บ้าง จึงไม่ได้ตามฆ่าลูกเมียของไอ้สองตัวนั้น จริงๆก็ไม่รู้ว่ามีความเป็นคนหรือประมาท คิดไม่ถึงกันแน่ว่าคนที่มันใช้งานมาหลายครั้ง จะกล้าหักหลังมันแบบนี้ และเขาก็พอมีคนรู้จักที่เป็นตำรวจน้ำดีอยู่บ้าง จึงทำสำเนาหลักฐานเหล่านั้นส่งให้ตำรวจไปชุดหนึ่งเอาไว้เป็นหลักฐานเอาผิดมัน ผ่านมาแล้วหนึ่งเดือนเต็มๆ จนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนิมมานต์แต่งงานกับลูกสาวรัฐมนตรีชื่อดัง หลังจากนั้นมันก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เพราะมันเองก็สืบรู้มาว่าทางเขาได้หลักฐานมาจากเมียไอ้สองตัวนั้นแล้ว ดีที่เขาส่งลูกเมียของไอ้สองตัวนั้นไปอยู่ในที่ปลอดภัยเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงได้มีคนตายตามกันไปอีกหลายศพ
พิรัชย์นั่งฟังรายงานความคืบหน้าของเรื่องที่มีคนจงใจพยายามฆ่าเขาแล้วทำให้เป็นอุบัติเหตุเมื่อวันก่อนด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ตอนนี้คนของเขาจับคนร้ายได้แล้วที่ชายแดน มันสารภาพจนหมดเปลือก แต่ในขณะที่กำลังจะพามันทั้งสองคนไปส่งตำรวจ คนของเขาก็โดนถล่มยิง ทั้งเจ็บทั้งตายไปหลายคน ส่วนคนร้ายที่พยายามฆ่าเขาเสียชีวิตทั้งคู่ “ไอ้นิมมานต์ มันกล้าขนาดนี้เลยหรอ” กรามแกร่งขบกันจนขึ้นสันนูน มือใหญ่ทั้งสองกำแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธ เขาพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองตามไปถล่มคนพวกนั้นให้ตายตกตามลูกน้องของเขาไปเสียก่อน “ตอนนี้เราไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดมันได้เลยครับ ไอ้สารเลวสองตัวนั่นก็ตายไปแล้ว ไม่มีโทรศัพท์ติดตัว ไม่มีหลักฐานอะไรบ่งบอกว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับไอ้นิมมานต์เลย เพราะมันสองตัวบอกว่าไอ้นิมมานต์มันจ่ายเป็นเงินสด ไม่มีการโอนผ่านบัญชี ส่วนการเรียกใช้งานก็ให้คนไปตามที่บ้าน นัดพบกันตามที่รกร้างไร้กล้องวงจรปิด” ยิ่งลูกน้องรายงานข้อเท็จจริงเท่าไหร่ เจ้านายหนุ่มยิ่งเครียดขึ้งเท่านั้น หนทางที่จะเอาผิดมันทางกฎหมาย ปิดตายลงทุกที และหนทางที่จะให้
“พีทคะ” ร่างใหญ่ที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำมาต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่ออยู่ๆ คนรักเก่าในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวไม่ต่างจากเขาวิ่งถลาเข้ามากอดรัดเขาเอาไว้ เขาตื่นมาในห้องของพาขวัญในเวลาค่อนข้างสาย จึงรีบแยกย้ายกันมาอาบน้ำห้องใครห้องมันเพื่อที่จะได้รีบลงไปทานอาหารเช้าให้ทันเวลาเพราะกลัวว่าแม่จะบ่น “ชัญญ่า คุณเข้ามาทำไม” เขาไม่ถามว่าเธอเข้ามาได้ยังไง เพราะรู้ดีว่าเธอคงไปเอากุญแจสำรองจากในตู้นั่นมาแน่นอน เพราะเมื่อคืนเธอก็แอบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องแต่งตัวของพาขวัญ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เธอต้องเห็นฉากรักของเขากับพาขวัญแน่นอน “ชัญญ่าเข้ามาหาคุณสิคะ เมื่อก่อนตอนเช้าๆ พีทจะต้องทำอะไรชัญญ่าก่อนจะอาบน้ำแทบทุกวัน ชัญญ่าเลยเข้ามาปรนนิบัติพีทเหมือนที่เคยทำ” เธอยังคงกอดเขาแน่นๆ มือร้อนๆ ก็ลูบไล้ไปทั่วหน้าอกหนั่นแน่น จนปลายยอดอกของเขามันตั้งชันแข็งขึงไปหมด “ผมอิ่มแล้ว ผมมีคนให้ทำด้วยแล้ว เมื่อคืนคุณก็เห็นนี่” ชัญญาภัคชะงักค้างไป ด้วยไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไร หรือเขาจะรู้ต
“พีท พีทคะ” ชัญญาภัคเคาะประตูห้องอดีตคนรักอยู่นาน ร้องเรียกเขาอยู่หลายครั้งก็ไม่มีคนมาเปิดประตูให้ เลยลองบิดลูกบิดประตูดูก็พบว่ามันไม่ได้ล็อก จึงยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ แล้วเดินเข้าไปในห้องที่มืดสนิท มีเพียงแสงจากไฟภายนอกส่องเข้ามาเล็กน้อยเท่านั้น เธอเดินมาหยุดที่เตียงกว้างก็ต้องแปลกใจ บนเตียงนั้นไม่มีเขานอนอยู่ จึงเปิดไฟแล้วเดินหาเขาจนทั่วห้องก็ไม่มี “อย่าบอกนะว่าไปนอนกับนังพั้นช์” เธอรีบเดินตรงดิ่งไปที่ชั้นล่าง เพื่อเปิดตู้ที่เก็บกุญแจสำรอง เพราะเขาเคยบอกเธอว่ากุญแจสำรองของทุกห้องเก็บเอาไว้ที่ไหน ก่อนจะเอากุญแจดอกน้อยที่มีชื่อติดว่าพั้นช์และพีทออกมา เผื่อวันหลังเธอจะได้แอบเข้าห้องเขา เสียงที่ดังแว่วๆ ออกมาจากห้องที่อยู่ด้านในสุดฝั่งตะวันตก ทำให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูกำมือแน่นจนตัวสั่นเทาไปหมด เสียงที่เล็ดลอดออกมาเบาแสนเบาแทบฟังไม่เป็นภาษานั้น เธอรู้ดีว่ามันเป็นเสียงอะไร และเสียงของใคร เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าคำรามลั่นดังขึ้นมาในครั้งสุดท้าย พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะ