คราแรกคิดว่าจะรู้สึกอึดอัดเพราะต้องย้ายมาอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ทว่ากลับไม่เป็นอย่างที่คิดเลย หญิงสาวปรับตัวเพียงแค่วันเดียวก็สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มตา ซ้ำยังรู้สึกเหมือนเป็นพื้นที่ปลอดภัย
เจ้าของบ้านก็แทบจะไม่มาวุ่นวายกับเธอ ยกเว้นตอนเช้าก่อนไปทำงานที่จะนั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน ส่วนตอนเย็นก็แค่ทำอาหารทิ้งไว้แล้วให้มาอุ่นกินเอาเอง
แต่วันนี้พิเศษมากหน่อย เพราะเป็นวันที่แซนด์จะได้เริ่มงานในตำแหน่งเลขานุการเป็นวันแรก เธออาบน้ำแต่งตัวออกมาทำอาหารเช้าตั้งแต่ตีห้าครึ่งเสร็จสิ้นก็ประมาณหกโมงกว่า
“วันนี้ทำอะไรกินครับ” ร่างสูงเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยืนทำอาหารอยู่ในครัวเปิดสไตล์ยุโรป แค่เขาเปิดประตูห้องนอนออกมากลิ่นอาหารก็ลอยมาแตะจมูก
“ข้าวต้มกับเครื่องเคียงอีกสามสี่อย่างค่ะ”
คลื่นเพิ่งสังเกตว่าวันนี้แซนด์สวมชุดทำงานทางการ ซึ่งต่างจากวันอื่นที่จะสวมชุดลำลองออกมาทำอาหาร “คุณเริ่มงานวันนี้เหรอ”
“ใช่ค่ะ คุณจีน่ายังไม่ได้บอกเหรอคะ”
“น่าจะบอกแล้วล่ะ แต่ผมคงลืมเอง” เป็นไปไม่ได้ที่จีน่าจะลืมแจ้งเรื่องสำคัญกับเขา ต้องบอกว่าเธอไม่เคยทำงานผิดพลาดเลย ไม่ว่าจะงานราษฎร์หรืองานหลวงเธอจัดการได้อยู่หมัด
“นั่งเลยค่ะ เดี๋ยวฉันตักข้าวต้มไปเสิร์ฟให้”
“ครับผม” คลื่นเลื่อนเก้าอี้นั่ง ยกมือขึ้นมาเท้าคางมองร่างบางผ่านแววตายากจะคาดเดา เขาไม่เคยเห็นเธอใส่ชุดทำงานแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง
อาจเพราะในอดีตยังเด็กกันมาก ชุดที่เห็นบ่อยที่สุดก็คงจะเป็นชุดนักเรียน ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากมาย ไม่อย่างนั้นคงไม่จำเธอได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
แซนด์ถือชามข้าวต้มกับถ้วยต้มจืดจับฉ่ายมาเสิร์ฟให้ชายหนุ่ม ก่อนจะกลับไปเอาของตนเองมาแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขา
“คุณตื่นกี่โมงถึงมีเวลาทำอาหารเยอะขนาดนี้” อันที่จริงเขาสงสัยตั้งแต่วันแรกที่กินอาหารเช้าของเธอแล้ว มันไม่ใช่แค่ทำลวก ๆ เพื่อกินให้อิ่มท้อง
ดูอย่างวันนี้เสิร์ฟข้าวต้มกับเครื่องเคียง มีทั้งต้มจืดจับฉ่าย หมูสับหนำเลี้ยบ ยำไข่เค็ม และกุนเชียงทอด เธอใส่ใจกับอาหารมากเกินกว่าจะคิดเช่นนั้น
“ตีห้าค่ะ”
“ทำอาหารเก่งกว่าที่ผมคิดนะ”
“ถ้าเปลี่ยนคำชมเป็นโบนัสจะขอบคุณมากค่ะ”
“ได้นะ แต่ถ้าคุณทำงานผิดพลาดก็จะถูกหักเงินเดือนครั้งละสองหมื่น”
“ตั้งสองหมื่น ไม่เกินไปหน่อยเหรอ”
“ผมว่าแฟร์ดีนะครับ ไม่มีใครเสียเปรียบ”
กล้าพูดว่าไม่มีใครเสียเปรียบ ตั้งแต่เธอทำสัญญากับเขาก็รู้สึกว่าตนเองเสียเปรียบมาตลอด ไหนจะให้เธอมาอยู่ที่เดียวกัน ไหนจะเรื่องความสัมพันธ์แปลก ๆ นั่นอีก
แซนด์คิดว่าต้องคุยเรื่องนี้กับเขา โต ๆ กันแล้วน่าจะคุยกันให้รู้เรื่อง “คลื่น”
“อีกแล้วนะครับ”
“พี่จริงจัง” เธอย้ำให้เขารู้ว่าสิ่งที่จะพูดต่อจากนี้เป็นเรื่องซีเรียส
“อยากพูดอะไรก็พูดมา”
“เรื่องข้อตกลงที่บอกว่าจะให้พี่ทำหน้าที่บนเตียงน่ะ ทำไมคลื่นไม่ไปดีลผู้หญิงสักคน หรือไม่ก็ซื้อบริการเป็นครั้งคราวล่ะ” มันง่ายกว่าการดึงเธอเข้าไปในความสัมพันธ์ตั้งเยอะ อีกอย่างเธอยังไม่มีประสบการณ์กับผู้ชายมาก่อน อาจจะทำให้เขาพึงพอใจไม่ได้ “ถ้าคลื่นต้องการผู้หญิงเป็นงาน พี่ว่าทางเลือกนั้นตอบโจทย์นะ”
“ผมไม่ได้ต้องการผู้หญิงเป็นงาน”
เขาต้องการผู้หญิงที่รับ ‘รสนิยมพิเศษ’ ของเขาได้ ไม่นำเรื่องของเขาไปโพนทะนาที่ไหน ซึ่งคิดว่าเธอน่าจะเหมาะสม
“แต่ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้มีรสนิยมข่มขืนผู้หญิง เราต้องคุยกันให้ละเอียด และคุณต้องคอนเซนต์ในทุก ๆ ข้อตกลง”
แซนด์ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย แต่ยังรู้สึกลังเลว่าเธอควรทำแบบนั้นกับคนที่มองเป็นน้องชายหรือเปล่า เพราะความสัมพันธ์มันจะไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
“เอาไว้คืนนี้มาคุยกัน”
“คืนนี้เลยเหรอ” ถ้าเขาจะทำแบบนั้นกับเธอคืนนี้คงไม่พร้อม ยังไม่ทันจะได้ทำใจเลย แซนด์กังวลจนเผลอกำตะเกียบในมือแน่น
“จะทำหน้าแตกตื่นไปทำไม ผมบอกว่าคุย…เข้าใจคำว่าคุยมั้ย”
หญิงสาวผ่อนลมหายใจแผ่วเบาอย่างโล่งอก “อือ เข้าใจแล้ว”
@The Pegasus
“คุณแซนด์ได้เวลาแล้วค่ะ”
“ได้เวลาอะไรเหรอคะ” หญิงสาวถามอย่างมึนงง เพราะจู่ ๆ จีน่าพูดขึ้นมาโดยไม่ได้เกริ่นอะไรก่อน
“อีกสองนาทีจะแปดโมงครึ่งแล้วค่ะ”
ได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวก็กระตือรือร้นขึ้นมาในทันที เป็นเวลาที่ต้องนำตารางของวันนี้ไปรายงานต่อหน้าผู้เป็นเจ้านาย
“ฉันพร้อมแล้วค่ะคุณจีน่า ไปเลยมั้ยคะ”
“คุณแซนด์ต้องเข้าไปคนเดียวนะคะ ส่วนฉันจะรอฟังคอมเมนต์จากท่านประธาน”
“โอเคค่ะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” แซนด์คลี่ยิ้มส่งให้อีกฝ่ายอย่างสดใส ก่อนจะถือแท็บเล็ตส่วนตัวเดินมาเคาะประตูห้องทำงานของประธานบริษัท
“เชิญครับ” เมื่อเสียงอนุญาตดังเล็ดลอดออก เธอจึงเปิดประตูเดินเข้ามาด้วยความมั่นใจ แล้วมาหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขา
“ฉันมาแจ้งตารางงานของวันนี้ค่ะ” หญิงสาวกล่าวก่อนจะเหลือบมองตารางงานที่เปิดค้างไว้ผ่านหน้าจอแท็บเล็ต
“ครับ” ประธานหนุ่มตอบรับโดยไม่ละสายตาจากเอกสารกองพะเนินบนโต๊ะที่ต้องลงนามให้เสร็จก่อนสิบเอ็ดโมง
“ท่านประธานมีนัดคอนเฟอร์เรนซ์กับเดอะสฟิงซ์สาขาสิงคโปร์ตอนสิบโมงตรง ต่อด้วยเข้าไปตรวจหน้างานที่เดอะเซอร์เบอร์รัสเป็นครั้งสุดท้ายตอนบ่ายสองโมงครึ่งค่ะ”
“อืม คุณช่วยเช็กให้ผมหน่อยว่าบัตรเชิญเข้างานถูกส่งไปให้เพื่อนผมแล้วรึยัง”
“ค่ะ แล้วไม่ทราบว่าวันนี้จะรับอาหารกลางวันเป็นร้านไหนดีคะ” แซนด์มองเพียงครั้งเดียวก็จำได้ทั้งหมดว่าตารางงานมีอะไรบ้าง แถมยังมีรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างเช่นถามเรื่องอาหารกลางวันที่จีน่าเขียนกำกับไว้ให้เธอด้วย
“เลือกมาสักร้านแล้วกันครับ ผมคิดไม่ออก”
“ได้ค่ะ ถ้างั้นฉันขอตัวกลับไปทำงานต่อเลยนะคะ”
“ชงกาแฟแก้วใหม่มาให้ผมด้วย แก้วนี้มันเย็นแล้ว”
“รับทราบค่ะ” แซนด์โคลงศีรษะตามมารยาท ก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากห้องทำงานของเจ้านายหนุ่ม งานสำคัญช่วงเช้าของเธอมีเพียงเท่านี้ ที่เหลือก็คงต้องเรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญอย่างจีน่าอีกที
“คุณจีน่า…เพื่อนของท่านประธานมีใครบ้างเหรอคะ”“...” คนถูกถามเอียงคอมองด้วยความสงสัย เหตุผลที่แซนด์ถามเช่นนี้กับเธอคืออะไร“พอดีท่านประธานให้ฉันเช็กว่าบัตรเชิญส่งไปให้เพื่อนของท่านรึยังน่ะค่ะ”“ถ้าเป็นเพื่อนสนิทที่ยังติดต่อกันสม่ำเสมอมีอยู่สองท่านค่ะ คือคุณอคิราห์และคุณอนล เบอร์ติดต่อจะอยู่ในคอนแท็กต์ของระบบ ส่วนเรื่องบัตรเชิญถึงมือสองท่านนั้นเรียบร้อยแล้วค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”แซนด์เข้าใจแล้วว่าทำไมคลื่นถึงเลือกจีน่ามาเป็นเลขานุการ นั่นก็เพราะว่าหล่อนทำงานได้อย่างเป็นมืออาชีพ รู้ใจเขาแทบทุกอย่าง หากคนที่เข้าไปในห้องเขาเมื่อกี้เป็นจีน่าก็คงจะให้คำตอบได้เลยทันทีต่อจากนั้นหญิงสาวเริ่มเรียนรู้การเป็นเลขานุการของนักธุรกิจหมื่นล้าน เคยสงสัยว่าน้องชายข้างบ้านกลายเป็นใครและทำอะไร ซึ่งวันนี้ก็ได้รู้ทั้งหมดแล้วคลื่นมีธุรกิจที่ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าของหลายบริษัท แต่หลัก ๆ ที่ทำเงินให้เขาอย่างมหาศาลคือธุรกิจผลิตชิ้นส่วนของรถยนต์กับธุรกิจโรงแรมครบวงจรระดับหกดาว ไม่กี่วันข้างหน้าก็จะเปิดธุรกิจใหม่อย่างศูนย์นำเข้ารถหรูที่มีชื่อว่า ‘The Cerberus’เด็กผู้ชายที่วัน ๆ เอาแต่ตามติดเธอเป็นปลิง ถ้าไม่โทรปลุกตอนเช
20.00 น.ติ๊ง~ชายหนุ่มปล่อยให้คนตัวเล็กนำออกจากลิฟต์แล้วตนค่อยเดินตามหลัง เห็นเธอรีบก้าวขาเร็ว ๆ ไปที่ห้องนอนก็เข้าใจว่าคงเหนื่อยที่ต้องนั่งรถยนต์ไปนั่นไปนี่กับเขาตั้งแต่บ่าย“เดี๋ยวครับ” เขาส่งเสียงรั้งเรียกก่อนเธอจะเปิดประตูห้องนอน“คะ?”“ไม่ได้ลืมใช่มั้ยว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”ถ้าเขาไม่เตือนก็คงลืมไปแล้ว “ไม่ลืมค่ะ”“ทำอะไรให้เสร็จแล้วก็ออกมาเจอกันนะครับ”ชายหนุ่มแย้มยิ้มบาง ก่อนจะเดินเลี่ยงขึ้นบันไดมาบนห้องนอนของตนเอง ถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นบนร่างกายโยนใส่ตะกร้าแล้วคว้าผ้าขนหนูมาพันท่อนล่าง จากนั้นจึงหยิบบุหรี่เดินออกมาสูบนอกระเบียงของห้องนอนระหว่างรับลมเย็น ๆ ให้สมองผ่อนคลาย เขาก็คิดว่าควรจะพูดอย่างไรให้แซนด์ตกลงในสิ่งที่เขาต้องการ เพราะเขาไม่มีความคิดจะบังคับขู่เข็ญเธอ หากเธอไม่ยินยอมก็คงปล่อยให้มันเป็นเพียงแค่สัญญาข้อหนึ่งที่ไม่เกิดขึ้นเมื่อคิดได้แล้วว่าควรพูดอย่างไรจึงดับบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ แล้วเดินกลับเข้ามาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เขาใช้เวลาราว ๆ หนึ่งชั่วโมงในการจัดการตนเอง ก่อนจะลงมายังห้องโถงของเพนต์เฮาส์แซนด์ในชุดนอนสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้นยืนดื่มน้ำอยู่หน้าตู้เย็
ปลายนิ้วเรียวยาวราวกับผู้หญิงเกลี่ยผิวแก้มนวลปราศจากเครื่องสำอางอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมือลงมาเชยปลายคางของเธอขึ้น“งั้นวันนี้เริ่มเบา ๆ ก่อนแล้วกัน”“วันนี้เลยเหรอ” ไหนตอนแรกเขาบอกแค่คุย สักพักก็มาทำให้เธอปั่นป่วน แล้วตอนนี้ก็จะเริ่มปฏิบัติอีกแล้ว“ก็มีอารมณ์แล้วนี่”หากจะให้ยอมรับออกไปตามตรงคงกระดากอายไม่น้อย แต่มันก็เป็นอย่างที่คลื่นพูดจริง ๆ นั่นแหละ ตอนนี้ทั้งร่างมันวูบวาบไปหมดเลย“วันนี้ผมจะสอนขั้นเบสิกให้คุณก่อนแล้วกัน ถอดเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปรอบนเตียง” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเข้ม ก่อนจะเดินมายืนเลือกของเล่นที่จะใช้เป็นครั้งแรกกับอีกฝ่ายร่างบางตัวมองแผ่นหลังแกร่งด้วยความรู้สึกประหม่า พยายามใช้ความกล้ากดความรู้สึกเขินอายลงไป แล้วค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าตนเองทีละชิ้นจนหมด ก่อนจะก้าวขึ้นมานั่งบนเตียงอุปกรณ์ที่คลื่นเลือกคือผ้าคาดตาสีดำ กุญแจมือ และไวเบรเตอร์ขนาดเล็ก ความพึงพอใจเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่หันกลับมาเห็นว่าแซนด์ทำตามคำสั่ง ยอมรับเลยว่ามันน่ามองมากกว่าที่จินตนาการ“ถ้ารู้สึกไม่ไหวให้พูดว่า ‘คิมหันต์’ มันคือเซฟเวิร์ดของเรา แต่ถ้าคุณพูดคำอื่นผมจะให้ถือว่าคุณยังไหวและผมจะทำต่อไป เช็กล
หลายวันต่อมา…เลขานุการสาวเดินตรวจตราความเรียบร้อยภายในงานเปิดตัวศูนย์นำเข้ารถยนต์หรู ‘The Cerberus’ โดยมองไปที่เจ้านายหนุ่มซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับผู้เข้าร่วมงานเป็นระยะเข้าใจว่าเขาเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง แต่ไม่คิดว่าจะชื่อเสียงมากมายถึงขั้นสามารถรวมซูเปอร์สตาร์และนักธุรกิจทรงอำนาจของเมืองไทยไว้ในงานนี้ได้“เอ่อ…สวัสดีครับ”“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยคะ” แซนด์เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงเห็นป้ายชื่อคล้องคอของงานเลยเข้ามาขอความช่วยเหลือ แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิดจริง ๆ“ช่วยถ่ายรูปผมกับลูกสาวคู่กับรถหน่อยได้มั้ยครับ”“ยินดีค่ะ” ริมฝีปากคลี่ยิ้มให้คุณพ่อกับลูกสาวตัวน้อยอย่างใจดี รับสมาร์ตโฟนมาจากเขาแล้วก้าวขาถอยหลังออกมาเล็กน้อย “ฉันจะนับหนึ่งถึงสามนะคะ”“ครับ”“หนึ่ง สอง…สาม” แซนด์กดถ่ายภาพให้สองพ่อสองภาพ แล้วเอียงใบหน้าถามพูดกับพวกเขาต่อ “เรียบร้อยค่ะ อยากถ่ายกับคันอื่นอีกมั้ยคะ”รถยนต์ที่เดอะเซอร์เบอร์รัสนำมาจัดแสดงโชว์ในวันเปิดตัว ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์รุ่นลิมิเต็ดของค่ายนั้น ๆ บางคันเป็นคันต้นแบบที่เปิดตัวที่นี่ครั้งแรกโดยเฉพาะ“ป๊าคะ หนูอยากถ่ายกับคันนั้นด้วยค่ะ” เด็กผู้หญิงชี้นิ้วไปยังรถ
เขาหยุดความคิดของตนโดยการลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินไปทิ้งบุหรี่ในที่ของมัน จากนั้นจึงเดินผ่านเธอกลับเข้ามาในโชว์รูม เพราะยังเหลือแขกบางส่วนที่สนใจจะจองรถยนต์ในราคาโปรโมชั่นพิเศษ“คุณแซนด์ล่ะคะท่านประธาน”“นั่งพักอยู่ข้างนอกครับ มีอะไรรึเปล่า”“ดิฉันไม่เห็นเธอก็เลยถามดูค่ะ ว่าแต่สองสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณแซนด์ทำงานโอเคมั้ยคะ”“ถ้าเปรียบเทียบกับคุณคงสู้ไม่ได้หรอก แต่ผมว่าเธอทำได้ดีมากแล้ว” คลื่นคอมเมนต์ถึงเลขานุการคนใหม่ของตนตามตรง แซนด์ทำงานได้ตรงมาตรฐานที่เขาวางไว้ เพียงแต่จีน่าทำเกินมาตรฐานไปเท่านั้น “พรุ่งนี้คุณไม่จำเป็นต้องเข้ามาที่บริษัทแล้วนะ ปล่อยให้เธอเรียนรู้ด้วยตัวเอง”“อันที่จริงดิฉันอยากลาพักร้อนก่อนคลอดแค่สามเดือนนะคะ”“ตอนนี้ถ้าจำเป็นต้องพักก็พักเถอะ ผมไม่อยากโดนไอ้เจฟมันด่าว่าใช้งานภรรยาของมันหนักเกินไป” เจฟเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับเขาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ปัจจุบันทำงานเป็นผู้จัดการโรงแรมเดอะสฟิงซ์ และเป็นสามีของจีน่าด้วย“เจฟเคยพูดแบบนั้นด้วยเหรอคะ สงสัยต้องดุสักหน่อย”“ไม่เคยหรอกครับ แต่ตอนนี้มันมองผมตาเขม็งอยู่”จีน่าเหลือบสายตามองสามีตนเองจนอีกฝ่ายต้องลนลานหันหน้าหนี ทั้งสอง
“เชื่อได้เหรอ?”“ถ้าขัดคำสั่งจะหัก”“เป็นเจ้านายที่เผด็จการดีนะ” แซนด์เบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะขยับปากมุบมิบต่อว่าอีกฝ่าย“บ่นอะไรครับ ไม่ใช่ว่าด่าผมอยู่หรอกใช่มั้ย” คลื่นหรี่ตามองคนตัวเล็กอย่างจับผิด เมื่อเห็นรอยยิ้มในแววตาก็มั่นใจว่าเมื่อกี้เธอด่าเขา“ยุ่ง”“กล้าหมิ่นประมาทเจ้าหนี้เหรอ”“จะเดินมาทำไม” หญิงสาวก้าวขาถอยหลังทันทีที่ชายหนุ่มก้าวขาเร็ว ๆ มาหาเธอ ตัดสินใจจะวิ่งหนีไปยืนฝั่งตรงข้ามแต่ยังช้ากว่าที่เขารวบตัวเธอด้วยแขนเพียงข้างเดียว “โอ๊ย! ปล่อยพี่”“เมื่อกี้ว่าอะไรผม”“พี่ยังไม่พูดอะไรเลย”“ไปหลอกหมาไป” คลื่นตอกกลับไป พร้อมกับอุ้มแซนด์นั่งบนไอส์แลนด์ แล้วแทรกกายเข้าไปยืนกลางหว่างขาเธอ“อะไรของคลื่นเนี่ย จะกินมั้ยข้าวน่ะ”เขาใช้สายตามองเธอโดยไม่ตอบอะไร ปล่อยมือออกจากเอวคอดมาเท้าไอส์แลนด์ เพื่อกักขังเธอไว้ไม่ให้หนีไปไหน แววตาเจ้าเล่ห์ทำเอาหญิงสาวนั่งแทบไม่ติดที่ รู้สึกเหมือนหายนะกำลังมาเยือนอย่างไรอย่างนั้น“ปล่อย ข้าวสุกแล้วมั้ง”“สุกอะไร เพิ่งหุงเมื่อกี้”“หุงแบบด่วนไง”“ถ้าสุกก็คงได้ยินเสียงมันเตือนเอง” ชายหนุ่มยกมือม้วนผมยาวสีเบอกันดีเล่นอย่างมันมือ แล้วจึงพูดต่อ “ที่ผม
วันต่อมา…‘ผมออกไปทำธุระ จะกลับช่วงบ่าย’ข้อความจากคลื่นทำให้แซนด์ได้มีโอกาสหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเล่นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ตื่นนอน เธอตอบเขากลับไปด้วยประโยคสั้น ๆ แล้วตั้งใจว่าจะลุกไปทำอาหารกลางวันกินหญิงสาวถูกรั้งไว้ด้วยเสียงแจ้งเตือนแอปพลิเคชันหนึ่ง เนื่องจากเธอไม่ค่อยติดตามใครในอินสตาแกรมนอกจากคนรู้จัก ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าคนโพสต์รูปนั้นเป็นใครเธอกดเข้าไปดูโพสต์ล่าสุดของพี่สะใภ้ตามปกติ แต่ดันสะดุดกับโพสต์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นภาพแขไขถ่ายรูปคู่กับกระเป๋าหนังจระเข้ แซนด์จำได้ว่านั่นเป็นชุดวันเดียวกับที่เธอย้ายออกจากบ้านตงิดใจจึงกดอ่านคอมเมนต์ที่หล่อนโต้ตอบกับเพื่อนตนเอง วงคิ้วเหนือดวงตาขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นการสนทนาหนึ่งเข้าjnngy : ว้าย~ หนังจระเข้เลยเหรอแม่kaekhai : ใช่จ้า เพิ่งได้มาสด ๆ ร้อน ๆ เลย #สามีสายเปย์niinaa : ทำบุญวัดไหนถึงจะได้สามีแบบนี้คะเนี่ย สามีแห่งชาติมากเวอร์แซนด์ถึงกับสบถ ‘เหอะ’ ในลำคออย่างโมโห ว่าอยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นกระเป๋าใบใหม่ คนอย่างแขไขถ้ามีกระเป๋าแพง ๆ แบบนี้อยู่กับตัว ไม่มีทางที่จะไม่อวดลงโซเชียลแต่ประเด็นกระเป๋าใบนี้มีราคาประมาณสี่ล้านบาทในราคารีเซล หรือต
ชายหนุ่มบังเอิญเจอร้านขนมหน้าตาน่ากินระหว่างออกมาทำธุระที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ เลยตั้งใจโทรศัพท์ไปถามคนที่อยู่ในเพนต์เฮาส์ แต่เธอดันไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไร้ซึ่งการตอบรับกลับมาคิดว่าเธอคงนอนกลางวันจึงหยุดรบกวนการพักผ่อน หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีป๊อปอัปเตือนการเปิดเพลย์รูมที่ส่งมาจากเพนต์เฮาส์ก็เด้งขึ้นมาหน้าจอ ส่งผลให้เขารู้ว่าเธอเข้าไปในห้องนั้นคลื่นซื้อขนมเสร็จก็ตรงกลับมาที่บ้านเลยทันที วางทิ้งไว้บนไอส์แลนด์ในห้องครัว ก่อนจะเดินขึ้นมาบนยังเพลย์รูมอย่างไม่รีบร้อนเมื่อเปิดประตูห้องดังกล่าว คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นแซนด์ช่วยตนเองอยู่บนเตียง เพราะก่อนหน้านี้ดูเหมือนเธอจะไม่กล้าลองสักเท่าไร“เสร็จไปกี่รอบแล้ว”“คะ…คลื่น” เสียงทุ้มทำเอาหญิงสาวถึงกับตัวแข็งทื่อ เบิกตาโตด้วยความตกใจ“หยุดทำไมล่ะ ทำต่อสิ”แซนด์กัดริมฝีปากแรง ๆ จนห้อเลือด ยืนมองอยู่แบบนี้ใครจะไปกล้าทำกัน รู้สึกอายจนอยากจะมุดหนีเข้าใต้เตียงอยู่แล้ว“กล้าขัดคำสั่งผมงั้นเหรอ” น้ำเสียงชายหนุ่มเข้มขึ้นกว่าตอนแรก ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปเท้ามือลงบนเตียงแล้วโน้มเข้าหาเธอ “ดี…ผมชอบคนอวดดี”“อึก…” ร่างบางกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่ แววตาของค
หลายอาทิตย์ต่อมา...ปุ้ง!“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะคุณจีน่า” แซนด์ดึงพลุกระดาษพร้อมกับกล่าวอย่างสดใส ทำเอาจีน่าที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานของคลื่นถึงกับสะดุ้งตกใจ“ตกใจหมดเลยค่ะคุณแซนด์ แต่ขอบคุณนะคะ”นี่เป็นวันแรกของการกลับทำงานหลังจากที่หล่อนลาพักร้อนไปเกือบเก้าเดือน ดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้านายหนุ่มที่ยอมให้คนรักตนเองทำอะไรเช่นนี้“วันนี้คุณจีน่ามาทำงาน แปลว่าฉันคงต้องลาออกแล้วล่ะค่ะ”“คุณแซนด์ทำงานต่อไปก็ได้นี่คะ ดิฉันว่าท่านประธานน่าจะอยากให้ทำแบบนั้น”“คุณคลื่นบอกว่าถ้าฉันอยากทำงานที่นี่ต่อก็จะไล่คุณจีน่าออก”จีน่าหันไปเลิกคิ้วมองผู้เป็นเจ้านายที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะดึงความสนใจกลับไปที่หญิงสาวอีกคน “ถ้างั้นเชิญคุณแซนด์เลยค่ะ”“คุณจีน่าจะออกเหรอคะ”“เชิญคุณแซนด์ไปลาออกกับเอชอาร์ตอนนี้เลยค่ะ ลูกดิฉันยังเล็ก”“ฮ่า ๆ” ประโยคนั้นทำเอาแซนด์ถึงหลุดหัวหัวเราะ “ล้อเล่นค่ะ ฉันทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีเท่าคุณจีน่าหรอก อีกอย่างฉันว่าจะกลับไปอังกฤษสักพักด้วย”พรึ่บ!“กลับไปทำไมครับ” คลื่นผุดลุกจากเก้าอี้อย่างแรง ก่อนจะเดินมาหาแฟนสาวของตนเอง “ตอบผมสิครับ”“พี่จะกล
เช้าวันต่อมา…หญิงสาวมีอาการเจ็ตแล็กจนเผลอหลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนตีสี่ ไม่อยากรบกวนแฟนหนุ่มที่ยังนอนหลับสบาย จึงพาตนเองมาล้างหน้าล้างตาแล้วถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงมาที่ห้องครัวเพราะมีใครบางคนเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนเอาไว้ ทำให้แซนด์เดาว่าน่าจะมีคนตื่นแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน เธอกดน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเดินออกมานั่งที่โต๊ะนอกบ้าน“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”“อ๊ะ! คุณตา” หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังตน เป็นฟาบริโอที่เดินผ่านพุ่มไม้มาพร้อมกับกรรไกรตัดแต่งต้นไม้ “สวัสดีตอนเช้าค่ะ”“อืม เจ้าเด็กนั่นยังไม่ตื่นเรอะ”“ยังเลยค่ะ หนูนอนก่อนก็เลยตื่นก่อนค่ะ”“กินของไม่มีประโยชน์ตั้งแต่เช้า สุขภาพมันจะแย่เอา” ชายสูงวัยมองถ้วยบะหมี่บนโต๊ะเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเตือนแฟนสาวของหลานชายด้วยความหวังดี“หนูไม่แน่ใจว่าทำอะไรทานได้บ้างก็เลยคิดว่าบะหมี่น่าจะง่ายสุดค่ะ”“ที่นี่ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง”“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณตาจะไปไหนแต่เช้าเหรอคะ”“ว่าจะเข้าไร่ไปเก็บองุ่นมาให้เจ้าคลื่นมันกินนั่นแหละ เด็กนั่นมันชอบ”“อ้อ หนูขอไปด้วยได้มั้ยคะ”
ครอบครัวของคลื่นอาศัยอยู่แทบชานเมืองเซียน่าในแคว้นทัสคานีของประเทศอิตาลี ตลอดเส้นทางจะสังเกตได้ว่าล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น ตัวบ้านที่ปลูกสร้างด้วยอิฐสีแดงสไตล์อิตาลีการมาเยือนประเทศอิตาลีคราวนี้เป็นครั้งที่สองแล้วก็จริง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับครอบครัวของแฟนหนุ่ม แซนด์ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคลื่นบอกครองขวัญไปแล้วหรือยังว่าตอนนี้เขากับเธอเป็นอะไรกันหญิงสาวเปิดประตูลงมาจากรถยนต์ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พบเจอกันมาตั้งสิบกว่าปี ซึ่งท่านก็ออกอาการตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ“สวัสดีค่ะน้าครองขวัญ”“หนูแซนด์เหรอ…” ครองขวัญเอ่ยถามด้วยภาษาไทยสำเนียงต่างชาติ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่บอกกล่าวเธอเลยว่าจะพาแซนด์มาด้วยกัน“ใช่ค่ะ”“โตเป็นสาวแล้วสวยเชียว” หญิงวัยห้าสิบปีคลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้พบกัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาโอบไหล่เด็กสาวรุ่นลูก “ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะฮึ”“คลื่นยังไม่ได้บอกคุณน้าเหรอคะ”“เจ้าตัวดีมันบอกอะไรน้าที่ไหนกัน แถมยังจะยืนหน้ามึนอีก”“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วอ้อมรถยนต์มาหาแฟนสาวกับแม่ของตน แต่โน้มเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ให้ได้ยินกันสองคน “…ผมเอาลูกสะใภ้มาฝาก”“คล
“คนเก่งหันมายิ้มหน่อยครับ”“หือ…” เมื่อหันไปเห็นว่าแฟนหนุ่มถือสมาร์ตโฟนอยู่ หญิงสาวจึงคลี่ยิ้มตามที่เขาต้องการ “ถ่ายสวยมั้ย”“นางแบบสวย ถ่ายยังไงก็สวยครับ”ติ๊ง~K.Da : พี่หนึ่งกับพี่สองกำลังไปที่บ้านนะK.Da : แกยังอยู่ที่นั่นมั้ยคลื่นตอบข้อความของพี่สาวกลับไปแค่สั้น ๆ ก่อนจะเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกง จังหวะนั้นมีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหา“สวัสดีครับท่านทั้งสอง”“สวัสดีครับ”“กระผมชื่อโอลิวิเยร์ เป็นผู้ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้ครับ”“คิมหันต์ครับ” คลื่นแนะนำตนเองกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศส“อีกครู่หนึ่งจะมีคนนำของว่างและชามาเสิร์ฟนะครับ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งกระผมได้”“ขอบคุณครับ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” ชายหนุ่มโคลงศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับมาหาแฟนสาวตนเองไม่นานสาวใช้ประจำปราสาทก็นำอาฟเตอร์นูนทีมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ ก่อนจะเดินออกไปยืนห่าง ๆ เพื่อให้สองชายหญิงดื่มด่ำกับบรรยากาศกันตามลำพังช่วงเย็นบริเวณสวนดังกล่าวถูกจัดตกแต่งด้วยโต๊ะรับประทานอาหารแบบยาว พร้อมทั้งเสิร์ฟอาหารไฟน์ไดน์นิงที่ส่งตรงมาจากเชฟมิชลินสตาร์เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่คลื่นร่วมรับประทานอาหา
สองเดือนต่อมา…@ฝรั่งเศสคำขอร้องจากปากพี่สาวต่างแม่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของเธอ เพราะอย่างไรเสียก็ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน ยังอยู่ในสถานะพูดคุยกันได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สนิทใจที่จะพูดคุยกันทุกเรื่องเบื้องหน้าของเขาเป็นพิธีแต่งงานซึ่งจัดขึ้น ณ โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ในแคว้นหนึ่งของฝรั่งเศส ถึงจะไม่ได้แสดงสีหน้าปีติยินดีออกมา แต่ลึก ๆ คลื่นก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ในใจคราแรกคิดว่าตนเป็นสายเลือดคนเดียวที่มางาน แต่ที่ไหนได้กลับมีทั้งพี่ชายคนโตและคนรองมาด้วย คลื่นไม่ได้เข้าไปกล่าวทักทาย ส่วนทั้งสองคนนั้นก็ไม่กล้าหันมาสบตาหลังพิธีจบลงอย่างเป็นทางการ ‘ดา ดลยา’ ผู้เป็นเจ้าสาวก็เดินมาหาน้องชายต่างแม่ของตน เพื่อชวนเขาไปร่วมถ่ายภาพด้วยกัน“คลื่นไปถ่ายรูปกับพี่สิ”“พี่ไปถ่ายเถอะ”“เร็ว ๆ อย่าทำตัวเป็นเด็ก” ดลยาดึงแขนน้องชายให้ลุกจากเก้าอี้ ในขณะที่แซนด์ก็ต้องลุกพร้อมกันเมื่อคลื่นดึงเธอไปด้วย “…แวงซ็องต์คะ นี่น้องชายคนเล็กของฉันค่ะ”“สวัสดีครับ” เจ้าบ่าวหันมาทักทายอย่างสุภาพ พลางยื่นมือไปตรงหน้าน้องชายของภรรยา“สวัสดีเช่นกันครับ” คลื่นโคลงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือไปเช็กแฮนด์ตาทมาร
“ลงมาจากโต๊ะครับ”แซนด์หย่อนปลายเท้าลงมายืนบนพื้น ก่อนจะหันหลังแล้วเอนกายไปด้านหน้า เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายหยิบบัตต์ปลั๊กอะลูมิเนียมที่มีกระดิ่งห้อยออกมาลิ้นชักโต๊ะทำงาน“เตรียมมาตรงนี้มาพร้อมแล้วเหรอครับ”“…ค่ะ” หลังจากวันนั้นที่คลื่นทำกับช่องทางด้านหลังเธอครั้งแรก เธอก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับมันบ้าง“สมกับเป็นคนเก่งของผมจังนะครับ” ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้บั้นท้ายกลมกลึง ก่อนจะโน้มลงไปพรมจูบอย่างหลงใหล โดยใช้สองมือบีบไว้แน่น แล้วเริ่มตวัดปลายลิ้นเลียร่องตรงหน้าด้วยความนุ่มนวลเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเพอร์เฟกต์ได้เท่าแซนด์มาก่อน ทั้งที่เขาไม่ชอบสีชมพู แต่กลับรู้สึกคลั่งไคล้เมื่อมันอยู่บนตัวเธอ มากไปกว่านั้นถ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจะดีมาก“คุณเลขาครับ”“ว่าไงคะ”“เรามีเวลาสักสิบห้านาทีมั้ย”“จะเสร็จทันก่อนสิบห้านาทีเหรอคะ”“น่าจะทันนะครับ”“ถ้าคิดว่าทันก็เอาเลยค่ะ” แซนด์ก็รู้สึกมีอารมณ์ไม่ต่างจากคนข้างหลัง อดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เช้าจนป่านนี้บ่ายเข้าไปแล้ว แต่คลื่นก็ยังไม่คิดจะหยุดแกล้งเธอเสียที“แค่ถามตรงนี้ก็ไหลเยิ้มกว่าเดิมแล้วนะครับ ถ้าผมไม่สนอง คงไปร่านในห้องประชุมให้
“แกอย่าใช้อารมณ์สิแซนด์”“แซนด์ไม่ได้ใช้อารมณ์เลยพี่ภู ทั้งหมดที่แซนด์พูดมันเป็นความจริง แล้วมันก็ทำให้แซนด์รู้สึกเสียใจมากที่รู้ว่าพี่มองเห็นแซนด์เป็นตัวตลกในสายตา”“ถ้าแกไม่ช่วยฉันคราวนี้ ทุกอย่างมันจะพังหมดเลยนะ”“ทุกอย่างที่ว่าคืออะไรคะ ชีวิตพี่ ชีวิตเมีย อนาคตบริษัทเหรอ แล้วชีวิตแซนด์ล่ะ แซนด์ก็ต้องมีชีวิตของตัวเองเหมือนกันนะ” แซนด์ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างอัดอั้น “การช่วยเหลือครั้งนั้นคือครั้งสุดท้ายค่ะ แซนด์ไม่มีเงินให้ใครถลุงแล้ว เงินที่พี่ภูใช้ไปอย่างสุขสบายมันหมดไปพร้อมความไว้ใจของแซนด์นั่นแหละ”หญิงสาวยกมือไหว้ลาก่อนจะเดินออกมาจากบ้าน เพราะคิดว่าตนเองพูดจบทั้งหมดทุกเรื่องแล้ว ภูธเนศสมควรได้รับบทเรียนราคาแพงเทียบเท่ากับเงินที่ได้จากเธอไปพรึ่บ!แซนด์สะดุ้งตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็มีลูกบอลโยนลงมาบนพื้น รีบหันมองหาที่มาของมัน ก่อนจะเห็นว่ามีคนยืนอยู่หลังกำแพงบ้านข้าง ๆ รู้สึกเหมือนเดจาวูแต่ต่างกันตรงที่คนนั้นไม่ได้มองเธอผ่านช่องของกำแพง“เล่นอะไรของคลื่นเนี่ย”“พี่มีผัวยังครับ”“ไดอะล็อกแปลก ๆ นะ”“พี่ชื่ออะไรครับ”เธอยิ้มก่อนจะตอบ “พี่ชื่อแซนด์ แล้วเราล่ะ”“ผมชื่อคลื่น อายุสามสิบ”“พี่สา
หนึ่งเดือนต่อมา…“เด็กแบเบาะนอนตลอดเวลาเลยเหรอคะคุณจีน่า”“ใช่ค่ะคุณแซนด์ กิน ร้อง ถ่าย มีแค่นี้เลย”“แก้มกลมจัง” แซนด์รู้สึกตกหลุมรักหนูน้อยตัวขาวผ่องในอ้อมแขนของจีน่า เพิ่งจะได้เห็นชัด ๆ ครั้งแรกหลังจากจีน่าคลอดเด็กน้อยออกมา ตอนไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลก็ได้แค่เห็นผ่านกระจกห้องอนุบาลเด็กทารก“คุณแซนด์ว่าหน้าเหมือนใครครับ ผมหรือจี”“แอบคล้ายทั้งคู่เลยค่ะ อาจจะต้องรอให้ตัวเล็กโตกว่านี้หน่อย”“เหลือมึงละไอ้คลื่น กูเถียงกับจีมาทั้งวันละ”คลื่นตอบ “ไม่เหมือนมึง”“มึงเข้าข้างจีป้ะ หน้าเหมือนกูขนาดนี้”“ลูกมึงเหรอ ลูกมันเหรอจี”“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนนั้นเมา ๆ ด้วย” จีน่าเออออตามคลื่นไป เพราะรู้ว่าเขาต้องการแกล้งสามีตน เวลาเห็นเจฟงอแงมันน่าเอ็นดูจะตายไป“ว่าแล้ว ก็ว่าไม่เหมือน”“จีทำไมพูดงี้ ไม่น่ารักเลย” คนถูกแกล้งทำหน้ากระเง้ากระงอดใส่ภรรยาตนเอง ก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนอีกที“อันนี้เป็นเพื่อนกันหมดเลยเหรอ” แซนด์เอ่ยถามด้วยความสงสัย ปกติจีน่าจะพูดเป็นทางการกับคลื่นมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนจะสนิทกันมากกว่าที่คิด“เจฟกับคลื่นเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมหา’ ลัยที่เม’ กาค่ะคุณแซนด์ พอเรียนจบก็ถูกดึงตัว
หลังจากเดินทางไปพบผู้กระทำความผิดอย่างอวัชที่สถานีตำรวจเสร็จเรียบร้อย คลื่นต้องกลับมาปรึกษาหารือกับแขกเรื่องการเยียวยาต่อ กว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดีก็มืดค่ำเข้าไปแล้ว เขาจึงตัดสินใจนอนที่ภูเก็ตหนึ่งคืน แล้วค่อยเดินทางกลับกรุงเทพในวันพรุ่งนี้ตอนเช้ากริ๊งงงงง กริ๊งงงงง~‘K.Da’“ว่าไงครับคุณดา” คลื่นรับสายพี่สาวต่างแม่ของตนอย่างสุภาพ(พี่เพิ่งได้ข่าวว่าสามมันสร้างเรื่องเหรอ)“ครับ”(แล้วตอนนี้มันอยู่ไหนล่ะ สำนึกผิดรึยัง)“อยู่ในคุก ผมไม่ยอมความ”(ดีแล้วล่ะ สามมันจะได้โตสักที อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว เออว่าแต่พี่หนึ่งกับพี่สองติดต่อไปมั้ย)“ไม่ครับ น่าจะกลัวโดนหางเลขไปด้วย”(ทีแบบนี้ล่ะ ตัดหางปล่อยวัดมันเชียว)“มีเรื่องจะคุยแค่นี้ใช่มั้ย”(เปล่า พี่จะบอกว่าพี่กำลังจะแต่งงาน มาด้วยล่ะ)“แต่งงาน? มีคนเอาด้วยเหรอ” ไม่ได้สนิทสนมกับพี่สาวมากถึงขั้นรู้ว่าเธอมีผู้ชายที่กำลังคบหาถึงขั้นจะแต่งงาน(ไอ้เด็กนี่!)“ส่งการ์ดเชิญมาก็แล้วกัน ถ้าว่างผมจะไป”(คลื่นต้องมาให้ได้นะ พี่เหลือแกอยู่คนเดียวแล้ว)“ครับ” เขาตอบรับสั้น ๆ ก่อนจะกดวางสาย แล้วหยิบเบียร์ขึ้นมาดื่มพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างห้องพัก“เมื่อก