เธอเคยลองพยายามจะเอานิ้วตัวเองเข้าไปแล้วนะแต่ไม่กล้าละก็แอบกลัว แต่มาตอนนี้จะอะไรก็เอาเข้ามาเลยค่ะเธอพร้อมมาก “อยากเสียวกว่านี้ไหมผิงอัน”เคอร์วินดึงนิ้วออก เขาลุกไปถอดกางเกงแบรนด์ดัง ปลดเปลื้องเสื้อผ้าไม่เหลือสักชิ้น “โอ้ ทำไม..หุ่นน่ากัดแบบนี้คะ” “ก็ลองกินดูสิ”คาร์ลเตอร์ยิ้มให้เธออีกครั้ง ผิงอันมองดูก้ามท้องที่ขึ้นเป็นหมัดเรียงกันของคนที่ออกกำลังกายอย่างหนัก ทางคาร์ลเตอร์เองก็ไม่รอช้าปลดเปลื้องเสื้อตามมา สองแฝดมีรูปร่างที่เพอร์เฟค เหมือนตรงหน้าเธอคือรูปปั้นประติมากรรม เหมือนพวกเขาไม่มีอยู่จริง เป็นสิ่งที่เธอไม่อาจเอื้อม แต่ว่าตอนนี้เธอกำลังจะถูกพวกเขากลืนกิน… พรึ่บ! คาร์ลเตอร์ยกตัวผิงอันให้ลุกขึ้นนั่ง เขาถอดชุดเดรสและแพนตี้ตัวน้อยของเธออกจนหมด “พร้อมกันเลยไหม”คาร์ลเตอร์เงยหน้าขึ้นถามเคอร์วิน คาร์ลเตอร์ย้ายตัวเองและผิงอันมาอยู่ปลายเตียง ให้เธอนั่งบนตักเขา โดยที่ร่างบางหันหน้าออกไปทางเคอร์วินที่ยืนอยู่ปลายเตียง “ก็ไม่ติดนะ แต่เธอจะรับไหวไหม” “พูดเรื่องอะไรกันอยู่คะ”เธอไม่เข้าใจเลยว่าพวกเขากำลังหมายถึงอะไรกัน พร้อมไม่พร้อมคือ มีแต่พวกเขาที่เข้าใจยกเว้นเธอ “ก็ เราจะใส่เจ้านี่
พรึ่บ! ผิงอันสะดุ้งเด้งตัวลุกขึ้นนั่งเพราะเธอฝันว่าถูกนกสองตัวบินเข้ามาหาเธอ นกอะไรก็ไม่รู้ตัวมันใหญ่ ตาสีทอง ตัวสีแดงอย่างกับเพลิงไฟและน่ากลัวมาก ไม่ใช่แค่นั้นนะปีกของมันยังมีไฟติดอีกต่างหาก พวกมันบินตรงมาที่เธอ โดยใช้ปีกที่ติดไฟโอบล้อมตัวเธอไม่ให้หนีออกมาจากปีกเพลิงของมันได้ ผิงอันสะดุ้งตื่น เหงื่อท่วมไปทั้งตัว นั่งหายใจหอบถี่ตัวสั่นเทาอย่างไม่เคยเป็น ก่อนจะตั้งสติและตกใจอีกครั้ง“เอ๊ะ!”“ที่ไหน อ๊ะ!..มะ..เมื่อคืน..”ดววตากลมโตเบิกกว้าง มองดูห้องนอนหรูหราที่ไม่คุ้นตา แต่เมื่อก้มมามองสภาพเปลือยเปล่าของตัวเอง กับสองข้างกายที่มีชายหนุ่มนอนอยู่สองคน ฉับพลันความทรงจำเรื่องเมื่อคืนก็ไหลย้อนกลับมาทั้งหมด“ทำอะไรลงไปเนี่ย!”เธอเคาะหัวตัวเองไปหนึ่งที ขยับตัวคลานลงจากเตียงอย่างเบาที่สุด เธอไม่อาจสู้หน้าสองแฝดได้ และจะไปขอให้พวกเขามารับผิดชอบก็ไม่ได้อีกด้วย เรื่องเมื่อคืนมันคือความต้องการของเธอเองล้วนๆ “ซี้ดด..เจ็บจัง”เธอร้องซี้ดเมื่อปลายเท้าแตะลงบนพื้นเย็นเจี๊ยบ มันแล่นขึ้นมาใจกลางน้องสาวของเธอทันที ผิงอันเดินตามเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายบนพื้นของตัวเองมาสวมใส่และแอบหยิบสูทสีดำของใครสักคนใ
C~K Night Club 🪶ฟึ่บฟั่บ เสียงมือลากผ้าปูที่นอนไปมา คาร์ลเตอร์ควานหาร่างบางแต่ทำไมกวาดมือไปมาถึงพบแต่ความว่างเปล่า? มาเฟียหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมาและพบแต่เพียงน้องชายฝาแฝดตัวเองเท่านั้นที่นอนอยู่ ไร้เงาร่างบางที่กกกอดกันมาทั้งคืน “หึ เก่งจริงนะ” แค่นหัวเราะในลำคอ ยกมือขึ้นเสยผมพลางๆตุบ! คาร์ลเตอร์ใช้กำปั้นทุบลงไปบนต้นแขนเคอร์วินจนได้ยินเสียงดัง เคอร์วินลืมตาตื่นในทันที เขาดันกายตัวเองจากเตียงนอนหันมามองพี่ชายฝาแฝด“หื้ม ตีกูทำไม”“หาย”“ฮะ? อะไรหายวะ”และเหมือนเคอร์วินจะรู้ตัวแล้วว่าอะไรหายไป มองไปรอบห้องไร้วี่แววร่างบางรวมไปถึงเสื้อผ้าของผิงอันด้วย และยังมีเสื้อสูทสีดำของเขาที่ก่อนหน้านี้วางพาดอยู่ที่เก้าอี้ก็หายไปเช่นกันฟุ่บ เคอร์วินฟุ่บหน้าลงกับที่นอนหัวเราะออกมาเบาๆ เหมือนกำลังชอบใจในตัวเธอมากกว่าเดิม“เฮ้อ สงสัยต้องไปตามกลับมาถามแล้วสิว่าออกไปได้ยังไง”ทั้งที่เป็นห้องลับแท้ๆ ถ้าไม่ใช่พวกเขาไม่มีทางรู้ว่าจะออกไปจากห้องนี้ได้ สิ่งที่ต้องทำคือการโยกรูปปั้นนกสองครั้ง หรืออีกวิธีคือพวกเขาต้องสแกนลายนิ้วมือกับกดปุ่มที่หัวเตียงประตูถึงจะเปิด นี่เธอสุ่มทางเดาเอาหรือรู้จริงๆว่าต้องทำแบบไ
“คุยกันที่นี่ไม่ได้เหรอคะ”ผิงอันไม่อยากไปคุยที่อื่น พูดไปก็เหมือนเธอพูดกับอากาศ สองแฝดไม่สนใจฟังเลยสักนิด เอาแต่ลากแขนจะพาเธอไปขึ้นรถอย่างเดียวพรึ่บ!ร่างบางใช้แรงที่มีทั้งหมดสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเคอร์วินแล้วตะโกนแทรกหน้าพวกเขาถึงเรื่องเงิน“ก็บอกว่าจะคุยที่นี่ไง! ฉันไม่ไปวุ่นวายอะไรในชีวิตพวกคุณหรอกมั่นใจได้เลย อีกอย่างฉันก็เอาเงินมาแล้วด้วย”กึก!! จบประโยคนั้นเคอร์วินกับคาร์ลเตอร์หยุดชะงักหันกลับมาจ้องร่างบางที่ยืนจับข้อมือเล็กๆตัวเอง มันขึ้นเป็นรอยแดง เคอร์วินคงออกแรงมากไปจนทำให้เธอเจ็บขวับ! เคอร์วินหันมามองสายตามีแต่คำถาถาม คาร์ลดึงไหล่ร่างบางให้หันมามองหน้าตัวเอง สายตาเย็นชาที่รอดผ่านแว่นออกมายิ่งทำให้ผิงอันรู้สึกกลัว ไหนคนใส่แว่นจะดูใจดีไง ทำไมกับผู้ชายตรงหน้าเธอถึงได้ดูน่ากลัวมากเลย🥺“พูด”อึก เสียงผิงอันกลืนน้ำลายอึกใหญ่“คะ? พูด.พูดอะไรคะ”น้ำเสียงตะกุกตะกักเพราะความกลัว“พูดใหม่ เงินอะไรแล้วใครให้เงินเธอ”เขาไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงเงินอะไร แล้วเขาไปให้เงินเธอตอนไหนกัน“ก็เงินสองหมื่นที่ลูกน้องคุณให้ฉันมาไงคะ บอกว่าคุณให้ผู้หญิงทุกคนที่มีอะไรด้วย”“ผู้หญิงพวกนั้นจะได้ไม
เพนท์เฮ้าส์ C|Kขับรถมาเกือบสองชั่วโมงสี่สิบนาทีกว่าจะมาถึงเพนท์เฮ้าส์ของสองแฝด เพนท์เฮ้าส์นี้อยู่ไกลถึงนอกเมือง ต้องบอกว่าอยู่อีกจังหวัดเลยก็ว่าได้ เพนท์เฮ้าส์ของสองแฝดนี้ตั้งอยู่กลางป่า ไร้หมู่บ้าน ผู้คน ตรงทางมีเพียงต้นส้นขนาดใหญ่และป่าทึบ ไม่มีผู้คนมาวุ่นวายหรือต้องบอกว่าไม่กล้าเสียมากกว่า เป็นที่ลับอีกที่ในการหลบหนีจากคนภายนอกและยากที่จะออกไป…“นี่ ถึงแล้วยัยดอกไม้”ฉายาใหม่ที่ถูกตั้งขึ้นมาโดยเคอร์วิน ครั้งก่อนเรียกเธอว่าตุ๊กตายางมารอบนี้เรียกเธอว่าดอกไม้“อื้อ”ผิงอันสะลึมสะลือตื่นมองออกไปเบื้องหน้า นี่มันที่ไหนกันอีกล่ะเนี่ย! แต่เธอไม่ได้ถามออกไป ก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าวันนี้จะไม่ปริปากพูดกับพวกเขา!คาร์ลเตอร์ลงไปยืนรออยู่นอกรถเปิดประตูฝั่งตัวเองเอาไว้รอให้เธอออกมา เคอร์วินก็เปิดประตูลงไปเช่นกัน เขาคิดว่าเธอน่าจะออกทางคาร์ลเตอร์ แต่เธอกลับนั่งนิ่งไม่ยอมขยับเขยื้อนตัวเองลงจากรถ“ลงมา”“….”“ผิงอัน ลงมา”คาร์ลเตอร์เอ่ยเสียงแข็งขึ้น“…”“ยัยดอกไม้อย่าทำให้คาร์ลเตอร์มันโมโห รีบลงมา”เคอร์วินเห็นท่าไม่ดีกวักมือให้ผิงอันลงมาแต่เธอก็ยังเอาแต่นั่งนิ่ง ไม่พูด ไม่ขยับ เขาเลยจะเดินไปพาเธอลงแต่ถูกค
คาร์ลเตอร์อุ้มผิงอันมานั่งที่โซฟาแล้วจึงนั่งตามข้างเธอเช่นเดียวกับเคอร์วิน ไทกิกับลูก้าเดินตามเจ้านายมาติดๆ เตรียมรับชะตากรรมกับสิ่งที่ทำไปก่อนหน้านี้ สองหนุ่มบอดี้การ์ดนั่งลงคงเข่าต่อหน้าผิงอัน“เล่ามา ใครเป็นคนให้เงิน”คาร์ลเตอร์จับมือผิงอันแน่น แต่หันไปพูดกับลูกน้องทั้งสองคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า คงมีแต่ผิงอันที่ไม่เข้าใจอะไรอยู่เพียงคนเดียวฟุ่บ!! ไทกิลูก้าก้มหัวลงแนบติดกับพื้นตรงห่างจากเท้าร่างบางเพียงคืบเดียว เธอรีบชักเท้าหนีทันที“ทำอะไรคะ! ลุกขึ้นเลยนะ”“คุณผู้หญิงครับ พวกผมขอโทษนะครับที่ทำการดูถูกคุณผู้หญิง!!”ไทกิและลูก้าพูดพร้อมกัน“ฮะ? ดูถูกอะไรคะ พวกคุณไม่ได้อะไรฉันเลยนะเลิกก้มหัวสักทีเถอะค่ะ”เธอเอื้อมมือข้างที่ว่างหมายจะจับไหล่บอดี้การ์ดแต่ถูกเคอร์วินดึงมือมากุมไว้“พูดต่อ”“ผมคิดว่าคุณผู้หญิงเป็นเพียงผู้หญิงทั่วไป ที่แค่มาทำให้นายท่านมีความสุขแล้วจากไป..ผมจึงให้เงินคุณผู้หญิงครับ..”ไทกิสำนึกผิดและยอมรับโทษทุกอย่าง“พวกผมขอโทษนะครับ ผมกับไม่ได้มีเจตนาที่จะดูถูกคุณผู้หญิงเลย ให้อภัยพวกผมด้วยครับ”ลูก้าพูดต่ออย่างสำนึกผิดจริงๆ“เงยหน้าขึ้นเถอะนะคะ ขอร้อง”ผิงอันรู้สึกแย่มาก
“อืม ฉันมันอ่อนแอฮือๆ”ผิงอันปล่อยโฮ หลากหลายความรู้สึก เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้ควบคุมอารมณ์ไม่ได้แบบนี้แต่มันไม่อยากกลั้นน้ำตาไว้แล้ว“ไอ้คาร์ลทำไงเธอจะหยุดร้องวะ”“ฮือๆ แงงงง!!!!!” ยิ่งเขาพูดเธอยิ่งเปล่งเสียงร้องไห้ดังขึ้น“กูจะรู้ไหม มึงทำเธอร้องก็หาวิธีเอาสิ”“นี่ ยัยดอกไม้..ผิงอันฉันขอโทษ”เคอร์วินลูบหลังเธอเบาๆ“ฮือๆ ฮือๆ แงงง😭”“อย่าร้อง อยากได้อะไรฉันจะทำตามทุกอย่างที่เธอต้องการ หยุดร้องไห้ซะ”ทั้งที่เอ่ยขอโทษแต่ท้ายประโยคก็ยังเหมือนออกคำสั่ง ร่างบางที่ได้ยินว่าเขาจะทำตามที่บอกก็เริ่มเช็ดน้ำตาจากแก้ม“ฮึก ทุกอย่างจริงเหรอคะ”“อืม บอกมาสิถ้าจะทำให้เธอหยุดร้องไห้ได้”“ห้ามลงโทษสองคนนั้น ฮึกถ้าจะลงโทษก็ให้ไปปลูกต้นไม้ไม่ก็ถอนหญ้าอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องทำร้ายร่างกายพวกเขา ฮึก”เสียงหวานปนสะอื้นเอ่ยบอก ในตากลมโตยังคงมีน้ำตาคลอๆอยู่เลย“ให้พวกเขากลับมาที่นี่ด้วยค่ะ เดี๋ยวนี้เลย ฮึก”ยังมีเสียงสะอึกสะอื้น กระพริบตาทีน้ำตาก็ไหลที คาร์ลเตอร์เห็นอย่างนั้นก็พยักหน้าเป็นเชิงว่าจะทำอะไรก็ทำ“…”“พูดแล้วนะคะว่าจะทำตามทุกอย่าง ถ้าคืนคำเป็นหมานะคะ ฮึก”“เออ!”กระแทกเสียงตอบกลับ เธอเป็นใครม
กึก !!!!🫣🫣😧😧 สี่หนุ่มบอดี้การ์ดชะงักค้างกับภาพตรงหน่าแม้ก้มหน้า ปิดตา หันหลัง ดีที่คาร์ลเตอร์เห็นและรู้สึกตัวไวเขากึงสูทตัวเองมาคลุมร่างบาง ผิงอันดึงเสื้อสูทปิดหน้าเคอะเขิน อยู่กับพวกเขาเธอควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ถึงอยากจะบอกให้สองแฝดหยุดก็เถอะ แต่ทั้งคาร์ลเตอร์ เคอร์วินไม่เปิดโอกาสให้เธอได้เอ่ยปากแม่แต่คำเดียว “เรียกมันมาไม่ใช่รึไง”คาร์ลเตอร์เอนกายพิงโซฟามองเธอที่เอาแต่มุดหน้าอยู่ภายใต้เสื้อสูทที่เขาหยิบมาคลุมให้ ปิดหน้าปิดตาตัวเองไว้เหมือนอายอะไร มีอะไรให้เธอต้องอายด้วยเหรอ?มาเฟียหนุ่มคิด “รู้ใช่ไหมว่าปิดหน้าไปตลอดไม่ได้ มีอะไรให้อาย” แน่สิคนอย่างเขาคงไม่มีมานั่งอายอะไรแต่กับเธอมันไม่ใช่ไง “ให้เรียกพวกมันมา มีอะไรก็พูดสิ”เคอร์วินใช้แขนสะกิดร่างบาง “ไม่ได้จะพูดอะไรสักหน่อย”น้ำเสียงอูอี้ตอบกลับมา ยังคงหลบภายใต้เสื้อสูท “แล้วให้เรียนมันมาทำไม” “แค่อยากดูให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้โดนทำโทษค่ะ” “ก็ดูสิ”คาร์ลเตอร์เอ่ยเสียงเรียบ เธอค่อยๆจับเสื้อที่คลุมหน้าออกโผล่ให้เห็นเพียงดวงตากลมโตสุขสกาว เมื่อเห็นว่าบอดี้การ์ดทั้งสองคนอยู่ในสภาพปกติไม่ได้มีร่องรอยบาดแผลก็โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก “เธอเ
"ทนายพอร์ชเชิญอ่านต่อ""ครับ และในส่วนทรัพย์สินของภรรยาทั้งสามที่เสียไปเมื่อสองปีก่อน ที่ไม่เคยเปิดเผยทรัพย์สมบัติ คุณผู้หญิง เธอขอมอบให้กับลูกๆ ตามสายเลือดของพวกเธอ ยกเว้นคุณหญิงอัลลาคุณแม่ของคุณชายออสตินมอบให้กับหลานชายฝาแฝดของเธอแทนลูกชายที่จากไป โดยจะทำการส่งมอบให้แล้วเสร็จภายในสามวัน""ส่วนคฤหาสน์ฝั่งซ้ายมอบให้อังเดรลูกชายคนที่สอง กับที่ดินห้าพันไร่ ตำแหน่งประทานบริษัทเหมืองทองคำสาขาสอง และเงินสดหนึ่งล้านดอลลาร์ ส่วนสร้อยเพชรหนึ่งร้อยกล่องกับเงินห้าหมื่นดอลลาร์มอบให้แอนดิสัน ดูรองซ์หลานสาว บริษัทเครื่องดื่มน้ำแร่ที่ประเทศอิตาลี ตำแหน่งประธานมอบให้แอนโทนีดูรองซ์หลานชาย พร้อมเงินสดอีกหนึ่งแสนดอลลาร์""ถัดมาในคฤหาสน์ฝั่งขวามอบให้ลูกชายคนเล็ก ดักซ์ ดูรองซ์ กับเงินสดหนึ่งล้านดอลลาร์ เครื่องประดับอย่างละหนึ่งร้อยกล่อง กับเช็คเงินสดสิบล้านดอลลาร์มอบให้หลานสาวฝาแฝดทั้งสองคน ไดอาน่า ดิสนี่ย์ ดูรองซ์""และสุดท้ายเงินสดหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ขอมอบให้มูลนิธิในเครืออย่างเท่าๆกัน""จบการอ่านพินัยกรรม..." หลังจากอ่านพินัยกรรมจบทนายก็ขอตัวลาไปจัดการทำเรื่องโอนย้ายชื่อให้มาเป็นของสองแฝด เปลื่ยนชื่อใ
สองพี่น้องเดินบนทางที่ทำจากหินอ่อนเกรดพรีเมี่ยมที่ปู่ชอบตามทางโรยกรีบกุหลาบสีฟ้า ระหว่างสองข้างทางเดินมีบอดี้การ์ดยืนเรียงแถวหน้ากระดานตั้งแต่หน้าหลุมศพยาวไปถึงทางออก ทุกคนพากันก้มหัวและกล่าวเรียกทำความเคารพท่านผู้นำตระกูลทั้งสองคน หลังจากวันนี้จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการพร้อมกับเปิดพินัยกรรม แน่นอนว่าเรื่องนี้คงจะเป็นปัญหาภายใน อาจมีคนที่ไม่พอใจจนทำอะไรโง่ๆก็เป็นได้แต่พวกเขาจะไม่ยอมให้ใครมันมาทำลายตระกูลของเราที่มีมาอย่างยาวนี้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคนในหรือคนนอก ถ้าไม่ดีหรือมีแผนการทำลายตระกูลพวกเขาก็พร้อมจะตัดคนพวกนั้นออกจากตระกูล เคอร์วินเองก็ต้องขึ้นมาเป็นท่านผู้นำ สองคนพี่น้องพวกเขาคือหนึ่งเดียวกัน ความแข็งแกร่งความสามารถที่ซ่อนไว้นับจากนี้พวกเขาจะได้ใช้มันสักที! 14/01/2023 คฤหาสน์ตระกูลดูรองซ์🕍วันนี้มีการอ่านพินัยกรรม ทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับอองเดร ทายาทจะได้รู้เรื่องราวที่ถูกเขียนไว้ในพินัยกรรม ทนายที่จะมาอ่านเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ และเป็นคนสนิทของอองเดรที่ทำงานอยู่ด้วยกันมาทุกช่วงชีวิต จะไม่มีการเล่นตุกติกหรือปลอมแปลงเอกสารอะไรขึ้นมาใหม่ ทุกคำที่จะได้อ่านหลังจากนี้
หนึ่งสัปดาห์หลังผ่านพ้นพิธีงานศพท่านอองเดรไปอย่างเรียบง่ายแต่ก็จัดขึ้นอย่างสมเกียรติของท่าน จัดขึ้นตามพิธีกรรมของศาสนาคริสต์ วันสุดท้ายในการฝังร่างท่านที่สุสานตระกูล สองพี่น้อง คาร์ลเตอร์กับเคอร์วินได้ให้คำมั่นสัญญาต่อหน้าหลุมศพท่านปู่ว่าจะรับหน้าที่ดูแลตระกูลต่อ ตามเจตนารมณ์ของท่านปู่"ผมจะดูแลตระกูลให้ดีเหมือนที่ปู่ปกป้องตระกูลเรามาตลอดจดช่วงสุดท้ายของชีวิต และจะทำมันให้ดีกว่าเดิม พักผ่อนนะปู่"คาร์ลเตอร์กุมมือประสานเข้าด้วยกันก้มหน้าทำความเคารพและเอ่ยต่อหน้าหลุมศพอองเดรอย่างหนักแน่น"ไม่ต้องกังวลนะปู่ ฉันจะเป็นผู้นำตระกูลที่สมบูรณ์แบบให้มากกว่าปู่แน่นอนละก็อีกเรื่องฉันรักปู่นะขอบคุณที่พยายามทำหน้าที่พ่อกับแม่ดูแลตอนพวกฉันยังเด็ก อยู่ในนั้นหวังว่าจะไม่อึดอัดนะปู่...""ปู่คงดีใจนะที่มึงยอมเรียกท่านว่าปู่สักที ตอนที่ท่านยังอยู่ ปู่เขาอยากได้ยินมึงเรียกว่าปู่มาตลอด""มึงก็พูดไปเรื่อยกูก็เรียกปู่ออกจะบ่อย ฉันไปละนะตาแก่ไว้จะมาเยี่ยมพร้อมหลานสะใภ้นะ"เคอร์วินถอนหายใจเฮือกใหญ่แรงๆ ยกมือโบกไปมาและหันหลังไปยืนรอคาร์ลเตอร์ พลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบถึงเขาจะชอบพูดหยอกล้อหรือทำตัวนิสัยเด็กน
“แกยังมีหน้ามาพูดถึงออสตินแบบนี้อีกรึ! พี่ชายพี่สะใภ้ตายก็เพราะไปช่วยคนไร้ค่าอย่างแก” “ทั้งที่มีชีวิตรอดมาแต่ก็ไม่สำนึก เคยทำอะไรให้ตาแก่อย่างฉันสบายใจไหม เรื่องธุรกิจตระกูลแกไม่ต้องหวังว่าจะได้ดูแลแม้แต่ธุรกิจเดียวและฉันทำทุกอย่างตามความจริงที่รู้และเห็นอย่างยุติธรรม” แน่นอนว่าอองเดรมองเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง ใครควรได้ไม่ได้อะไร คนที่มีความสามารถกับคนที่ไร้ความสามารถก็มองออกได้ในทันที “สิ่งที่เป็นของคาร์ลเตอร์กับเคอร์วินไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายหรือคิดจะแย่งไปได้!” “และฉันไม่ได้ลืมว่ามีหลานกี่คน! พวกนั้นก็จะได้ในสิ่งที่เป็นของตัวเอง พามันออกไป!” “อึก!” “นายท่าน!” ดักซ์ถูกหิ้วปีกออกไป เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาที่ลูกชายถูกลากออกไป คนเป็นพ่อที่แสร้งทำว่าแข็งแรงทรุดตัวลงต่อหน้าหัวหน้าพ่อบ้าน คนดูแลและบอดี้การ์ด หรือนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผู้นำตระกูลจะได้โต้เถียงกับลูกชายคนเล็ก แต่อย่างน้องก่อนตายเขาก็ได้เจอหลานชายทั้งสองคนอันเป็นที่รักเปรียบเสมือนหัวใจของชายแก่คนนี้ หลังจากนั้นเพียงสามชั่วโมง ตระกูลดูรองซ์ก็ได้พบกับความโศกเศร้า ผู้นำตระกูลได้จากไปอย่างสงบด้วยโรคหัวใจ
จึก! “หยุดได้แล้ว คาร์ลเตอร์!” ปลายแหลมคมมีดที่กำลังจะปักลงกลางอกชายวัยกลางคนสุดด้ามได้ถูกห้ามจากเสียงแหบแห้งของชายสูงอายุ ผู้นำตระกูลดูรองซ์ อองเดรเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมกับผู้ดูแลข้างกาย มือที่เหี่ยวแห้งเปลี่ยนไปตามกาลเวลาแตะลงบนบ่าหลานชายบีบเบาๆ แต่คาร์ลเตอร์เพียงดึกมีดที่แทงเข้าไปแค่ปลายออกเท่านั้น แต่เขายังคงใช้มือทั้งห้านิ้วบีบคออาตัวเองไว้แน่นแทบจะกำได้ทั้งรอบคอ ดักซ์ดวงตาเบิกโพลงนัยตาแดงก่ำ “แค่กๆ อึกพะพ่อ..”เขายังคงดิ้นทุรนทุราย แรงที่มีเหลือก็เริ่มที่จะหมด ภาวนาให้พ่ออย่างอองเดรช่วยตัวเองจากน้ำมือหลานชาย “ยังไงนี่ก็ลูกชายปู่ ปู่จะสั่งสอนมันเอง”น้ำเสียงชายชราที่พูดอย่างสงบแต่คนฟังรู้ดีว่าหมายถึงอะไร ดักซ์ก็แค่หมากตัวหนึ่งที่ปู่เขาเป็นผู้ควบคุม อำนาจปกครองยังอยู่ในมือของอองเดรถึงแม้ท่านจะแก่ชรามากแล้วก็ตามแต่ทุกคนยังให้ความเคารพและเกรงกลัวอำนาจ และเขาที่เป็นหลานก็ควรต้องทำตามคำสั่งกับเชื่อฟัง ถึงนี่จะเป็นเรื่องที่อยากขัดคำสั่งที่สุดในชีวิตของคาร์ลเตอร์เลยก็ว่าได้ “น่าหงุดหงิด! ” ตุบ! ร่างหนาของดักซ์ถูกปล่อยเป็นอิสระโล่งลงสู่พื้น เขาลงไปนอนกลิ้งตัวไปมาหงายตัวขึ้นนอน
พ่อบ้านเดินนำพาทั้งสองคนเข้าไปในคฤหาสน์ ก่อนจะเดินไปขึ้นลิฟต์ พวกเขาก็ได้เดินผ่านอาดักซ์ น้องชายคนเล็กของพ่อ ลูกชายของปู่อีกคน แต่เป็นลูกกับภรรยาคนที่สาม ส่วนพ่อของคาร์ลเตอร์กับเคอร์วินเป็นลูกของภรรยาคนแรกหรือก็คือคุณผู้หญิงที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฏหมายเพียงหนึ่งเดียว“ไม่เจอกันนานเลยนะ ยิ่งโตยิ่งเหมือนพ่อนะพวกแก”สองแฝดไม่ค่อยชอบอาดักซ์พวกเขาไม่สนใจหรือคิดที่กล่าวทักทายด้วยซ้ำ“ญาติผู้ใหญ่คุยด้วยแท้ๆ ปีกกล้าขาแข็งไม่เปลี่ยน คิดว่าเป็นหลานคนโปรดจะทำอะไรก็ได้งั้นสิ”ขวับ!“แน่นอน อย่างน้อยการที่อยากทำอะไรของพวกฉันมันก็มีประโยชน์มากกว่าไม่ทำอะไรนอกจากใช้นามสกุลตระกูลเป็นกะลาคุมหัว!”“มึงว่าใครไอ้เคลว์”“ก็ยืนหันหน้าพูดด้วย หรืออาคิดว่าฉันกำลังพูดกับหมา!แต่แถวนี้ก็ไม่มีหมานะนอกจากอา?”เคอร์วินไม่เกรงกลัวแม้คนตรงหน้าจะมีศักดิ์เป็นอา“มึง คิดว่าท่านพ่อจะยกทุกอย่างให้พวกแกหรอ! ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!”“พอ! ท่านปู่นอนป่วยอยู่ยังจะมาหาเรื่องไอ้เคลว์อยู่ได้ ถ้าอามีวุฒิภาวะมาพอก็ควรหยุดได้แล้ว”คาร์ลเตอร์กล่าวเสียงเรียบแต่ดุดัน ทำเอาดักซ์นิ่งสงบปากไปได้แป๊บนึงก่อนจะเอ่ยออกมาอีก“เห็นว่าพ่อฉันอยากเ
French in Paris 🇫🇷 คฤหาสน์ตระกูลดูรองซ์🕍“ไม่ได้กลับมานานแค่ไหนแล้วนะ”น้ำเสียงผู้เป็นน้องชายเอ่ยออกมาขณะรถหรูยี่ห้อโรลส์รอยซ์ขับผ่านรูปปั้นนกฟีนิกซ์เพลิงที่ตั้งเด่นสง่าประดับอยู่หน้าประตูรั้วคฤหาสน์ตระกูลดูรองซ์ สไตล์ของคฤหาสน์คือกรีกโรมินผสมกลิ่นอายของปรารีสร่วมสมัยใหม่ แน่นอนว่า คฤหาสน์ใหญ่โตที่คนนอกอยากเข้า คนในอยากออก…ที่กล่าวมาไม่ได้เกินจริง คนในที่พูดถึงคือพวกเขาเองสัญลักษณ์นกฟีนิกซ์เพลิงแสดงอำนาจให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนทั่วไปและยังเป็นหนึ่งในห้าตระกูลของตราประจำสัญลักษณ์สัตว์เทพในตำนาน สืบทอดต่อกันมารุ่นต่อรุ่นตั้งแต่ปี1951 แน่นอนว่าที่กล่าวถึงนั้นยังมีอีกห้าตระกูล ก็คือกลุ่มเพื่อนสนิทของสองแฝด พวกเขามีสายสัมพันธ์อันดีต่อกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณตา พวกท่านเองก็ต่างเป็นเพื่อนกันมาก่อนเหมือนกับพวกเขาในตอนนี้“ห้าปี ห้าปีนับตั้งแต่เราก้าวเท้าออกจากคฤหาสน์ของท่านปู่ เราไม่ได้กลับมาที่นี่ตั้งแต่ตอนนั้น”คาร์ลเตอร์หันไปตอบน้องชายฝาแฝด ความคิดที่จะโบยบินด้วยปีกของตัวเองนั้น เคยคิดว่าจะไม่กลับมาในกรงทองนี้อีก แต่สุดท้ายก็เดินกลับมาด้วยตัวเอง ยังไงสายเลือดเดียวกันก็ตัดกันไม่ขา
คาร์ลเตอร์หันกลับมาเมื่อรู้ว่าคนที่เข้ามาคือเคอร์วิน มันไม่เห็นบอกว่าจะเข้าบริษัท แต่ก็นิสัยแบบนี้แหละ ไม่บอกคิดอะไรก็ทำเลย และยังใจร้อนอีก เขาถึงได้คอยเป็นห่วงอยู่ตลอด ก็เหลือกันแค่สองคนพี่น้องนี่นะ จะไม่ให้ห่วงได้ไง“จะมาทำไมไม่บอกก่อน”“ทำไมต้องบอก หรือมึงแอบซ่อนผู้หญิงไว้เหรอ”มองซ้ายมองขวาหยอกล้อคาร์ลเตอร์ เขารู้ว่าไม่มีอะไรอย่างนั้นหรอก ก็ตั้งแต่พวกเขาได้เจอผิงอัน ผู้หญิงคนอื่นก็ไม่เคยได้มาเฉียดเข้าใกล้ รวมถึงอยู่ในสายตา“กวนตีน แล้วมีอะไร”คาร์ลเตอร์ส่ายหัวเอือมระอาความกวนโอ๊ยของน้องชายฝาแฝด“ได้รับอีเมลหรือยัง”เคอร์วินเดินมานั่งลงที่โซฟาสีดำเอนตัวผิง ยกมือพาดไปกับโซฟา“จากตระกูลใหญ่น่ะเหรอ ได้แล้วแต่ไม่ได้เปิดอ่าน”คาร์ลเตอร์ตอบกลับพร้อมนั่งลงโซฟาฝั่งตรงข้ามเคอร์วิน“ตอนแรกกูก็ไม่ได้อ่าน แต่ส่งมาไม่หยุดกูเลยยอมเปิดอ่าน”“…”“มึงจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าในข้อความเขียนมาว่าไงบ้าง”“กูไม่ได้อยากรู้เรื่องของตระกูลใหญ่”“อาการป่วยของตาแก่คงแย่ลง คุณอาบอกว่าให้พวกเรากลับไปที่บ้านใหญ่” ตาแก่ที่เคอร์วินพูดถึงก็คือท่านปู่ ผู้เป็นบิดาของพ่อสองแฝดและหัวหน้าตระกูลดูรองซ์“เรียกท่านปู่ดีๆ”คาร์ลเตอ
หนึ่งเดือนต่อมา หลังจากวันที่ผิงอันกลับประเทศจีนไปกับครอบครัว ทั้งสามคนก็ไม่เคยได้ติดต่อกันอีกเลย สองแฝดเองก็เลือกจะรออยู่เงียบไม่วุ่นวาย ไม่ส่งคนไปคอยตามดูเธอ และยังสั่งห้ามลูกน้องทุกคนไม่ให้พูดถึงร่างบางอีกด้วย ในเมื่อแยกย้ายกันไปเติบโต เราก็ไม่ควรไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของกัน เพราะตอนนี้คาร์ลเตอร์กับเคอร์วินก็ยังทำใจไม่ได้ สู้ไม่รับรู้เรื่องเธอเลยจะดีกว่ารับรู้แต่ไม่ได้อยู่เคียงข้างกัน แบบนั้นจะยิ่งเจ็บ แล้วพวกเขาคงดูแลหรือรักษาอะไรไม่ได้ ตอนนี้พวกเขาคงอ่อนแอเกินไป…??? แต่หลังจากที่เคลียร์ธุรกิจสุดท้ายนี้ได้สำเร็จล่ะก็! พวกเขาจะไปทวงคนรักคืนสู่อ้อมอกอีกครั้ง! และจะไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่ แม้จะเสียใจจนไม่อยากทำอะไร แต่เพราะก็มีหน้าที่ที่ต้องทำและดูแลชีวิตอีกนับพันคน เหล่าบรรดาลูกน้องและพนักงาน มันคือความรับผิดชอบในส่วนจองผู้กุมอำนาจสูงสุดในบอกบริหาร องค์กร ธุรกิจ ไม่ว่าจะธุรกิจเบื้องหน้าที่ขาวสะอาดหรือธุรกิจเบื้องหลังอันดำมืด… แน่นอนว่าเบื้อหน้าทุกคนรู้จักคาร์ลเตอร์กับเคอร์วินว่าเป็นบริษัทส่งออกอาหารที่ใหญติดอันดับต้นๆของโลก และไหนจะคลับไฮโซอีกมากมาจทั้งในและต่างประเทศ แต่เบื้องลึกเบื