CRUSH ON YOU
CHAPTER 2
วันต่อมา
เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ฉันต้องเรียกช่างมาเปลี่ยนผ้าม่านแทบจะในทันทีที่สามารถเรียกได้ และในช่วงเที่ยงของวันผ้าม่านเก่าก็ถูกพับเก็บเรียบร้อย ห้องนอนฉันกลายเป็นผ้าม่านแบบทึบแสงแทน
เมื่อก่อนเราสนิทกันก็จริง แต่ตอนนี้เรามีระยะห่างพอสมควร ทั้งฉันเองก็โตขึ้น ส่วนไทเองไม่ต้องพูดถึง เขาอยู่ในวัยที่กำลังกลัดมัน เรื่องผู้หญิงคงจะแพรวพราวน่าดู และยิ่งสายตารวมถึงรอยยิ้มที่เปลี่ยนไปทำให้ฉันต้องคิดใหม่ว่าไท… ไม่ใช่แค่น้องชายข้างบ้านอีกต่อไป
เขาหล่อ สูง ดูดี เซ็กซ์แอปเพียลสูงขนาดนั้น… เทียบกับฉันที่แม้จะอายุมากกว่าแล้วมันคนละเรื่องกันเลย ฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่เคยมีแฟนแค่คนเดียว ซ้ำยังไม่เคยไปถึงขั้นนั้น แต่คงไม่ใช่กับไทหรอก… แค่มองก็รู้แล้วว่าน้องมันเป็นเสือผู้หญิง ไทดูแพรวพราวมากจริง ๆ
วันนี้ก็เหมือนทุกวันฉันทำงานเสร็จก็นั่งรอบาสมารับหลังเลิกงาน
เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยเก่งเท่าไรฉันเลยได้งานง่าย ๆ ที่แม่กับพ่อฝากฝังกับคุณลุงไกรสรเพื่อนของพวกท่านเอาไว้ เรื่องงานเลยไม่ใช่อะไรที่น่าปวดหัวสักเท่าไรสำหรับคนที่ไม่ค่อยจะเก่งแบบฉัน แถมที่ทำงานก็อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้าน จริง ๆ กลับเองก็คงจะได้ แต่ปกติแล้วบาสจะเป็นคนมารับ เผื่อว่าเราจะไปไหนกันต่อถึงบาสจะเรียนอยู่ปีสี่ แต่นิสัยรวมถึงเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ได้ต่างจากไทสักเท่าไร เขาดูโต และเป็นผู้ใหญ่กว่าฉันมาก ถ้าถามว่าคบกันได้ยังไง… ก็ต้องบอกว่ามันตลกที่เจ้าตัวเข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นเด็กมหา’ลัย แค่เพราะฉันแวะไปทักทายรุ่นน้องที่งานปาร์ตีเมื่อปีก่อน
แต่ถึงจะรู้ว่าฉันอายุมากกว่าเจ้าตัวก็เดินหน้าจีบ จนสุดท้ายแล้วฉันก็ใจอ่อน แม้ว่าจะไม่ค่อยชอบคนที่ดูเจ้าชู้เปิดเผยขนาดนั้นก็ตาม แต่มันก็ช่วยไม่ได้เมื่อโดนคนหล่อ ประกอบกับคารมดีรุกหนักเข้า คนแก่แบบฉันก็แอบไปไม่เป็นเหมือนกัน
แต่ก็เหลือแค่เรื่องนั้น… ที่ไม่ว่าจะกี่ที ๆ ก็เฟลทุกที…
บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์สามเคลื่อนที่มาจอดลงตรงหน้า ฉันเดินไปขึ้นรถทันที เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำเหมือนอย่างเคย แต่ที่น่าแปลกใจก็คือทันทีที่ประตูรถปิดลงฉันก็ได้กลิ่นความปิดปกติบางอย่าง
กลิ่นเหมือนน้ำหอมผู้หญิง…
“วันนี้ดูเรื่องอะไรดี?” เสียงของบาสทำให้ฉันต้องหันหน้าไปมอง คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าผิดปกติของฉันที่คงจะฉายชัดออกไปโดยที่ไม่ทันรู้ตัว
“เจ๊ได้กลิ่นน้ำหอม” ฉันเอ่ยบอกไปตรง ๆ ดึงสายตากลับมาก่อนจะถาม “ไปรับใครมาเหรอ?”
“…เพื่อนไงครับ” เสียงหนักแน่นรีบเอ่ยบอก คนข้าง ๆ ชะโงกหน้าข้ามเบาะมามองหน้ากันก่อนจะผุดยิ้มขึ้น “ผมไม่ได้แอบมีสาวที่ไหนหรอกน่า”
“อือ”
ฉันพยักหน้าให้เพราะไม่อยากจะทำตัวเป็นคนเจ้าปัญหา หรือคิดเล็กคิดน้อย สายตาของบาสที่มองมาก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรจริง ๆ มันไม่ได้ดูหลุกหลิก หรือมีอาการที่ดูผิดปกติอะไร
มันก็ไม่แปลกอะไรที่เขาก็ต้องมีเพื่อนเป็นผู้หญิงบ้าง และฉันก็ไม่ใช่คนประเภทที่ว่าจะไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ออกจะเป็นคนไม่ค่อยพูดด้วยซ้ำ ถ้าถามถึงเรื่องผู้หญิง… ตั้งแต่คบกันมาก็ยังไม่เคยมี
อืม… ก็คงจะไม่มีอะไรหรอก…
22.00 น.
ฉันยืนมองจนรถของคนเป็นแฟนเคลื่อนที่ห่างออกไปจนลับสายตาก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านที่ก็ยังคงปิดไฟเงียบเหมือนทุกวัน แต่จังหวะที่กำลังเดินเข้าบ้านสายตาฉันก็ชำเลืองมองขึ้นไปเห็นร่างสูงของไทกำลังนั่งอยู่ที่ราวกั้นระเบียงพ่นควันบุหรี่ขึ้นฟ้ามองมาเงียบ ๆ
เพราะไม่อยากจะสนทนาด้วยในเวลานี้ก็เลยต้องแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น แล้วรีบเดินเข้าตัวบ้าน และไม่ถึงสามนาทีฉันก็ขึ้นมาจนถึงห้องนอน เชื่อไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเพียงแค่ฉันเปิดไฟ เสียงเคาะประตูบานเลื่อนก็ดังขึ้นแทบจะในทันที
ถึงจะไม่อยากคุย แต่มันก็ช่วยไม่ได้เลยที่ยังไงไทก็เป็นลูกชายของคนที่ฉันเคารพรัก ซ้ำเราก็เคยสนิทกันมาก สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจเดินไปเปิดประตู ร่างสูงกว่ากันเกือบศอกยืนเท้าสะเอวมองมาด้วยสายตาแปลก ๆ นัยน์ตาสีอ่อนทอดมองการแต่งตัวของฉันเงียบ ๆ
มันก็ไม่ใช่อะไรที่จะต้องมานั่งเขินเพราะฉันก็ใส่เสื้อยืดสีขาว
กับกระโปรงยีนสั้นครึ่งขาอ่อนที่ดูไม่ได้โป๊อะไร อยากมองก็มองไปเถอะ… แต่มันก็น่าอึดอัดตรงที่คนมองดันเป็นไทนี่แหละ“ไทมีอะไร?” ฉันเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น น้องมันถึงได้ละสายตามามองหน้ากัน
“แฟนนา… อยู่มอ.เดียวกับไทเลย” เสียงเรื่อย ๆ เอ่ยขึ้นเหมือนเป็นการชวนคุย
“ไทรู้ได้ยังไง บาสไม่ได้ลงมาสักหน่อย” ฉันเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ
“ไทจำรถได้…”
“ช่างสังเกต”
“อือฮึ…”
“…”
“นาเป็นแฟนกับบาสมานานรึยัง?”
คนตรงหน้าขยับตัวเดินไปหย่อนก้นนั่งตรงที่กั้นระเบียง จุดบุหรี่ขึ้นสูบ สีหน้าดูกังวลใจนิด ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะน้องมันคงเห็นว่าฉันไม่ใช่คนประเภทที่จะคบกับเด็กมหา’ลัยที่ลักษณะท่าทางดูเป็นคนเจ้าชู้แบบบาสได้ ก็ถ้าเขารู้จักกัน…
“เกือบปีแล้ว” ฉันยักไหล่เพราะไม่มีอะไรให้ต้องปิดบัง
“แล้วนามีอะไรกับมันรึยัง?”
“ไท…” ฉันถึงกับต้องเบนสายตาหนี รู้สึกข้างแก้มร้อนผ่าวเมื่อถูกถามตรง ๆ แบบนี้ แต่คนถามกลับหัวเราะเบา ๆ แล้วรีบพูดต่อ
“ไทแค่เป็นห่วง อยู่ที่มอ.มันก็… เจ้าชู้”
“…”
ฉันจำต้องเลื่อนสายตากลับมามองคนตรงหน้าที่พอสบตากันก็รีบเสมองไปทางอื่น ริมฝีปากสวยยกยิ้มเล็กน้อย ลมหายใจลอยออกมาเป็นควันสีขาวราวกับกำลังถอนหายใจ ไทเลียริมฝีปากแล้วหันกลับมามองกันอีกครั้ง
“นายังไม่ได้มีอะไรกับมันใช่ไหม?”
“ไท… นี่มันเรื่องส่วนตัวเจ๊” ฉันอดที่จะทำหน้าบึ้งอย่างเสียไม่ได้
มีอย่างที่ไหนมาถามคนอื่นเขาแบบนี้ แต่ก็ดูเหมือนว่าคำพูดของฉันจะไม่ได้ทำให้คนถามสะเทือนอะไร ขายาว ๆ หยัดตัวขึ้นยืนอีกครั้งแล้วก้าวเข้ามาหา“ก็ถ้ายัง… ก็อย่าไปเผลอมีอะไรกับมันเข้าล่ะ”
“…”
ฉันเม้มริมฝีปากเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อจัดที่กำลังก้มลงมองกันในระยะประชิด สีหน้าไม่ได้ดูล้อเล่น หรือกำลังแกล้งกัน กระทั่งรอยยิ้มก็ไม่มี และเพราะอาการที่ดูตึงเครียดแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกอดที่จะเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้
“ไทไปรู้อะไรมา?”
“…” ร่างสูงไหวไหล่เล็กน้อยถอนหายใจเบา ๆ “ก็ไม่อยากยุ่งหรอก… ไม่ได้รู้จักอะไรกันขนาดนั้น”
“…”
“แต่มันก็… ไม่ใช่คนดีอะไร ไทแค่กลัวว่านาจะตามมันไม่ทัน”
“…”
พอถึงตรงนี้ฉันก็ได้แต่หัวเราะออกมาเบา ๆ มันคงไม่มีอะไรหรอก…ไทก็แค่จะทำเป็นว่าตัวเองโตกว่าฉันก็เท่านั้น เด็กนี่ก็ชอบทำงั้นตลอด ทำเหมือนว่าฉันยังไม่ประสีประสาอะไร ถึงมันจะจริงก็เถอะ…
“ไทปีนกลับไปได้แล้ว เจ๊จะเข้านอนแล้ว” ฉันตัดสินใจยุติบทสนทนาลงแค่นั้น ตั้งท่าจะเดินเข้าห้อง แต่กลับถูกอีกคนคว้าแขนเอาไว้
“รอเดี๋ยว…”
“อะไร?”
“…”
คนตรงหน้าเม้มริมฝีปากแล้วโยนก้นบุหรี่ทิ้งไป สีหน้าดูลำบากใจเล็กน้อย แต่ถึงงั้นก็เปลี่ยนมาเป็นแย้มยิ้มอย่างกับคนเป็นไบโพลาร์
“หิว… ที่บ้านไม่มีอะไรจะกิน” เสียงเรื่อย ๆ เอ่ยต่อ
“คุณป้าไม่อยู่?”
“อืม… แถมดึกแล้วด้วย นาก็รู้ว่าแถวบ้านเราดีลิเวอรีไม่ค่อยจะรับ
ออร์เดอร์”“…” ฉันสบตาคนตัวโตที่ทำเหมือนจะอ้อนกันขึ้นมาดื้อ ๆ ราวกับย้อนอายุไปเมื่อตอนเป็นเด็กไม่มีผิด
“หิว…” ริมฝีปากสวยยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองบางอย่างของฉันราวกับจับทางกันได้
ให้ตายสิ… เด็กบ้านี่…
ยี่สิบนาทีต่อมา
แม้ว่าตัวฉันเองจะเหนื่อยมากพอแล้วจากงานที่ทำ รวมถึงกว่าจะไปดูหนังกับบาสเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบค่อนคืน แต่ตอนนี้กลับต้องมาทำอาหารให้คนไม่รู้จักโตกินกลางดึกกลางดื่น
ร่างสูงเดินสำรวจบ้านฉันราวกับว่าเป็นบ้านของตัวเอง ก็ใช่อยู่ที่เมื่อก่อนเราก็เข้านอกออกในบ้านของอีกฝ่ายเป็นประจำ แต่นั่นก็หลายปีมาแล้ว หลังจากเดินสำรวจจนพอใจแล้วไทก็เดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้
ทรงสูง เท้าแขนกับเคาน์เตอร์หินอ่อนมองมาด้วยสายตาสดใส“เจ๊ทำให้แค่มื้อเดียวนะ วันอื่นก็หาอะไรมาติดตู้เย็นไว้สิ” ฉันบอกด้วยเสียงจริงจัง พร้อมทั้งยกจานผัดไทแบบสำเร็จรูปที่มีติดบ้านไว้ วางลงตรงหน้าเจ้าตัว ไทหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะรีบหันไปคว้าส้อมมาถือไว้ในมือ
“ซื้อทำไม? มีนาอยู่แค่ข้างบ้าน” ดวงหน้าหล่อเริ่มลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้า ทั้งยังทำเป็นชำเลืองมองมาด้วยนัยน์ตาลุกวาว
“อร่อยมาก!”“อร่อยสิ… ก็มันสำเร็จรูปมานี่”
“กินด้วยกันไหม?” คนหล่อเลียริมฝีปากที่เลอะเล็กน้อย เลิกคิ้วถามมา
“กินไปเถอะ เจ๊จะไปอาบน้ำก่อน ถ้ากลับบ้านก็ปิดรั้วให้ด้วย”
“นา…”
“อือ”
ฉันที่กำลังจะเดินผละออกมาต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง ไทยังคงเคี้ยวกร้วม ๆ ท่าทางดูเอร็ดอร่อย ต่อให้ทำตัวเป็นกันเองเหมือนเราย้อนไปตอนเป็นเด็กอีกครั้ง แต่มันก็ต่างมากอยู่ดี เพราะตอนนี้ไทหล่อขึ้นมาก และดูโตเป็นผู้ใหญ่ชนิดที่ฉันไม่สามารถมองว่าเขาเป็นน้องชายตัวแสบแบบเดิมได้ง่าย ๆ
“แม่ฝากบอกว่าจะไม่อยู่หลายวัน ฝากให้อาหารไอ้โบ้ด้วย”
“…” ฉันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะปกติเวลาท่านไม่อยู่ก็จะเป็นฉันที่คอยเข้าไปให้อาหารไอ้จัมโบ้ หมาพันธุ์โกลเดนที่กำลังป่วยเป็นโรคอะไรสักอย่างอยู่เสมอ
ไม่ต้องแปลกใจหรอกที่ว่าทำไมคุณป้าสมรถึงไม่บอกลูกชายเขาเอง แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่น่าจะได้เรื่อง ขนาดข้าวปลาตัวเองยังหากินไม่ได้เลย จะไปหวังอะไรกับการที่ต้องให้ข้าวหมาป่วย ไหนจะต้องให้ยาเอยอะไรเอยอีก
มาบอกถูกคนแล้วละ“เดี๋ยวเจ๊จัดการเอง”
“หึ… ทีหมายังหาให้กินได้เลย”
“…” ฉันถอนหายใจเบา ๆ มองคนที่โตแต่ตัวค่อนขอดออกมาเบา ๆ
แต่ถึงงั้นสีหน้าก็ยังประดับรอยยิ้มกวนโอ๊ยอยู่“กว่าเจ๊จะเลิกงานไทจะรอกินรึไง?” ฉันบ่นไปงั้นไม่คิดเป็นจริงเป็นจัง แต่ไอ้คนที่กำลังนั่งกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยกลับทำตาโต
“รอดิ”
“…”
อืม… ฉันพลาดเองนั่นแหละที่ไปชี้โพรงให้กระรอกแบบไท
หลังจากนั้นระหว่างเราก็ไม่มีบทสนทนาใด ๆ อีก เพราะฉันต้องการที่จะอาบน้ำแล้วเข้านอนทันทีเนื่องจากเหนื่อยมาทั้งวัน แถมนี่ก็เลยเวลานอนปกติไปแล้วด้วย ก็… เป็นคนอนามัยนิดหนึ่งแหละ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ไทคงจะกลับไปแล้วเพราะไฟด้านล่างดับ ฉันห่อตัวอยู่ในผ้าขนหนูผืนเล็ก บนหัวมีอีกผืนห่อเรือนผมเปียกหมาดอยู่ หลังจากชะโงกหัวลงไปดูว่าน้องมันไม่ได้ลืมปิดไฟดวงไหนเสร็จแล้วก็รีบเดินเข้าห้อง
แต่แค่เดินเข้าห้องนอนมาฉันก็ต้องตกใจจนหัวใจแทบจะร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่มอีกครั้ง เมื่อร่างสูงของคนที่ควรจะกลับบ้านไปแล้วกำลังนอนเหยียดขายาวอยู่บนเตียงเลื่อนมือถือเล่นอย่างสบายอารมณ์ พอหันมาเห็นหน้ากันเจ้าตัวก็ผุดตัวลุกขึ้นนั่ง
“อาบน้ำหรือผลิตน้ำอะนา? โคตรนาน”
“ทำไมยังไม่กลับอีก?”
ฉันรับรู้ได้ถึงความร้อนผ่าวแล่นไปทั่วร่างตอนที่สายตาคมกริบลากสายตามองมา ไทชะงักไปเล็กน้อย แล้วเบนสายตาไปทางอื่นเหมือนพอจะรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ผิดปกติ ร่างสูงหยัดตัวลุกขึ้นยืนแล้วส่งสัญญาณบอกว่าจะรอนอกระเบียง แล้วก็เดินออกไปเงียบ ๆ
ฉันรีบเดินไปรูดผ้าม่านปิด ยกมือขึ้นมากุมข้างแก้มก็รู้ได้ในทันทีว่าตอนนี้ฉันจะต้องหน้าแดงแปร๊ดแน่ ๆ แต่เพราะเด็กบ้ากำลังรออยู่ก็เลยต้องรีบใส่ชุดนอนแล้วเดินออกไปหาอย่างเสียไม่ได้
“…”
ร่างสูงยืนพิงระเบียงรออยู่ นัยน์ตาสีอ่อนลากสายตามองชุดนอนลายลูกหมูสามตัวของฉันก่อนจะผุดยิ้มออกมา ก็พอรู้อยู่หรอกว่ามันเป็นชุดนอนแบบเด็ก ๆ แต่ก็สบายออกฉันชอบใส่แบบนี้แหละ…
“พรุ่งนี้นาว่างไหม?”
“พรุ่งนี้วันหยุด ไทมีอะไร?”
“วอลล์เปเปอร์ที่ห้องมันลอก… ไปช่วยไทเลือกลายแล้วมาติดหน่อยสิ”
“…”
คนตรงหน้าพูดด้วยเสียงเรื่อย ๆ เหมือนคุยกันเรื่องปกติ ในขณะที่ฉันต้องคิดหนักอยู่ใช่เล่นที่จะต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องนอนของคนที่ตอนนี้ตัวโตกว่าเกือบเท่า ถึงแม้ว่าเราจะเป็นพี่น้องกันมาก่อน แต่ตอนนี้ไทดูไม่ใช่น้องชายเลย… จะพูดยังไงดี…
“ถ้านาไม่ช่วย… พรุ่งนี้ก็คงทำไม่เสร็จ”
“ก็แล้วทำไม…”
“ช่วยหน่อยสิ”
“เจ๊ไม่ว่างหรอก” ฉันจำใจต้องโกหกออกไป เพราะไม่อยากจะอยู่กันสองต่อสองในสถานที่ปิดทึบแบบนนั้น แต่แค่ปฏิเสธออกไปคนตรงหน้าก็ถึงกับทำหน้าหงอย ราวกับว่าผิดหวังที่ได้ยินคำตอบ
“ทำไมเหินห่างงี้?”
“เจ๊ไม่…”
“โอเค”
ร่างสูงผุดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทำหน้าเหมือนเข้าอกเข้าใจ
แล้วทำท่าจะปีนกลับไปบ้านตัวเองโดยไม่พูดอะไรอีก และไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันที่แค่เห็นน้องมันทำหน้าจ๋อยแบบนั้นต้องรู้สึกผิดขึ้นมาด้วยไทปีนระเบียงกลับไปฝั่งบ้านตัวเองแล้ว ยกมือขึ้นเสยผมเหมือนหงุดหงิดไม่หันมาบอกลาด้วยซ้ำ ก็คงน้อยใจรึเปล่าที่ฉันทำตัวเหินห่างไม่เหมือนเดิม
และรู้ตัวอีกทีฉันก็เสร่อตะโกนบอกไป
“พรุ่งนี้ก็ได้”
“…”
คนตัวโตที่กำลังจะเลื่อนประตูห้องนอนตัวเองเปิดออกชะงักลงเล็กน้อย หันหน้ากลับมามองริมฝีปากพยายามจะกลั้นยิ้มเอาไว้ นัยน์ตาสลดเมื่อครู่หายวับไปเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมาแทบจะในทันที ไทเดินมาเท้าแขนสองข้างลงที่ระเบียงแล้วเอียงคอมอง
“นึกว่าจะไม่เหมือนเดิมซะแล้ว”
“อะไร?” ฉันหลุบตาลงต่ำ รู้สึกเหมือนกำลังโดนคนตรงหน้าแกล้ง
“ก็นาใจดีนี่… ยังไงก็ต้องตามใจไทอยู่แล้ว”
“เด็กบ้า”
ฉันพูดได้แค่นั้นแล้วก็ต้องรีบเดินกลับเข้าห้อง เพราะทนมองหน้าหล่อ ๆ กับสายตารู้ทันแบบนั้นไม่ได้ ไม่ใช่เพราะรู้สึกเสียใจอะไรจริง ๆ หรอก น้องมันก็แค่รู้นิสัยกันมากเกินไปก็เท่านั้น
รู้ว่าฉันเป็นคนใจอ่อน ขี้สงสาร…
และไอ้รอยยิ้มแบบนั้น… มันคือกำลังแกล้งกันชัด ๆ เลย!
CRUSH ON YOUCHAPTER 3วันต่อมา ฉันตื่นแต่เช้าเพราะต้องมาให้อาหารจัมโบ้ที่บ้านข้าง ๆ และดูเหมือนว่าคุณป้าสมรกับคุณลุงรัตน์จะไม่อยู่กันอย่างที่ไทบอกจริง ๆ ถุงกอล์ฟที่มักจะเห็นวางอยู่ตรงประตูทางเข้าบ้านเป็นประจำหายไป เดาว่าพวกท่านคงจะพากันไปเที่ยวสองคนเหมือนอย่างเคย ระหว่างที่ฉันกำลังเก็บกวาดหน้าบ้านพวกท่านที่ตอนนี้มีใบไม้จากต้นมะม่วงร่วงกราวอยู่เต็มพื้นคอนกรีต ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้าน หันไปมองก็พบว่าตอนนี้ไทตื่นแล้ว สภาพหัวยุ่งนิด ๆ เรือนผมสีดำชี้โด่ชี้เด่ไม่เป็นทรง นัยน์ตาหรี่มองมาเหมือนแสบตากับแสงสว่างจ้าในตอนเช้า ร่างสูงเดินออกมาหาพร้อมทั้งขมวดคิ้วมองเมื่อเห็นว่าฉันกำลังกวาดใบไม้ด้วยไม้กวาดทางมะพร้าวแบบมีด้าม ฉันทำเป็นไม่สนใจเรือนร่างโตเต็มวัยของน้องที่ตอนนี้ยิ่งเห็นก็ยิ่งคิดดีไม่ได้ โอเค… ฉันเวอร์จิ้นก็จริง แต่ก็ไม่ถึงขั้นอาโนเนะไม่รู้เรื่องใต้สะดืออะไรขนาดนั้นหรอก ยังไงก็อายุตั้งยี่สิบหกเข้าไปแล้ว “นาไม่ไปแต่งตัวอะ? จะไปแล้วเนี่ย” “ก็แต่งแล้วนี่ไง… ไทนั่นแหละทำไมไม่อาบน้ำอีก?” ฉันหยุดกวาดพื้นแล้วหันกลับไปมองสภาพเจ้าตัวในก
CRUSH ON YOUCHAPTER 4 หลายวันต่อมา กิจวัตรประจำวันของฉันดำเนินไปอย่างปกติสุขที่สุด ช่วงนี้งานน้อยไม่ได้หนักหนาอะไรเหมือนเคย พอเลิกงานก็รอบาสมารับ ก็จะมีบ้างที่ไปกินข้าวดูหนังไม่ก็เดินเล่นกัน แต่ระยะหลังมานี้บาสก็ดูแปลกไปนิดหน่อย เจ้าตัวไม่ค่อยโทรมาตอนดึก ๆ ซึ่งปกติก็จะโทรมาบอกฝันดีบ้างอะไรบ้าง แต่หลายวันก็ไม่ได้โทรมา แต่เพราะฉันโตแล้วเลยไม่อยากจะไปเซ้าซี้อะไรให้มาก ก็แค่อยากทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่นั่นแหละจะได้ไม่น่ารำคาญ… แต่วันนี้แปลกกว่าทุกวันก็ตรงที่ฉันนั่งรอบาสมาร่วมสองชั่วโมงแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังไม่มา โทรไปก็ไม่รับสาย ทักแชตไปก็ไม่ตอบ และเพราะเหตุการณ์นี้มันไม่เคยเกิดขึ้นทำให้ฉันเลือกที่จะนั่งรอ รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มา สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจว่าควรจะกลับเอง แต่ปัญหาก็คือออฟฟิศฉันมันอยู่ลึกเข้ามาในซอยเปลี่ยวเพราะทำเกี่ยวกับโลจิสติกส์ การมีรถคอนเทนเนอร์เลยต้องเลือกทำเลที่ห่างไกลจากผู้คนไม่น้อย และปกติฉันก็ไม่มีปัญหาเรื่องที่จะกลับบ้านเลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมี… อย่างที่ไทบอกนั่นแหละ ว่าแถวนี้กระทั่งดีลิเวอรียังแทบไม่รับงานเลยถ้ามัน
CRUSH ON YOUCHAPTER 5 ตกเย็น หลังจากเมื่อเช้าทำอาหารให้ไทกินเสร็จ เด็กนั่นก็ไม่ได้มาก่อกวนอะไรกลับเข้าบ้านไปเงียบเชียบเหมือนว่าจะไปนอน เพราะคืนนี้จะออกไปเที่ยวกับเพื่อน ส่วนฉันเองก็ทำกิจกรรมที่ตัวเองตั้งใจไว้จนเสร็จ แต่พอจะอาบน้ำเตรียมตัวนอนก็มีสายเรียกเข้าหน้าจอโชว์เบอร์ที่ระบุว่าเป็นแฟนของฉันเอง “อือ” ‘วันนี้เจ๊ว่างไหม?’ “ก็ว่างจนจะหมดวันแล้วเนี่ย” ฉันหัวเราะออกมาเบา ๆ ปลายสายเองก็หัวเราะเหมือนกัน ‘เพื่อนผมอยากเจอ ออกมาเที่ยวได้ไหม?’ “…” ฉันเม้มริมฝีปากคิดหนัก เพื่อนเขาก็คือแก๊งที่เที่ยว ๆ กันอยู่ทุกคืนนั่นไง ‘เจ๊ไม่เคยออกมาเที่ยวกับผมเลย ลองมาไหม?’ “แต่ว่าเจ๊…” ‘มาเถอะน่า… เปิดหูเปิดตา’ “พรุ่งนี้เจ๊ทำงานนะ” ‘อืม… เที่ยงคืนกลับก็ได้’ “เอาจริงเหรอ? เจ๊ไม่มีชุดแบบนั้นเลย” ฉันถอนหายใจเบา ๆ เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าการไปเที่ยวกลางคืนจะให้ใส่เสื้อผ้าเป็นแม่ชีแบบที่ฉันมีก็กระไรอยู่ ‘ไม่เป็นไรหรอกมาเถอะ ผมอยากเจอด้วย’ “…” ‘นะ ๆ ๆ ๆ ๆ’ “อือ จะ
CRUSH ON YOUCHAPTER 123.30 น. “พรุ่งนี้ผมไปรับเจ๊ที่ออฟฟิศนะ” “อือ” “แล้วเรา… ไปต่อกันดีไหม?” “…” ฉันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องตอนที่โดนสายตาคาดหวังมองกันมาเหมือนทุก ๆ ครั้งที่พูดเรื่องทำนองนี้ ใบหน้าหล่อเหลาคมชัดไปทุกส่วนมองกันอยู่อึดใจก็หันกลับไปแล้วถอนหายใจเบา ๆ เครื่องปรับอากาศบนรถเย็นฉ่ำแต่ฉันกลับมีเหงื่อผุดซึมที่กรอบหน้าเพราะความประหม่า แต่เพราะไม่อยากให้บรรยากาศระหว่างเราอึดอัดมากไปกว่านี้ ฉันเลยจำใจต้องพูดอะไรบางอย่างออกไป “เจ๊ว่าเราไปดูหนังต่อก็ได้…” “อืม… โอเค…” คนข้าง ๆ หันมาฝืนยิ้มให้กันอีกครั้ง ยกมือขึ้นมาลูบผมฉันเบา ๆ ก่อนจะพยักพเยิดไปทางรั้วบ้านที่ปิดสนิทอยู่ ถึงแม้ว่าบทสนทนาในวันนี้จะจบลงด้วยบรรยากาศอึมครึมเหมือนเคย แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่สุดท้ายแล้วฉันก็เลือกที่จะไม่พูดต่อถึงเรื่องที่อีกคนคาดหวัง และเจ้าตัวเองก็คงจะไม่อยากพูดเหมือนกัน “เข้าบ้านเถอะเจ๊” “อือ กลับบ้านดี ๆ นะ” “ครับผม” คนเป็นแฟนคลี่ยิ้มกว้างแล้วขยับตัวเข้ามาหอมแก้มกันฟอดใหญ่ราวกับว่าเมื่อนาทีก่อนระหว่างเร
CRUSH ON YOUCHAPTER 5 ตกเย็น หลังจากเมื่อเช้าทำอาหารให้ไทกินเสร็จ เด็กนั่นก็ไม่ได้มาก่อกวนอะไรกลับเข้าบ้านไปเงียบเชียบเหมือนว่าจะไปนอน เพราะคืนนี้จะออกไปเที่ยวกับเพื่อน ส่วนฉันเองก็ทำกิจกรรมที่ตัวเองตั้งใจไว้จนเสร็จ แต่พอจะอาบน้ำเตรียมตัวนอนก็มีสายเรียกเข้าหน้าจอโชว์เบอร์ที่ระบุว่าเป็นแฟนของฉันเอง “อือ” ‘วันนี้เจ๊ว่างไหม?’ “ก็ว่างจนจะหมดวันแล้วเนี่ย” ฉันหัวเราะออกมาเบา ๆ ปลายสายเองก็หัวเราะเหมือนกัน ‘เพื่อนผมอยากเจอ ออกมาเที่ยวได้ไหม?’ “…” ฉันเม้มริมฝีปากคิดหนัก เพื่อนเขาก็คือแก๊งที่เที่ยว ๆ กันอยู่ทุกคืนนั่นไง ‘เจ๊ไม่เคยออกมาเที่ยวกับผมเลย ลองมาไหม?’ “แต่ว่าเจ๊…” ‘มาเถอะน่า… เปิดหูเปิดตา’ “พรุ่งนี้เจ๊ทำงานนะ” ‘อืม… เที่ยงคืนกลับก็ได้’ “เอาจริงเหรอ? เจ๊ไม่มีชุดแบบนั้นเลย” ฉันถอนหายใจเบา ๆ เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าการไปเที่ยวกลางคืนจะให้ใส่เสื้อผ้าเป็นแม่ชีแบบที่ฉันมีก็กระไรอยู่ ‘ไม่เป็นไรหรอกมาเถอะ ผมอยากเจอด้วย’ “…” ‘นะ ๆ ๆ ๆ ๆ’ “อือ จะ
CRUSH ON YOUCHAPTER 4 หลายวันต่อมา กิจวัตรประจำวันของฉันดำเนินไปอย่างปกติสุขที่สุด ช่วงนี้งานน้อยไม่ได้หนักหนาอะไรเหมือนเคย พอเลิกงานก็รอบาสมารับ ก็จะมีบ้างที่ไปกินข้าวดูหนังไม่ก็เดินเล่นกัน แต่ระยะหลังมานี้บาสก็ดูแปลกไปนิดหน่อย เจ้าตัวไม่ค่อยโทรมาตอนดึก ๆ ซึ่งปกติก็จะโทรมาบอกฝันดีบ้างอะไรบ้าง แต่หลายวันก็ไม่ได้โทรมา แต่เพราะฉันโตแล้วเลยไม่อยากจะไปเซ้าซี้อะไรให้มาก ก็แค่อยากทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่นั่นแหละจะได้ไม่น่ารำคาญ… แต่วันนี้แปลกกว่าทุกวันก็ตรงที่ฉันนั่งรอบาสมาร่วมสองชั่วโมงแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังไม่มา โทรไปก็ไม่รับสาย ทักแชตไปก็ไม่ตอบ และเพราะเหตุการณ์นี้มันไม่เคยเกิดขึ้นทำให้ฉันเลือกที่จะนั่งรอ รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มา สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจว่าควรจะกลับเอง แต่ปัญหาก็คือออฟฟิศฉันมันอยู่ลึกเข้ามาในซอยเปลี่ยวเพราะทำเกี่ยวกับโลจิสติกส์ การมีรถคอนเทนเนอร์เลยต้องเลือกทำเลที่ห่างไกลจากผู้คนไม่น้อย และปกติฉันก็ไม่มีปัญหาเรื่องที่จะกลับบ้านเลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมี… อย่างที่ไทบอกนั่นแหละ ว่าแถวนี้กระทั่งดีลิเวอรียังแทบไม่รับงานเลยถ้ามัน
CRUSH ON YOUCHAPTER 3วันต่อมา ฉันตื่นแต่เช้าเพราะต้องมาให้อาหารจัมโบ้ที่บ้านข้าง ๆ และดูเหมือนว่าคุณป้าสมรกับคุณลุงรัตน์จะไม่อยู่กันอย่างที่ไทบอกจริง ๆ ถุงกอล์ฟที่มักจะเห็นวางอยู่ตรงประตูทางเข้าบ้านเป็นประจำหายไป เดาว่าพวกท่านคงจะพากันไปเที่ยวสองคนเหมือนอย่างเคย ระหว่างที่ฉันกำลังเก็บกวาดหน้าบ้านพวกท่านที่ตอนนี้มีใบไม้จากต้นมะม่วงร่วงกราวอยู่เต็มพื้นคอนกรีต ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้าน หันไปมองก็พบว่าตอนนี้ไทตื่นแล้ว สภาพหัวยุ่งนิด ๆ เรือนผมสีดำชี้โด่ชี้เด่ไม่เป็นทรง นัยน์ตาหรี่มองมาเหมือนแสบตากับแสงสว่างจ้าในตอนเช้า ร่างสูงเดินออกมาหาพร้อมทั้งขมวดคิ้วมองเมื่อเห็นว่าฉันกำลังกวาดใบไม้ด้วยไม้กวาดทางมะพร้าวแบบมีด้าม ฉันทำเป็นไม่สนใจเรือนร่างโตเต็มวัยของน้องที่ตอนนี้ยิ่งเห็นก็ยิ่งคิดดีไม่ได้ โอเค… ฉันเวอร์จิ้นก็จริง แต่ก็ไม่ถึงขั้นอาโนเนะไม่รู้เรื่องใต้สะดืออะไรขนาดนั้นหรอก ยังไงก็อายุตั้งยี่สิบหกเข้าไปแล้ว “นาไม่ไปแต่งตัวอะ? จะไปแล้วเนี่ย” “ก็แต่งแล้วนี่ไง… ไทนั่นแหละทำไมไม่อาบน้ำอีก?” ฉันหยุดกวาดพื้นแล้วหันกลับไปมองสภาพเจ้าตัวในก
CRUSH ON YOUCHAPTER 2วันต่อมา เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ฉันต้องเรียกช่างมาเปลี่ยนผ้าม่านแทบจะในทันทีที่สามารถเรียกได้ และในช่วงเที่ยงของวันผ้าม่านเก่าก็ถูกพับเก็บเรียบร้อย ห้องนอนฉันกลายเป็นผ้าม่านแบบทึบแสงแทน เมื่อก่อนเราสนิทกันก็จริง แต่ตอนนี้เรามีระยะห่างพอสมควร ทั้งฉันเองก็โตขึ้น ส่วนไทเองไม่ต้องพูดถึง เขาอยู่ในวัยที่กำลังกลัดมัน เรื่องผู้หญิงคงจะแพรวพราวน่าดู และยิ่งสายตารวมถึงรอยยิ้มที่เปลี่ยนไปทำให้ฉันต้องคิดใหม่ว่าไท… ไม่ใช่แค่น้องชายข้างบ้านอีกต่อไป เขาหล่อ สูง ดูดี เซ็กซ์แอปเพียลสูงขนาดนั้น… เทียบกับฉันที่แม้จะอายุมากกว่าแล้วมันคนละเรื่องกันเลย ฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่เคยมีแฟนแค่คนเดียว ซ้ำยังไม่เคยไปถึงขั้นนั้น แต่คงไม่ใช่กับไทหรอก… แค่มองก็รู้แล้วว่าน้องมันเป็นเสือผู้หญิง ไทดูแพรวพราวมากจริง ๆ วันนี้ก็เหมือนทุกวันฉันทำงานเสร็จก็นั่งรอบาสมารับหลังเลิกงาน เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยเก่งเท่าไรฉันเลยได้งานง่าย ๆ ที่แม่กับพ่อฝากฝังกับคุณลุงไกรสรเพื่อนของพวกท่านเอาไว้ เรื่องงานเลยไม่ใช่อะไรที่น่าปวดหัวสักเท่าไรสำหรับคนที่ไม่ค่อยจะเก่งแบบฉ
CRUSH ON YOUCHAPTER 123.30 น. “พรุ่งนี้ผมไปรับเจ๊ที่ออฟฟิศนะ” “อือ” “แล้วเรา… ไปต่อกันดีไหม?” “…” ฉันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องตอนที่โดนสายตาคาดหวังมองกันมาเหมือนทุก ๆ ครั้งที่พูดเรื่องทำนองนี้ ใบหน้าหล่อเหลาคมชัดไปทุกส่วนมองกันอยู่อึดใจก็หันกลับไปแล้วถอนหายใจเบา ๆ เครื่องปรับอากาศบนรถเย็นฉ่ำแต่ฉันกลับมีเหงื่อผุดซึมที่กรอบหน้าเพราะความประหม่า แต่เพราะไม่อยากให้บรรยากาศระหว่างเราอึดอัดมากไปกว่านี้ ฉันเลยจำใจต้องพูดอะไรบางอย่างออกไป “เจ๊ว่าเราไปดูหนังต่อก็ได้…” “อืม… โอเค…” คนข้าง ๆ หันมาฝืนยิ้มให้กันอีกครั้ง ยกมือขึ้นมาลูบผมฉันเบา ๆ ก่อนจะพยักพเยิดไปทางรั้วบ้านที่ปิดสนิทอยู่ ถึงแม้ว่าบทสนทนาในวันนี้จะจบลงด้วยบรรยากาศอึมครึมเหมือนเคย แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่สุดท้ายแล้วฉันก็เลือกที่จะไม่พูดต่อถึงเรื่องที่อีกคนคาดหวัง และเจ้าตัวเองก็คงจะไม่อยากพูดเหมือนกัน “เข้าบ้านเถอะเจ๊” “อือ กลับบ้านดี ๆ นะ” “ครับผม” คนเป็นแฟนคลี่ยิ้มกว้างแล้วขยับตัวเข้ามาหอมแก้มกันฟอดใหญ่ราวกับว่าเมื่อนาทีก่อนระหว่างเร