CRUSH ON YOU
CHAPTER 1
23.30 น.
“พรุ่งนี้ผมไปรับเจ๊ที่ออฟฟิศนะ”
“อือ”
“แล้วเรา… ไปต่อกันดีไหม?”
“…”
ฉันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องตอนที่โดนสายตาคาดหวังมองกันมาเหมือนทุก ๆ ครั้งที่พูดเรื่องทำนองนี้ ใบหน้าหล่อเหลาคมชัดไปทุกส่วนมองกันอยู่อึดใจก็หันกลับไปแล้วถอนหายใจเบา ๆ เครื่องปรับอากาศบนรถเย็นฉ่ำแต่ฉันกลับมีเหงื่อผุดซึมที่กรอบหน้าเพราะความประหม่า แต่เพราะไม่อยากให้บรรยากาศระหว่างเราอึดอัดมากไปกว่านี้ ฉันเลยจำใจต้องพูดอะไรบางอย่างออกไป
“เจ๊ว่าเราไปดูหนังต่อก็ได้…”
“อืม… โอเค…”
คนข้าง ๆ หันมาฝืนยิ้มให้กันอีกครั้ง ยกมือขึ้นมาลูบผมฉันเบา ๆ ก่อนจะพยักพเยิดไปทางรั้วบ้านที่ปิดสนิทอยู่ ถึงแม้ว่าบทสนทนาในวันนี้จะจบลงด้วยบรรยากาศอึมครึมเหมือนเคย แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่สุดท้ายแล้วฉันก็เลือกที่จะไม่พูดต่อถึงเรื่องที่อีกคนคาดหวัง และเจ้าตัวเองก็คงจะไม่อยากพูดเหมือนกัน
“เข้าบ้านเถอะเจ๊”
“อือ กลับบ้านดี ๆ นะ”
“ครับผม”
คนเป็นแฟนคลี่ยิ้มกว้างแล้วขยับตัวเข้ามาหอมแก้มกันฟอดใหญ่ราวกับว่าเมื่อนาทีก่อนระหว่างเราไม่ได้มีบรรยากาศผิดปกติใด ๆ
ฉันลงจากรถพร้อมทั้งยืนมองรถคันหรูเคลื่อนตัวห่างออกไป สวนกันก็มีรถอีกคันวิ่งเข้ามาจอดเทียบฟุตพาทหน้าบ้านแฝดหลังที่อยู่ติดกัน Mercedes AMG C43 coupe สีดำเงาวับที่ช่วงหลังมานี้ฉันได้เห็นบ่อย ๆ ดับเครื่องลง ก่อนที่เจ้าของมันจะเปิดประตูลงมา
ดวงหน้าหล่อเหลาจ้องมองมาด้วยสายตานิ่งสนิทก่อนที่ริมฝีปากหยักลึกสวยจะบิดยิ้มเล็กน้อยเมื่อเราสบตากัน ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งก็คงต้องเจอหน้ากัน เพราะพักหลังมาฉันได้เห็นรถของเจ้าตัวบ่อย ๆ แต่ก็อดตกใจไม่ได้เมื่อ ‘น้องชายข้างบ้าน’ ที่หายหน้าหายตาไม่กลับบ้านเลยมาตลอดสามปีตอนนี้ดูหล่อ เท่ แถมยังออร่าพุ่งแค่ไหน
คนตรงหน้าเมื่อเห็นอาการตกใจของฉันก็หัวเราะออกมาเบา ๆ แขนสองข้างวางพาดอยู่บนประตูรถ นัยน์ตาสดใสยังคงจ้องมองมาอยู่อย่างนั้นก่อนจะเป็นฝ่ายเอ่ยทักขึ้นก่อน
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“ไท…”
“นา…”
ประตูรถถูกปิดลงพร้อมกับขายาว ๆ ก็เดินเข้ามาหา เพราะคนตรงหน้าสูงมากทำให้ฉันที่สูงเพียงแค่ 155 เซนติเมตรต้องเงยหน้าขึ้นมอง กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายแบบที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วลอยมาเตะจมูกทำให้ฉันพึงตระหนักได้ว่าตอนนี้น้องชายข้างบ้านคนนั้นได้เป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว ทั้งยังหล่อจัดชนิดที่ว่าคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเราจะเคยสนิทสนมกัน
“นายังตัวเล็กเหมือนเดิมเลย”
“…”
ทันทีที่ถูกทักฉันถึงกับต้องก้มลงมองตัวเองที่อยู่ในชุดกระโปรงแขนตุ๊กตาสีฟ้าอ่อน ในขณะที่คนตรงหน้าดูโตขึ้นมาก แต่ฉันกลับยังเหมือนเดิม ขนาดว่าอายุ 26 ปี เข้าไปแล้ว แต่ก็ยังดูเหมือนเด็ก ๆ
“ไทจะกลับมาอยู่บ้านเหรอ?”
ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้สนิทกันเหมือนเมื่อก่อน แต่ฉันก็ไม่อาจจะทำเป็นไม่รู้จักเขา หรือเมินใส่ได้ เลยจำต้องเอ่ยปากทักทาย เพราะยังไง ‘ไท’
ก็เป็นลูกชายคนเดียวของคุณป้าสมรกับคุณลุงรัตน์ เพื่อนสนิทของแม่ฉันเอง และใช่… เราเป็นเพื่อนบ้านกัน…
“กลับมาอยู่บ้านได้หลายวันแล้ว… แต่ยังขนของไม่เสร็จเลยยังไม่ได้นอน ก็ว่าจะนอนคืนนี้คืนแรก…” คนตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเรื่อย ๆ สายตายังคงลากผ่านร่างกายฉันเหมือนจะสำรวจกันอีกครั้งแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ
“อะไร…”
“นาทำงานแล้วก็ยัง… ดูเหมือนเด็กปีหนึ่งอยู่เลย”
“เจ๊แค่… ตัวเล็ก” ฉันมองค้อนตัวตัวโตเล็กน้อยเพราะความเคยชิน
ก่อนจะต้องหลุบตาลงต่ำเมื่อระลึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้ เราไม่ได้สนิทกันอีกแล้ว
“แล้ว… ไอ้ไนน์ไม่อยู่?”
“อือ น่าจะไม่กลับ”
“แล้วมันปล่อยให้นาอยู่คนเดียว?”
“ก็… อยู่ได้”
“อือฮึ…”
และเราก็เงียบเสียงลงอีกครั้ง อาจจะเพราะระหว่างเรามีระยะห่างกันไปหลายปี ทำให้ตัวฉันอดที่จะประหม่าในการคุยกับเขาอย่างเสียไม่ได้ ถึงไทจะทำเหมือนไม่มีอะไร แต่ก็ดูรู้นั่นแหละว่าอาการเดียวกัน
“เจ๊เข้าบ้านก่อนนะ”
“โอเค”
ฉันตัดบทสนทนาลงแค่นั้น และก็โชคดีที่ไทเองก็ไม่ได้คิดจะชวนคุยต่อ ร่างสูงเดินห่างออกไปหน้าบ้านตัวเองแล้วหันกลับมามองกันเล็กน้อย ฉันพยายามไม่ตื่นเต้นให้มันมากเกินไปนักรีบไขกุญแจเข้ารั้วบ้านตัวเอง
บ้านแฝดแปลนเดียวกัน แต่บรรยากาศระหว่างบ้านสองหลังค่อนข้างแตกต่างกัน ในขณะที่บ้านของไทเปิดไฟสว่างทั้งชั้นบนชั้นล่างมองเห็นได้ชัดจากข้างนอก แต่บ้านฉันกลับเงียบเชียบไร้ซึ่งสัญญาณชีพว่ามีคนอยู่ แสงไฟในบ้านไม่มีเล็ดลอดออกมาเลยสักดวง
‘ไนน์’ ที่ไทเอ่ยถึงคือน้องชายของฉันเอง ตอนนี้มันอายุ 22 เท่า ๆ กันกับไท กำลังเป็นหนุ่มเต็มตัว และแน่นอนว่าเหตุผลที่ทำให้น้องชายตัวดีของฉันไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องก็เป็นเพราะมันติดเที่ยว ติดสาว ฉันก็เลยต้องอยู่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่ เพราะพ่อกับแม่ย้ายไปบำบัดสุขภาพที่เชียงใหม่ได้สองปีแล้ว
ระหว่างที่ฉันอยู่คนเดียว ก็ได้คุณป้าสมรกับคุณลุงรัตน์คอยดูแลช่วยเป็นหูเป็นตาให้ เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงอยู่บ้านตัวคนเดียว แม้ว่าไนน์จะมีแวะมาบ้าง แต่นั่นก็แค่มาเอาเสื้อผ้าแล้วก็กลับออกไปอีก
เราสองคนพี่น้องไม่ใช่ว่าไม่สนิทกัน แต่มันแค่กำลังอยู่ในวัยติดเที่ยวติดสาว และนั่นก็ทำให้คนเป็นพี่สาวซึ่งตามใจน้องชายมาตลอดแบบฉันไม่สามารถเอ่ยปากอะไรได้ ถึงแม้ว่าบางครั้งการอยู่บ้านตัวคนเดียวจะมีความหวาดระแวง หรือปัญหาอื่น ๆ ไม่น้อยก็ตาม
ก็อย่างว่า… ฉันโตแล้ว ทำงานแล้วด้วย… ถึงจะตัวเล็กเหมือนเด็กซ้ำหน้ายังดูไม่เป็นสาวเหมือนคนอื่น ๆ แต่ฉันก็อายุ 26 ปีเมื่อราวครึ่งปีก่อนนี้เอง
เสียงปิดประตูรั้วบ้านข้าง ๆ ดังขึ้นพร้อมกันกับที่ฉันปิดบานประตูตัวบ้านลง ในบ้านเงียบเชียบเหมือนทุกวัน เพราะไม่มีคนอยู่ ฉันชินกับการอยู่แบบนี้มานานมาก ตอนที่เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของตัวบ้านเลยไม่ได้คิดจะเปิดไฟ แค่ใช้ลำแสงไฟฉายจากโทรศัพท์นำทางขึ้นไปเท่านั้น
และทันทีที่เดินเข้าห้องนอนก็ได้เห็นว่าตอนนี้คนที่เพิ่งเจอกันเมื่อครู่… กลับมาอยู่บ้านตัวเองแล้วจริง ๆ หลังจากหายหน้าไปสามปีเต็ม เพราะแสงไฟจากห้องนอนหนึ่งของบ้านแฝดหลังข้างกันถูกเปิดให้สว่างขึ้นมาหลังจากไม่ได้เห็นมานาน
มันเป็นห้องนอนของลูกชายคนเดียวของคุณลุงคุณป้านั่นแหละ ห้องของฉันกับไทอยู่ตรงข้ามกัน แต่ละหลังจะมีระเบียงยื่นออกมาเล็กน้อย เพราะตัวฉันเองยังไม่ได้เปิดไฟทำให้ตอนนี้ยังสามารถแอบมองคนบ้านข้าง ๆ ได้โดยที่เจ้าตัวก็คงจะไม่รู้ตัว
ร่างสูงของไทถอดเสื้อออกโยนไปไว้ตรงไหนสักที่ เรือนร่างกำยำแบบคนเป็นหนุ่มเต็มตัวทำให้ฉันถึงกับต้องกลืนน้ำลาย ไทไม่ใช่คนตัวใหญ่ แต่เป็นคนร่างสูงโปร่ง กล้ามเนื้อหนั่นแน่นก็ดูดีแบบที่สาว ๆ ชอบ ไม่ได้ล่ำบึกอะไรนัก ดวงหน้าหล่อเฉี่ยวดูคมชัดมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ผิวขาวออร่ายิ่งทำให้น้องชายข้างบ้านดูดีขึ้นจนคนแก่แบบฉันรู้สึกหูอื้อตาลายแล้วต้องรีบเบนสายตาหนี
รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เดินไปรูดผ้าม่านปิดนั่นแหละ ก่อนจะเดินกลับมาเปิดไฟในห้องตัวเอง อาจจะเป็นเพราะห้องฝั่งตรงกันข้ามไม่มีคนอยู่มานานแล้วก็เลยไม่ค่อยชินเท่าไร
จริง ๆ เพราะสนิทกับคุณลุงคุณป้าฉันก็รู้มาตลอดว่าไทแทบจะไม่กลับบ้านเลย เดาได้ไม่ยากว่าคงจะอาการเดียวกันกับน้องชายฉัน แค่ได้เจอวันนี้หลังจากที่ไม่ได้เจอมานานก็บ่งชัดว่าเขาโตเป็นหนุ่มแล้ว แถมยังคาริสมาสุด ๆ อีกต่างหาก
เราเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็ก ทั้งตัวฉันเอง ไนน์ รวมถึงไท แต่ระยะหลังมาเราห่างกัน ก็เพราะน้องชายทั้งสองคนดันมีปัญหากันเอง ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าทั้งคู่ไม่ได้คุยกันอีกเลยหลังจากเรียนจบมัธยม รู้ตัวอีกทีไทก็หนีหายไปเรียนมหา’ลัยโดยใช้วิธีอยู่คอนโด ถึงไนน์จะยังอยู่ที่นี่แต่ก็แทบจะอยู่ไม่ติดบ้านเหมือนกัน
มันก็… ผ่านมาสามปีได้แล้ว…
และฉันก็ไม่คิดเลยว่าการได้มาเจอหน้ากันอีกครั้งระหว่างฉันกับไทมันจะกระอักกระอ่วนขนาดนี้ คงเป็นเพราะเราไม่ได้เจอกันเลยตลอดสามปีทั้ง ๆ ที่บ้านก็อยู่ติดกันแท้ ๆ ไม่ใช่ว่าไทไม่กลับมาเลยหรอก แต่คงเป็นเพราะตัวฉันเองก็เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน กว่าจะเลิกงานก็ดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่เจอกันก็ไม่แปลก
แต่หลังจากนี้… อาจจะต้องเจอกันบ่อย ๆ เพราะคุณลุงรัตน์ท่าทางจะเอาจริงเรื่องที่ว่าจะให้ลูกชายคนเดียวย้ายกลับมาอยู่บ้านในช่วงปีสุดท้ายของการเรียนมหา’ลัย ฉันก็พอรู้อยู่หรอกว่าไทเองก็ทำตัวเกเรไม่ต่างจากไนน์ ก็คงโดนพ่อแม่คาดโทษนั่นแหละ…
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนจากแชตไลน์ดังขึ้นทำให้ฉันต้องตื่นจากภวังค์ หน้าจอโชว์ว่าเป็น ‘บาส’ แฟนของฉันเองเป็นคนส่งเข้ามา ก็แค่ส่งมาว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนอีกแล้วเหมือนทุกวันนั่นแหละ
BAS: เจ๊นาวันนี้ผมไปกินเหล้ากับเพื่อนนะ
NANA: อือ กลับดี ๆ นะ
BAS: ครับผม ฝันดีนะ
NANA: พรุ่งนี้เจ๊เลิกงานไวนะ บาสจะมากี่โมง
BAS:
ฉันจ้องมองหน้าจอที่ยังคงค้างแชตอยู่อึดใจก่อนจะโยนโทรศัพท์ไปไว้บนที่นอนพร้อมทั้งถอนหายใจเบา ๆ เมื่อไม่ได้รับการตอบกลับจากคนที่เพิ่งจะทักมายังคุยกันไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ พักนี้เขาก็เป็นแบบนี้ตลอด… หลังจากที่ระหว่างเรามันไปกันได้ไม่ถึงไหน และฉันเองก็ขี้กลัวเกินกว่าจะยอมมีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย
ฉันเป็นคนขี้กลัว… ขี้ตกใจ… และบาสก็เป็นพวกชอบรุกรุนแรง
ก็ถ้าเกิดว่าเขาค่อยเป็นค่อยไปมากกว่านี้ก็คงจะดีไม่น้อย แต่ก็นั่นแหละ… คบกันมาจวนจะครบหนึ่งปีแล้วฉันก็ให้ได้อย่างมากแค่จูบ ถึงจะอายุมากกว่าเขาตั้งสี่ปีแต่ฉันเอง… ยังเวอร์จิ้นอยู่เลย…
ระหว่างที่ฉันกำลังถอดเสื้อผ้าออกเพื่อที่จะได้ไปอาบน้ำเข้านอนก็ต้องสะดุ้งตกใจจนเกือบจะร้องกรี๊ดออกมา เมื่อได้ยินเสียงเหมือนใครมาเคาะกระจกระเบียง ตอนแรกก็คิดว่าหูแว่ว แต่ตะแคงคอฟังอีกครั้งมันก็ชัดเจนว่าเป็นเสียงเคาะกระจกประตูระเบียง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“นา…”
“ไทเหรอ?”
“เปิดหน่อย”
“แป๊บหนึ่งนะ”
ถึงแม้ว่าจะตกใจ แต่พอนึกถึงเมื่อก่อนที่ไทชอบทำแบบนี้ก็อดจะคิดถึงขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ เวลาเขามีอะไรก็จะใช้วิธีปีนข้ามระเบียงกระโดดมาง่าย ๆ โดยให้เหตุผลว่าขี้เกียจเดินไปเข้าทางหน้าบ้าน เพราะยังไงระเบียงห้องเราก็ห่างกันไม่มาก คนตัวสูงแบบไทกระโดดแค่นิดเดียวก็ถึง
ฉันรีบหาชุดมาใส่ลวก ๆ แล้วรีบเดินไปเปิดม่านออกดู พบว่าตอนนี้เจ้าของเรือนร่างฮอต ๆ กำลังนั่งอยู่บนขอบระเบียงมือคีบบุหรี่เอาไว้ ถึงจะรู้ว่าน้องมันโตแล้ว แต่มันก็ไม่ค่อยชิน
“ไทมีอะไร?” ฉันเปิดประตูเลื่อนออก เลิกคิ้วถามร่างสูงที่ผุดตัวลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาหา
“ไทขอเบอร์นาหน่อย ไลน์ด้วย” เจ้าตัวไม่พูดเปล่า แต่รีบส่งโทรศัพท์ของตัวเองมาให้ฉัน
“…”
“ยังไงไทก็จะกลับมาอยู่บ้านแล้ว เผื่อไว้ฉุกเฉินอะไรนาก็โทรเรียกไทได้ตลอด”
“เจ๊เกรงใจ…”
ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาคนที่กำลังทอดสายตามองมาอยู่ก่อนแล้ว ไทพ่นควันบุหรี่ไปอีกทางแล้วยกยิ้มมุมปาก สายตาที่มองมามันต่างออกไปจากเมื่อก่อนจนฉันสัมผัสได้ ตอนนี้ไทไม่ใช่น้องชาย แต่เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง
“นาจะเกรงใจอะไร… ก็เราสนิทกัน…”
“…”
เป็นอีกครั้งที่ฉันพูดไม่ออกกับคำพูดราวกับจะมัดมือชกของเด็กบ้านี่
ริมฝีปากสวยกำลังคลี่ยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นว่าฉันอยู่ในสถานะที่คงจะปฏิเสธอะไรไม่ได้
สุดท้ายก็เลยจำใจต้องให้ช่องทางการติดต่อไป… ถึงยังไงไทก็คงไม่ได้ทักหรือโทรมาหรอก… อาจจะแค่อยากเข้ามาทำความคุ้นเคยกันใหม่อีกรอบ เพราะยังไงเราก็เป็นเพื่อนบ้านกัน
“แล้วนา…”
“...”
“มีแฟนรึยัง?”
ฉันเงยหน้าขึ้นมองไทอีกครั้ง เราห่างกันไปนานจนเขาคงจะไม่รู้เลยว่าระหว่างที่เขาไม่อยู่บ้าน ตัวฉันเองมีแฟนที่คบกันมาได้จวนจะครบปีแล้ว ในสายตาไทก็คงยังมองเหมือนว่าฉันเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ทั้งที่ฉันอายุมากกว่าเขาตั้งสี่ปี คงเป็นเพราะรูปร่างหน้าตา รวมทั้งนิสัยขี้กลัวขี้ตกใจของฉันทำให้น้องมันไม่ค่อยจะเคารพกันเท่าไรนักหรอก
ยกตัวอย่างเช่น… ไทไม่เคยเรียกฉันว่าเจ๊ หรือ พี่ แต่จะเรียกสั้น ๆ
แค่ ‘นา’
“เจ๊มีแฟนแล้ว” ฉันบอกไปตรง ๆ พร้อมทั้งยื่นโทรศัพท์คืนให้เจ้าของ
“ตัวเล็กแบบนา…” ไทเลื่อนคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยลากสายตาสำรวจกันอย่างเปิดเผยจนฉันเผลอขยับตัวอย่างอึดอัด เจ้าตัวถึงได้เลื่อนสายตากลับมามองหน้ากัน
“เจ๊จะเข้านอนแล้ว”
“อือฮึ…”
“ไทกลับห้องไปได้แล้ว”
“อือฮึ…”
ฉันถึงกับเม้มริมฝีปากเมื่อเห็นว่าไอ้น้องชายข้างบ้านที่เมื่อก่อนไม่ได้กวนประสาทกันเท่าไร ตอนนี้ดูเหมือนจะกวนตีนขึ้นนิด ๆ ทั้งยังรอยยิ้มแบบนั้นก็อีก…
และเพราะทำตัวไม่ถูกฉันเลยตั้งท่าจะเลื่อนประตูปิดลง แต่มือของไทกลับคว้าขอบประตูเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาคมชัดตัดกับผิวขาว ๆ โน้มลงมาจนสายตาเราอยู่ในระดับเดียวกัน ไททำท่าชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยบอก
“ไทว่านาต้องเปลี่ยนผ้าม่านนะ”
“…” ฉันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองสบนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังกวาดสายตามองหน้ากันในระยะประชิด เสียงกระซิบแผ่วเบาทว่าทำให้ฉันร้อนผ่าวขึ้นมาทั้งตัว...
“ผ้าม่านห้องนามันโปร่งแสง… ไทเห็นหมดเลย”
“!!!”
พระเจ้า! บอกทีว่าเมื่อกี้ฉันไม่ได้แก้ผ้าในห้องนอน!