ตรงนั้นมัน...
“เฮ้ย” ผมรีบผละออกทันที น้องมนต์ยกมือขึ้นปิดหน้าสะอื้นแบบอับอายสุดกู่ ผมที่ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์แบบนี้ถึงกับชี้นกชี้ฟ้า “นี่อะไรอะ”
“อะ... ฮึก”
“หนูฉี่ราดอ่อ?”
น้องมนต์ร้องไห้ออกมาอย่างหนักทันที เธอคงขายหน้าจนหยุดไม่อยู่ ขาเรียวเล็กและขาวจัดสั่นระริก น้องเอามือปิดหน้าอยู่แบบนั้น ในขณะที่ผมจะผละออก วางขาน้องลงทันที
น้องฉี่ราดว่ะ เหมือนกลัวมากจนเผลอเล็ดออกมา
มันไม่ใช่เรื่องน่าอายสำหรับผม แต่ออกจะเป็นเรื่องที่ชวนให้รู้สึกแย่ อาจจะดูเหมือนผู้ชายเหี้ยๆ คนนึงที่คิดแต่เรื่องกามๆ แต่ก็คงเป็นงั้นจริงๆ สงสัยผมรุกหนักเกินไป เด็กมันเลยกลัวจนเป็นแบบนี้
รู้สึกละอายใจ แต่เพราะนิสัยเลวๆ ที่ติดเป็นนิสัย ผมทำทีเป็นยิ้มแห้งๆ ออกมา
“อะ... ออกไปนะ” น้องไล่ผมด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่ากำลังหวาดกลัวสุดขีด “... ไม่เอาแล้ว”
“เอาเป็นว่า” ผมเกาคางตัวเอง ท่ามกลางเสียงห่าฝนมันพาลทำให้นึกอะไรไม่ออก จะแก้ต่างอะไรให้ตัวเองงั้นเหรอ? ในเมื่อผมทำลงไปซะขนาดนี้แล้ว
“...”
“จะเก็บเป็นความลับระหว่างเราสองคนก็ได้”
“...”
“ไปก่อนนะคะ” ผมพูดกับน้องมนต์ที่นั่งน้ำตาร่วงเผาะหน้าแดงก่ำอยู่ที่เก้าอี้ ไม่ได้ทำอะไรหลังจากนั้น ไม่ได้เลียด้วย แค่บอกไปว่าจะไม่บอกใครว่าน้องมนต์ฉี่ราดเพราะกลัวผมมากขนาดไหน
อย่างเธอคงไม่โอเคหรอกใช่ปะ ถ้าผมจะพูดเรื่องแบบนั้น
ผมมันก็ปอดแหกไม่ต่างกัน
ตึก...
เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นมาตามบันได คนตัวเล็กหันขวับไปมองแล้วรีบหันหน้ามาทำหน้าน่าสงสารปนอ้อนวอนขอร้องให้ผมรีบออกไปสักที
เออ มาถึงขนาดนี้แล้วไปก็ได้ ถ้าโดนไอ้แก่นั่นต่อยอีกทีคงหมดอารมณ์
อยากจะไปหาอะไรระบายอารมณ์ปอดแหกสุดเซ็งนี่ด้วยเหมือนกัน
ทั้งๆ ที่เป็นหัวโจกเด็กช่างกลแท้ๆ แต่ดันอ่อนด๋อยเรื่องผู้หญิงอยู่เสมอ แม่งไม่กล้าสักที สงสัยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันค้ำคอ
“บาย” พอคิดได้แบบนั้นก็จิ๊จ๊ะกับตัวเอง โบกมือลาคนตัวเล็กพร้อมกับกระโดดลงไป เพราะนี่มันแค่ชั้นสองเอง
ผมบึ่งรถมอไซค์คู่ใจ ยกล้อกลางถนนเพื่อกลับบ้านรวมถึงระบายอารมณ์งี่เง่าพวกนี้ด้วย หลังจากที่ลงมือทำไปแล้ว แต่กลับทำใจทำต่อไม่ลง เพราะอีกฝ่ายดูกลัวมากจนกระทั่งฉี่ราดจนซึมกางเกงซับในสีขาว
ขาลงจากบ้านน้องมนต์เกือบโดนพ่อน้องจับได้ แต่เหมือนไอ้แก่นั่นจะไม่ได้เข้ามาในห้อง หลังจากกระโดดลงไปพ่อเธอก็เปิดประตูเข้ามาแล้วก็พูดคุยกับน้องนิดหน่อย ผมยืนหลังต้นไม้แอบดูลาดเลาจนพ่อน้องออกไปแล้วปิดไฟ เลยปีนข้ามรั้วเตี้ยๆ ไปคร่อมรถบิดกลับบ้าน
พูดแล้วก็เซ็ง เพราะผมเองก็ต้องกลับมาเจอไอ้แก่ที่บ้านเหมือนกัน
หมายถึงพ่อแท้ๆ ของผมน่ะ
ผมบึ่งรถมาจนถึงบ้าน แสงไฟจากมอเตอร์ไซค์ปะทะเข้ากับตัวสูงๆ ของไอ้ตะโขงที่กำลังจะขับพาแฟนมันไปส่งที่บ้าน มันเงยหน้าขึ้นมองผม ผมมองกลับ เลิกคิ้วบากๆ ให้มันอย่างกวนส้นตีน
“ไปไหนมา” มันถามเรียบๆ ผมเลยไหวไหล่ ถึงจะเป็นพี่ชายกูก็ไม่ต้องแส่ได้ไหม ผมกำลังเซ็งตัวเองอยากหาที่ระบายอารมณ์อยู่ด้วย
“เสือก”
“พ่อรอด่ามึงอยู่ในบ้าน” มันไม่ว่าอะไรที่ผมกวนตีนเลยสักคำ ใจเย็นแบบนั้นต่อหน้าเมียยิ่งน่าหงุดหงิด ผมเดาะลิ้น ขัดใจที่มันยังคงเป็นคนที่นิ่งและยอมพี่ยอมน้องเสมอต้นเสมอปลาย “กลับดึกขนาดนี้ คงโดดเรียนใช่ไหม”
“อย่าเสือกได้ไหมโขง มึงไปส่งเมียวัยละอ่อนของมึงเหอะ” ผมมองแฟนเด็กของมันที่นั่งซ้อนหลังรถมอเตอร์ไซค์ไม่กล้ามองหน้าผมด้วยซ้ำ สาดอารมณ์เซ็งด้วยการใช้ถ้อยคำคุกคามผู้หญิงโดยไม่มีเหตุผล “ก่อนที่กูจะปิ้บๆ เมียมึง”
“ไปตายซะ” มันสบถด่าออกมา เป็นครั้งแรกที่มันขึ้นกับน้องเรื่องผู้หญิง แล้วสตาร์ทเครื่องขับรถออกไปทันที
ผมแค่นหัวเราะ น่าแปลกที่มันเป็นพี่แต่ผมไม่เคยเคารพเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไอ้โขงมันเป็นคนนิ่งๆ รักใครรักจริง คบเป็นคนๆ ไป เป็นผู้ชายคนเดียวในตระกูลที่สักน้อยมากจนแทบไม่ค่อยมี เป็นผู้ชายในครรลองคลองธรรม ในขณะที่ผมกับพ่อล่อซะทั้งแขน
แต่ผมก็ไม่คิดจะเรียนรู้จะใช้นิสัยนั้นของพี่ พูดง่ายๆ คือผมมีปม
บ้านของผมพ่อแม่มีลูกทั้งหมดสามคน คนแรกคืออีเอย ตามด้วยไอ้โขง แล้วมาต่อที่ผมคนสุดท้อง แต่ถ้าถามว่าทำไมมารู้เรื่องของผมก่อน พอดีว่าเรื่องของผมมันน่าสนใจกว่าพวกนั้น จบไหม
อีเอยคือพี่ที่น่าขัดใจ มันเรียบร้อย เรียนเก่ง ติดพ่ออย่างกับอะไรดี พ่อรักมันยิ่งกว่าใครๆ ต่างกับผมที่ไม่ถูกกับใครสักคนในบ้าน เหตุผลไม่ต้องถาม เพราะผมมันคนอินดี้ไง ผมไม่นิยมสนิทกับครอบครัวตัวเอง แบบว่าแคร์คนอื่นมากกว่าคนรอบข้างอ่ะ
ยิ่งมันรักพ่อ ผมยิ่งไม่ถูกโรคกับมัน
ผมชอบล้อมันว่าอีเอยนมโต ก็นมมันใหญ่จริงๆ
อ่อ แต่พอดีว่าผมชอบแบบอกเล็กๆ อะนะ แต่เรื่องนั้นช่างมันไปก่อน
แกรก
ผมเปิดประตูเข้าไปกระแทกผนังดังปึง ภาพแรกที่เห็นคืออีเอยกำลังนวดขาให้ไอ้แก่ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของผม ผมเบ้หน้าเซ็งตอนที่สะพายกระเป๋าเรียนแบนลีบติดหลังเพราะไม่มีตำราเรียนอะไรหรอกนอกจากซองบุหรี่แล้วจะเดินขึ้นห้อง
“แม่อะอีเอย” ผมหันไปถามมัน อีเอยเงยหน้าขึ้นมามองตาเขียวทันที
“กลับดึกนะ เถลไถลตลอด แล้วเลิกเรียกพี่ว่าอีได้แล้ว พี่ไม่ชอบ” มันด่าผม ผมเลยเลิกคิ้ว ก่อนที่จะเดินไปเตะมันทีนึง
“เสือกไรอ่ะ” มันทำตาโต เขยิบหนีไปลูบหลังป้อยๆ “สาระแนมากเดี๋ยวก็เจอดีหรอก”
“ไอ้ขวด มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะ”
[พาร์ท : ตะขวด]ตอนนี้ผมมาหยุดยืนอยู่หน้าป้ายที่ขึ้นว่า ‘BTS สำโรง’มือผมกำชับของแข็งที่เหน็บในกางเกงรุ่นเก๋าที่จิ๊กเงินพ่อมาซื้อประมาณตัวละสามพันไว้แน่น ใส่แบบไม่ซักจนแม่งเปื้อนฝุ่นในโรงรถเต็มไปหมด แต่นี่แหละคือความคลาสสิกของลูกผู้ชายไม่ต้องถามว่าของแข็งที่ว่าคืออะไร มันไม่ใช่*วยแน่นอนก็แค่พกมีดยาวเท่าแขนเอง คิดอะไรกันมาก“ไอ้เหี้ยเจ BTS ขึ้นไงวะ” ผมหันไปถามเพื่อนที่มาเป็นกลุ่ม เพราะแม่งเป็นครั้งแรกที่นั่ง BTS เอาจริงๆ พวกผมมันถนัดรถเมล์ไม่ก็วินมอไซค์หน้าปากซอยมากกว่า “มึงไม่นั่งรถเมล์ไปวะ กูไม่เคยขึ้น BTS”“ไอ้ห่านั่นมันอยู่สยาม ป่านนี้รถติดจะตายห่า ถ้าจะขึ้นรถเมล์ไปมึงคงถึงตอนสามทุ่มอ่ะ เอามั้ยล่ะไอ้ขวด”“แล้วถ้ายามแม่งตรวจจับมีดที่กูพกในกางเกงอ่ะ”“เมียกูบอกมันขึ้น BTS บ่อย เดี๋ยวนี้ยามหละหลวม มึงไม่ต้องห่วงหรอก” ไอ้เจเพื่อนรักตบบ่าผมหนักแน่น เพราะช่วงหลังๆ เหมือนน้องนิดหน่อยแฟนมันบอกว่ายามปล่อยปละละเลยไม่ค่อยได้สแกนตรวจโลหะแล้ว “ก่อนห่วงเรื่องมีดกูว่ามึงห่วงรองตีนส้นเหล็กที่มึงใส่มาก่อน”อีกฝ่ายว่าพลางพยักเพยิดไปทางรองเท้าหนังประจำสายอาชีวะหัวร้อน ที่ทั้งหัวรองเท้าและส้นรองเท้า
เมื่อตั้งใจไว้แล้วต้องทำจริง ผมเดินกร่างเข้าไปใกล้คู่รักนักเรียน พวกน้องๆ จะเดินตามกันมา แต่ผมยกมือปรามไว้ เป็นสัญญาณว่า ไม่ต้องผมล้วงกระเป๋าเกงตอนที่ไปยืนด้านหลังเด็กผู้หญิง เธอมัดผมม้าผูกโบว์สีขาว ผมสีดำขลับยาวระเอวคอดกิ่ว ลุคดูเรียบร้อย มากับไอ้เด็กผู้ชายอีกคนที่มันไม่เจ๋งเท่าผม ไม่เท่ ไม่เฟี้ยวเท่า เอาเป็นว่าคนที่เหมาะกับเธอ คือผมดันตกหลุมรักเข้าอย่างจัง กับคนที่อายุน้อยกว่าไม่มากเท่าไหร่ (ผมอายุ 20)ผมจงใจยืนชิดกับเธออย่างตั้งใจ ไอ้เด็กผู้ชายข้างๆ จึงเริ่มส่งสายตาเหมือนจะส่งสัญญาณเตือนน้องผู้หญิงกลายๆ ในขณะที่เจ้าของผมดำขลับยาวถึงเอว น้องหน้ามนเหล่มองมาทางผมที่ยืนเก๊กอยู่ด้านหลัง ก่อนที่เธอจะหันกลับไป ตัวเริ่มสั่นนิดๆ“เราว่าลงป้ายหน้าไหมมนต์ เราไปส่งเอง” ไอ้เด็กนั่นที่ดูเหมือนจะเป็นแฟนเธอจงใจโพล่งออกมาราวกับตั้งใจพูดให้ได้ยิน ผมคิ้วกระตุกนิดๆ จับมีดยาวที่อยู่ใต้กางเกงไว้แน่น แต่อย่างน้อยก็รู้สึกดีที่ได้รู้ชื่อหญิงที่หมายตาชื่อมนต์เหรอ ชื่อน่าค้นหาดีนะ อารมณ์เหมือนสวยจนต้องมนต์อะไรแบบนั้น“อะ อื้ม” เสียงหวานครางรับเบาๆ ผมกระตุกยิ้ม เสียงโคตรน่ารักเลยครับ“ชื่อไรน้อง” เมื่อเห็น
“ขอสปาเดเห้ด้วยได้ปะ?”หนูเบิกตากว้าง อ้าปากค้างเพราะพูดไม่ออก จนเพื่อนพี่เขาคนหนึ่งที่ตัวสูงๆ หน้าดุๆ ไม่แพ้กันต้องเดินมาตบศีรษะเขาอย่างแรงพลั่ก!“เฮ้ย!!” พี่ผู้ชายหน้าดุที่พยายามคุกคามหนูอยู่ตรงหน้าสบถออกมาเสียงดังลั่นจนหนูสะดุ้งสุดตัว ทันทีที่คืนสติเขารีบหันไปเอาเรื่องเพื่อนทันที “ไอ้เจ มึงตบหัวกูทำไมเนี่ย!”“ตลกดีนะไอ้ขวด จะจีบนักเรียนแต่ไปขอเขาเ*ด” หนูตัวสั่นอีกครั้งเมื่อเขาหันมามอง ก่อนที่จะตบหัวพี่ที่ชื่อขวดคนนั้นไปอีกที “คุกคามงี้น้องเขาแจ้งตำรวจได้นะไอ้สัส”“เมียเก่าไม่พร้อมให้สปาร์ค แต่กูไม่แคร์ กูจะหาคนสปาร์คใหม่” พี่ผู้ชายที่ชื่อขวดมีแววตาหมายมาด เขาเหลือบมามองหนูที่ยืนตัวสั่นไม่หาย เพราะนอกจากเขาจะมองมาที่หนูด้วยสายตาจาบจ้วงไม่พักแล้ว พวกลูกน้องของเขาที่ยืนอยู่อีกชานชาลาหนึ่งก็ยืนกะลิ้มกะเหลี่ยมองหนูที่ยืนตัวสั่นอย่างสนใจ “พอดีว่าสนใจคนนี้ จะเอาคนนี้อ่ะ”หยาบคายที่สุดเลย“ถามความสมัครใจเด็กก่อนไหม” เพื่อนของเขาคลึงขมับตอนที่พูดอย่างมีเหตุผล หนูเลยคิดว่าพี่ที่ชื่อเจดูน่าจะคุยง่ายกว่าคนอื่นๆ นิดหน่อย“นะ... หนูมีเงินค่ะ” หนูโพล่งขึ้นมาเพราะคิดเอาเองว่าที่เขาเข้ามาคุกคามแบบ
“ห้าชั่วโมง”“สามร้อยบาทค่ะ ขอพร้อมบัตรประชาชนนะคะ” ผมล้วงแบงค์ร้อยสามใบวางลงบนเคาน์เตอร์อย่างลวกๆ ถูมือไปมาอย่างหมายมาดตอนที่ล้วงบัตรประชาชนในกระเป๋ากางเกงส่งให้พนักงานหญิงแก่ที่ยืนหน้าตึงอยู่ตรงเคาน์เตอร์เก่าๆป้าพนักงานผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ คนนั้นให้ผมเขียนชื่อตัวเองลงไปในใบเอกสารอะไรสักอย่าง ในขณะที่จะเหลือบมองไปทางน้องมนต์คนสวยที่ยืนสะอื้นซิกๆ ทำตาปริบๆ อยู่ข้างหลังผมสัมผัสได้ว่าน้องส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางป้าด้วย ผมเลยหันกลับไปมอง แล้วน้องก็สะดุ้งโหยง เพราะสายตาผมเตือนครั้งที่หนึ่ง ประมาณว่าอย่าขอความช่วยเหลือ ไม่งั้นจะไม่จบที่น้ำเดียว!“ไม่ทราบว่า...” ป้าอ้าปากพูดขึ้นมา ผมรีบเปลี่ยนสายตาหันไปมองด้วยสีหน้าใสซื่อ “น้องผู้หญิงอายุถึงสิบแปดหรือยังคะ เห็นใส่ชุดนักเรียน ถ้าไม่ถึงไม่สามารถเปิดห้องให้ได้นะคะ”ชิบหายผมก็ลืมว่าน้องอายุเท่าไหร่เลยไง“ถึงครับ” พูดไปแบบขายผ้าเอาหน้ารอด แต่น้องบอกว่าสิบแปด ก็ถึงจริงๆ “พอดีแฟนผมชอบแต่งชุดนักเรียนย้อนวันวาน จริงๆ ถึงแล้วครับ”“อ๋อค่ะ” พนักงานมองหน้าน้องมนต์ที่ทำหน้าตื่นกับคำแก้ตัวของผม “พอดีช่วงนี้มีพวกโรคจิตลักพาตัวเด็กนักเรียน ม.ปลาย มาข
“แต่งงานกับพี่ดีไหม” อีกฝ่ายเบิกตาโตเมื่อกูพูดออกมาโต้งๆ “พอดีพี่ชอบหนูมาก เห็นครั้งแรกก็แบบตกหลุมรักเลยอะ แบบรอได้ ถ้าจะได้สปาร์คจอยด้วย”“...”“ถือว่าวันนี้เราเข้าม่านรูดด้วยกัน เป็นแฟนกันแล้วนะ” ผมทึกทักเอาเอง เพราะผมชอบแล้วผมต้องได้อะ อีกอย่างก็ไม่เคยมีแฟนเป็นจริงเป็นจัง ผมยังซิงแถมไร้เดียงสารู้จักแค่โลกต่อยตี เลยไม่รู้ว่าควรต้องจีบผู้หญิงยังไง “ฝากไปบอกแม่ด้วย”“...!!”ก็ผมสปาร์คกับน้องตั้งแต่แรกพบอะ แล้วผมก็ต้องได้น้องมาเป็นแฟนด้วย[จบพาร์ท : ตะขวด]หนูนั่งกำมือที่สั่นเทาอยู่บนหน้าตัก ระหว่างที่พี่ขวดคนนั้นเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำโรงแรมอาจจะดูไม่ฉลาดเลยที่เขาเข้าไปอาบน้ำแล้วปล่อยหนูอยู่ในห้องคนเดียวแบบนี้ แต่หนูกลับไม่กล้าที่จะลุกเดินออกไปเปิดประตูเพื่อหนีออกไปจากที่นี่ละ... แล้วจะลุกไปได้ยังไงล่ะคะก็พี่ขวดเขาเปิดประตูห้องน้ำเอาไว้นี่“ไม่มาอาบด้วยกันจริงดิ” เสียงทุ้มดังออกมาจากภายในห้องน้ำในนาทีนั้น หนูสะดุ้งโหยง พาให้ขนลุกซู่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “สบู่ที่นี่หอมสลัด แถมมีน้ำอุ่นด้วยนะ”“มะ ไม่ค่ะ” เสียงหนูค่อยมากจนแทบกลืนหายไปในลำคอ“*วยพี่แข็งด้วย มาช่วยหน่อยดิ”“มะ... ไม่ค่
[พาร์ท : ตะขวด]ผมนั่งดูทีวีในม่านรูดจนง่อยกินไปได้ไม่ถึงห้าชั่วโมง น้องมนต์ก็มีสายเรียกเข้า ตอนแรกผมเหลือบตามองว่าเป็นใครเพราะอยู่ดีๆ ก็รู้สึกหวงขึ้นมาซะดื้อๆ ทั้งๆ ที่น้องมนต์ไม่ได้เต็มใจด้วยซ้ำ แต่พอรู้ว่าเป็นพ่อเธอผมก็ยิ้มกริ่มน้องมนต์ที่หน้าซีดเซียวเดินหนีไปคุยกับพ่อที่หน้าประตู น้องคุยเสียงค่อยมาก แต่ได้ยินลางๆ ว่าพ่อมาตามกลับบ้านอะไรทำนองนั้นพอวางสาย เธอก็แทบจะร้องไห้ออกมา ตอนที่ละล่ำละลั่กบอกผมว่า“ถะ... ถ้าไม่กลับบ้านก่อนหกโมงเย็นพ่อจะตีหนูนะคะ”ผมแหงนหน้ามองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังห้อง เข็มนาฬิกาตีขึ้นที่ 5.30 นาที ก่อนที่จะไหวไหล่ พ่อท่าทางจะดุ แต่คงสู้กูไม่ได้หรอกครับ“เค๊” ผมมันเป็นผู้ชายที่ทั้งเฟี้ยวและว่าง่ายสุดๆ “เดี๋ยวพี่ไปส่ง”หน้าน้องมนต์เหมือนจะขาดใจตายตรงนั้น“มะ ไม่ได้นะคะ ถ้าพ่อรู้พ่อต้องตีหนูแน่ๆ”“กลัวไรอ่ะ เดี๋ยวให้พ่อเธอตีพี่แทนก็ได้” พูดไปงั้น ลองตีผมดิผมจะสวนให้ แก่ๆ ก็ไม่เว้นหรอก “บ้วนปากแปป”“... พี่คะ” คนตัวเล็กน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาตอนที่ผมเดินผ่านตัวเธอจะเข้าไปบ้วนปากถ่มน้ำลายทิ้งในห้องน้ำโรงแรม “ขอร้องนะคะ อย่าไปส่งหนูเลยนะ”ผมเลิกคิ้ว อะไรที่ทำให้น้อ
“ถามว่าเข้าใจไหม?” เขาย้ำอีกทีตอนที่เขยิบเอาไหล่ที่เต็มไปด้วยรอยสักมาชนหน้าอกหนู หนูสะดุ้งโหยงเลย แทบจะร้องไห้ออกมาด้วย“ขะ เข้าใจค่ะ” สุดท้ายก็ลงเอยต้องตอบกลับไปแบบนี้ทั้งที่ในใจไม่เต็มใจเลยสักนิดแต่ยังไม่ทันที่พี่ขวดจะพูดอะไรออกมามากกว่านี้พลั่ก!ไม้หวายของพ่อก็พุ่งเข้ากระแทกศีรษะของเขาอย่างแรงจนพี่ขวดที่ไม่ทันตั้งตัวทำรถคว่ำเซเกือบล้มตึงไป หนูที่แทบจะล้มลงไปด้วยเกิดอาการตกใจเลยกรี๊ดออกมา พอๆ กับที่ได้ยินเสียงทุ้มใหญ่พ่อดังก้องอยู่หน้าบ้าน“มึงเป็นใคร ทำไมมากับลูกสาวกู!!”“ไอ้เชี่ย!” พี่ขวดสบถคำหยาบคายออกมาเสียงดังลั่นตอนที่แฮนด์รถกระแทกพื้น เขาขยับรถกลับมาตั้งตรงตามเดิม ในขณะที่หนูที่เผลอดึงชายเสื้อช็อปสีเทาของเขาเอาไว้ต้องรีบชักมือออกอย่างตกใจ เลิ่กลั่กมองไปทางพ่อที่กำลังเดินย่างสามขุมเข้ามาที หันไปมองร่างสูงข้างหน้าที่กุมศีรษะตัวเองที “โยนมาทำเหี้ยไรวะไอ้แก่!!”หนูอ้าปากค้าง พอๆ กับที่พ่อที่เข้ามาประชิดตัวได้กระชากคอเสื้อของเขามาชิดใบหน้าทันที“... มึงเรียกใครว่าไอ้แก่ฮะ?”[พาร์ท : ตะขวด]ผมเหลือบมองผู้ชายวัยกลางคนเบ้าหน้าดุดันที่กระชากคอเสื้อผมไว้จนตัวแทบลอย รอยตีนกาบนหน้าทำเอ
หนูนั่งหลบสายตาพ่อระหว่างที่กินข้าวด้วยกันจะทำยังไงดีล่ะ พี่ขวดเล่นพูดกับพ่อไปแบบนั้นแล้วด้วยพ่อที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกินข้าวโดยไม่พูดไม่จาอะไรกับหนูเลยสักคำเดียว ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองหนูเลยด้วยซ้ำ หนูเม้มปากแน่น ในขณะที่จะยื่นช้อนมาตักผัดผักใส่กุ้งใส่จานข้าวให้พ่ออย่างเกร็งๆพ่อนิ่งไป แต่ก็ยอมตักผัดผักที่หนูตักให้เข้าปากหนูคลี่ยิ้ม ถึงพ่อจะดุ ตีหนูบ่อยๆ แต่พ่อก็รักหนูเสมอ“ไอ้ผู้ชายคนนั้นน่ะ” พ่อโพล่งขึ้นมา หนูสะดุ้งเมื่อได้ยินว่าพ่อพูดถึงพี่ขวด แทบสำลักข้าวที่เคี้ยวอยู่ในปากเลย “มันเป็นแฟนแกจริงเหรอมนต์?”หนูกระแอมไอเพราะข้าวไหลลงคอไปด้วยอารามตกใจ ก่อนที่จะก้มหน้างุด“... ก็” หนูอึกอัก ต้องตอบไปว่ายังไงดีนะ เพราะพี่ขวดคงไม่ยอมเลิกราวีหนูแน่ๆ “ก็น่าจะใช่ค่ะ”“คบกันตั้งแต่ตอนไหน”“วะ... วันนี้ค่ะ”“คุยกันมานานเท่าไหร่แล้ว ถึงตกลงไปคบกับมัน” คราวนี้หนูอึกอักไปพักใหญ่เลย จะตอบกลับยังไงดี“กะ... ก็หลายเดือน... ค่ะ” สุดท้ายหนูก็เลือกที่จะโกหกพ่อออกไป เพราะกลัวพี่ขวดมากจนขึ้นสมอง หนูคงรู้ล่ะมั้งคะว่าพี่ขวดจะตามมายุ่งวุ่นวายอีกเรื่อยๆ เพราะเขารู้ที่อยู่ของหนูแล้วด้วยพ่อรวบช้อนทันที เงยหน
ตรงนั้นมัน...“เฮ้ย” ผมรีบผละออกทันที น้องมนต์ยกมือขึ้นปิดหน้าสะอื้นแบบอับอายสุดกู่ ผมที่ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์แบบนี้ถึงกับชี้นกชี้ฟ้า “นี่อะไรอะ”“อะ... ฮึก”“หนูฉี่ราดอ่อ?”น้องมนต์ร้องไห้ออกมาอย่างหนักทันที เธอคงขายหน้าจนหยุดไม่อยู่ ขาเรียวเล็กและขาวจัดสั่นระริก น้องเอามือปิดหน้าอยู่แบบนั้น ในขณะที่ผมจะผละออก วางขาน้องลงทันทีน้องฉี่ราดว่ะ เหมือนกลัวมากจนเผลอเล็ดออกมามันไม่ใช่เรื่องน่าอายสำหรับผม แต่ออกจะเป็นเรื่องที่ชวนให้รู้สึกแย่ อาจจะดูเหมือนผู้ชายเหี้ยๆ คนนึงที่คิดแต่เรื่องกามๆ แต่ก็คงเป็นงั้นจริงๆ สงสัยผมรุกหนักเกินไป เด็กมันเลยกลัวจนเป็นแบบนี้รู้สึกละอายใจ แต่เพราะนิสัยเลวๆ ที่ติดเป็นนิสัย ผมทำทีเป็นยิ้มแห้งๆ ออกมา“อะ... ออกไปนะ” น้องไล่ผมด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่ากำลังหวาดกลัวสุดขีด “... ไม่เอาแล้ว”“เอาเป็นว่า” ผมเกาคางตัวเอง ท่ามกลางเสียงห่าฝนมันพาลทำให้นึกอะไรไม่ออก จะแก้ต่างอะไรให้ตัวเองงั้นเหรอ? ในเมื่อผมทำลงไปซะขนาดนี้แล้ว“...”“จะเก็บเป็นความลับระหว่างเราสองคนก็ได้”“...”“ไปก่อนนะคะ” ผมพูดกับน้องมนต์ที่นั่งน้ำตาร่วงเผาะหน้าแดงก่ำอยู่ที่เก้าอี้ ไม่ได้ทำอะไรหลังจากนั
“กินเหล้ามาอะ ค่อนข้างเมา ขอหอมดับเมาหน่อยได้ปะ”“ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวพ่อมาเห็น” หนูห้ามเขา ลุกลนจนปากสั่นไปหมด พออยู่ใกล้กันแบบนี้กลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปหมด หัวใจหนูเต้นแรงมากๆ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจฟังเลยพี่ขวดใช้ลิ้นปลดกระดุมหนูอีกเม็ดจนมันเผยไหปลาร้าของหนู หนูหน้าแดงก่ำ แต่อยู่ในท่าทางที่ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เลย พอขยับตัวพี่ขวดก็จะบีบเอวหนูจนรู้สึกเจ็บคนตัวใหญ่กว่าเงยหน้าขึ้นมามอง ใบหน้าเราอยู่ห่างกันแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น พี่ขวดมองหนูด้วยแววตาหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก เขาใช้มือข้างที่ว่างดันหน้าท้องหนูจนหนูหงายหลังกระแทกลงกับเก้าอี้หน้าโต๊ะหนังสือ“หนูขาวอมชมพูมาก” เขาพูดออกมาด้วยสีหน้าคลั่งไคล้แบบบอกไม่ถูก “ที่เคยคุยมามีแต่ดำๆ ไม่ขาวจัดแบบนี้เลยว่ะ”“พะ พี่ขวด” หนูเรียกชื่อเขาเสียงสั่นเพื่อเตือนสติเผื่อว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาจากอาการเมามายจนน่ากลัว แต่มันไม่เป็นผลเลยสักนิดพี่ขวดนั่งคุกเข่าตรงระหว่างขาของหนูด้วยท่าทางที่อันตรายมากๆ ดวงตาของเขาฉ่ำปรือ และใบหน้าของเขาก็ประจันหน้าอยู่ตรง ‘นั้น’ พอดี หน้าหนูร้อนจนชาเมื่อเขาเอานิ้วโป้งมาปาดลิ้นสากแล้วเริ่มปลดกระดุมหนูที่เหลือออกด้วยมือแทน
หนูนั่งหลบสายตาพ่อระหว่างที่กินข้าวด้วยกันจะทำยังไงดีล่ะ พี่ขวดเล่นพูดกับพ่อไปแบบนั้นแล้วด้วยพ่อที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกินข้าวโดยไม่พูดไม่จาอะไรกับหนูเลยสักคำเดียว ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองหนูเลยด้วยซ้ำ หนูเม้มปากแน่น ในขณะที่จะยื่นช้อนมาตักผัดผักใส่กุ้งใส่จานข้าวให้พ่ออย่างเกร็งๆพ่อนิ่งไป แต่ก็ยอมตักผัดผักที่หนูตักให้เข้าปากหนูคลี่ยิ้ม ถึงพ่อจะดุ ตีหนูบ่อยๆ แต่พ่อก็รักหนูเสมอ“ไอ้ผู้ชายคนนั้นน่ะ” พ่อโพล่งขึ้นมา หนูสะดุ้งเมื่อได้ยินว่าพ่อพูดถึงพี่ขวด แทบสำลักข้าวที่เคี้ยวอยู่ในปากเลย “มันเป็นแฟนแกจริงเหรอมนต์?”หนูกระแอมไอเพราะข้าวไหลลงคอไปด้วยอารามตกใจ ก่อนที่จะก้มหน้างุด“... ก็” หนูอึกอัก ต้องตอบไปว่ายังไงดีนะ เพราะพี่ขวดคงไม่ยอมเลิกราวีหนูแน่ๆ “ก็น่าจะใช่ค่ะ”“คบกันตั้งแต่ตอนไหน”“วะ... วันนี้ค่ะ”“คุยกันมานานเท่าไหร่แล้ว ถึงตกลงไปคบกับมัน” คราวนี้หนูอึกอักไปพักใหญ่เลย จะตอบกลับยังไงดี“กะ... ก็หลายเดือน... ค่ะ” สุดท้ายหนูก็เลือกที่จะโกหกพ่อออกไป เพราะกลัวพี่ขวดมากจนขึ้นสมอง หนูคงรู้ล่ะมั้งคะว่าพี่ขวดจะตามมายุ่งวุ่นวายอีกเรื่อยๆ เพราะเขารู้ที่อยู่ของหนูแล้วด้วยพ่อรวบช้อนทันที เงยหน
“ถามว่าเข้าใจไหม?” เขาย้ำอีกทีตอนที่เขยิบเอาไหล่ที่เต็มไปด้วยรอยสักมาชนหน้าอกหนู หนูสะดุ้งโหยงเลย แทบจะร้องไห้ออกมาด้วย“ขะ เข้าใจค่ะ” สุดท้ายก็ลงเอยต้องตอบกลับไปแบบนี้ทั้งที่ในใจไม่เต็มใจเลยสักนิดแต่ยังไม่ทันที่พี่ขวดจะพูดอะไรออกมามากกว่านี้พลั่ก!ไม้หวายของพ่อก็พุ่งเข้ากระแทกศีรษะของเขาอย่างแรงจนพี่ขวดที่ไม่ทันตั้งตัวทำรถคว่ำเซเกือบล้มตึงไป หนูที่แทบจะล้มลงไปด้วยเกิดอาการตกใจเลยกรี๊ดออกมา พอๆ กับที่ได้ยินเสียงทุ้มใหญ่พ่อดังก้องอยู่หน้าบ้าน“มึงเป็นใคร ทำไมมากับลูกสาวกู!!”“ไอ้เชี่ย!” พี่ขวดสบถคำหยาบคายออกมาเสียงดังลั่นตอนที่แฮนด์รถกระแทกพื้น เขาขยับรถกลับมาตั้งตรงตามเดิม ในขณะที่หนูที่เผลอดึงชายเสื้อช็อปสีเทาของเขาเอาไว้ต้องรีบชักมือออกอย่างตกใจ เลิ่กลั่กมองไปทางพ่อที่กำลังเดินย่างสามขุมเข้ามาที หันไปมองร่างสูงข้างหน้าที่กุมศีรษะตัวเองที “โยนมาทำเหี้ยไรวะไอ้แก่!!”หนูอ้าปากค้าง พอๆ กับที่พ่อที่เข้ามาประชิดตัวได้กระชากคอเสื้อของเขามาชิดใบหน้าทันที“... มึงเรียกใครว่าไอ้แก่ฮะ?”[พาร์ท : ตะขวด]ผมเหลือบมองผู้ชายวัยกลางคนเบ้าหน้าดุดันที่กระชากคอเสื้อผมไว้จนตัวแทบลอย รอยตีนกาบนหน้าทำเอ
[พาร์ท : ตะขวด]ผมนั่งดูทีวีในม่านรูดจนง่อยกินไปได้ไม่ถึงห้าชั่วโมง น้องมนต์ก็มีสายเรียกเข้า ตอนแรกผมเหลือบตามองว่าเป็นใครเพราะอยู่ดีๆ ก็รู้สึกหวงขึ้นมาซะดื้อๆ ทั้งๆ ที่น้องมนต์ไม่ได้เต็มใจด้วยซ้ำ แต่พอรู้ว่าเป็นพ่อเธอผมก็ยิ้มกริ่มน้องมนต์ที่หน้าซีดเซียวเดินหนีไปคุยกับพ่อที่หน้าประตู น้องคุยเสียงค่อยมาก แต่ได้ยินลางๆ ว่าพ่อมาตามกลับบ้านอะไรทำนองนั้นพอวางสาย เธอก็แทบจะร้องไห้ออกมา ตอนที่ละล่ำละลั่กบอกผมว่า“ถะ... ถ้าไม่กลับบ้านก่อนหกโมงเย็นพ่อจะตีหนูนะคะ”ผมแหงนหน้ามองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังห้อง เข็มนาฬิกาตีขึ้นที่ 5.30 นาที ก่อนที่จะไหวไหล่ พ่อท่าทางจะดุ แต่คงสู้กูไม่ได้หรอกครับ“เค๊” ผมมันเป็นผู้ชายที่ทั้งเฟี้ยวและว่าง่ายสุดๆ “เดี๋ยวพี่ไปส่ง”หน้าน้องมนต์เหมือนจะขาดใจตายตรงนั้น“มะ ไม่ได้นะคะ ถ้าพ่อรู้พ่อต้องตีหนูแน่ๆ”“กลัวไรอ่ะ เดี๋ยวให้พ่อเธอตีพี่แทนก็ได้” พูดไปงั้น ลองตีผมดิผมจะสวนให้ แก่ๆ ก็ไม่เว้นหรอก “บ้วนปากแปป”“... พี่คะ” คนตัวเล็กน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาตอนที่ผมเดินผ่านตัวเธอจะเข้าไปบ้วนปากถ่มน้ำลายทิ้งในห้องน้ำโรงแรม “ขอร้องนะคะ อย่าไปส่งหนูเลยนะ”ผมเลิกคิ้ว อะไรที่ทำให้น้อ
“แต่งงานกับพี่ดีไหม” อีกฝ่ายเบิกตาโตเมื่อกูพูดออกมาโต้งๆ “พอดีพี่ชอบหนูมาก เห็นครั้งแรกก็แบบตกหลุมรักเลยอะ แบบรอได้ ถ้าจะได้สปาร์คจอยด้วย”“...”“ถือว่าวันนี้เราเข้าม่านรูดด้วยกัน เป็นแฟนกันแล้วนะ” ผมทึกทักเอาเอง เพราะผมชอบแล้วผมต้องได้อะ อีกอย่างก็ไม่เคยมีแฟนเป็นจริงเป็นจัง ผมยังซิงแถมไร้เดียงสารู้จักแค่โลกต่อยตี เลยไม่รู้ว่าควรต้องจีบผู้หญิงยังไง “ฝากไปบอกแม่ด้วย”“...!!”ก็ผมสปาร์คกับน้องตั้งแต่แรกพบอะ แล้วผมก็ต้องได้น้องมาเป็นแฟนด้วย[จบพาร์ท : ตะขวด]หนูนั่งกำมือที่สั่นเทาอยู่บนหน้าตัก ระหว่างที่พี่ขวดคนนั้นเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำโรงแรมอาจจะดูไม่ฉลาดเลยที่เขาเข้าไปอาบน้ำแล้วปล่อยหนูอยู่ในห้องคนเดียวแบบนี้ แต่หนูกลับไม่กล้าที่จะลุกเดินออกไปเปิดประตูเพื่อหนีออกไปจากที่นี่ละ... แล้วจะลุกไปได้ยังไงล่ะคะก็พี่ขวดเขาเปิดประตูห้องน้ำเอาไว้นี่“ไม่มาอาบด้วยกันจริงดิ” เสียงทุ้มดังออกมาจากภายในห้องน้ำในนาทีนั้น หนูสะดุ้งโหยง พาให้ขนลุกซู่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “สบู่ที่นี่หอมสลัด แถมมีน้ำอุ่นด้วยนะ”“มะ ไม่ค่ะ” เสียงหนูค่อยมากจนแทบกลืนหายไปในลำคอ“*วยพี่แข็งด้วย มาช่วยหน่อยดิ”“มะ... ไม่ค่
“ห้าชั่วโมง”“สามร้อยบาทค่ะ ขอพร้อมบัตรประชาชนนะคะ” ผมล้วงแบงค์ร้อยสามใบวางลงบนเคาน์เตอร์อย่างลวกๆ ถูมือไปมาอย่างหมายมาดตอนที่ล้วงบัตรประชาชนในกระเป๋ากางเกงส่งให้พนักงานหญิงแก่ที่ยืนหน้าตึงอยู่ตรงเคาน์เตอร์เก่าๆป้าพนักงานผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ คนนั้นให้ผมเขียนชื่อตัวเองลงไปในใบเอกสารอะไรสักอย่าง ในขณะที่จะเหลือบมองไปทางน้องมนต์คนสวยที่ยืนสะอื้นซิกๆ ทำตาปริบๆ อยู่ข้างหลังผมสัมผัสได้ว่าน้องส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางป้าด้วย ผมเลยหันกลับไปมอง แล้วน้องก็สะดุ้งโหยง เพราะสายตาผมเตือนครั้งที่หนึ่ง ประมาณว่าอย่าขอความช่วยเหลือ ไม่งั้นจะไม่จบที่น้ำเดียว!“ไม่ทราบว่า...” ป้าอ้าปากพูดขึ้นมา ผมรีบเปลี่ยนสายตาหันไปมองด้วยสีหน้าใสซื่อ “น้องผู้หญิงอายุถึงสิบแปดหรือยังคะ เห็นใส่ชุดนักเรียน ถ้าไม่ถึงไม่สามารถเปิดห้องให้ได้นะคะ”ชิบหายผมก็ลืมว่าน้องอายุเท่าไหร่เลยไง“ถึงครับ” พูดไปแบบขายผ้าเอาหน้ารอด แต่น้องบอกว่าสิบแปด ก็ถึงจริงๆ “พอดีแฟนผมชอบแต่งชุดนักเรียนย้อนวันวาน จริงๆ ถึงแล้วครับ”“อ๋อค่ะ” พนักงานมองหน้าน้องมนต์ที่ทำหน้าตื่นกับคำแก้ตัวของผม “พอดีช่วงนี้มีพวกโรคจิตลักพาตัวเด็กนักเรียน ม.ปลาย มาข
“ขอสปาเดเห้ด้วยได้ปะ?”หนูเบิกตากว้าง อ้าปากค้างเพราะพูดไม่ออก จนเพื่อนพี่เขาคนหนึ่งที่ตัวสูงๆ หน้าดุๆ ไม่แพ้กันต้องเดินมาตบศีรษะเขาอย่างแรงพลั่ก!“เฮ้ย!!” พี่ผู้ชายหน้าดุที่พยายามคุกคามหนูอยู่ตรงหน้าสบถออกมาเสียงดังลั่นจนหนูสะดุ้งสุดตัว ทันทีที่คืนสติเขารีบหันไปเอาเรื่องเพื่อนทันที “ไอ้เจ มึงตบหัวกูทำไมเนี่ย!”“ตลกดีนะไอ้ขวด จะจีบนักเรียนแต่ไปขอเขาเ*ด” หนูตัวสั่นอีกครั้งเมื่อเขาหันมามอง ก่อนที่จะตบหัวพี่ที่ชื่อขวดคนนั้นไปอีกที “คุกคามงี้น้องเขาแจ้งตำรวจได้นะไอ้สัส”“เมียเก่าไม่พร้อมให้สปาร์ค แต่กูไม่แคร์ กูจะหาคนสปาร์คใหม่” พี่ผู้ชายที่ชื่อขวดมีแววตาหมายมาด เขาเหลือบมามองหนูที่ยืนตัวสั่นไม่หาย เพราะนอกจากเขาจะมองมาที่หนูด้วยสายตาจาบจ้วงไม่พักแล้ว พวกลูกน้องของเขาที่ยืนอยู่อีกชานชาลาหนึ่งก็ยืนกะลิ้มกะเหลี่ยมองหนูที่ยืนตัวสั่นอย่างสนใจ “พอดีว่าสนใจคนนี้ จะเอาคนนี้อ่ะ”หยาบคายที่สุดเลย“ถามความสมัครใจเด็กก่อนไหม” เพื่อนของเขาคลึงขมับตอนที่พูดอย่างมีเหตุผล หนูเลยคิดว่าพี่ที่ชื่อเจดูน่าจะคุยง่ายกว่าคนอื่นๆ นิดหน่อย“นะ... หนูมีเงินค่ะ” หนูโพล่งขึ้นมาเพราะคิดเอาเองว่าที่เขาเข้ามาคุกคามแบบ
เมื่อตั้งใจไว้แล้วต้องทำจริง ผมเดินกร่างเข้าไปใกล้คู่รักนักเรียน พวกน้องๆ จะเดินตามกันมา แต่ผมยกมือปรามไว้ เป็นสัญญาณว่า ไม่ต้องผมล้วงกระเป๋าเกงตอนที่ไปยืนด้านหลังเด็กผู้หญิง เธอมัดผมม้าผูกโบว์สีขาว ผมสีดำขลับยาวระเอวคอดกิ่ว ลุคดูเรียบร้อย มากับไอ้เด็กผู้ชายอีกคนที่มันไม่เจ๋งเท่าผม ไม่เท่ ไม่เฟี้ยวเท่า เอาเป็นว่าคนที่เหมาะกับเธอ คือผมดันตกหลุมรักเข้าอย่างจัง กับคนที่อายุน้อยกว่าไม่มากเท่าไหร่ (ผมอายุ 20)ผมจงใจยืนชิดกับเธออย่างตั้งใจ ไอ้เด็กผู้ชายข้างๆ จึงเริ่มส่งสายตาเหมือนจะส่งสัญญาณเตือนน้องผู้หญิงกลายๆ ในขณะที่เจ้าของผมดำขลับยาวถึงเอว น้องหน้ามนเหล่มองมาทางผมที่ยืนเก๊กอยู่ด้านหลัง ก่อนที่เธอจะหันกลับไป ตัวเริ่มสั่นนิดๆ“เราว่าลงป้ายหน้าไหมมนต์ เราไปส่งเอง” ไอ้เด็กนั่นที่ดูเหมือนจะเป็นแฟนเธอจงใจโพล่งออกมาราวกับตั้งใจพูดให้ได้ยิน ผมคิ้วกระตุกนิดๆ จับมีดยาวที่อยู่ใต้กางเกงไว้แน่น แต่อย่างน้อยก็รู้สึกดีที่ได้รู้ชื่อหญิงที่หมายตาชื่อมนต์เหรอ ชื่อน่าค้นหาดีนะ อารมณ์เหมือนสวยจนต้องมนต์อะไรแบบนั้น“อะ อื้ม” เสียงหวานครางรับเบาๆ ผมกระตุกยิ้ม เสียงโคตรน่ารักเลยครับ“ชื่อไรน้อง” เมื่อเห็น