เมื่อตั้งใจไว้แล้วต้องทำจริง ผมเดินกร่างเข้าไปใกล้คู่รักนักเรียน พวกน้องๆ จะเดินตามกันมา แต่ผมยกมือปรามไว้ เป็นสัญญาณว่า ไม่ต้อง
ผมล้วงกระเป๋าเกงตอนที่ไปยืนด้านหลังเด็กผู้หญิง เธอมัดผมม้าผูกโบว์สีขาว ผมสีดำขลับยาวระเอวคอดกิ่ว ลุคดูเรียบร้อย มากับไอ้เด็กผู้ชายอีกคนที่มันไม่เจ๋งเท่าผม ไม่เท่ ไม่เฟี้ยวเท่า เอาเป็นว่าคนที่เหมาะกับเธอ คือผม
ดันตกหลุมรักเข้าอย่างจัง กับคนที่อายุน้อยกว่าไม่มากเท่าไหร่ (ผมอายุ 20)
ผมจงใจยืนชิดกับเธออย่างตั้งใจ ไอ้เด็กผู้ชายข้างๆ จึงเริ่มส่งสายตาเหมือนจะส่งสัญญาณเตือนน้องผู้หญิงกลายๆ ในขณะที่เจ้าของผมดำขลับยาวถึงเอว น้องหน้ามนเหล่มองมาทางผมที่ยืนเก๊กอยู่ด้านหลัง ก่อนที่เธอจะหันกลับไป ตัวเริ่มสั่นนิดๆ
“เราว่าลงป้ายหน้าไหมมนต์ เราไปส่งเอง” ไอ้เด็กนั่นที่ดูเหมือนจะเป็นแฟนเธอจงใจโพล่งออกมาราวกับตั้งใจพูดให้ได้ยิน ผมคิ้วกระตุกนิดๆ จับมีดยาวที่อยู่ใต้กางเกงไว้แน่น แต่อย่างน้อยก็รู้สึกดีที่ได้รู้ชื่อหญิงที่หมายตา
ชื่อมนต์เหรอ ชื่อน่าค้นหาดีนะ อารมณ์เหมือนสวยจนต้องมนต์อะไรแบบนั้น
“อะ อื้ม” เสียงหวานครางรับเบาๆ ผมกระตุกยิ้ม เสียงโคตรน่ารักเลยครับ
“ชื่อไรน้อง” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจะลงป้ายหน้ากันเลยโพล่งขึ้นมาเพื่อกันซีน น้องผู้หญิงที่ชื่อมนต์สะดุ้งเฮือก ไอ้เด็กผู้ชายชักสีหน้าใส่เหมือนผมกำลังมาคุกคาม แต่พอดีว่าผมไม่ได้แคร์
“... คะ?” คนตัวเล็กกว่าเป็นคืบหันมาครางถามอย่างงุนงง ผมฉีกยิ้ม ท้าวแขนเข้ากับขอบกระจก ไม่สนใจป้าร่างท้วมที่นั่งตัวเกร็งอยู่ที่เก้าอี้เหลืองข้างๆ
“ชื่อไรครับน้อง” ผมถามย้ำอีกที ปกติไม่ชอบพูดซ้ำสองนะ แต่สำหรับน้องมนต์จะยกให้เป็นกรณีพิเศษ พร้อมออกตัวแรง
“...”
“เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง”
“พี่เป็นใครครับ เราไม่รู้จักกันนะครับ” ไอ้เด็กที่ยืนข้างๆ กับเธอโพล่งขึ้นมาแทรกทุกสรรพสิ่งที่กำลังเป็นใจ ผมตวัดหางตาไปมอง คว้าไหล่น้องมนต์ที่สะดุ้งเฮือกเข้ามาชิดตัวก่อนที่จะเอารองเท้าส้นเหล็กไปทาบกับประตู BTS ข้างๆ ตัวมัน
พวกน้องๆ เลือดร้อนของผมตื่นตัวทันทีที่ผมแสดงท่าทางประกาศสงคราม ลุกฮือพร้อมรุมเด็ก แต่ผมส่ายหน้าว่าไม่ต้องหรอก ผมจัดการได้ ลำพังไอ้นี่มันก็แค่เด็กม.หกธรรมดา ทำไปก็เท่านั้น ไม่สู้มือสู้ตีนหรอก
“แล้วมึงเป็นใครไอ้น้อง อย่ามาแส่เรื่องของกู กูชอบ กูจะเอา” ผมกดเสียงต่ำ ก่อนที่จะกระดิกรองตีนส้นเหล็กอย่างไร้มารยาท คงไม่ต้องถามว่าใส่มันมาเพื่ออะไร
“...”
“ป้ายหน้ามึงลงไป ทิ้งแฟนมึงให้กูจัดการเอง เข้าใจใช่ปะ?”
“มะ... มนต์เป็นเพื่อนผม ถ้าผมลงมนต์ก็ต้องลงไปด้วย” แต่มันไม่ยอมแพ้ทั้งที่กลัวจนขาสั่น พยายามปกป้องผู้หญิงอย่างสุดชีวิต ผมหันกลับไปสบตาน้องหน้ามนที่ยืนอยู่ข้างตัว เธอตัวสั่นไม่กล้าสบตา ดูเหมือนจะแสดงท่าทางกร่างเอาแต่ใจมากเกินไป
ผมลดมือที่กุมไหล่น้องลง
เชี่ยไรเนี่ย เป็นแค่เพื่อนทำหวงยังกะเป็นผัว แม่งไม่เฟี้ยวเลยว่ะ
“เฮ้ย ถ้าเป็นแค่เพื่อนก็อย่าเสือกดิครับน้อง” ได้ทีผมเลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้มัน พอรู้ว่าน้องมนต์ไม่มีแฟนรังสีอำมหิตก็บังเกิด แม้ว่ามันจะทำใจกล้าขัดใจผมได้ต่อหน้าผู้หญิง ไม่รู้ว่าอยากทำคะแนนหรืออะไรนะ แต่บอกไว้ก่อน
ว่าผมก็ชอบเสนอหน้าให้ตัวเองเป็นจุดเด่นอยู่แล้ว
เมื่อทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ผมจึงคว้าข้อมือของคนตัวเล็กข้างๆ อย่างอุกอาจ สูดกลิ่นหอมจากเส้นผมผ่านร่างเล็กที่ตัวสั่นเทา แม่งหอมเข้ารูจมูกเหมือนกลิ่นไฮยีนและแป้งเด็กธรรมชาติ พร้อมกับเอียงคอไปทางเด็กๆ ที่ยืนจ้องเขม็งไปที่มันอยู่ด้านหลัง
ว่ากันว่า ใครที่เป็นโจทย์กู น้องกูมันกระหายเลือดอยากเล่นด้วยทุกคนนั่นแหละ
“ไม่งั้นชีวิตวัยรุ่นอาจจบไม่สวยใน BTS ก็ได้นะมึง”
ผมและเพื่อนๆ หัวเราะอย่างบ้าคลั่งทันทีเมื่อจบประโยคนั้น
[จบพาร์ท : ตะขวด]
หนูรู้สึกกลัว เป็นครั้งแรกในชีวิตที่กลัวขนาดนี้
ผู้ชายที่ยืนจับข้อมือของหนูอยู่ข้างๆ กัน ไม่รู้ว่าชื่ออะไรนะคะ แต่ดูน่ากลัวมากๆ เลย ดูจากเสื้อช็อปสีเทา รู้สึกว่าจะเป็นเด็กวิทยาลัยอาชีวะที่ชอบลงข่าวหน้าหนึ่งอยู่บ่อยๆ หนูพอจะรู้เรื่องข่าวพวกนี้อยู่บ้างเพราะคุณพ่อชอบดูข่าวตอนเช้าทุกวันก่อนไปโรงเรียน
วันนี้หนูกลับกับเพื่อนผู้ชายที่สนิทที่สุดเพราะเก็ตเป็นเพื่อนที่เรียนพิเศษด้วยกัน เขาชื่อว่าเก็ต และมักจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อมีใครเข้ามาคุกคามหนู เพราะเก็ตรู้ว่าหนูมักจะโดนจีบอยู่บ่อยๆ คงเป็นเพราะหน้าตาที่ละม้ายคล้ายคุณแม่ก็ได้
พี่คนนี้คืออีกคนหนึ่ง แต่เป็นคนแรกก็ว่าได้ที่มีรังสีอาฆาตจนเก็ตไม่สามารถช่วยหนูได้ เพราะเขาพาพวกมาด้วยสิบกว่าคน และพร้อมจะรุมจัดการเก็ตได้ตลอดเวลา
หนูตัวสั่นระริกตอนที่พูดไม่มีเสียงอย่างใจกล้าให้เก็ตลงไปที่สถานีหน้าก่อน หนูไม่อยากให้เก็ตต้องลำบากเพื่อหนูไปมากกว่านี้
เก็ตเองก็จำต้องลงสถานีต่อไปอย่างจำยอม แม้ว่าตอนแรกจะค้านหัวชนฝา ส่ายหน้าอยู่ท่าเดียว แต่หนูก็ทำหน้าดุใส่เก็ตให้เชื่อหนู ที่ไม่ว่ายังไงเก็ตก็เป็นแค่เด็กมอปลายธรรมดา เขากลัวกลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้ เขาจึงยอมลงไปจนได้
ทิ้งหนูเอาไว้กับผุ้ชายน่ากลัวเพียงลำพัง
“เอาล่ะครับน้องคนสวย มาคุยกันหน่อย” พี่ที่โอบไหล่หนูไว้สลับมายืนพิงประตูตอนที่เก็ตลงไปได้แล้วประตู BTS ก็ปิดลงได้สักพัก เขาล้วงกระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะคว้ามือเล็กๆ ของหนูขึ้นมากุมหลวมๆ อย่างจาบจ้วง ตะ... ตัวสูงมากเลย “ชื่อมนต์เหรอ”
“ชะ... ใช่ค่ะ” หนูตอบเสียงสั่น ยืนขาสั่นพับๆ เพราะถึงจะพยายามยืนใจดีสู้เสือโดยที่ไม่มีใครในชานชาลานี้คิดจะช่วยเลยก็ตาม แต่หนูก็กลัวจนเก็บอาการไม่ไหวเลย จนพี่เขาเหลือบมอง ก่อนที่จะฉีกยิ้ม
“โคตรน่ารักเลยอ่ะน้อง” หนูสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาเอ่ยชมอย่างตรงไปตรงมา แต่กลับดูคุกคามจนน่ากลัว ก่อนที่จะก้มหน้างุด
“ขะ... ขอบคุณค่ะ” เดาอารมณ์ของเขาไม่ถูกเลย
“ขอสปาเดเห้ด้วยได้ปะ?”
หนูเบิกตากว้าง อ้าปากค้างเพราะพูดไม่ออก จนเพื่อนพี่เขาคนหนึ่งที่ตัวสูงๆ หน้าดุๆ ไม่แพ้กันต้องเดินมาตบศีรษะเขาอย่างแรง
พลั่ก!
“ขอสปาเดเห้ด้วยได้ปะ?”หนูเบิกตากว้าง อ้าปากค้างเพราะพูดไม่ออก จนเพื่อนพี่เขาคนหนึ่งที่ตัวสูงๆ หน้าดุๆ ไม่แพ้กันต้องเดินมาตบศีรษะเขาอย่างแรงพลั่ก!“เฮ้ย!!” พี่ผู้ชายหน้าดุที่พยายามคุกคามหนูอยู่ตรงหน้าสบถออกมาเสียงดังลั่นจนหนูสะดุ้งสุดตัว ทันทีที่คืนสติเขารีบหันไปเอาเรื่องเพื่อนทันที “ไอ้เจ มึงตบหัวกูทำไมเนี่ย!”“ตลกดีนะไอ้ขวด จะจีบนักเรียนแต่ไปขอเขาเ*ด” หนูตัวสั่นอีกครั้งเมื่อเขาหันมามอง ก่อนที่จะตบหัวพี่ที่ชื่อขวดคนนั้นไปอีกที “คุกคามงี้น้องเขาแจ้งตำรวจได้นะไอ้สัส”“เมียเก่าไม่พร้อมให้สปาร์ค แต่กูไม่แคร์ กูจะหาคนสปาร์คใหม่” พี่ผู้ชายที่ชื่อขวดมีแววตาหมายมาด เขาเหลือบมามองหนูที่ยืนตัวสั่นไม่หาย เพราะนอกจากเขาจะมองมาที่หนูด้วยสายตาจาบจ้วงไม่พักแล้ว พวกลูกน้องของเขาที่ยืนอยู่อีกชานชาลาหนึ่งก็ยืนกะลิ้มกะเหลี่ยมองหนูที่ยืนตัวสั่นอย่างสนใจ “พอดีว่าสนใจคนนี้ จะเอาคนนี้อ่ะ”หยาบคายที่สุดเลย“ถามความสมัครใจเด็กก่อนไหม” เพื่อนของเขาคลึงขมับตอนที่พูดอย่างมีเหตุผล หนูเลยคิดว่าพี่ที่ชื่อเจดูน่าจะคุยง่ายกว่าคนอื่นๆ นิดหน่อย“นะ... หนูมีเงินค่ะ” หนูโพล่งขึ้นมาเพราะคิดเอาเองว่าที่เขาเข้ามาคุกคามแบบ
“ห้าชั่วโมง”“สามร้อยบาทค่ะ ขอพร้อมบัตรประชาชนนะคะ” ผมล้วงแบงค์ร้อยสามใบวางลงบนเคาน์เตอร์อย่างลวกๆ ถูมือไปมาอย่างหมายมาดตอนที่ล้วงบัตรประชาชนในกระเป๋ากางเกงส่งให้พนักงานหญิงแก่ที่ยืนหน้าตึงอยู่ตรงเคาน์เตอร์เก่าๆป้าพนักงานผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ คนนั้นให้ผมเขียนชื่อตัวเองลงไปในใบเอกสารอะไรสักอย่าง ในขณะที่จะเหลือบมองไปทางน้องมนต์คนสวยที่ยืนสะอื้นซิกๆ ทำตาปริบๆ อยู่ข้างหลังผมสัมผัสได้ว่าน้องส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางป้าด้วย ผมเลยหันกลับไปมอง แล้วน้องก็สะดุ้งโหยง เพราะสายตาผมเตือนครั้งที่หนึ่ง ประมาณว่าอย่าขอความช่วยเหลือ ไม่งั้นจะไม่จบที่น้ำเดียว!“ไม่ทราบว่า...” ป้าอ้าปากพูดขึ้นมา ผมรีบเปลี่ยนสายตาหันไปมองด้วยสีหน้าใสซื่อ “น้องผู้หญิงอายุถึงสิบแปดหรือยังคะ เห็นใส่ชุดนักเรียน ถ้าไม่ถึงไม่สามารถเปิดห้องให้ได้นะคะ”ชิบหายผมก็ลืมว่าน้องอายุเท่าไหร่เลยไง“ถึงครับ” พูดไปแบบขายผ้าเอาหน้ารอด แต่น้องบอกว่าสิบแปด ก็ถึงจริงๆ “พอดีแฟนผมชอบแต่งชุดนักเรียนย้อนวันวาน จริงๆ ถึงแล้วครับ”“อ๋อค่ะ” พนักงานมองหน้าน้องมนต์ที่ทำหน้าตื่นกับคำแก้ตัวของผม “พอดีช่วงนี้มีพวกโรคจิตลักพาตัวเด็กนักเรียน ม.ปลาย มาข
“แต่งงานกับพี่ดีไหม” อีกฝ่ายเบิกตาโตเมื่อกูพูดออกมาโต้งๆ “พอดีพี่ชอบหนูมาก เห็นครั้งแรกก็แบบตกหลุมรักเลยอะ แบบรอได้ ถ้าจะได้สปาร์คจอยด้วย”“...”“ถือว่าวันนี้เราเข้าม่านรูดด้วยกัน เป็นแฟนกันแล้วนะ” ผมทึกทักเอาเอง เพราะผมชอบแล้วผมต้องได้อะ อีกอย่างก็ไม่เคยมีแฟนเป็นจริงเป็นจัง ผมยังซิงแถมไร้เดียงสารู้จักแค่โลกต่อยตี เลยไม่รู้ว่าควรต้องจีบผู้หญิงยังไง “ฝากไปบอกแม่ด้วย”“...!!”ก็ผมสปาร์คกับน้องตั้งแต่แรกพบอะ แล้วผมก็ต้องได้น้องมาเป็นแฟนด้วย[จบพาร์ท : ตะขวด]หนูนั่งกำมือที่สั่นเทาอยู่บนหน้าตัก ระหว่างที่พี่ขวดคนนั้นเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำโรงแรมอาจจะดูไม่ฉลาดเลยที่เขาเข้าไปอาบน้ำแล้วปล่อยหนูอยู่ในห้องคนเดียวแบบนี้ แต่หนูกลับไม่กล้าที่จะลุกเดินออกไปเปิดประตูเพื่อหนีออกไปจากที่นี่ละ... แล้วจะลุกไปได้ยังไงล่ะคะก็พี่ขวดเขาเปิดประตูห้องน้ำเอาไว้นี่“ไม่มาอาบด้วยกันจริงดิ” เสียงทุ้มดังออกมาจากภายในห้องน้ำในนาทีนั้น หนูสะดุ้งโหยง พาให้ขนลุกซู่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “สบู่ที่นี่หอมสลัด แถมมีน้ำอุ่นด้วยนะ”“มะ ไม่ค่ะ” เสียงหนูค่อยมากจนแทบกลืนหายไปในลำคอ“*วยพี่แข็งด้วย มาช่วยหน่อยดิ”“มะ... ไม่ค่
[พาร์ท : ตะขวด]ผมนั่งดูทีวีในม่านรูดจนง่อยกินไปได้ไม่ถึงห้าชั่วโมง น้องมนต์ก็มีสายเรียกเข้า ตอนแรกผมเหลือบตามองว่าเป็นใครเพราะอยู่ดีๆ ก็รู้สึกหวงขึ้นมาซะดื้อๆ ทั้งๆ ที่น้องมนต์ไม่ได้เต็มใจด้วยซ้ำ แต่พอรู้ว่าเป็นพ่อเธอผมก็ยิ้มกริ่มน้องมนต์ที่หน้าซีดเซียวเดินหนีไปคุยกับพ่อที่หน้าประตู น้องคุยเสียงค่อยมาก แต่ได้ยินลางๆ ว่าพ่อมาตามกลับบ้านอะไรทำนองนั้นพอวางสาย เธอก็แทบจะร้องไห้ออกมา ตอนที่ละล่ำละลั่กบอกผมว่า“ถะ... ถ้าไม่กลับบ้านก่อนหกโมงเย็นพ่อจะตีหนูนะคะ”ผมแหงนหน้ามองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังห้อง เข็มนาฬิกาตีขึ้นที่ 5.30 นาที ก่อนที่จะไหวไหล่ พ่อท่าทางจะดุ แต่คงสู้กูไม่ได้หรอกครับ“เค๊” ผมมันเป็นผู้ชายที่ทั้งเฟี้ยวและว่าง่ายสุดๆ “เดี๋ยวพี่ไปส่ง”หน้าน้องมนต์เหมือนจะขาดใจตายตรงนั้น“มะ ไม่ได้นะคะ ถ้าพ่อรู้พ่อต้องตีหนูแน่ๆ”“กลัวไรอ่ะ เดี๋ยวให้พ่อเธอตีพี่แทนก็ได้” พูดไปงั้น ลองตีผมดิผมจะสวนให้ แก่ๆ ก็ไม่เว้นหรอก “บ้วนปากแปป”“... พี่คะ” คนตัวเล็กน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาตอนที่ผมเดินผ่านตัวเธอจะเข้าไปบ้วนปากถ่มน้ำลายทิ้งในห้องน้ำโรงแรม “ขอร้องนะคะ อย่าไปส่งหนูเลยนะ”ผมเลิกคิ้ว อะไรที่ทำให้น้อ
“ถามว่าเข้าใจไหม?” เขาย้ำอีกทีตอนที่เขยิบเอาไหล่ที่เต็มไปด้วยรอยสักมาชนหน้าอกหนู หนูสะดุ้งโหยงเลย แทบจะร้องไห้ออกมาด้วย“ขะ เข้าใจค่ะ” สุดท้ายก็ลงเอยต้องตอบกลับไปแบบนี้ทั้งที่ในใจไม่เต็มใจเลยสักนิดแต่ยังไม่ทันที่พี่ขวดจะพูดอะไรออกมามากกว่านี้พลั่ก!ไม้หวายของพ่อก็พุ่งเข้ากระแทกศีรษะของเขาอย่างแรงจนพี่ขวดที่ไม่ทันตั้งตัวทำรถคว่ำเซเกือบล้มตึงไป หนูที่แทบจะล้มลงไปด้วยเกิดอาการตกใจเลยกรี๊ดออกมา พอๆ กับที่ได้ยินเสียงทุ้มใหญ่พ่อดังก้องอยู่หน้าบ้าน“มึงเป็นใคร ทำไมมากับลูกสาวกู!!”“ไอ้เชี่ย!” พี่ขวดสบถคำหยาบคายออกมาเสียงดังลั่นตอนที่แฮนด์รถกระแทกพื้น เขาขยับรถกลับมาตั้งตรงตามเดิม ในขณะที่หนูที่เผลอดึงชายเสื้อช็อปสีเทาของเขาเอาไว้ต้องรีบชักมือออกอย่างตกใจ เลิ่กลั่กมองไปทางพ่อที่กำลังเดินย่างสามขุมเข้ามาที หันไปมองร่างสูงข้างหน้าที่กุมศีรษะตัวเองที “โยนมาทำเหี้ยไรวะไอ้แก่!!”หนูอ้าปากค้าง พอๆ กับที่พ่อที่เข้ามาประชิดตัวได้กระชากคอเสื้อของเขามาชิดใบหน้าทันที“... มึงเรียกใครว่าไอ้แก่ฮะ?”[พาร์ท : ตะขวด]ผมเหลือบมองผู้ชายวัยกลางคนเบ้าหน้าดุดันที่กระชากคอเสื้อผมไว้จนตัวแทบลอย รอยตีนกาบนหน้าทำเอ
หนูนั่งหลบสายตาพ่อระหว่างที่กินข้าวด้วยกันจะทำยังไงดีล่ะ พี่ขวดเล่นพูดกับพ่อไปแบบนั้นแล้วด้วยพ่อที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกินข้าวโดยไม่พูดไม่จาอะไรกับหนูเลยสักคำเดียว ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองหนูเลยด้วยซ้ำ หนูเม้มปากแน่น ในขณะที่จะยื่นช้อนมาตักผัดผักใส่กุ้งใส่จานข้าวให้พ่ออย่างเกร็งๆพ่อนิ่งไป แต่ก็ยอมตักผัดผักที่หนูตักให้เข้าปากหนูคลี่ยิ้ม ถึงพ่อจะดุ ตีหนูบ่อยๆ แต่พ่อก็รักหนูเสมอ“ไอ้ผู้ชายคนนั้นน่ะ” พ่อโพล่งขึ้นมา หนูสะดุ้งเมื่อได้ยินว่าพ่อพูดถึงพี่ขวด แทบสำลักข้าวที่เคี้ยวอยู่ในปากเลย “มันเป็นแฟนแกจริงเหรอมนต์?”หนูกระแอมไอเพราะข้าวไหลลงคอไปด้วยอารามตกใจ ก่อนที่จะก้มหน้างุด“... ก็” หนูอึกอัก ต้องตอบไปว่ายังไงดีนะ เพราะพี่ขวดคงไม่ยอมเลิกราวีหนูแน่ๆ “ก็น่าจะใช่ค่ะ”“คบกันตั้งแต่ตอนไหน”“วะ... วันนี้ค่ะ”“คุยกันมานานเท่าไหร่แล้ว ถึงตกลงไปคบกับมัน” คราวนี้หนูอึกอักไปพักใหญ่เลย จะตอบกลับยังไงดี“กะ... ก็หลายเดือน... ค่ะ” สุดท้ายหนูก็เลือกที่จะโกหกพ่อออกไป เพราะกลัวพี่ขวดมากจนขึ้นสมอง หนูคงรู้ล่ะมั้งคะว่าพี่ขวดจะตามมายุ่งวุ่นวายอีกเรื่อยๆ เพราะเขารู้ที่อยู่ของหนูแล้วด้วยพ่อรวบช้อนทันที เงยหน
“กินเหล้ามาอะ ค่อนข้างเมา ขอหอมดับเมาหน่อยได้ปะ”“ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวพ่อมาเห็น” หนูห้ามเขา ลุกลนจนปากสั่นไปหมด พออยู่ใกล้กันแบบนี้กลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปหมด หัวใจหนูเต้นแรงมากๆ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจฟังเลยพี่ขวดใช้ลิ้นปลดกระดุมหนูอีกเม็ดจนมันเผยไหปลาร้าของหนู หนูหน้าแดงก่ำ แต่อยู่ในท่าทางที่ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เลย พอขยับตัวพี่ขวดก็จะบีบเอวหนูจนรู้สึกเจ็บคนตัวใหญ่กว่าเงยหน้าขึ้นมามอง ใบหน้าเราอยู่ห่างกันแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น พี่ขวดมองหนูด้วยแววตาหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก เขาใช้มือข้างที่ว่างดันหน้าท้องหนูจนหนูหงายหลังกระแทกลงกับเก้าอี้หน้าโต๊ะหนังสือ“หนูขาวอมชมพูมาก” เขาพูดออกมาด้วยสีหน้าคลั่งไคล้แบบบอกไม่ถูก “ที่เคยคุยมามีแต่ดำๆ ไม่ขาวจัดแบบนี้เลยว่ะ”“พะ พี่ขวด” หนูเรียกชื่อเขาเสียงสั่นเพื่อเตือนสติเผื่อว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาจากอาการเมามายจนน่ากลัว แต่มันไม่เป็นผลเลยสักนิดพี่ขวดนั่งคุกเข่าตรงระหว่างขาของหนูด้วยท่าทางที่อันตรายมากๆ ดวงตาของเขาฉ่ำปรือ และใบหน้าของเขาก็ประจันหน้าอยู่ตรง ‘นั้น’ พอดี หน้าหนูร้อนจนชาเมื่อเขาเอานิ้วโป้งมาปาดลิ้นสากแล้วเริ่มปลดกระดุมหนูที่เหลือออกด้วยมือแทน
ตรงนั้นมัน...“เฮ้ย” ผมรีบผละออกทันที น้องมนต์ยกมือขึ้นปิดหน้าสะอื้นแบบอับอายสุดกู่ ผมที่ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์แบบนี้ถึงกับชี้นกชี้ฟ้า “นี่อะไรอะ”“อะ... ฮึก”“หนูฉี่ราดอ่อ?”น้องมนต์ร้องไห้ออกมาอย่างหนักทันที เธอคงขายหน้าจนหยุดไม่อยู่ ขาเรียวเล็กและขาวจัดสั่นระริก น้องเอามือปิดหน้าอยู่แบบนั้น ในขณะที่ผมจะผละออก วางขาน้องลงทันทีน้องฉี่ราดว่ะ เหมือนกลัวมากจนเผลอเล็ดออกมามันไม่ใช่เรื่องน่าอายสำหรับผม แต่ออกจะเป็นเรื่องที่ชวนให้รู้สึกแย่ อาจจะดูเหมือนผู้ชายเหี้ยๆ คนนึงที่คิดแต่เรื่องกามๆ แต่ก็คงเป็นงั้นจริงๆ สงสัยผมรุกหนักเกินไป เด็กมันเลยกลัวจนเป็นแบบนี้รู้สึกละอายใจ แต่เพราะนิสัยเลวๆ ที่ติดเป็นนิสัย ผมทำทีเป็นยิ้มแห้งๆ ออกมา“อะ... ออกไปนะ” น้องไล่ผมด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่ากำลังหวาดกลัวสุดขีด “... ไม่เอาแล้ว”“เอาเป็นว่า” ผมเกาคางตัวเอง ท่ามกลางเสียงห่าฝนมันพาลทำให้นึกอะไรไม่ออก จะแก้ต่างอะไรให้ตัวเองงั้นเหรอ? ในเมื่อผมทำลงไปซะขนาดนี้แล้ว“...”“จะเก็บเป็นความลับระหว่างเราสองคนก็ได้”“...”“ไปก่อนนะคะ” ผมพูดกับน้องมนต์ที่นั่งน้ำตาร่วงเผาะหน้าแดงก่ำอยู่ที่เก้าอี้ ไม่ได้ทำอะไรหลังจากนั
ตรงนั้นมัน...“เฮ้ย” ผมรีบผละออกทันที น้องมนต์ยกมือขึ้นปิดหน้าสะอื้นแบบอับอายสุดกู่ ผมที่ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์แบบนี้ถึงกับชี้นกชี้ฟ้า “นี่อะไรอะ”“อะ... ฮึก”“หนูฉี่ราดอ่อ?”น้องมนต์ร้องไห้ออกมาอย่างหนักทันที เธอคงขายหน้าจนหยุดไม่อยู่ ขาเรียวเล็กและขาวจัดสั่นระริก น้องเอามือปิดหน้าอยู่แบบนั้น ในขณะที่ผมจะผละออก วางขาน้องลงทันทีน้องฉี่ราดว่ะ เหมือนกลัวมากจนเผลอเล็ดออกมามันไม่ใช่เรื่องน่าอายสำหรับผม แต่ออกจะเป็นเรื่องที่ชวนให้รู้สึกแย่ อาจจะดูเหมือนผู้ชายเหี้ยๆ คนนึงที่คิดแต่เรื่องกามๆ แต่ก็คงเป็นงั้นจริงๆ สงสัยผมรุกหนักเกินไป เด็กมันเลยกลัวจนเป็นแบบนี้รู้สึกละอายใจ แต่เพราะนิสัยเลวๆ ที่ติดเป็นนิสัย ผมทำทีเป็นยิ้มแห้งๆ ออกมา“อะ... ออกไปนะ” น้องไล่ผมด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่ากำลังหวาดกลัวสุดขีด “... ไม่เอาแล้ว”“เอาเป็นว่า” ผมเกาคางตัวเอง ท่ามกลางเสียงห่าฝนมันพาลทำให้นึกอะไรไม่ออก จะแก้ต่างอะไรให้ตัวเองงั้นเหรอ? ในเมื่อผมทำลงไปซะขนาดนี้แล้ว“...”“จะเก็บเป็นความลับระหว่างเราสองคนก็ได้”“...”“ไปก่อนนะคะ” ผมพูดกับน้องมนต์ที่นั่งน้ำตาร่วงเผาะหน้าแดงก่ำอยู่ที่เก้าอี้ ไม่ได้ทำอะไรหลังจากนั
“กินเหล้ามาอะ ค่อนข้างเมา ขอหอมดับเมาหน่อยได้ปะ”“ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวพ่อมาเห็น” หนูห้ามเขา ลุกลนจนปากสั่นไปหมด พออยู่ใกล้กันแบบนี้กลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปหมด หัวใจหนูเต้นแรงมากๆ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจฟังเลยพี่ขวดใช้ลิ้นปลดกระดุมหนูอีกเม็ดจนมันเผยไหปลาร้าของหนู หนูหน้าแดงก่ำ แต่อยู่ในท่าทางที่ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เลย พอขยับตัวพี่ขวดก็จะบีบเอวหนูจนรู้สึกเจ็บคนตัวใหญ่กว่าเงยหน้าขึ้นมามอง ใบหน้าเราอยู่ห่างกันแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น พี่ขวดมองหนูด้วยแววตาหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก เขาใช้มือข้างที่ว่างดันหน้าท้องหนูจนหนูหงายหลังกระแทกลงกับเก้าอี้หน้าโต๊ะหนังสือ“หนูขาวอมชมพูมาก” เขาพูดออกมาด้วยสีหน้าคลั่งไคล้แบบบอกไม่ถูก “ที่เคยคุยมามีแต่ดำๆ ไม่ขาวจัดแบบนี้เลยว่ะ”“พะ พี่ขวด” หนูเรียกชื่อเขาเสียงสั่นเพื่อเตือนสติเผื่อว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาจากอาการเมามายจนน่ากลัว แต่มันไม่เป็นผลเลยสักนิดพี่ขวดนั่งคุกเข่าตรงระหว่างขาของหนูด้วยท่าทางที่อันตรายมากๆ ดวงตาของเขาฉ่ำปรือ และใบหน้าของเขาก็ประจันหน้าอยู่ตรง ‘นั้น’ พอดี หน้าหนูร้อนจนชาเมื่อเขาเอานิ้วโป้งมาปาดลิ้นสากแล้วเริ่มปลดกระดุมหนูที่เหลือออกด้วยมือแทน
หนูนั่งหลบสายตาพ่อระหว่างที่กินข้าวด้วยกันจะทำยังไงดีล่ะ พี่ขวดเล่นพูดกับพ่อไปแบบนั้นแล้วด้วยพ่อที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกินข้าวโดยไม่พูดไม่จาอะไรกับหนูเลยสักคำเดียว ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองหนูเลยด้วยซ้ำ หนูเม้มปากแน่น ในขณะที่จะยื่นช้อนมาตักผัดผักใส่กุ้งใส่จานข้าวให้พ่ออย่างเกร็งๆพ่อนิ่งไป แต่ก็ยอมตักผัดผักที่หนูตักให้เข้าปากหนูคลี่ยิ้ม ถึงพ่อจะดุ ตีหนูบ่อยๆ แต่พ่อก็รักหนูเสมอ“ไอ้ผู้ชายคนนั้นน่ะ” พ่อโพล่งขึ้นมา หนูสะดุ้งเมื่อได้ยินว่าพ่อพูดถึงพี่ขวด แทบสำลักข้าวที่เคี้ยวอยู่ในปากเลย “มันเป็นแฟนแกจริงเหรอมนต์?”หนูกระแอมไอเพราะข้าวไหลลงคอไปด้วยอารามตกใจ ก่อนที่จะก้มหน้างุด“... ก็” หนูอึกอัก ต้องตอบไปว่ายังไงดีนะ เพราะพี่ขวดคงไม่ยอมเลิกราวีหนูแน่ๆ “ก็น่าจะใช่ค่ะ”“คบกันตั้งแต่ตอนไหน”“วะ... วันนี้ค่ะ”“คุยกันมานานเท่าไหร่แล้ว ถึงตกลงไปคบกับมัน” คราวนี้หนูอึกอักไปพักใหญ่เลย จะตอบกลับยังไงดี“กะ... ก็หลายเดือน... ค่ะ” สุดท้ายหนูก็เลือกที่จะโกหกพ่อออกไป เพราะกลัวพี่ขวดมากจนขึ้นสมอง หนูคงรู้ล่ะมั้งคะว่าพี่ขวดจะตามมายุ่งวุ่นวายอีกเรื่อยๆ เพราะเขารู้ที่อยู่ของหนูแล้วด้วยพ่อรวบช้อนทันที เงยหน
“ถามว่าเข้าใจไหม?” เขาย้ำอีกทีตอนที่เขยิบเอาไหล่ที่เต็มไปด้วยรอยสักมาชนหน้าอกหนู หนูสะดุ้งโหยงเลย แทบจะร้องไห้ออกมาด้วย“ขะ เข้าใจค่ะ” สุดท้ายก็ลงเอยต้องตอบกลับไปแบบนี้ทั้งที่ในใจไม่เต็มใจเลยสักนิดแต่ยังไม่ทันที่พี่ขวดจะพูดอะไรออกมามากกว่านี้พลั่ก!ไม้หวายของพ่อก็พุ่งเข้ากระแทกศีรษะของเขาอย่างแรงจนพี่ขวดที่ไม่ทันตั้งตัวทำรถคว่ำเซเกือบล้มตึงไป หนูที่แทบจะล้มลงไปด้วยเกิดอาการตกใจเลยกรี๊ดออกมา พอๆ กับที่ได้ยินเสียงทุ้มใหญ่พ่อดังก้องอยู่หน้าบ้าน“มึงเป็นใคร ทำไมมากับลูกสาวกู!!”“ไอ้เชี่ย!” พี่ขวดสบถคำหยาบคายออกมาเสียงดังลั่นตอนที่แฮนด์รถกระแทกพื้น เขาขยับรถกลับมาตั้งตรงตามเดิม ในขณะที่หนูที่เผลอดึงชายเสื้อช็อปสีเทาของเขาเอาไว้ต้องรีบชักมือออกอย่างตกใจ เลิ่กลั่กมองไปทางพ่อที่กำลังเดินย่างสามขุมเข้ามาที หันไปมองร่างสูงข้างหน้าที่กุมศีรษะตัวเองที “โยนมาทำเหี้ยไรวะไอ้แก่!!”หนูอ้าปากค้าง พอๆ กับที่พ่อที่เข้ามาประชิดตัวได้กระชากคอเสื้อของเขามาชิดใบหน้าทันที“... มึงเรียกใครว่าไอ้แก่ฮะ?”[พาร์ท : ตะขวด]ผมเหลือบมองผู้ชายวัยกลางคนเบ้าหน้าดุดันที่กระชากคอเสื้อผมไว้จนตัวแทบลอย รอยตีนกาบนหน้าทำเอ
[พาร์ท : ตะขวด]ผมนั่งดูทีวีในม่านรูดจนง่อยกินไปได้ไม่ถึงห้าชั่วโมง น้องมนต์ก็มีสายเรียกเข้า ตอนแรกผมเหลือบตามองว่าเป็นใครเพราะอยู่ดีๆ ก็รู้สึกหวงขึ้นมาซะดื้อๆ ทั้งๆ ที่น้องมนต์ไม่ได้เต็มใจด้วยซ้ำ แต่พอรู้ว่าเป็นพ่อเธอผมก็ยิ้มกริ่มน้องมนต์ที่หน้าซีดเซียวเดินหนีไปคุยกับพ่อที่หน้าประตู น้องคุยเสียงค่อยมาก แต่ได้ยินลางๆ ว่าพ่อมาตามกลับบ้านอะไรทำนองนั้นพอวางสาย เธอก็แทบจะร้องไห้ออกมา ตอนที่ละล่ำละลั่กบอกผมว่า“ถะ... ถ้าไม่กลับบ้านก่อนหกโมงเย็นพ่อจะตีหนูนะคะ”ผมแหงนหน้ามองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังห้อง เข็มนาฬิกาตีขึ้นที่ 5.30 นาที ก่อนที่จะไหวไหล่ พ่อท่าทางจะดุ แต่คงสู้กูไม่ได้หรอกครับ“เค๊” ผมมันเป็นผู้ชายที่ทั้งเฟี้ยวและว่าง่ายสุดๆ “เดี๋ยวพี่ไปส่ง”หน้าน้องมนต์เหมือนจะขาดใจตายตรงนั้น“มะ ไม่ได้นะคะ ถ้าพ่อรู้พ่อต้องตีหนูแน่ๆ”“กลัวไรอ่ะ เดี๋ยวให้พ่อเธอตีพี่แทนก็ได้” พูดไปงั้น ลองตีผมดิผมจะสวนให้ แก่ๆ ก็ไม่เว้นหรอก “บ้วนปากแปป”“... พี่คะ” คนตัวเล็กน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาตอนที่ผมเดินผ่านตัวเธอจะเข้าไปบ้วนปากถ่มน้ำลายทิ้งในห้องน้ำโรงแรม “ขอร้องนะคะ อย่าไปส่งหนูเลยนะ”ผมเลิกคิ้ว อะไรที่ทำให้น้อ
“แต่งงานกับพี่ดีไหม” อีกฝ่ายเบิกตาโตเมื่อกูพูดออกมาโต้งๆ “พอดีพี่ชอบหนูมาก เห็นครั้งแรกก็แบบตกหลุมรักเลยอะ แบบรอได้ ถ้าจะได้สปาร์คจอยด้วย”“...”“ถือว่าวันนี้เราเข้าม่านรูดด้วยกัน เป็นแฟนกันแล้วนะ” ผมทึกทักเอาเอง เพราะผมชอบแล้วผมต้องได้อะ อีกอย่างก็ไม่เคยมีแฟนเป็นจริงเป็นจัง ผมยังซิงแถมไร้เดียงสารู้จักแค่โลกต่อยตี เลยไม่รู้ว่าควรต้องจีบผู้หญิงยังไง “ฝากไปบอกแม่ด้วย”“...!!”ก็ผมสปาร์คกับน้องตั้งแต่แรกพบอะ แล้วผมก็ต้องได้น้องมาเป็นแฟนด้วย[จบพาร์ท : ตะขวด]หนูนั่งกำมือที่สั่นเทาอยู่บนหน้าตัก ระหว่างที่พี่ขวดคนนั้นเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำโรงแรมอาจจะดูไม่ฉลาดเลยที่เขาเข้าไปอาบน้ำแล้วปล่อยหนูอยู่ในห้องคนเดียวแบบนี้ แต่หนูกลับไม่กล้าที่จะลุกเดินออกไปเปิดประตูเพื่อหนีออกไปจากที่นี่ละ... แล้วจะลุกไปได้ยังไงล่ะคะก็พี่ขวดเขาเปิดประตูห้องน้ำเอาไว้นี่“ไม่มาอาบด้วยกันจริงดิ” เสียงทุ้มดังออกมาจากภายในห้องน้ำในนาทีนั้น หนูสะดุ้งโหยง พาให้ขนลุกซู่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “สบู่ที่นี่หอมสลัด แถมมีน้ำอุ่นด้วยนะ”“มะ ไม่ค่ะ” เสียงหนูค่อยมากจนแทบกลืนหายไปในลำคอ“*วยพี่แข็งด้วย มาช่วยหน่อยดิ”“มะ... ไม่ค่
“ห้าชั่วโมง”“สามร้อยบาทค่ะ ขอพร้อมบัตรประชาชนนะคะ” ผมล้วงแบงค์ร้อยสามใบวางลงบนเคาน์เตอร์อย่างลวกๆ ถูมือไปมาอย่างหมายมาดตอนที่ล้วงบัตรประชาชนในกระเป๋ากางเกงส่งให้พนักงานหญิงแก่ที่ยืนหน้าตึงอยู่ตรงเคาน์เตอร์เก่าๆป้าพนักงานผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ คนนั้นให้ผมเขียนชื่อตัวเองลงไปในใบเอกสารอะไรสักอย่าง ในขณะที่จะเหลือบมองไปทางน้องมนต์คนสวยที่ยืนสะอื้นซิกๆ ทำตาปริบๆ อยู่ข้างหลังผมสัมผัสได้ว่าน้องส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางป้าด้วย ผมเลยหันกลับไปมอง แล้วน้องก็สะดุ้งโหยง เพราะสายตาผมเตือนครั้งที่หนึ่ง ประมาณว่าอย่าขอความช่วยเหลือ ไม่งั้นจะไม่จบที่น้ำเดียว!“ไม่ทราบว่า...” ป้าอ้าปากพูดขึ้นมา ผมรีบเปลี่ยนสายตาหันไปมองด้วยสีหน้าใสซื่อ “น้องผู้หญิงอายุถึงสิบแปดหรือยังคะ เห็นใส่ชุดนักเรียน ถ้าไม่ถึงไม่สามารถเปิดห้องให้ได้นะคะ”ชิบหายผมก็ลืมว่าน้องอายุเท่าไหร่เลยไง“ถึงครับ” พูดไปแบบขายผ้าเอาหน้ารอด แต่น้องบอกว่าสิบแปด ก็ถึงจริงๆ “พอดีแฟนผมชอบแต่งชุดนักเรียนย้อนวันวาน จริงๆ ถึงแล้วครับ”“อ๋อค่ะ” พนักงานมองหน้าน้องมนต์ที่ทำหน้าตื่นกับคำแก้ตัวของผม “พอดีช่วงนี้มีพวกโรคจิตลักพาตัวเด็กนักเรียน ม.ปลาย มาข
“ขอสปาเดเห้ด้วยได้ปะ?”หนูเบิกตากว้าง อ้าปากค้างเพราะพูดไม่ออก จนเพื่อนพี่เขาคนหนึ่งที่ตัวสูงๆ หน้าดุๆ ไม่แพ้กันต้องเดินมาตบศีรษะเขาอย่างแรงพลั่ก!“เฮ้ย!!” พี่ผู้ชายหน้าดุที่พยายามคุกคามหนูอยู่ตรงหน้าสบถออกมาเสียงดังลั่นจนหนูสะดุ้งสุดตัว ทันทีที่คืนสติเขารีบหันไปเอาเรื่องเพื่อนทันที “ไอ้เจ มึงตบหัวกูทำไมเนี่ย!”“ตลกดีนะไอ้ขวด จะจีบนักเรียนแต่ไปขอเขาเ*ด” หนูตัวสั่นอีกครั้งเมื่อเขาหันมามอง ก่อนที่จะตบหัวพี่ที่ชื่อขวดคนนั้นไปอีกที “คุกคามงี้น้องเขาแจ้งตำรวจได้นะไอ้สัส”“เมียเก่าไม่พร้อมให้สปาร์ค แต่กูไม่แคร์ กูจะหาคนสปาร์คใหม่” พี่ผู้ชายที่ชื่อขวดมีแววตาหมายมาด เขาเหลือบมามองหนูที่ยืนตัวสั่นไม่หาย เพราะนอกจากเขาจะมองมาที่หนูด้วยสายตาจาบจ้วงไม่พักแล้ว พวกลูกน้องของเขาที่ยืนอยู่อีกชานชาลาหนึ่งก็ยืนกะลิ้มกะเหลี่ยมองหนูที่ยืนตัวสั่นอย่างสนใจ “พอดีว่าสนใจคนนี้ จะเอาคนนี้อ่ะ”หยาบคายที่สุดเลย“ถามความสมัครใจเด็กก่อนไหม” เพื่อนของเขาคลึงขมับตอนที่พูดอย่างมีเหตุผล หนูเลยคิดว่าพี่ที่ชื่อเจดูน่าจะคุยง่ายกว่าคนอื่นๆ นิดหน่อย“นะ... หนูมีเงินค่ะ” หนูโพล่งขึ้นมาเพราะคิดเอาเองว่าที่เขาเข้ามาคุกคามแบบ
เมื่อตั้งใจไว้แล้วต้องทำจริง ผมเดินกร่างเข้าไปใกล้คู่รักนักเรียน พวกน้องๆ จะเดินตามกันมา แต่ผมยกมือปรามไว้ เป็นสัญญาณว่า ไม่ต้องผมล้วงกระเป๋าเกงตอนที่ไปยืนด้านหลังเด็กผู้หญิง เธอมัดผมม้าผูกโบว์สีขาว ผมสีดำขลับยาวระเอวคอดกิ่ว ลุคดูเรียบร้อย มากับไอ้เด็กผู้ชายอีกคนที่มันไม่เจ๋งเท่าผม ไม่เท่ ไม่เฟี้ยวเท่า เอาเป็นว่าคนที่เหมาะกับเธอ คือผมดันตกหลุมรักเข้าอย่างจัง กับคนที่อายุน้อยกว่าไม่มากเท่าไหร่ (ผมอายุ 20)ผมจงใจยืนชิดกับเธออย่างตั้งใจ ไอ้เด็กผู้ชายข้างๆ จึงเริ่มส่งสายตาเหมือนจะส่งสัญญาณเตือนน้องผู้หญิงกลายๆ ในขณะที่เจ้าของผมดำขลับยาวถึงเอว น้องหน้ามนเหล่มองมาทางผมที่ยืนเก๊กอยู่ด้านหลัง ก่อนที่เธอจะหันกลับไป ตัวเริ่มสั่นนิดๆ“เราว่าลงป้ายหน้าไหมมนต์ เราไปส่งเอง” ไอ้เด็กนั่นที่ดูเหมือนจะเป็นแฟนเธอจงใจโพล่งออกมาราวกับตั้งใจพูดให้ได้ยิน ผมคิ้วกระตุกนิดๆ จับมีดยาวที่อยู่ใต้กางเกงไว้แน่น แต่อย่างน้อยก็รู้สึกดีที่ได้รู้ชื่อหญิงที่หมายตาชื่อมนต์เหรอ ชื่อน่าค้นหาดีนะ อารมณ์เหมือนสวยจนต้องมนต์อะไรแบบนั้น“อะ อื้ม” เสียงหวานครางรับเบาๆ ผมกระตุกยิ้ม เสียงโคตรน่ารักเลยครับ“ชื่อไรน้อง” เมื่อเห็น