อะไรที่ไม่ใช่...ทำแทนยังไงก็ไม่ได้
แบล็คจูงมือเธอเดินไปที่โต๊ะทำงานก่อนเขาจะนั่งบนโต๊ะ แล้วดึงคนตัวเล็กเข้ามายืนตรงหว่างขาของตัวเอง มือกระชับเอวบางเข้าหา โอบกอดหลวมๆ “เอ่อออ คุณแบล็คพูดว่าใครเป็นเมียนะคะ?” “ไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอ” “คุณแบล็คไม่มีภรรยาอยู่แล้วเหรอคะ ถ้ามีอยู่แล้วเรื่องเมื่อคืนวินซ์ขอโทษนะคะ วินซ์จะถือซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ขอโทษภรรยาคุณด้วย” วินเซ่ดันตัวเองออกจากหว่างขาเขา แต่ไม่เป็นผล เขากระชับวงแขนที่โอบรอบเอวเธอแน่นขึ้น เธอเพิ่งคิดได้ว่า ถ้าหากเขามีภรรยาอยู่แล้ว เรื่องเมื่อคืนจะเป็นเรื่องที่ผิดมาก “เมื่อก่อนไม่มี จนเมื่อคืนถึงมี” เขาตอบ “เมื่อคืน?” “ก็เธอไง ‘เมียฉัน’ ” เขาตอบเธอ พร้อมกับจ้องไปที่ดวงตาหวานสีน้ำตาลอ่อน “อะไรกัน นอนด้วยกันแค่คืนเดียว ต้องเป็นเมียเลยเหรอคะ” เขาขมวดคิ้วทันทีรู้สึกไม่ค่อยพอใจในสิ่งที่เธอพูด “ต้องนอนด้วยกันกี่คืนถึงจะเป็นเมีย” “เอ่ออ” “งั้นคืนนี้ไปนอนด้วยกันอีก” เขาบอกเอาดื้อๆ “ไม่เอาค่ะ ไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย” เธอรีบปฏิเสธระล่ำระลัก “แล้วแบบไหน” “คือแบบว่า เรายังไม่ได้รู้จักกันดีเลย เพิ่งรู้จักกันวันเดียวเอง อีกอย่างเรื่องเมื่อคืนเพราะวินซ์เมาค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ” เธอรีบอธิบาย “ฉันรู้จักเธอดี และฉันก็ตั้งใจทำ” เขาบอกพร้อมจ้องมองเธอไม่ละสายตา “ดียังไงคะ” “one night stend หลายคู่ได้แต่งงานกันจริงๆก็มี” “เอ๊ คุณแบล็คพูดไม่รู้เรื่องเลยค่ะ วินซ์จะบอกว่า ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น แต่วินซ์แค่คิดว่า จะเรียกวินซ์ว่าเมีย เพราะการนอนด้วยกันครั้งเดียวน่ะไม่ถูกต้อง คนจะเป็นผัวเมียกัน ต้องเริ่มจากการจีบกัน คบกัน ศึกษาดูใจกัน หมั้นกัน แล้วแต่งงานเป็นผัวเมียกันค่ะ มันต้องเป็นลำดับขั้นตอนแบบนี้” เธอพยายามอธิบายยืดยาวให้เข้าใจในความหมายของเธอ “ข้ามจีบ ข้ามศึกษาดูใจ ข้ามแต่งงานไปก่อน เป็นเมียเลย ระหว่างเป็นเมียค่อยทำที่ข้ามๆมาทีละอย่าง” เขาบอกคนตัวเล็กหน้าตาเฉย ก่อนกดฝังจมูกลงบนแก้มป่องด้วยความหมั่นเขี้ยว “อุ้ย! คุณแบล็คเดี๋ยวใครมาเห็น” วินเซ่ยกมือขึ้นกุมแก้มด้วยความตกใจ “เห็นก็เห็นไป ไม่มีอะไรต้องปิดบัง” “หมายความว่ายังไงคะ” “ตามนั้นแหละ” เขาตอบแบบไม่ยี่หระกับการที่คนอื่นจะมาเห็น “ไม่กลัวคนรู้เหรอคะ ไหนตอนแรกจะให้วินซ์ห้ามบอกคนอื่นไง” “ใครพูด เธอคิดเอง เออเองทั้งหมด ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย “อ้าว” “อ้าวอีกแล้ว ฉันซื้อต่อได้ไหมคำนี้ จะเอาไปทิ้ง” “ได้ค่ะ ขายแพงนะคะ” เธอพูดยิ้มๆ หยอกล้อกับเขา “เท่าไรว่ามา” “อื้อหือออ ป๋าซะด้วย หนึ่งแสนค่ะ” เธอบอกเล่นๆ เพราะคิดว่าเขาคงไม่ได้คิดจะซื้อจริงๆ แค่พูดหยอกล้อเท่านั้น เขาหยิบมือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง กดอยู่พักหนึ่ง ก่อนวางมันลงบนโต๊ะทำงาน ติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนข้อความจากมือถือในกระเป๋าด้านหลังกระโปรงของเธอ วินเซ่หยิบมันออกจากกระเป๋าขึ้นมากดดูแจ้งเตือน แต่แล้วก็ต้องตกใจ ‘00/00/00 10:03 บช X-5312 เงินเข้า 100,000.00 คงเหลือ xxxxxxxxx.00 บ.’ “อะ อะไรเนี่ยยย หนึ่งแสนบาท!!” ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มแบบภาคภูมิใจ ยิ้มแบบผู้รับชัยชนะเมื่อเห็นคนตัวเล็กตกใจ “คุณแบล็ครู้เลขบัญชีวินซ์ได้ยังไง ละ...แล้วตั้งหนึ่งแสนวินซ์ไม่คิดว่าจะซื้อจริงๆ เอาเลขบัญชีมาค่ะวินซ์โอนคืนให้” “เอาไป ฉันซื้อ ถือว่าคำนั้นเป็นของฉันแล้ว” “แต่มันเยอะเกินไปค่ะ รับไว้ไม่ได้” เธอปฏิเสธ “ไม่เป็นไร ฉันรวย เอาไว้ก็ไม่ได้ใช้ อีกอย่างคำนั้นเป็นของฉันแล้ว เธอขายให้ฉันแล้ว ถ้าเธอเผลอพูดมันอีก ฉันจะปรับเธอ” “งั้นวินซ์ก็เอาเงินนี้แหละค่ะเก็บไว้เป็นค่าปรับ” “ใครบอกฉันจะปรับเป็นเงิน” เขายิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ “แล้วจะปรับเป็นอะไรล่ะคะที่ไม่ใช่เงิน” “เดี๋ยวค่อยบอกตอนเผลอพูดไปแล้ว เดี๋ยวก็รู้เอง” “อ้าว ก็บอกมาสิคะจะได้เตรียมไว้ถูก” วินเซ่เผลอพูดออกมาไม่รู้ตัว เขายิ้มเจ้าเล่ห์มองคนในอ้อมกอดที่กำลังพูดบ่น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเผลอพูดออกไปแล้ว วินเซ่ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง มองหน้าเขาอย่างตกใจเมื่อรู้ตัวว่าได้พูดคำนั้นออกไปแล้ว “มาโดนปรับเดี๋ยวนี้” มาเฟียหนุ่มกระชับอ้อมแขนให้หญิงสาวในอ้อมกอดขยับชิดเข้ามามากขึ้น มือข้างหนึ่งของเขายกขึ้นจับท้ายทอยคอระหงส์ ออกแรงดันเข้าหาใบหน้าเขาช้าๆ ลมหายใจรินรดกัน ก่อนที่ปากหยักจะได้สัมผัสกับปากบาง ก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น ส่งผลให้วินเซ่ผละออกห่างเขาโดยอัตโนมัติทันที ก่อนจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้ดูเรียบร้อย กลัวว่าคนเข้ามาจะเห็น “เข้ามา!” เขาเอ่ยอนุญาตเมื่อเห็นเธอจัดการตัวเองเรียบร้อย ความหงุดหงิดก่อเกิดขึ้นในใจเมื่อถูกขัดจังหวะ “มีอะไร” เขาเอ่ยถามเลขาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “อีก 30 นาที คุณแบล็คมีเข้าประชุมนะคะ” กันตาเอ่ยขึ้น พร้อมกับยื่นแฟ้มเอกสารการประชุมให้ “อีก 30 นาที เข้ามาเตือนตอนนี้?” เขาถามอย่างหงุดหงิด ปกติเธอจะเข้ามาเตือนงาน ตอนอีก 5-10 นาทีเท่านั้น แต่นี้ 30 นาทีกลับเดินมาเตือน “เอ่อ คือ.. พอดีมีเอกสารที่คุณจะต้องอ่าน ต้องเซ็นต์คะ เลยต้องมาแจ้งเร็วกว่าเดิม” กันตารีบแก้ตัว ทั้งๆที่ความจริงแล้วเธอดูนาฬิกาอยู่ตลอด เห็นว่าวินเซ่เข้าพบแบล็คเกอร์ได้เกือบชั่วโมงแล้ว กลัวเขาและเธอจะทำอะไรเลยเถิดกันเกินงาม อีกอย่างเธอไม่อยากให้เขาชอบวินเซ่ หรือไม่อยากให้เขาชอบผู้หญิงคนไหนเลยก็ตาม “ออกไปซะ! ไปทำหน้าที่ของเธอ อย่าทำเกินหน้าที่อีก อะไรที่ไม่ใช่ ทำแทนยังไงก็ไม่ใช่อยู่ดี” เขาพูด “ค่ะ” กันตาก้มหน้ารับคำ “วันนี้ไม่ต้องเข้าประชุมกับฉันนะ เดี๋ยวให้วินเซ่เข้าแทน” กันตาได้ยินแบบนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความตกใจที่ถูกปฏิเสธหน้าที่ที่เคยทำ เหมือนกับว่าเขากำลังผลักไสเธอออกห่างจากเขาทีละนิด “เอ่อ คุณแบล็คคะ วินซ์ว่าไม่ดีมั้งคะ ให้พี่ตาเข้าเถอะค่ะ วินซ์ทำไม่เป็น เดี๋ยวงานจะพลาดเอา ให้พี่ตาทำหน้าที่พี่เขาเถอะค่ะ” วินเซ่เอ่ย เมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี ไม่ใช่ว่ากลัวกันตาจะไม่มีงานทำ แต่เธอกลัวว่าตัวเองจะถูกกันตาเกลียดที่โดนเธอแย่งงานมากกว่า “ไม่หัด จะเป็นได้ยังไง เข้าไปเรียนรู้ ฉันจะสอน” แบล็คเกอร์ยังยืนยันคำเดิม “ให้พี่ตาเข้าไปสอนก็ได้ค่ะ” “ไม่เป็นไรค่ะ น้องวินเซ่ พี่มีงานด้านนอกอีกหลายอย่าง ไม่เข้าก็ได้ค่ะจะได้เคลียร์งาน” กันตาบอกวินเซ่แบบรู้สึกไม่เต็มใจ แต่ต้องแสดงว่าไม่เป็นอะไร ทั้งๆที่ในใจโกรธแค้นแทบอยากจะหยุมหัวที่บังอาจมาแย่งทุกอย่างที่เคยเป็นของเธอไป “เอางั้นเหรอคะ” วินเซ่ถามย้ำอีกครั้ง “ค่ะ ตาขอตัวไปเคลียร์งานนะคะ” พูดจบเธอก็หันหลังเดินออกไปอย่างไว วินเซ่หันไปมองค้อนคนตัวโตที่กำลังยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตากลมๆสดใสๆจ้องเขม็ง ดุๆส่งไปให้คนตัวโต “ทำไมไปพูดกับพี่ตาแบบนั้นคะ” ร่างเล็กหันมาดุมาเฟียเบาๆ “แบบไหน” เขาถามกลับอย่างยียวน “ก็คุณไปงดงานของพี่ตา แล้วเอามาให้วินซ์ แบบนี้วินซ์ก็โดนเพ่งเล็งสิคะ” “กลัวอะไร เป็นเมียเจ้าของ” เขาย้ำคำว่า ‘เมีย’ “ย้ำจังนะคะ นอนด้วยคืนเดียวเนี่ยเรียกเมียตลอดไปจริงๆ คนอื่นเขาไม่รู้กับเราด้วยนะคะ ในสายตาคนอื่นวินซ์คือพนักงานใหม่” “เดี๋ยวก็หลายคืน! คนอื่นไม่รู้ก็ประกาศสิ” เขาตอบกลับด้วยท่าทางกวนๆ “คุณแบล็ค!” วินเซ่ส่งสายตาค้อนดุไปยังคนตัวโต มาเฟียหนุ่มรีบหุบยิ้มทันทีก่อนยักไหล่เบาๆหนึ่งที แล้วเดินอ้อมไปนั่งเก้าอี้ทำงาน ตรวจเซนต์เอกสารรายงาน เตรียมเข้าประชุมไปสอนงานเด็กดื้อวันนี้...ไม่ไหว้นะคะ เลิกนับถือแล้วค่ะ! พรึ่บ!! แบล็คเกอร์ปิดแฟ้มเอกสารลง หลังจากนั่งอ่าน นั่งตรวจอยู่สักพัก เขาต่อสายตรงไปหาเลขาอีกครั้งเพื่อตามคนตัวเล็กให้เข้ามาหาเตรียมเข้าห้องประชุมพร้อมกับเขา “ให้วินเซ่เข้ามาพบฉัน” เขาสั่งปลายสาย ‘ได้ค่ะ’ เมื่อคนปลายสายรับทราบเขากดวางสาย รอเจ้าของร่างเล็กเข้ามาพบ หลังจากวางสายไปได้สักพัก ผ่านไป 20 นาที ก็ยังไม่มีวี่แววว่าใครจะเข้ามา สร้างความหงุดหงิดให้เขามากยิ่งขึ้น คิดจะต่อสายหาเลขาอีกครั้ง ก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูด้านนอกดังขึ้น “เข้ามา” เขาเอ่ยอนุญาต ประตูเปิดออกคนตัวเล็กเดินเข้ามาในห้องเงียบๆ มีสายตาดุเข้มจ้องมาทางเธออย่างคาดโทษที่เธอเข้ามาช้าไป 20 นาที “มีอะไรหรือเปล่าคะ” วินเซ่ถามขึ้น เพราะเธอเพิ่งออกจากห้องนี้ไปเมื่อ 30 นาทีที่แล้วนี่เอง “ทำไมเพิ่งเข้ามา ฉันเรียกไปตั้งนานแล้ว” เขาถามขึ้นตั้งแต่เธอยังไม่เข้ามาพ้นประตู หญิงสาวทำหน้างุนงง เรียกตั้งนานอะไร พี่ตาเพิ่งบอกเธอเมื่อกี้ บอกปุ๊บ เธอก็เดินเข้ามาเลย “พอดี วินซ์ปวดหัวนิดหน่อยค่ะ เลยเข้ามาช้า” วินเซ่หลีกเลี่ยงการพูดความจริง เพราะกลัวว่ากันตาจะโดนดุอีกแล้วเธอก็จะโดนกันตาไม
ไม่ไหว้นะคะ เลิกนับถือแล้วค่ะ!(ต่อ) วินเซ่เดินออกมาหน้าตึก สายตาสอดส่ายหาร้านขายยาตามที่กันตาว่า แต่ไม่เห็นจะมี เธอมองข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามของตึก พบร้านขายยาเล็กๆ ต้องข้ามถนนไป “เจอแล้ววว อยู่โน่นไง” เพราะมัวแต่ใจจดจ่ออยู่กับร้าน วินเซ่มองซ้ายมองขวา เห็นว่าไม่มีรถ จึงตัดสินใจวิ่งข้ามไป บรื้นนนนน ยังไม่ทันที่จะได้ถึงฝั่งตรงข้าม รถสีดำคันใหญ่วิ่งมาด้วยความเร็วจากไหนไม่รู้ เหมือนตั้งใจพุ่งตรงมายังวินเซ่ ความตกใจแบบยังไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้หยุดยืนตะลึงค้างอยู่กลางถนน “ระวัง!” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น แต่หญิงสาวกลางถนนไม่ได้ยินเพราะมัวแต่ตกใจ เรียวแขนเล็กถูกกระชากกลับหลบรถที่กำลังพุ่งเข้าใส่ จนทั้งคู่ล้มลงไปกองกับพื้นฟุตบาท รถคันดังกล่าวชะลอเพียงนิดคล้ายกับมองว่า มีใครได้รับบาดเจ็บไหม แล้วก็ออกตัวขับต่อไป “นายหญิงเป็นอะไรไหมครับ!” เสียงของชายคนที่ข่วยเธอเอ่ยถามด้วยความตกใจ พร้อมสำรวจบาดแผล “มะ...ไม่เป็นอะไรค่ะ เอ๊ะ! เมื่อกี้คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ” วินเซ่ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นโดยมีชายหนุ่มจับแขนประคองเบาๆ “บาดเจ็บตรงไหนไหมครับ” “ไม่ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยไว้ รถมาจากไหนไม่รู
ไปเตรียมเป็นสามี! 07.37 น. ครืดดดด ครืดดดดด เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง เมื่อมีสายโทรเข้ารบกวนการนอนของเธอ รายชื่อ ‘Dad.W’ ปรากฏบนหน้าจอของมือถือ สายเรียกเข้าของพ่อเธอเอง ร่างบางบนที่นอนหนานุ่มสีขาวละมุน ยื่นมือไปหยิบมือถืออยากจะกดตัดสายทิ้ง แต่พอหรี่ตาดูชื่อบนหน้าจอก็ทำได้แค่ กดรับแล้วกรอกเสียงใส่ปลายสาย “ฮัลโหลลล ป๊า โทรมาแต่เช้าเลย มีอะไรแน่ๆ ใช่ไหมคะ” วินเซ่รับสายอย่างรู้ทันคนในสาย ‘อย่ามารู้ทัน!’ วินเนอร์ตอบกลับมาให้ลูกสาว “สำคัญไหมคะ ถ้าไม่สำคัญเอาไว้ก่อนได้ไหมคะ วินซ์อยากนอนอ่ะ” ‘สำคัญ คอขาดบาดตายเลย’ คนเป็นพ่อกล่าวแบบยียวน แต่ยังคงความพูดน้อยไว้เสมอ “ใครจะตายคะ” ‘ไอ้ยุ ถ้าเราไม่ตอบตกลง ป๊าจะยิงไอ้ยุ เราจะได้ไม่มีคนเล่นด้วย’ วินเนอร์ขู่ลูกสาว เพราะรู้ว่าตอนเด็กๆ เธอชอบเล่นกับพายุ ให้พายุสอนนั่นสอนนี่เกือบทุกอย่าง “โอ้ย ให้ตายไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยววินซ์ตื่นแล้วน้ายุค่อยฟื้น” หญิงสาวพูดแล้วหัวเราะคิกอย่างชอบใจ ‘ไม่ตลก จริงจัง’ “มาค่ะ เข้าเรื่อง ง่วงจะแย่ เดี๋ยวต้องลุกไปทำงานอีก” ‘เย็นนี้ไปกินข้าวกับพ่อและ...’ วินเนอร์เว้นวรรคไว้
ไปเตรียมเป็นสามี! “เอกสารกองโตๆ ครับ” ไม้โทบอกนายตัวเองแล้วอมยิ้มที่เห็นเจ้านายนั่งหน้ามุ่ยไม่สบอารมณ์ “เอากองไว้บนโต๊ะ วินเซ่ออกไปแล้วเหรอ” “ออกไปเมื่อกี้ครับ” ไม้โทตอบคำถาม “เตรียมรถให้กู!” เขาสั่งเตรียมจะลุกจากเก้าอี้ออกไป “อ๊ะๆๆ นาย!” ไม้โทรีบร้องห้ามเจ้านาย พร้อมกับชี้ไปที่กองเอกสาร เหมือนกับบอกเป็นนัยๆ ว่า ‘งานยังไม่เสร็จ ยังไปไม่ได้’ “เอาไว้ก่อน กูรีบ” แบล็คชะงักตามคำร้องห้ามของลูกน้อง ก่อนแก้ตัวตัวเพราะอยากออกตามคู่หมั้นเขาไปแล้ว “หื้อออ ทำแบบนั้นได้เหรอครับนาย งานเอกสารด่วนไม่ใช่เหรอครับ กับนายหญิงยังให้เคลียร์เอกสารก่อนไปเลย แล้วทำไมทีตัวเองทำไม่เสร็จซะเองล่ะครับ แบบนี้ลูกน้องจะพูดเอาได้นาว่ามีเจ้านายทิ้งงานรีบไปหาผู้หญิง” อมยิ้มปนขำผุดขึ้นที่ใบหน้าลูกน้องที่นึกขำเจ้านายตัวเอง สั่งเธอสั่งได้แต่ทีตัวเองจะทิ้งงานไว้แบบนี้ “ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้วะ!” แบล็คกระแทกก้นกลับไปนั่งเก้าอี้เหมือนเดิม แล้วเริ่มเปิดเอกสารเซนต์อย่างรีบๆ โดยไม่ได้อ่าน “อ้าววว ผมเป็นคนแบบไหนล่ะ” ไม้โทยิ้มแล้วถามยียวน “กูเป็นเจ้านายมึงนะ ถ้ามึงไม่พูดกูก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก กลับไปได้แบบสะดวก
อยู่กับพี่นะ...คนดี ร้านอาหารหรูใจกลางเมือง “สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับสู่ร้านอาหารฟรังค์ซัวนะคะ คุณลูกค้าจองห้องอาหารไว้ไหมคะ” เสียงพนักงานต้อนรับกล่าวต้อนรับหญิงสาวในชุดมินิเดรสลายลูกไม้สีขาวมีซับด้านใน ชุดกระชับแนบไปกับสรีระบางอรชร อ้อนแอ้น ผมยาวลอนสีน้ำตาลอ่อนปล่อยยาวสยาย ผิวขาวใสหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักดูละมุนอ่อนหวานและสดใส “ครอบครัวจองไว้แล้วค่ะ น่าจะจองในชื่อ วินเนอร์ มีไหมคะ” “สักครู่นะคะ เดี๋ยวเช็คให้ค่ะ” หญิงสาวยืนรอพนักงานเช็ครายชื่อคนจองห้องอาหาร ซึ่งวินเซ่เองก็ไม่ได้ถามว่า พ่อแม่ของเธอจองไว้ในชื่ออะไร “ขอโทษที่ให้รอนะคะ ชื่อนี้ยังไม่มีจองเข้ามานะคะคุณลูกค้า” “เอ่ออ งั้นลองเช็คชื่อ เซริน ให้หน่อยค่ะ” ถ้าไม่ใช้ชื่อพ่อก็ต้องชื่อแม่ล่ะวะ สักชื่อหนึ่ง “สักครู่ค่ะ...เจอแล้วค่ะ จองในชื่อของคุณ เซรินนะคะ เดี๋ยวพาคุณลูกค้าไปที่ห้องอาหารนะ” พนักงานต้อนรับส่งต่อให้พนักงานอีกพาเธอไปยังห้องอาหาร “โห่ หม่ามี๊ จองห้องชื่อใครก็ไม่บอกสักคำ” เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง วินเซ่ก็เอ่ยบ่นกับผู้เป็นแม่ทันทีโดยไม่ได้สังเกตว่ารอบข้างมีใครอยู่บ้าง “สวัสดีลุงกับป้าเขาก่อน” เซรินบอกลูกสาวก่อนผ
อยู่กับพี่นะ...คนดี(ต่อ) “แล้วจะให้เรียกอะไรล่ะ ไม่เอาที่รักอ่ะ เรียกข้างนอกอายคนอื่น” “พี่!” “พะ...พี่~ โอ้ยไม่ไหวอ่ะ ไม่ชิน เรียกคุณแบบเดิมไม่ได้เหรอ” “ไม่! ไปได้แล้ว เดิน...” แบล็คเกอร์ตัดบท ไม่อยากให้เด็กดื้อต่อรองอะไรอีก มันจะไม่จบไม่สิ้น เขาดันหลังบางไปข้างหน้าเพื่อให้เธอออกตัวเดินกลับห้องอาหาร เมื่อเข้ามาที่ห้องอาหารทุกคนก็กินกันอิ่มหมดแล้ว สายตาทุกคู่จ้องมาที่เธอและแบล็คเกอร์ที่เดินเข้ามาพร้อมกัน ก่อนรอยยิ้มน้อยๆ จะผุดขึ้นบนใบหน้าทุกคน ยกเว้นวินเนอร์... “เอ่อ หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะคุณลุง สวัสดีค่ะคุณป้า ป๊ากับหม่ามี๊ วินซ์กลับก่อนนะ” เธอหันไปยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกคน รวมถึงพ่อกับแม่เธอด้วย “ทีหลังเรียก พ่อกับแม่ได้เลยนะหนูวินซ์ แม่ชอบ” พ่อแม่ของแบล็คเกอร์ความต้องการของตัวเอง “คะ? ค่ะ!” วินเซ่ตกใจเล็กน้อยแต่ก็รับปากรับคำ “แบล็คไปส่งน้องด้วย ดูแลน้องด้วย น้องไปทำงานด้วย อยู่คอนโดของเราก็ดูแลน้องดีๆ” “ครับแม่” แบล็คเกอร์รับคำ “อะไรนะคะ คอนโดที่วินซ์อยู่เป็นของเขาเหรอคะ?” วินเซ่ทำหน้าสงสัยแล้วชี้นิ้วไปที่แบล็คเกอร์ “ใช่จ๊ะ กลัวว่าอยู่คนเดียวจะอันตรา
ผมอยากจะขอ... @ ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง “แบล็ค...” เสียงของปารณี ผู้เป็นแม่ดังขึ้น เมื่อเดินทางมาถึงพร้อมกับพ่อของเขา และพ่อแม่ ลุงเจคอร์ปของวินเซ่ เธอเห็นคนเป็นลูกนั่งก้มหน้าอยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินในตอนแรกที่รู้ข่าว อยากจะโกรธลูกตัวเองเหลือเกินที่ไม่ดูแลน้องให้ดี ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้ แต่พอมาเห็นสภาพลูกแล้ว ใบหน้าเศร้าหมอง ขอบตาบวมช้ำบ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เนื้อตัวเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ซึ่งไม่บอกก็คงจะรู้ได้ว่าคือเลือดของใคร แบล็คเกอร์เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเรียก แววตาสั่นไหวระริกอยู่เพียงครู่หนึ่งเมื่อสายตาไปสบเข้ากับสายตาเข้มและนิ่งของวินเนอร์ เขารู้สึกเสียใจที่ดูแลปกป้องวินเซ่ไม่ได้ “ลุงวิน...” เขาเอ่ยเรียกชื่อเบาๆ แค่นั้นก็ทำให้เขาน้ำตาคลอแล้ว แกร็ก! วินเนอร์ยกกระบอกปืนขึ้นชี้อยู่ระดับสายตาของแบล็คเกอร์ ท่ามกลางความตกใจของทุกคนที่ไม่มีใครคาดคิด “เฮีย!!!!” เซรินร้องห้ามอย่างตกใจก่อนถลาเข้าไปจะจับแขนของวินเนอร์ให้ลดกระบอกปืนลง แต่ถูกเจคอร์ปห้ามไว้เสียก่อน เพราะเขารู้ว่าเพื่อนของเขาไม่ทำในสิ่งที่ยังไม่ถามเหตุผล แต่
ผมอยากจะขอ...(ต่อ) “หิวน้ำ” เสียงแหบพร่าของเธอดังเบาๆ แต่ถึงจะเบาแค่ไหนก็ดังพอให้คนที่นั่งทำงานอยู่ที่โฟซาได้ยินและรีบลุกขึ้นมาที่เตียงผู้ป่วย “ฟื้นแล้วเหรอ หิวน้ำเหรอ เดี๋ยวพี่หยิบน้ำให้นะ” แบล็คเกอร์หยิบน้ำมาให้คนบนเตียงดื่ม “คุณหมอเหรอคะ?” หลังจากได้ดื่มน้ำให้ชุ่มคอแล้ว เสียงก็เริ่มใส สามารถพูดคุยได้อย่างปกติ “ตื่นมาก็ถามว่าเป็นใครเลยเหรอ ปกตินางเอกละครเขาจะถามว่า ที่นี่ที่ไหนคะ? ไม่ใช่เหรอ” ถ้าตามบทละครเมื่อฟื้นมา คำถามแรกจะต้องถามว่า ‘ที่นี่ที่ไหน’ แต่นี่วินเซ่ ไม่ใช่นางเอกละครไง รู้อยู่แล้วต้องเป็นโรงพยาบาล จะถามทำไม คุณเป็นใครนี่สิที่อยากรู้ “ไม่ใช่นางเอกละครค่ะ คุณน่ะเป็นใครล่ะคะ คุณหมอเหรอคะ แต่คงไม่ใช่ คุณหมออะไรใส่ชุดดำ คุณหมออะไรมานั่งทำงานในห้องคนไข้” “ตื่นมาก็พูดมากเลย สงสัยไม่เป็นอะไร กลับบ้านได้แล้วมั้ง” เขาบอกคนที่พยายามพยุงตัวเองลุกนั่งบนเตียง เขาปากบ่นไปแต่ก็ช่วยพยุงประคองเบามือ ตอนที่เธอได้รับบาดเจ็บ ตอนที่เธอยังไม่ฟื้น เขาเป็นห่วงจนใจแทบขาด คิดไว้ว่าถ้าเธอปลอดภัยจะตามใจทุกอย่าง ไม่ให้เธองอนหรือโกรธอีก เดี๋ยวจะหนีออกห่างเขาอีก แต่พอเธอฟื้นขึ้นมาแล้ว
พิเศษ 3 รักได้ไหม บอกพี่ที เช้ามืดของอีกวัน นัตตี้งัวเงียตื่นขึ้นมา รู้สึกเหมือนมีอะไรกดทับที่บริเวณหน้าท้อง นัตตี้ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น แผงขนตาหนากระพริบถี่เพื่อปรับแสงภายในห้อง เธอก้มลงมองหน้าท้องว่าสิ่งที่กดทับหนักๆนั้นคืออะไร ท่อนแขนแกล่งพาดทับกอดเอวเธอไว้อย่างหลวมๆ นัตตี้หยิบนาฬิกาจากมือถือขึ้นมามอง เป็นเวลา หกโมงเช้า เธอค่อยๆหันไปเขย่าตัวคนที่หลับพริ้มสนิทไม่รู้เรื่องให้ตื่น เพื่อไปทำหน้าที่ของตัวเอง “พี่โท ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวนายตื่นจะถามหา” นัตตี้ปลุกคนร่างโตที่นอนหลับพริ้ม “อื้อ ไม่ตื่นหรอก นายน่าจะเพิ่งได้นอนเหมือนเราเนี่ยแหละ” ไม้โทงัวเงียพูด และจะหลับต่ออีกรอบ แต่โดนมือบางฟาดปลุกไปที่ไหล่แกร่งเสียงดัง จนทำให้ชายหนุ่มต้องสะดุ้งตื่นอย่างเต็มตา “ทำไมตื่นเช้า ไม่ง่วงเหรอ” “ไม่ง่วง ตื่นได้แล้ว” นัตตี้บอกก่อนยันตัวลุกขึ้น มองหาเสื้อผ้าเพื่อเอามาสวมใส่แต่กลับโดนท่อนแขนแกร่งคว้าหมับรอบเอวบางให้ล้มลงนอนเหมือนเดิม “นอนต่ออีกหน่อย เจ้านายไม่ว่าอะไรหรอก เจ้านายรู้” ไม้โทบอกนัตตี้ จนเธอใจอ่อนยอมล้มตัวลงนอนอีกรอบ แต่ไม่ได้
พิเศษ 2 กินได้เลย ฉันอนุญาต “อยากกิน แล้วทำไมไม่กินล่ะ” ไม้โทเอ่ยแค่นั้น ก่อนจะจับใบหน้าหวานเกินผู้ชายทั่วไปของนัตตี้ให้แหงนขึ้นมารับริมฝีปากหยักได้รูปที่ทาบทับลงบนริมฝีปากนุ่มมีลิปสติกสีอ่อนทาไว้ นัตตี้เบิกตากว้างเพียงชั่วครู่ให้กับการกระทำของชายหนุ่มที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะทำกับเธอ นัตตี้เริ่มหายใจติดขัดไม่ทั่วท้องเมื่อริมฝีปากหยักบดขยี้ริมฝีปากเธออย่างรุนแรง ก่อนจะเริ่มสอดแทรกลิ้นอุ่นที่มีกลิ่นจางๆของบุหรี่เข้ามาผสมผสานกับกลิ่นแอลกอฮอล์ ตวัดควานหาความหวานในโพรงปาก “อื้อออ” “จะกินหรือไม่กิน” ไม้โทถามขึ้นเมื่อถอนริมฝีปาก ปล่อยให้ปากบางได้รับอิสระ “กินได้จริงๆเหรอ” นัตตี้ถามเพื่อความแน่ใจ กลัวทำทำไปแล้วเขาเกิดเปลี่ยนใจไม่ทำ เธอจะค้างคามากกว่านี้ “ไม่กินฉันจะไปนอนข้างนอกแล้ว” ไม้โททำท่าจะเดินออกไป แต่โดนนัตตี้ดึงรั้งขอบกางเกงเอาไว้เสียก่อน “กะ...กิน ค่ะ” นัตตี้พูดค่ะกับเขาเป็นครั้งแรก คำตอบของเธอทำรอยยิ้มผุดขึ้นบนมุมปากหนาทันที ริมฝีปากหยักทาบทับบดขยี้ริมฝีปากบางนั้นอีกครั้ง ก่อนค่อยๆเลื่
พิเศษ 1 อยากจับไหม? อยากกินมากกว่า... นัตตี้ หรือ นาที ลูกน้องคนสนิทของแบล็คเกอร์ นัตตี้เป็นสาวประเภทสองที่แต่งตัวดูดี ไม่ได้แต่งตัวเป็นสาวจ๋าเหมือนสาวประเภทสองทั่วๆไป ที่สวยเหมือนผู้หญิงจนแยกไม่ออก นัตตี้มีรูปร่างสูงโปร่ง ค่อนข้างไปทางบอบบางกว่าชายปกติทั่วไป ผิวขาวใส ทรงผมรากไทรประบ่าไม่แมนเกินไปและไม่ยาวจนออกสาวมากนัก แต่เรื่องการแต่งหน้านัตตี้จัดเต็ม เพราะเธอชอบดูแลตัวเองให้สวยดูดี ดูแพงอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเป็นบอดี้การ์ดให้นายหญิง แม้ว่าจะเป็นการดูแลอยู่ห่างๆก็เถอะ แต่เธอก็ต้องพร้อมอยู่ทุกสถานการณ์ จึงต้องแต่งตัวให้ดูทะมัดทะแมง เสื้อเชิ้ตขาวสวมทับด้วยสูทสีชมพูอ่อน กางเกงรัดรูปสีขาวดูดี นัตตี้เป็นสาวประเภทสองที่ทั้งเก่งศิลปะป้องกันตัวและเก่งด้านไอทีพอสมควร เธอมีหน้าที่ติดตามดูแลวินเซ่อยู่ห่างๆตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาจากแบล็คเกอร์ คอยรายงานเรื่องราวของวินเซ่ตอนที่ไม่ได้อยู่กับแบล็ค แต่ดูเหมือนว่าจะดูแลห่างๆได้ไม่นาน บางสถานการณ์ก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยจนเธอเองรู้สึกอึดอัด อยากจะแสดงและติดตามอย่างเปิดเผยให้รู้แล้วรู้รอดไป จนแล้วจนรอดเธอก็ตัดสินใจแสดงตัวก
Special Bom Bay 3 ปีต่อมา... เตาะแตะ เตาะแตะ เด็กชายฝาแฝดวัย 3 ขวบ สองคน ในชุดไดโนเสาร์สีเขียวมีฮู้ด เดินเล่นเตาะแตะ อยู่บนถนนแข่งรถ ในสนามแข่งรถของมิวนิค โดยมีสายตาอบอุ่น สองคู่มองดูด้วยความเอ็นดู “ปีนี้ บอม กับ เบย์ ก็ 3 ขวบแล้ว เมื่อไรมึงจะมีเป็นของตัวเอง มาแย่งกูเลี้ยงลูกอยู่เนี่ยแหละ” แบล็คเกอร์เอ่ยขึ้นกับเพื่อนท่ามกลางความเงียบ “อย่ามาหวง กูแค่มาเล่นด้วยเป็นครั้งคราว ทำบ่น” มิวนิคตอบกลับ “ครั้งละหลายวัน บางทีก็เอากลับบ้านด้วย และมาทุกวัน แทบจะย้ายมาอยู่บ้านกูแล้ว” แบล็คตอบอย่างกวนๆ “ก็เมียมึงชวนเมียกู กูไม่ได้อยากมาสักหน่อย” “สาบาน!” แบล็คเกอร์ถามห้วนๆ อย่างไม่จริงจัง เขารู้ดีว่าเพื่อนของเขาน่าจะติดหลานชาย เจ้าก้อนทั้งสองของเขาแน่นอน “ไม่! กูจะตายฟรี” มิวนิคตอบ แล้วเดินออกไปยังรถแข่งคันโปรดที่จอดไม่กลางสนามแข่ง เพื่อเช็คสภาพ เตรียมจะเอาไว้ลงแข่งในค่ำคืนนี้ แบล็คเกอร์ยิ้มๆ แล้วส่ายหัวให้กับความฟอร์มเยอะของเพื่อน ที่ไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองเห่อหลานขนาดไหน เขาเดินตามมิวนิคลงมาเช็ครถ ปล่อยให้ลูกชายทั้งสองเดินเล่นไปเรื่อยๆ “ป๊ะๆ นุงๆ” เสียงอ้อแอ้ร้องเรียกป
แผนการสุดท้ายสำเร็จ... “อื้อออ~” วินเซ่ขยับตัวรู้สึกตื่น เมื่อรับรู้ความหนาวจากเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ วินเซ่พลิกตัวไปเมื่อ แขนเรียวควานหาคนข้างๆ แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า ทันทีที่สติกลับมาเกือบเต็มที่ เปลือกตาบางค่อยๆ ลืมขึ้นปรับแสงจากด้านนอก “ไปไหนของเขานะ หรือไปทำงานแล้ว” วินเซ่ลุกขึ้นจากเตียง เตรียมตัวลงไปด้านล่าง เพื่อหายากินก่อนแล้วค่อยหาอาหารกินจากด้านล่าง วินเซ่เหลือบไปเห็นแก้วน้ำเปล่าและยาคุมฉุกเฉินวางอยู่ หญิงสาวนึกแปลกใจที่เขาเตรียมยาไว้ให้เธอ โดยที่เธอไม่ต้องบอกกล่าว ร่างบางกินยานั้นเรียบร้อยจึงจัดแจงทำธุระส่วนตัวแล้วลงไปด้านล่าง ด้านล่างของคฤหาสถ์ใหญ่ ค่อนข้างเงียบไร้ผู้คน เธอเห็นเพียงแค่แม่บ้านที่กำลังจัดเตรียมอาหารไว้ให้เธอเท่านั้น “เอ่อ...” วินเซ่อยากจะเอ่ยถามแม่บ้าน เมื่อกำลังเดินลงมาจากชั้น “นายหญิง ตื่นแล้วเหรอคะ ป้าเตรียมอาหารให้เสร็จพอดีเลย” ป้าแข ป้าแม่บ้านของตระกูลบูรณิมาเอ่ยหขึ้นกับนายหญิงคนใหม่ของบ้านนี้ “เขาไปไหนกันหมดอ่ะคะป้า” วินเซ่เอ่ยถามป้า เมื่อหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ที่ป้าจัดเตรียมไว้ให้ “คุณหนูแบล็คไปข้างนอกค่ะ สั่งป้าไว้ให้ดูแลนายห
จุดจบ...(ต่อ) หมอภูทำแผลให้แบล็คเกอร์แบบไวที่สุด เพื่อเขาจะได้เข้าพิธีสุดท้ายของการแต่งงานให้เสร็จครบทุกขั้นตอนนั้นก็คือ การส่งตัวบ่าวสาวเข้าเรือนหอ “ลุงหมอครับ” แบล็คเกอร์เอ่ยเรียกหมอที่ทำแผลให้เขา “ว่าไง เจ็บเหรอ” หมอภูถามเขา ในขณะที่ยังก้มหน้าก้มตาทำแผลให้ชายหนุ่มรุ่นหลาน “ไม่เจ็บครับ ผมมีเรื่องอยากให้ช่วย” หมอภูหยุดทำแผล แล้วเงยหน้าขึ้นถามเขา ถึงเรื่องจะให้ช่วย “จะให้ช่วยอะไร” “ลุงหมอพอจะช่วยทำยาให้ผมสักตัวได้ไหมครับ” แบล็คตัดสินใจบอกความต้องการของตัวเองไป “ฉันเป็นหมอ ไม่ใช่คนผลิตยาบ้า” หมอภูพูดด้วยรอยยิ้มมุมปาก แล้วก้มลังไปพันแผลต่อ “ผมรู้ว่าลุงมีโกดังผลิตยา ถึงจะไม่ใช่ยาบ้าหรือยาเสพติด แต่ลุงก็เป็นคนคิดค้นยาได้หลายตัว ผมอยากให้ลุงทำยาตัวหนึ่งให้ผมเท่านั้น” หมอภูละสายตาจากแผลขึ้นมาสบตากับแบล็คแวบหนึ่ง ก่อนก้มลงไปทำแผลต่อ แล้วเอ่ยปากให้เขาบอกสิ่งที่เขาต้องการมา ภายในห้องนอนกว้างขวาง ที่ตกแต่งสีขาวโทนสีชมพูไว้สำหรับทำพิธีเข้าหอ บนเตียงสีขาวมีกลีบกุหลาบที่จัดเป็นรูปหัวใจอยู่กลางเตียง เมื่อพิธีเสร็จสิ้น ภายในห้องทั้งห้องก็เหลือแค่เพียงเธอและเขาเท่านั้น “พี่แบล
จุดจบ... คฤหาสถ์สีขาวนวลสุดหรูหราใหญ่โตมโหฬารสไตล์ยุโรป ด้านหน้าคฤหาสถ์มีสระว่ายน้ำสระเก่าที่เคยอยู่แบบนี้เมื่อ 15 ปีก่อน มีลานด้านหน้ากว้างขวางที่เคยเงียบสงบ แต่บัดนี้ ถูกจัดให้เป็นสถานที่ทำพิธีแต่งงานอย่างครึกครื้นหรูหรา ตรีมสีขาวเหลืองอ่อนพาสเทลสีที่เจ้าสาวชอบ เพราะหากจัดตามสีที่เจ้าบ่าวชอบ บรรยากาศในงานคนน่าจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นงานขาวดำไปเสียก่อน แขกเหรื่อผู้มาร่วมงาน ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสร่วมยินดีกับคู่บ่าวสาวอย่างชื่นมื่น ภายในงานหลังจากพิธีเสร็จสิ้นหมดทุกอย่างแล้ว เหลือเพียงพิธีสุดท้ายคือส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอ แขกเหรื่อกลับไปจนเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงแต่บุคคลที่สนิท และสำคัญทั้งสองครอบครัวเท่านั้น พิธีดำเนินไปจนเกือบจะราบรื่น หากไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ที่มีแขกกลุ่มสุดท้ายเข้ามาร่วมยินดีเกือบ 50 คน “จะชิงมีความสุขโดยไม่สนใจว่าทำอะไรกับลูกสาวกูบ้างเลยหรือไง” เสียงแหบใหญ่ของชายวัยกลางคนดังขึ้น เมื่อขับรถเข้ามาจอดยังลานกว้างที่เป็นสถานที่จัดงานแต่ง วิชัย มาเฟียอีกกลุ่มที่ทำธุรกิจกับทั้งพ่อแบล็คเกอร์และวินเนอร์พ่อของวินเซ่ และเขายังเป็นพ่อของกันตา ผู้หญิงที่ตายด้วยน้ำมือขอ
แผนการเมื่อ 15 ปี สำเร็จสักที... ร่างบางถูกคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำ นั่งบนตักของแบล็คเกอร์ที่เปลือยท่อนบนเพราะเอาเสื้อของตัวเองคลุมให้คนตัวเล็ก อยู่บนเบาะด้านหลังคนขับ ท่อนแขนแกร่งประคองกอดอย่างทะนุถนอม เขากลัวจะเสียเธอไปเหลือเกิน “กลับบ้านเล็กหรือคอนโดครับนาย” ไม้โทถามขึ้นแล้วมองเจ้านายผ่านกระจกมองหลัง “บ้านเล็ก” เขาตอบ “พี่แบล็ค!!” วินเซ่ที่กำลังซบอยู่ที่ซอกคอใหญ่ ดันตัวลุกขึ้น ร้องเรียกเขาจนเขาสะดุ้งตกใจ กระชับอ้อมแขนอย่างอัตโนมัติ “มีอะไร เจ็บตรงไหนคะ?” เขารีบถามอย่างห่วงใย “พี่นัตตี้ล่ะคะ ไปช่วยพี่นัตตี้ก่อน พี่นัตตี้โดนยิงเพราะวินซ์” ร่างบางเริ่มน้ำตาคลอเบ้า เป็นห่วงนัตตี้และโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลา ที่นัตตี้โดนยิงก็เพราะความดื้อของเธอที่จะมาเที่ยวที่คลับนี้ให้ได้ และเพราะนัตตี้ปกป้องเธอจึงถูกยิง “นัตตี้ปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องห่วง” เขาใช้มือหนาลูบหัวคนบนตักอย่างปลอบประโลม เขาเองก็รู้สึกผิดที่ผ่านมาไม่ทำอะไรกันตาจนวินเซ่ต้องเจอทุกสิ่งทุกอย่างสารพัด มาครั้งนี้ที่หนักสุดจนเขาไม่อาจปล่อยไปได้อีก นัตตี้ที่อยู่กับเขามานาน เป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ และรักเจ้านาย นัตตี้เป็นคนเก่ง
มีความสุขเถอะนะ...กันตา...(ต่อ) ลูกน้องของกันตาจับหญิงสาวทั้งสองไว้เตรียมพาขึ้นรถ ไปที่ไหนสักทีหนึ่ง ระหว่างยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นั้น นัตตี้ก็วิ่งเข้ามาพอดี พร้อมกับตะโดนออกมาด้วยเสียงตวาดกร้าวเป็นเสียงผู้ชายแมนๆ “เห้ย!! พวกมึงจะทำอะไร!!” ทุกสายตาหันไปมองเป็นตาเดียว เมื่อได้ยินเสียงและเห็นนัตตี้วิ่งเข้ามา “จัดการมัน! ที่เหลือจับตัวอีสองตัวนี่ไป” กันตาสั่งลูกน้องแล้วตัวเองขึ้นรถออกนำไป ปัง! เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด เรียกสายตาของวินเซ่และแฟร์รี้ให้หันไปมอง ตาของวินเซ่เบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นภาพคนที่ล้มลงไปกองกับพื้นคือพี่นัตตี้ที่ถือปืนค้างไว้กำลังจะเตรียมยิง แต่โดนยิงเข้าที่หน้าท้องจนล้มลงเสียก่อน “ม่ายยยยย!!! พี่นัตตี้!!!” วินเซ่ดิ้นจะให้หลุดจากการเกาะกุมของพวกชายฉกรรจ์ แต่แรงของเธอไม่สามารถสู้ได้ วินเซ่หน้าแดงไหลอาบแก้ม มีแฟร์รี่ร้องไห้อยู่ข้างๆ เธอเป็นห่วงนัตตี้ ที่นัตตี้เป็นแบบนี้ก็เพราะความดื้อรั้นของเธอ “ฮึกๆ พะ...พี่ตา ช่วยพาพี่นัตตี้ไปหาหมอก่อนนะ วินซ์ขอร้อง...ฮือออ” วินเซ่ขอร้องกันตา จะจับเธอไปทำอะไรก็ได้ แต่อยากให้ช่วยนัตตี้ให้ถึงมือหมอก่อน แต่ดูเห