Ep.2
100+ Million ฿
“คุณคือใครกัน และมีสิทธิ์อะไรเข้ามาในบ้านฉัน” ฉันถามเขาด้วยเสียงสั่น ๆ และถอยหลังอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“เช็กของมีค่าทั้งหมดแล้วครับนาย ทรัพย์สินในบ้านรวมได้เกือบห้าล้านบาท ไม่รวมตัวบ้าน ไม่รวมที่ดิน และก็รถครับ” ชายชุดดำคนหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาโค้งให้ผู้ชายคนนี้ ก่อนจะอ่านสมุดโน้ตในมือของตัวเอง
“หนี้มันตั้งร้อยกว่าล้าน แค่ทรัพย์สินโง่ ๆ ห้าล้านถึงสิบล้าน มันคงไม่พอกับที่บริษัทของฉันเสียไปหรอก!!!” ผู้ชายตรงหน้าพูดด้วยแววตาเหยียด ๆ และใบหน้าที่นิ่งแข็งราวรูปปั้น
“นี่พวกคุณทำอะไรกันอะ ...มีสิทธิ์อะไรเข้ามาที่บ้านฉัน และยัง...” ฉันมองไปรอบ ๆ อย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาเดินชนไหล่ของฉันออกไปอย่างไม่คิดจะแนะนำตัว หรือบอกอะไรเลย
“เดี๋ยวสิ นี่มันอะไรกันอะ อย่างน้อยคุณควรอธิบายให้ฉันรับรู้ และพ่อฉันไปทำอะไรให้” ฉันหันไปขึ้นเสียงถามคนตรงหน้าอย่างหมดความอดทน เพราะว่าอย่างน้อยเขาควรจะบอกอะไรกับฉันบ้าง เขาหันหน้ามามองฉันอย่างนิ่ง ๆ
“ข้อแรกก็คือ ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธออีกต่อไป” เขาตอบอย่างปัด ๆ
ฉันแต่ได้ยืนมองหน้าของหมอนั่นอย่างช็อก ๆ และไม่เข้าใจ
“ข้อสอง พ่อเธอโกงบริษัทของฉัน ยักยอกเงิน เปิดเผยความลับของบริษัท รวม ๆ แล้ว เงินที่เขาต้องจ่ายคืนก็แค่ร้อยล้านกว่าบาทเท่านั้นเอง” เขาตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง
“ร้อยล้าน????” ฉันแทบทรุดเมื่อรู้ถึงจำนวนเงินนั่น
ฟุบบบ
หมอนั่นโยนเอกสารฟ้องร้องและหมายศาลต่าง ๆ ลงกับพื้นอย่างไร้มารยาทที่สุด
“สาบาน ว่าเธอไม่รู้เรื่องนี้” เขาเลิกคิ้วถามฉัน ก่อนจะพ่นลมหายใจ
ฉันส่ายหน้าและหยิบเอกสารทั้งหมดขึ้นมาอ่านทีละใบ ด้วยจิตใจที่แทบแหลกสลาย
“ส่งลูกสาวคนโตเรียนต่างประเทศ ลูกคนเล็กเรียนอินเตอร์ ขับรถโก้หรู บ้านราคายี่สิบล้าน รถ
ของใช้ดี ๆ แพง ๆ เงินทั้งหมดก็คือเงินที่พ่อเธอ ตั้งใจโกงฉันมาไง?? ไม่รู้เลยสักนิดเหรอ???” เขาพูดเน้นย้ำและกดเสียงแข็ง แววตานั่นจ้องมาที่ฉันอย่างเกลียดชัง
“มันไม่จริง พ่อฉันไม่ได้ทำแบบนั้น” ฉันส่ายหน้าและมองเอกสารเหล่านั้นอย่างไม่มั่นใจ
“มันไม่จริงอะ” ฉันพูดกับตัวเองอย่างรับไม่ได้
“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อถามว่าจริงหรือไม่จริง แต่ฉันมาที่นี่เพื่อทวงหนี้ หนี้ที่สูงถึงหนึ่งร้อยกว่าล้าน ที่พ่อเธอโกงฉันไป” เขาก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ และพูดเน้นย้ำกับฉัน
ฉันเงยหน้าสบตาคนตรงหน้าอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ฉันต้องการมันคืน ทั้งหมด ทุกบาท ทุกสตางค์” เขาเอื้อมมือมาบีบที่ไหล่ของฉันและจ้องตาของฉันจนเป็นฉันเองที่หลบสายตาคู่นั้น
“นายครับ เราเจอตัวภรรยากับลูกสาวคนเล็กของไอ้พสุธแล้วครับ” หนึ่งในลูกน้องอีกคนของผู้ชายคนนี้เดินเข้ามาบอกเขาทันที
“จับตัวมา ทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ” เขาตอบกลับไปนิ่ง ๆ
“นายจะทำอะไรพวกเขาอะ ฉันจะแจ้งตำรวจว่านาย...” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบประโยค...
เพล้งงงง…
คนตรงหน้าก็ปัดแจกันของเก่าโบราณที่มีราคาของบ้านฉันลงกับพื้นทันที
“หุบปาก ฉันรำคาญ!!” เขาพูดนิ่ง ๆ แค่นั้น
แต่ฉันกลับไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรต่ออีกเลย แม้แต่คำเดียว ทำได้แค่ยืนหลบสายตาคู่นั้น
หลังจากที่ฉันเข้ามาในบ้านหลังนี้ ฉันก็ไม่สามารถออกไปไหนได้อีกเลย… หน้าบ้านมีบอดี้การ์ดคุ้มกัน ของใช้ในบ้านถูกรื้อกระจัดกระจาย เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินมีค่าในบ้าน
เราโดนยึดทุกสิ่งทุกอย่าง ไปทั้งหมด… ในชั่วพริบตาเดียว
คนที่ฉันเป็นห่วงที่สุดก็คือพ่อ… รองมาก็คือน้าผึ้งกับแพรวดาว ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน...
ของมีค่า โฉนดที่ดิน บ้าน หรือไร่ที่ต่างจังหวัด รวมไปถึงทะเบียนรถ กุญแจ และทองคำที่พ่อกับน้าผึ้งใส่เอาไว้ในเซฟ ถูกเอามาเรียงเอาไว้ในห้องรับแขกทั้งหมด รวมถึงฉันที่ถูกคุ้มคุมตัวมานั่งรอในห้องรับแขกบ้านของตัวเองราวกับเป็นนักโทษ
“ปล่อยลูกสาวฉันไปเถอะจับฉันคนเดียวได้ไหม??” เสียงของน้าผึ้งที่พูดด้วยความสั่นเครือ และทั้งคู่ก็กำลังถูกคุมตัวมารวมกับฉัน
“พริบพราว??”
น้าผึ้งแอบตกใจเหมือนเห็นหน้าของฉัน ซึ่งฉันก็รีบลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาทุกคน ถึงแม้ลูกน้องของผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้จับตัว หรือกระชาก แต่การเดินคุมตัวมาแบบนี้ก็สร้างความกลัวให้พวกเราไม่น้อยเลย
“พี่พราว” ยัยแพรวดาวเดินเข้ามากอดฉันตัวสั่น ๆ
“น้าโทร. หาหนูไม่ติดเลย ส่งข้อความไปบอกแล้วหนูไม่ได้รับเหรอลูก?” น้าผึ้งถามด้วยใบหน้าที่กังวล
“แบตหนูหมดน่ะค่ะ และที่ไม่ได้รับ คงเป็นตอนขับรถมาพอดี” ฉันตอบและกอดตอบยัยแพรวดาวที่ยังตัวสั่น ๆ
“แต่ดีแล้ว ยังไงเรื่องนี้เราควรเผชิญมันด้วยกัน” ฉันหันไปพยักหน้าตอบรับกับน้าผึ้งไป
“ตามตัวมาได้ครบแล้วครับ นาย” เสียงของผู้ชายที่ยืนด้านหลังตะโกนบอกเจ้านายของเขาที่ยืนกอดอกมองเรามาจากด้านบนบ้าน
“คุณบลูไนท์” เสียงของน้าผึ้งเรียกชื่อผู้ชายคนนั้นอย่างสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่
คุณบลูไนท์งั้นเหรอ?? ฉันได้แต่ทวนชื่อนั้นภายในใจ
ขณะที่เจ้าตัวก้าวลงบันไดทีละขั้นมาด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบ แววตาที่ไร้ความรู้สึกและเย็นชา
“เชิญนั่งสิ ทำตัวตามสบายนะคิดซะว่ายังเป็นบ้านของตัวเอง” เขาพูดขึ้นก่อนจะผายมือไปที่โซฟาชุดหรูของบ้านเราใจกลางห้องรับแขก
ฉันหันไปมองหน้าน้าผึ้งซึ่งน้าผึ้งเองก็พยักหน้าเบา ๆ ให้ฉันทำตามที่เขาต้องการไป
“เธอจะไปเก็บพวกตุ๊กตา หรืออุปกรณ์การเรียนของตัวเองก่อนก็ได้นะ” เขาหันไปพูดกับยัยแพรวดาวที่จับแขนของฉันไม่ปล่อย
“งั้นแพรวดาวไปกับพี่พริบพราวก่อนเถอะลูก เดี๋ยวแม่อยู่คุยกับคุณบลูไนท์เอง” น้าผึ้งหันมาพูดด้วยเสียงที่ปกติเพื่อไม่ทำให้แพรวดาวรู้สึกกลัวไปมากกว่านี้
“พราวไปส่งน้องเก็บของก่อนนะ” น้าผึ้งพูดกับฉันเบา ๆ
แต่ในจังหวะที่ฉันกำลังจะลุกขึ้น
“แต่ผมว่าเธอโตมากพอที่จะรับรู้เรื่องเลว ๆ ของพ่อตัวเองแล้วนะ” บลูไนท์ตวัดสายตามองมาที่ฉันนิ่ง ๆ
“ถ้าจะยังจะเอาหนังสือเรียนและของใช้ เธอก็เดินขึ้นไปคนเดียว!!!” บลูไนท์พูดเสียงแข็งกับยัยแพรวดาวที่ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา
ฟุบบบ!!
“แต่ถ้าจะไม่เอา ก็นั่งลง” เขาพูดก่อนจะหยิบปึกเอกสารกองโตขึ้นมาวางลงบนโต๊ะแรง ๆ
“รีบไปสิลูก” น้าผึ้งรีบบอกกับแพรวดาว ซึ่งน้องเองก็รีบเดินออกไปเช่นกัน
“นั่นคืออะไรเหรอคะ?” น้าผึ้งถามคุณบลูไนท์ด้วยใบหน้าที่งง ๆ
“เอกสารหลักฐานที่รวบรวมการโกงเงินบริษัทของสามีคุณไงล่ะ” เขาปัดกองกระดาษนั่นส่งมาให้น้าผึ้ง
ซึ่งฉันรู้ว่าน้าผึ้งคงอ่านไม่เข้าใจแน่ ๆ ฉันก็รับมันมาตรวจสอบดูเอง
เท่าที่ฉันรู้คือพ่อทำงานให้บริษัทนี้มาตั้งแต่ก่อนที่ฉันจะเกิดด้วยซ้ำ
“พ่อเธอเป็นคนฉลาด และเก่งรอบด้าน เป็นคนที่ทางบริษัทไว้ใจ และให้ค่าตอบแทนที่สูงมาก มากจนไม่คิดว่ายังจะกล้าทรยศกัน” บลูไนท์พูดขึ้นพลางกดโทรศัพท์ไปด้วย
“ยักยอกเงินบริษัทมาเกือบห้าปี ได้ไปราว ๆ ร้อยกว่าล้าน นี่ไม่นับกับที่เอาความลับของบริษัทเราไปขายให้กับคู่แข่งอีกนะ” เขาเงยหน้าจากโทรศัพท์และมองฉันสลับกับน้าผึ้ง
“ไม่จริงอะ สามีของฉันไม่ใช่คนไม่ดี” น้าผึ้งดูเอกสารนั้นทั้งน้ำตาคลอ
ฟุบบบบ... มือถือของเขาวางลงบนโต๊ะ
ก่อนจะเปิดคลิปที่พ่อของฉันถูกตำรวจจับกุมตัว พร้อมทั้งเสียงไล่โห่ และปาข้าวของ ปาเศษขยะใส่หน้าอย่างไร้ศักดิ์ศรี
“พ่อ…” ฉันแทบช็อกเมื่อเห็นว่าคนอื่น ๆ ทำกับพ่อฉันต่ำตมแค่ไหน
“นี่คุณสั่งให้ลูกน้องของคุณทำแบบนี้กับพ่อของฉันได้ยังไง มันไม่เกินไปเหรอ??” ฉันถามด้วยเสียงสั่น ๆ ที่เต็มไปด้วยความโกรธ
In video clip
“ออกไปเลยไอ้ขี้โกง ไอ้โกง ไอ้เลว” เสียงพนักงานคนอื่น ๆ ตะโกนดังลั่น ไล่พ่อของฉันออกจากบริษัทโดยมีตำรวจกำลังจับกุม
“แกต้องรับผิดชอบเงินที่โกงไปทั้งหมด แกต้องรับผิดชอบ” เสียงคนอื่น ๆ ยังคงฮึกเหิม
“ใช่ หน้าด้านมาก ขอให้เจอแต่ความวิบัติฉิบหาย” คนมากมายรวมตัวกันสาปแช่ง
“กูก็ว่า บริษัทเราโตขึ้น ๆ แต่เงินเดือนกูกลับเท่าเดิม ที่แท้มีคนสาระเลวแบบมึงเป็นหัวหน้านี่เอง” ทุกคนด่าทอพ่อฉันอย่างเจ็บใจและปาข้าวของใส่อย่างไร้ซึ่งความยำเกรง
“หยุด ๆ ให้มันเป็นหน้าที่ตำรวจ!! กลับไปทำงานซะ” เสียงของใครบางคนพูดขึ้น และเดินมาห้ามปรามทุกคนในห้อง
“ส่วนเงินเดือนที่หายไปฉันจะจ่ายคืนให้ทุกคน” เสียงนั้นทำให้หลาย ๆ คนยอมสงบลงได้
“ฉันจะทวงหนี้ของบริษัทและของทุกคนให้เองจนครบทุกบาท” เสียงที่คุ้น ๆ นั่นก็คือเสียงของคนตรงหน้าของฉันเอง
ฟุบบ
ยังไม่ทันที่ฉันจะดูได้จบดี เขาก็กระชากโทรศัพท์คืนไปทันที
“ดิฉันกับเด็ก ๆ เราไม่รู้เรื่องนี้เลยจริง ๆ นะคะ คุณบลูไนท์โปรดเห็นใจด้วย”
น้าผึ้งพูดและแทบจะยกมือไหว้เขา
“พวกลูก ๆ ของคนอื่นก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเหมือนกัน แต่พวกเขาก็ได้รับผลกระทบ” เขาตอบเสียงแข็ง ก่อนจะกวักมือเรียกให้หนึ่งในลูกน้องเดินเข้ามาหา
“ตอนนี้นับรวมสินทรัพทย์ทั้งหมด ทั้งบ้าน รถ ที่ดิน และทองคำที่เก็บเอาไว้ ตีต่ำ ๆ ได้ราว ๆ 25 ล้านบาทครับ” ลูกน้องของเขาเอ่ยตอบอย่างหนักแน่น
“ดี ยึดให้หมด และขายทอดตลาดได้เลย ฉันจะเอาเงินไปคืนพวกพนักงานในบริษัท” เขาพูดก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา เขาหันมามองหน้าฉันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
“ส่วนหนี้อีกร้อยล้านที่เหลือ ถ้าภายในสามวันนี้หามาคืนไม่ได้ พ่อเธอก็แค่แก่ตายในคุก ส่วนเธอกับแม่และน้องก็ต้องรับกรรมชดใช้หนี้ไปจนหมด ทุกบาททุกสตางค์” เขาตอบอย่างหนักแน่น
“นั่นมันหนี้ของคนเป็นพ่อ พวกลูกจะไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะคะ” น้าผึ้งพยายามพูดออกมาอย่างทักท้วง
ส่วนฉันที่รู้เรื่องกฎหมายดีก็ทำได้แค่ก้มหน้ารับฟังอย่างเจ็บปวด น้าผึ้งเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนฉันกับยัยแพรวดาว ก็นับเป็นผู้สืบสันดานโดยตรง
ตามหลักของกฎหมาย เราคงหลีกเลี่ยงเรื่องหนี้น้ันไม่ได้
“ไปศึกษากฎหมายมาก่อน ฉันไม่เสียเวลาพูดกับคนที่... ไม่มีความรู้” นั่นคือคำพูดดูถูกจากเขาคำสุดท้ายที่ฉันทำได้เพียงกำหมัดแน่น
“แต่เราไม่สามารถหาเงินขนาดนั้นได้ภายในหนึ่งวันหรือสามวันหรอกนะคุณ” ฉันพูดไปอย่างหมดทางเลือก
“นั่นไม่ใช่ปัญหาของฉัน” เขาตอบแค่นั้น ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่สนใจใด ๆ
เหลือเพียงแค่เหล่าลูกน้องของเขาที่เก็บข้าวของมีค่าในบ้านออกไปจนหมด
แพรวดาวเดินลงมาพร้อมกับหนังสือและกระเป๋าของตัวเองด้วยใบหน้าที่เศร้า ๆ ทั้งน้ำตาคลอ
“เดี๋ยวผมขอเชิญทุกคนออกจากบ้านหลังนี้ด้วยนะครับ เพราะเราจะทำการล็อกและเตรียมขายทอดตลาดวันพรุ่งนี้” ลูกน้องของเขาพูดกับฉันอย่างสุภาพและทำตามหน้าที่ของตัวเอง
“แต่เราไม่มีที่อยู่อื่นแล้วจริง ๆ ขอเราอยู่ที่นี่สักคืนจะได้ไหม?” น้าผึ้งพยายามจะต่อรอง
“ไม่ได้ครับ ผมต้องรีบจัดเตรียมบ้านหลังนี้เพื่อขายให้ไวที่สุด” เขาตอบออกมาตามตรง
ฉันกับน้าผึ้งทำได้แค่มองหน้ากันอย่างหมดหนทาง
ลูกน้องคนนั้นถอนหายใจใส่เราอย่างเหนื่อยที่จะอธิบาย แต่เขาก็พยายามเก็บอาการนั่น และพูดต่อด้วยความสุภาพ
“สามีคุณ มีความผิดหลายคดีด้วยกัน ทั้งฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ และข้อหาอื่น ๆ ที่ทางทนายกำลังเอาผิดและรอขึ้นศาลพิจารณาอยู่”
ลูกน้องของผู้ชายคนนั้นเริ่มอธิบายให้เราฟัง ในสิ่งที่เขาไม่อธิบายเรื่องของพ่อ
“ท่านสร้างบัญชีตัวเองขึ้นมาแปดธนาคาร และสร้างชื่อพนักงานปลอม เอกสารปลอม เพื่อให้ระบบของบริษัทโอนเงินเข้าบัญชีทั้งแปดนั่นทุกเดือน เดือนละหนึ่งแสนบาท โกงแบบนี้มาเกือบห้าปี”
เขาอธิบายและเปิดเอกสารนั้นว่าต่ออย่างละเอียดยิบ ฉันทำได้แค่มองเอกสารนั้นอย่างผิดหวัง และท้อใจ
“ไม่มีใครระแคะระคายเรื่องนี้เลย เพราะพ่อของคุณทำงานกับบริษัทมานาน เกือบสามสิบปี และตำแหน่งของท่านเองก็สูงเทียบเท่าผู้บริหารเลยด้วยซ้ำ ท่านประธานใหญ่เองก็เชื่อใจมาตลอด” เขาพูดเชิงตัดพ้อเรื่องที่พ่อของฉันทำ
“และการฉ้อโกงในรูปแบบต่าง ๆ ถูกจับได้หลังจากที่คุณบลูไนท์เข้ามารับช่วงต่อ ยอด revenue บริษัทสูงมาก แต่เงินที่โชว์เข้ามากลับไม่ตรง และรายได้พนักงานกลับเท่าเดิม และโบนัสที่ต่ำ จนทำให้เราเสียพนักงานมือดี ๆ หลายคนให้บริษัทคู่แข่งของเราเอง” ลูกน้องคนนั้นพูดต่อพลางเปิดเอกสารประกอบไปด้วย
“คุณภูผา”
ฉันเรียกชื่อนั้นเบา ๆ ฉันมองไปที่ภาพพ่อกำลังนั่งจับมืออยู่กับคุณภูผา คนที่เราเพิ่งเจอเมื่อวานนี้เอง
“ข้อมูลลับของบริษัทรั่วไหลออกไปยังบริษัทคู่แข่ง ที่ทั้งดึงคนงานฝีมือดี ดึงลูกค้ารายใหญ่ ๆ ดึงรายได้ของเราไป ทั้งหมดเกิดขึ้นจากฝีมือของพ่อคุณเอง” เขาพูดอย่างสุภาพ แต่คำพูดนั้นทำเอาฉันกับน้าผึ้งพูดอะไรไม่ออกเลย
“พ่อฉัน ทำได้ขนาดนั้นเลยจริงเหรอ?” ฉันพูดอย่างรู้สึกหน้าชา เพราะไม่คิดว่าพ่อของฉันจะมีด้านมืด และมืดมิดได้มากขนาดนี้
“ผมยอมรับในความรู้ความสามารถของคุณพ่อคุณนะ แต่คุณต้องเข้าใจ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน”
เขามองไปรอบ ๆ ตัวบ้านที่ใหญ่และหรูหราของฉัน
แต่ละคำของพวกเขา เหมือนฉันกับน้าผึ้งโดนตบหน้าไปหลาย ๆ รอบ
“ผมรู้ว่าพวกคุณเองก็กำลังจะเผชิญความลำบาก แต่ผมจำเป็นต้องทำตามคำสั่งคุณบลูไนท์จริง ๆ และอีกอย่างก็คือ คนอื่น ๆ ก็ลำบากเพราะการกระทำของพ่อคุณเหมือนกัน” เขาพูดก่อนจะเริ่มเดินทยอยปิดไฟไล่พวกเราออกจากบ้าน
ซึ่งฉันเองก็หมดทางเลือกจริง ๆ จึงต้องเก็บของใช้ส่วนตัวที่แทบไม่มีค่าใด ๆ เดินออกมาจากบ้านกันทั้งสามคน...
พวกลูกน้องขับรถหรูของพวกเราไปทีละคัน ทีละคัน...
โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ยึดโทรศัพท์และกระเป๋าเงินของเรา น้าผึ้งจึงติดต่อขอไปอยู่กับญาติห่าง ๆ ของเธอเพื่อขออาศัยพักคืนนี้
บนรถแท็กซี่ทุกคนต่างเงียบกันมาตลอด จนฉันรู้สึกว่า ในเมื่อตอนนี้พ่อไม่ได้อยู่ช่วยเหลือพวกเราแล้ว ฉันก็ควรจะเป็นหลักให้คนในบ้านให้ได้
ฉันเหลือบไปมองน้าผึ้งที่นั่งน้ำตาซึมมาตลอดทาง
เพราะว่า ครอบครัวของเราไม่เคยตกต่ำได้เท่านี้มาก่อนเลยจริง ๆ ไม่แปลกที่ทุกคนจะช็อกและรับไม่ได้กับเรื่องนี้
“คืนนี้มีการบ้านเยอะไหม?” ฉันเริ่มต้นคุยกับยัยแพรวดาวที่นั่งก้มหน้ามาตลอดทาง...
“หนูยังไปเรียนต่อได้อีกเหรอคะ?” แพรวดาวพูดด้วยเสียงสั่น ๆ ทั้งน้ำตาคลอ
“เรียนได้สิ และก็ต้องเรียนให้ดีด้วย เพราะพ่อจ่ายค่าเทอมเราไปแล้ว เรื่องเรียนของหนูไม่ใช่ปัญหาอะไร แค่ไปเรียนตามปกตินั่นแหละ”
ฉันลูบหัวน้องสาวตัวเองอย่างอ่อนโยน และพยายามบอกให้เธอเข้มแข็งทั้งที่แม้แต่ตัวฉันเองยังเสียงสั่นไม่หาย...
รถแท็กซี่ขับมาจอดเทียบที่หน้าบ้านทาวน์เฮ้าส์หลังขนาดกลาง ๆ ซึ่งเป็นบ้านญาติห่าง ๆ ของน้าผึ้งในกรุงเทพฯ
“เดี๋ยวน้าผึ้งส่งแพรวดาวเข้านอนเลยนะ น้องง่วงแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเรียนอีก” ฉันเดินไปพูดกับน้าผึ้งและยิ้มเพื่อสร้างกำลังใจให้กันและกัน
“แล้วพริบพราวจะไปไหนลูก?” น้าผึ้งถามด้วยความเป็นห่วง
“เดี๋ยวพราวจะรีบกลับค่ะ” ฉันตอบไปแค่นั้น ก่อนจะเอื้อมมือปิดประตูรถ หลังจากที่ทั้งน้าผึ้งและแพรวดาวลงไป...
“ช่วยขับวนไปสถานีตำรวจทองหล่อค่ะ” ฉันหันไปบอกพี่แท็กซี่ที่กำลังจะกดหยุดมิเตอร์พอดี ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับ
ฉันมาถึงสถานีตำรวจ ด้วยคำถามมากมายที่อยากจะถามพ่อว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวเรา
พ่อทำมันจริง ๆ ใช่ไหม พ่อทำแบบนั้นทำไม...ทำไมเราต้องละโมบโลภมากขนาดนั้น... ทำไมกัน
แต่เชื่อไหมว่าคำถามนั้นหมดไปทันที ที่ฉันเห็นสภาพของพ่อตัวเองที่มีรอยช้ำเต็มใบหน้าจากการถูกปาข้าวของใส่ เหมือนในคลิปที่หมอนั่นเปิดขึ้นมา
พ่อของฉัน มองเล็ดลอดผ่านกรงเหล็กนั่นมาทั้งน้ำตาคลอ
“พ่อขอโทษนะลูก...” ท่านพูดออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งจนแทบจะไม่ได้ยินอะไร น้ำตาไหลอาบลงสองแก้ม
ฉันอยากจะเดินเข้าไปกอดและปลอบท่านเหลือเกิน แต่ทำได้แค่เกาะขอบกรงขังที่แน่นหนานั่นอย่างแทบใจสลาย
“คดีฉ้อโกง ยักยอก และอีกหลาย ๆ คดีรวมกัน อย่างต่ำก็คงสิบปีถึงจะได้ออก แต่ถ้าอย่างมากก็ยี่สิบ สามสิบปี”
ตำรวจผู้คุมเห็นว่าฉันมองเข้าไปในห้องขัง ท่านก็เลยเลือกที่จะอธิบาย ก่อนจะเดินออกไปเพื่อทิ้งให้เราสองพ่อลูกได้คุยกัน
ฉันเอื้อมมือสอดเข้าไปในกรงเล็กแคบ ๆ เพื่อจับกับมือหนา ๆ ของพ่อ ทั้งน้ำตา
“หนูจะทำทุกอย่างให้พ่อออกมาให้ได้... หนูจะไม่ทิ้งพ่ออยู่ในนั้นแน่ ๆ” ฉันเอ่ยคำมั่นสัญญาออกไปอย่างจริงจัง
พ่อของฉันทำได้แค่ส่ายหน้าทั้งน้ำตา... แววตาของพ่อดูหมดแล้วซึ่งแสงเแห่งความหวังใด ๆ
“หนูก็จะหาเงินมาใช้แทนหนี้นั้น ไม่ว่ามันจะกี่สิบ กี่ร้อยล้าน หนูก็จะหามาให้ได้...” ฉันพูดกับพ่อด้วยเสียงที่สั่นเครือ เพราะสงสารท่านสุดหัวใจ
"ไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ตาม..." ฉันพูดทั้งน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้าง...
และนั่น... คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวระหว่างฉัน... กับเขา...
...ผู้ชายที่ใจร้าย และเย็นชาคนนั้น... คุณบลูไนท์...
Ep.3Unlucky girl“พ่อขอบใจหนูมากนะลูกรัก แต่หนูไม่มีทางหาเงินก้อนนั้นมาได้หรอกลูก มันมากเกินไป” พ่อส่ายหน้าอย่างสิ้นหวังเราต่างคนต่างเงียบและน้ำตาคลอกันทั้งคู่ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก จนฉันเองก็แทบไม่ได้ตั้งตัวเลย“พ่อขอโทษนะพราว พ่อขอโทษที่... พ่อทำให้ลูกเดือดร้อนไปด้วย พ่อไม่ดีเอง ๆ” ท่านพูดออกมาเสียงเบาและแหบแห้งฉันเงยหน้ามองท่านทั้งน้ำตา ไม่ว่าจะพยายามข่มใจให้เข็มแข็งมากแค่ไหน ฉันก็ยังร้องไห้ออกมาอยู่ดี“หนูไม่เป็นไรค่ะพ่อ ทุกคนโอเค” ฉันพูดอย่างปลอบใจคนเป็นพ่อถึงฉันจะรู้ว่าพ่อของฉันมีส่วนผิดแต่ฉันรู้ว่าเขาตั้งใจทำเพื่อใคร… เพื่อฉัน เพื่อครอบครัวของเรานั่นเอง...“น้าผึ้งกับน้องเป็นไงบ้าง?” พ่อถามถึงน้าผึ้งกับแพรวดาวเมื่อมองว่ามีฉันมาเพียงคนเดียว“น้าผึ้งกับน้องได้นอนที่บ้านญาติของน้าผึ้งแล้วค่ะ พรุ่งนี้ยัยแพรวดาวมีไปโรงเรียนแต่เช้าเลยไม่ได้มาเยี่ยมพ่อนะคะ” ฉันตอบไปแทนไปเพื่อให้พ่อสบายใจ“ดีแล้วล่ะ พ่อไม่ได้อยากให้ใครมาเห็นพ่อในสภาพนี้” พ่อเอามือลูบหน้าตัวเองทั้งน้ำตาพ่อของฉันเป็นคนมีความสามารถ และฐานะหน้าที่การงานก็ไม่ได้แย่เลย ท่านเป็นที่เคารพของพนักงานมากมายหลายคนแต่พ่อ… ไ
Ep.4Bad moon risingภายในห้องแต่งตัว ส่วนตัวของคุณคริสตัล ในงานอีเวนต์หนึ่ง“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?” เธอถามขึ้นขณะที่ตายังโฟกัสไปที่โทรศัพท์ของเธอ“ไม่มีค่ะ” ฉันเลือกที่จะไม่รบกวนสมาธิทำงานของเธอด้วยปัญหาส่วนตัวของฉันเด็ดขาดคุณคริสเงยหน้ามองฉันนิ่ง ๆ“ถ้ามีอะไรก็บอกแล้วกัน ถือซะว่าฉันเป็นรุ่นพี่เธออีกคนก็ได้” เธอพูดด้วยเสียงนิ่ง ๆ ตามสไตล์คุณคริสนั่นแหละ ก่อนที่เธอจะเดินถือแก้วค็อกเทลเดินหายไปในห้องลองชุด“ขอบคุณนะคะ” ฉันตอบกลับอย่างรู้สึกดี ก่อนจะรีบเดินไปช่วยเธอเปลี่ยนชุด แต่คุณคริสห้ามไว้ซะก่อน“แค่สวมและถอดง่าย ๆ ฉันทำได้” เธอพูดแค่นั้นก่อนจะส่งแก้วค็อกเทลให้ฉัน และหันหลังเดินไปเอาจริง ๆ เธอเป็นดาราที่ดูหยิ่งและเข้าถึงยากจริง ๆ แต่พอได้ทำงานใกล้ชิดแล้วจริง ๆ คุณคริสเธอใส่ใจคนรอบข้างเสมอ แค่ไม่แสดงออกและไม่เซ้าซี้เท่านั้นเองหลังจากที่คุณคริสเปลี่ยนชุดเสร็จ เธอก็กลับมานั่งที่โต๊ะประจำที่ เพื่อรอช่างแต่งหน้าที่ทางงานได้จ้างมาโดยเฉพาะ เห็นว่าเป็นช่างติดอันดับ 1 ใน 3 ของไทยเลย“เป็นเกียรติมากเลยนะคะ ที่ได้แต่งหน้าคุณคริส” ช่างแต่งหน้าเพศที่สามเดินถือกระเป๋าเครื่องสำอางแบรนด์ช
Ep.5Don’t touch my sister“พ่อเธอเอาข้อมูลความลับลูกค้า และความลับของบริษัทไปขายจนหมด คนทรยศแบบพ่อเธอ ช่วยฉันคิดทีสิ ว่าจะฆ่าฉันด้วยวิธีไหนดี?” เขาก้มลงมากระซิบข้างใบหูของฉัน“ไม่... ม่ายนะ อย่าทำแบบนั้นเลย” ฉันตอบกลับไปเสียงสั่น ๆ อย่างกลัวเหลือเกิน...“เงินใช้หนี้?? มีไหม?” เขาถามกลับมานิ่ง ๆฉันทำได้เพียงก้มหน้าอย่างหมดหนทาง เงินตั้งร้อยกว่าล้าน ฉันจะไปหาจากที่ไหนได้ในวันเดียว ฉันทำได้แค่พูดภายในใจเท่านั้น“จะบอกให้นะ การที่พ่อเธออยู่ในกรงขังนั่น อย่างน้อยเขาจะยังมีชีวิตอยู่ แต่การหนีแหกคุกออกมาเแบบนี้... อันนี้ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากเตรียมตัดสูทดำไปงานศพ” เขาพูดก่อนจะจุดบุหรี่สูบต่อหน้าฉันอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร“คุณจะฆ่าพ่อของหนูเหรอคะ??” เสียงยัยแพรวดาวถามทั้งน้ำตา บลูไนท์สูบบุหรี่ยังคงปล่อยควันออกมาช้า ๆ และมองมาที่ฉันนิ่ง ๆ“อาจจะไม่ใช่ฉันก็ได้นะ พ่อเธอไปทำระยำกับคนไว้ตั้งมากมาย คงนั่งนับศัตรูให้ไม่หมดจริง ๆ !!” เขาตอบออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของคนฟังเลยสักนิด“คุณใส่ร้ายพ่อ พ่อไม่ใช่คนแบบนั้น... คุณพ่อเป็นคนดี...” ยัยแพรวดาวส่ายหน้าตามประสาเด็ก เพราะเธอแทบไม่รู้เรื่อง
Ep.6Bad Blue Night“นายทำอะไรแพรว ทำอะไร?? ฉันจะแจ้งตำรวจ” ฉันมือไม้สั่นไปหมด และหมดหนทางจริง ๆ แม้แต่ปลายนิ้วที่กดโทรศัพท์ยังสั่นไม่ยอมหยุดแม้ฉันจะพูดคำว่าตำรวจออกไป แต่ผู้ชายคนนั้นก็ทำแค่ยักคิ้วอย่าไม่ได้เกรงกลัวใด ๆตุ๊บบบ!!เขาทำเพียงแค่ปัดมือถือของฉันให้ร่วงลงไปที่พื้นอย่างไม่สนใจเราอยู่ในเขตบ้านของเขา และฉันรู้จักคำว่าอำนาจมืดนั้นดี เพียงแต่ว่าฉันจะไม่มีวันปล่อยให้ยัยแพรวดาวเป็นอะไรทั้งนั้นเด็กอายุสิบห้าแบบนั้น จะทนรับเรื่องอะไรหนักหนาได้ขนาดไหนเชียว...“พวกเราผิดอะไร ปล่อยน้องฉันเถอะ ช่วยเมตตาหน่อยได้ไหม???” ฉันเขย่าแขนคนตรงหน้าทั้งน้ำตา ฉันหันไปมองแววตาของคนใจโหดคนนั้นที่ว่างเปล่าเหลือเกิน“เมตตางั้นเหรอ??? คงใช้กับโคตรเหง้าต้นตระกูลคนโกงแบบพวกเธอไม่ได้” เขาพูดแค่นั้น ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โซฟาใหญ่อย่างสำราญใจ เหมือนคนที่ไร้ซึ่งความรู้สึกและเสียงในห้องก็เงียบไปสนิท ก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก พร้อมกับหมอคนเดิมที่เดินออกมาจากห้องซึ่งฉันก็รีบวิ่งตรงไปที่ห้องนั้นทันที ยัยแพรวดาวนอนนิ่งไปทั้งคราบน้ำตาอาบแก้ม ฉันรีบเดินเข้าไปกอดร่างของน้องสาวและทำอะไรไม่ได้เลย ยัยแพรวดาวนอนลืม
Ep.7Scaring me?ฉันนอนแน่นิ่งและถูกกระทำอยู่แบบนั้น ...จนกระทั่งหมดสติลงไปเอง....ครืดดดดดด ครืดดดดดดด เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ของฉันสั่นอยู่ไม่ไกลและมันคงจะตกอยู่ที่พื้น… นั่นคือเสียงที่ปลุกให้ฉันตื่นขึ้นมา พร้อมกับความรู้สึกเจ็บระบม และบอบช้ำจนแทบจะไม่อยากจะขยับตัวไปไหนได้เลยฉันลืมตาและมองไปรอบ ๆ ห้องกว้างใหญ่นี้ ก่อนที่ภาพเหตุการ์ณเลวร้ายเหล่านั้นจะผุดเข้ามาในหัวทุก ๆ ฉาก ทุก ๆ การกระทำแสนเจ็บปวดนั้น...“อะ... โอ้ย” ฉันร้องขึ้นทั้งน้ำตาขณะที่จะขยับตัวให้ลุกขึ้นนั่งรอยเลือดและคราบขาวขุ่นที่เจือจาง เลอะเทอะอยู่ทั้งบนเตียง และเรือนร่าง รอยคราบน้ำเชื้อนั่นที่ยังดูใหม่และเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ฉันค่อย ๆ เลื่อนปลายนิ้วไปสัมผัสกับจุดที่บอบช้ำและเจ็บปวดมากที่สุดของร่างกายและนี่เป็นสิ่งที่ฉันรักษาเอาไว้เพื่อคนที่ฉันรักมากที่สุด...แต่เขา... กลับได้มันไปอย่างง่ายดาย โดยที่ตัวฉันเองไม่ได้จำยอม...น้ำตาที่ไหลอาบแก้มมันช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด มันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น มีแต่ตอกย้ำซ้ำเติมความเจ็บปวดให้กับตัวเอง...กลีบกุหลาบที่บวมและบอบช้ำจนเปลี่ยนสีแดงอย่างน่ากลัว... ความรู้ส
Ep.8"ต้องให้ย้ำอีกกี่ครั้งว่า ...เธอต้องชดใช้หนี้ร้อยล้านนั้นยังไง" ส้วบบบบบบบ!!!! "อื้อออออออ" ฉันกัดฟันร้องด้วยความเจ็บปวดแทบขาดใจ มันเจ็บจนไม่สามารถกรี้ดออกมาได้เลยจริง ๆรอยแผลของเมื่อวานที่ยังเจ็บช้ำและยังไม่ทันจะหายดีตอนนี้แทบจะฉีกอีกรอบ "เอาออกไป ฉันเจ็บ" ฉันร้องออกไปทั้งน้ำตาหลังจากที่เขาสอดเข้ามาในร่างกายของฉันได้เพียงครึ่งลำเท่านั้น"อย่าเกร็ง และหุบปาก!!!" แต่นั่นคือคำตอบของเขาที่ขึ้นเสียงกลับมาส้วบบบ...คนตรงหน้ายังคงพยายามจะยัดเยียดท่อนเอ็นแข็งลำใหญ่นั่นเข้ามาในร่องสวาทที่แห้งเหือดของฉัน อย่างรู้ทั้งรู้ว่าร่องสวาทของฉันมันไม่สามารถรองรับ..."มันใหญ่เกินไป" ฉันส่ายหน้าและพยายามจะดันตัวของเขาออกอย่างต่อต้านด้วยพลังทั้งหมดที่มี"ครั้งแรก ๆ มันก็เจ็บแบบนี้แหละ แต่ไม่มีใครตาย" เขาพูดขึ้นอย่างหัวเสีย เพราะการขัดขืนและร่างกายของฉันที่พยายามจะต่อต้านร่างกายของเขา...ฟุ่บบบบ เขากระชากขาทั้งสองขาของฉันออกจากกันอย่างแรง มืออีกข้างของเขาจับส่วนที่เหลือของท่อนเอ็นนั่นและสอดเข้ามาในร่างกายของฉันอย่าง...พั่กกก ทีเดียวมิดด้าม...เฮือกก ฉันหายใจเข้าลึกสุดอย่างตกใจและวาบหวิว...ก
Ep.9Does it hurt?“พราว... พริบพราว” และนั่นคือครั้งแรกที่ผม เรียกชื่อของเธอ... ทั้งที่ผมไม่เคยคิดจะจดจำมันมาก่อนเลย… “พริบพราว!!”Pib Preaw’s part“ร่างกายขาดน้ำ และพักผ่อนไม่เพียงพอนะครับ” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังอยู่ไม่ไกล“มียาบำรุงหรือรักษาอะไรที่ดีก็จัดไปเลย ไม่ต้องอธิบาย” เสียงที่คุ้นเคยและฉันจำมันได้ดีก็สวนตอบกลับไป และนั่นทำให้ฉันค่อย ๆ หรี่ตาดูด้วยความสะลึมสะลือ คนที่ยืนหันหลังให้ฉันอยู่ไม่ไกล ก็คือคนที่ทำให้ฉันตกอยู่ในสภาพนี้นั่นแหละ ...บลูไนท์...“ได้ครับ ๆ” ไม่นานผู้ชายคนนั้นก็เดินตรงเข้ามาทางฉัน และฉีดอะไรบ้างอย่างใส่ในเข็มที่เติมน้ำเกลือของฉัน เพราะยานั่นทำให้ฉันรู้สึกแสบร้อน เมื่อยาเริ่มออกฤทธิ์ฉันก็ทำได้แค่หลับตาทั้งน้ำตา“ยาแก้อักเสบนะครับ” ผู้ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นเบา ๆ“ถ้ามีเลือดออกมา ตอนมีเซ็กส์… แบบนี้จะมีปัญหาเรื่องตั้งครรภ์หรือเปล่า?” จู่ ๆ คนโหดร้ายอย่างบลูไนท์ก็ถามหมอออกไปอย่างไม่คิดอาย“เอ่อ… จริง ๆ แล้วถ้าฝ่ายหญิงไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาก่อน นอกจากเส้นพรหมจรรย์ครั้งแรกแล้ว ก็สามารถมีเลือดออกมาได้ครับ ถ้าเกิดการฉีกขาดของส่วนอื่น ๆ อาจจะเพราะขนาดที่ยังไม่สา
Ep.10...เช้าวันต่อมา...แม้ว่าอาการของฉันจะดีขึ้นบ้างแต่ก็ยังครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่ดี ฉันค่อย ๆ ชันตัวให้ลุกขึ้น เพื่อที่จะไปอาบน้ำ และซักเสื้อเชิ้ตสีขาวให้บลูไนท์ ทั้งที่ตั้งใจจะซักตั้งแต่เมื่อคืนแต่ว่าไม่มีแรงมากพอที่จะลุกได้“คงต้องอาบน้ำแล้วล่ะ" ฉันพูดกับตัวเองก่อนจะลากสังขารตัวเองไปยังห้องน้ำให้ได้แม้ว่าจะยังมีอาการหนาวสั่นอยู่บ้างก็ตามฉันค่อย ๆ หาที่เปิดน้ำอุ่น ๆ และทำได้แค่เกาะผนังห้อง หรือหาอะไรพิงไปพลาง ๆ ...ในห้องน้ำสุดหรูก็มีทั้งอ่างอาบน้ำ และยังแบ่งโซนเป็นตู้กระจกอาบน้ำฝักบัวอีกฝั่งหนึ่งคนที่รวยเนี่ย เขาก็รวยกันแบบโอเวอร์จริง ๆ เลยเนอะ รวยมากขนาดนี้ทำไมเขาถึงไม่มีแฟนหรือผู้หญิงดี ๆ ไว้ข้างกายนะ ถึงต้องมาคว้าเอาใครก็ได้มาเป็นแม่ของทายาทตัวเองฉันได้แต่มองห้องอาบน้ำภายในห้อง ที่เรียกได้ว่าห้องของนางบำเรอคนหนึ่งของคุณบลูไนท์....“วันนี้เขาคงไปห้องนางบำเรอคนอื่น ๆ ละมั้ง” ฉันพูดขึ้นก่อนจะเปิดฝักบัวราดให้น้ำไหลลงมากระทบหัวและทั่วเรือนร่าง ฉันยืนหลับตาปล่อยให้ น้ำชำระล้างความสกปรกบนร่างกายฉัน...แต่ต่อให้ฉันล้างเท่าไหร่ความสกปรกนั้นก็ไม่มีทางทำให้ฉันกลับมาสะอาดได้ดังเดิม... เ
Ep.49HAPPY WIFE HAPPY LIFE (END)“แล้วถ้าคืนนี้ หนูยอมคุณ...คุณจะ....” ร่างของสาวน้อยวัยเจริญพันธุ์ที่ค่อย ๆ เอาทรวงอกโตของเธอถูไถเข้ากับท่อนแขน ของผมอย่างจงใจยั่วยวนให้ผมฟุ๊บบบบ ผมจับแขนของเธอ ก่อนจะดึงออกจากร่างกายของผม และดันท่อนแขนที่บอบบางนั้น ไปด้านหลังของเธอราวกับตำรวจที่จับผู้ร้าย.. ผมกดใบหน้าลงต่ำจากลำตัว...“คุณบลูไนท์...” เธอเรียกชื่อของผมด้วยเสียงใสซื่อ ฟุ๊บบบบ ผมดึงตัวของเด็กน้อยที่หน้าใสคนนี้ออกมาจากห้องทำงาน“เออ...” เธอยังคงทำตัวอ่อนระทวยกับสัมผัสที่รุนแรงของผม“คุณบลู..” เธอทำเสียงเล็กเสียงน้อยราวกับกำลังเขินกับการกระทำของผม ผมยังคงแสยะยิ้ม และลากเธอเดินตามออกมาอย่างดุดันตั่บบ...เจ้าตัวสะดุดขาของตัวเองและล้มลงกลางห้องรับแขก ซึ่งทำให้ผมสะดุดตามไปด้วย จนใบหน้าแทบจะชนกัน...ลมหายใจของเธอพ่นใส่ใบหน้าของผม ใบหน้าและแววตาที่วิงวอน..“มารยา” ผมพ่นคำนั้นออกมาก่อนจะ จับที่คอเสื้อของผู้หญิงคนนั้นและ....ฟุ๊บบบบบ ลากคอของเธอออกมาจากบ้านตัวเองดวงไฟในบ้านสว่างจ้าขึ้นทุกดวง ด้วยระบบเซนเซอร์“โอ้ยย...คุณบลูไนท์หนูเจ็บค่ะ” ยัยนั่นร้องขึ้นอย่างตกใจที่ถูกผมลากคอออกมาจากถึง“หนูเ
Ep.48แบบทดสอบรักPibPreaw’s part“สวัสดีค่ะ คุณพ่อคุณแม่” ฉันยกมือขึ้นไหว้ต่อหน้าโกศอัฐิของคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง ในวัดที่เงียบสงบ และแทบจะไม่ต้องสืบเลยว่าฉันเป็นอะไรกับพวกท่าน เพราะว่าแค่เพียงรูปถ่ายก็สามารถบ่งบอกได้แล้วว่า ใบหน้าของฉันละหม้ายคล้ายกับพ่อแท้ ๆ ของตัวเองมากแค่ไหน และแม้แต่เจ้าตัวเล็กอย่างเดย์ดรีม ก็เหมือนคุณตาเอามาก ๆ จน บลูไนท์ยังทักขึ้นส่วนรอยยิ้มฉันก็เหมือนจะได้จากแม่มาเต็ม ๆ“หนู..พริบพราวลูกสาวของพ่อกับแม่นะคะ” ฉันเริ่มแนะนำตัวเองก่อนหันไปทางบลูไนท์“และคนนี้ก็บลูไนท์ สามีของหนูเองค่ะ” ฉันเอ่ยแนะนำกับรูปภาพของท่านทั้งสองที่ยิ้มแย้ม แม้จะเป็นภาพขาวดำก็ตาม“ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ มีหลานถึงสองคนแล้วนะคะ” ฉันเริ่มที่จะเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวเอง ให้พวกท่านได้ฟัง แม้จะรู้ว่าพวกท่านไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วก็ตามแต่อย่างน้อยก็มีคุณสามีที่น่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจและไม่มีขัดเลยสักคำตั้งแต่ต้นจนจบ... “สบายแล้วเนาะ ได้รู้ความจริงสักที” บลูไนท์นวดที่ไหล่ของฉันเบา ๆ ขณะที่เราสองคนเดินออกมาจากวัด หลังจากทำบุญและก็เยี่ยมโกศของพ่อแม่แท้ของฉันในวันนี้“ฉันคงไม่มีทางรู้เกี่ยวกั
Ep.47You are my Prisonerฉันก้มลงมองชุดเจ้าสาวของตัวเองที่ร่วงไปกองที่พื้น ด้วยฝีมือของจอมหื่นกามอย่าง..ฟู๊บบบ....บลูไนท์ช้อนอุ้มตัวของฉันลอยจากพื้น และตรงดิ่งไปที่เตียง 12 ฟุตที่ตรงอยู่กลางห้อง ท่ามกลางวิวทะเลกินพื้นที่ของห้องไปครึ่งหนึ่ง“บลู...” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อบลูไนท์อุ้มฉันมาวางลงที่เตียงตรงกับภาพวิวทะเล และเสียงของคลื่นทะเล ที่ดังเข้าผ่านใน...“ฉันคงไม่ต้องบอกนะว่าเธอมีหน้าที่อะไร?” บลูไนท์ตีหน้าเคร่งขรึมใส่ฉัน“หื้ม?? กล้าหรอ!!” ฉันหลุดอมยิ้มออกมาเล็กน้อยกับท่าทีที่ดูโหด ๆ ของเขา ที่ไม่ได้เจอะเจอมานานแล้วบลูไนท์ส่ายหน้าเบา ๆ และยิ้มมุมปากออกมาด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์“หน้าที่ของภรรยาไง...” บลูไนท์พูดด้วยเสียงที่เซ็กซี่ชวนสยิว..มือของบลูไนท์ค่อย ๆ ลูบไล้เรือนร่างของฉัน ที่มีเพียงเกาะอกบาง ๆ กับกางเกงลูกไม้สีขาวตัวจิ๋วจุ๊บส์!! เขาค่อย ๆ จูบลงที่หัวเข่าด้านซ้ายอย่าวแผ่วเบา ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เลื่อนริมฝีปากลงไป ที่โคนขาอ่อน และยังพรมจูบต้นขาของฉันอย่างหื่นกระหาย“บลูไนท์” ฉันรู้สึกหวิว ๆ จนอยากจะขยับขาหนีแต่บลูไนท์ก็ค่อย ๆ จับขาทั้งสองข้างแยกถ่างออกจากกัน“รู้ไหมว่าฉันต้องทนท
Ep.46ยอมโง่“เมีย..ที่แกซื้อมาด้วยเงินร้อยกว่าล้านนะหรอ?” พ่อของบลูไนท์ถามขึ้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ก่อนที่ท่าจะเดินไปนั่งอยู่มุมโซฟาภายในห้อง“ใช่” บลูไนท์แสยะยิ้มตอบกลับไปตามความจริงที่มันเคยเป็นก่อนที่มือของเขาจะจับมือของฉันเอาไว้แน่น“แต่แกปกป้องผู้หญิงที่ไร้ค่าคนนี้ ด้วยชีวิตของแกงั้นหรอบลูไนท์!” พ่อของบลูไนท์ขึ้นเสียงแข็งกร้าว ออกมา และเหลือบมองฉันด้วยแววตาที่ไม่พอใจ“ถ้าพ่อบอกว่า ชีวิตของพราวไร้ค่า งั้นชีวิตของผมที่ยอมตายแทนเธอ...มันก็ไม่ได้มีค่าอะไรหรอก” บลูไนท์พูดกึ่งประชดไปที่พ่อของเขา“บลูไนท์พอเถอะ” ฉันบีบมือและพูดกับบลูไนท์อย่างแผ่วเบา“ฉันเคยคิดว่าแกฉลาดกว่าทุก ๆ คน” พ่อของบลูไนท์ส่ายหน้าและมองเขาอย่างผิดหวัง“ถ้าการเรียนรู้ที่จะรักใคร และปกป้องครอบครัวตัวเองเรียกว่าโง่ ..” บลูไนท์สวนกลับไปทันที“ผมก็ยอมโง่!” เขาตอบด้วยรอยยิ้ม“และที่ผมไม่เหนี่ยวไกปืนฆ่าไอ้บราวน์ทั้งที่ผมมีโอกาส ...ก็เพราะว่าผมมันโง่ด้วยงั้นใช่ไหม” เขาตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ และสู้สายตากับผู้เป็นพ่ออย่างไม่ลดละพ่อของบลูไนท์เงียบไปชั่วขณะ........“ถ้าแกคิดว่าจะเอาลูกในท้องของผู้หญิงคนนี้ ที่อดีตเป็นแค่นางบำเร
Ep.45เมียกู“ไอ้บลูนะมันถึกจะตายไป....ไม่ต้องห่วงหรอก” จีซัสพูดด้วยน้ำเสียงให้กำลังใจกับฉันฉันฝืนยิ้มจาง ๆ รับคำให้กำลังใจของเขาไป เพราะว่าในความจริง ทุกคนรู้ดีว่า..ไม่มีใครที่ไหนจะถึกและอึดจนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับกระสุนปืน ที่ยิงปะทะร่างกายได้...บลูไนท์คง.....เจ็บมากแน่ ๆ..ฉันมองผ่านกระจกห้องไอซียูที่ประตูยังคงปิดสนิทจู่ ๆ น้ำตาล้นเอ่อออกมาอย่างที่ไม่อาจจะฝืนมันได้จริง ๆ น้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความอ่อนแอของฉันฉันเข็มแข็งและต่อสู้กับอะไรไม่ได้เลย ..ถ้าฉัน...ไม่มีบลูไนท์อยู่ข้าง ๆ แบบในตอนนี้...ฉันเพิ่งรู้ว่าไม่ใช่แค่เขาที่ขาดฉันไม่ได้ แต่เป็นฉันนี่แหละ ที่คงอยู่ไม่ได้ถ้าขาดหัวหน้าครอบครัวอย่างเขา..จีซัสหันมามองทางฉันทันที แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะปลอบแต่อย่างใดฉันค่อย ๆ ปาดน้ำตาและลูบที่ท้องของตัวเองเบาใจหนึ่งก็ห่วงลูก อีกใจก็พะวงถึง...เขา.................................“ให้ฉันพาเธอไปพักก่อนเถอะนะ เธอเองก็เจ็บมาเหมือนกัน” จีซัสเหมือนพยายามอยากจะพูดเตือนให้ฉัน นึกถึงตัวเองและลูกให้มากขึ้นเพราะสภาพของฉันก็แย่ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แขนด้านซ้ายที่รับน้ำหนักตัวตอนที่ล้มก็หักจนต้องเข้าเ
Ep.44เธอจะปลอดภัยเสมอ“กลับมา..ฉันเป็นห่วงนาย” ฉันตะโกนออกไปทั้งที่รู้ว่ารถคันนั้นนะ มันแล่นออกไปไกลสุดตาในเวลาดึกและฝนตกขนาดนี้...เขาจะออกไปทำไมกันนะฉันยังคงยืนตากฝนอย่างคิดและกังวลถึงแต่บลูไนท์คนเมาซะขนาดนั้นขับรถออกไปท่ามกลางฝนแบบนี้...“ฉันจะทำยังไงดี...” ฉันคิดไม่ตกเลยจริง ๆ ว่าควรจะทำยังไงต่อดีแต่แล้วเพียงไม่นาน...ฟู๊บบบบ...แสงไฟจ้าจากรถยนต์คันหนึ่งก็สาดไฟสูงตรงเข้ามาทางฉัน“บลูไนท์... นายกลับมา?” ฉันยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่ามีรถกำลังขับเข้าตรงมาทางฉันท่ามกลางสายฝน ที่โปรยปรายในยามวิกาลแบบนี้.. แต่หน้าแปลกใจที่...บรื้นนนนนน บรื้นนนนน เสียงเร่งเครื่องยนต์ของรถคันนั้นขับพุ่งตรงเข้ามาทางฉันเสียงคำรามของเครื่องยนต์รถดังพอ ๆ กับเสียงของท้องฟ้าที่ร้องคำรามราวกับพายุกำลังเข้า“นั้นไม่ใช่บลูไนท์” ฉันแทบก้าวขาไม่ออกเมื่อพบว่ารถคันนั้นเป็นสีดำสนิทและมันกำลังพุ่งทะยานเข้ามาหาฉันแบบไม่มีทีท่าว่าหักหลบไปทางอื่น..“กรี้ดดดดดดดดดด.....” ฉันร้องกรี้ดลั่นอย่างตกใจภายในเสี้ยววินาทีชีวิต ฉันตั้งสติครั้งสุดท้ายก่อนจะก้าวเท้าวิ่งสุดชีวิตกลับเข้าไปในบ้าน แต่ด้วยความเร็ว ของรถที่พุ่งตรงเข้ามา
Ep.43ฉันรู้เธอเกลียดฉัน“ทำอะไรเกรงใจลูกในท้องบ้างนะ!!!” และนั่นเป็นครั้งแรกในรอบหกเดือนที่บลูไนท์ขึ้นเสียงใส่ฉันบลูไนท์มองตาขวางไปทางมอร์ฟิน มือของเขากำหมัดแน่นมือที่จับไหล่ของฉันด้วยเช่นกัน แต่เพียงไม่นานเขาก็คลายมือข้างที่บีบไหล่ของฉันออกช้า ๆ พร้อมทั้งเสียงกัดฟันดังขึ้นอย่างพยายามจะข่มอารมณ์“โทษทีที่เข้ามาขัดจังหวะ” เขาพูดแม้ว่าจะสั่นไปด้วยความโกรธเต็มทน แต่เขาพยายามที่จะควบคุม มันเอาไว้ ทั้งที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะระเบิดออกมาแล้ว“ฉันไม่อยากให้ลูกในท้องสับสนว่าใครเป็นพ่อของเขากันแน่” บลูไนท์เมมปากและกำหมัดแน่น“บลูไนท์!!” ฉันเองก็เริ่มไม่พอใจกับคำพูดนั้นของเขา“ไอ้เชี้ยบลู” มอร์ฟินเองก็ชักสีหน้ากลับอย่างไม่พอใจกับคำพูดจากปากเขา“เกรงใจกูบ้างนะ ถ้ามึงยังอยากให้กูเกรงใจมึง!” บลูไนท์ชี้หน้าของมอร์ฟินอย่างข่มขู่ ก่อนจะหันมา มองทางฉันนิ่ง ๆ“ฉันจะรอเธอข้างนอก อยากทำอะไร....ก็เชิญ” เขาพูดแค่นั้น“แต่ขอแค่อย่ามากกว่าที่เพิ่งเห็นไปก็พอ!!” เขาทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินกระชากประตูออกไปนอกห้อง ทันทีปัง!!! เสียงปิดประตูดังสนั่น แต่ฉันนะชินชาไปแล้วจริง ๆ กับอารมณ์ร้อน ๆ ของคนอย่างบลูไนท์“น
Ep.42 ขอโทษและขอบคุณ“และพ่อรักแม่ของเขามากแค่ไหน..” บลูไนท์พูดออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง แต่มันกับทำให้คนที่เข้มแข็งอย่างฉัน กลั้นน้ำตาเอาไม่อยู่กับประโยคสุดท้ายของเขาฟุ๊บบบ..ฉันขยับตัวเข้าไปกอดอ้อมกอดที่อบอุ่นนั้นและร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น และไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ตอบเขากลับไป และร้องไห้อยู่แบบนั้นจนผล็อยหลับไปในอ้อมอกของเขาอย่างอ่อนล้าและจิตใจที่อ่อนแอ เหลือเกิน———เช้าวันต่อมา———“นายยังไม่ออกไปทำงานอีกหรอ?” ฉันตื่นนอนมาในตอนเช้าแต่เหมือนว่าจะไม่เจอกับบลูไนท์ แล้วจึงคิดว่าเขาน่าจะออกไปทำงาน แต่กลับกลายเป็นว่าเขากำลังทำอาหารเช้าอยู่ในห้องครัวต่างหาก“ไปสายๆ” เขาตอบอย่างตีหน้านิ่ง ขี้เก๊กไม่มีเปลี่ยนจริง ๆ ฉันเดินเข้าไปดูว่าบลูไนท์กำลังทำอาหาร อะไรอยู่ โดยมีพวกของสดเต็มโต๊ะไปหมด“ฉันอ่านมาว่าอาหารการกินน่ะสำคัญมากสำหรับคนท้อง ฉันเลยไม่วางใจใครนอกจากตัวเอง” เขาพูดก่อน จะลงมือปรุงอาหารต่อ และชิมเองทุกขั้นตอนทุกๆอย่างที่บลูไนท์ทำ...ทำให้ฉันรับรู้ได้ว่า เขาไม่ได้ใช้เงินฟาดไปกับทุก ๆ เรื่อง เพราะหลาย ๆ อย่าง เขาทำมันอย่างใส่ใจและตั้งใจ ทั้งที่เขาสามารถใช้เงินแก้ปัญหามันได้เช่นกันหลั
Ep.41ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีฉัน“แต่เขายังรักเธอเหมือนเดิม”แซมมี่พูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งกับฉัน ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังหมายความว่ายังไงกันแน่“แต่เธอรู้นิว่ามอร์ฟินเป็นแฟนฉัน” ฉันถามกลับเสียงแข็ง ๆ อย่างนึกโกรธ แต่ก็พยายามข่มอารมณ์เอาไว้ เพราะเอาจริงแล้ว เราเรียนห้องเดียวกัน เพียงแค่ฉันไม่เคยคุยกับแซมมี่หรือสนิทสนมกับเธอ และมอร์ฟิน เองก็เช่นกัน“ทำไม...ยังยอมมีอะไรกับเขา ???” ฉันถามอย่างกำหมัดแน่น“เอากันไม่เลือกหน้า ด้านดีจริงๆ” ฉันกัดฟันพูดอย่างจุกอก“อยากด่าอะไร ก็ด่าออกมาเถอะ ฉันมันสมควรถูกด่าแบบนั้นอยู่แล้ว” แซมมี่แสยะยิ้มรับทั้งที่แววตา ของเธอเศร้า“เพราะว่างานปาร์ตี้คืนนั้น...ในบรรดาผู้ชายทั้งหมดฉันรู้จักมอร์ฟินแค่คนเดียว” แซมมี่กัดริมฝีปาก อย่างลำบากใจที่จะพูดออกมา “และฉันหยุดความต้องการ...นั้นไม่ได้” เธอพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง “เฮ้ยยย !!!!” ฉันร้องออกมาทั้งตกใจและโกรธที่ได้ยินแบบนั้น“ฉันรู้ว่าเธอดูแรงๆ แต่ไม่คิดว่าจะร่านได้ขนาดนี้” ฉันด่าผู้หญิงคนนั้นออกไปตรง ๆ และมองเธออย่าง ไม่เชื่อสายตาตัวเอง“เธอควรพบจิตแพทย์นะ ถ้าจะเ-ี่ยนได้ขนาดนี้” ฉันพูดออกไปอย่างสุดจะทน กับผู้หญิงค