Ep.3
Unlucky girl
“พ่อขอบใจหนูมากนะลูกรัก แต่หนูไม่มีทางหาเงินก้อนนั้นมาได้หรอกลูก มันมากเกินไป” พ่อส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง
เราต่างคนต่างเงียบและน้ำตาคลอกันทั้งคู่ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก จนฉันเองก็แทบไม่ได้ตั้งตัวเลย
“พ่อขอโทษนะพราว พ่อขอโทษที่... พ่อทำให้ลูกเดือดร้อนไปด้วย พ่อไม่ดีเอง ๆ” ท่านพูดออกมาเสียงเบาและแหบแห้ง
ฉันเงยหน้ามองท่านทั้งน้ำตา ไม่ว่าจะพยายามข่มใจให้เข็มแข็งมากแค่ไหน ฉันก็ยังร้องไห้ออกมาอยู่ดี
“หนูไม่เป็นไรค่ะพ่อ ทุกคนโอเค” ฉันพูดอย่างปลอบใจคนเป็นพ่อ
ถึงฉันจะรู้ว่าพ่อของฉันมีส่วนผิดแต่ฉันรู้ว่าเขาตั้งใจทำเพื่อใคร… เพื่อฉัน เพื่อครอบครัวของเรานั่นเอง...
“น้าผึ้งกับน้องเป็นไงบ้าง?” พ่อถามถึงน้าผึ้งกับแพรวดาวเมื่อมองว่ามีฉันมาเพียงคนเดียว
“น้าผึ้งกับน้องได้นอนที่บ้านญาติของน้าผึ้งแล้วค่ะ พรุ่งนี้ยัยแพรวดาวมีไปโรงเรียนแต่เช้าเลยไม่ได้มาเยี่ยมพ่อนะคะ” ฉันตอบไปแทนไปเพื่อให้พ่อสบายใจ
“ดีแล้วล่ะ พ่อไม่ได้อยากให้ใครมาเห็นพ่อในสภาพนี้” พ่อเอามือลูบหน้าตัวเองทั้งน้ำตา
พ่อของฉันเป็นคนมีความสามารถ และฐานะหน้าที่การงานก็ไม่ได้แย่เลย ท่านเป็นที่เคารพของพนักงานมากมายหลายคน
แต่พ่อ… ไม่น่าทำแบบนี้เลย ฉันทำได้แค่พูดประโยคนั้นภายในใจ
“โธ่! พ่อ...” ฉันเรียกท่านทั้งน้ำตาที่ไหลพรากออกมาและกอดกับพ่อผ่านลูกกรงหน้าที่กั้นขวางเราอยู่
“พ่อจะออกไปจากที่นี้นี่ให้ได้” พ่อพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ
ฉันก็ทำได้เพียงรับฟังอย่างใจสลาย เพราะฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้และวันถัด ๆ ไป ผลจะออกมาเป็นอย่างไร
“หนูอยากกอดพ่อให้นานกว่านี้” ฉันพูดอย่างเจ็บปวด ทั้งที่ฉันเพิ่งกลับมาจากเรียนจบแท้ ๆ ฉันกำลังจะกลับมาช่วยพ่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว
เพิ่งได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ...แต่โชคชะตาก็เหมือนเล่นตลก..
“พ่อก็เหมือนกันพราว” พ่อพูดตอบกลับมาและกระชับอ้อมแขนให้แน่นมากขึ้น
“หมดเวลาเยี่ยมแล้วนะครับ” คุณตำรวจผู้คุมเดินเข้ามาเรียกฉันด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด
“ไปเถอะลูก ...ฝากดูแลทุกคนแทนพ่อด้วย พ่อจะทำทุกอย่างเพื่อได้ออกไปหาทุกคนให้เร็วที่สุด… พ่อจะทำทุกอย่าง!!” พ่อเม้มปากพูดตอบฉันอย่างพยายามจะเข้มแข็ง
“เชิญครับ” คุณตำรวจเร่งพูดด้วยเสียงที่เข้ม ๆ อีกครั้งกับฉันและพ่อ
ทำให้เราสองคนต้องรีบผละออกจากกัน
“หนู... หนูรักพ่อนะคะ” ฉันพูดออกไปก่อนจะเดินหันหลังออกมาจากตรงนั้น เพื่อไม่ให้พ่อรู้สึกแย่ไปกว่านั้น…
ฉันปาดน้ำตาก่อนจะพยายามทำจิตใจให้สงบ ก่อนจะเดินออกมาจากสถานีตำรวจนั่น
อย่างไม่มีที่ไป… บ้านของญาติห่าง ๆ ของน้าผึ้งเป็นเพียงบ้านหลังเล็ก ๆ แม้แต่น้าผึ้งกับแพรวดาวยังต้องไปขอนอนอาศัยร่วมกับลูกของญาติ ๆ เลย
จากสภาพที่ฉันได้เห็นแล้ว ถ้ามีฉันไปขออาศัยด้วยอีกคน ทางเจ้าของบ้านอาจจะบ่นน้าผึ้งเอาได้ ซึ่งฉันก็เกรงใจในเรื่องนี้ไม่น้อย เพราะลำพังแค่น้าผึ้งเองทางญาติแกก็ดูมีท่าทีที่ไม่เต็มใจสักเท่าไหร่
…ฉันนั่งคิดไม่ตกอย่างคนหมดหนทาง เอาจริง ๆ ฉันแทบไม่มีเพื่อนสนิทที่ไทยเลยด้วยซ้ำ เพราะตั้งแต่สอบชิงทุนได้ไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียฉันก็แทบไม่ได้ติดต่อเพื่อนสมัยมอปลายอีกเลย แต่เอาจริง ๆ ฉันก็ไม่ใช่คนเพื่อนเยอะมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะเมื่อก่อนเพื่อนคนเดียวที่ฉันมี ก็คงมีแค่… เขาคนเดียวเท่านั้น
อื้ออออออ อื้ออออออ
เสียงโทรศัพท์ของฉันสั่นขึ้น และเบอร์ที่โชว์ขึ้นว่าโทร. มาจากต่างประเทศ...
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ” ฉันกดรับสายด้วยคำพูดที่สุภาพ
“พี่เองจ้ะ พริบพราว... พี่จินนี่” เสียงอันร่าเริงของพี่จินนี่ก็พูดแทรกขึ้นมา
“อ่อ พี่จินนี่” ฉันก็ตอบรับ
“พริบพราวมีอะไรหรือเปล่า ทำไมพี่ฟังเสียงเราดูเหมือนไม่ค่อยโอเคเลยล่ะ?” พี่จินนี่ถามต่อด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย
จริง ๆ ฉันกับพี่จินนี่สนิทกันได้เพราะเราทั้งคู่เคยเรียนพิเศษภาษาอังกฤษที่เดียวกันอยู่หลายปี ก่อนที่ฉันจะสอบได้ทุนไปเรียนต่อที่เมืองนอก
“พราวไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ” ฉันพูดด้วยเสียงที่ขึ้นจมูกเพราะไม่สามารถเปลี่ยนน้ำเสียงให้ปกติตามเดิมได้ และการที่เสียงเปลี่ยนเหตุก็เพราะว่าฉันร้องไห้หนักมากเกินไปนั่นแหละ
“มีอะไรก็... เล่าให้พี่ฟังได้นะหนู” พี่จินนี่พูดขึ้นอย่างรู้ทัน ด้วยน้ำเสียงที่สั่นและแหบแห้งของฉันนี่เอง
“คือ... ตอนนี้ที่บ้านของพราวมีปัญหาอยู่บ้าง...” ฉันกัดฟันอย่างลำบากใจที่จะพูดออกไป...
“ไม่เป็นไรนะถ้ายังไม่สบายใจก็ยังไม่ต้องเล่าให้พี่ฟังนะ” พี่จินนี่ตอบกลับมาอย่างเป็นกันเอง
“ที่พี่โทร. มาก็เพื่อจะถามว่า เราทำงานกับคุณคริสแล้วเป็นไงบ้าง? สงสัยอะไรเรื่องงานไหม? คุณคริสโอเคสำหรับพริบพราวหรือเปล่า?...” พี่จินนี่ถามต่ออย่างจริงจังมากขึ้น
“การจัดตารางงาน หรือรับงานต่าง ๆ หนูปรึกษาความสมัครใจของคุณคริสทุกครั้ง ถ้าเป็นเรื่องการทำงานหรือคุยกับทางลูกค้า พราวพอรับมือไหวนะคะ แต่เรื่องคุณคริสตัล พริบว่าคุณคริสเป็นคนใจดีแต่พูดน้อย อาจเพราะเราไม่ค่อยสนิทกัน แต่เอาจริง ๆ พี่จินนี่กลับไปถามคุณคริสตัลเองดีกว่า ว่าเธอโอเคกับการทำงานของมือสมัครเล่นอย่างพราวหรือเปล่า พราวเกรงใจคุณคริส กลัวจะทำพลาด” ฉันรวบรวมสติและตอบเรื่องงานไป
อย่างน้อยชีวิตของฉันก็ต้องเดินต่อ งานเล็กงานน้อยก็ไม่ควรจะดูถูกอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดก็คือเงิน
“คุณคริสน่ะเหรอ?? โอเคมาก ๆ โอเคซะยิ่งกว่าโอเคอีก” พี่จินนี่ตอบกลับมาทันควัน
“งั้นพราวก็ทำงานได้ต่อ จนกว่าพี่จินนี่จะกลับมาเลยใช่ไหมคะ?” ฉันถามไปอย่างใจชื้นที่อย่างน้อยในบรรดาเรื่องแย่ ๆ วันนี้ก็ยังมีเรื่องดี ๆ เล็ก ๆ ผ่านเข้ามาบ้าง
“แน่นอนสิพราว...และอีกอย่างก็คือ พี่โอนเงินค่าเสียเวลาให้พราวตามบัญชีไทยที่พราวเคยให้พี่มาแล้วนะ” พี่จินนี่พูดต่ออย่างเป็นกันเอง
“จริง ๆ พี่จินนี่โอนให้พราวหลังจากเสร็จงานก็ได้นะคะ” ฉันตอบกลับไปอย่างเกรงใจ ทั้งที่ในใจก็ลุกวาวเมื่อได้ยินคำว่าเงิน เงิน และเงิน
“ไม่ได้สิ ๆ ได้คนเก่งอย่างพราวมาช่วยขนาดนี้ พี่ก็ต้องรีบเปย์ไม่อั้นอยู่แล้ว” พี่จินนี่เอ่ยชมฉันไม่ขาดเช่นเคย
“ยังไงก็ขอบคุณสำหรับโอกาสดี ๆ นะคะพี่จินนี่” ฉันพูดตอบรับไปอย่างสุภาพ ก่อนจะเปิดรหัสดูยอดเงินในธนาคาร ที่เพิ่มขึ้นเกือบครึ่งแสน
“ไม่เป็นไรเลยค่า” พี่จินนี่เองก็ตอบกลับเสียงใสแจ๋ว
“เที่ยวให้สนุกนะคะพี่จินนี่ ไม่ต้องห่วงงานนะคะ พราวจะตั้งใจทำเต็มที่”
ฉันตกปากรับคำไปทันทีที่เห็นยอดเงินนั่น
“สัญญากับพี่แล้วนะ พราวมีอะไรก็โทร. หาพี่ได้ตลอดเวลานะพราว คุยได้ทุกเรื่องปรึกษาได้ทุกสิ่ง”
พี่จินนี่พูดทิ้งทายเอาไว้
“งั้นแค่นี้ก่อนนะ แฟนพี่เริ่มงอแงซะแล้ว” พี่จินนี่ตัดบทด้วยความน่ารักของแฟนหนุ่มของเธอ
“โอเคค่า ราตรีสวัสดิ์นะคะพี่จินนี่” ฉันพูดก่อนจะกดตัดสายและพิจารณายอดเงินในบัญชีของตัวเอง
และทำได้แค่แพลนว่า พรุ่งนี้ฉันควรทำยังไงต่อดี???
_____________________________________
@ห้องพักรายเดือนราคาถูก
“เราทนอยู่ที่นี้กันไปก่อนพอได้ไหมคะ น้าผึ้ง?” ฉันหันไปถามน้าผึ้งขณะที่เราย้ายเข้ามาอยู่ในห้องพักเล็ก ๆ ที่มีแค่ที่นอน พัดลม ห้องน้ำเล็ก ๆ และทีวีจอนูน
“อยู่ได้สิจ๊ะ พราว” น้าผึ้งยิ้มรับก่อนจะวางกระเป๋าที่แบกกันมาอย่างเหนื่อยล้า
ตอนเช้าน้าผึ้งก็นั่งแท็กซี่ไปส่งแพรวดาวแต่เช้า ส่วนฉันเองก็นัดน้าผึ้งออกมาดูที่พักใหม่ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านและโรงเรียนของยัยแพรวดาวนั่นแหละ
“คับที่อยู่ได้ แต่คับใจอยู่ยากนะพราว” น้าผึ้งเดินจัดแจงข้าวของต่าง ๆ ในห้องเล็ก ๆ ของเราด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเศร้า
ในช่วงเช้าน้าผึ้งไปส่งแพรวดาวไปโรงเรียนด้วยรถโดยสารประจำทางเป็นครั้งแรก น้าผึ้งต้องการให้ยัยแพรวดาวค่อย ๆ ซึมซับสถานการณ์ของครอบครัวเพื่อที่จะปรับตัวให้ได้ในเร็ววันนี้
“พ่อเราเป็นยังไงบ้างล่ะ?” น้าผึ้งหันมาถามถึงพ่อด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล
“น้าเองก็ไม่มีความรู้เรื่องอะไรเลย จะแนะนำหรือช่วยพ่อของพริบพราวน้าก็ทำไม่ได้ จนปล่อยให้เขาหลงเดินทางผิดมาไกลได้นานขนาดนี้” น้าผึ้งก้มหน้าลงและโทษตัวเองทั้งที่เรื่องทั้งหมดมันไม่ได้เกี่ยวกับเธอเลย
“ไม่เกี่ยวกับน้าผึ้งเลยนะ อย่าโทษตัวเองแบบนี้สิ... พ่อเขาทำผิดเอง ถึงแม้ว่าเขาจะทำเพื่อเราทุกคนก็ตาม แต่การโกงคนอื่นมา เงินมันเป็นเงินที่ได้มาจากความเดือดร้อนของคนอื่น ไม่แปลกที่เงินนั้นจะกลับมาสร้างความเดือดร้อนให้กับเรา” ฉันตอบไปอย่างสั่น ๆ และเสียใจไม่ต่างกัน
“ถ้าไม่มีพริบพราว ตอนนี้น้าคงคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าควรจะทำยังไงต่อดี” น้าผึ้งปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มและพูดกับฉัน
“เราครอบครัวเดียวกันนะคะ แพรวดาวก็น้องของหนู ต่อไปนี้หนูจะพยายามทำหน้าที่แทนพ่อเองนะคะ” ฉันพูดกับน้าผึ้งอย่างสร้างขวัญและกำลังใจให้เธอ
การมีน้าผึ้งดีที่ เธอคอยดูแลทุกอย่างในบ้าน อาหาร เสื้อผ้า ความสะอาด อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องใด ๆ
จริง ๆ แล้วฉันก็อยากจะเรียกเธอว่าแม่อีกคน แต่เธอขอเอาไว้ เพราะอยากให้ฉันระลึกและคิดถึงแม่ผู้ให้กำเนิดก่อนเสมอ
“เดี๋ยวพราวต้องออกไปทำงานแล้ว อันนี้กุญแจห้องนะคะ พราวรบกวนน้าผึ้งเอาไปปั๊มให้ทีนะคะ” ฉันรีบแต่งตัวก่อนจะหยิบกระเป๋าเอกสารต่าง ๆ เพื่อออกไปทำงานกับคุณคริสตัล ยังโชคดีอยู่บ้างที่เมื่อวานยัยแพรวดาวยังหยิบของใช้ฉันติดใส่กระเป๋าของน้องมาบ้าง
“ไม่รอกินข้าวก่อนเหรอลูก??” น้าผึ้งถามขึ้นและเร่งรีบจะเตรียมอาหารเช้าให้ฉัน
“พราวไม่มีรถแล้วนะคะ ขึ้นรถเมล์คงต้องเผื่อเวลาสักหน่อย” ฉันคว้ารองเท้าคู่เดิมตั้งแต่เมื่อคืนและเดินออกจากบ้านทันที
บรรยายกาศบนรถเมล์มันช่างหดหู่ ฉันมองออกไปด้านนอกอย่างสิ้นหวัง หวังว่าเรื่องร้าย ๆ จะผ่านเข้ามาเพียงเท่านี้นะ ฉันได้แต่นั่งอธิษฐานภายในใจ
@คอนโดคุณคริสตัล
หลังจากที่ฉันได้อธิบายตารางงาน และรายละเอียดไปทั้งหมด คุณคริสเธอก็รับฟังและแค่คอยบอกย้ำให้ฉันเตือนอีกทีเมื่อวันที่ใกล้จะถึงเท่านั้น
“ตอนนี้คิวงานใกล้ ๆ ก็จะมีงานแบรนด์น้ำหอมของคุณรินดานะคะ ที่คุณคริสคอนเฟิร์มว่าจะไป”
“แล้วก็มีลูกค้าติดต่อมาเรื่องงาน @ThenewGX-hightClass งานเปิดตัวรถหรู ในอีกสองอาทิตย์ที่จะถึงนี้นะคะ” ฉันอธิบายงานและรายละเอียดตามที่ฉันได้รับบรีฟมาอีกทีจากลูกค้าให้คุณคริสเธอฟัง
“อื้ม… งานรถอีกแล้วเหรอ?” คุณคริสนิ่งไปชั่วขณะ
“พราวขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะคะ พราวว่างานเปิดตัวรถหรูชื่อดังแบบนี้ คุณคริสไม่ควรจะพลาดโอกาสหรือปฏิเสธงานสำคัญแบบนี้ถ้าเราไปมันก็ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของคุณคริสเอง และพราวเชื่อว่า ทั้งนักข่าวและบรรดาแบรนด์อื่น ๆ จะให้ความสนใจมาที่คุณคริสเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ทั้งชื่อเสียงและการงาน คุณคริสพิจารณาอีกทีนะคะ” ฉันวางเอกสารไว้ข้าง ๆ เธอ
“งั้นก็รับนะ” คุณคริสพยักหน้าและยื่นเอกสารคืนให้อย่างไม่เปิดอ่านเลยด้วยซ้ำ
“ฉันเชื่อในการคิดวิเคราะห์และการจัดการของเธอ” เธอตอบแบบตรง ๆ ใบหน้านิ่ง ๆ
Ep.4Bad moon risingภายในห้องแต่งตัว ส่วนตัวของคุณคริสตัล ในงานอีเวนต์หนึ่ง“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?” เธอถามขึ้นขณะที่ตายังโฟกัสไปที่โทรศัพท์ของเธอ“ไม่มีค่ะ” ฉันเลือกที่จะไม่รบกวนสมาธิทำงานของเธอด้วยปัญหาส่วนตัวของฉันเด็ดขาดคุณคริสเงยหน้ามองฉันนิ่ง ๆ“ถ้ามีอะไรก็บอกแล้วกัน ถือซะว่าฉันเป็นรุ่นพี่เธออีกคนก็ได้” เธอพูดด้วยเสียงนิ่ง ๆ ตามสไตล์คุณคริสนั่นแหละ ก่อนที่เธอจะเดินถือแก้วค็อกเทลเดินหายไปในห้องลองชุด“ขอบคุณนะคะ” ฉันตอบกลับอย่างรู้สึกดี ก่อนจะรีบเดินไปช่วยเธอเปลี่ยนชุด แต่คุณคริสห้ามไว้ซะก่อน“แค่สวมและถอดง่าย ๆ ฉันทำได้” เธอพูดแค่นั้นก่อนจะส่งแก้วค็อกเทลให้ฉัน และหันหลังเดินไปเอาจริง ๆ เธอเป็นดาราที่ดูหยิ่งและเข้าถึงยากจริง ๆ แต่พอได้ทำงานใกล้ชิดแล้วจริง ๆ คุณคริสเธอใส่ใจคนรอบข้างเสมอ แค่ไม่แสดงออกและไม่เซ้าซี้เท่านั้นเองหลังจากที่คุณคริสเปลี่ยนชุดเสร็จ เธอก็กลับมานั่งที่โต๊ะประจำที่ เพื่อรอช่างแต่งหน้าที่ทางงานได้จ้างมาโดยเฉพาะ เห็นว่าเป็นช่างติดอันดับ 1 ใน 3 ของไทยเลย“เป็นเกียรติมากเลยนะคะ ที่ได้แต่งหน้าคุณคริส” ช่างแต่งหน้าเพศที่สามเดินถือกระเป๋าเครื่องสำอางแบรนด์ช
Ep.5Don’t touch my sister“พ่อเธอเอาข้อมูลความลับลูกค้า และความลับของบริษัทไปขายจนหมด คนทรยศแบบพ่อเธอ ช่วยฉันคิดทีสิ ว่าจะฆ่าฉันด้วยวิธีไหนดี?” เขาก้มลงมากระซิบข้างใบหูของฉัน“ไม่... ม่ายนะ อย่าทำแบบนั้นเลย” ฉันตอบกลับไปเสียงสั่น ๆ อย่างกลัวเหลือเกิน...“เงินใช้หนี้?? มีไหม?” เขาถามกลับมานิ่ง ๆฉันทำได้เพียงก้มหน้าอย่างหมดหนทาง เงินตั้งร้อยกว่าล้าน ฉันจะไปหาจากที่ไหนได้ในวันเดียว ฉันทำได้แค่พูดภายในใจเท่านั้น“จะบอกให้นะ การที่พ่อเธออยู่ในกรงขังนั่น อย่างน้อยเขาจะยังมีชีวิตอยู่ แต่การหนีแหกคุกออกมาเแบบนี้... อันนี้ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากเตรียมตัดสูทดำไปงานศพ” เขาพูดก่อนจะจุดบุหรี่สูบต่อหน้าฉันอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร“คุณจะฆ่าพ่อของหนูเหรอคะ??” เสียงยัยแพรวดาวถามทั้งน้ำตา บลูไนท์สูบบุหรี่ยังคงปล่อยควันออกมาช้า ๆ และมองมาที่ฉันนิ่ง ๆ“อาจจะไม่ใช่ฉันก็ได้นะ พ่อเธอไปทำระยำกับคนไว้ตั้งมากมาย คงนั่งนับศัตรูให้ไม่หมดจริง ๆ !!” เขาตอบออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของคนฟังเลยสักนิด“คุณใส่ร้ายพ่อ พ่อไม่ใช่คนแบบนั้น... คุณพ่อเป็นคนดี...” ยัยแพรวดาวส่ายหน้าตามประสาเด็ก เพราะเธอแทบไม่รู้เรื่อง
Ep.6Bad Blue Night“นายทำอะไรแพรว ทำอะไร?? ฉันจะแจ้งตำรวจ” ฉันมือไม้สั่นไปหมด และหมดหนทางจริง ๆ แม้แต่ปลายนิ้วที่กดโทรศัพท์ยังสั่นไม่ยอมหยุดแม้ฉันจะพูดคำว่าตำรวจออกไป แต่ผู้ชายคนนั้นก็ทำแค่ยักคิ้วอย่าไม่ได้เกรงกลัวใด ๆตุ๊บบบ!!เขาทำเพียงแค่ปัดมือถือของฉันให้ร่วงลงไปที่พื้นอย่างไม่สนใจเราอยู่ในเขตบ้านของเขา และฉันรู้จักคำว่าอำนาจมืดนั้นดี เพียงแต่ว่าฉันจะไม่มีวันปล่อยให้ยัยแพรวดาวเป็นอะไรทั้งนั้นเด็กอายุสิบห้าแบบนั้น จะทนรับเรื่องอะไรหนักหนาได้ขนาดไหนเชียว...“พวกเราผิดอะไร ปล่อยน้องฉันเถอะ ช่วยเมตตาหน่อยได้ไหม???” ฉันเขย่าแขนคนตรงหน้าทั้งน้ำตา ฉันหันไปมองแววตาของคนใจโหดคนนั้นที่ว่างเปล่าเหลือเกิน“เมตตางั้นเหรอ??? คงใช้กับโคตรเหง้าต้นตระกูลคนโกงแบบพวกเธอไม่ได้” เขาพูดแค่นั้น ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โซฟาใหญ่อย่างสำราญใจ เหมือนคนที่ไร้ซึ่งความรู้สึกและเสียงในห้องก็เงียบไปสนิท ก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก พร้อมกับหมอคนเดิมที่เดินออกมาจากห้องซึ่งฉันก็รีบวิ่งตรงไปที่ห้องนั้นทันที ยัยแพรวดาวนอนนิ่งไปทั้งคราบน้ำตาอาบแก้ม ฉันรีบเดินเข้าไปกอดร่างของน้องสาวและทำอะไรไม่ได้เลย ยัยแพรวดาวนอนลืม
Ep.7Scaring me?ฉันนอนแน่นิ่งและถูกกระทำอยู่แบบนั้น ...จนกระทั่งหมดสติลงไปเอง....ครืดดดดดด ครืดดดดดดด เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ของฉันสั่นอยู่ไม่ไกลและมันคงจะตกอยู่ที่พื้น… นั่นคือเสียงที่ปลุกให้ฉันตื่นขึ้นมา พร้อมกับความรู้สึกเจ็บระบม และบอบช้ำจนแทบจะไม่อยากจะขยับตัวไปไหนได้เลยฉันลืมตาและมองไปรอบ ๆ ห้องกว้างใหญ่นี้ ก่อนที่ภาพเหตุการ์ณเลวร้ายเหล่านั้นจะผุดเข้ามาในหัวทุก ๆ ฉาก ทุก ๆ การกระทำแสนเจ็บปวดนั้น...“อะ... โอ้ย” ฉันร้องขึ้นทั้งน้ำตาขณะที่จะขยับตัวให้ลุกขึ้นนั่งรอยเลือดและคราบขาวขุ่นที่เจือจาง เลอะเทอะอยู่ทั้งบนเตียง และเรือนร่าง รอยคราบน้ำเชื้อนั่นที่ยังดูใหม่และเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ฉันค่อย ๆ เลื่อนปลายนิ้วไปสัมผัสกับจุดที่บอบช้ำและเจ็บปวดมากที่สุดของร่างกายและนี่เป็นสิ่งที่ฉันรักษาเอาไว้เพื่อคนที่ฉันรักมากที่สุด...แต่เขา... กลับได้มันไปอย่างง่ายดาย โดยที่ตัวฉันเองไม่ได้จำยอม...น้ำตาที่ไหลอาบแก้มมันช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด มันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น มีแต่ตอกย้ำซ้ำเติมความเจ็บปวดให้กับตัวเอง...กลีบกุหลาบที่บวมและบอบช้ำจนเปลี่ยนสีแดงอย่างน่ากลัว... ความรู้ส
Ep.8"ต้องให้ย้ำอีกกี่ครั้งว่า ...เธอต้องชดใช้หนี้ร้อยล้านนั้นยังไง" ส้วบบบบบบบ!!!! "อื้อออออออ" ฉันกัดฟันร้องด้วยความเจ็บปวดแทบขาดใจ มันเจ็บจนไม่สามารถกรี้ดออกมาได้เลยจริง ๆรอยแผลของเมื่อวานที่ยังเจ็บช้ำและยังไม่ทันจะหายดีตอนนี้แทบจะฉีกอีกรอบ "เอาออกไป ฉันเจ็บ" ฉันร้องออกไปทั้งน้ำตาหลังจากที่เขาสอดเข้ามาในร่างกายของฉันได้เพียงครึ่งลำเท่านั้น"อย่าเกร็ง และหุบปาก!!!" แต่นั่นคือคำตอบของเขาที่ขึ้นเสียงกลับมาส้วบบบ...คนตรงหน้ายังคงพยายามจะยัดเยียดท่อนเอ็นแข็งลำใหญ่นั่นเข้ามาในร่องสวาทที่แห้งเหือดของฉัน อย่างรู้ทั้งรู้ว่าร่องสวาทของฉันมันไม่สามารถรองรับ..."มันใหญ่เกินไป" ฉันส่ายหน้าและพยายามจะดันตัวของเขาออกอย่างต่อต้านด้วยพลังทั้งหมดที่มี"ครั้งแรก ๆ มันก็เจ็บแบบนี้แหละ แต่ไม่มีใครตาย" เขาพูดขึ้นอย่างหัวเสีย เพราะการขัดขืนและร่างกายของฉันที่พยายามจะต่อต้านร่างกายของเขา...ฟุ่บบบบ เขากระชากขาทั้งสองขาของฉันออกจากกันอย่างแรง มืออีกข้างของเขาจับส่วนที่เหลือของท่อนเอ็นนั่นและสอดเข้ามาในร่างกายของฉันอย่าง...พั่กกก ทีเดียวมิดด้าม...เฮือกก ฉันหายใจเข้าลึกสุดอย่างตกใจและวาบหวิว...ก
Ep.9Does it hurt?“พราว... พริบพราว” และนั่นคือครั้งแรกที่ผม เรียกชื่อของเธอ... ทั้งที่ผมไม่เคยคิดจะจดจำมันมาก่อนเลย… “พริบพราว!!”Pib Preaw’s part“ร่างกายขาดน้ำ และพักผ่อนไม่เพียงพอนะครับ” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังอยู่ไม่ไกล“มียาบำรุงหรือรักษาอะไรที่ดีก็จัดไปเลย ไม่ต้องอธิบาย” เสียงที่คุ้นเคยและฉันจำมันได้ดีก็สวนตอบกลับไป และนั่นทำให้ฉันค่อย ๆ หรี่ตาดูด้วยความสะลึมสะลือ คนที่ยืนหันหลังให้ฉันอยู่ไม่ไกล ก็คือคนที่ทำให้ฉันตกอยู่ในสภาพนี้นั่นแหละ ...บลูไนท์...“ได้ครับ ๆ” ไม่นานผู้ชายคนนั้นก็เดินตรงเข้ามาทางฉัน และฉีดอะไรบ้างอย่างใส่ในเข็มที่เติมน้ำเกลือของฉัน เพราะยานั่นทำให้ฉันรู้สึกแสบร้อน เมื่อยาเริ่มออกฤทธิ์ฉันก็ทำได้แค่หลับตาทั้งน้ำตา“ยาแก้อักเสบนะครับ” ผู้ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นเบา ๆ“ถ้ามีเลือดออกมา ตอนมีเซ็กส์… แบบนี้จะมีปัญหาเรื่องตั้งครรภ์หรือเปล่า?” จู่ ๆ คนโหดร้ายอย่างบลูไนท์ก็ถามหมอออกไปอย่างไม่คิดอาย“เอ่อ… จริง ๆ แล้วถ้าฝ่ายหญิงไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาก่อน นอกจากเส้นพรหมจรรย์ครั้งแรกแล้ว ก็สามารถมีเลือดออกมาได้ครับ ถ้าเกิดการฉีกขาดของส่วนอื่น ๆ อาจจะเพราะขนาดที่ยังไม่สา
Ep.10...เช้าวันต่อมา...แม้ว่าอาการของฉันจะดีขึ้นบ้างแต่ก็ยังครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่ดี ฉันค่อย ๆ ชันตัวให้ลุกขึ้น เพื่อที่จะไปอาบน้ำ และซักเสื้อเชิ้ตสีขาวให้บลูไนท์ ทั้งที่ตั้งใจจะซักตั้งแต่เมื่อคืนแต่ว่าไม่มีแรงมากพอที่จะลุกได้“คงต้องอาบน้ำแล้วล่ะ" ฉันพูดกับตัวเองก่อนจะลากสังขารตัวเองไปยังห้องน้ำให้ได้แม้ว่าจะยังมีอาการหนาวสั่นอยู่บ้างก็ตามฉันค่อย ๆ หาที่เปิดน้ำอุ่น ๆ และทำได้แค่เกาะผนังห้อง หรือหาอะไรพิงไปพลาง ๆ ...ในห้องน้ำสุดหรูก็มีทั้งอ่างอาบน้ำ และยังแบ่งโซนเป็นตู้กระจกอาบน้ำฝักบัวอีกฝั่งหนึ่งคนที่รวยเนี่ย เขาก็รวยกันแบบโอเวอร์จริง ๆ เลยเนอะ รวยมากขนาดนี้ทำไมเขาถึงไม่มีแฟนหรือผู้หญิงดี ๆ ไว้ข้างกายนะ ถึงต้องมาคว้าเอาใครก็ได้มาเป็นแม่ของทายาทตัวเองฉันได้แต่มองห้องอาบน้ำภายในห้อง ที่เรียกได้ว่าห้องของนางบำเรอคนหนึ่งของคุณบลูไนท์....“วันนี้เขาคงไปห้องนางบำเรอคนอื่น ๆ ละมั้ง” ฉันพูดขึ้นก่อนจะเปิดฝักบัวราดให้น้ำไหลลงมากระทบหัวและทั่วเรือนร่าง ฉันยืนหลับตาปล่อยให้ น้ำชำระล้างความสกปรกบนร่างกายฉัน...แต่ต่อให้ฉันล้างเท่าไหร่ความสกปรกนั้นก็ไม่มีทางทำให้ฉันกลับมาสะอาดได้ดังเดิม... เ
Ep.11 ต้องรับผิดชอบ“เปล่า ฉันไม่ได้ร้อง” ฉันส่ายหน้าและปาดน้ำตาลวก ๆ ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตาเก็บเศษแก้วและจานที่แตกละเอียดเกลื่อนพื้นห้อง เพื่อเลี่ยงการปะทะอารมณ์กับคนใจโหดแบบเขา“ไม่ต้องเก็บ!!” บลูไนท์พูดขึ้นนิ่ง ๆ“ฉันต้องทำความสะอาดห้องนี้อยู่ดี ฉันเก็บได้ค่ะ” ฉันก้มหน้าอย่างไม่กล้าสบสายตาเขา เรียกได้ว่าฉันกลัวเขามากจนลนลาน ไหนจะคราบเลือดของหมอนั่นที่เปื้อนไปตามพื้นห้อง และนั่นทำให้ฉันเสียสมาธิจน...ฉึก!! “ซี้ด!!!” ฉันเผลอร้องออกมาเพราะว่าแก้วที่จะเก็บมันดันบาดเข้าที่ฝ่ามืออย่างไม่ทันระวัง“ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องเก็บ!!!!” บลูไนท์กระชากแขนของฉันขึ้นมาและตวาดใส่อย่างหัวเสีย“ฉันก็แค่... ทำตามหน้าที่เท่านั้น!!” ฉันตอบไปเสียงเบา ๆ และไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตาคนอย่างเขา“เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า หน้าที่ของเธอคือบนเตียง แต่ไอ้ทำความสะอาดบ้านหรืออย่างอื่นเนี่ยมันไม่ได้จำเป็นมากขนาดนั้นหรอก!!!” บลูไนท์ขึ้นเสียงและเอ่ยใส่หน้าฉันอย่างไม่ใส่ใจความรู้สึกคนฟังเลยสักนิดเดียว“ถ้าอยากจะทำมากนักก็รีบ ๆ หายดีซะ!!! และกลับไปนอนถ่างขารอฉันอยู่ที่เตียง แบบนั้นน่ะพ่อเธอน่าจะภูมิใจในตัวเธอมากกว่า!” บลูไนท์ชี้
Ep.49HAPPY WIFE HAPPY LIFE (END)“แล้วถ้าคืนนี้ หนูยอมคุณ...คุณจะ....” ร่างของสาวน้อยวัยเจริญพันธุ์ที่ค่อย ๆ เอาทรวงอกโตของเธอถูไถเข้ากับท่อนแขน ของผมอย่างจงใจยั่วยวนให้ผมฟุ๊บบบบ ผมจับแขนของเธอ ก่อนจะดึงออกจากร่างกายของผม และดันท่อนแขนที่บอบบางนั้น ไปด้านหลังของเธอราวกับตำรวจที่จับผู้ร้าย.. ผมกดใบหน้าลงต่ำจากลำตัว...“คุณบลูไนท์...” เธอเรียกชื่อของผมด้วยเสียงใสซื่อ ฟุ๊บบบบ ผมดึงตัวของเด็กน้อยที่หน้าใสคนนี้ออกมาจากห้องทำงาน“เออ...” เธอยังคงทำตัวอ่อนระทวยกับสัมผัสที่รุนแรงของผม“คุณบลู..” เธอทำเสียงเล็กเสียงน้อยราวกับกำลังเขินกับการกระทำของผม ผมยังคงแสยะยิ้ม และลากเธอเดินตามออกมาอย่างดุดันตั่บบ...เจ้าตัวสะดุดขาของตัวเองและล้มลงกลางห้องรับแขก ซึ่งทำให้ผมสะดุดตามไปด้วย จนใบหน้าแทบจะชนกัน...ลมหายใจของเธอพ่นใส่ใบหน้าของผม ใบหน้าและแววตาที่วิงวอน..“มารยา” ผมพ่นคำนั้นออกมาก่อนจะ จับที่คอเสื้อของผู้หญิงคนนั้นและ....ฟุ๊บบบบบ ลากคอของเธอออกมาจากบ้านตัวเองดวงไฟในบ้านสว่างจ้าขึ้นทุกดวง ด้วยระบบเซนเซอร์“โอ้ยย...คุณบลูไนท์หนูเจ็บค่ะ” ยัยนั่นร้องขึ้นอย่างตกใจที่ถูกผมลากคอออกมาจากถึง“หนูเ
Ep.48แบบทดสอบรักPibPreaw’s part“สวัสดีค่ะ คุณพ่อคุณแม่” ฉันยกมือขึ้นไหว้ต่อหน้าโกศอัฐิของคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง ในวัดที่เงียบสงบ และแทบจะไม่ต้องสืบเลยว่าฉันเป็นอะไรกับพวกท่าน เพราะว่าแค่เพียงรูปถ่ายก็สามารถบ่งบอกได้แล้วว่า ใบหน้าของฉันละหม้ายคล้ายกับพ่อแท้ ๆ ของตัวเองมากแค่ไหน และแม้แต่เจ้าตัวเล็กอย่างเดย์ดรีม ก็เหมือนคุณตาเอามาก ๆ จน บลูไนท์ยังทักขึ้นส่วนรอยยิ้มฉันก็เหมือนจะได้จากแม่มาเต็ม ๆ“หนู..พริบพราวลูกสาวของพ่อกับแม่นะคะ” ฉันเริ่มแนะนำตัวเองก่อนหันไปทางบลูไนท์“และคนนี้ก็บลูไนท์ สามีของหนูเองค่ะ” ฉันเอ่ยแนะนำกับรูปภาพของท่านทั้งสองที่ยิ้มแย้ม แม้จะเป็นภาพขาวดำก็ตาม“ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ มีหลานถึงสองคนแล้วนะคะ” ฉันเริ่มที่จะเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวเอง ให้พวกท่านได้ฟัง แม้จะรู้ว่าพวกท่านไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วก็ตามแต่อย่างน้อยก็มีคุณสามีที่น่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจและไม่มีขัดเลยสักคำตั้งแต่ต้นจนจบ... “สบายแล้วเนาะ ได้รู้ความจริงสักที” บลูไนท์นวดที่ไหล่ของฉันเบา ๆ ขณะที่เราสองคนเดินออกมาจากวัด หลังจากทำบุญและก็เยี่ยมโกศของพ่อแม่แท้ของฉันในวันนี้“ฉันคงไม่มีทางรู้เกี่ยวกั
Ep.47You are my Prisonerฉันก้มลงมองชุดเจ้าสาวของตัวเองที่ร่วงไปกองที่พื้น ด้วยฝีมือของจอมหื่นกามอย่าง..ฟู๊บบบ....บลูไนท์ช้อนอุ้มตัวของฉันลอยจากพื้น และตรงดิ่งไปที่เตียง 12 ฟุตที่ตรงอยู่กลางห้อง ท่ามกลางวิวทะเลกินพื้นที่ของห้องไปครึ่งหนึ่ง“บลู...” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อบลูไนท์อุ้มฉันมาวางลงที่เตียงตรงกับภาพวิวทะเล และเสียงของคลื่นทะเล ที่ดังเข้าผ่านใน...“ฉันคงไม่ต้องบอกนะว่าเธอมีหน้าที่อะไร?” บลูไนท์ตีหน้าเคร่งขรึมใส่ฉัน“หื้ม?? กล้าหรอ!!” ฉันหลุดอมยิ้มออกมาเล็กน้อยกับท่าทีที่ดูโหด ๆ ของเขา ที่ไม่ได้เจอะเจอมานานแล้วบลูไนท์ส่ายหน้าเบา ๆ และยิ้มมุมปากออกมาด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์“หน้าที่ของภรรยาไง...” บลูไนท์พูดด้วยเสียงที่เซ็กซี่ชวนสยิว..มือของบลูไนท์ค่อย ๆ ลูบไล้เรือนร่างของฉัน ที่มีเพียงเกาะอกบาง ๆ กับกางเกงลูกไม้สีขาวตัวจิ๋วจุ๊บส์!! เขาค่อย ๆ จูบลงที่หัวเข่าด้านซ้ายอย่าวแผ่วเบา ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เลื่อนริมฝีปากลงไป ที่โคนขาอ่อน และยังพรมจูบต้นขาของฉันอย่างหื่นกระหาย“บลูไนท์” ฉันรู้สึกหวิว ๆ จนอยากจะขยับขาหนีแต่บลูไนท์ก็ค่อย ๆ จับขาทั้งสองข้างแยกถ่างออกจากกัน“รู้ไหมว่าฉันต้องทนท
Ep.46ยอมโง่“เมีย..ที่แกซื้อมาด้วยเงินร้อยกว่าล้านนะหรอ?” พ่อของบลูไนท์ถามขึ้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ก่อนที่ท่าจะเดินไปนั่งอยู่มุมโซฟาภายในห้อง“ใช่” บลูไนท์แสยะยิ้มตอบกลับไปตามความจริงที่มันเคยเป็นก่อนที่มือของเขาจะจับมือของฉันเอาไว้แน่น“แต่แกปกป้องผู้หญิงที่ไร้ค่าคนนี้ ด้วยชีวิตของแกงั้นหรอบลูไนท์!” พ่อของบลูไนท์ขึ้นเสียงแข็งกร้าว ออกมา และเหลือบมองฉันด้วยแววตาที่ไม่พอใจ“ถ้าพ่อบอกว่า ชีวิตของพราวไร้ค่า งั้นชีวิตของผมที่ยอมตายแทนเธอ...มันก็ไม่ได้มีค่าอะไรหรอก” บลูไนท์พูดกึ่งประชดไปที่พ่อของเขา“บลูไนท์พอเถอะ” ฉันบีบมือและพูดกับบลูไนท์อย่างแผ่วเบา“ฉันเคยคิดว่าแกฉลาดกว่าทุก ๆ คน” พ่อของบลูไนท์ส่ายหน้าและมองเขาอย่างผิดหวัง“ถ้าการเรียนรู้ที่จะรักใคร และปกป้องครอบครัวตัวเองเรียกว่าโง่ ..” บลูไนท์สวนกลับไปทันที“ผมก็ยอมโง่!” เขาตอบด้วยรอยยิ้ม“และที่ผมไม่เหนี่ยวไกปืนฆ่าไอ้บราวน์ทั้งที่ผมมีโอกาส ...ก็เพราะว่าผมมันโง่ด้วยงั้นใช่ไหม” เขาตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ และสู้สายตากับผู้เป็นพ่ออย่างไม่ลดละพ่อของบลูไนท์เงียบไปชั่วขณะ........“ถ้าแกคิดว่าจะเอาลูกในท้องของผู้หญิงคนนี้ ที่อดีตเป็นแค่นางบำเร
Ep.45เมียกู“ไอ้บลูนะมันถึกจะตายไป....ไม่ต้องห่วงหรอก” จีซัสพูดด้วยน้ำเสียงให้กำลังใจกับฉันฉันฝืนยิ้มจาง ๆ รับคำให้กำลังใจของเขาไป เพราะว่าในความจริง ทุกคนรู้ดีว่า..ไม่มีใครที่ไหนจะถึกและอึดจนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับกระสุนปืน ที่ยิงปะทะร่างกายได้...บลูไนท์คง.....เจ็บมากแน่ ๆ..ฉันมองผ่านกระจกห้องไอซียูที่ประตูยังคงปิดสนิทจู่ ๆ น้ำตาล้นเอ่อออกมาอย่างที่ไม่อาจจะฝืนมันได้จริง ๆ น้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความอ่อนแอของฉันฉันเข็มแข็งและต่อสู้กับอะไรไม่ได้เลย ..ถ้าฉัน...ไม่มีบลูไนท์อยู่ข้าง ๆ แบบในตอนนี้...ฉันเพิ่งรู้ว่าไม่ใช่แค่เขาที่ขาดฉันไม่ได้ แต่เป็นฉันนี่แหละ ที่คงอยู่ไม่ได้ถ้าขาดหัวหน้าครอบครัวอย่างเขา..จีซัสหันมามองทางฉันทันที แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะปลอบแต่อย่างใดฉันค่อย ๆ ปาดน้ำตาและลูบที่ท้องของตัวเองเบาใจหนึ่งก็ห่วงลูก อีกใจก็พะวงถึง...เขา.................................“ให้ฉันพาเธอไปพักก่อนเถอะนะ เธอเองก็เจ็บมาเหมือนกัน” จีซัสเหมือนพยายามอยากจะพูดเตือนให้ฉัน นึกถึงตัวเองและลูกให้มากขึ้นเพราะสภาพของฉันก็แย่ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แขนด้านซ้ายที่รับน้ำหนักตัวตอนที่ล้มก็หักจนต้องเข้าเ
Ep.44เธอจะปลอดภัยเสมอ“กลับมา..ฉันเป็นห่วงนาย” ฉันตะโกนออกไปทั้งที่รู้ว่ารถคันนั้นนะ มันแล่นออกไปไกลสุดตาในเวลาดึกและฝนตกขนาดนี้...เขาจะออกไปทำไมกันนะฉันยังคงยืนตากฝนอย่างคิดและกังวลถึงแต่บลูไนท์คนเมาซะขนาดนั้นขับรถออกไปท่ามกลางฝนแบบนี้...“ฉันจะทำยังไงดี...” ฉันคิดไม่ตกเลยจริง ๆ ว่าควรจะทำยังไงต่อดีแต่แล้วเพียงไม่นาน...ฟู๊บบบบ...แสงไฟจ้าจากรถยนต์คันหนึ่งก็สาดไฟสูงตรงเข้ามาทางฉัน“บลูไนท์... นายกลับมา?” ฉันยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่ามีรถกำลังขับเข้าตรงมาทางฉันท่ามกลางสายฝน ที่โปรยปรายในยามวิกาลแบบนี้.. แต่หน้าแปลกใจที่...บรื้นนนนนน บรื้นนนนน เสียงเร่งเครื่องยนต์ของรถคันนั้นขับพุ่งตรงเข้ามาทางฉันเสียงคำรามของเครื่องยนต์รถดังพอ ๆ กับเสียงของท้องฟ้าที่ร้องคำรามราวกับพายุกำลังเข้า“นั้นไม่ใช่บลูไนท์” ฉันแทบก้าวขาไม่ออกเมื่อพบว่ารถคันนั้นเป็นสีดำสนิทและมันกำลังพุ่งทะยานเข้ามาหาฉันแบบไม่มีทีท่าว่าหักหลบไปทางอื่น..“กรี้ดดดดดดดดดด.....” ฉันร้องกรี้ดลั่นอย่างตกใจภายในเสี้ยววินาทีชีวิต ฉันตั้งสติครั้งสุดท้ายก่อนจะก้าวเท้าวิ่งสุดชีวิตกลับเข้าไปในบ้าน แต่ด้วยความเร็ว ของรถที่พุ่งตรงเข้ามา
Ep.43ฉันรู้เธอเกลียดฉัน“ทำอะไรเกรงใจลูกในท้องบ้างนะ!!!” และนั่นเป็นครั้งแรกในรอบหกเดือนที่บลูไนท์ขึ้นเสียงใส่ฉันบลูไนท์มองตาขวางไปทางมอร์ฟิน มือของเขากำหมัดแน่นมือที่จับไหล่ของฉันด้วยเช่นกัน แต่เพียงไม่นานเขาก็คลายมือข้างที่บีบไหล่ของฉันออกช้า ๆ พร้อมทั้งเสียงกัดฟันดังขึ้นอย่างพยายามจะข่มอารมณ์“โทษทีที่เข้ามาขัดจังหวะ” เขาพูดแม้ว่าจะสั่นไปด้วยความโกรธเต็มทน แต่เขาพยายามที่จะควบคุม มันเอาไว้ ทั้งที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะระเบิดออกมาแล้ว“ฉันไม่อยากให้ลูกในท้องสับสนว่าใครเป็นพ่อของเขากันแน่” บลูไนท์เมมปากและกำหมัดแน่น“บลูไนท์!!” ฉันเองก็เริ่มไม่พอใจกับคำพูดนั้นของเขา“ไอ้เชี้ยบลู” มอร์ฟินเองก็ชักสีหน้ากลับอย่างไม่พอใจกับคำพูดจากปากเขา“เกรงใจกูบ้างนะ ถ้ามึงยังอยากให้กูเกรงใจมึง!” บลูไนท์ชี้หน้าของมอร์ฟินอย่างข่มขู่ ก่อนจะหันมา มองทางฉันนิ่ง ๆ“ฉันจะรอเธอข้างนอก อยากทำอะไร....ก็เชิญ” เขาพูดแค่นั้น“แต่ขอแค่อย่ามากกว่าที่เพิ่งเห็นไปก็พอ!!” เขาทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินกระชากประตูออกไปนอกห้อง ทันทีปัง!!! เสียงปิดประตูดังสนั่น แต่ฉันนะชินชาไปแล้วจริง ๆ กับอารมณ์ร้อน ๆ ของคนอย่างบลูไนท์“น
Ep.42 ขอโทษและขอบคุณ“และพ่อรักแม่ของเขามากแค่ไหน..” บลูไนท์พูดออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง แต่มันกับทำให้คนที่เข้มแข็งอย่างฉัน กลั้นน้ำตาเอาไม่อยู่กับประโยคสุดท้ายของเขาฟุ๊บบบ..ฉันขยับตัวเข้าไปกอดอ้อมกอดที่อบอุ่นนั้นและร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น และไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ตอบเขากลับไป และร้องไห้อยู่แบบนั้นจนผล็อยหลับไปในอ้อมอกของเขาอย่างอ่อนล้าและจิตใจที่อ่อนแอ เหลือเกิน———เช้าวันต่อมา———“นายยังไม่ออกไปทำงานอีกหรอ?” ฉันตื่นนอนมาในตอนเช้าแต่เหมือนว่าจะไม่เจอกับบลูไนท์ แล้วจึงคิดว่าเขาน่าจะออกไปทำงาน แต่กลับกลายเป็นว่าเขากำลังทำอาหารเช้าอยู่ในห้องครัวต่างหาก“ไปสายๆ” เขาตอบอย่างตีหน้านิ่ง ขี้เก๊กไม่มีเปลี่ยนจริง ๆ ฉันเดินเข้าไปดูว่าบลูไนท์กำลังทำอาหาร อะไรอยู่ โดยมีพวกของสดเต็มโต๊ะไปหมด“ฉันอ่านมาว่าอาหารการกินน่ะสำคัญมากสำหรับคนท้อง ฉันเลยไม่วางใจใครนอกจากตัวเอง” เขาพูดก่อน จะลงมือปรุงอาหารต่อ และชิมเองทุกขั้นตอนทุกๆอย่างที่บลูไนท์ทำ...ทำให้ฉันรับรู้ได้ว่า เขาไม่ได้ใช้เงินฟาดไปกับทุก ๆ เรื่อง เพราะหลาย ๆ อย่าง เขาทำมันอย่างใส่ใจและตั้งใจ ทั้งที่เขาสามารถใช้เงินแก้ปัญหามันได้เช่นกันหลั
Ep.41ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีฉัน“แต่เขายังรักเธอเหมือนเดิม”แซมมี่พูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งกับฉัน ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังหมายความว่ายังไงกันแน่“แต่เธอรู้นิว่ามอร์ฟินเป็นแฟนฉัน” ฉันถามกลับเสียงแข็ง ๆ อย่างนึกโกรธ แต่ก็พยายามข่มอารมณ์เอาไว้ เพราะเอาจริงแล้ว เราเรียนห้องเดียวกัน เพียงแค่ฉันไม่เคยคุยกับแซมมี่หรือสนิทสนมกับเธอ และมอร์ฟิน เองก็เช่นกัน“ทำไม...ยังยอมมีอะไรกับเขา ???” ฉันถามอย่างกำหมัดแน่น“เอากันไม่เลือกหน้า ด้านดีจริงๆ” ฉันกัดฟันพูดอย่างจุกอก“อยากด่าอะไร ก็ด่าออกมาเถอะ ฉันมันสมควรถูกด่าแบบนั้นอยู่แล้ว” แซมมี่แสยะยิ้มรับทั้งที่แววตา ของเธอเศร้า“เพราะว่างานปาร์ตี้คืนนั้น...ในบรรดาผู้ชายทั้งหมดฉันรู้จักมอร์ฟินแค่คนเดียว” แซมมี่กัดริมฝีปาก อย่างลำบากใจที่จะพูดออกมา “และฉันหยุดความต้องการ...นั้นไม่ได้” เธอพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง “เฮ้ยยย !!!!” ฉันร้องออกมาทั้งตกใจและโกรธที่ได้ยินแบบนั้น“ฉันรู้ว่าเธอดูแรงๆ แต่ไม่คิดว่าจะร่านได้ขนาดนี้” ฉันด่าผู้หญิงคนนั้นออกไปตรง ๆ และมองเธออย่าง ไม่เชื่อสายตาตัวเอง“เธอควรพบจิตแพทย์นะ ถ้าจะเ-ี่ยนได้ขนาดนี้” ฉันพูดออกไปอย่างสุดจะทน กับผู้หญิงค