เช้าวันต่อมาไอศูรย์มองคู่รักที่นั่งหยอกล้อกันอยู่ตรงข้ามกันกับเขา สองคนยกยิ้มกว้างแต่อีกหนึ่งคนกลับมีสีหน้าบูดบึ้งราวกับเด็กน้อยโดนแย่งของเขาไม่น่าหลงกลเจ้าลูกเขยเจ้าเล่ห์คนนี้เลย อุตส่าห์คิดว่าเจ้าหมอนี่อยากจะทำดีเอาใจเขา แต่กลับกลายเป็นว่าเขาดันถูกวางยาจนหลับยาวเสียรู้ให้ลูกเขยจนได้ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหจนควันออกหู ถ้าปกรณ์ไม่ขึ้นไปปลุกก็เกรงว่าเขาคงจะหลับยาวไม่ตื่นเพราะกำลังนอนหลับสบายแน่“เอ่อ นายครับ”ปกรณ์ที่ร่วมโต๊ะทานอาหารมื้อเช้าในวันนี้ด้วย ทำใจกล้ายกมือขึ้นสะกิดผู้เป็นนายที่เอาแต่จ้องมองคุณหนูไออุ่นกับธามไทเขม็งตาแทบไม่กะพริบไอศูรย์ได้สติเมื่อถูกสะกิด ใบหน้าบูดบึ้งในคราแรกพลันปรับให้เรียบเฉยเย็นชา แล้วพยักหน้าให้นมหวานที่ยืนอยู่ด้านข้างเตรียมมื้อเช้าได้“ช่วงนี้สุขภาพของคุณท่านต้องได้รับการบำรุง นมหวานก็เลยทำมื้อเช้าอ่อน ๆ อย่างข้าวต้มบ่อยขึ้นหน่อย หวังว่าทุกคนจะไม่เบื่อกันก่อนนะคะ”นมหวานเอ่ยบอกทุกคนด้วยความเกรงใจ แต่ทุกคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มไม่ได้รู้สึกไม่ดีแต่อย่างใด กับเมนูข้าวต้มที่นมหวานมักพลิกแพลงเพิ่มเติมสมุนไพรบำรุงร่างกายลงไปในข้าวต้มให้ผู้เป็นนายด้วยซึ่งสมุนไพรเห
“ทำไมพ่อถึงได้ใจร้ายกับเฮียจังเลยคะ ดูสิมือนุ่ม ๆ พองหมดเลย”เมื่อสองหนุ่มสาวขึ้นมาบนห้องนอนแล้ว ไออุ่นก็จับมือของธามไทมาลูบเบา ๆ ด้วยความอ่อนโยน ใบหน้าสวยหวานในยามนี้พลันมีน้ำตาเอ่อคลอด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจที่คนพี่ยอมทำเพื่อเธอขนาดนี้ยิ่งได้เห็นผิวที่เรียบเนียนไหม้เกรียมจากไอแดด ยามที่เขาเลิกแขนเสื้อขึ้นน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ก็ไหลลงมาอาบแก้มเนียนด้วยความสงสารคนรัก ที่ต้องทำงานตากแดดจนผิวหมองคล้ำ“หนูไอของเฮียร้องไห้ทำไมคะเด็กดี”มือที่กำลังพับแขนเสื้อขึ้นรีบเปลี่ยนมาดึงไออุ่นเข้าสู่อ้อมกอดทันที ใบหน้าหล่อเหลาพลันเผยรอยยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน แววตายามที่ทอดมองร่างเล็กในอ้อมแขนเต็มไปด้วยความเอ็นดูที่เธอร้องไห้ เพียงเพราะว่าเขากลับมาจากการทำงานด้วยสภาพไม่สู้ดี“ฮือ ฮือ ก็หนูไอสงสารเฮียนี่คะ ทำไมพ่อต้องแกล้งเฮียแบบนี้ด้วย”ไออุ่นตอบคำถามด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น สองมือน้อย ๆ กอดเอวสอบเอาไว้แน่นด้วยความรักสุดหัวใจคนพี่ส่ายหน้าไปมาช้า ๆ และยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังที่สั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้นเบา ๆ อย่างปลอบโยน“คุณพ่อของหนูไอเปล่าแกล้งเฮียนะคะ ท่านแค่อยากฝึกให้เฮียมีความอดทนเพราะก่อนที่ท่านจะรั
เมื่อไอศูรย์เดินทางมาถึงโรงพยาบาลเขาก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากท่านประธานโรงพยาบาล N ที่มารับตัวเขาพาไปส่งที่ห้องคนไข้ด้วยตนเองนั่นทำให้ไอศูรย์รู้สึกประทับใจไม่น้อย ซึ่งปกติแล้วยมทูตแห่งโลกมืดอย่างกฤษฎิ์เขาย่อมไม่เคยลงมาต้อนรับผู้ป่วย VVIP ที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องด้วยตนเองแบบนี้เลยสักครั้งแน่นอนว่าผู้ชายที่เย่อหยิ่งทระนงตัวคนนี้ แทบจะไม่เคยเห็นหัวใครอยู่แล้วนอกจากคนในครอบครัวเพราะฉะนั้นการที่เขาลงมาต้อนรับไอศูรย์ที่เดินทางมาถึงโรงพยาบาลด้วยตนเอง จึงทำให้ไอศูรย์ค่อนข้างแปลกใจเป็นอย่างมาก สุดท้ายแล้วความแปลกใจระคนสงสัยของเขาก็กระจ่างแจ้งแก่ใจ เมื่อกฤษฎิ์ย้ำให้เขารู้ว่าธามไทคือหลานชายของเขา ก็เท่ากับว่าเป็นคนในครอบครัว และในเมื่อไอศูรย์คือว่าที่พ่อตาของเจ้านั่นแล้วกฤษฎิ์จะเมินเฉยไม่ลงมาต้อนรับเขาได้อย่างไร“คนไข้คนนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับคุณหมอ”“ฝากสมบัติด้วยไหมล่ะครับ แล้วนี่พินัยกรรมเขียนหรือยังเนี่ย เกิดเป็นอะไรขึ้นมาในห้องผ่าตัด มรดกพันล้านของนายจะได้มีคนดูแล”คำพูดไม่น่าฟังของกฤษฎิ์ทำให้ทุกคนตรงนั้นหน้าเหวอไปตามกัน กับความขี้เล่นของท่านประธานโรงพยาบาล N ที่พูดเรื่องน่าเศร้
“พ่อ”ธามไทร้องเรียกผู้เป็นบิดาด้วยความตกใจ หัวใจที่ไร้ความเจ็บปวดเพราะผู้ชายคนนี้มานานหลายปีอยู่ ๆ ก็รู้สึกคล้ายกับมีคนมาบีบมันจนรู้สึกร้าวไปทั้งใจร่างสูงที่วิ่งตามเตียงรถเข็นผผู้ป่วยมา ตั้งท่าจะพุ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉิน แต่เพลิงกัลป์กลับวิ่งมาล็อกตัวเพื่อนสนิทเอาไว้แน่น เพราะตอนนี้คือเวลาที่ธามไทต้องรีบไปเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมตัวผ่าตัดให้ว่าที่พ่อตาแล้ว“ใจเย็นก่อนเว้ยเพื่อน ใจเย็นก่อน นายมาผิดห้องแล้ว ห้องที่นายต้องไปคือห้องผ่าตัดของพ่อตาเว้ยหมอไทม์”คำพูดของเพลิงกัลป์ทำให้ธามไทค่อย ๆ ได้สติคืนมา ก่อนที่เขาจะก้มลงมองคราบเลือดบนเสื้อกาวน์ของตัวเองอย่างรู้สึกลังเลเพราะคนที่อยู่ในห้องฉุกเฉินอย่างไรแล้วก็คือบิดาของเขา ถึงแม้ว่าตอนเด็ก ๆ บิดาจะทำร้ายเขาและมารดาจนเกิดเป็นแผลในใจยากจะลบเลือน แต่หลังจากที่มารดาขอหย่าและเดินออกไปจากชีวิตของบิดา ท่านก็คอยส่งคนตามดูแลเขากับมารดามาโดยตลอดจนกระทั่งมารดาของเขาได้ช่วยเหลือท่านโฮชิเอาไว้ด้วยความบังเอิญ จนทำให้ท่านเกิดความซาบซึ้งใจและตามจีบเธอจนท่านใจอ่อน ยอมเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งในฐานะนายหญิงของแก๊งยากูซ่าจากแดนปลาดิบแล้วหลังจากนั้นสองแม่ลูกก็
“ประจำเดือนของคุณหนูครั้งล่าสุดมาเมื่อไหร่คะ”“เมนส์น้องไอมาหรือยังคะ”คนสองวัยเอ่ยถามออกมาพร้อมกัน ทำเอาไออุ่นที่กำลังดูดโกโก้ปั่นหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เด็กสาวจะขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยกนิ้วขึ้นมานับมือดูว่าประจำเดือนครั้งล่าสุดของเธอมาตอนไหน“เดือนนี้ยังไม่มาเลยค่ะ เอ ที่จริงต้องมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้วนะคะ”คำตอบของเด็กสาวทำเอาคนแก่ยกมือขึ้นทาบอกอย่างตกใจ ส่วนอีกหนึ่งสาวที่ผ่านประสบการณ์การตั้งครรภ์มาถึงสองครั้ง ก็ได้แต่เบิกตากว้างอย่างตกใจไม่แพ้กันสองสาวต่างวัยหันมองหน้ากันทันที บนใบหน้านั้นฉายแวววิตกกังวลอย่างชัดเจน“คะ คุณหนู ตอนนี้มีอาการอะไรแปลก ๆ บ้างไหมคะ ชะ เช่นแบบว่า เอ่อ เอ่อ คือ อยากกินของเปรี้ยวอะไรแบบนี้”นมหวานถามคุณหนูเพื่อประเมินอาการเบื้องต้น เพราะยุคสมัยของเธอนั้นเวลาที่เด็กสาวมีอาการแพ้ท้อง นอกจากจะคลื่นไส้อาเจียนแล้วก็ยังรู้สึกอยากจะทานผลไม้รสเปรี้ยวอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย“ไม่นะคะนม แต่หนูไออยากกินของหวานตลอดเวลาเลยค่ะ แล้วก็รู้สึกหิวบ่อยด้วย”คำตอบของไออุ่นทำให้ครีมย้อนคิดไปถึงอาการช่วงที่เธอตั้งท้อง ซึ่งเธอเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้รู้สึกอยาก
ห้อง I C Uแววตาที่แสนเย็นชาของธามไทจ้องมองบิดาที่ใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกสับสน เมื่อคืนเป็นเพลิงกัลป์กับวายุที่ทำหน้าที่ผ่าตัดช่วยชีวิตบิดาของเขาเอาไว้แต่หลังจากที่ผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาการของของเขายังอยู่ในภาวะวิกฤติ จึงจำต้องให้พักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูเพื่อดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด“ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่พ่อที่ดีสำหรับผม แต่ผมก็อยากให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อไปนะครับ”น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยกับร่างสูงบนเตียง ที่นอนหลับใหลไม่ได้สติมาหนึ่งคืนเต็ม ๆ ก่อนที่ธามไทจะเดินเข้าไปยืนข้าง ๆ และจับมือของบิดามากุมเอาไว้พร้อมกับบีบเบา ๆ ราวกับต้องการให้บิดารับรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้แล้วจนกระทั่งหมดเวลาเยี่ยมธามไทจึงได้ตัดใจเดินออกมาจากห้องไอซียู ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พยาบาลวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเขาด้วยความร้อนใจ“คุณหมอคะ คนไข้เด็กที่เกิดอุบัติเหตุพร้อมกับคุณธราเทพตื่นมาก็เอาแต่ร้องไห้หาพ่อกับแม่ พยาบาลเวรกับคุณหมอพยายามช่วยกันปลอบเท่าไหร่น้องก็ไม่ยอมหยุดร้องไห้เลยค่ะ”คำบอกเล่าของพยาบาล ทำให้ธามไทไม่รอช้าสองขารีบวิ่งไปที่ห้องพักผู้ป่วยของน้องชายต่างมารดาทันทีด้วยความลืมตัว ทั้ง ๆ
ไอศูรย์นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โดยมีปกรณ์และนมหวานคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนไออุ่นช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม เด็กสาวจึงจำต้องไปจัดการเรื่องที่โรงเรียนให้เสร็จเรียบร้อย แล้วค่อยกลับมาดูแลบิดาที่โรงพยาบาล ในขณะที่ธามไทเองก็ตัดสินใจบอกให้ธันวารู้ว่ามารดาของเขาได้เสียชีวิตแล้วแม้จะพยายามใช้คำพูดที่กระทบต่อความรู้สึกของน้องชายให้น้อยที่สุดเท่าที่พี่ชายคนหนึ่งจะทำได้ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความผูกพันกับธันวามากนัก แต่เขาก็คือพี่ชายต่างมารดาของเด็กชายตัวน้อย เพราะฉะนั้นการที่จะให้เขาทิ้งให้น้องชายรับรู้เรื่องนี้จากปากของญาติ ๆ ที่พากันมาเยี่ยมเด็กชายตัวน้อยนั้นเขาทำไม่ได้จริง ๆ“ม้าค้าบ ม้า ฮือ ฮือ”เสียงร้องไห้ของธันวาบาดลึกลงไปในความรู้สึกของผู้เป็นพี่ชายไม่น้อย เด็กชายสะอื้นไห้จนตัวโยนเมื่อได้รับรู้ความจริงว่า มารดาที่เขาเฝ้ารอให้มาหาตลอดหลายวันที่ผ่านมา บัดนี้เหลือเพียงแค่ร่างที่ไร้ลมหายใจมือเล็กค่อย ๆ เอื้อมไปจับมือใหญ่ของพี่ชาย ก่อนที่เด็กน้อยจะโผเข้ากอดที่พึ่งพิงคนสำคัญเอาไว้ด้วยอาการขวัญเสียธามไทยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็ก ๆ อย่างเบามือ แล้วโอบกระชับธันวาเข้ามาในอ้อมแขนซุกซบใบหน้าพล
ภายในห้องทำงานที่มืดสนิท ธามไทนั่งอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ตรงมุมห้องเพียงลำพังนับตั้งแต่วินาทีที่บิดาของเขาสิ้นลม จนกระทั่งผู้เป็นอาจัดการเรื่องเตรียมรับศพเพื่อนำร่างของพี่ชายไปประกอบพิธีการทางศาสนาเสร็จสิ้น เขาจึงปลีกตัวมานั่งเงียบ ๆ อยู่เพียงลำพังในห้องทำงานร่างสูงนั่งจมอยู่กับความคิดของตนเอง ในห้วงคำนึงของธามไทตอนนี้มีเพียงภาพในอดีตตอนที่เขายังคงเป็นเด็กทั้งที่พยายามบอกตัวเองให้ลืมความทรงจำในอดีต ที่มีทั้งภาพแห่งความสุขและความขมขื่น แต่ธามไทกลับซ่อนความทรงจำเหล่านั้นเอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจความสุขที่เคยได้รับจากบิดาไม่เคยลืมเลย แต่ความทุกข์และความเจ็บปวดที่เคยได้รับเองก็ยังไม่มีวันลืมเช่นกันจนกระทั่งวันนี้วันที่บิดาได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ธามไทถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาควรจะปล่อยวางความแค้นในอดีตสักที หลังจากที่เขากำเอาไว้ไม่ยอมปล่อยจนกระทั่งกลายเป็นรอยแผลใหญ่ แม้จะค่อย ๆ เริ่มจางหายไปเมื่อไออุ่นเดินเข้ามาในชีวิตก็ตาม ทว่ายังเป็นรอยแผลเป็นที่หากสะกิดก็พร้อมสะเทือนแกรกแอดเสียงประตูห้องทำงานค่อย ๆ ถูกเปิดเข้ามาด้วยฝีมือของไออุ่น ที่ปิดประตูลงอย่างเบามือและเดินฝ่าความมืดเข้ามาหาธาม