ไอศูรย์นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โดยมีปกรณ์และนมหวานคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนไออุ่นช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม เด็กสาวจึงจำต้องไปจัดการเรื่องที่โรงเรียนให้เสร็จเรียบร้อย แล้วค่อยกลับมาดูแลบิดาที่โรงพยาบาล ในขณะที่ธามไทเองก็ตัดสินใจบอกให้ธันวารู้ว่ามารดาของเขาได้เสียชีวิตแล้วแม้จะพยายามใช้คำพูดที่กระทบต่อความรู้สึกของน้องชายให้น้อยที่สุดเท่าที่พี่ชายคนหนึ่งจะทำได้ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความผูกพันกับธันวามากนัก แต่เขาก็คือพี่ชายต่างมารดาของเด็กชายตัวน้อย เพราะฉะนั้นการที่จะให้เขาทิ้งให้น้องชายรับรู้เรื่องนี้จากปากของญาติ ๆ ที่พากันมาเยี่ยมเด็กชายตัวน้อยนั้นเขาทำไม่ได้จริง ๆ“ม้าค้าบ ม้า ฮือ ฮือ”เสียงร้องไห้ของธันวาบาดลึกลงไปในความรู้สึกของผู้เป็นพี่ชายไม่น้อย เด็กชายสะอื้นไห้จนตัวโยนเมื่อได้รับรู้ความจริงว่า มารดาที่เขาเฝ้ารอให้มาหาตลอดหลายวันที่ผ่านมา บัดนี้เหลือเพียงแค่ร่างที่ไร้ลมหายใจมือเล็กค่อย ๆ เอื้อมไปจับมือใหญ่ของพี่ชาย ก่อนที่เด็กน้อยจะโผเข้ากอดที่พึ่งพิงคนสำคัญเอาไว้ด้วยอาการขวัญเสียธามไทยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็ก ๆ อย่างเบามือ แล้วโอบกระชับธันวาเข้ามาในอ้อมแขนซุกซบใบหน้าพล
ภายในห้องทำงานที่มืดสนิท ธามไทนั่งอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ตรงมุมห้องเพียงลำพังนับตั้งแต่วินาทีที่บิดาของเขาสิ้นลม จนกระทั่งผู้เป็นอาจัดการเรื่องเตรียมรับศพเพื่อนำร่างของพี่ชายไปประกอบพิธีการทางศาสนาเสร็จสิ้น เขาจึงปลีกตัวมานั่งเงียบ ๆ อยู่เพียงลำพังในห้องทำงานร่างสูงนั่งจมอยู่กับความคิดของตนเอง ในห้วงคำนึงของธามไทตอนนี้มีเพียงภาพในอดีตตอนที่เขายังคงเป็นเด็กทั้งที่พยายามบอกตัวเองให้ลืมความทรงจำในอดีต ที่มีทั้งภาพแห่งความสุขและความขมขื่น แต่ธามไทกลับซ่อนความทรงจำเหล่านั้นเอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจความสุขที่เคยได้รับจากบิดาไม่เคยลืมเลย แต่ความทุกข์และความเจ็บปวดที่เคยได้รับเองก็ยังไม่มีวันลืมเช่นกันจนกระทั่งวันนี้วันที่บิดาได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ธามไทถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาควรจะปล่อยวางความแค้นในอดีตสักที หลังจากที่เขากำเอาไว้ไม่ยอมปล่อยจนกระทั่งกลายเป็นรอยแผลใหญ่ แม้จะค่อย ๆ เริ่มจางหายไปเมื่อไออุ่นเดินเข้ามาในชีวิตก็ตาม ทว่ายังเป็นรอยแผลเป็นที่หากสะกิดก็พร้อมสะเทือนแกรกแอดเสียงประตูห้องทำงานค่อย ๆ ถูกเปิดเข้ามาด้วยฝีมือของไออุ่น ที่ปิดประตูลงอย่างเบามือและเดินฝ่าความมืดเข้ามาหาธาม
ร้านอาหาร“ดิฉันต้องขอโทษคุณไอศูรย์แทนลูกชายด้วยนะคะที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ดันไปชิงสุกก่อนห่ามทั้ง ๆ ที่หนูไอยังเด็กอยู่เลย”ณิศรายกมือขึ้นไหว้ขอโทษไอศูรย์ ที่รีบยกมือรับไหว้เธอด้วยความเกรงใจเช่นกัน ใบหน้าของเธอในยามนี้รู้สึกผิดอย่างจริงใจ ที่สั่งสอนลูกชายไม่ดีจนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เธอเพิ่งทราบจากปากของลูกชายในวันนี้นี่ถ้ากฤษฎิ์ไม่ส่งข่าวไปบอกเธอว่าสามีเก่าเสียชีวิต เธอคงไม่เคยรู้เลยว่าลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียวนั้นไปสร้างวีรกรรมอะไรเอาไว้บ้างที่เมืองไทย ส่วนสามีของเธอเองก็ไม่เคยปริปากบอกเธอแม้แต่คำเดียว เพราะโฮชินั้นรักและเอ็นดูรวมไปถึงตามใจธามไทมาก“แม่ครับ ลูกสะใภ้แม่สวยน่ารักขนาดนี้ ใครจะอดใจไหวล่ะครับ”คำพูดของธามไทที่โพล่งขึ้นมากลางวงอาหาร ทำให้มารดาหน้าเจื่อนลง ก่อนที่มือบอบบางจะฟาดลงบนแขนแกร่งที่เต็มไปด้วยรอยสักของลูกชายเต็มแรงเพียะ“พูดอะไรออกมา ไม่รู้จักให้เกียรติน้องเลยนะพี่ไทม์”ต่อให้ถูกมารดาเอ็ดเสียงเบาต่อหน้าทุกคน แต่ธามไทกลับไหวไหล่น้อย ๆ อย่างไม่แยแส แล้วหันไปมองใบหน้าเนียนสวยของคนที่นั่งตรงข้ามไม่วางตาด้วยสายตาหวานเชื่อม ทำเอาไออุ่นแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเข
ข่าวดีเรื่องการตั้งครรภ์ของไออุ่น ทำให้ทั้งไอศูรย์และฝั่งครอบครัวของคุณหมอธามไทดีใจมาก หลังจากวันที่ทานมื้อเย็นด้วยกันและจบลงด้วยความอลหม่าน วันถัดมาณิศรากับท่านโฮชิก็เดินทางมาเยือนคฤหาสน์ของไอศูรย์ เพื่อเจรจาสู่ขอไออุ่นให้กับลูกชายอย่างเป็นทางการซึ่งไอศูรย์เองก็ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด แต่เขากลับยกลูกสาวให้ด้วยความเต็มใจ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองนั้นจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน อะไรที่ทำให้ทั้งตัวเขาและลูกสาวมีความสุขได้ไอศูรย์ก็พร้อมที่จะทำส่วนเรื่องสินสอดไอศูรย์ไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมาย เขามอบให้ณิศราจัดการตามความเหมาะสมได้เลย เมื่อเจรจาสู่ขอเรียบร้อยแล้ววันแต่งงานก็ถูกกำหนดขึ้นในอาทิตย์ถัดมาทันที“เฮียจะไม่ไปฟังการเปิดพินัยกรรมของคุณพ่อจริง ๆ เหรอคะ”คำถามของไออุ่นทำให้มือที่กำลังพลิกเปิดหน้าหนังสือหยุดชะงักไป คุณหมอวางหนังสือลงข้างกายและเปลี่ยนมานอนหนุนตักแฟนเด็กแทน พร้อมแนบใบหน้าลงบนหน้าท้องแบนราบสัมผัสกับเจ้าตัวน้อยที่คงกำลังนอนหลับฝันดีอยู่ในพุงคุณแม่“เฮียกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักหน่อย เรื่องพินัยกรรมคือเรื่องของคนในครอบครัวเขา เฮียเป็นคนนอกไม่ควรเข้าไปยุ่งดีที่สุดแล้วค่ะ”
“น้องธันนึกว่าพี่ชายจะไม่มารับแล้ว”เมื่อขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว ธันวาก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายที่ก้มหน้าลงมองสบตาเขาอยู่ก่อนแล้วดวงตากลมโตที่คลอไปด้วยน้ำตาเต็มไปด้วยความรู้สึกโหยหาและคิดถึงพี่ชายตั้งแต่วันที่ต้องจากมา มือใหญ่จับมือเล็กมากุมเอาไว้พลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ค่อย ๆ ไหลอาบแก้มออกให้ด้วยความรู้สึกที่ค่อย ๆ ผูกพัน“มานี่มา”ธามไทอุ้มน้องชายขึ้นมานั่งบนตัก ใบหน้าเล็กซบลงบนหน้าอกแกร่งของพี่ชายอย่างออดอ้อนด้วยความรู้สึกอ้างว้าง พลันเปลี่ยนเป็นความอบอุ่น เมื่อพี่ชายเพียงคนเดียวที่คิดว่าคงไม่ได้เจอหน้ากันแล้วกลับมารับตนไปอยู่ด้วยเด็กชายยกยิ้มจนแก้มฟู เพราะในความรู้สึกของเด็กน้อยนั้นนอกจากบิดากับมารดาที่ล่วงลับไปแล้ว เขาเชื่อใจพี่ชายเพียงคนเดียวของเขาเท่านั้น“ถึงเฮียจะไม่ได้อยู่ในทุกช่วงชีวิตของน้องธัน แต่น้องธันจะเป็นน้องชายเพียงคนเดียวของเฮียนะครับ เราสองคนเป็นสายเลือดเดียวกัน เฮียไม่มีทางทอดทิ้งน้องธันเด็ดขาด”“ตอนนี้เราสองคนอาจจะไม่ได้สนิทกันมากเหมือนพี่น้องคนอื่น ๆ แต่เฮียสัญญาว่าหลังจากวันนี้ไปเฮียจะดูแลน้องชายคนนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่พี่ชายคนหนึ่งจะทำได้นะ
โรงพยาบาล N“ตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม”กฤษฎิ์เอ่ยถามธามไทที่นั่งอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ถึงการตัดสินใจหันหลังให้กับอาชีพหมอ และก้าวเดินต่อไปในฐานะนักธุรกิจ ที่ต้องกุมบังเหียนดูแลทั้งกิจการของธราเทพผู้เป็นบิดาที่ล่วงลับไป กับธุรกิจของว่าที่พ่อตาอย่างไอศูรย์ทางด้านคุณหมอที่คิดมาดีแล้วพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้ม แววตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นไม่เปลี่ยนใจเขาเรียนรู้การเป็นนักธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก จนเข้าสู่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ๆ เขาก็เบนเข็มทิศจากการเป็นนักธุรกิจตั้งแต่วัยเยาว์ก้าวสู่เส้นทางของหมอซึ่งพ่อเลี้ยงอย่างท่านโฮชิก็ไม่ได้เอ่ยห้ามเลยแม้แต่น้อย แต่ท่านกลับสนับสนุนในสิ่งที่เขาอยากจะเรียนรู้ ด้วยการบอกให้เขามุ่งมั่นตั้งใจเรียนและคว้าเกียรตินิยมมาให้ได้ ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้ท่านผิดหวังเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของสหรัฐอเมริกา คุณหมอธามไทสามารถคว้ามาครอบครองได้สมปรารถนา“ครับ ไทม์อยากสานต่อธุรกิจของพ่อเพื่อปูทางเอาไว้ให้น้องธัน วันหนึ่งที่น้องโตขึ้นธุรกิจของพ่อไทม์จะยกให้น้องดูแลทั้งหมดครับ”กฤษฎิ์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจในเหตุผลของคนพี่ว่า ทำไมเขาถึงเลือกที่จะหันหลังให
วันแต่งงานเสียงขบวนแห่ขันหมากที่ดังมาแต่ไกล ทำให้ไออุ่นที่อยู่ในชุดไทยวิ่งไปที่หน้าต่างและชะโงกหน้ามองขบวนแห่ของเจ้าบ่าวด้วยความตื่นเต้นดวงตาใสกระจ่างเลื่อนไปยังบุรุษร่างสูงใหญ่กับใบหน้าคมคร้ามที่โดดเด่นมาแต่ไกล ว่าที่เจ้าสาวหันไปส่งยิ้มที่ดูราวกับบุปผาขยายกลีบรับสายลมฤดูใบไม้ผลิให้เพื่อนสนิทที่รีบวิ่งเข้ามายืนข้าง ๆ เธอด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน“เฮียไทม์ หล่อจังเลย”เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นตาของธามไท เฌอแตมก็เอ่ยชมขึ้นมาด้วยความจริงใจ ทำเอารอยยิ้มของไออุ่นกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่เธอจะแสร้งเอ่ยถามเพื่อนถึงผู้ชายที่ยืนข้าง ๆ ว่าที่เจ้าบ่าว“แล้วคนข้าง ๆ เฮียไทม์ล่ะหล่อไหม”“หูย หล่อขนาดนี้สเปกแตมเลย”เฌอแตมหลุดปากพูดออกไปตามที่ใจคิด แต่พอเพ่งมองดี ๆ ดวงตากลมโตก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ จึงรีบยกมือเล็กขึ้นปิดปากทันควันใบหน้าของสาวน้อยวัยแรกแย้มค่อย ๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอายที่หลุดพูดความรู้สึกในใจออกไปให้เพื่อนได้รับรู้ตึกตัก ตึกตัก ตึกตักหัวใจดวงน้อยพลันเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ เมื่อเธอเผลอสบตากับเจ้าของใบหน้าคมคายอย่างลมหนาว ที่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าต่างห้องนอนของไออุ่น
หลังจากแต่งงานไออุ่นก็กลับไปเรียนต่อในเทอมสองตามปกติ แม้ว่าบิดากับสามีจะพากันไม่เห็นด้วย กับการตัดสินใจกลับไปเรียนของเธอก็ตาม เพราะไออุ่นกำลังตั้งครรภ์ทั้งคู่จึงเป็นห่วงกลัวว่า ในระหว่างที่เรียนอาจจะทำให้หญิงสาวรู้สึกเครียดจนส่งผลกระทบกับลูกในท้องแต่ไออุ่นก็ยังยืนยันคำเดิมว่า เธออยากจะเรียนจบชั้นมัธยมพร้อมกับเพื่อน ๆ ในห้องที่ต่างรอคอยการกลับมาของเธอ ส่วนความเครียดที่อาจเกิดขึ้นจากการได้ยินคำพูดติฉินนินทาจากเพื่อนในโรงเรียนนั้น ไออุ่นไม่ได้สนใจหรือให้ค่ากับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่ไออุ่นเด็กน้อยไร้เดียงสาในวันวานอีกแล้ว“วันนี้ตั้งใจเรียนนะคะเด็กดี อย่าลืมกินอาหารที่สามีคนนี้ตั้งใจทำให้คุณแม่กับเจ้าตัวเล็กอย่างสุดฝีมือด้วยนะคะ”ไออุ่นก้มลงมองกล่องข้าวที่อยู่บนตักของเธอ พลันใบหน้าสวยหวานไร้เครื่องสำอางเผยยิ้มกว้างออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ กับความรักและความเอาใจใส่ของสามีที่มีให้อย่างสม่ำเสมอไม่ว่าสามีจะทำงานดึกแค่ไหนหรือเหนื่อยจากงานมากเท่าไหร่ เขาก็มักจะตื่นขึ้นมาทำมื้อเช้าให้เธอกับบิดาและน้องธันทานเสมอ“ไม่ลืมแน่นอนค่ะ คุณพ่อตั้งใจทำให้หนูไอกับเจ้าตัวเล็กขนาดนี้ หนูไ