โรงพยาบาล N“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ”เมื่อได้ฟังเรื่องเล่าจากปากของธามไท ก็ทำให้เพลิงกัลป์รู้สึกสงสารไออุ่นไม่น้อย เพราะจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นเพียงเพราะว่า บิดาของเธอบังคับให้ตัวเธอแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนโดยที่เธอไม่ได้ยินยอมนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอเก็บเสื้อผ้าหนีออกจากบ้านมา จนกระทั่งพบกับเพื่อนของเขาที่มาเหนือกว่าบิดาของไออุ่นหลายเท่านัก ด้วยการช่วงชิงความบริสุทธิ์ของเธอมาอย่างไม่ทันตั้งตัว“มันยังมีอยู่อีกเหรอวะสมัยนี้ที่จับลูกคลุมถุงชนอะ ฉันโคตรไม่เข้าใจความคิดของพ่อหนูไอเลย”“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะไออุ่นบอกว่าพ่อไม่เคยพูดถึงเรื่องแต่งงานมาก่อนเลยสักครั้ง แต่อยู่ดี ๆ กลับบอกว่าให้เตรียมตัวแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนท่านทันทีที่เรียนจบ”“การแต่งงานของลูกสาวเพียงคนเดียวมันเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับคนเป็นพ่อนะเว้ย ฉันว่ามันดูแปลก ๆ นะที่อยู่ ๆ ก็จะให้เมียเด็กของนายแต่งงานทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันจะเรียนจบเลย มันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่”“ฉันก็คิดเหมือนนายว่ะเพื่อน แต่ถ้าว่าที่พ่อตายังคงดื้อดึงจะจับเมียฉันแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น ฉันไม่มีทางยอมแน่นอน”“ห
โรงพยาบาล Nหลังจากที่เลิกเรียนแล้ว เฌอแตมก็ขออนุญาตบิดาเดินทางมาเยี่ยมธามไทที่กำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งวันนี้เป็นวันที่สามแล้วสำหรับการพักฟื้นร่างกายที่ยังคงมีรอยฟกช้ำอยู่แต่ไออุ่นบอกเธอว่าอีกสองวัน เฮียเพลิงจะอนุญาตให้เฮียไทม์ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนึกถึงวันที่เพื่อนของเธอโดนบิดาลักพาตัวไป ก็ให้นึกเสียดายกับสิ่งที่เฮียไทม์ตั้งใจทำเพื่อไออุ่นไม่น้อยเพราะความรักที่เขามีต่อไออุ่น ทำให้เขายอมลงทุนเรียนทำขนม แม้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลยก็ได้ แต่เพราะรักมากจึงทำให้เขายอมทุ่มเทเพื่อทำให้ไออุ่นมีความสุขมากที่สุดและวันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เธอกับธามไทวางแผนเซอร์ไพรส์วันเกิดให้ไออุ่น โดยที่ตอนนี้ทุกคนมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วย เตรียมเซอร์ไพรส์ให้สาวน้อยวัยสิบเก้าขวบคนนั้น“ปีนี้ไม่ได้เป่าเค้กวันเกิดเลย หนูไอน้อยใจปะเนี่ย”เฌอแตมถามในระหว่างที่กำลังเดินทางไปห้องพักผู้ป่วยของธามไทไออุ่นส่ายหน้าน้อย ๆ ด้วยรอยยิ้มหวาน ตามประสาคนมองโลกในแง่ดีและไม่ได้นึกน้อยใจคนรักในเรื่องนี้เลยที่เขาไม่รู้วันเกิดของเธอ“หนูไอไม่ได้ยึดติดกับวันเกิดขนาดนั้นสักหน่อย มันก็แค่วั
ห้องพักฟื้นผู้ป่วยของธามไทเป็นห้อง VVIP ที่กฤษฎิ์แยกออกมาต่างหาก ซึ่งเป็นห้องที่มีไว้เพื่อรองรับคนในครอบครัวหรือญาติสนิทมิตรสหายโดยเฉพาะดังนั้นภายในห้องพักจึงถูกออกแบบให้คล้ายกับคอนโดที่มีของใช้ทุกอย่างครบครัน จึงทำให้ไออุ่นเลือกจะพักอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อคอยดูแลคนรักอย่างใกล้ชิดหลังจากที่เด็กสาวทำการบ้านและจัดการเก็บหนังสือสมุดลงกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว อยู่ ๆ เธอก็มีความรู้สึกคล้ายว่ากำลังถูกจ้องมองจากทางด้านหลังไออุ่นจึงรีบหันหน้ากลับไปมองทันที ถึงได้พบว่าธามไทกำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ทำเอารู้สึกขนลุกซู่อย่างบอกไม่ถูก“ทำไมถึงมองหนูไออย่างนั้นล่ะคะ”ไออุ่นเอ่ยถามตรง ๆ อย่างสงสัย แต่เขากลับเผยรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างออดอ้อนไม่ตอบคำถาม ทว่ากลับลุกขึ้นจากเตียงคนไข้และเดินมานั่งลงข้าง ๆ ไออุ่นสองมือพลันดึงรั้งร่างแน่งน้อยของดรุณีวัยแรกแย้มขึ้นมานั่งบนตัก ทำเอาไออุ่นเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ด้วยกลัวว่าเขาจะเจ็บแผลช้ำในตรงช่วงบริเวณหน้าท้อง เธอจึงพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนที่รัดแน่นนี้“เฮียไทม์ขา เฮียยังไม่หายดีเลยน้า แต่มานั่งแบบนี้เผื่อมือของหนูไอเผลอไปโดนแผลจะเจ็บเอา
ธามไทพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีกเพียงสองวัน เพลิงกัลป์ก็อนุญาตให้เขากลับมาพักที่คอนโดได้ แต่ธามไทเลือกที่จะกลับไปทำงานแทนการหยุดพักผ่อน เพราะร่างกายของเขาไม่ได้เจ็บหนักถึงขั้นที่ต้องหยุดพักรักษาตัวเป็นเวลานาน ซึ่งเพลิงกัลป์ที่รู้จักนิสัยของเพื่อนรักดีก็ไม่ได้ทักท้วงแต่อย่างใด“ไปทำงานไหวจริง ๆ นะคะ”เมื่อรถซูเปอร์คาร์คันหรูหยุดลงข้าง ๆ โรงเรียนมัธยมของไออุ่น เด็กสาวก็เอ่ยถามสารถีจำเป็นด้วยความเป็นห่วง เพราะวันนี้คือวันแรกที่เขาจะกลับไปทำงาน หลังจากที่เพิ่งกลับมาพักฟื้นร่างกายต่อที่คอนโดได้เพียงหนึ่งวันธามไทพยักหน้าตอบรับน้อย ๆ แล้วดึงแฟนเด็กเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน เมื่อใบหน้าของเด็กสาวนั้นยังคงฉายแววกังวลใจด้วยความเป็นห่วงอาการป่วยของเขา“ไหวสิคะ เฮียไม่ได้เจ็บหนักถึงขั้นต้องพักนานขนาดนั้นสักหน่อย”“แต่หนูไอเป็นห่วงกลัวเฮียจะเจ็บแผลนี่คะ”“หึ ทีตอนอยู่ในห้องน้ำที่โรงพยาบาลไม่เห็นหนูไอจะห้ามเฮียแบบนี้เลย มีแต่บอกเฮียไทม์ขาแรง ๆ อ๊ะ เจ็บนะหนูไอ”คำพูดของธามไททำให้ใบหน้าของไออุ่นพลันร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย แล้วรัวฟาดฝ่ามือลงบนแขนล่ำอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้ซึ่งคนถูกฟาดไม่ได้รู้สึกเจ็บเ
“ถ้าฉันบอกว่าอยากให้นายลาออกจากการเป็นหมอ และเข้ามาเรียนรู้งานที่บริษัทของฉันเพื่อรับตำแหน่งประธานบริษัทคนต่อไปหลังจากที่ฉันจากไปแล้ว นายจะว่ายังไงคุณหมอ”คำพูดของไอศูรย์ทำให้ธามไทรู้สึกตกใจและประหลาดใจไปพร้อมกัน ดวงตาคู่สวยมองอีกฝ่ายด้วยความคิดที่ซับซ้อน บนใบหน้าหล่อเหลาคล้ายกับมีความคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจในขณะที่ไอศูรย์ระบายยิ้มออกมาบาง ๆ พร้อมกับยกชาถ้วยใหม่ขึ้นจิบอย่างรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้พูดในสิ่งที่เขาคิดและทบทวนมาตลอดหลายวัน“แล้วถ้าผมไม่ยอมลาออกล่ะครับ”ธามไทถามว่าที่พ่อตากลับอย่างหยั่งเชิง ซึ่งคนที่นั่งตรงข้ามก็ทำเพียงวางถ้วยชาลง แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับคุณหมออย่างเปิดเผยความคิด และความรู้สึกภายในใจออกมาให้เขาได้รับรู้จนหมดสิ้น“ถ้านายเลือกไม่ยอมลาออก นั่นก็เท่ากับว่านายได้เลือกทางที่สอง ซึ่งก็คือยอมเดินออกไปจากชีวิตของไออุ่น และฉันก็จะให้ไออุ่นแต่งงานกับปริญตามกำหนดเดิม”ไอศูรย์เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเช่นเดิม โดยไม่มีทีท่าทุกข์ร้อนแต่อย่างใด ในขณะที่ธามไทถึงกับเผลอกำหมัดแน่น เมื่อได้ยินคำพูดของว่าที่พ่อตาหน็อยแน่ จะให้เขาเลิกกับหนูไอและปล่อยให้เธอไปแต่งานกับไอ้ปรงไอ้
All about You❤️อุ่นไอรัก พ่อตาตัวแสบโรงพยาบาล Nกฤษฎิ์มองธามไทที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องทำงานของเขา นัยน์ตาลึกล้ำยากที่จะมองไม่ออกว่าผู้เป็นลุงนั้นกำลังคิดอะไรอยู่“อยากจะไปเรียนรู้งาน เพื่อช่วยดูแลธุรกิจแทนว่าที่พ่อตาในระหว่างที่พักรักษาตัวว่างั้นเหอะ”หลังจากที่นั่งเงียบมานาน ในที่สุดกฤษฎิ์ก็เอ่ยถามหลานชายด้วยใบหน้านิ่งเรียบด้วยท่าทีสบาย ๆ ซึ่งแตกต่างจากท่าทีในตอนแรกอย่างสิ้นเชิง แต่คุณหมอธามไทก็พยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย“แล้วถ้าพ่อตาเกิดรักษาไม่หายหนีไปเฝ้ายมบาลก่อนล่ะ จะทำยังไง”กฤษฎิ์ถามหลานชายอย่างหยั่งเชิง เพราะโรคมะเร็งนั้นไม่มีหมอคนไหนที่สามารถการันตีได้เลยว่า เมื่อได้รับการรักษาแล้วจะหายดีเป็นปกติ หรืออาจจะเป็นแค่การรักษาเพื่อประคองอาการเท่านั้น“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไทม์ก็คงต้องรับช่วงต่อดูแลธุรกิจทุกอย่างแทนท่าน เพราะหนูไอเองก็ยังเด็ก คงสู้กับพวกลุง ๆ ป้า ๆ ที่จ้องจะชิงตำแหน่งท่านประธานบริษัทคนใหม่ไม่ได้หรอกครับ”“ไทม์ในฐานะสามีก็ต้องปกป้องสิทธิ์ของภรรยาอย่างเต็มที่ จะคอยกันไม่ให้สมบัติของเมียตกไปเป็นของคนอื่น”“เหอะ สามีเต็มปากเต็มคำเชียว ไปตั้งใจเรียนรู้งานใ
วันแรกของการเรียนรู้งานกับไอศูรย์นั้น ธามไททำได้ดีไม่น้อยด้วยเพราะมีประสบการณ์จากการทำธุรกิจของตัวเองอยู่แล้ว เหลือเพียงแค่ได้รับการเสริมจากว่าที่พ่อตาอีกนิดหน่อยก็คงไม่ยากแล้วนอกจากนั้นยังเป็นวันที่ว่าที่พ่อตาเรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงทุกฝ่ายงาน รวมไปถึงบรรดาญาติพี่น้องของเขาที่ต่างถือหุ้นในอัตราส่วนเท่า ๆ กันแต่คนที่ถือหุ้นมากที่สุดก็คือไอศูรย์ ที่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท โดยเขาถือหุ้นมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เพราะส่วนหนึ่งก็คือหุ้นส่วนที่ได้รับจากบิดา จึงทำให้บรรดาญาติพี่น้องเกิดความไม่พอใจ และพยายามแย่งชิงหุ้นของเขามาด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่ไอศูรย์ล้วนรับมือได้ทุกครั้ง“ว่าที่ลูกเขยเหรอ นี่ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม”อเนกพงษ์พี่ชายคนโตเอ่ยถามน้องชายอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า ไออุ่นหลานสาวของเขาจะมีคนรักแล้วทั้ง ๆ ที่ปีนี้เด็กสาวเพิ่งจะมีอายุครบ 18 ปีอีกอย่างไอศูรย์เองก็ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวยิ่งกว่าอะไร แล้วอยู่ ๆ น้องชายถึงยอมยกหลานสาวให้เด็กหนุ่มคนนี้ได้ง่าย ๆ กัน“ใช่ครับ เฮียได้ยินไม่ผิด ผู้ชายคนนี้คือว่าที่ลูกเขยของผมเอง ชื่อธามไทน่ะ เป็นศัลยแพทย์อยู่ที่โรงพยาบาล N”เมื่อไอศูรย์ย้ำอีก
กลางดึกคืนนั้นร่างสูงปรากฏตัวขึ้นในห้องครัวของคฤหาสน์ไอศูรย์ เมื่อเขาลงมาชงนมอุ่น ๆ ให้พ่อตาทั้งยังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี เพราะคืนนี้เขาได้นัดแนะกับแฟนเด็กเอาไว้อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วแต่ก่อนที่เด็กสาวจะหลบมาหาเขา พ่อตาก็คือคนแรกที่เขาต้องจัดการ เพื่อไม่ให้ออกมาขัดจังหวะกลางดึกเหมือนเช่นทุกคืนที่ผ่านมากว่าที่เขากับหนูไอจะได้นอนกอดกันอย่างสบายใจ ก็หลังเที่ยงคืนไปแล้ว เพราะพ่อตาเล่นออกมาตรวจตราแทบจะทุกนาทีทีเดียว เล่นเอาคุณหมอกระโดดหลบเข้าไปในตู้เสื้อผ้าแทบไม่ทัน“หอมอร่อยชื่นใจแน่นอนครับ”มุมปากของธามไทพลันยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อนมสดที่เขาตั้งใจชงไปเสิร์ฟพ่อตาถึงห้องนอนนั้น แอบผสมยานอนหลับลงไปด้วย ซึ่งเป็นยานอนหลับชนิดอ่อน ๆ ที่ไม่มีผลต่อโรคมะเร็งของไอศูรย์อย่างแน่นอนก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ทำให้ไอศูรย์ที่กำลังนั่งอ่านเอกสารการลงทุนต่าง ๆ เผยรอยยิ้มออกมาทันที เมื่อเขาคิดว่าคนที่กำลังเคาะประตูห้องนอนเป็นลูกสาวคนสวยที่มักจะชงนมสดอุ่น ๆ มาให้เขาดื่มก่อนนอนเสมอ“นมอุ่น ๆ มาแล้วครับพ่อตา”รอยยิ้มดีใจพลันหุบลงทันที เมื่อคนที่ถือแก้วนมมาให้เขาถึงห้องนอนกลับเป็นเจ้าลูกเข
1 ปีต่อมา“ธัน ไม่ ไป ฮึก ฮือ ฮือ ธัน”มือเล็กที่จับแขนของธันวาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ทำให้ไอศูรย์ที่วันนี้ต้องรับบทพี่เลี้ยงหลานสาวถึงกับกุมขมับมือใหญ่เอื้อมไปจับมือของหลานสาว แล้วพยายามดึงมือเล็กออกจากมือของคุณอาตัวน้อยอย่างเบามือ แต่เด็กหญิงอันดาที่นิสัยดื้อรั้นเหมือนผู้เป็นบิดากลับจับมือของอาธันวาไว้ไม่ยอมปล่อย สร้างความหนักใจให้คุณตาไม่น้อย“อันดาจ๋า อาธันต้องไปโรงเรียนแล้วนะลูก ถ้าหนูยังไม่ยอมปล่อยตอนนี้อาธันต้องไปโรงเรียนสายแน่ ๆ เลยค่ะเด็กดี”ไอศูรย์บอกหลานสาวที่ร้องไห้น้ำตาอาบแก้มอย่างน่าสงสาร เมื่อวันนี้ทั้งธามไทและไออุ่นต่างต้องรีบออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ทำให้เด็กหญิงอันดาที่ตื่นมาไม่เจอใครร้องไห้โฮด้วยความตกใจแต่เมื่อได้เห็นหน้าคุณอาธันวา เจ้าอันดาที่กำลังร้องไห้อยู่กลับเงียบเสียงลงในทันที พลางยื่นมือไปหาคุณอาตัวน้อยที่รับหลานสาวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความเอ็นดู แต่ใครเลยจะรู้ว่าอันดาจะติดธันวาแจจนไม่ยอมให้เขาไปโรงเรียน“อันดาเด็กดีไม่ร้องไห้นะคะ อาธันไปโรงเรียนแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับมาเล่นกับหนูอันดาแล้ว”เด็กชายผู้มีสถานะเป็นอาพยายามปลอบใจหลานสาวตัวน้อย ที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอ
ในที่สุดความฝันและวันที่ไออุ่นรอคอยก็เดินทางมาถึง เมื่อเธอสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปลายแล้วพร้อมกับเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน และแน่นอนว่าเด็กเนิร์ดอย่างเธอกับเด็กแสบอย่างเฌอแตมเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ยสูงสุด 4.00 เป็นการทิ้งท้ายช่วงชีวิตในรั้วโรงเรียนมัธยมอย่างสวยงามโดยเฉพาะไออุ่นที่เธอต้องใช้ความพยายามและความอดทนเป็นอย่างมาก เพราะอายุครรภ์ที่มากขึ้นทำให้เธอมีอาการอ่อนเพลียบ่อยครั้ง แต่ว่าที่คุณแม่ก็ยังคงมาเรียนตามปกติ เพราะอยากมีช่วงเวลาดี ๆ กับเพื่อนในห้องเรียนก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเติบโตในเส้นทางที่ทุกคนเลือกเดิน“ยินดีด้วยนะคะพี่เฌอแตมพี่หนูไอ”“ดีใจด้วยนะคะรุ่นพี่ ขอให้สอบติดคณะในฝันนะคะ”“ดีใจด้วยนะหนูไอที่เรียนจบพร้อมกัน”“เรียนจบแล้วก็ขอให้พี่แตมมีแฟนกับเขาสักทีนะคะ”“อย่าลืมพาเจ้าตัวเล็กกลับมาแนะแนวน้อง ๆ ที่โรงเรียนบ้างนะคะ”เพื่อนต่างห้องและรุ่นน้องในโรงเรียน ต่างพากันนำดอกไม้มามอบให้เฌอแตมกับไออุ่น เพื่อแสดงความยินดีกับสองเพื่อนซี้ในวันอำลาสถาบัน ทำให้สองสาวรู้สึกซาบซึ้งใจบ่อน้ำตาแตกกันไปหลายครั้งทีเดียวไออุ่นที่อ่อนไหวจากฮร์โมนคุณแม่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วเสียน้ำตาไปถึงสามรอบติด เมื่อ
หลังจากวันนั้นธามไทก็จัดการกับทุกคนตามที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้ โดยไม่มีใครได้รับการยกเว้นแม้แต่คนเดียว โดยเฉพาะครอบครัวของก้องเกียรติที่ธามไทใช้อำนาจมืดกดดันหน่วยงานของเขา จนทำให้เขาถูกโยกย้ายไปประจำการที่จังหวัดทางภาคเหนือ สร้างความลำบากให้แก่ครอบครัวของก้องเกียรติไม่น้อยส่วนคุณครูประจำชั้นของธันวา ที่เพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ถูกไล่ออกอย่างไม่ปรานี เพราะถือว่าละเลยต่อหน้าที่ดูแลเด็กในชั้นเรียน จนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างบาดแผลทางจิตใจให้แก่ธันวาและคนสุดท้ายที่ธามไทไม่คิดละเว้นเช่นกัน ก็คือผู้อำนวยการโรงเรียนที่ธามไทตัดงบบริจาคจากธราเทพกรุ๊ปออกทั้งหมด ทำให้ผู้อำนวยการถึงกับล้มทั้งยืน เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ท่านเจ้าสัวยังมีชีวิตอยู่ ท่านบริจาคเงินให้การสนับสนุนโรงเรียนของเธอถึงปีละห้าล้านทีเดียวเหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้ธันวาที่ป่วยเพราะตากฝนซึมไปหลายวันทีเดียว แต่สุดท้ายความรักและความเอาใจใส่จากคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นธามไทที่คอยดูแลน้องชายตลอดเวลาที่ไม่สบายไออุ่นที่คอยเล่านิทานกล่อมเด็กชายตัวน้อยให้นอนหลับฝันดีทุกคืนไอศูรย์ที่คอยเป็นเพื่อนเล่นให้หลานชาย ในวันที่ธามไทต้องไปทำง
เด็กชายตัวน้อยกำลังร้องไห้จนไหล่บอบบางสะท้านขึ้นลง ทำให้น้ำตาของธามไทค่อย ๆ ไหลออกมารวมกับหยาดน้ำฝน ที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสองมือใหญ่พลันยกขึ้นโอบน้องชายเข้ามาแนบอกด้วยความรักสุดหัวใจ ถึงแม้ว่าธันวากับธามไทจะไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน แต่คำว่าสายเลือดเดียวกันทำให้สายใยรักระหว่างพี่น้องนั้น กลับแน่นแฟ้นเกินกว่าที่ธามไทจะยอมให้ใครมาแตะต้องดวงใจของเขาได้“ฮึก ฮือ เฮียไทม์ค้าบ น้องธัน ฮึก ไม่อยากเรียนที่นี่แล้ว ฮือ”ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถทนแบกรับได้อีกต่อไป ทำให้ธันวาตัดสินใจบอกความรู้สึกของตัวเองกับพี่ชายทั้งสะอื้นธามไทมองหน้าผากของน้องชาย ที่มีรอยเขียวช้ำผ่านม่านน้ำตาด้วยหัวใจที่เจ็บปวดเขาไม่เคยรู้เลยไม่เคยคิดเลยสักนิดว่า รอยยิ้มที่ธันวามอบให้เขาก่อนที่จะเดินเข้ามาในโรงเรียนนั้น ต้องแลกกับการแบกรับความเจ็บปวดมากแค่ไหน เพียงเพื่อให้พี่ชายอย่างเขาสบายใจ ธันวาจึงไม่เคยปริปากบอกเลยว่าตัวเองนั้นต้องเจอกับอะไรบ้างในแต่ละวัน“มีเพื่อนแกล้งน้องธันใช่ไหมครับ ไหนบอกพี่ชายคนนี้สิว่าเพื่อนเขาแกล้งอะไรน้องธันบ้าง”น้ำเสียงที่อ่อนโยนเอ่ยถามน้องชาย ก่อนที่ธันวาจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่ช
คฤหาสน์หลังใหญ่ของไอศูรย์ นอกจากธามไทที่ย้ายจากคอนโดมาอยู่ที่บ้านของพ่อตาแล้ว เขายังพาน้องชายมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ซึ่งไอศูรย์ก็ไม่ขัดข้องและยินดีเป็นอย่างมาก ที่ครอบครัวของเขามีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาถึงสองคนนั่นก็คือสองพี่น้องธามไทและธันวาตัวน้อยที่ช่างพูดช่างเจรจา จนทำให้ไอศูรย์รู้สึกเอ็นดูเด็กชายไม่น้อย เขาจึงมักจะซื้อของเล่นมาฝากเสมอ ทำให้เด็กน้อยมีความสุขมากกับการต้อนรับที่แสนอบอุ่นจากครอบครัวของพี่สะใภ้“กินเยอะ ๆ นะน้องธันจะได้โตไว ๆ”กับข้าวรสมือนมหวานถูกตักวางลงบนจานของเด็กชายธันวา ที่เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มกว้างให้ไอศูรย์ ก่อนที่เด็กชายตัวน้อยจะรีบตักกับข้าวที่คุณอาตักให้ส่งเข้าปากทันทีด้วยความเอร็ดอร่อย“กับข้าวฝีมือของนมหวานอร่อยที่สุดเลยครับ”เมื่อเคี้ยวอาหารจนละเอียดและกลืนเรียบร้อยแล้ว ธันวาก็หันไปยกนิ้วให้นมหวานที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทันที เมื่อได้รับคำชมจากเด็กชายตัวน้อยที่ชื่นชอบอาหารฝีมือของเธอมาก“พี่หนูไอทำตามสัญญาแล้วน้าว่า ถ้าน้องธันมาอยู่กับเฮียไทม์เมื่อไหร่น้องธันก็จะได้กินกับข้าวฝีมือนมหวานทุกวันเลย”ไออุ่นที่นั่งข้างกันหันไปบอกเด็กน้อยถึงคำสัญญาที่เธอเคยเอาไว้ แล้วลงมือต
โรงเรียนมัธยม A“ป๊าฝันไม่ยอมนะ ฝันเจ็บขนาดนี้มันต้องโดนไล่ออก”ทอฝันจับแขนบิดาที่นั่งข้าง ๆ พร้อมกับมองหน้าไออุ่นที่นั่งดูดนมกล่องอย่างไม่สนใจไยดีสองพ่อลูกตรงหน้าส่วนเฌอแตมก็นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ด้วยท่าทีสบาย ๆ โดยไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวบิดาของทอฝันแต่อย่างใด ทำให้ธนพลที่กำลังมองเด็กสาวสองตรงหน้าชักสีหน้าเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ เมื่อทั้งสองคนทำเหมือนกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีตัวตน“เมื่อไหร่ผู้ปกครองของเด็กสองคนนี้จะมาถึงครับอาจารย์ นี่ก็ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ”ธนพลเอ่ยถามอาจารย์ศรีพัชรินหรือหัวหน้าฝ่ายปกครอง เด็กนักเรียนมักจะเรียกเธอว่า ‘อาจารย์แม่’ ด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เมื่อต้องมานั่งรอผู้ปกครองของเด็กทั้งสองคนที่เขารู้จักดีว่าเป็นใคร เพราะทุกคนต่างอยู่ในแวดวงนักธุรกิจกันทั้งนั้น“ถ้าคุณลุงรอไม่ไหวจะกลับก่อนก็ได้นะคะ เพราะแตมกับหนูไอก็อยากจะกลับไปเรียนแล้วเหมือนกัน”เฌอแตมที่นั่งเล่นเกมรีบเงยหน้าขึ้นบอกบิดาของทอฝันทันทีด้วยรอยยิ้มอย่างกวน ๆ ก่อนที่อาจารย์ศรีพัชรินจะหันมาถลึงตาใส่เธอให้สำรวมกิริยามารยาทมากกว่านี้ เพราะอย่างไรแล้วคนตรงหน้าก็อายุมากกว่าเธอ ฉะนั้นจึงไม่ควรแสดง
หลังจากแต่งงานไออุ่นก็กลับไปเรียนต่อในเทอมสองตามปกติ แม้ว่าบิดากับสามีจะพากันไม่เห็นด้วย กับการตัดสินใจกลับไปเรียนของเธอก็ตาม เพราะไออุ่นกำลังตั้งครรภ์ทั้งคู่จึงเป็นห่วงกลัวว่า ในระหว่างที่เรียนอาจจะทำให้หญิงสาวรู้สึกเครียดจนส่งผลกระทบกับลูกในท้องแต่ไออุ่นก็ยังยืนยันคำเดิมว่า เธออยากจะเรียนจบชั้นมัธยมพร้อมกับเพื่อน ๆ ในห้องที่ต่างรอคอยการกลับมาของเธอ ส่วนความเครียดที่อาจเกิดขึ้นจากการได้ยินคำพูดติฉินนินทาจากเพื่อนในโรงเรียนนั้น ไออุ่นไม่ได้สนใจหรือให้ค่ากับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่ไออุ่นเด็กน้อยไร้เดียงสาในวันวานอีกแล้ว“วันนี้ตั้งใจเรียนนะคะเด็กดี อย่าลืมกินอาหารที่สามีคนนี้ตั้งใจทำให้คุณแม่กับเจ้าตัวเล็กอย่างสุดฝีมือด้วยนะคะ”ไออุ่นก้มลงมองกล่องข้าวที่อยู่บนตักของเธอ พลันใบหน้าสวยหวานไร้เครื่องสำอางเผยยิ้มกว้างออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ กับความรักและความเอาใจใส่ของสามีที่มีให้อย่างสม่ำเสมอไม่ว่าสามีจะทำงานดึกแค่ไหนหรือเหนื่อยจากงานมากเท่าไหร่ เขาก็มักจะตื่นขึ้นมาทำมื้อเช้าให้เธอกับบิดาและน้องธันทานเสมอ“ไม่ลืมแน่นอนค่ะ คุณพ่อตั้งใจทำให้หนูไอกับเจ้าตัวเล็กขนาดนี้ หนูไ
วันแต่งงานเสียงขบวนแห่ขันหมากที่ดังมาแต่ไกล ทำให้ไออุ่นที่อยู่ในชุดไทยวิ่งไปที่หน้าต่างและชะโงกหน้ามองขบวนแห่ของเจ้าบ่าวด้วยความตื่นเต้นดวงตาใสกระจ่างเลื่อนไปยังบุรุษร่างสูงใหญ่กับใบหน้าคมคร้ามที่โดดเด่นมาแต่ไกล ว่าที่เจ้าสาวหันไปส่งยิ้มที่ดูราวกับบุปผาขยายกลีบรับสายลมฤดูใบไม้ผลิให้เพื่อนสนิทที่รีบวิ่งเข้ามายืนข้าง ๆ เธอด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน“เฮียไทม์ หล่อจังเลย”เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นตาของธามไท เฌอแตมก็เอ่ยชมขึ้นมาด้วยความจริงใจ ทำเอารอยยิ้มของไออุ่นกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่เธอจะแสร้งเอ่ยถามเพื่อนถึงผู้ชายที่ยืนข้าง ๆ ว่าที่เจ้าบ่าว“แล้วคนข้าง ๆ เฮียไทม์ล่ะหล่อไหม”“หูย หล่อขนาดนี้สเปกแตมเลย”เฌอแตมหลุดปากพูดออกไปตามที่ใจคิด แต่พอเพ่งมองดี ๆ ดวงตากลมโตก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ จึงรีบยกมือเล็กขึ้นปิดปากทันควันใบหน้าของสาวน้อยวัยแรกแย้มค่อย ๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอายที่หลุดพูดความรู้สึกในใจออกไปให้เพื่อนได้รับรู้ตึกตัก ตึกตัก ตึกตักหัวใจดวงน้อยพลันเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ เมื่อเธอเผลอสบตากับเจ้าของใบหน้าคมคายอย่างลมหนาว ที่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าต่างห้องนอนของไออุ่น
โรงพยาบาล N“ตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม”กฤษฎิ์เอ่ยถามธามไทที่นั่งอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ถึงการตัดสินใจหันหลังให้กับอาชีพหมอ และก้าวเดินต่อไปในฐานะนักธุรกิจ ที่ต้องกุมบังเหียนดูแลทั้งกิจการของธราเทพผู้เป็นบิดาที่ล่วงลับไป กับธุรกิจของว่าที่พ่อตาอย่างไอศูรย์ทางด้านคุณหมอที่คิดมาดีแล้วพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้ม แววตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นไม่เปลี่ยนใจเขาเรียนรู้การเป็นนักธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก จนเข้าสู่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ๆ เขาก็เบนเข็มทิศจากการเป็นนักธุรกิจตั้งแต่วัยเยาว์ก้าวสู่เส้นทางของหมอซึ่งพ่อเลี้ยงอย่างท่านโฮชิก็ไม่ได้เอ่ยห้ามเลยแม้แต่น้อย แต่ท่านกลับสนับสนุนในสิ่งที่เขาอยากจะเรียนรู้ ด้วยการบอกให้เขามุ่งมั่นตั้งใจเรียนและคว้าเกียรตินิยมมาให้ได้ ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้ท่านผิดหวังเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของสหรัฐอเมริกา คุณหมอธามไทสามารถคว้ามาครอบครองได้สมปรารถนา“ครับ ไทม์อยากสานต่อธุรกิจของพ่อเพื่อปูทางเอาไว้ให้น้องธัน วันหนึ่งที่น้องโตขึ้นธุรกิจของพ่อไทม์จะยกให้น้องดูแลทั้งหมดครับ”กฤษฎิ์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจในเหตุผลของคนพี่ว่า ทำไมเขาถึงเลือกที่จะหันหลังให