บทที่ 33 หนีไม่พ้นเยว่หรูอยู่ที่เมือง ฉางโจว วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว สามีพาเธอเดินเที่ยวชมเมือง พาลองอาหารท้องถิ่น พาไปตามสถานที่ต่าง ๆ และยังพาไปที่โรงพยาบาล ที่บอกว่าสามีพาไปนั้นเพราะเธออ้างว่าย้ายไปนานแล้ว ไม่รู้ว่าที่นี่มีอะไรบ้าง สามีเลยอาสาเป็นคนพาเดินเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ "วันนี้แล้วนะเยว่เยว่" หานหรงอี้ตักอาหารให้ภรรยาพร้อมกับมองหน้าคนตัวเล็กที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดไปด้วย กินมื้อเช้าไปด้วย"คุณคิดว่าเราจะได้เอกสารครบไหมคะ" เยว่หรูเงยหน้าถามสามีที่มองเธออยู่แล้ว"อย่าห่วงครับ หากได้ไม่ครบ สามีคนนี้จะจัดการให้ทุกอย่างเลยครับ อย่าขมวดคิ้วคิดมากแบบนี้ ลืมแล้วเหรอว่ามีสามี และสามีพร้อมจะรับใช้ภรรยาตัวน้อยอยู่แล้ว ขอแค่สั่งมาเท่านั้นเอง" หานหรงอี้บอกให้ภรรยาสบายใจ แต่สิ่งที่เขาบอกไปนั้นคือเรื่องจริง มาแล้วเขาไม่ให้เสียเที่ยวเด็ดขาด"ขอบคุณที่ช่วยเหลือทุกอย่างนะคะ" เยว่หรูยิ้มให้กับสามี บางอย่างแทบไม่ต้องร้องขอเลยด้วยซ้ำ เขาจัดการให้เธอแทบทุกอย่าง"ขอบคุณภรรยาเช่นกัน ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน รู้ไหมว่ามันช่วยเยียวยาสามีได้ดีเลยนะ แต่ก่อนคิดถึงแต่เรื่องการสูญเสียจนหมดแรงที่จะทำอะไร
บทที่ 34 ครอบครัวจอมปลอมตอนนี้เยว่หรูนั่งอยู่บนห้องอาหารที่พ่อของเธอเสนอให้มากินอาหารที่นี่ เพื่อที่จะได้แนะนำครอบครัวให้เธอได้รู้จัก สิ่งที่เขาบอกมานั้นเยว่หรูได้แต่ฟังเงียบ ๆ และตอบบ้างบางครั้ง ไม่รู้สึกยินดียินร้ายสักเท่าไหร่ คิดแค่ว่าเขาช่างกล้าลงทุนจ่ายค่าอาหารและยอมเสียค่าตั๋วอาหารที่จะเข้าใช้ห้องอาหารแห่งนี้ตอนแรกเยว่หรูปฏิเสธแล้ว แต่เพราะคุณปู่อยากให้เธอมาทำความรู้จักกันไว้ ที่มานั่งตรงนี้เพราะเห็นแก่คุณปู่ที่ดูจะรักและเอ็นดูเยว่หรูมากพอสมควร จัดการเรื่องเอกสารมาให้เธอจนครบ รวมถึงให้พ่อลงชื่อในเอกสารที่เธอต้องการทุกใบอีกด้วย ซึ่งเป็นการดีที่เธอไม่ต้องไปเจอ แต่พวกเขากลับมาหาเธอเอง"เยว่เยว่ ทำไมลูกไม่ติดต่อมาเลย ลูกแต่งงานก็ควรที่จะปรึกษาพ่อด้วย แม่ของลูกใช้ไม่ได้เลย ให้แต่งกับใครก็ไม่รู้ ไม่กลัวว่าลูกจะลำบากเลยหรืออย่างไร" หวังย่งพูดคุยกับลูกสาวอย่างสนิทสนม ไม่คิดว่าลูกสาวเขาจะโตเร็วขนาดนี้ ที่สำคัญยังมีหน้าตาและผิวพรรณที่ดูดีแบบนี้ หากรู้ว่าลูกสาวจะแต่งงานเร็วขนาดนี้ เขาคงไปรับมาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะกลัวแต่จะต้องมานั่งรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่งเสียเลี้ยงดู กลับกลายเป็นช้าไป แต่ไ
บทที่ 35 เรื่องราวไม่เหมือนเดิมเมื่อหานหรงอี้กลับถึงที่พักก็ปล่อยให้ภรรยานอนพัก ก่อนที่เขาจะเข้าไปหาคนสนิทพร้อมกับเรียกใช้งานทันที ห่าวซวน คือคนที่มีฝีมือดีที่สุด ไม่ว่าจะการหาข่าวหรือการหลบหนีและต่อสู้ ในเมื่อจำนวนคนน้อย เขาเลยเรียกใช้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทหรือมือขวาของเขา เพื่อหาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับพ่อตา ด้วยระยะเวลาที่จำกัด ห่าวซวนคือคนที่จะประสานงานได้เร็วกว่าคนอื่นจึงถูกเรียกให้มารับใช้ในงานนี้เยว่หรูที่เข้ามาตรวจเช็กเอกสารอีกรอบ พร้อมทำสำเนาเก็บไว้ในมิติบ้านสำรองไว้ เมื่อเสร็จแล้วเห็นว่ายังมีเวลามากพอ เยว่หรูเลยเตรียมเงินและคูปองเพื่อที่จะเดินไปที่ห้าง ซึ่งอยู่ที่หัวมุมถนนไม่ห่างจากที่พักมากนัก เมื่อคิดว่ามะรืนจะได้กลับบ้านแล้ว ก็ทำให้เยว่หรูยิ้มออกมา ถึงแม้ก่อนหน้านั้นจะไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก แต่คิดว่าเธอได้พาตัวเองออกนอกเส้นเรื่องของนิยายแล้วก็ทำให้ยิ้มได้ในทันที"คุณเย่ว" เสียงเรียกดังขึ้นทันทีที่เยว่หรูก้าวขาออกมาที่ถนน"มีอะไรคะ" เยว่หรูหันมองคนที่เอ่ยเรียกตัวเองไว้อย่างแปลกใจ และหันมองรอบข้างอย่างระแวดระวัง เพราะคนที่เรียกเธอไว้นั่นคือ หลีลู่จิว นางเอกตัวจริงนั่น
บทที่ 36 ให้ความช่วยเหลือเยว่หรูได้ฟังเรื่องราวคร่าว ๆ จากพี่เหมยก็ทำให้เข้าใจว่า พี่เหมยมีมิติที่เป็นมินิซูเปอร์มาร์เก็ตมาพร้อมกันเลย สิ่งนี้คือสิ่งที่เราทั้งสองคนแตกต่างกัน ของเธอใช้ระยะเวลาสามเดือนเธอถึงมีมิติบ้านทั้งสองต้องย้ายขึ้นมานั่งคุยในห้องพักของเยว่หรู เพื่อความเป็นส่วนตัวเลยตัดสินใจขึ้นมาบนที่พัก อย่างไรเสียสามีของเยว่หรูก็ออกไปธุระ กว่าจะกลับมาน่าจะตอนเย็น เพราะเขาบอกเธอไว้แบบนั้นถึงจะตื่นเต้นกับอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ของใช้ต่าง ๆ ที่พี่เหมยขนออกมาให้ แต่ตอนนี้มันมีเรื่องอื่นที่สำคัญมากกว่านั้น คือการที่พี่เหมยต้องหนี ต้องกลายเป็นนางเอกหนีชะตา ในเมื่อพี่เหมยบอกว่ามีวิธีที่สามารถเอาตัวรอดได้ และยังวางแผนหนีไว้ทั้งหมดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าตัวคนเดียวจะหนีรอดหรือเปล่า... นี่แหละคือเรื่องใหญ่และสำคัญมากด้วย"พี่เหมย ยัยป้านั่นเลี้ยงลู่จิวมาตั้งแต่เด็ก อย่างไรก็ต้องใช้งานพี่แน่ ๆ แค่รอว่าคุ้มไหมมากกว่า" เรื่องนี้น่าห่วง กลัวเขาเอาพี่เหมยไปขาย..."เอกสารการเรียนพี่มีครบหมดแล้ว เหลือหนังสือตัดขาด... แต่น่าจะยาก สงสัยต้องหาสามีแบบคุณหมอ แต่พี่ไม่รู้จะไปเอาใครมาเป็นสามีนี่สิ
บทที่ 37 เปิดเผยความลับเมื่อพี่สาวเหมยกลับไปแล้ว เยว่หรูก็มองสามีด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง ในตอนแรกคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา แต่พอจะบอกจริง ๆ ความกลัวก็ก่อขึ้นมาในจิตใจ กลัวว่าสามีจะรังเกียจหรือกลัวเธอ กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนไป ความรู้สึกเจ็บหน่วงในอกเกิดขึ้นทันทีที่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนไป..."เป็นอะไรครับ หรือว่าไม่พร้อมที่จะคุย" หานหรงอี้กดจูบที่ขมับพร้อมกับถามภรรยาเสียงเบา จากสีหน้าของคนตัวเล็กนั้นบ่งบอกถึงความลำบากใจเป็นอย่างมาก จนเขาไม่อยากให้ภรรยาเล่า หากมันยากนักก็ไม่จำเป็นต้องเล่าเยว่หรูกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เพราะเธอรู้ถึงสาเหตุของอาการที่ตัวเองเป็นอยู่ เพราะ... เธอรัก ชายคนนี้ พอจะพูดความจริงที่อาจจะมีผลให้อะไรหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไป ถึงทำให้เธอลำบากใจ กลัวเขาเปลี่ยนไปไม่รักเธอเหมือนเดิม ความรู้สึกทุกอย่างที่เธอเป็นในตอนนี้นั้น... มันคือความรู้สึกของคนที่กลัวจะสูญเสียคนรัก เลยไม่กล้าที่จะพูดอะไร"เยว่เยว่ครับ... ไม่ต้องพูดก็ได้ หิวไหม" หานหรงอี้มองภรรยาที่กำลังจ้องมองมาเหมือนคนกลัวอะไรสักอย่าง"ต้องพูดค่ะ ไม่พูดวันนี้ วันหน้าก็ต้องพูดอยู่ดี" เยว่หรูบอกออกไปพร้อมกับฝืนยิ้มส่งไปด้วย
บทที่ 38 ปรับความเข้าใจหานหรงอี้ยอมรับว่าตัวเองนั้นหวาดกลัวเกี่ยวกับการสูญเสียเป็นอย่างมาก อาจเพราะเขาต้องพบเจอเรื่องแบบนี้ตลอด พอเขาเริ่มที่จะก้าวเดินต่อ เขาก็เริ่มสูญเสียคนที่เขารักทีละคน เหมือนครั้งนี้เขาก็กลัวที่จะสูญเสียภรรยาเช่นกันหากทุกอย่างที่บอกมานั้นเป็นเรื่องจริง แล้วหากภรรยาเขาต้องกลับไปยังที่ที่จากมา เขาจะอยู่ได้อย่างไร ความกลัวเริ่มเกาะกินในใจ อาการที่เคยดีขึ้นเพราะได้ภรรยาเป็นผู้เยียวยานั้นเหมือนมันเริ่มถดถอย มันทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียวไม่รู้จะเอ่ยคำที่อยู่ภายในให้อีกคนรู้ได้อย่างไร...คนเรามีความลับนั้นเป็นเรื่องปกติ เขาไม่ได้คิดโกรธเคืองภรรยาเลย เพราะบางครั้งเขาก็ไม่ได้เอ่ยเล่าทุกเรื่องให้ภรรยาฟังเช่นกันไม่ว่าภรรยาจะบอกว่าเป็นใครมาจากไหน เขารับได้หมดทุกอย่าง ไม่ว่าภรรยาจะอายุเท่าไหร่ เขาก็รักที่ภรรยาเป็นแบบนี้ หากถามว่าหน้าตาคือสิ่งแรกที่คนเรามอง สิ่งนั้นเขาไม่ปฏิเสธ เพราะครั้งแรกที่สะดุดตานั่นคือรูปร่างหน้าตา แต่สิ่งนั้นไม่ได้เรียกร้องความสนใจเขาได้เท่าท่าทางที่แสดงออกมา ใบหน้าน้อย ๆ เชิดขึ้นนิด ๆ ไม่สนใจในสิ่งที่เด็กสาวส่วนมากสนใจ ต้องบอกว่าเขารักที่ภรรยาข
บทที่ 39 เยว่หรู 2020เมื่อปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว เยว่หรูก็ต้องพยายามบอกสามีว่าเราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเราจะเป็นอย่างไร วันนี้เราแค่ใช้ชีวิตให้ดีมีความสุขก็พอ อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก ซึ่งเขาก็ยังคงกังวล แต่ก็ดีขึ้นกว่าครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องราวของเธอหานหรงอี้มองภรรยาที่หลับอยู่บนเตียงก่อนจะยิ้มน้อย ๆ เมื่อคืนเขารังแกเธอจนถึงเช้า แต่ก็ยังกระหาย... ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งห้ามใจได้ยาก จากวันนั้นเขาได้เปิดใจเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน ต่างคนต่างคิดไปคนละอย่าง บทเรียนนั้นสอนให้เขาได้รู้ว่าหากสงสัยหรือหากไม่เข้าใจอะไรควรหันหน้าเข้าหากัน ยังดีที่ภรรยาเขาเลือกที่จะพูดออกมา หากไม่พูดเขาก็คงไม่รู้ว่าภรรยาของเขานั้นก็เสียใจและกลัวไม่ต่างจากเขาเลย...ภรรยาสามารถพูดเรียกสติเขาได้ดีเลยทีเดียว หากไม่เปิดใจพูดคุยในตอนนั้น เขาก็เหมือนกับได้สูญเสียภรรยาไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ในเมื่อเราอยู่ด้วยกันในตอนนี้ก็ทำทุกวันให้เป็นวันที่ดีและมีความสุขไปด้วยกัน...หานหรงอี้ยอมรับว่า เขาได้มุมมองและความคิดจากภรรยามาช่วย เขาไม่ได้อยากกลัวหรือรู้สึกแบบนั้น แต่มันเป็นเองทั้งที่เขาพยายามคิดในแง่ดีแล้ว"รักเยว่เยว่นะครับ" หานหรงอี
บทที่ 40 วางแผนในการดำเนินชีวิตเยว่หรูยังใช้ชีวิตตามปกติ ยังไปทำงานที่โรงพยาบาลตลอด ผ่านมาเดือนกว่าที่เธอกลับมาจากการไปหาครอบครัวพ่อที่แท้จริง ข่าวคราวของพี่เหมยนั้นจะได้รับจากคนสนิทของสามีที่คอยส่งโทรเลขมาแจ้งความคืบหน้า ข่าวล่าสุดที่รู้คือทางครอบครัวพ่อน่าจะเจอคดีเกี่ยวกับการฉ้อโกง แต่รายละเอียดเป็นยังไงเยว่หรูยังไม่รู้อะไรมากนักเยว่หรูยังทำหน้าที่ส่งยาสมุนไพร ยาบำรุง เสื้อผ้าของใช้ไปให้คุณปู่ทุกเดือนเหมือนที่เธอเคยบอกไว้ เยว่หรูจะจดจำเสมอว่าใครที่ช่วยเหลือบ้าง เธอก็จะตอบแทนในสิ่งที่ตัวเองมี คุณครูหมิงเว่ยก็คือหนึ่งในคนที่ช่วยเหลือเยว่หรู ตั้งแต่ตอนที่ต้องหอบปิ่นโตเอาข้าวโรงเรียนไปแบ่งให้พ่อแม่กิน... มันคือการเริ่มต้นที่ดีสำหรับเธอ"เยว่เยว่" จางหยวนมองลูกสาวที่เดินลงมาดูสวนสมุนไพรด้วยตัวเองก็เรียกทันที"คะ... " เยว่หรูหันไปทางที่มาของเสียงก่อนจะยิ้มกว้าง"ใส่หมวกดี ๆ ส่วนนี่แม่ให้เอามาให้" "พ่อลงงานไหมคะ ใกล้จะได้เลิกทำงานหรือยังคะ" เยว่หรูเห็นพ่อเดินมาส่งปิ่นโตเวลานี้ก็แปลกใจ"ลูกเขยบอกว่าให้หยุดไปทำงานที่หน่วยผลิต... " จางหยวนบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเสียดายที่ต้องหยุ
บทที่ 53 ตอนพิเศษ"หนิงหนิงต้องเดินตามตา เข้าใจไหมครับ" จางหยวนบอกหลานสาวสุดน่ารักของเขา ที่วันนี้แต่งตัวมาพร้อมเก็บใบชา มีตะกร้าใบเล็กสะพายอยู่ทางด้านหลัง พร้อมทำงานเป็นอย่างมาก"คุณตาเชื่อใจหนิงหนิงได้เลยค่ะ" หานเผยหนิงวัยห้าขวบที่ตอนนี้กลายมาเป็นคนงานเก็บใบชาของคุณตาก็รับปากอย่างแข็งขัน"ยายว่ารอพี่ใหญ่กับพี่รองดีกว่าไหม" ลู่หลินที่มองหลานสาวก็อดเอ็นดูในความน่ารักไม่ได้ หลานสาวของเธอนั้นถอดแบบแม่มาแทบทั้งหมด มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ได้จากคนเป็นพ่อ นั่นยิ่งทำให้หลานสาวของเธอน่ารักน่ามองมากกว่าเดิม"ไม่ได้ค่ะคุณยาย หากพี่ใหญ่พี่รองมา หนิงหนิงก็สู้ไม่ได้" หนิงหนิงต้องเก็บได้เยอะกว่า งานนี้หนิงหนิงต้องชนะ!!"หากแม่มาเจอ โดนดุอย่าหาว่ายายไม่เตือน" ลู่หลินแกล้งขู่หลานสาวตัวน้อยที่ดูจะกลัวแม่มากกว่ากลัวพ่อ"ไม่ค่ะคุณยาย วันนี้คุณแม่มีงานที่โรงพยาบาล และตอนบ่ายคุณพ่อจะรับไปโรงงานค่ะ หนิงหนิงปลอดภัยแน่นอนค่ะ" หนิงหนิงรีบบอกคุณยายทันที เธอจำได้ ก้นเธอไม่เจ็บแน่นอนเพราะคุณแม่ไม่อยู่"ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย" จางหยวนผู้ที่ตามใจหลานมากกว่าตามใจลูก มีหรือที่จะขัดใจหนิงหนิงตัวน้อยได้ เจอหลานออดอ้อนนิ
บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัววันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากเคยนับวันว่ามาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือยัง กลายเป็นว่าเลิกนับวันเวลาแล้ว ตอนนี้ที่นับคืออายุของลูก ๆ ของเธอที่กำลังโต ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้นต้องบอกว่ายุ่งกับการทำงานและการเลี้ยงลูก ยังดีที่พ่อกับแม่ของเธอมาช่วยเลี้ยง ไม่อย่างนั้นบอกเลยว่าเธอกับสามีไม่น่าจะเลี้ยงแฝดสามได้ และด้วยความที่แทบไม่มีเวลาพัก สามีของเธอบอกเลยว่า... พอแล้ว... มีสามคนก็พอแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเข็ดที่ลูกซนหรือว่ายังไงเยว่หรูทำงานที่โรงพยาบาลและทำงานที่บ้านด้วย ที่ตอนนี้ขยับขยายให้เป็นโรงงานขนาดเล็กผลิตยาสมุนไพรส่งทางสาธารณสุข โดยมีสามีของเธอเป็นคนดูแลตรงนี้ ส่วนในเรื่องของโรงงานตระกูลหานนั้นก็จัดแบ่งให้คนสนิทมาช่วยงาน แต่เขาก็ยังเป็นคนตัดสินใจในทุกเรื่อง ดีที่ได้สามีของพี่เหมยมาช่วยงาน ทำให้ทุกอย่างไม่ยุ่งยากมากนักในส่วนเรื่องของพระเอกที่เยว่หรูกลัวนั้น ก็ยังได้ข่าวเขาบ้างบางครั้งจากอาจารย์หม่า หรือบางทีเขาก็มาหาสามีเธอ แต่ก็ยังไม่เห็นจะแต่งงานสักที เยว่หรูกับพี่เหมยลุ้นอยู่ว่าคนไหนคือนางเอกตัวจริงของนิยายเรื่องนี้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นนางเอกเลยในส
บทที่ 51 วันที่รอคอย"คุณหมอคะ ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ" ลู่จิวหรือพี่เหมยเดินเข้ามาให้กำลังใจคุณหมอถึงหน้าห้องคลอดเลยทีเดียว"พี่เหมย... หมอกลัว" เยว่หรูบอกไปตามตรง เนื่องจากเธอท้องแฝด การคลอดเลยต้องผ่าคลอด และคนที่ติดต่อหมอต่างชาติให้มาทำคลอดให้เธอนั้นก็คืออาจารย์หม่านั่นเอง "อย่างน้อยก็ยังสามารถผ่าคลอดได้" ลู่จิวรู้ดีว่าคุณหมอกังวลเป็นอย่างมากเพราะทางการแพทย์ในสมัยนี้ยังไม่ก้าวหน้าเท่ายุคที่จากมา อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่พร้อม ยังดีที่อาจารย์หม่าคอยช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นเธอจะกังวลหนักมากกว่านี้แล้ว"แล้วพี่มาอยู่นี่ใครดูลูกชาย อย่าบอกนะว่าไปทำงานกับพ่ออีกแล้ว ลูกชายพี่ยังไม่สามเดือนเลยนะ" เยว่หรูถามหาหลานชายที่มีอายุเพียงสองเดือนกว่าพี่เหมยคลอดลูกในวันที่เยว่หรูจบการศึกษา ซึ่งได้ดั่งใจที่สามีพี่เหมยอยากได้ นั่นคือลูกชายตัวอ้วนกลมจ้ำม่ำ พี่ห่าวซวนนั้นหลงลูกมาก บางวันต้องหอบพาลูกไปทำงานที่โรงงานด้วย ตอนนี้พี่ห่าวซวนคือคนที่เข้าไปดูแลโรงงานของตระกูลหานแทนสามีของเยว่หรู เนื่องจากสามีของเยว่หรูต้องคอยดูแลเธอและดูแลโรงงานผลิตยาสมุนไพรส่งสาธารณสุขด้วย ทุกคนเลยต้องแบ่งงานกันทำ"สามีจะรออยู่ตรงนี้ ไม่
บทที่ 50 เรียนจบวันนี้คือวันที่ทางสมาพันธ์จะมอบใบประกาศสำเร็จการศึกษาให้แก่เยว่หรู ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ เพราะตอนที่อาจารย์หม่าเคยแจ้งนั้นบอกว่าหลังกลับจากค่ายแรงงานประมาณสามเดือน แต่นี่เพิ่งจะสองเดือนก็มีหนังสือรับรองออกมาแล้ว จึงทำให้วันนี้ครอบครัวเยว่หรูทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่สมาพันธ์วันนี้แม่ของเยว่หรูอยู่ในชุดกี่เพ้าสีเหลือง ทำให้ขับผิวขาว ๆ ของแม่ดูสวยดูดีจนพ่อนั่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ส่วนพ่อเลี้ยงนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขากระบอก รองเท้าหนังอย่างดี ทุกอย่างที่ใส่มานั้นเป็นเยว่หรูจัดเตรียมไว้ให้ น้อยคนนักที่จะได้ใส่แบบนี้ ยิ่งทำให้พ่อเลี้ยงนั้นแทบไม่กล้าเดินไปไหนเลยทีเดียวส่วนสามีของเยว่หรูนั้นไม่ต้องจัดให้ เขาก็สามารถแต่งตัวให้ออกมาดูดีอยู่แล้ว วันนี้อาจารย์หมิงเว่ยมาร่วมแสดงความยินดีด้วย ซึ่งเยว่หรูนับถืออาจารย์หมิงเว่ยมาก เขาคือคนที่คอยช่วยเหลือตั้งแต่ที่เธอยังไม่ค่อยรู้อะไรมากนักส่วนพี่สาวหลิงฟางก็มีเพียงจดหมายส่งหากันเท่านั้น เพราะพี่สาวหลิงฟางย้ายไปอยู่เมืองอื่น เยว่หรูทำได้เพียงส่งยาสมุนไพรและสิ่งของไปให้ ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเลย ต้องบอกว่าเยว่หรูตอบแทนทุกค
บทที่ 49 จุดไต้ตำตอเยว่หรูอยู่ค่ายจนถึงวันทำงานวันสุดท้าย ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าสามีไม่ได้ตามมาอย่างที่เคยบอกไว้ เยว่หรูคิดว่าเขาคงจัดการเรื่องงานไม่เรียบร้อย ซึ่งมันดี... เพราะเยว่หรูไม่อยากให้เขาตามมาสักเท่าไหร่"ทำเหมือนคนนอนไม่พอเลยนะเยว่หรู" อาจารย์หม่าถือชามอาหารมานั่งข้าง ๆ ลูกศิษย์"เมื่อคืนหนูฝันค่ะ เลยทำให้ตื่นกลางดึก พอตื่นแล้วนอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ" เยว่หรูบอกไปตามความจริง"หากวันนี้ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำอะไรมากเข้าใจไหม" วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากนักเพราะเป็นวันสุดท้ายของการเรียนรู้แล้ว"แล้วเรื่องที่อาจารย์รักษาคุณโจวละคะ ยังต้องทำต่อเนื่องไหม" เยว่หรูถามเรื่องการบำบัดคนที่เครียดสะสมอย่างพระเอก ในตอนแรกอาจารย์บอกให้เธอลองรักษาด้วยตัวเอง แต่เธอไม่อยากทำก็อ้างว่าโน่นนี่นั่นไม่ค่อยสะดวกมากนัก ซึ่งอาจารย์หม่าก็ไม่ว่าอะไร"เยว่เยว่" เสียงเรียกดังมาจากทางประตู ทำให้เยว่หรูต้องหันไปมองทันที"อาจารย์บอกแล้ว เขามาแน่... ไม่ช้าก็เร็ว" อาจารย์หม่าบอกลูกศิษย์ตัวน้อยที่กำลังนั่งกลอกตาไปมา"พรุ่งนี้ก็กลับแล้วนะคะ" ความหมายของเธอชัดเจนคือ ...จะมาทำไม..."ไม่เจอกันตั้งหลายวัน พูดแบบนี้กับสามีได
บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเยว่หรูเรียนรู้แล้วว่าคนที่อยู่ที่นี่ส่วนมากจะมีภาวะหยินหยางไม่สมดุล พอไม่สมดุลก็นำพาไปสู่การเจ็บป่วยได้ง่าย เยว่หรูทำงานร่วมกับอาจารย์หม่าและมีหมอเท้าเปล่าที่คอยแนะนำสิ่งต่าง ๆ "เยว่หรูไปพักก่อนก็ได้" อาจารย์ที่รับปากครอบครัวของลูกศิษย์ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตัวเองรับปากแล้ว เพราะเยว่หรูนั้นทำงานทุกอย่าง ช่วยทุกคนที่สามารถเข้าไปช่วยได้ ทำงานหนักกว่านักศึกษาคนอื่นเสียอีกทั้งที่ตัวเองท้องอยู่"ยังทำไหวค่ะอาจารย์ ไม่ได้เหนื่อยอะไร" เยว่หรูบอกไปตามความจริง ความรู้ทั้งนั้น เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย "ทำเท่าที่ไหว เข้าใจไหม" หากเป็นอะไรขึ้นมาแล้วรับรองเลยว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างแน่นอนเยว่หรูทำงานจนเรียบร้อยทั้งหมด พอถึงเวลาที่เธอเองออกมานั่งพักผ่อนมองดูผู้คนที่อยู่ในค่าย มีทั้งทหารและยังมีนักโทษที่มาใช้แรงงานกำลังทยอยกลับค่ายกัน กลุ่มคนชุดนี้จะถูกตรวจสุขภาพในวันพรุ่งนี้ ต้องถือว่าค่ายแห่งนี้ถูกดูแลอย่างนี้ ไม่ได้กดขี่มากนัก แม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นนักโทษ ต้องบอกว่าสถานที่กักกันหรือค่ายแรงงานจะแบ่งแยกนักโทษ "เป็นยังไงบ้างคุณหมอ" เสียงเรียกถามทำให้เยว่หร
บทที่ 47 พบเจอพระเอกผ่านมาหนึ่งคืนแล้วที่เยว่หรูมาอยู่ที่ค่ายแรงงานแห่งนี้ หลังจากที่รวมตัวกันเมื่อวาน เพื่อไปทำความรู้จักกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ประจำจุด ในตอนแรกเยว่หรูนึกว่าจะได้เจอกับพระเอกของนิยายเรื่องนี้ แต่เขาไม่อยู่เลยไม่ได้เจอกัน แต่เยว่หรูรู้ดีว่ายังไงก็หนีไม่พ้นอย่างแน่นอน"เยว่หรู เดี๋ยวคอยตามอาจารย์มานะ" อาจารย์หม่า ผู้มีลูกศิษย์เป็นของตัวเองเพียงไม่กี่คน เขาเลยอยากดูแลและสอนด้วยตัวเอง ส่วนคนอื่น ๆ จะมีอาจารย์ท่านอื่นช่วยดูแลเช่นกันเยว่หรูเดินตามอาจารย์ไปพร้อมกับเพื่อนอีกสี่คนรวมเธอด้วยก็เป็นห้าคน ซึ่งกลุ่มเธอมีเธอเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เข้าเรียนในห้องเรียนเหมือนคนอื่น ดีที่ว่าทุกคนนั้นไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นทำงานด้วยกันลำบากแน่ ๆ กลุ่มของเยว่หรูนั้นได้เดินดูงานก่อน เพราะที่ค่ายแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่ที่คอยตรวจรักษาอยู่แล้ว เหมือนการเรียนรู้ก่อนที่จะเข้าไปตรวจจริง แต่ละคนจะได้รับมอบหมายว่าควรไปประจำอยู่จุดไหน ทุกคนได้รับมอบหมายจนหมด เหลือเยว่หรูเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังเดินตามอาจารย์หม่าเข้าไปที่พักด้านใน ซึ่งแยกออกจากสถานที่อื่น ลางสังหรณ์บ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้ค
บทที่ 46 ออกค่ายตั้งแต่วันที่บอกกับสามีเรื่องที่เธอท้อง ผ่านมาได้เกือบสามเดือนแล้ว ตอนนี้เยว่หรูท้องได้เกือบสี่เดือนแล้ว แต่ด้วยว่าท้องแรกยังมองเห็นไม่ชัดมากนัก หากใส่เสื้อผ้าปกปิดก็ไม่สามารถมองออกว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ดีที่ว่าเธอไม่มีอาการแพ้ท้องเลย มีเพียงสามีของเธอเท่านั้นที่กินอาหารไม่ได้ พอกินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมา และยังคงห่วงเธอมากกว่าตัวเองเสียอีก ทั้งที่เธอนั้นแข็งแรง กินอาหารได้ทุกอย่าง หากว่าเขาไม่มีแรงไปส่งเธอทำงานก็ต้องให้พ่อเป็นคนมารับไปส่ง ต้องบอกว่าทั้งสองคนพ่อตากับลูกเขยนั้นเห่อมาก คาดว่าพอคลอดมาแล้วน่าจะแย่งกันอย่างแน่นอนในส่วนของพี่เหมยที่ตอนนี้ท้องโตมาก เพราะพี่เหมยท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว และที่น่ายินดีคือสามีของพี่เหมยกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่กว่าจะได้คุยกันก็ร้องไห้กอดกันทั้งคู่ แต่เท่าที่ดู สามีพี่เหมยก็ดูจะรักและเอาใจใส่ดูแลพี่เหมยเป็นอย่างมาก มันเลยทำให้เธอรู้สึกดีไปด้วย"ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก" ลู่หลินเข้ามากอดลูกสาวพร้อมกับกำชับอย่างดี"ไม่ไหวก็ต้องบอกนะ อย่าทำเอง อย่ายกของหนัก" จางหยวนก็กำชับลูกสาวด้วยเช่นกัน"หมอคะ... ให้พี่ไปด้วยไหม มีอะไรจะได้ช่วย" ลู่จิวเดิน
บทที่ 45 เป็นคำตอบที่บีบหัวใจเยว่หรูนั่งเงียบทันทีที่ได้รับคำตอบของคำถามที่เธอสงสัย จะไม่ให้เงียบได้ยังไง ในเมื่อคุณห่าวซวนกลับไปทำงานต่อเพื่อที่จะได้มั่นใจว่าคนพวกนั้นจะไม่มายุ่งกับพี่เหมยและเธอ แต่เพราะงานมันอันตราย เขาเลยต้องบอกพี่เหมยแบบนั้น เพราะเขาไม่มั่นใจว่าตัวเองจะได้กลับมาไหม"นี่คือเหตุผลว่าทำไมทุกคนต้องพูดคุยกัน อย่าคิดไปเอง" เยว่หรูพูดขึ้นมาทำลายความเงียบพร้อมกับโอบกอดพี่สาวเหมยที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ "ไม่ต้องห่วง ผมแจ้งเรื่องเข้าไปที่หน่วยงานเก่าเรียบร้อยแล้ว แต่อาจต้องใช้เวลาเพราะมันมีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และผมได้ส่งคนไปช่วยงานอีกหลายสิบคนแล้ว" หานหรงอี้พูดปลอบทั้งสองคน ที่คนหนึ่งก้มหน้าก้มตาร้องไห้ อีกคนก็แยกเขี้ยวใส่เขาทั้งที่เขาก็ยอมตอบทุกคำถามแล้วหานหรงอี้ทำตามที่รับปากคนสนิทไว้ เขาค่อนข้างลำบากใจในเรื่องนี้ ยอมรับว่าหากภรรยาอยากรู้หรือมาบังคับให้เขาตอบ ให้ตายยังไงเขาก็ขัดภรรยาไม่ได้ แต่ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดไม่ได้บอกนั้น เพราะภรรยาเขาถามไม่ได้บีบบังคับเอาคำตอบแบบวันนี้ ไม่รู้เพราะอะไร เขาไม่เคยขัดภรรยาได้เลย..."พ่อฉันทำคนเดียวหรือว่าทั้งครอบครั