ปลายฤดูหนาว“มาทางนี้เร็วเข้า!” เว่ยหลงกวักมือเรียกให้พี่ๆ ของตนไปหลบอยู่ข้างคอกกระต่ายท่าทางมีพิรุธที่กำลังเดินตามเว่ยหลงมาอีกสามคนคือ ห่าวซวน เสี่ยวผิง และอู๋ฉี รวมเป็นเด็กสี่คนนอกจากเจียวจูและเจียวจ้านที่เคยถูกชาวเผ่าเผี่ยนฮกจับตัวไป“มีอะไรเว่ยหลง ทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วยเล่า” อู๋ฉีบ่นอุบแต่ก็ยังทำท่าทางระแวงระวังตามน้องคนเล็ก“พี่สาวหลิงหลิงบอกว่าจะไปตามหาครอบครัวใช่หรือไม่ พวกเราลองคิดดูสิว่าเราพบพี่สาวหลิงหลิงที่ใดกัน” เว่ยหลงกระซิบกระซาบ“ก็พบนางในป่าอย่างไรเล่า ยามนั้นพี่สาวบอกว่านางไร้ญาติขาดมิตรและเร่ร่อนมาเรื่อย ข้ายังจำได้เลยว่าพวกเราเคยคิดว่านางเสียสติ” ห่าวซวนจำได้ดี เขาเป็นคนเช็ดน้ำลายที่หยดย้อยบริเวณมุมปากให้พี่สาวกับมือ“ใช่ นางบอกว่าไร้ญาติขาดมิตร แล้วบ้านของนางอยู่ที่ใด พวกเจ้าจำได้หรือไม่” เว่ยหลงตื่นเต้นกว่าเดิมเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้“นางบอกว่านางอยู่ในถ้ำ บ้านของนางก็คือโลงศพ เจ้าจะพูดอะไรก็พูดออกมาตรงๆ เรื่องมันผ่านไปเป็นปีแล้วจะย้อนความให้ยุ่งยากไปทำไมกัน” ห่าวซวนชักอารมณ์เสีย“นางพาพี่เจียวจูกลับบ้าน ใช่ว่าที่ผ่านมานางจะกลับไปอยู่ในอุโมงค์แห่งนั้นหรือไม่ อ
“พี่เจียวจู!!” เด็กชายหญิงห้าคนโผเข้าไปกอดร่างของเจียวจูเอาไว้แน่น น้ำตาแห่งความคิดถึงไหลอาบแก้มเล็กๆ ของเด็กทุกคนจากที่เด็กทั้งห้าคิดว่าตนจะมาปกป้องเจียวจู เมื่อได้มาอยู่ในอ้อมกอดของพี่สาวใหญ่ที่เลี้ยงดูตนมาตั้งแต่เล็ก ความเข้มแข็งและความวิตกกังวลทั้งหมดก็พลันสลายลงไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงเสียงร่ำไห้กระจองอแงแบบเด็กวัยเยาว์ที่อ้อนวอนขอความรักจากผู้ใหญ่“ไม่ต้องร้องไห้ไป พวกเราโตกันแล้วนะ” เจียวจูปลอบโยนน้องๆ พยายามเปล่งเสียงออกมาให้นุ่มนวลที่สุด“มาที่นี่กันได้อย่างไร พื้นดินยังมีน้ำแข็งอยู่เลยอันตรายมากรู้หรือไม่” เด็กสาวรีบสำรวจร่างกายของน้องทั้งห้า“พี่เจียวจูพวกเราแข็งแกร่งกว่าเดิมแล้วเจ้าค่ะ พวกเรายังเชี่ยวชาญการใช้ธนูอีกด้วย ต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครมาทำร้ายท่านได้อีกแล้ว” หลิ่วจีรีบอวดธนูของตนให้เจียวจูดู“พลั่ก!!”“โครม!!”เด็กห้าคนยกเว้นเจียวจู อ้าปากค้างยานไปถึงอก สายตาอ่อนโยนของพี่สาวเจียวจูยังคงจ้องมองธนูในมือของหลิ่วจีอยู่เลย แต่ขาข้างหนึ่งของนางยกสูงขึ้นตั้งฉากกับพื้น แล้วร่างที่กลิ้งหลุนๆ ไปนั่น ท่านอาหวังไม่ใช่หรือ? พี่เจียวจูถีบท่านอาหวัง!“จับเขามัดไว้” เด็กห้าคนขาดสติไ
ฉู่หลิงกระโดดอยู่บนยอดไม้ผ่านกลุ่มเด็กทั้งห้าคนที่พยายามกลับไปที่จวนให้เร็วที่สุด แต่นางไม่มีเวลาหยุดคุยกับเด็กทั้งห้า ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้วนางเป็นห่วงเจียวจูเพียงผู้เดียว แวมไพร์สาวพยายามสื่อสารพูดคุยกับเจียวจูตามวิธีของแวมไพร์แต่นางกลับทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความสามารถของนางยังกลับมาไม่สมบูรณ์หรือเป็นเพราะนางกับเจียวจูอยู่ห่างไกลกันเกินไปกันแน่เมื่อมาถึงจวนผู้ตรวจการพิเศษหญิงสาวเห็นว่าสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่นางเข้าใจ เวลานี้ทหารและชาวบ้านหลายคนกำลังลำเลียงศพฝ่ายตรงข้ามออกไปฝังที่สุสาน นางจึงลงจากยอดไม้แล้วเดินเข้าไปในจวนตรงๆ ทางประตูหลัง“แม่นางฉู่ ท่านกลับมาแล้วหรือ” ชาวบ้านหลายคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาฉู่หลิงทักทายนางระเรื่อยมาตลอดทางจนถึงตัวอาคาร “เจ้ามาแล้วหรือ เข้ามาก่อนเร็วเจียวจ้านพานางไปพักข้างบนแล้ว” ท่านยายเฉินที่รอท่าอยู่ก่อนแล้วรีบเดินมาดึงฉู่หลิงแยกออกจากผู้คนเข้าไปภายในจวน“นางเป็นอย่างไรบ้าง เกิดอะไรขึ้นที่นี่ท่านยาย” “เจียวจ้านพบนางก่อนข้า ยังไม่ทันได้ถามความอะไรกันเขาก็ต้องรีบพาเจียวจูไปข้างบนก่อน ไม่เช่นนั้นนางจะถูกแสงแดด ข้าก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรมากนักเห็นนาง
“ท่านอามีความแค้นและอยากเป็นปีศาจดูดเลือดมาตลอด หรือว่าเขาจะไปที่ชายแดนแล้วพี่หลิงหลิง” เจียวจูเริ่มกังวลใจบ้างแล้ว ฉู่หลิงเองก็คิดเห็นตรงกับเจียวจู เจียวจูมีความผูกพันกับเด็กและชาวบ้านที่อำเภอซิ่งอัน ต่อให้นางกระหายเลือดก็ยังรู้จักยับยั้งชั่งใจ แต่กับหวังหยวนเขามีเพียงความแค้นล้นอก ซ้ำยังเดินทางได้แม้เวลากลางวัน แวมไพร์สาวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม หวั่นเกรงว่าอาจจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นบนแผ่นดินในไม่ช้า……….เพียงไม่กี่ชั่วยามที่หวังหยวนบุกฝ่าไปที่ชายแดนเพียงลำพัง เขาไม่ได้มีความอดทนอดกลั้นเหมือนอย่างเจียวจู เมื่อเห็นทหารหูรวมทั้งพวกชนเผ่า หวังหยวนก็ไล่ล่าสังหารรวมทั้งกัดพวกมันบางคนไปด้วยความกระหายเลือดอย่างรุนแรงพอพวกชนเผ่าบางคนได้กลายเป็นปีศาจดูดเลือดสมใจ พวกมันถึงกับรุมทึ้งฉีกร่างปีศาจดูดเลือดตนนั้นเพื่อเอาเลือดมาเปลี่ยนสภาพของพวกมันอย่างรวดเร็ว ตลอดทั้งวันการขยายเผ่าพันธุ์ปีศาจดูดเลือดระดับต่ำก็เพิ่มจำนวนขึ้นมากในฝั่งทัพแคว้นหูจนอยู่ในระดับที่น่าตกใจ“ปีศาจดูดเลือดปรากฏตัวขึ้นแล้วจริงๆ แบ่งกองกำลังของเราออกไปให้ทั่วพื้นที่ ตามผู้พิทักษ์ที่เหลืออยู่ให้มารวมตัวกันโดยเร็วที่สุด” โ
“เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว ข้าจะรั้งอยู่ที่นี่เพื่อกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก” หวังหยวนทุบกำปั้นไปที่ฝ่ามือตัวเอง“ปีศาจดูดเลือดที่แท้จริงไม่ใช่นักล่าสังหาร สายเลือดแท้หรือเจ้าแห่งหมอกควันแต่ดั้งเดิมดื่มเลือดมนุษย์เพื่อเป็นอาหารและไม่รุกรานเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สูญสิ้น แต่พวกเผี่ยนฮกนั้นต่างกันพวกเขาตั้งใจจะครอบครองแผ่นดินทั้งหมดอย่างโง่เขลา" ฉู่หลิงรำพันนางรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น แวมไพร์ระดับต่ำจะตอบสนองเพียงต้องการกินดื่ม พวกมันจึงต้องมีพวกระดับสูงไว้ควบคุม เพื่อไม่ให้แหล่งอาหารหมดไปในระยะเวลาอันสั้น แต่ชนเผ่าเผี่ยนฮกเหล่านี้ถูกกัดโดยหวังหยวนรวมทั้งดื่มกินเลือดแวมไพร์กันเอง หวังหยวนอ่อนแอกว่าจะควบคุมพวกมันเอาไว้ได้อีกไม่นานพวกกระหายเลือดจะเพิ่มมากขึ้นอย่างไร้การควบคุม หายนะกำลังจะเกิดกับเหล่ามนุษย์!“เราต้องกลับไปปกป้องจวนผู้ตรวจการพิเศษ ทุกชั่วยามที่เรากำลังคุยกันอยู่นี่ปีศาจดูดเลือดระดับต่ำก็กำลังเพิ่มจำนวนกันตลอดเวลา ผู้พิทักษ์มีจำนวนน้อยเกินกว่าจะแบ่งคนไปปกป้องชาวบ้านที่อำเภอซิ่งอันเอาไว้”ฉู่หลิงรู้ดีว่าผู้พิทักษ์อย่างไรก็มีร่างกายเป็นมนุษย์พวกเขาต้องหลับนอนดื่มกิน ไม่สามารถต่อสู้กับ
เมื่อท้องฟ้าสิ้นแสงตะวัน เวลานี้ผู้คนในจวนผู้ตรวจการพิเศษทั้งหมดจึงได้เห็นกับตาว่าฉู่หลิงไม่ได้คิดไปเอง ปีศาจดูดเลือดที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ แต่พวกเขาแข็งแรงกว่าและมีเขี้ยวยาวพยายามบุกเข้ามาภายในจวนผู้ตรวจการพิเศษเป็นจำนวนมาก“เล็งไปที่หัวใจ! ตัดคอมัน!” มู่เจียเหยียนตะโกนก้องระหว่างที่ทหารและชาวบ้านข่มกลั้นต่อความหวาดกลัวและพยายามเอาชีวิตรอดให้ถึงที่สุด พวกเขาก็ได้เห็นร่างของ ฉู่หลิง หวังหยวน ท่านยายเฉิน และเด็กกลุ่มหนึ่งที่มองแทบไม่ออกว่าคือใครบ้างพุ่งโจมตีด้วยความรุนแรงไปที่อีกฝ่ายแต่ที่เห็นได้ชัดเจนคือคนกลุ่มนี้มีเขี้ยวเล็บไม่ต่างจากปีศาจดูดเลือดที่ดาหน้าเข้ามาโจมตีจวนผู้ตรวจการไม่มีผิด แต่ทุกคนแข็งแรงกว่ากระโดดได้สูงกว่าอีกฝ่ายมากนักและยังไม่ได้โจมตีมนุษย์ แต่กำลังเร่งกำจัดปีศาจดูดเลือดเช่นเดียวกันกับพวกเขา“แม่นางฉู่ หวังหยวน ท่านยาย..” มู่เจียเหยียนตกตะลึงอย่างหนัก เมื่อได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของหลายร่างที่กำลังปกป้องผู้คนในจวนผู้ตรวจการเอาไว้เต็มกำลังทหารและชาวบ้านเองก็ได้เห็นกับตาแล้วว่ายามนี้พวกตนเป็นเพียงแค่มดปลวกตัวจ้อย ทหารยังพอทำเนาพวกเขาใช้อาวุธกันได้คล่องมือพ
ถ้ำลึกลับภายในป่านอกเมืองสือเจียร่างงามในโลงศพสลักลวดลายวิจิตรบรรจงเก่าแก่ค่อยๆ แง้มฝาโลงออกมาช้าๆ ก่อนจะชะโงกศีรษะออกมามองดูบรรยากาศรอบกายที่ผิดแผก ความมืดทำให้หญิงสาวต้องปรับสายตาพยายามเพ่งมองสิ่งรอบกายโดยอาศัยแสงสว่างที่มีเพียงน้อยนิด“อะไรกันเนี่ย!!” แวมไพร์สาวนามฉู่หลิงในชุดผู้ป่วยสีขาวตัวยาวหลวมโพรก ก้าวออกจากโลงศพออกมา สิ่งแรกที่นางรู้สึกแตกตื่นที่สุดย่อมเป็นสถานที่มืดอับชื้น แตกต่างจากห้องทดลองภายในสถาบันวิจัย ที่ตนได้เห็นก่อนเข้าไปนอนในโลงชั่วเวลาไม่กี่นาทีก่อนหน้าลิบลับฉู่หลิงเอื้อมมือคลำผนังหินข้างตัวพร้อมกับก้าวเท้าออกไปสำรวจพื้นที่ช้าๆ นางมองเห็นลำแสงสายหนึ่งเล็ดลอดมาจากซอกหินเป็นแนวยาว และเป็นแสงสว่างเดียวที่ทำให้ตนยังพอมองเห็นภาพภายในถ้ำมืดทึบแห่งนี้ได้นางรีบพาตัวเองเข้าไปหาลำแสงสายนั้นแล้วออกแรงผลักแผ่นหินขนาดใหญ่ด้วยหวังจะให้มีแสงสว่างเพิ่มขึ้นมาสักเล็กน้อย“ครืด..ดดด”หญิงสาวเข้าใจได้ในทันทีว่าแท้จริงแล้ว แผ่นหินที่ควรจะมีน้ำหนักมากแผ่นนี้มีกลไกซึ่งออกแบบให้เป็นประตูมันจึงถูกเปิดออกได้อย่างง่ายดาย และเมื่อนางก้าวออกมาแผ่นหินก็เคลื่อนตัวกลับไปยังตำแหน่งเดิม หากมองด
อีกด้านสองสหายต้นเรื่องก็ร้อนใจอยู่ไม่น้อย ชายขาเป๋ลุกขึ้นมายืนเคียงข้างกับสหายแขนเดียวของตน พลางส่งสายตามองกันไปมาคล้ายว่ากำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง“เอาล่ะ ครั้งนี้ถือว่าเป็นคราวซวยของพวกเราสองคนก็แล้วกัน เนื้อจะเข้าปากเสืออยู่แล้วเชียว!! พวกเจ้ารีบไสหัวไปให้พ้นหน้าพวกเราเดี๋ยวนี้เลย” ชายแขนเดียวมองไปยังร่างงามด้วยความเสียดาย แต่ดูจากจำนวนคนแล้ว ให้ต่อสู้กันจริงๆ พวกเขาสองคนอาจจะสู้ไม่ไหว และหากเรื่องไปถึงเจ้าหน้าที่ทางการเมื่อใดพวกตนจะเดือดร้อนกว่าเก่า เขาย่อมไม่กล้าเสี่ยง“ปากเสือ เหอะ!! ปากหมาสิไม่ว่า ดูตัวเองด้วยจ้า สภาพ!!” ฉู่หลิงสวนกลับอย่างอดไม่ได้ นางเคยแต่ข่มขู่ดูแคลนผู้อื่น ถูกเอาเปรียบอย่างไร้ทางสู้เช่นนี้รู้สึกอับอายจนอยากกลับโลงศพจะแย่แล้วหลิ่วจีเด็กหญิงวัย 8 ขวบถึงกับต้องกระตุกข้อมือพี่สาวแปลกหน้าเอาไว้เป็นการห้ามปราม อีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่สองคนเชียวนะ แล้วเจ้าหน้าที่ทางการน่ะ จะมาช่วยพวกเราจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้“ใครกันแน่ที่ต้องไปให้พ้น เจ้าสองคนจะลองดูไหมเล่าว่าพวกเราจะหาคนมาขับไล่พวกเจ้าออกจากป่านี้ไปได้หรือไม่” เจียวจูไม่ยอมแพ้ หากสองคนนี้ยังอยู่ต่อไปพวกนางคงจะมาหาเก็บ
เมื่อท้องฟ้าสิ้นแสงตะวัน เวลานี้ผู้คนในจวนผู้ตรวจการพิเศษทั้งหมดจึงได้เห็นกับตาว่าฉู่หลิงไม่ได้คิดไปเอง ปีศาจดูดเลือดที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ แต่พวกเขาแข็งแรงกว่าและมีเขี้ยวยาวพยายามบุกเข้ามาภายในจวนผู้ตรวจการพิเศษเป็นจำนวนมาก“เล็งไปที่หัวใจ! ตัดคอมัน!” มู่เจียเหยียนตะโกนก้องระหว่างที่ทหารและชาวบ้านข่มกลั้นต่อความหวาดกลัวและพยายามเอาชีวิตรอดให้ถึงที่สุด พวกเขาก็ได้เห็นร่างของ ฉู่หลิง หวังหยวน ท่านยายเฉิน และเด็กกลุ่มหนึ่งที่มองแทบไม่ออกว่าคือใครบ้างพุ่งโจมตีด้วยความรุนแรงไปที่อีกฝ่ายแต่ที่เห็นได้ชัดเจนคือคนกลุ่มนี้มีเขี้ยวเล็บไม่ต่างจากปีศาจดูดเลือดที่ดาหน้าเข้ามาโจมตีจวนผู้ตรวจการไม่มีผิด แต่ทุกคนแข็งแรงกว่ากระโดดได้สูงกว่าอีกฝ่ายมากนักและยังไม่ได้โจมตีมนุษย์ แต่กำลังเร่งกำจัดปีศาจดูดเลือดเช่นเดียวกันกับพวกเขา“แม่นางฉู่ หวังหยวน ท่านยาย..” มู่เจียเหยียนตกตะลึงอย่างหนัก เมื่อได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของหลายร่างที่กำลังปกป้องผู้คนในจวนผู้ตรวจการเอาไว้เต็มกำลังทหารและชาวบ้านเองก็ได้เห็นกับตาแล้วว่ายามนี้พวกตนเป็นเพียงแค่มดปลวกตัวจ้อย ทหารยังพอทำเนาพวกเขาใช้อาวุธกันได้คล่องมือพ
“เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว ข้าจะรั้งอยู่ที่นี่เพื่อกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก” หวังหยวนทุบกำปั้นไปที่ฝ่ามือตัวเอง“ปีศาจดูดเลือดที่แท้จริงไม่ใช่นักล่าสังหาร สายเลือดแท้หรือเจ้าแห่งหมอกควันแต่ดั้งเดิมดื่มเลือดมนุษย์เพื่อเป็นอาหารและไม่รุกรานเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สูญสิ้น แต่พวกเผี่ยนฮกนั้นต่างกันพวกเขาตั้งใจจะครอบครองแผ่นดินทั้งหมดอย่างโง่เขลา" ฉู่หลิงรำพันนางรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น แวมไพร์ระดับต่ำจะตอบสนองเพียงต้องการกินดื่ม พวกมันจึงต้องมีพวกระดับสูงไว้ควบคุม เพื่อไม่ให้แหล่งอาหารหมดไปในระยะเวลาอันสั้น แต่ชนเผ่าเผี่ยนฮกเหล่านี้ถูกกัดโดยหวังหยวนรวมทั้งดื่มกินเลือดแวมไพร์กันเอง หวังหยวนอ่อนแอกว่าจะควบคุมพวกมันเอาไว้ได้อีกไม่นานพวกกระหายเลือดจะเพิ่มมากขึ้นอย่างไร้การควบคุม หายนะกำลังจะเกิดกับเหล่ามนุษย์!“เราต้องกลับไปปกป้องจวนผู้ตรวจการพิเศษ ทุกชั่วยามที่เรากำลังคุยกันอยู่นี่ปีศาจดูดเลือดระดับต่ำก็กำลังเพิ่มจำนวนกันตลอดเวลา ผู้พิทักษ์มีจำนวนน้อยเกินกว่าจะแบ่งคนไปปกป้องชาวบ้านที่อำเภอซิ่งอันเอาไว้”ฉู่หลิงรู้ดีว่าผู้พิทักษ์อย่างไรก็มีร่างกายเป็นมนุษย์พวกเขาต้องหลับนอนดื่มกิน ไม่สามารถต่อสู้กับ
“ท่านอามีความแค้นและอยากเป็นปีศาจดูดเลือดมาตลอด หรือว่าเขาจะไปที่ชายแดนแล้วพี่หลิงหลิง” เจียวจูเริ่มกังวลใจบ้างแล้ว ฉู่หลิงเองก็คิดเห็นตรงกับเจียวจู เจียวจูมีความผูกพันกับเด็กและชาวบ้านที่อำเภอซิ่งอัน ต่อให้นางกระหายเลือดก็ยังรู้จักยับยั้งชั่งใจ แต่กับหวังหยวนเขามีเพียงความแค้นล้นอก ซ้ำยังเดินทางได้แม้เวลากลางวัน แวมไพร์สาวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม หวั่นเกรงว่าอาจจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นบนแผ่นดินในไม่ช้า……….เพียงไม่กี่ชั่วยามที่หวังหยวนบุกฝ่าไปที่ชายแดนเพียงลำพัง เขาไม่ได้มีความอดทนอดกลั้นเหมือนอย่างเจียวจู เมื่อเห็นทหารหูรวมทั้งพวกชนเผ่า หวังหยวนก็ไล่ล่าสังหารรวมทั้งกัดพวกมันบางคนไปด้วยความกระหายเลือดอย่างรุนแรงพอพวกชนเผ่าบางคนได้กลายเป็นปีศาจดูดเลือดสมใจ พวกมันถึงกับรุมทึ้งฉีกร่างปีศาจดูดเลือดตนนั้นเพื่อเอาเลือดมาเปลี่ยนสภาพของพวกมันอย่างรวดเร็ว ตลอดทั้งวันการขยายเผ่าพันธุ์ปีศาจดูดเลือดระดับต่ำก็เพิ่มจำนวนขึ้นมากในฝั่งทัพแคว้นหูจนอยู่ในระดับที่น่าตกใจ“ปีศาจดูดเลือดปรากฏตัวขึ้นแล้วจริงๆ แบ่งกองกำลังของเราออกไปให้ทั่วพื้นที่ ตามผู้พิทักษ์ที่เหลืออยู่ให้มารวมตัวกันโดยเร็วที่สุด” โ
ฉู่หลิงกระโดดอยู่บนยอดไม้ผ่านกลุ่มเด็กทั้งห้าคนที่พยายามกลับไปที่จวนให้เร็วที่สุด แต่นางไม่มีเวลาหยุดคุยกับเด็กทั้งห้า ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้วนางเป็นห่วงเจียวจูเพียงผู้เดียว แวมไพร์สาวพยายามสื่อสารพูดคุยกับเจียวจูตามวิธีของแวมไพร์แต่นางกลับทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความสามารถของนางยังกลับมาไม่สมบูรณ์หรือเป็นเพราะนางกับเจียวจูอยู่ห่างไกลกันเกินไปกันแน่เมื่อมาถึงจวนผู้ตรวจการพิเศษหญิงสาวเห็นว่าสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่นางเข้าใจ เวลานี้ทหารและชาวบ้านหลายคนกำลังลำเลียงศพฝ่ายตรงข้ามออกไปฝังที่สุสาน นางจึงลงจากยอดไม้แล้วเดินเข้าไปในจวนตรงๆ ทางประตูหลัง“แม่นางฉู่ ท่านกลับมาแล้วหรือ” ชาวบ้านหลายคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาฉู่หลิงทักทายนางระเรื่อยมาตลอดทางจนถึงตัวอาคาร “เจ้ามาแล้วหรือ เข้ามาก่อนเร็วเจียวจ้านพานางไปพักข้างบนแล้ว” ท่านยายเฉินที่รอท่าอยู่ก่อนแล้วรีบเดินมาดึงฉู่หลิงแยกออกจากผู้คนเข้าไปภายในจวน“นางเป็นอย่างไรบ้าง เกิดอะไรขึ้นที่นี่ท่านยาย” “เจียวจ้านพบนางก่อนข้า ยังไม่ทันได้ถามความอะไรกันเขาก็ต้องรีบพาเจียวจูไปข้างบนก่อน ไม่เช่นนั้นนางจะถูกแสงแดด ข้าก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรมากนักเห็นนาง
“พี่เจียวจู!!” เด็กชายหญิงห้าคนโผเข้าไปกอดร่างของเจียวจูเอาไว้แน่น น้ำตาแห่งความคิดถึงไหลอาบแก้มเล็กๆ ของเด็กทุกคนจากที่เด็กทั้งห้าคิดว่าตนจะมาปกป้องเจียวจู เมื่อได้มาอยู่ในอ้อมกอดของพี่สาวใหญ่ที่เลี้ยงดูตนมาตั้งแต่เล็ก ความเข้มแข็งและความวิตกกังวลทั้งหมดก็พลันสลายลงไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงเสียงร่ำไห้กระจองอแงแบบเด็กวัยเยาว์ที่อ้อนวอนขอความรักจากผู้ใหญ่“ไม่ต้องร้องไห้ไป พวกเราโตกันแล้วนะ” เจียวจูปลอบโยนน้องๆ พยายามเปล่งเสียงออกมาให้นุ่มนวลที่สุด“มาที่นี่กันได้อย่างไร พื้นดินยังมีน้ำแข็งอยู่เลยอันตรายมากรู้หรือไม่” เด็กสาวรีบสำรวจร่างกายของน้องทั้งห้า“พี่เจียวจูพวกเราแข็งแกร่งกว่าเดิมแล้วเจ้าค่ะ พวกเรายังเชี่ยวชาญการใช้ธนูอีกด้วย ต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครมาทำร้ายท่านได้อีกแล้ว” หลิ่วจีรีบอวดธนูของตนให้เจียวจูดู“พลั่ก!!”“โครม!!”เด็กห้าคนยกเว้นเจียวจู อ้าปากค้างยานไปถึงอก สายตาอ่อนโยนของพี่สาวเจียวจูยังคงจ้องมองธนูในมือของหลิ่วจีอยู่เลย แต่ขาข้างหนึ่งของนางยกสูงขึ้นตั้งฉากกับพื้น แล้วร่างที่กลิ้งหลุนๆ ไปนั่น ท่านอาหวังไม่ใช่หรือ? พี่เจียวจูถีบท่านอาหวัง!“จับเขามัดไว้” เด็กห้าคนขาดสติไ
ปลายฤดูหนาว“มาทางนี้เร็วเข้า!” เว่ยหลงกวักมือเรียกให้พี่ๆ ของตนไปหลบอยู่ข้างคอกกระต่ายท่าทางมีพิรุธที่กำลังเดินตามเว่ยหลงมาอีกสามคนคือ ห่าวซวน เสี่ยวผิง และอู๋ฉี รวมเป็นเด็กสี่คนนอกจากเจียวจูและเจียวจ้านที่เคยถูกชาวเผ่าเผี่ยนฮกจับตัวไป“มีอะไรเว่ยหลง ทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วยเล่า” อู๋ฉีบ่นอุบแต่ก็ยังทำท่าทางระแวงระวังตามน้องคนเล็ก“พี่สาวหลิงหลิงบอกว่าจะไปตามหาครอบครัวใช่หรือไม่ พวกเราลองคิดดูสิว่าเราพบพี่สาวหลิงหลิงที่ใดกัน” เว่ยหลงกระซิบกระซาบ“ก็พบนางในป่าอย่างไรเล่า ยามนั้นพี่สาวบอกว่านางไร้ญาติขาดมิตรและเร่ร่อนมาเรื่อย ข้ายังจำได้เลยว่าพวกเราเคยคิดว่านางเสียสติ” ห่าวซวนจำได้ดี เขาเป็นคนเช็ดน้ำลายที่หยดย้อยบริเวณมุมปากให้พี่สาวกับมือ“ใช่ นางบอกว่าไร้ญาติขาดมิตร แล้วบ้านของนางอยู่ที่ใด พวกเจ้าจำได้หรือไม่” เว่ยหลงตื่นเต้นกว่าเดิมเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้“นางบอกว่านางอยู่ในถ้ำ บ้านของนางก็คือโลงศพ เจ้าจะพูดอะไรก็พูดออกมาตรงๆ เรื่องมันผ่านไปเป็นปีแล้วจะย้อนความให้ยุ่งยากไปทำไมกัน” ห่าวซวนชักอารมณ์เสีย“นางพาพี่เจียวจูกลับบ้าน ใช่ว่าที่ผ่านมานางจะกลับไปอยู่ในอุโมงค์แห่งนั้นหรือไม่ อ
โชคของชาวบ้านนอกกำแพงยังพอมีอยู่บ้าง นอกจากทหารที่เข้ามาช่วยเหลือเพิ่มเติมแล้ว หิมะยังตกหนักรุนแรงจนดับไฟที่กำลังลุกลามให้มอดดับได้เร็วขึ้น แม้ว่ากลุ่มคนร้ายจะสลายตัวและถูกขับไล่ออกไปจากพื้นที่ แต่ทหารและชาวบ้านที่เดือดร้อนก็ยังคงต้องช่วยกันขนย้ายข้าวของที่ยังใช้การได้มาอาศัยอยู่ในจวนผู้ตรวจการพิเศษเป็นการชั่วคราวกันจนถึงรุ่งเช้า“มือปราบมู่ ข้าเกรงว่าเวลานี้ประตูเมืองทั้งสี่ทิศจะถูกปิดตายไปแล้วขอรับ ท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งให้ปิดประตูตั้งแต่เมื่อคืน และสั่งให้ทหารออกมาคุ้มครองจวนผู้ตรวจการพิเศษ แต่สถานการณ์ภายในก็วุ่นวายเกินไป ทหารสู้รบติดพันจึงมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่มาถึงที่นี่ได้” ฉีฟ่งกล่าวเมื่อคืนเขากับพรรคพวกสลับเวรไปรักษาการณ์ทางประตูเมืองสือเจีย เมื่อได้ยินคำสั่งจากท่านเจ้าเมืองก็รีบมาที่นี่โดยเร็วที่สุดด้วยความเป็นห่วงเด็กๆ แต่ยังมีทหารอีกจำนวนมากที่ไม่สามารถออกมาช่วยเหลือได้ก่อนที่ประตูเมืองจะปิด“หากหิมะยังไม่หยุดตก เราก็จะถูกตัดขาดจากเมืองสือเจียทันทีไม่สามารถเดินทางฝ่าหิมะเข้าเมืองไปได้แน่นอน แต่นี่ก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน ผู้บุกรุกก็คงไม่สามารถฝ่าความหนาวเย็นมาก่อเรื่องซ้ำ
เมื่อกลุ่มของโจวเฉิงจากไป มู่เจียเหยียนก็ขอร้องกับท่านเจ้าเมืองให้ส่งตนมาประจำอยู่ที่จวนผู้ตรวจการพิเศษเป็นการส่วนตัวเพื่อคอยดูแลเด็กๆ และภายใต้ซอกลึกของหัวใจเขาก็ยังมีความหวังว่าฉู่หลิงจะตามหาครอบครัวจนเจอแล้วย้อนกลับมาที่หอหงไถอีกครั้งหนึ่งหลายเดือนต่อมาแคว้นต้าหยวนไม่อาจตกลงการขอตัวคนร้ายจากแคว้นหูได้ โจวเฉิงจึงพาพรรคพวกในกลุ่มผู้ตรวจการพิเศษลักลอบเข้าไปในเขตแดนแคว้นหูไล่ล่าสังหารชนเผ่าเผี่ยนฮกและส่งตัวเด็กๆ อีกหลายคนกลับมายังแคว้นต้าหยวนได้คราวละสี่ห้าคน ผู้นำแคว้นหูใช้ข้ออ้างที่ทหารต้าหยวนรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ประกาศสงครามกับต้าหยวน อีกทั้งยังเสาะหากลุ่มชนเผ่าจนเจอแล้วทำข้อตกลงกับพวกเขาให้เข้าร่วมกับทำสงครามกับต้าหยวน โดยสัญญาว่าหากแคว้นหูได้รับชัยชนะ จะแบ่งดินแดนต้าหยวนครึ่งหนึ่งให้เป็นของชนเผ่าเผี่ยนฮกชนเผ่าที่กำลังรวบรวมไพร่พลเตรียมพร้อมสำหรับการคืนชีพของเจ้าแห่งหมอกควัน รีบคว้าโอกาสงามที่จะมีดินแดนในปกครองของตนทันทีและรวมพลชาวเผ่าจากทั่วสารทิศบุกเข้าเข่นฆ่าผู้คนในแคว้นต้าหยวนจากทุกทิศทาง“กองกำลังของชนเผ่าเชี่ยวชาญการรบแบบกองโจร พวกเขาลงมือหนักหน่วงและโหดเหี้ยมเกินมนุษย์ธร
ทันทีที่หวังหยวนรู้ว่าฉู่หลิงและเจียวจูเป็นปีศาจดูดเลือด เขาก็ร้อนใจอยากจะกลายสภาพเป็นปีศาจดูดเลือดบ้างโดยพลัน“ข้าปล่อยให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้เจ้าค่ะท่านอา ความแค้นของท่านอาจพาอันตรายมาสู้ข้ากับเจียวจู ท่านอดใจรอให้พลังของข้ากลับคืนมาเสียก่อน เรามีเป้าหมายเป็นศัตรูกลุ่มเดียวกันข้าสัญญาว่าท่านจะได้ล้างแค้น” ฉู่หลิงไม่กล้าให้หวังหยวนดื่มเลือดของนาง แม้แวมไพร์ที่นางสร้างจะเชื่อฟัง แต่ใช่ว่าพวกเขาจะแหกกฎไม่ได้ เจียวจูเคร่งครัดกับคำสั่งเพราะนางมีใจภักดีเชื่อฟังตั้งแต่ยังเป็นมนุษย์ ต่างจากหวังหยวนที่เต็มไปด้วยความแค้นพรากชีวิตลูกเมีย นางไม่ใช่สายเลือดแท้ควบคุมหวังหยวนแบบเบ็ดเสร็จไม่ได้ จึงจำต้องให้หวังหยวนอยู่สงบสติอารมณ์และรอคอยไปก่อนอย่างช่วยไม่ได้“เจ้าสัญญาแล้วนะเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ ข้ารอได้ อย่าว่าแต่สองปีเลย นานแค่ไหนข้าก็จะรอ” หวังหยวนน้ำตาไหลพราก เมื่อรู้ว่าตนยังมีโอกาสไถ่โทษให้ภรรยาและลูกน้อย ในยามที่พวกเขาจากไปตนกลับไม่ได้อยู่เคียงข้างคอยปกป้องพวกเขา“ข้าสัญญาท่านอาหวัง จากนี้เรื่องการล่าสัตว์ก็ให้เจียวจูออกไปล่ามาแค่พอกินยามค่ำคืน ส่วนกลางวันท่านก็คอยหลบซ่อนอยู่บริเวณปากอุโมงค์ ให้เจ