แชร์

บทที่ 30

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ซ่งซีซีคำนับให้ ค่อยๆ ผ่อนคลายไหล่ของนางออก พระราชโองการนี้มาช้ามาก แต่โชคดีที่มาทันเวลา "ซ่งซีซีขอบพระทัยความเมตตาของพระองค์เพคะ!"

จ้านเป่ยว่าง ซีดเซียวและตกตะลึง

ตอนนั้นที่ซ่งซีซีเข้าวังกลับเพื่อขอให้ฮ่องเต้อนุญาตให้หย่าโดยสันติงั้นเหรอ?

ไม่ใช่เพื่อขัดขวางการแต่งงานของเขากับยี่ฝาง?

นับตั้งแต่ที่นางรู้เรื่องการพระราชทานอภิเษกสมรสแล้ว นางก็วางแผนจะหย่าโดนสันติเหรอ?

เขาเคยคิดว่าวิธีการทั้งหมดที่นางใช้เป็นเพียงต้องการผูกขาดเขา ดังนั้นเขาจึงคิดว่านางเป็นคนขี้อิจฉา ตระหนี่ เห็นแก่ตัว ใจแคบ ใจแคบ ไม่ยอมผู้อื่น และถึงขั้นน่ารังเกียจด้วยซ้ำ

แต่ปรากฎว่าไม่ใช่...

จ้านเป่ยว่างมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกในใจ เมื่อดูซ่งซีซีรับพระราชโองการ รอยยิ้มอันอบอุ่นก็ปรากฏบนใบหน้าของนาง มันดูสดใสและน่าประทับใจอย่างอธิบายไม่ได้ ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าครั้งแรกที่เขาเห็นนาง เขาถูกดึงดูดความสนใจโดยรูปร่างหน้าตาของนางทันที

ทันทีที่เขาเห็นนางครั้งแรก ขนาดทำให้เขาลืมหายใจด้วยซ้ำ

แต่ต่อมา เขาได้พบกับยี่ฝาง...

ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านไม่คาดคิดว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้ นางไม่เคยคาดคิดว่า ซ่งซีซีจะเป็นฝ่ายขอหย่าโดยส
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (20)
goodnovel comment avatar
Pedladda Wimoludomsit
เนื้อเรื่องในแต่ละตอนน้อยเกินไป เหตุการณ์ยังไม่ไปถึงไหนเลย
goodnovel comment avatar
ปู สงขลา
ต้องการเปลี่ยนการปลดล็อก ให้ขออนุญาตปลดล็อกก่อน ต้องทำงัย
goodnovel comment avatar
กุหลาบ สีชมพู
สนุกค่ะ ชอบๆๆๆ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 31

    “ได้!” ดวงตาของซ่งไท่กงเต็มไปด้วยน้ำตา เขามองเห็นหญิงสาวตรงหน้าไม่ชัดเจน แต่เขารู้สึกได้ว่านางมีออร่าสูงส่ง เขายินดีอย่างยิ่ง “ที่นี่ไม่ควรอยู่ต่อ มีแต่โชคร้าย ข้าขอตัวไปก่อน เจ้าก็ให้ออกไปเร็วๆ ด้วย”"เจ้าค่ะ!" ซ่งซีซีลุกขึ้นและมองส่งเขาและซ่งซื่ออันออกไปด้วยความเคารพหญิงชราจากบ้านรองก็ถือโอกาสจากไปเช่นกัน เดิมทีนางต้องการออกมาพูดสักหน่อย แต่นางไม่ได้พูดอะไรตอนที่ซ่งซีซีโดนรังแกนั้น บัดนี้ก็ไม่มีหน้าจะพูดอะไรอีก ถือซะว่าวันนี้นางไม่ได้มาที่นี่เลยทุกคนในตระกูลจ้านยืนนิ่งอยู่กับที่ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ ซ่งซีซีกลายเป็นบุตรีของฮูหยิงเอกของจวนเสนาบดีกั๋วกง ส่วนสามีสามีของนางสามารถสืบทอดตำแหน่งเสนาบดีกั๋วกงได้ด้วยนี่มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี่น่ะ? เป็นไปได้อย่างไรที่จะให้คนต่างสกุลมาสืบทอดตำแหน่งนี้?แต่อย่างไรก็ตาม พระราชโองการของพระองค์บอกให้ชัดเจนว่ามันเป็นไปได้ หากเป่ยว่างไม่หย่ากับนาง งั้นเป่ยว่างก็สามารถสืบทอดตำแหน่งได้ความเจริญที่หาได้ยากนั้นพวกเขากลับพลาดไปทั้งอย่างนั้นหลังจากวางแผนมาซะจริงจังขนาดนั้น สุดท้ายกลับไม่ได้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 32

    ตกเย็น ยี่ฝางส่งคนไปตามหาจ้านเป่ยว่างออกไปพวกเขาทั้งสองกำลังเดินไปตามทะเลสาบ จ้านเป่ยว่างยังคงเงียบและไม่พูดอะไรตลอดทางยี่ฝางยังไม่รู้สถานการณ์ เดิมทีนางคิดว่าเมื่อนัดเขาออกมา เขาจะริเริ่มบอกสถานการณ์การหย่าร้าง แต่ไม่คิดว่าเขาไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย อีกทั้งใบหน้าของเขาก็ดูเหมือนกับโดนแมวข่วนอย่างไรอย่างนั้นเดินไปได้สักพัก นางก็หยุดลง และอดไม่ได้ที่จะถามว่า "หย่าหรือยัง ยึดสินเดิมไว้ครึ่งหนึ่งหรือเปล่า"ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง สะท้อนใบหน้าที่ค่อนข้างเข้มของยี่ฝาง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงใบหน้าที่สดใสและสวยงามของซ่งซีซี จู่ๆ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดขึ้นมาทันที"เจ้าไม่ได้ยึดไว้เหรอ?" ยี่ฝางเห็นว่าเขาเงียบ และดูเศร้าๆ นางอดไม่ได้ที่จะโกรธเล็กน้อย "ข้าไม่ได้ส่งคนไปส่งจดหมายให้เจ้าเหรอ บอกให้เจ้าต้องยึดสินเดิมไว้ครึ่งหนึ่งไม่ใช่หรือ จวนแม่ทัพ ไม่เหลืออะไรแล้ว หากเราไม่ยึดข้าวของพวกนั้นไว้ต่อไปเราจะใช้ชีวิตยังไง"จ้านเป่ยว่างมองดูนาง "แต่นั่นเป็นสินเดิมของนาง ไม่ใช่ของข้า ข้าไม่ใช่คนหามา ยี่ฝาง เจ้าแต่งงานกับข้าเป็นเพราะกลัวที่จะใช้ชีวิตยากจนลำบากใช่หรือไม่?""ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น" ยี่ฝางห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 33

    จ้านเป่ยว่างเงียบ เพราะในการต่อสู้วันนี้ เขาพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งน่าอายมากที่จะพูดถึงมัน“สรุปเป็นเรื่องจริงหรือไม่?” ยี่ฝางถามต่อจ้านเป่ยว่างถอนหายใจ "ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า"ยี่ฝางชกเขาและพูดอย่างอ่อนโยนว่า "รู้อยู่ว่าเจ้าโกหกข้า ช่างมัน ไม่ว่าจะเป็นการหย่าหรือการหย่าโดยสันติ ตราบใดที่เรื่องได้รับการจัดการแล้วก็พอ ในเมื่อนางไม่สนที่จะร่วมสามีเดียวกันกับข้า งั้นข้าก็ไม่ต้องการด้วย เล่ห์เหลี่ยมที่นางใช้ในฝ่ายใน ข้าสู้นางไม่ได้หรอก นั่นแหละเป็นความสามารถที่แท้จริงของนางต่างหาก"นางเอียงศีรษะต่อหน้าเขา "ความสามารถเช่นนั้น ข้าเรียนไม่เป็นด้วยจริงๆ แต่ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าเลียนแบบนางให้พูดอ่อนโยนและหวานๆ ข้าก็ทำได้นะ"นางประสานมือไว้ข้างหน้า ยิ้มเล็กน้อยโดยไม่เผยให้เห็นฟัน และเรียกเบาๆ ว่า "ท่านสามี!"หลังจากที่นางเรียกจบ นางก็แสร้งทำเป็นตัวสั่นไปทั้งตัว “โอ้แม่เจ้า มันน่าขยะแขยงจริงๆ มันเสแสร้งมาก นางจะเสแสร้งขนาดนี้ได้ยังไง?”จ้านเป่ยว่างก็ตัวสั่นเช่นกัน แต่เป็นเพราะการแกล้งทำโดยเจตนาของยี่ฝาง อันที่จริงซ่งซีซีไม่เคยทำท่านี้มาก่อน นางพูดเสียงเบาก็จริง แต่ไม่เสแสร้ง ทัศ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 34

    ซ่งซื่ออันเรียกลูกน้องของตระกูลซ่งมาช่วย เพื่อขนของลงและจัดเก็บพวกมันทั้งหมดให้เรียบร้อยหลังจากยุ่งมาสักพักใหญ่ ซ่งซื่ออันและซ่งซีซีก็เดินไปรอบๆ จวนด้วยกัน ในจวนเคยมีชีวิตชีวามาก แต่ตอนนี้ มันกลับร้างมากซ่งซื่ออันกล่าวกับนาง "บัดนี้เจ้าเป็นเจ้านายเพียงคนเดียวในจวนเสนาบดีกั๋วกง และคนรับใช้ก็เป็นเพียงคนที่เจ้าพากลับมาจากบ้านสามีของเจ้าเท่านั้น เจ้าต้องหาพ่อบ้านมาช่วยดูแลบ้านก่อน แล้วค่อยหาสาวใช้และพวกทาสด้วย ห้องครัวและสวนต่างๆ และรถม้าก็ต้องมีคนคอยดูแล หากเจ้าไม่สะดวก ข้าก็ช่วยหาให้เจ้าได้"ซ่งซีซีกล่าวอย่างซาบซึ้งว่า "ท่านลุงต้องยุ่งกับธุรกิจ ข้าไม่กล้าไปรบกวนเวลา แม่นมฮวงและแม่นมเหลียงจะจัดการเรื่องนี้เองเจ้าค่ะ"ซ่งซื่ออันมองดูนาง แล้วถอนหายใจ "เราเป็นสายเลือดเดียวกันจะว่าเป็นรบกวนได้ยังไง? ในสมัยก่อนตอนที่ท่านพ่อของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ทุกครั้งที่เขากลับมาจากชายแดนมักจะชวนพี่น้องเช่นเรามารวมตัวกันเสมอ ฟังเขาเล่าเรื่องอันตรายในสนามรบ ทำเอาเราทั้งชื่นชมและรู้สึกเป็นห่วงกับเขาด้วย แต่ก็รู้สึกภูมิใจมากกว่าเพราะคนของตระกูลซ่งของเราปกป้องบ้านเมืองอยู่ แต่จากนั้นมาตระกูลซ่งของเราก็ไม่ม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 35

    แม้ว่าจวนเสนาบดีกั๋วกงจะเป็นตระกูลทหาร แต่คุณหนูก็เป็นคนที่ได้รับการศึกษาที่ดีมา และย่อมหวังว่าคนที่รับใช้ข้างกายนางจะอ่านหนังสือเป็นด้วย“เอาล่ะ พวกเจ้าอยู่ต่อเลย ให้รับใช้คุณหนูเลย ส่วนชื่อของพวกเจ้า เดี๋ยวจะให้คุณหนูตั้งให้”ทั้งสี่คนดีใจกันมาก "ขอบคุณมากนะแม่นม!"แม่นมฮวงพูดอย่างจริงจังว่า "อย่าเพิ่งขอบคุณข้า อยู่ข้างกายคุณหนูก็ต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ด้วย หากเรียนรู้ไม่ดี จะเป็นได้แค่สาวใช้ชั้นสองหรือชั้นสามเท่านั้น"ทั้งสี่คนได้ยินดังนั้นก็คารวะว่า “ข้าน้อยจะต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ให้ดีแน่นอนเจ้าคะ”หลังจากเลือกคนทั้งสี่คนนี้แล้ว แม่นมทั้งสองก็เลือกสาวใช้และชายรับใช้สองสามคนด้วย จากนั้นให้นายหน้าช่วยหาคนขับรถม้า ช่าง ผู้ดูแลม้าและสวนด้วยสำหรับหัวหน้าดูแลฝ่ายนอกและนักบัญชี ย่อมไม่สามารถให้นายหน้าช่วยหาให้หลังจากที่นายหน้ารับเงินไปก็ยิ้มกว้าง "ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนไปให้แม่นมเลือกเอาเอง"หลังจากที่เขามอบโฉนดขายเป็นทาสแล้ว เขาก็มอบซองแดงแก่แม่นมทั้งสองก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม "ฝากแม่นมด้วยนะ หากท่านต้องการอะไรในอนาคต ติดต่อเราได้เลย เราทำงานเกือบทุกสายเลย"แม่นมรับซองแดง พลางพยั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 36

    แต่เรื่องนี้ไม่มีทางสอบสวนได้อีกแล้ว สายลับตายบ้าง คนที่ไม่ตายก็หนีกลับไปที่เมืองซีจิงแล้ว และหาไม่เจออีกเลยนางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงท่านพ่อและพี่ชายของนางอีกครั้ง รู้สึกทั้งเสียใจและเจ็บปวดใจด้วยท่านพ่อและพี่ชายเคยยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมา แต่ปกป้องไม่ดีเองก็ถูกแย่งชิงไปอีก ในที่สุดทั้งท่านพ่อและพี่ชายต่างก็เสียชีวิตอย่างอนาถในสนามรบหากเป่ยหมิงอ๋องได้ชนะสงคราม และยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมา ก็ถือว่าสนองความปรารถนาของท่านพ่อและพี่ชายของนางด้วยคืนแรกที่กลับบ้าน ซ่งซีซีนอนไม่หลับ ความฝันของนางเต็มไปด้วยฉากที่ท่านแม่ พี่สะใภ้ หลานชาย และคนอื่นๆ ที่ถูกฆ่าตาย นางตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วไม่สามารถเข้านอนได้อีก นางจ้องมองเพดานด้วยดวงตาเบิกกว้าง สมองของนางเอาแต่คิดอะไรไปเรื่อยมองจากอาการบาดเจ็บของพวกเขาก็สามารถพิจารณาได้ว่าพวกฆาตกรโหดเหี้ยมแค่ไหน และฆาตกรกำลังระบายความโกรธชัดๆเมื่อทั้งสองประเทศทำสงคราม แม้ว่าเมืองซีจิงจะพ่ายแพ้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเช่นนี้ออกนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาพ่ายแพ้ พวกเขาเคยพ่ายแพ้ให้กับท่านพ่อและพี่ชายจนไม่เป็นท่า ถูกสังหารทหารและม้าไป สามหมื่นนาย แต่สายลับจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 37

    ฮูหยินผู้เฒ่ากระทืบเท้าแล้วพูดว่า "ให้เขาขนของไปหมด ไม่เหลืออะไรแล้ว ต่อไปจวนแม่ทัพแม้แต่ค่ายาของข้าก็จ่ายไม่ไหวแล้ว"จ้านเป่ยว่างรู้สึกอึดอัดใจมาก แต่เขาทำได้เพียงปลอบใจท่านแม่ "ไม่ต้องห่วง สงครามที่เขตหนานเจียงต้องให้ข้าและยี่ฝางไปเร็วๆ นี้ ข้าจะต้องสร้างผลงานกับมาอีกครั้ง"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านร้องไห้อย่างหนัก "นางจะใจร้ายขนาดนี้ได้ยังไง ก็แค่ภรรยาเท่าเทียมกันนี่เอง ทำไมนางถึงทนไม่ได้ล่ะ เป็นเด็กกำพร้าชัดๆ นางยังคิดว่าตัวเองเป็นลูกคุณหนูสูงส่งจริงๆ เหรอ?"จ้านเป่ยว่างกระตุกริมฝีปากของเขา ยามนี้ นางเป็นบุตรีของฮูหยิงเอกของจวนเสนาบดีกั๋วกงแล้ว แน่นอนว่านางเป็นลูกคุณหนูสูงส่ง"สมควรที่นางถูกสังหารทั้งโคตร สมน้ำหน้า สมน้ำหน้าจริงๆ!" ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านพูดด้วยความโกรธสำหรับเรื่องที่ว่าตระกูลซ่งถูกสายลับของเมืองซีจิงฆ่าสังหารนั้นจ้านเป่ยว่างก็รู้สึกแปลกๆ เช่นกัน เหตุใดสายลับของเมืองซีจิงจึงฆ่าคนแก่และผู้อ่อนแอเหล่านั้น? มันไม่คุ้มค่าโดยสิ้นเชิงแต่เรื่องของตระกูลซ่งไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไปแล้ว และเขาจะไม่เสียเวลาไปสนใจมันอีกซ่งซีซีจะต้องเสียใจภายหลัง อันที่จริง ตอนเขารู้เรื่องนี้เขา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 38

    ซ่งซื่ออันพาลูกน้องขนสินเดิมทั้งหมดกลับไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นกั๋วกงซ่งซีซีออกมากล่าวขอบคุณ และชวนทุกคนเข้าไปดื่มชาซ่งซื่ออันกลับส่ายหัว "จะไม่ดื่มชานี้ในตอนนี้แล้ว ข้ามีเรื่องสำคัญอื่นที่ต้องทำ อีกอย่าง จ้านเป่ยว่างให้ข้าฝากบอกเจ้าว้า เขาบอกว่าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลัง"ซ่งซีซีหรี่ตาลง "หลานได้ยินแล้ว แต่ไม่มีอะไรจะตอบเขา ในเมื่อท่ารลุงยุ่งอยู่ หลานก็ไม่ฝืนใจให้เขาอยู่ต่อ"ซ่งซื่ออันพอใจกับคำตอบของนางมาก ตระกูลซ่งขาดอะไรก็ได้ แต่ขาดความภาคภูมิใจในตัวของพวกเขาไม่ได้ จากนั้นเขาก็พาคนออกไปไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากไปดื่มชา แค่ว่ายามนี้จวนเสนาบดีกั๋วกงยังวุ่นวายอยู่ และคนใช้มาใหม่คงยังเรียนรู้กฎไม่ได้เร็วขนาดนี้ หากเป็นเขาคนเดียวก็ไม่เป็นไร แต่เขายังพาลูกน้องคนอื่นมาด้วยคนเยอะก็มักจะมีเรื่องเยอะ หากคนรับใช้ทำอะไรไม่ดีขึ้นมาโดนแพร่ออกไป ยามนี้จวนเสนาบดีเจิ้นกั๋วกงไม่สามารถทนต่อข่าวลือแม้แต่น้อยเลยซ่งซีซีกลับไปที่เรือนหลิงหลง เขียนจดหมายและสั่งให้ผู้คนรีบส่งกลับไปให้อาจารย์ โดยขอให้อาจารย์ช่วยตรวจสอบสงครามระหว่างเมืองซีจิงและแคว้งซางที่ชายแดนเฉิงหลิงในใจของนางยังมีข้อสงสัยอยู่ แต่นา

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1498

    พอเร่งเดินทางอย่างสุดกำลัง ในที่สุดวันที่สามเดือนแปด พวกเขาก็มาถึงชายแดนเฉิงหลิงตลอดยี่สิบวันที่เดินทางมา เนื่องจากอากาศร้อนจัด ผู้คนมากมายต่างล้มป่วยลงทีละคน แต่โชคดีที่ซ่งซีซีเตรียมตัวมาดี นางนำยามามากมาย และยังมีหมอหลวงจินติดตามมาด้วย จึงไม่เกิดปัญหาใหญ่อันใดฉินอ๋องนั้นถึงกับหมดเรี่ยวแรงโดยแท้เขาเคยลำบากเช่นนี้มาก่อนที่ไหนกัน ตั้งแต่วันที่สิบของการเดินทาง เขาก็แทบเอ่ยปากพูดไม่ได้ สีหน้าและริมฝีปากซีดขาวตลอดเวลา ความอิดโรยฉายชัดบนใบหน้า ไม่อาจปกปิดได้ครั้นเดินทางมาถึงเขตแดนเฉิงหลิง มองเห็นทหารสกุลเซียวที่นำทัพมาต้อนรับ เขาก็ถึงกับทรุดฮวบลงหมดสติไป ทำให้ทุกคนแตกตื่น รีบหามเขากลับไปทันทีซ่งซีซีเมื่อได้พบกับท่านตาและบรรดาท่านลุง นางจะไปสนใจฉินอ๋องได้อย่างไร นางพุ่งตัวเข้าหาอ้อมกอดของท่านตา น้ำตาไหลพรากมิอาจหยุดยั้งแม่ทัพใหญ่เซียวมองหลานสาวด้วยสายตาเอ็นดู ลูบศีรษะนาง น้ำเสียงสั่นเครือ เขาเคยคิดว่าเมื่อแยกจากกันที่เมืองหลวง บางทีคงไม่มีโอกาสได้พบกันอีก ที่ไหนได้กลับได้พบหน้านางอีกครั้งผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงกล่าวเสียงอ่อนโยน “พอแล้ว อย่าให้ทุกคนเห็นเป็นเรื่องขบขัน ไปพบลุงของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1497

    วันที่สิบสองเดือนเจ็ด คณะทูตแคว้นซางออกเดินทางจากเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่ มุ่งหน้าไปยังซีจิงเซี่ยหลูโม่ควบม้าส่งขบวนไปถึงยี่สิบลี้ จนกระทั่งจางต้าจ้วงและอาจารย์หยูกล่าวว่าเพียงพอแล้ว เขาจึงจำใจรั้งบังเหียนม้าเอาไว้ซ่งซีซีหันกลับมาส่งยิ้มให้เขา ใบหน้างามราวกับบุปผา ไม่มีท่าทีอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อยเซี่ยหลูโม่จ้องมองนาง สายตาอบอุ่นอ่อนโยน แต่กลับบ่นพึมพำเสียงต่ำว่า “ช่างเป็นสตรีไร้หัวใจเสียจริง”ดวงตะวันขึ้นสูงแล้ว ถนนหลวงไร้ลมพัด อากาศร้อนอบอ้าวยิ่งนัก เขายืนรออยู่จนขบวนท้ายสุดลับสายตาไป จึงยอมหมุนม้ากลับอย่างเสียดายครั้งนี้ที่เดินทางไปซีจิง ซ่งซีซีนำกองทัพซวนเจียจำนวนสามร้อยนาย พร้อมทั้งกุ้นเอ๋อร์ เสิ่นว่านจือ และผู้ติดตามอื่นๆ ไปด้วยแม้สองแคว้นจะอยู่ในช่วงสงบชั่วคราวหลังสงคราม แต่เรื่องราวเกี่ยวกับองค์รัชทายาทซีจิงถูกซูลันซือเปิดเผยออกมา เวลานี้ชาวเมืองซีจิงมากมายยังคงมีความเป็นปฏิปักษ์ต่อแคว้นซาง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องนำทหารติดตามไปมากขึ้น เพื่อรับรองความปลอดภัยของฉินอ๋องและเหล่าทูตสำหรับฉินอ๋องนี้ ซ่งซีซีมีปฏิสัมพันธ์กับเขาน้อยมาก ที่ถูกต้องกว่านั้นคือ นางแทบไม่ติดต่อกับฉินอ๋

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1496

    ในค่ำคืนก่อนออกเดินทาง ซ่งซีซีพาเซี่ยหลูโม่ไปถวายบังคมลาฮุ่ยไทเฟย เนื่องจากวันรุ่งขึ้นต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ หากมาลาในตอนนั้นเกรงว่าฮุ่ยไทเฟยจะยังไม่ตื่น จึงเลือกมาขอลาในค่ำคืนนี้แทน ฮุ่ยไทเฟยทรงทราบมาก่อนแล้วว่าซ่งซีซีจะเดินทางไปซีจิง ตอนแรกยังไม่ทรงเข้าใจนัก มองว่าราชโองการของฮ่องเต้นั้นเกินไปหรือไม่ การเดินทางที่ยาวไกลเช่นนี้ จำเป็นต้องเป็นนางเพียงผู้เดียวจริงหรือ? แต่เมื่อเสิ่นว่านจืออธิบายว่านี่เป็นโอกาสให้นางได้กลับไปพบญาติฝ่ายมารดา พระนางก็ได้แต่ทอดถอนพระทัย แย้มสรวลบางเบาแล้วตรัสว่า "ความเจ็บปวดที่สุดในชีวิต คือการต้องพลัดพรากจากครอบครัว แต่ความสุขที่สุด ก็คือการได้พบกันอีกครั้งหลังจากจากกันไปเนิ่นนาน" พระนางตรัสกับเสิ่นว่านจือเช่นนี้ มิได้กล่าวต่อหน้าซ่งซีซี เพราะหากกล่าวกับผู้อื่นก็เป็นเพียงการรำพึงถึงชีวิต แต่หากกล่าวกับซ่งซีซี ก็คงไม่ต่างจากการราดเกลือลงบนบาดแผล บัดนี้ พระนางก็รักและเอ็นดูลูกสะใภ้ผู้นี้แล้ว ย่อมไม่อยากให้ต้องเจ็บปวดแม้แต่น้อย เมื่อมองดูซ่งซีซีที่มาขอลา พระนางก็อดคิดไม่ได้ เมื่อนึกย้อนกลับไป ตอนแรกพระนางคัดค้านการแต่งงานนี้อย่างถึงที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1495

    เดือนเจ็ดอันร้อนระอุ ราชสาส์นจากซีจิงก็มาถึง จักรพรรดิ์ซีจิงทรงสละราชบัลลังก์ องค์หญิงผู้สูงศักดิ์เหลิ่งอวี้ขึ้นครองราชย์ ทรงใช้อำนาจบริหารแผ่นดินและเปลี่ยนชื่อแคว้นเป็นหยวนซิน พระนางมีพระราชโองการเชิญแคว้นซางส่งทูตเข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเจรจาเรื่องเขตแดนร่วมกัน แท้จริงแล้ว หยวนซินฮ่องเต้ได้ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว พิธีราชาภิเษกเป็นเพียงข้ออ้าง สิ่งที่ต้องเจรจากันจริงๆ ก็คือปัญหาเขตแดน เมื่อครั้งที่คณะทูตซีจิงมาเยือนแคว้นซาง จุดประสงค์หลักก็คือปัญหาเขตแดน แต่เนื่องจากเกิดความวุ่นวายภายในแคว้น ทำให้เรื่องนี้ต้องถูกระงับไว้ชั่วคราว และนี่คงเป็นเรื่องที่ติดค้างอยู่ในพระทัยของหยวนซินฮ่องเต้มากที่สุด ดังนั้น ทันทีที่พระนางขึ้นครองราชย์ ก็ทรงรีบเร่งดำเนินการเปิดการเจรจาขึ้นอีกครั้ง ในที่ประชุมราชสำนัก ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า บัดนี้ความบาดหมางระหว่างสองแคว้นได้คลี่คลายลงแล้ว การเจรจาในขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายอยู่ในฐานะที่เท่าเทียมกัน ดังนั้น สิ่งใดที่ต้องรักษาไว้ ก็ต้องยืนหยัดต่อสู้เพื่อรักษามันไว้ ปัญหาเขตแดนอาจไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ตราบใดที่สามารถรักษ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1494

    ที่จวนเป่ยหมิงอ๋อง ซ่งซีซีและเฉินเฉินก็กำลังสอนเสี่ยวหมิงซีและหวังจืออวี่ฝึกวรยุทธ์ โดยส่วนใหญ่เป็นเฉินเฉินที่สอนเสี่ยวหมิงซี ส่วนซ่งซีซีกับหวังจืออวี่ก็เพียงอยู่ร่วมฝึกด้วย จวนกองกำลังเมืองหลวงแม้จะยุ่งวุ่นวาย แต่ดูเหมือนว่าวันเวลาจะค่อยๆ ช้าลง ทำให้จิตใจของผู้คนสงบลงตามไปด้วย ไม่ว่าเวลาที่ปราศจากความระแวงเช่นนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน ตราบใดที่ยังมี ก็จงใช้มันให้คุ้มค่าทุกวัน สิ่งเดียวที่นางกังวลคือสุขภาพของศิษย์น้อง แม้ว่าร่างกายของเขาจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ก็เคยบาดเจ็บสาหัสมาก่อน การทำงานหนักเช่นนี้ทุกวัน ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทั้งกินอาหารไม่เป็นเวลา กินยาก็ไม่สม่ำเสมอ ไม่ได้พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นสิ่งที่ทำให้นางอดเป็นห่วงไม่ได้ หมั่นโถวเดินมาตามระเบียง มาหยุดข้างซ่งซีซีแล้วกล่าวว่า "จือจือบอกว่า คืนนี้ไม่กลับมา" "อืม" ซ่งซีซีพยักหน้า แม้จะไม่ได้กล่าวอะไรโดยตรง แต่ซ่งซีซีรู้ว่า นางกลับไปทำสิ่งที่เคยทำอีกครั้ง เรื่องนี้ พวกนางจะไม่พูดคุยกันโดยตรง มีเพียงประโยคเดียวที่เคยกล่าวกันไว้ ในเมื่อมือเคยเปื้อนเลือดแล้ว ก็ควรปล่อยให้เลือดของคนชั่วหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณให้แดงฉานยิ่งขึ้น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1493

    บัดนี้ เรื่องขององค์ชายทั้งหลาย จักรพรรดิ์ซูชิงมักปรึกษากับเซี่ยหลูโม่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซี่ยหลูโม่มักจะมาสอนหนังสือในช่วงค่ำ หลังจากสอนเสร็จก็จะอยู่เป็นเพื่อนระหว่างที่พระองค์ฝังเข็ม เมื่อสนทนากันมากขึ้น ความเป็นพี่น้องก็แน่นแฟ้นขึ้น ความหวาดระแวงลดลง และความเข้าใจก็มีมากขึ้น แน่นอนว่าสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เซี่ยหลูโม่เป็นคนเปิดเผย ซื่อสัตย์ในถ้อยคำ ตราบใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับซ่งซีซี เขาก็มักจะพูดตรงไปตรงมา ไม่ปิดบังอะไร เมื่อได้อยู่ใกล้กัน จักรพรรดิ์ซูชิงก็ทรงมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น หากมีปัญหาใดก็สามารถพูดคุยกันได้โดยตรง มิใช่ต่างฝ่ายต่างคาดเดาไปเองเช่นแต่ก่อน แต่ถึงอย่างนั้น จักรพรรดิ์ซูชิงก็ทรงตระหนักว่า สิ่งที่ทำให้พระองค์สามารถเปลี่ยนแนวคิดเช่นนี้ได้ เป็นเพราะซ่งซีซีดุด่าให้พระองค์ตื่นจากความคิดของตัวเอง พระองค์จึงเรียนรู้ที่จะใช้สายตาของพี่ชายมองเซี่ยหลูโม่ มิใช่เพียงแค่จักรพรรดิ์มองขุนนาง เมื่อหมอมหัศจรรย์ทำการฝังเข็มเสร็จแล้วก็ขอตัวกลับไปพักผ่อน เซี่ยหลูโม่จึงพยุงจักรพรรดิ์ซูชิงให้ลุกขึ้นเดินช้าๆ โดยมีอู๋ต้าปั้นติดตามอยู่ห่างๆ ยามค่ำคืนในอุท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1492

    ฮองเฮาเสด็จกลับตำหนักฉางชุน แต่ยังมิทันได้กระวนกระวายนาน จักรพรรดิ์ซูชิงก็เสด็จมาถึง พระองค์ทรงนำเหล่าองครักษ์เหล็กดำมาด้วย และตรัสสั่งให้ปิดล้อมตำหนักฉางชุนโดยสิ้นเชิง มีเพียงหลานเจี่ยนกูกูที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในตำหนัก อู๋ต้าปั้นถือของสองอย่างเข้ามา หนึ่งในนั้นคือผงพิษขับแมลงที่ฮองเฮาให้แก่องค์ชายใหญ่ในวันนั้น เมื่อวางไว้บนโต๊ะต่อหน้าฮองเฮาแล้วเชิญให้ทอดพระเนตร นางพลันชะงักค้างอยู่กับที่ ทั้งพระทัยเย็นเยียบจนหนาวสะท้านทั่วร่าง ริมพระโอษฐ์สั่นระริกมิอาจเอื้อนเอ่ย หลานเจี่ยนกูกูเห็นเช่นนั้นก็ทรุดกายลงคุกเข่า เสียงร้องไห้สั่นเครือ "ฝ่าบาท โปรดอภัยให้บ่าวด้วยเพคะ ทั้งหมดนี้เป็นการกระทำของบ่าวแต่เพียงผู้เดียว พระนางหาได้ล่วงรู้ไม่" จักรพรรดิ์ซูชิงมิได้เหลือบแลหลานเจี่ยนกูกูแม้แต่น้อย พระองค์เพียงประทับบนพระเก้าอี้แล้วตรัสกับอู๋ต้าปั้นว่า "ให้ฮองเฮาทอดพระเนตรราชโองการ ไม่ต้องประกาศ" อู๋ต้าปั้นรับคำ จากนั้นจึงคลี่ราชโองการออกเป็นสิ่งที่สอง เมื่อโองการถูกนำไปเบื้องหน้าฮองเฮา พระเนตรของพระนางจับจ้องเพียงสองบรรทัดก็ราวกับได้เห็นปีศาจร้าย นางกรีดร้องออกมาสุดเสียง "ไม่!" ร่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1491

    ฮองเฮาทรงรอด้วยความกระวนกระวายถึงสองวัน แต่ก็ไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น หลานเจี่ยนกูกูแอบไปที่โรงหมอหลวงเพื่อตามหาหมอหลวงจิน แต่เขากลับลาหยุดหลายวันเพราะมีธุระที่บ้าน จึงไม่อาจรู้ได้ว่าเขาได้กล่าวสิ่งใดต่อฮ่องเต้หรือไม่ เพียงแต่เมื่อไม่มีรับสั่งลงโทษใดๆ ออกมา ความกังวลของฉีฮองเฮาก็บรรเทาลงไปมาก ผ่านไปอีกหลายวัน ทุกอย่างยังคงสงบ นางจึงวางใจลงได้โดยสิ้นเชิง คิดว่าหมอหลวงจินมิได้ทูลสิ่งใดต่อฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงเรียกเขาไปสอบถามเพียงครั้งเดียว หากเขาไม่กล่าวสิ่งใดในตอนนั้น หลังจากนี้ก็คงไม่ปริปากอีก เพราะสุดท้ายเขาก็ได้รับทองไปแล้ว แต่ไม่นานนางก็เริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ ทุกวันที่นางให้หลานเจี่ยนกูกูส่งอาหารไปถวายองค์ชายใหญ่ พระองค์กลับไม่แตะต้องเลยแม้แต่น้อย แรกเริ่มองค์ชายใหญ่กล่าวว่าพระนาภียังไม่ปกติ ไทเฮาทรงรับสั่งให้เสวยแต่อาหารอ่อน นางจึงคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ผ่านมาหลายวันแล้ว พระองค์ทรงหายดีแล้ว ไยจึงยังไม่เสวยอีก? ความรู้สึกไม่สบายพระทัยพลันก่อตัวขึ้น นางตัดสินพระทัยว่าคืนนี้จะไปถวายพระพรไทเฮา และถือโอกาสนำของเสวยไปให้องค์ชายใหญ่ พร้อมสนทนากับพระองค์เสียหน่อย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1490

    ฮองเฮาทรงเสด็จออกมา ครั้นทอดพระเนตรเห็นฉากเบื้องหน้า พระเนตรพลันหม่นหมอง พระทัยเองก็ไม่อาจบรรยายความรู้สึกออกมาได้พระนางเสด็จเข้าไปท่ามกลางหมู่ขุนนาง แล้วตรัสว่า “องค์ชายใหญ่พ่ายแพ้ในวันนี้ นับเป็นเรื่องน่าอับอายอยู่บ้าง เพียงแต่เช้านี้เขารู้สึกปวดพระนาภี อ่อนแรงไปทั่วร่าง จึงได้เรียกหมอหลวงมาตรวจรักษา และจ่ายยาให้แล้ว”จักรพรรดิ์ซูชิงทรงขมวดพระขนง “หมอหลวงว่าอย่างไร?”ฮองเฮา รีบกราบทูล “หมอหลวงกราบทูลว่าทรงเสวยของที่ไม่ดีเข้าไปเพคะ ตอนนี้เสวยยาแล้ว อาการก็ดีขึ้นมากแล้ว”จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสด้วยพระสุรเสียงเรียบเย็น “เช่นนั้น ฮองเฮาก็ดูแลเขาให้ดีเถิด”“เพคะ!” ฮองเฮาลอบมองปฏิกิริยาของผู้คนรอบข้าง แม้ไม่อาจอ่านความคิดพวกเขาได้ชัดเจน แต่เมื่อทอดพระเนตรสีพระพักตร์ของฮ่องเต้ ก็ดูเหมือนไม่ได้กริ้วมากนัก เช่นนั้น เรื่องนี้ก็นับว่าผ่านไปได้แล้วกระมัง?พระนางแย้มพระโอษฐ์ขึ้นมาเล็กน้อย กำลังจะกล่าวถวายพระพรแสดงความยินดีที่ ฮ่องเต้ทรงล่าได้หมูป่า ทว่าทันใดนั้นก็ได้ยินพระองค์ตรัสขึ้นว่า “เรื่องที่แพ้ในวันนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับอาการประชวร หากล่าไม่ได้ ก็คือล่าไม่ได้ วันหน้าก็ฝึกฝนให้มากข

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status