ความที่พักผ่อนน้อยติดต่อมาหลายวัน เช้านี้ปิติญาดาก็เดินตัวเอียงๆ ขอบตาคล้ำเหมือนหมีแพนด้าลงมาชั้นล่าง บ่งบอกว่าเธอนั้นโหมงานมากจนร่างกายอ่อนล้าและมีเรื่องบางอย่างคอยกวนใจ จะไม่ให้เป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อเรื่องที่วกไปวนมาในสมองเธอตอนนี้ดูจะมีแต่เรื่องของเสี่ยโกศล กังวลว่าจะผลิตสินค้าทันรอบจัดส่งของมิสเตอร์จากหรือเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มคณินเองก็รับรู้ปัญหานี้ของเธอ จึงได้แต่เอาใจช่วย เพราะหญิงสาวตั้งใจกับงานนี้มาก รวมทั้งออเดอร์จากลูกค้ารายอื่นด้วย ขณะที่เฝ้าให้กำลังใจปิติญาดา เขาก็ใจจดใจจ่อรอฟังข่าวจากเพื่อนตำรวจที่วานให้สืบเรื่องของเสี่ยโกศลไปในตัว แต่รายนั้นก็ยังเงียบไม่มีข่าวคืบหน้าแต่อย่างใดวันกำหนดส่งสินค้าของมิสเตอร์จางก็มาถึง ปิติญาดาลงมากรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบสินค้าก่อนส่งขึ้นเรือ อยากตรวจสอบความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายด้วยตัวเอง คณินและเขตไทยก็มาด้วย หญิงสาวยืนกระวนกระวาย เดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่นอยู่บริเวณท่าเรือ ภาวนาให้เสี่ยโกศลมาส่งของให้ทันเวลา“รถเสี่ยโกศลมานู่นแล้วครับ” สิ่งที่ได้ยิ
“คืนนี้ผมยังไม่มีที่พักเลย จะมีใครสงสารผมไหมนะ” ขณะนั่งกินข้าวอยู่นั้น เขตไทยก็เอ่ยขึ้นพร้อมทำน้ำเสียงและหน้าตาให้ดูน่าสงสารเข้าไว้“อืม…”“จะไปนอนที่ไหนนะไอ้เขต คิดสิคิด” เขตไทยพึมพำถามตัวเอง ต้องหทัยส่ายหน้าให้คนเจ้าเล่ห์ มีหรือเธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“บ้านหมวยดีไหมคะ”“ตกลงครับ”“พูดเล่นค่ะ” ใบหน้ายิ้มแย้มของเขตไทยเมื่อครู่หายไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “โรงแรมในกรุงเทพฯ มีเป็นร้อยเป็นพันไม่มีห้องว่างเลยสักห้องก็ให้รู้ไป”“เห็นใจผมหน่อยสิครับ เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน คุณจะไล่ผมแล้วเหรอ” ชายหนุ่มออดอ้อน แต่มีหรือกระต่ายน้อยจะหลงกลสุนัขจิ้งจอก“ไม่ได้ไล่สักหน่อย ไว้พรุ่งนี้เราค่อยเจอกันก็ได้ เพราะวันนี้หมวยมีเรื่องสำคัญต้องเข้าไปบ้านเพื่อนด้วย” พูดจบต้องหทัยก็ถอนหายใจออกมาดังเฮือก เพราะในใจมีเรื่องให้กังวล พอเห็นสีหน้าขอ
ทุกวันที่ผ่านไปนั้น ภคมณและต้องหทัยต่างรอฟังข่าวของ ปิติญาดาอย่างใจจดใจจ่อ แต่ก็ยังไร้ข้อมูลใดๆ จากนักสืบที่วศินส่งไป เช่นเดียวกับนายตำรวจหนุ่มที่คอยสืบข่าวของเสี่ยโกศล แม้จะมีข้อมูลในมือแต่ก็ยังไม่แน่นพอที่จะเอาผิด ออเดอร์ของมิสเตอร์จางถูกส่งไปยังประเทศจีนแล้ว ผลตอบรับเป็นบวกอย่างที่ ปิติญาดาหวังไว้ เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี หญิงสาวก็ยิ้มแก้มแทบปริความสัมพันธ์ระหว่างต้องหทัยและเขตไทย คู่นี้แม้จะอยู่ห่างกันคนละภาค แต่ชายหนุ่มก็หมั่นลงมาหาหญิงสาวเกือบทุกอาทิตย์ จนต้องหทัยสงสารที่เขาต้องขับรถขึ้นลงกรุงเทพฯ ลำปางเป็นว่าเล่นแบบนี้ ส่วนคู่ของปิติญาดาและคณินก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคู่ผูกพันกันมากยิ่งขึ้น ศึกษาหัวใจของกันและกัน มองไปทางไหนโลกก็มีแต่สีชมพู ผิดกับคู่แต่งงานใหม่อย่างกิ่งดาวและพงศธร ซึ่งดูจะเกิดความขัดแย้งที่กลายเป็นรอยร้าวแบบไม่รู้ตัวเสียแล้วก๊อก! ก๊อก!! ก๊อก!!!เสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นติดกันหลายครั้งทำให้ปลายฟ้าต้องออกมาเปิดประตู ก่อนจะตกใจเมื่อคนที่ยืนอยู่ตอนนี้คือพงศธร กลิ่นเหล้าโชยออกมาจากตัวเขา“พี่ธร มาได้ยังไงคะ”
“ฟ้า...” เสียงกระเส่าของชายหนุ่มดังขึ้น ก่อนจะทำหน้าเหยเกคล้ายกับคนกำลังเจ็บปวด ลีลารักของปลายฟ้ามีเท่าไหร่ดูหญิงสาวจะงัดออกมาใช้จนหมด สร้างความพอใจให้คนได้รับเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่พงศธรทั้งอึ้งและดีใจนั่นคือการที่ปลายฟ้าดูดกลืนสายธารสีขาวที่เขาปลดปล่อยมาจนหมดนั่นต่างหากชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะรั้งเธอขึ้นมานั่งบนโซฟา จากนั้นก็เล้าโลมปรนเปรอเธอด้วยมือและลิ้นบ้าง ร่างบางของปลายฟ้าถูกยึดติดกับมุมโซฟาตัวใหญ่ในห้องรับแขก พงศธรหมดความอดทนที่จะรออีกต่อไป แม้จะถึงปลายทางไปก่อนแล้วเมื่อครู่ก็ตาม ชายหนุ่มจับขาทั้งสองข้างของเธอแยกออกจากกัน ก่อนจะแทรกตัวเข้าหา เพียงความเป็นชายซึ่งพองขยายใหญ่จนน่ากลัวสัมผัสเสียดสีกับความสาวที่พรั่งพร้อม ทั้งคู่ถึงกับครางเสียงกระเส่าออกมาพงศธรโน้มตัวลงไปจูบปลายฟ้าอย่างหิวกระหาย ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหายไปสิ้น เหลือเพียงความต้องการตามธรรมชาติของมนุษย์เดินดินเท่านั้น มือหยาบแห้งทั้งสองข้างคลึงหน้าอกเธอไปมาทั้งซ้ายและขวา พร้อมทั้งขยับสะโพกเข้าหา ค่อยๆ ส่งตัวเองสอดประสานรุกร้ำเข้าไปภายในกายสาว แม้ครั้งแรกจะน่าอึดอัดเพราะช่องทางคับแน่น แต่ไ
รถยุโรปคันสวย แล่นไปตามถนนยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร ความที่บรรยากาศรอบข้างช่างเงียบเชียบจนน่าวังเวงชวนขนหัวลุก มือน้อยๆ ซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่จับพวงมาลัยรถอยู่นั้นจึงเอื้อมไปเปิดวิทยุ นิ้วเรียวสวยจิ้มเลือกสถานีมาสักหนึ่งสถานีเพื่อฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่เจาะจง สายตาก็ไม่ได้ละไปจากท้องถนนตรงหน้า ก่อนที่หูจะสะดุดกับเพลงที่กำลังดังขึ้น จนหัวทุยๆ ที่จัดแต่งทรงผมมาอย่างสวยงาม แทบจะทิ่มไปกับพวงมาลัยรถ ‘งานแต่งที่ใด เป็นได้แค่แขกรับเชิญ อยากแต่งกับเขาเหลือเกิน ขัดเขินที่ยังไร้คู่…’ ปิติญาดาอยากจะหักพวงมาลัยในมือชนต้นไม้ข้างทางให้รู้แล้วรู้รอด เพลงอะไรช่างเปิดได้ประจวบเหมาะกับชีวิตเธอตอนนี้เสียเหลือเกิน หญิงสาวละมือจากวิทยุมากำพวงมาลัยทั้งสองข้าง ไม่ได้เปลี่ยนสถานีหนีเพลงที่ดังขึ้นแต่เสียดแทงใจดำคนโสดแต่อย่างใด นั่งฟังไปอย่างนั้น ตอกย้ำคนโสดไร้คู่อย่างเธอให้ถึงที่สุดกันไปข้าง อายุอานามก็จะแตะเลขสามเข้าไปทุกขณะ ก็ยิ่งกลัวว่าคานทองนิเวศที่ไม่ต้องการจะหล่นตุ๊บลงมาบนตัก “เฮ้อ!!” เสียงถอนหายใจของคนโสดดังออกมาอย่างอ่อนใจ ก่อนจะสำรวจตัวเองผ่านกระจกมองหลัง เธอไม่ใช่ผู้หญิงหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่เสี
ก๊อก! ก๊อก!! ก๊อก!!!“พ่อ แม่คะ นอนกันหรือยังคะ?” เสียงเคาะประตูและน้ำเสียงของลูกสาวที่ดังขึ้น ทำให้ศรชัยและผกามาศยุติการสนทนาจับคู่เอาไว้ก่อน ปิติญาดาเห็นไฟในห้องนอนพ่อและแม่ยังเปิดอยู่จึงอยากจะคุยด้วย จะได้เล่าเรื่องงานแต่งงานของภคมณให้ฟัง “เข้ามาสิน้ำมนต์” เสียงอบอุ่นของผู้เป็นแม่ดังขึ้น ไม่นานประตูห้องบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของปิติญาดาแทรกเข้ามา วันนี้หญิงสาวแต่งตัวสวยสมเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วยชุดโทนสีหวานที่เจ้าสาวของงานสั่งมาให้โดยเฉพาะ รูปแบบของชุดก็สวยสมวัย“ไปงานแต่งหนูเต้ยมาเป็นยังไงบ้าง ชื่นมื่นไหม” คนเป็นพ่อเอ่ยถามขึ้นก่อน ส่วนผกามาศก็แอบสังเกตท่าทางของลูกสาวที่ยิ้มแก้มแทบปริ ทำยังกับเป็นเจ้าสาวเสียเองอย่างนั้นแหละ “บ่าวสาวเขาหว้านหวานใส่กัน ตั้งแต่งานยังไม่ได้เริ่ม กระทั่งอัพเตอร์ปาร์ตี้ค่ะ” เสียงใสๆ เอ่ยบอก อันที่จริงภคมณนั้นส่งการ์ดเชิญมาให้เธอทั้งบ้าน แต่พ่อติดประชุมกับลูกค้าสำคัญจึงไม่ได้ไปด้วย ส่วนแม่ถ้าพ่อไม่ไปมีหรือจะยอมไป มีแต่ใส่ซองฝากเธอไปปึกใหญ่เท่านั้นเอง เพราะทั้งคู่ก็เอ็นดูเพื่อนของเธอคนนี้ไม่น้อย “นี่ค่ะของชำร่วย”“น่ารักเชียว” ผกามาศรับของชำร่วยมาจ
“หืม…ว่าไงจ๊ะ” เสียงอบอุ่นของแม่ขานรับคำเรียกนั้น “ถ้าหนูต้องขึ้นคาน แม่จะอายเขาหรือเปล่า?”“อายทำไม ลูกคนเดียว แม่เลี้ยงได้” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ปิติญาดาไม่มีวันขึ้นคานอย่างที่พูดออกมาอย่างแน่นอน ใครจะยอมให้ลูกสาวเธอครองตัวเป็นโสดได้ สวยๆ แบบนี้ต้องมีคู่แท้สิ “ได้ยินแบบนี้แล้วค่อยรู้สึกดีกับการจะขึ้นคานหน่อย” คนเป็นลูกส่งยิ้มให้ สงสัยวันนี้เธอจะจิตตกเข้าขั้นโคม่าเป็นแน่แท้ พอเห็นภคมณแต่งงานไปก็เก็บมากดดันตัวเองซะอย่างนั้น ใช่เรื่องไหมเนี่ย “เด็กโง่ นี่อย่าบอกนะว่ากลัวพ่อกับแม่โกรธที่ลูกยังไม่มีแฟนหรือจะแต่งงานในเร็ววันนี้น่ะ” ศรชัยเอ่ยอย่างรู้ทันความคิดของลูกสาว จะว่าไปเขานั้นไม่เคยเห็นปิติญาดาพูดเรื่องแบบนี้มาก่อน “ก็มันกดดันนี่ค่ะพ่อ บางอารมณ์น้ำมนต์เองก็อยากมีคนรัก อยากมีครอบครัวเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ บ้างอะไรบ้าง เพื่อนๆ ในกลุ่ม นอกกลุ่มก็แต่งงานมีลูกกันเกือบหมดแล้วด้วย พอมองตัวเองก็ เฮ้อ…ปลง!”“เนื้อคู่คนเราบางครั้งก็อาจมาเร็วมาช้า เจอกันวันนี้พรุ่งนี้แต่งงานก็มีให้เห็น” คนเป็นลูกพยักหน้าให้กับคำพูดของแม่ ก่อนจะเอ่ยเสริมเป็นตุเป็นตะ “นั่นน่ะสิคะ แต่สงสัยเนื้อคู่ของน้ำมนต์จะนั
“อ้อ...แล้วคราวนี้จะไปกี่วัน ตามรอยซีรี่ย์เรื่องไรอีกยะคุณเพื่อน” “เบื่อคนรู้ทันจริงๆ สงสัยต้องเลิกคบซะแล้วละมั้ง” ต้องหทัยเอ่ยประชดแบบไม่จริงจังนัก ก่อนจะยักไหล่ให้เพื่อนที่รู้ใจไปเสียทุกเรื่อง จะว่าไปอิทธิพลที่ทำให้เธอชอบประเทศเกาหลีจนต้องบินไปกลับมากกว่าประเทศบรรพบุรุษอย่างเมืองจีน เริ่มแรกก็มาจากการดูซีรี่ย์นี่แหละ จากนั้นก็บ้าเข้าขั้นแบบถอนตัวไม่ขึ้น ไปกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ เธอนี่แหละแฟนพันธุ์แท้เกาหลีตัวยง! “ตกลงจะไปกี่วัน” น้ำเสียงคนกึ่งเปลือยเอ่ยถามย้ำ ในคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ “เดือนเดียว” ปลายสายเอ่ยเหมือนแค่ช่วงสั้นๆ “ตั้งเดือน!” ปิติญาดาอุทานจนต้องทหัยยื่นโทรศัพท์ให้ห่างจากหูแทบไม่ทัน ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยินประโยคต่อมา “งานการแกไม่คิดจะทำเลยใช่ไหมเนี่ย ป๊ากับม๊าแกไม่ปวดหัวกับลูกสาวที่บ้าเกาหลีเข้าขั้นโคม่าอย่างแกหรือไง หา ยายหมวย!”“บ่นจริงแม่นางน้ำมนต์” ถึงจะพูดแบบนั้นต้องทหัยก็ยังนั่งยิ้มจินตนาการไปถึงเกาหลีเรียบร้อยโรงเรียนกิมจิ แต่คำทักท้วงของเพื่อนก็ทำเอาฝันแทบสลาย “เดี๋ยวๆ คราวนี้ไปตั้งเดือน แกจะไปงัดดั้งโด่งมาด้วยหรือเปล่า” คนถามทำหน้ายุ่ง เพราะไม่อยากให้เพื่อน
“ฟ้า...” เสียงกระเส่าของชายหนุ่มดังขึ้น ก่อนจะทำหน้าเหยเกคล้ายกับคนกำลังเจ็บปวด ลีลารักของปลายฟ้ามีเท่าไหร่ดูหญิงสาวจะงัดออกมาใช้จนหมด สร้างความพอใจให้คนได้รับเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่พงศธรทั้งอึ้งและดีใจนั่นคือการที่ปลายฟ้าดูดกลืนสายธารสีขาวที่เขาปลดปล่อยมาจนหมดนั่นต่างหากชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะรั้งเธอขึ้นมานั่งบนโซฟา จากนั้นก็เล้าโลมปรนเปรอเธอด้วยมือและลิ้นบ้าง ร่างบางของปลายฟ้าถูกยึดติดกับมุมโซฟาตัวใหญ่ในห้องรับแขก พงศธรหมดความอดทนที่จะรออีกต่อไป แม้จะถึงปลายทางไปก่อนแล้วเมื่อครู่ก็ตาม ชายหนุ่มจับขาทั้งสองข้างของเธอแยกออกจากกัน ก่อนจะแทรกตัวเข้าหา เพียงความเป็นชายซึ่งพองขยายใหญ่จนน่ากลัวสัมผัสเสียดสีกับความสาวที่พรั่งพร้อม ทั้งคู่ถึงกับครางเสียงกระเส่าออกมาพงศธรโน้มตัวลงไปจูบปลายฟ้าอย่างหิวกระหาย ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหายไปสิ้น เหลือเพียงความต้องการตามธรรมชาติของมนุษย์เดินดินเท่านั้น มือหยาบแห้งทั้งสองข้างคลึงหน้าอกเธอไปมาทั้งซ้ายและขวา พร้อมทั้งขยับสะโพกเข้าหา ค่อยๆ ส่งตัวเองสอดประสานรุกร้ำเข้าไปภายในกายสาว แม้ครั้งแรกจะน่าอึดอัดเพราะช่องทางคับแน่น แต่ไ
ทุกวันที่ผ่านไปนั้น ภคมณและต้องหทัยต่างรอฟังข่าวของ ปิติญาดาอย่างใจจดใจจ่อ แต่ก็ยังไร้ข้อมูลใดๆ จากนักสืบที่วศินส่งไป เช่นเดียวกับนายตำรวจหนุ่มที่คอยสืบข่าวของเสี่ยโกศล แม้จะมีข้อมูลในมือแต่ก็ยังไม่แน่นพอที่จะเอาผิด ออเดอร์ของมิสเตอร์จางถูกส่งไปยังประเทศจีนแล้ว ผลตอบรับเป็นบวกอย่างที่ ปิติญาดาหวังไว้ เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี หญิงสาวก็ยิ้มแก้มแทบปริความสัมพันธ์ระหว่างต้องหทัยและเขตไทย คู่นี้แม้จะอยู่ห่างกันคนละภาค แต่ชายหนุ่มก็หมั่นลงมาหาหญิงสาวเกือบทุกอาทิตย์ จนต้องหทัยสงสารที่เขาต้องขับรถขึ้นลงกรุงเทพฯ ลำปางเป็นว่าเล่นแบบนี้ ส่วนคู่ของปิติญาดาและคณินก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคู่ผูกพันกันมากยิ่งขึ้น ศึกษาหัวใจของกันและกัน มองไปทางไหนโลกก็มีแต่สีชมพู ผิดกับคู่แต่งงานใหม่อย่างกิ่งดาวและพงศธร ซึ่งดูจะเกิดความขัดแย้งที่กลายเป็นรอยร้าวแบบไม่รู้ตัวเสียแล้วก๊อก! ก๊อก!! ก๊อก!!!เสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นติดกันหลายครั้งทำให้ปลายฟ้าต้องออกมาเปิดประตู ก่อนจะตกใจเมื่อคนที่ยืนอยู่ตอนนี้คือพงศธร กลิ่นเหล้าโชยออกมาจากตัวเขา“พี่ธร มาได้ยังไงคะ”
“คืนนี้ผมยังไม่มีที่พักเลย จะมีใครสงสารผมไหมนะ” ขณะนั่งกินข้าวอยู่นั้น เขตไทยก็เอ่ยขึ้นพร้อมทำน้ำเสียงและหน้าตาให้ดูน่าสงสารเข้าไว้“อืม…”“จะไปนอนที่ไหนนะไอ้เขต คิดสิคิด” เขตไทยพึมพำถามตัวเอง ต้องหทัยส่ายหน้าให้คนเจ้าเล่ห์ มีหรือเธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“บ้านหมวยดีไหมคะ”“ตกลงครับ”“พูดเล่นค่ะ” ใบหน้ายิ้มแย้มของเขตไทยเมื่อครู่หายไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “โรงแรมในกรุงเทพฯ มีเป็นร้อยเป็นพันไม่มีห้องว่างเลยสักห้องก็ให้รู้ไป”“เห็นใจผมหน่อยสิครับ เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน คุณจะไล่ผมแล้วเหรอ” ชายหนุ่มออดอ้อน แต่มีหรือกระต่ายน้อยจะหลงกลสุนัขจิ้งจอก“ไม่ได้ไล่สักหน่อย ไว้พรุ่งนี้เราค่อยเจอกันก็ได้ เพราะวันนี้หมวยมีเรื่องสำคัญต้องเข้าไปบ้านเพื่อนด้วย” พูดจบต้องหทัยก็ถอนหายใจออกมาดังเฮือก เพราะในใจมีเรื่องให้กังวล พอเห็นสีหน้าขอ
ความที่พักผ่อนน้อยติดต่อมาหลายวัน เช้านี้ปิติญาดาก็เดินตัวเอียงๆ ขอบตาคล้ำเหมือนหมีแพนด้าลงมาชั้นล่าง บ่งบอกว่าเธอนั้นโหมงานมากจนร่างกายอ่อนล้าและมีเรื่องบางอย่างคอยกวนใจ จะไม่ให้เป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อเรื่องที่วกไปวนมาในสมองเธอตอนนี้ดูจะมีแต่เรื่องของเสี่ยโกศล กังวลว่าจะผลิตสินค้าทันรอบจัดส่งของมิสเตอร์จากหรือเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มคณินเองก็รับรู้ปัญหานี้ของเธอ จึงได้แต่เอาใจช่วย เพราะหญิงสาวตั้งใจกับงานนี้มาก รวมทั้งออเดอร์จากลูกค้ารายอื่นด้วย ขณะที่เฝ้าให้กำลังใจปิติญาดา เขาก็ใจจดใจจ่อรอฟังข่าวจากเพื่อนตำรวจที่วานให้สืบเรื่องของเสี่ยโกศลไปในตัว แต่รายนั้นก็ยังเงียบไม่มีข่าวคืบหน้าแต่อย่างใดวันกำหนดส่งสินค้าของมิสเตอร์จางก็มาถึง ปิติญาดาลงมากรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบสินค้าก่อนส่งขึ้นเรือ อยากตรวจสอบความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายด้วยตัวเอง คณินและเขตไทยก็มาด้วย หญิงสาวยืนกระวนกระวาย เดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่นอยู่บริเวณท่าเรือ ภาวนาให้เสี่ยโกศลมาส่งของให้ทันเวลา“รถเสี่ยโกศลมานู่นแล้วครับ” สิ่งที่ได้ยิ
“เฮ้อ!” เมื่อวางสายจากเสี่ยโกศลแล้ว หญิงสาวถึงกับถอนหายใจออกมา เพราะกลัวว่าสินค้าจะเสร็จไม่ทันกำหนดส่ง จะยกเลิกกับทางมิสเตอร์จางก็คงไม่ได้ เห็นว่าชอบสินค้าของเสี่ยโกศลมาก ทางเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้คือลุ้นว่าเสี่ยโกศลจะผลิตสินค้าได้ทันตามที่สัญญา หญิงสาวสะบัดศีรษะแรงๆ ก่อนจะตั้งอกตั้งใจทำงานของตนต่อไปโดยไม่ได้บอกให้คณินรู้เรื่องนี้ เพราะกลัวชายหนุ่มเป็นห่วงแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอยิ้มได้ นั่นคือการได้รับโทรศัพท์จากแม่แล้วนั่นเอง หลังจากที่รอมาหลายวัน ผกามาศทำตามแผนของสามี นั่นคือให้ติดต่อปิติญาดาได้แล้ว ถ้าหายไปนานกว่านี้เดี๋ยวจะผิดสังเกต“แม่จ๋า” เสียงของปิติญาดาเหมือนคนกำลังร้องไห้เพราะเธอห่วงแม่มาก พอรู้ว่าแม่สบายดีก็โล่งอก ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่นาน โดยที่ผกามาศบอกลูกสาวว่ารู้เบอร์โทรศัพท์ใหม่ของปิติญาดามาจากพ่อของคณิน ซึ่งได้โทรศัพท์มาหาเพ็ญแขภรรยา“ขอโทษนะลูก ที่แม่ทำให้เป็นห่วง”“ไม่เป็นไรค่ะ แค่รู้ว่าแม่สบายดี น้ำมนต์ก็หมดห่วงแล้ว” ปิติญาดาแอบปาดน
ปิติญาดาตื่นแต่เช้า ก่อนจะออกจากบ้านเพื่อไปรับมิสเตอร์จางและลูกน้องมายังโรงงานของคณิน พอมาถึงชายหนุ่มคอยดูแลเทคแคร์ลูกค้าของหญิงสาวเป็นอย่างดีประหนึ่งลูกค้าของตัวเขาเอง มิสเตอร์จางแสดงท่าทางสนอกสนใจสินคโรงงานคณินมาก แต่นั่นก็แค่การสร้างภาพในฐานะนักธุรกิจต่อสายตาคนอื่นเท่านั้นเองเมื่อออกจากโรงงานของคณินแล้ว ปิติญาดาก็พามิสเตอร์จางไปยังโรงานของเสี่ยโกศล ซึ่งเป็นโรงงานที่ทางมิสเตอร์จางได้สั่งซื้อสินค้าเช่นกัน แต่นี่ดูจะอยู่ในแผน เพราะทางมิสเตอร์จางเจาะจงไปเองมากกว่า บอกว่าเคยเป็นลูกค้าเก่าแก่อยากแวะไปเยี่ยมเยียน ทางด้านปิติญาดานั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากมาย ทำตามที่ลูกค้าต้องการเต็มที่ แต่สำหรับคณินดูเขาจะไม่คิดเช่นเดียวกับเธอ ตอนนี้ชายหนุ่มยังพูดอะไรไม่ได้ จนกว่าจะได้ข่าวจากเพื่อนตำรวจเสียก่อน แต่ภาพของเขตไทยที่นั่งซึมกะทืออยู่ใต้ต้นไม้ขณะนี้ ทำให้คณินเดินเข้าไปหา“เป็นอะไรของเอ็งไอ้เขต”“คิดถึงแฟนว่ะ” เขตไทยเอ่ยตอบตามตรง เกิดมายังไม่เคยคิดถึงใครมากเท่ากับคิดถึงต้องหทัยเลยจริงๆ สงสัยต้องรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวเสียแล้ว จะได้มาอยู่ใกล้ๆ กันไม่ต้อง
เมื่อกลับถึงบ้าน ภคมณก็เดินไปเดินมาอย่างคนใช้ความคิด เธอมีอะไรสงสัยแต่อีกใจก็กังวลว่าเธอคิดไปเอง ก่อนจะรื้อกระเป๋าสานเพื่อหยิบกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กที่พกติดตัวไว้ตลอด เลื่อนขึ้นลงเพื่อหารูปที่ต้องการ เมื่อพบถึงกับยกมือขึ้นปิดปาก ท่าทางตกอกตกใจไม่น้อย“นี่คุณลุงกับคุณป้าชัดๆ” ภคมณมือไม้สั่น ซูมรูปที่เห็นให้ใกล้ที่สุด หวนคิดถึงคำพูดของป้าสายหยุด คนที่บอกว่าพ่อของ ปิติญาดาได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างกะทันหัน ส่วนแม่ก็บวชชีพราหมณ์อยู่วัดป่า แต่ทำไมสองคนนี้ถึงไปโผล่ที่ยุโรปได้“ผีหลอกเหรอเรา” คิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากันจนยุ่งก่อนจะทำหน้าขบคิด วศินที่พึ่งเดินออกจากห้องน้ำ พอเห็นแววตาแบบนั้นของเธอก็เข้ามาใกล้แล้วถามขึ้น“เป็นอะไรครับหนูจ๋า”“พี่วศินดูนี่สิคะ” พูดจบก็ยื่นกล้องถ่ายรูปให้ชายหนุ่ม วศินรับไว้เพ่งมองอยู่นานแล้วสบตาเธอ“รูปใครครับ”“พ่อกับแม่ของน้ำมนต์”“หือ…เป็นไปได้ยังไง ก็ในเ
ปิติญาดาออกอาการเกร็งขณะนั่งรถขึ้นลำปางกับจางซีเป่า ซึ่งเขาให้เธอเรียกว่ามิสเตอร์จาง รูปร่างหน้าตาไม่สูงมาก ตาชั้นเดียวในแบบคนจีน อายุสี่สิบกว่าปีแล้ว มาครั้งนี้เขาพาลูกน้องมาสองคนชายหนึ่งหญิงหนึ่ง มิสเตอร์จางพูดภาษาอังกฤษได้คล่องทีเดียว เขาบอกว่ามาเมืองไทยบ่อยครั้ง เคยซื้อเซรามิคจากหลายที่เพื่อนำไปขายให้ลูกค้าชาวจีนและนักท่องเที่ยว แต่สินค้าบนเว็บไซต์ของหญิงสาวนั้นน่าสนใจและแตกต่างไปจากของรายอื่นๆ ที่เคยทำการซื้อขายกันมามาก พอได้รับคำชม ปิติญาดาก็นั่งยิ้มเมื่อถึงรีอสร์ทที่พัก มิสเตอร์จางก็เอ่ยปากชมถึงความสวยงามของศิลปะล้านนาที่ได้นำมาผสมผสานให้กลมกลืนกับความโมเดิร์ทได้อย่างลงตัว อาหารรสชาติก็ถูกปากคนจีนอย่างเขาไม่น้อย แถมยังชมปิดท้ายว่าปิติญาดาเป็นสาวแกร่ง ทำงานนี้คนเดียวได้ดีอย่างน่าทึ่ง ซึ่งเธอก็รับคำชมนั้นไว้อีกครั้ง วันนี้ดูทุกอย่างดูจะราบรื่นสำหรับปิติญาดาไปเสียหมด หลังจากดูแลแขกเรียบร้อยหญิงสาวก็ขอตัวกลับ เธอเอนหลังพิงเบาะในรถยนต์ ความอ่อนล้าเข้ามาเล่นงานยามอยู่ตามลำพัง แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นข้างตัวก็ทำให้หญิงสาวคว้าขึ้นมารับ“ฮัล
ค่ำวันนั้น ปิติญาดาได้รับอีเมลหนึ่งฉบับจากลูกค้าที่จีน โดยเนื้อหาบอกว่าเขากำลังเดินทางมาเมืองไทย และอยากพบเธอวันวันแรกที่มาถึง ด้วยเหตุผลที่ว่าแม้จะได้ทำการสั่งออเดอร์มาแล้วแต่ก็อยากเห็นสินค้าตัวจริง รวมทั้งพูดคุยกับเธอเพื่อหาช่องทางทำธุรกิจร่วมกันด้วย เมื่อได้อ่านอีเมลจบ ปิติญาดาไม่คัดค้านที่จะไปพบลูกค้ารายนี้เลย เพราะถือว่าเธอเองก็ได้ประโยชน์เหมือนกันแต่ติดปัญหาที่เธอต้องลงไปรับเขาที่กรุงเทพฯ นี่สิ หญิงสาวจึงปรึกษาเรื่องนี้กับคณิน ซึ่งชายหนุ่มก็เห็นด้วยที่เธอจะต้อนรับลูกค้าใหญ่รายนี้ แต่ถึงจะเป็นลูกค้ารายเล็กๆ เธอก็ต้องดูแล เพราะถือว่านี่คือการซื้อใจกัน ถ้าออกมาดีเธอก็จะมีพื้นที่ในการยืนทำธุรกิจมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มตรวจดูตารางงานของตนเองว่าว่างตรงกับวันที่ปิติญาดาต้องขึ้นไปกรุงเทพฯ หรือเปล่า“วันนั้นพี่มีงานที่ปาย คงไปกับน้ำมนต์ไม่ได้นะครับ”“ค่ะ ไม่เป็นไร” ปิติญาดายิ้มให้ ตั้งแต่สนิทสนมกันมากขึ้นก็พอรู้ว่าชายหนุ่มนั้นทำอะไรบ้าง ไหนจะคุมงานที่โรงานเซรามิค ไหนจะงานด้านสถาปนิกตกแต่งภายในครอบว