สิ่งแรกที่ไท่ชินอ๋องทำ เมื่อฟื้นคืนสติอย่างสมบูรณ์แล้ว ก็คือร่างพระราชโองการ ประกาศความผิดของมหาเสนาบดีเจียงผิง ไทเฮาเจียงซู่จิ่น และอ๋องสาม มีใจความว่า...ทั้งสามร่วมมือกันก่อขบถต่อฮ่องเต้ แต่ไท่ชินอ๋องได้ทำการปราบปรามสำเร็จ ถึงแม้ทั้งสามจะสิ้นชีวิตในการปราบปรามไปแล้วก็ตาม แต่ยังคงมีโทษผิดติดตัว ให้ถอดยศเป็นสามัญชนทั้งตัวผู้กระทำและครอบครัว ยึดทรัพย์สินข้าทาสบริวาร และเนรเทศครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ไปชายแดนในฐานะนักโทษใช้แรงงาน แล้วให้หวังกงกงเชิญฮ่องเต้น้อยนั่งบัลลังก์ เพื่อประกาศพระราชโองการ ให้เจ้ากรมอาญารับราชโองการไปปฏิบัติในทันทีซึ่งครอบครัวและเหล่าข้าทาสบริวารของนักโทษทั้งหมดล้วนถูกคุมตัวตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ปะทะกันแล้ว โดยกองทัพพิทักษ์เมืองหลวงที่มีแม่ทัพอยู่ในสังกัดไท่ชินอ๋องโดยตรงและให้หวังกงกงรวบรวมฎีกาที่ยังไม่ได้วินิจฉัยทั้งหมดส่งมายังจวนของไท่ชินอ๋อง เมื่อหวังกงกงอ่านพระราชโองการจบ เหล่าขุนนางต่างกล่าวถวายพระพรฮ่องเต้ที่กำลังปีนพระราชบัลลังก์เล่นอย่างสนุกสนาน ด้วยความพร้อมเพรียงกันว่า "ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปีๆๆๆๆๆ" แล้วหลานกงกง
ไท่ชินอ๋องหายจากอาการบาดเจ็บ ไปว่าราชการตามปกติได้สามวันแล้ว พอกลับถึงจวนวันนี้ก็บอกข่าวดีต่อหลี่ชิง "จริ งหรือขอรับ? ท่านอ๋อง" หลี่ชิงตื่นเต้นดีใจจนออกนอกหน้า...ตั้งแต่เขาถูกจับตัวกลับมา จนเกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย เขาไม่ได้พบกับแม่เลย มีเพียงหลิวกงกง เสี่ยวฉีจื่อ กับไท่ชินอ๋องคอยบอกเขาว่า อย่าได้กังวล ขอเพียงเขาอยู่อย่างสงบเสงี่ยม แม่ก็จะปลอดภัย แต่วันนี้...ไท่ชินอ๋องบอกว่าจะให้เขาได้พบกับแม่ "ข้าไม่หลอกเจ้าหรอกนะ...ชิงชิง" ไท่ชินอ๋องตอบ พลางยกมือลูบผมนุ่ม "ขอบคุณขอรับ ขอบคุณมากขอรับ" หลี่ชิงพร่ำพูด น้ำตารื้อ ไท่ชินอ๋องจึงจูงมือหลี่ชิงไปนั่งที่โต๊ะอาหาร "พวกเรากินอาหารกันไปพลางๆ พูดคุยกันไปพลางๆ อีกสักครู่ท่านแม่ยายก็คงมาถึง เพราะข้าให้หลิวกงกงไปรับแล้ว" "ขอรับ" หลี่ชิงคีบกับไว้ในชามของไท่ชินอ๋องอย่างเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ "ตั้งแต่ข้าฟื้นจากถูกลูกธนูอาบยาพิษครั้งนี้ ดูชิงชิงของข้าจะเอาใจใส่ข้าเป็นพิเศษ" ไท่ชินอ๋องกล่าวแล้วยกยิ้ม "เช่นนี้ต่อให้ข้าถูกลูกธนูพิษเพิ่มอีกสักสองสามดอกก็คุ้มค่า" หลี่ชิงยกมือเรียวปิดปากได้รูป ปรามว่า "ท่านอ๋องไม่พูดเช
หลังพิธีการฝังศพ "ซูฟูเหริน" เสร็จ หลี่ชิงก็ขึ้นรถม้ากลับจวนไท่ชินอ๋อง พอถึงจวน...ท่านหมอก็รีบตรวจดูดวงตาของหลี่ชิงทันทีส่วนเสี่ยวฉีจื่อรับผ้าเช็ดหน้าที่ห่อหัวหอมแดงที่เป็นตัวต้นเหตุให้หลี่ชิงน้ำตาไหลพรากไปจากมือเรียวงาม เสี่ยวหงจื่อก็รีบนำกาละมังใส่น้ำสะอาดมาให้เด็กหนุ่มล้างมือที่อาจจะเปื้อนยางของหัวหอมแดง ออกให้หมด "ดวงตาของกุ้ยหวางเฟยระคายเคืองเล็กน้อย พักผ่อนสักวันหนึ่งก็คงหายดีขอรับ ข้าน้อยจะจัดยาบำรุงสายตาให้เทียบหนึ่งขอรับ" ท่านหมอกล่าวหลังจากตรวจดวงตาคู่งามเสร็จ "ขอบคุณท่านหมอมาก" หลี่ชิงกล่าวเสียงนุ่มนวล "เป็นหน้าที่ของข้าน้อยขอรับ" ท่านหมอตอบ แล้วไปจัดยาไท่ชินอ๋องที่นั่งรออยู่ปล่อยให้คนรุมล้อมดูแลหลี่ชิงเสร็จเรียบร้อยก่อนจึงลุกจากเก้าอี้ยาวที่นั่งอยู่ เข้ามาโอบไหล่บอบบาง ถามว่า "เหนื่อยมากหรือไม่? ชิงชิง" หลี่ชิงเผยอยิ้ม ตอบว่า "นิดหน่อยขอรับ...แล้วแม่..." กล่าวยังไม่ทันจบประโยค ไท่ชินอ๋องก็ขัดขึ้น "จุ๊ๆ...ต่อแต่นี้ไปไม่มีท่านแม่ มีแต่ท่านน้า 'หานฝูหรง' น้าสาวคนเล็กของข้า หรือท่านหญิงหาน" "ขอรับ ข้าน้อยจะจำไว้ให้แม่นยำ" หลี่ชิงยิ้
ต้าโก่วนำจดหมายจากต้าเหลียวมาส่งสองฉบับ ฉบับหนึ่งเป็นของอ๋องสี่ส่งถึงไท่ชินอ๋อง อีกฉบับหนึ่งเป็นของอาเฟยที่ส่งมาถึงกุ้ยหวางเฟย ไท่ชินอ๋องเปิดจดหมายของอ๋องสี่ก่อน แล้วอ่านออกเสียงให้หลี่ชิงฟังด้วย ข้อความในจดหมายเขียนมาสั้นๆ ว่า... "ถึงพี่ใหญ่ วานท่านช่วยหาขันทีให้ข้าสักสี่คน ต้องหนุ่มแน่น วรยุทธดี ซื่อสัตย์ ที่สำคัญที่สุดคือ"รู้งาน" จากน้องสี่ เฉินชง" ดวงตาคู่สวยมองไท่ชินอ๋องอย่างสงสัย "ท่านอ๋องสี่มิใช่มีขันทีอยู่แล้วหรอกหรือ?" "ที่เขาต้องการคือ...ขันทีรู้งาน" ไท่ชินอ๋องตอบ พลางพับจดหมายใส่ซองตามเดิม "รู้งาน?" เรียวคิ้วงามเลิกขึ้นเล็กน้อย "อืม...คงเอาไว้ประกบตัวเจ้ากรมข่าว"ประกบตัวอาเฟย!...หมายความว่าอ๋องสี่ตัดสินใจจะรับอาเฟยเป็นภรรยาแล้ว!!! หลี่ชิงลอบถอนหายใจเบาๆ ไท่ชินอ๋องโอบแขนกอดไหล่บอบบางเอาไว้อย่างปลอบประโลม พลางกล่าวเสียงอ่อนโยนว่า "ชิงชิง...น้องสี่เป็นคนที่พึ่งพาได้ และท่าทางเขาจะรักอาเฟยอย่างจริงใจ เจ้าอย่าได้กังวลเลย" หลี่ชิงพยักหน้าน้อยๆ ไท่ชินอ๋องรู้ว่าหลี่ชิงรักอาเฟยเหมือนน้องชายแท้ๆ และพยายามจะปกป้องอีกฝ่ายไว้
ไท่ชินอ๋องหันไปมองต้าโก่ว แล้วถามว่า "ตกลงอาเฟยซื้ออะไรมาฝากชิงชิง?" "เป็นพรมขนสัตว์อย่างดีที่สุดขอรับ" ต้าโก่วประสานมือตอบนอบน้อม "อ้อ..." หลี่ชิงพยักหน้า ก่อนจะถามต้าโก่วว่า "อาเฟยเขียนจดหมายบอกข้าว่า...เขาไม่มีข้าวกิน จริงหรือไม่?" "เป็นความจริงขอรับ" ต้าโก่วตอบด้วยสีหน้าประหลาดชอบกล แต่ดวงตาคู่สวยของหลี่ชิงเริ่มแดงเรื่อและคลอด้วยหยาดน้ำใส ไท่ชินอ๋องเห็น ก็โอบกระชับไหล่บอบบาง พลางเอ่ยปลอบ "น้องสี่คงไม่ปล่อยให้อาเฟยต้องอดข้าวหรอกชิงชิง...จริงหรือไม่ต้าโก่ว?" ท้ายประโยคหันไปไล่เบี้ยองครักษ์ประจำตัวอาเฟยอันดับสี่ "เรื่องนี้มันยาวขอรับ ท่านอ๋อง" ต้าโก่วตอบไม่เต็มปากเต็มคำนัก "เช่นนั้น...เจ้าเล่ามาให้ละเอียด" "ขอรับ..." ต้าโก่วขานรับ แล้วเล่าว่า "มีอยู่วันหนึ่ง ท่านอาเฟยนั่งร้องไห้..." "อาเฟยคงคิดถึงบ้าน" หลี่ชิงเอ่ยขึ้นเบาๆ "หามิได้ขอรับ" ต้าโก่วตอบ "แล้วอาเฟยร้องไห้ทำไม? ถูกผู้ใดรังแกหรือ?" ไท่ชินอ๋องถาม "มิมีผู้ใดรังแกท่านอาเฟยขอรับ" ต้าโก่วเอ่ย "เพียงแต่ท่านอาเฟยเบื่อแป้งย่าง อยากกินข้าวสวย แต่ต้าเหลียวไม่มีข้าวสวย ท่านอ๋อง
ที่โต๊ะอาหารมื้อเย็น... ไท่ชินอ๋องเสร็จจากการอ่านฎีกา ก็มานั่งเคียงหลี่ชิง ไท่หวางเฟยคีบของโปรดใส่ชามให้อีกฝ่าย พลางกล่าว "ท่านอ๋อง...วันนี้อ่านฎีกาจนถึงเย็น โปรดระวังรักษาสุขภาพด้วยขอรับ" "ขอบใจมาก ชิงชิง" ไท่ชินอ๋องหยิบตะเกียบเงินบริสุทธิ์ขึ้นมาถือไว้ พลางกล่าว "ถ้าข้าขอให้เจ้าช่วยตรวจฎีกาด้วย เจ้าจะว่าอย่างไร?" "มีกฏมณเฑียรบาลห้ามมิให้ฝ่ายในก้าวก่ายราชการแผ่นดินมิใช่หรือขอรับ?" หลี่ชิงถามเสียงเบา "กฏอยู่ที่คน ถ้าข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้ช่วย ก็จะหลีกเลี่ยงกฏเกณฑ์นี้ได้" ไท่ชินอ๋องกล่าว "ข้าน้อยเกรงจะตัดสินความไม่เหมาะสมขอรับ" "อืม...ถ้าเช่นนั้น ในตอนแรก เจ้าอ่านแล้วบอกใจความสำคัญให้ข้าเป็นผู้ตัดสินก็ได้ และไม่กำหนดให้เจ้าต้องเข้าประชุมเช้าทุกเช้า" ไท่ชินอ๋องกล่าวพลางยื่นหน้ามาหอมแก้มเปล่งปลั่ง ก็สบเข้ากับดวงตากลมแป๋วของฮ่องเต้น้อย ที่วิ่งเข้ามาเกาะตักหลี่ชิง "หลานกงกง...ฮ่องเต้เสวยหรือยัง?" ไท่ชินอ๋องส่งเสียงถาม "เสวยแล้วขอรับ ท่านอ๋อง" หลานกงกงตอบนอบน้อม "เช่นนั้น เจ้ามาเชิญ(อุ้ม)ฮ่องเต้ออกไป" ไท่ชินอ๋องสั่ง "ขอรับ" หลานกงกง
ไท่ชินอ๋องยกมือข้างหนึ่งลูบหลังร่างบอบบางอย่างปลอบโยน "ข้าคิดอยู่แล้วว่า จะอย่างไรเจ้าก็คงตัดใจไม่ขาด สักวันเจ้าต้องห่วงใยหลี่ไฉกับแม่เฒ่าหลี่ ข้าจึงให้คนจับตาดูครอบครัวนี้อยู่" "จริงหรือขอรับ?" หลี่ชิงถามน้ำเสียงยินดี "อืม" "พวกเขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?" "หลี่ไฉเป็นแต่ขุนนาง หลี่จุ้นไม่เคยลำบาก ไม่ต้องพูดถึงสตรีชราและสาวอีกสี่คน...การถูกเนรเทศที่มีตราประทับบนหน้า ทำให้พวกเขาถูกรังเกียจจากชาวบ้าน ความเป็นอยู่ย่อมลำบากยากแค้น หลี่ไฉและบุตรชายได้แต่หาของป่าล่าสัตว์ประทังชีวิต แต่ความชำนาญไม่มี ก็หาได้ไม่พอกิน" หลี่ชิงกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ "ข้าน้อยทำให้พวกเขาต้องเป็นแบบนี้" "ใช่...หากมิใช่เห็นแก่เจ้า พวกเขาคงถูกตัดคอหมดสิ้นแล้ว เพราะฝักใฝ่กับอ๋องสามต่อต้านข้า" ไท่ชินอ๋องกล่าวเสียงเรียบๆ หลี่ชิงเม้มปาก...จะพูดก็มิใคร่กล้าพูด "เจ้าคิดจะทำอย่างไรกับพวกเขาหรือ?" ไท่ชินอ๋องถาม "ข้าน้อย..." หลี่ชิงตัดสินใจกล่าว "คิดจะส่งเงินไปให้พวกเขาบ้างขอรับ" "เจ้าไม่แค้นพวกเขาแล้วหรือ?" "ข้าน้อยไม่แค้นแล้วขอรับ" ไท่ชินอ๋องลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเ
วันที่ 15 เดือน 8 เป็นเทศกาลชมพระจันทร์กลางฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งทุกครัวเรือนจะทำขนมโก๋หลากหลายรูปแบบมาแลกเปลี่ยนกัน เพื่อแข่งขันกันว่า บุตรสาวบ้านใดมีฝีมือทำขนมได้สวยงามและอร่อยกว่ากัน มีการจัดซุ้มประดับประดาด้วยขนม ดอกไม้ และโคมไฟ ประชันขันแข่งกัน และเป็นการบูชาเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ด้วย เชื่อกันว่าคืนวันนี้พระจันทร์จะงดงามที่สุด ในพระราชวัง...แต่ก่อนเหล่านางในต่างจัดซุ้มแข่งขันกัน ทว่าบัดนี้วังหลังแทบจะร้าง ไท่ชินอ๋องจึงสั่งให้จัดซุ้มขนม ผลไม้ ประดับด้วยดอกไม้ต่างๆ และโคมไฟสวยงาม เพื่อเป็นการฉลองเทศกาลชมพระจันทร์ หลี่ชิงนั่งดื่มชา ชมจันทร์ กับไท่ชินอ๋องที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ มีท่านหญิงหานร่วมโต๊ะด้วย เหล่าขันทีและนางกำนัลคอยปรนนิบัติ บนโต๊ะมีขนมหลากชนิดและน้ำชาอย่างดี ฮ่องเต้น้อยวิ่งเล่นอยู่กับองค์หญิงหลิงหลิง ไปรอบๆ ซุ้ม แล้วก็วิ่งมาเกาะตักหลี่ชิง หลี่ชิงบิขนมเป็นชิ้นเล็กๆ ป้อนฮ่องเต้น้อย พอได้ขนมและดื่มน้ำ...ฮ่องเต้น้อยก็ออกไปวิ่งเล่นต่อ สลับกับองค์หญิงหลิงหลิงที่วิ่งมาเกาะตัก หลี่ชิงก็จัดการป้อนองค์หญิง ในขณะเดียวกัน...ไท่ชินอ๋องก็จัดการป้อนขนมป้อนน้ำชา
อากาศเริ่มเย็นลง...ไท่ชินอ๋องสั่งทำเสื้อกันหนาวขนเพียงพอน(มิ้งค์)และขนสุนัขจิ้งจอกให้แก่หลี่ชิง ท่านหญิงหาน ฮ่องเต้น้อย และองค์หญิงหลิงหลิง ขบวนขันทีกว่ายี่สิบคนถือเสื้อกันหนาวเดินแถวเข้ามาในห้องโถงพักผ่อน แล้วเข้าแถว คลี่เสื้อถือชูให้หลี่ชิงเลือก...เสื้อแต่ละตัวล้วนงดงามยิ่ง ราคานั้นแสนแพงทำให้หลี่ชิงอดคิดถึงสมัยก่อนไม่ได้...แม่ต้องเอาเศษผ้ามาเย็บต่อกันเป็นเสื้อกันหนาวให้เขา ภายในเสื้อยัดด้วยนุ่น เพื่อให้เขาอบอุ่น...หลี่ชิงเลือกเสื้อขนเพียงพอนสีขาวที่สวยที่สุดนำมาทาบตัวท่านหญิงหาน "ท่านน้า เสื้อตัวนี้เหมาะกับท่านมาก" "อาชิง" ท่านหญิงหานเอ่ยเสียงนุ่มนวล "เสื้อตัวนี้ ท่านอ๋องตั้งใจตัดให้เจ้ามิใช่หรือ?" ไท่ชินอ๋องรู้...หลี่ชิงอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่มารดา จึงเอ่ยว่า "ท่านน้ารับไว้เถอะ...ชิงชิงใส่สีอะไรก็สวยที่สุด และข้าจะให้ช่างเร่งหาขนเพียงพอนสีเงินมาทำเสื้ออีกตัวให้ชิงชิง" "จะดีหรือเจ้าคะ? ท่านอ๋อง" ท่านหญิงหานถาม "อะไรที่ทำให้ชิงชิงสุขใจ...ย่อมเป็นเรื่องดีทั้งสิ้น" ไท่ชินอ๋องกล่าวยิ้มๆ ท่านหญิงหานค้อมศีรษะเล็กน้อย "ถ้าเช่นนั้น... น้าจะรับไว้"หลี่
วันที่ 15 เดือน 8 เป็นเทศกาลชมพระจันทร์กลางฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งทุกครัวเรือนจะทำขนมโก๋หลากหลายรูปแบบมาแลกเปลี่ยนกัน เพื่อแข่งขันกันว่า บุตรสาวบ้านใดมีฝีมือทำขนมได้สวยงามและอร่อยกว่ากัน มีการจัดซุ้มประดับประดาด้วยขนม ดอกไม้ และโคมไฟ ประชันขันแข่งกัน และเป็นการบูชาเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ด้วย เชื่อกันว่าคืนวันนี้พระจันทร์จะงดงามที่สุด ในพระราชวัง...แต่ก่อนเหล่านางในต่างจัดซุ้มแข่งขันกัน ทว่าบัดนี้วังหลังแทบจะร้าง ไท่ชินอ๋องจึงสั่งให้จัดซุ้มขนม ผลไม้ ประดับด้วยดอกไม้ต่างๆ และโคมไฟสวยงาม เพื่อเป็นการฉลองเทศกาลชมพระจันทร์ หลี่ชิงนั่งดื่มชา ชมจันทร์ กับไท่ชินอ๋องที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ มีท่านหญิงหานร่วมโต๊ะด้วย เหล่าขันทีและนางกำนัลคอยปรนนิบัติ บนโต๊ะมีขนมหลากชนิดและน้ำชาอย่างดี ฮ่องเต้น้อยวิ่งเล่นอยู่กับองค์หญิงหลิงหลิง ไปรอบๆ ซุ้ม แล้วก็วิ่งมาเกาะตักหลี่ชิง หลี่ชิงบิขนมเป็นชิ้นเล็กๆ ป้อนฮ่องเต้น้อย พอได้ขนมและดื่มน้ำ...ฮ่องเต้น้อยก็ออกไปวิ่งเล่นต่อ สลับกับองค์หญิงหลิงหลิงที่วิ่งมาเกาะตัก หลี่ชิงก็จัดการป้อนองค์หญิง ในขณะเดียวกัน...ไท่ชินอ๋องก็จัดการป้อนขนมป้อนน้ำชา
ไท่ชินอ๋องยกมือข้างหนึ่งลูบหลังร่างบอบบางอย่างปลอบโยน "ข้าคิดอยู่แล้วว่า จะอย่างไรเจ้าก็คงตัดใจไม่ขาด สักวันเจ้าต้องห่วงใยหลี่ไฉกับแม่เฒ่าหลี่ ข้าจึงให้คนจับตาดูครอบครัวนี้อยู่" "จริงหรือขอรับ?" หลี่ชิงถามน้ำเสียงยินดี "อืม" "พวกเขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?" "หลี่ไฉเป็นแต่ขุนนาง หลี่จุ้นไม่เคยลำบาก ไม่ต้องพูดถึงสตรีชราและสาวอีกสี่คน...การถูกเนรเทศที่มีตราประทับบนหน้า ทำให้พวกเขาถูกรังเกียจจากชาวบ้าน ความเป็นอยู่ย่อมลำบากยากแค้น หลี่ไฉและบุตรชายได้แต่หาของป่าล่าสัตว์ประทังชีวิต แต่ความชำนาญไม่มี ก็หาได้ไม่พอกิน" หลี่ชิงกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ "ข้าน้อยทำให้พวกเขาต้องเป็นแบบนี้" "ใช่...หากมิใช่เห็นแก่เจ้า พวกเขาคงถูกตัดคอหมดสิ้นแล้ว เพราะฝักใฝ่กับอ๋องสามต่อต้านข้า" ไท่ชินอ๋องกล่าวเสียงเรียบๆ หลี่ชิงเม้มปาก...จะพูดก็มิใคร่กล้าพูด "เจ้าคิดจะทำอย่างไรกับพวกเขาหรือ?" ไท่ชินอ๋องถาม "ข้าน้อย..." หลี่ชิงตัดสินใจกล่าว "คิดจะส่งเงินไปให้พวกเขาบ้างขอรับ" "เจ้าไม่แค้นพวกเขาแล้วหรือ?" "ข้าน้อยไม่แค้นแล้วขอรับ" ไท่ชินอ๋องลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเ
ที่โต๊ะอาหารมื้อเย็น... ไท่ชินอ๋องเสร็จจากการอ่านฎีกา ก็มานั่งเคียงหลี่ชิง ไท่หวางเฟยคีบของโปรดใส่ชามให้อีกฝ่าย พลางกล่าว "ท่านอ๋อง...วันนี้อ่านฎีกาจนถึงเย็น โปรดระวังรักษาสุขภาพด้วยขอรับ" "ขอบใจมาก ชิงชิง" ไท่ชินอ๋องหยิบตะเกียบเงินบริสุทธิ์ขึ้นมาถือไว้ พลางกล่าว "ถ้าข้าขอให้เจ้าช่วยตรวจฎีกาด้วย เจ้าจะว่าอย่างไร?" "มีกฏมณเฑียรบาลห้ามมิให้ฝ่ายในก้าวก่ายราชการแผ่นดินมิใช่หรือขอรับ?" หลี่ชิงถามเสียงเบา "กฏอยู่ที่คน ถ้าข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้ช่วย ก็จะหลีกเลี่ยงกฏเกณฑ์นี้ได้" ไท่ชินอ๋องกล่าว "ข้าน้อยเกรงจะตัดสินความไม่เหมาะสมขอรับ" "อืม...ถ้าเช่นนั้น ในตอนแรก เจ้าอ่านแล้วบอกใจความสำคัญให้ข้าเป็นผู้ตัดสินก็ได้ และไม่กำหนดให้เจ้าต้องเข้าประชุมเช้าทุกเช้า" ไท่ชินอ๋องกล่าวพลางยื่นหน้ามาหอมแก้มเปล่งปลั่ง ก็สบเข้ากับดวงตากลมแป๋วของฮ่องเต้น้อย ที่วิ่งเข้ามาเกาะตักหลี่ชิง "หลานกงกง...ฮ่องเต้เสวยหรือยัง?" ไท่ชินอ๋องส่งเสียงถาม "เสวยแล้วขอรับ ท่านอ๋อง" หลานกงกงตอบนอบน้อม "เช่นนั้น เจ้ามาเชิญ(อุ้ม)ฮ่องเต้ออกไป" ไท่ชินอ๋องสั่ง "ขอรับ" หลานกงกง
ไท่ชินอ๋องหันไปมองต้าโก่ว แล้วถามว่า "ตกลงอาเฟยซื้ออะไรมาฝากชิงชิง?" "เป็นพรมขนสัตว์อย่างดีที่สุดขอรับ" ต้าโก่วประสานมือตอบนอบน้อม "อ้อ..." หลี่ชิงพยักหน้า ก่อนจะถามต้าโก่วว่า "อาเฟยเขียนจดหมายบอกข้าว่า...เขาไม่มีข้าวกิน จริงหรือไม่?" "เป็นความจริงขอรับ" ต้าโก่วตอบด้วยสีหน้าประหลาดชอบกล แต่ดวงตาคู่สวยของหลี่ชิงเริ่มแดงเรื่อและคลอด้วยหยาดน้ำใส ไท่ชินอ๋องเห็น ก็โอบกระชับไหล่บอบบาง พลางเอ่ยปลอบ "น้องสี่คงไม่ปล่อยให้อาเฟยต้องอดข้าวหรอกชิงชิง...จริงหรือไม่ต้าโก่ว?" ท้ายประโยคหันไปไล่เบี้ยองครักษ์ประจำตัวอาเฟยอันดับสี่ "เรื่องนี้มันยาวขอรับ ท่านอ๋อง" ต้าโก่วตอบไม่เต็มปากเต็มคำนัก "เช่นนั้น...เจ้าเล่ามาให้ละเอียด" "ขอรับ..." ต้าโก่วขานรับ แล้วเล่าว่า "มีอยู่วันหนึ่ง ท่านอาเฟยนั่งร้องไห้..." "อาเฟยคงคิดถึงบ้าน" หลี่ชิงเอ่ยขึ้นเบาๆ "หามิได้ขอรับ" ต้าโก่วตอบ "แล้วอาเฟยร้องไห้ทำไม? ถูกผู้ใดรังแกหรือ?" ไท่ชินอ๋องถาม "มิมีผู้ใดรังแกท่านอาเฟยขอรับ" ต้าโก่วเอ่ย "เพียงแต่ท่านอาเฟยเบื่อแป้งย่าง อยากกินข้าวสวย แต่ต้าเหลียวไม่มีข้าวสวย ท่านอ๋อง
ต้าโก่วนำจดหมายจากต้าเหลียวมาส่งสองฉบับ ฉบับหนึ่งเป็นของอ๋องสี่ส่งถึงไท่ชินอ๋อง อีกฉบับหนึ่งเป็นของอาเฟยที่ส่งมาถึงกุ้ยหวางเฟย ไท่ชินอ๋องเปิดจดหมายของอ๋องสี่ก่อน แล้วอ่านออกเสียงให้หลี่ชิงฟังด้วย ข้อความในจดหมายเขียนมาสั้นๆ ว่า... "ถึงพี่ใหญ่ วานท่านช่วยหาขันทีให้ข้าสักสี่คน ต้องหนุ่มแน่น วรยุทธดี ซื่อสัตย์ ที่สำคัญที่สุดคือ"รู้งาน" จากน้องสี่ เฉินชง" ดวงตาคู่สวยมองไท่ชินอ๋องอย่างสงสัย "ท่านอ๋องสี่มิใช่มีขันทีอยู่แล้วหรอกหรือ?" "ที่เขาต้องการคือ...ขันทีรู้งาน" ไท่ชินอ๋องตอบ พลางพับจดหมายใส่ซองตามเดิม "รู้งาน?" เรียวคิ้วงามเลิกขึ้นเล็กน้อย "อืม...คงเอาไว้ประกบตัวเจ้ากรมข่าว"ประกบตัวอาเฟย!...หมายความว่าอ๋องสี่ตัดสินใจจะรับอาเฟยเป็นภรรยาแล้ว!!! หลี่ชิงลอบถอนหายใจเบาๆ ไท่ชินอ๋องโอบแขนกอดไหล่บอบบางเอาไว้อย่างปลอบประโลม พลางกล่าวเสียงอ่อนโยนว่า "ชิงชิง...น้องสี่เป็นคนที่พึ่งพาได้ และท่าทางเขาจะรักอาเฟยอย่างจริงใจ เจ้าอย่าได้กังวลเลย" หลี่ชิงพยักหน้าน้อยๆ ไท่ชินอ๋องรู้ว่าหลี่ชิงรักอาเฟยเหมือนน้องชายแท้ๆ และพยายามจะปกป้องอีกฝ่ายไว้
หลังพิธีการฝังศพ "ซูฟูเหริน" เสร็จ หลี่ชิงก็ขึ้นรถม้ากลับจวนไท่ชินอ๋อง พอถึงจวน...ท่านหมอก็รีบตรวจดูดวงตาของหลี่ชิงทันทีส่วนเสี่ยวฉีจื่อรับผ้าเช็ดหน้าที่ห่อหัวหอมแดงที่เป็นตัวต้นเหตุให้หลี่ชิงน้ำตาไหลพรากไปจากมือเรียวงาม เสี่ยวหงจื่อก็รีบนำกาละมังใส่น้ำสะอาดมาให้เด็กหนุ่มล้างมือที่อาจจะเปื้อนยางของหัวหอมแดง ออกให้หมด "ดวงตาของกุ้ยหวางเฟยระคายเคืองเล็กน้อย พักผ่อนสักวันหนึ่งก็คงหายดีขอรับ ข้าน้อยจะจัดยาบำรุงสายตาให้เทียบหนึ่งขอรับ" ท่านหมอกล่าวหลังจากตรวจดวงตาคู่งามเสร็จ "ขอบคุณท่านหมอมาก" หลี่ชิงกล่าวเสียงนุ่มนวล "เป็นหน้าที่ของข้าน้อยขอรับ" ท่านหมอตอบ แล้วไปจัดยาไท่ชินอ๋องที่นั่งรออยู่ปล่อยให้คนรุมล้อมดูแลหลี่ชิงเสร็จเรียบร้อยก่อนจึงลุกจากเก้าอี้ยาวที่นั่งอยู่ เข้ามาโอบไหล่บอบบาง ถามว่า "เหนื่อยมากหรือไม่? ชิงชิง" หลี่ชิงเผยอยิ้ม ตอบว่า "นิดหน่อยขอรับ...แล้วแม่..." กล่าวยังไม่ทันจบประโยค ไท่ชินอ๋องก็ขัดขึ้น "จุ๊ๆ...ต่อแต่นี้ไปไม่มีท่านแม่ มีแต่ท่านน้า 'หานฝูหรง' น้าสาวคนเล็กของข้า หรือท่านหญิงหาน" "ขอรับ ข้าน้อยจะจำไว้ให้แม่นยำ" หลี่ชิงยิ้
ไท่ชินอ๋องหายจากอาการบาดเจ็บ ไปว่าราชการตามปกติได้สามวันแล้ว พอกลับถึงจวนวันนี้ก็บอกข่าวดีต่อหลี่ชิง "จริ งหรือขอรับ? ท่านอ๋อง" หลี่ชิงตื่นเต้นดีใจจนออกนอกหน้า...ตั้งแต่เขาถูกจับตัวกลับมา จนเกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย เขาไม่ได้พบกับแม่เลย มีเพียงหลิวกงกง เสี่ยวฉีจื่อ กับไท่ชินอ๋องคอยบอกเขาว่า อย่าได้กังวล ขอเพียงเขาอยู่อย่างสงบเสงี่ยม แม่ก็จะปลอดภัย แต่วันนี้...ไท่ชินอ๋องบอกว่าจะให้เขาได้พบกับแม่ "ข้าไม่หลอกเจ้าหรอกนะ...ชิงชิง" ไท่ชินอ๋องตอบ พลางยกมือลูบผมนุ่ม "ขอบคุณขอรับ ขอบคุณมากขอรับ" หลี่ชิงพร่ำพูด น้ำตารื้อ ไท่ชินอ๋องจึงจูงมือหลี่ชิงไปนั่งที่โต๊ะอาหาร "พวกเรากินอาหารกันไปพลางๆ พูดคุยกันไปพลางๆ อีกสักครู่ท่านแม่ยายก็คงมาถึง เพราะข้าให้หลิวกงกงไปรับแล้ว" "ขอรับ" หลี่ชิงคีบกับไว้ในชามของไท่ชินอ๋องอย่างเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ "ตั้งแต่ข้าฟื้นจากถูกลูกธนูอาบยาพิษครั้งนี้ ดูชิงชิงของข้าจะเอาใจใส่ข้าเป็นพิเศษ" ไท่ชินอ๋องกล่าวแล้วยกยิ้ม "เช่นนี้ต่อให้ข้าถูกลูกธนูพิษเพิ่มอีกสักสองสามดอกก็คุ้มค่า" หลี่ชิงยกมือเรียวปิดปากได้รูป ปรามว่า "ท่านอ๋องไม่พูดเช
สิ่งแรกที่ไท่ชินอ๋องทำ เมื่อฟื้นคืนสติอย่างสมบูรณ์แล้ว ก็คือร่างพระราชโองการ ประกาศความผิดของมหาเสนาบดีเจียงผิง ไทเฮาเจียงซู่จิ่น และอ๋องสาม มีใจความว่า...ทั้งสามร่วมมือกันก่อขบถต่อฮ่องเต้ แต่ไท่ชินอ๋องได้ทำการปราบปรามสำเร็จ ถึงแม้ทั้งสามจะสิ้นชีวิตในการปราบปรามไปแล้วก็ตาม แต่ยังคงมีโทษผิดติดตัว ให้ถอดยศเป็นสามัญชนทั้งตัวผู้กระทำและครอบครัว ยึดทรัพย์สินข้าทาสบริวาร และเนรเทศครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ไปชายแดนในฐานะนักโทษใช้แรงงาน แล้วให้หวังกงกงเชิญฮ่องเต้น้อยนั่งบัลลังก์ เพื่อประกาศพระราชโองการ ให้เจ้ากรมอาญารับราชโองการไปปฏิบัติในทันทีซึ่งครอบครัวและเหล่าข้าทาสบริวารของนักโทษทั้งหมดล้วนถูกคุมตัวตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ปะทะกันแล้ว โดยกองทัพพิทักษ์เมืองหลวงที่มีแม่ทัพอยู่ในสังกัดไท่ชินอ๋องโดยตรงและให้หวังกงกงรวบรวมฎีกาที่ยังไม่ได้วินิจฉัยทั้งหมดส่งมายังจวนของไท่ชินอ๋อง เมื่อหวังกงกงอ่านพระราชโองการจบ เหล่าขุนนางต่างกล่าวถวายพระพรฮ่องเต้ที่กำลังปีนพระราชบัลลังก์เล่นอย่างสนุกสนาน ด้วยความพร้อมเพรียงกันว่า "ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปีๆๆๆๆๆ" แล้วหลานกงกง