จิ่งเหยียนเข้าไปในจวนแล้วก็มุ่งหน้าไปยังเรือนฟางเหอทันทีแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พบเฉียวเนี่ยนหนิงซวงยืนอยู่นอกห้อง ทําความเคารพต่อจิ่งเหยียน มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ "บิดาของรองแม่ทัพจิ่งไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แต่วันนี้คุณหนูของข้าพักผ่อนแล้ว เกรงว่าคงจะไม่ได้พบรองแม่ทัพ ขอให้รองแม่ทัพวันหลังค่อยมาใหม่เถอะ!"จิ่งเหยียนขมวดคิ้วแน่น อดไม่ได้ที่จะถามว่า "นางไม่อยากพบข้าใช่หรือไม่?"สีหน้าของหนิงซวงแข็งทื่อเล็กน้อย รีบพูดอีกว่า "รองแม่ทัพจิ่งอย่าคิดมาก หลายวันมานี้คุณหนูพักผ่อนไม่เต็มที่ เมื่อครู่ได้ยินว่าบิดาของท่านถูกปล่อยตัวออกมาจึงวางใจนอนหลับไป บ่าวทนไปรบกวนไม่ได้จริงๆ"หัวใจของจิ่งเหยียนกระตุกทันที เขารีบพยักหน้า "ใช่ อย่ารบกวนนาง ให้นางนอนหลับดีๆสักหน่อย" "ถ้างั้นพรุ่งนี้ข้าค่อยมาใหม่..."เขาพูดพลางถอยหลังไปแต่คิดไม่ถึงว่าหนิงซวงจะรีบเรียกเขาไว้ "รองแม่ทัพจิ่ง!"จิ่งเหยียนหยุดเดินและเงยหน้าขึ้นมองนางก็เห็นว่าแม้ว่ามุมปากของหนิงซวงจะยังคงมีรอยยิ้ม แต่ระหว่างคิ้วนั้นเห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก "ความหมายของคุณหนูก็คือ หลายวันมานี้บิดาของรองแม่ทัพจิ่งต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ใ
ห้าวันต่อมาเฉียวเนี่ยนแต่งหน้าบางๆ เพื่อปกปิดใบหน้าที่ยังมีความอิดโรยเล็กน้อย เตรียมพร้อมที่จะออกไปข้างนอกนางไม่ได้ไปคารวะท่านย่ามาสิบกว่าวันแล้ว แม้มีซูมามาคอยช่วยดูแลอยู่ แต่ท่านย่าต้องยังคงเป็นห่วงนางมาก นางต้องไปรายงานความปลอดภัยให้ท่านย่าหลังจากพบท่านย่าแล้ว นางก็จะไปหาจิ่งเหยียนนางคิดว่า เขาก็ต้องเป็นห่วงนางมากแน่ๆ เหมือนกันแต่ใครจะรู้ว่า เพิ่งออกจากบ้าน ก็เห็นฮูหยินหลินยืนอยู่ในลานบ้านเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยน ฮูหยินหลินก็ยิ้มแข็งๆ ออกมาทันที นางอ้าปากแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี อยากจะก้าวไปข้างหน้า แต่ก็กลัวว่าเฉียวเนี่ยนจะผลักนางออกไป ดังนั้นนางจึงยืนอยู่ที่เดิมอย่างไม่รู้จะทํายังไงเฉียวเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินเข้าไปหาฮูหยินหลินนางค้อมกายทําความเคารพ "ไม่ทราบว่าฮูหยินมาหาข้า มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?"เมื่อได้ยินน้ำเสียงนุ่มนวลของเฉียวเนี่ยน รอยยิ้มบนใบหน้าของฮูหยินหลินก็ไม่แข็งกระด้างอีกต่อไป แต่ดวงตากลับมีไอน้ำซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว นางมองเฉียวเนี่ยนพลางพูดว่า "แม่เห็นว่าวันนี้ยวนเอ๋อร์สามารถลุกจากเตียงได้แล้ว เลยอยากมาเยี่ยมเจ้า ตอนนี้เห็นเจ้าฟื้นตัวได้ดี
"ฮูหยินหลินส่งเทียบเชิญนี้ให้ข้าด้วยตัวเองแล้ว ก็หมายความว่าอยากให้ข้าไปไม่ใช่หรือ? เฉียวเนี่ยนเก็บเทียบเชิญไว้ในแขนเสื้อ เมื่อครู่นี้จึงเงยหน้ามองดูฮูหยินหลินแล้วยิ้มน้อยๆ "ยิ่งไปกว่านั้น ชิวอวี่คนนี้จะแย่กว่าหมิงอ๋องอีกเหรอ?"เมื่อได้ยินคําพูดนี้ หัวใจของฮูหยินหลินก็เต้นรัวราวกับถูกอะไรบางอย่างเฉียวมตีและถอยหลังไปสองก้าวเฉียวเนี่ยนกลับทําความเคารพแล้วก้าวยาวๆ จากไปก็แค่หลานชายของราชครูคนหนึ่งเท่านั้น และไม่ใช่เทียบเชิญที่ราชครูมอบให้ด้วยตนเอง จวนโหวต่อให้ตกต่ำ ก็ไม่ได้อ่อนแอถึงขั้นต้องหวาดกลัวหลานชายของราชครูที่ไม่ได้รับความโปรดปรานหากฮูหยินหลินเป็นห่วงนางจริงๆ ก็คงไม่ส่งเทียบเชิญนี้มาให้นางหรอกในเมื่ออยากให้นางไป แล้วทําไมต้องเสแสร้งแกล้งทําด้วย?ตอนเด็กๆ นางรู้สึกว่าฮูหยินหลินเป็นแม่ที่อ่อนโยนที่สุดในโลก แต่ตอนนี้แค่รู้สึกว่านางเสแสร้งหน้าซื่อใจคดจนน่าขยะแขยง!ความโกรธที่รําไรอยู่ในใจนั้นไม่อาจจางหายไปได้นาน จนกระทั่งเดินมาถึงนอกเรือนของฮูหยินเฒ่า เฉียวเนี่ยนถึงหยุดฝีเท้าลงนางสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธแค้นนั้นไว้ รอจนเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนแล้ว จึงเข้าไปในเร
เมื่อเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของชิวอวี่ เฉียวเนี่ยนก็แทบอยากจะเอาน้ำเดือดสาดใส่หน้าเขา!แต่เบื้องหลังของชิวอวี่คือจวนราชครู นางรู้ว่านางไม่สามารถลงมือกับเขาได้ และรู้ด้วยว่าถ้าเขาต้องการฆ่าชาวบ้านธรรมดาไม่กี่คน มันก็ง่ายเหมือนบี้มดไม่กี่ตัว!ตอนนี้นางจึงได้แต่กําหมัดแน่น กัดฟันอย่างเคียดแค้นแต่รอยยิ้มบนใบหน้าของชิวอวี่กลับยิ่งสดใสขึ้นเรื่อยๆ "แม่นางเฉียวรู้หรือไม่ว่าคนข้างนอกบรรยายข้ายังไง?"ชิวอวี่พูดพลางรินชาให้ตัวเองหนึ่งถ้วยอย่างเนิบนาบ ท่าทางสงบเยือกเย็น สบายอกสบายใจ"พวกเขาบอกว่าข้าเป็นสัตว์ร้ายภายใต้อาภรณ์ที่สง่างามและเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานอีก ว่าข้าเป็นแมลงตัวเหม็น งูพิษ... จุ๊ๆ ข้าขอแนะนําแม่นางเฉียวสักประโยค คนอย่างข้า ไม่คู่ควรให้โกรธหรอก”ระหว่างที่พูด ชิวอวี่ก็ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง มุมปากมีรอยยิ้มที่กําเริบเสิบสาน แต่ดวงตาคู่นั้นกลับจ้องเฉียวเนี่ยนเขม็งราวกับงูพิษเฉียวเนี่ยนเพิ่งเคยเห็นคนบรรยายตัวเองแบบนี้เป็นครั้งแรกว่ากันว่ายอมผิดใจต่อสุภาพบุรุษก็ไม่ยอมผิดใจกับคนต่ำช้าแต่ชิวอวี่คนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นคนต่ำช้าที่ไร้ยางอายที่สุด!ชั่วขณะหนึ่ง เฉีย
เขาจ้องมองเฉียวเนี่ยนอย่างเอาเป็นเอาตาย ดวงตาฉายแววอํามหิตออกมา "ลำพังแค่เจ้าน่ะหรือ?""ใช่ ลำพังแค่ข้า" น้ำเสียงของเฉียวเนี่ยนเบาๆ ไม่โอ้อวด แต่ฟังแล้วทําให้คนรู้สึกร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก"จะซื้อฆาตกรก็ดี หรือวางยาพิษในบ่อก็ดี ข้าก็มีวิธีของข้าได้ ถ้าไม่ได้จริงๆ ข้าจะเผาทําลายทั้งจวนราชครูไปซะ ถึงยังไงก็สามารถลากญาติพี่น้องของท่านไปฝังเป็นเพื่อนข้าได้ตั้งหลายคน"ตอนนี้นางทําอะไรชิวอวี่ไม่ได้เลยจริงๆแต่นางต้องทําให้ชิวอวี่รู้ว่านางไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่ายๆ ไม่ใช่คนที่สามารถจัดการได้ และแต่งงานพานางเข้าบ้านได้ง่ายๆยังไงก็ตาม ในเมื่อชิวอวี่คนนี้สามารถกลายเป็นอันธพาลได้ เขาย่อมไม่ตกใจกับคําพูดสองสามประโยคของเฉียวเนี่ยนอยู่แล้วหลังจากใจหายวาบ เขาก็ลุกพรวดขึ้นยืน ทําท่าทางเหมือนคนไม่กลัวอะไร ส่งยิ้มเย็นให้เฉียวเนี่ยน "ได้สิ! แม่นางเฉียวอยากฆ่าก็ไปฆ่าเสีย แต่ว่าเจ้า ต้องแต่งกับข้า!"เพิ่งสิ้นเสียง ประตูห้องก็ถูกคนถีบเปิดออกมาอย่างแรงเฉียวเนี่ยนตกใจ ก็เห็นจิ่งเหยียนเดินก้าวยาวเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าเย็นชาในมือยังลากคนคนหนึ่งมาด้วย"นางจะไม่แต่งงานกับท่าน" จิ่งเหยียนพูดด้วยน้ำเสีย
อีกด้านหนึ่ง จิ่งเหยียนดึงเฉียวเนี่ยนออกจากหอจุ้ยเซียงด้านหลังหนิงซวงวิ่งเหยาะๆ ไปตลอดทาง"รองแม่ทัพจิ่ง อย่าเดินเร็วขนาดนี้ ข้อเท้าคุณหนูของข้ามีโรคเก่า ประเดี๋ยวบิดแล้วจะทํายังไงเจ้าคะ?”ได้ยินดังนั้น จิ่งเหยียนก็รีบหยุดฝีเท้าลง แล้วรีบมองไปที่ข้อเท้าของเฉียวเนี่ยน ในดวงตายิ่งฉายแววตื่นตระหนก "ขอโทษ ข้าไม่รู้..."ในคําสั้นๆ ไม่กี่คํา มีความตื่นตระหนกและความรู้สึกผิดซ่อนอยู่แม้แต่ความโกรธแค้นเมื่อครู่ก็มองไม่เห็นแล้วเฉียวเนี่ยนยิ้มพลางส่ายหน้า "ข้าไม่เป็นไร" แต่ไม่คิดเลยว่าฝ่ามือจะค่อยๆ สัมผัสชุ่มชื้นและเหนียวเหนอะหนะนางก้มศีรษะลงและพบว่าแขนของจิ่งเหยียนได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลจากข้อมือของเขาไปยังฝ่ามือที่ทั้งสองกําแน่นนางตกใจ "เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?"จิ่งเหยียนดูเหมือนจะเพิ่งสังเกตุเห็น เขามองไปที่แขนของเขาและขมวดคิ้วเล็กน้อย "น่าจะบาดเจ็บตอนจัดการกับพวกคนเลวทรามเหล่านั้นเมื่อกี้นี้ ไม่ร้ายแรงหรอก"ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สังเกตุจนกระทั่งถึงตอนนี้แต่เฉียวเนี่ยนกลับเป็นห่วง “เลือดออกแล้วจะไม่ร้ายแรงได้ยังไง? ไปโรงหมอเถอะ!”แต่จิ่งเหยียนกลับกังวลว่าเลือดของตนจะทําให้นางแปดเปื้
นี่คือน้องสาวของจิ่งเหยียน ควรได้รับการสั่งสอนจากจิ่งเหยียนก็เห็นจิ่งเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ถลึงตาใส่จิ่งโหรว "โหรวเอ๋อร์ อย่าเสียมารยาท!"แต่จิ่งโหรวกลับทําท่าเหมือนไม่ได้ยิน กลับเอ่ยปากถามว่า "พี่ใหญ่ เมื่อกี้จับพวกคนเลวทรามพวกนั้นได้แล้วหรือ? รู้หรือไม่ว่าใครส่งมา? เป็นจวนโหวอีกแล้วใช่หรือไม่?"นางตั้งใจถามแบบนี้เฉียวเนี่ยนแกล้งทําเป็นไม่ได้ยิน ก็ฟังจิ่งเหยียนพูดว่า "ไม่ใช่จวนโหว เป็นข้าที่ไปมีเรื่องกับคนเลวทรามคนหนึ่งในเมืองหลวงเมื่อไม่กี่วันก่อน ไม่เกี่ยวกับเนี่ยนเนี่ยน"ได้ยินดังนั้น จิ่งโหรวกลับทําเสียงหึในลําคอ "จริงหรือ? แต่ทําไมข้าถึงรู้สึกว่าคนเลวทรามคนนั้นก็มุ่งเป้ามาที่คุณหนูใหญ่เหมือนกัน?"ได้ยินถึงตรงนี้ ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็เลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วมองจิ่งโหรวแวบหนึ่งก็เห็นจิ่งโหรวกําลังจ้องมองนางอยู่ น้ำตาคลอเบ้า "ก่อนอื่นพ่อข้าถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่มีเหตุผล ถูกทรมานอยู่ห้าวันเต็มถึงออกมา! วันนี้มีโจรหลายคนบุกเข้ามาอีก ทําให้แม่ข้าตกใจแทบตาย แล้วคราวหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องเอาชีวิตทั้งครอบครัวเราถึงจะมีความสุขใช่ไหม? คุณหนูใหญ่ พวกเราเป็นแค่คนธรรมดา สู้ผู้มีอํ
ตอนนี้รถม้าได้มาถึงถนนมู่ชิวแล้ว แม้ว่าจะมีคนไม่มาก แต่ก็มีคนสิบกว่าคนการกระทําของจิ่งเหยียนดึงดูดความสนใจของทุกคนทันทีเขาไม่ใช่คนที่เก่งในการแสดงออก และยิ่งไม่ชอบถูกชมในที่สาธารณะแต่ในเวลานี้ เขากลับไม่สนใจการชี้ไม้ชี้มือของผู้อื่นแม้แต่น้อย ดวงตาทั้งคู่จ้องมองเฉียวเนี่ยนเขม็ง น้ำเสียงทุ้มต่ำหนักแน่นว่า "ข้าเคยสาบานไว้ว่าจะไม่ทรยศแม่นางเฉียวเด็ดขาด!"เฉียวเนี่ยนยังคงตกตะลึงอยู่นางยังคิดว่าจิ่งเหยียนต้องใช้เวลามากมายในการคิดให้ชัดเจนแต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะไล่ตามออกมาเร็วขนาดนี้ทันใดนั้นก็อ้าปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีเขารู้สึกว่านางกําลังจะทิ้งเขาไปแล้ว จึงเรียกนางว่าแม่นางเฉียวหรือ?ได้ยินเพียงจิ่งเหยียนกล่าวว่า "ข้ารู้ว่าแม่นางเฉียวเป็นห่วงว่าครอบครัวของข้าจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย แต่ข้าคิดแผนรับมือไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นจวนโหวหรือชิวอวี่ ข้าก็มีวิธีรับมือ ขอแม่นางเฉียวเชื่อข้าอีกครั้ง!"เขาคิดว่าต้องเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาทําให้นางถูกบังคับให้อดอาหาร จึงทําให้นางสูญเสียความมั่นใจในตัวเขาดังนั้นตอนนี้เขาแค่อยากขอร้องนาง ให้โอกาสเขาอีกครั้งเขายืนอยู่ใต้แสงแดด
เขาไม่อยากหลีกให้ แต่ก็เข้าใจว่า วันนี้ตนไม่สามารถล้วงความลับจากปากของเซียวเหิงได้แน่คิดแล้วคิดอีก ก็ได้แต่ค่อยๆ หลีกทางให้เซียวเหิงจึงพลิกกายขึ้นม้าอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังทิศทางของวังแต่เมื่อเดินผ่านหลินเย่ว์ ก็ได้ยินเขาถามด้วยเสียงต่ำว่า"เจ้าไม่เคยคิดว่าเจ้าทําแบบนี้ จะทําให้เนี่ยนเนี่ยนเกลียดเจ้ามากขึ้นเหรอ?"ร่างกายของเซียวเหิงพลันแข็งทื่อ แต่กลับไม่หยุดฝีเท้าย่อมเคยคิดมาก่อนแต่เขาไม่มีทางเลือกเขาทําไม่ได้ที่จะมองดูนางไปรักคนอื่นแขนซ้ายพันแผลอย่างง่ายๆ แล้วเซียวเหิงก็เข้าราชสํานักไปฮ่องเต้มองปราดเดียวก็มองออกทันที สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดมาก ในประชุมเช้าไม่ได้เอ่ยคําใด เพียงแค่รั้งเขาเอาไว้หลังจากออกจากประชุมเช้าแล้วภายในท้องพระโรง เซียวเหิงคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่หน้าตําหนักฮ่องเต้ประทับบนบัลลังก์มังกร หลุบตามองเขา น้ำเสียงทุ้มต่ำ เปี่ยมไปด้วยความโกรธ "เจ้ากําลังก่อเรื่องอะไรอยู่กันแน่? เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ยังคิดจะก่อเรื่องวุ่นวายอีกเหรอ?"เซียวเหิงหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่ตอบฮ่องเต้ถลึงตาใส่เขา "ทําไม? ต้องเป็นนางเท่านั้นเหรอ?"ครั้งนี้เซียวเหิงกลับเอ่ยปาก"ใช่ กระ
ตกดึกเฉียวเนี่ยนนอนอยู่บนเตียง พลิกไปพลิกมา อย่างไรก็นอนไม่หลับนางรู้ว่าหนิงซวงอาจไม่สามารถเห็นคําใบ้ของ'นอกเมืองหลวง'ได้ แต่นางสามารถเข้าใจได้อย่างแน่นอนว่าคำว่าต้องรดน้ำมีปัญหานางรู้ว่าถ้าหนิงซวงไม่เข้าใจ นางจะต้องไปหาเซียวเหอแน่นอน และคําใบ้เกี่ยวกับนอกเมืองหลวง เซียวเหอจะต้องดูออกแน่นอนแต่นางก็ไม่รู้ว่านางอยู่นอกเมืองหลวงหรือไม่อย่างไรก็ตามนางถูกขังอยู่ในจวนตลอดเวลาและไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกคนรับใช้ในจวนก็ไม่พูดถึงแน่ ทั้งหมดเป็นเพียงการคาดเดาของนางเท่านั้นเป็นเพราะนางเดินผ่านกําแพงสูงของจวนหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ จากด้านนอกเลย จึงคิดว่าตําแหน่งของจวนหลังนี้จะต้องอยู่ห่างไกลจากเมืองแน่นอนบวกกับวันนั้นนางไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ตอนเช้าตรู่กลับได้กลิ่นไอน้ำที่ชัดเจนและเข้มข้นจึงคิดว่าแถวนี้ต้องมีน้ำแน่นอนแม่น้ำก็ดี น้ำพุก็ดี ต้องมีแน่นอนแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าคําเตือนของนางถูกต้องหรือไม่ แต่ก็มีความหวังอยู่หวังว่า... นางสามารถออกจากที่นี่ได้โดยเร็วที่สุดวันรุ่งขึ้นเซียวเหิงออกจากบ้านแต่เช้าแม้ว่าเขาจะย้ายงานทหารมาที่นี่แล้ว แต่เขาก็ยังต้องไปประช
มันเป็นจดหมายที่สั้นมากและไม่มีสํานวนที่งดงามอะไร ในมุมมองของเฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ มันเป็นจดหมายธรรมดาเท่านั้นแต่ทั้งสองยังคงส่งจดหมายให้เซียวเหิงเซียวเหิงรับมาดูแวบหนึ่ง ดวงตาลึกล้ำไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เพียงเอ่ยเรียบๆ ว่า "ส่งไปเถอะ!""เจ้าค่ะ"เฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ร์รับคําแล้วจากไปแต่แววตาคู่นั้นของเซียวเหิงกลับหม่นหมองลงเขารู้ว่าเฉียวเนี่ยนไม่ยินยอมอยู่ที่นี่แต่อาศัยแค่จดหมายฉบับเดียว ก็อยากหาคนมาช่วยนางเหรอ?ทําไมนางยังไม่เข้าใจว่าตอนนี้ไม่มีใครสามารถพรากนางไปจากเขาได้อีกแล้วเมื่อหนิงซวงได้รับจดหมายฉบับนี้ ก็งงไปหมด"นี่เป็นลายมือของคุณหนูจริงๆ!" หนิงซวงตื่นเต้นจนขอบตาแดงก่ำ หลายวันมานี้ น้ำตาของนางเกือบจะแห้งไปหมดแล้วหวังเอ้ออ่านเนื้อหาในจดหมายแล้วพยักหน้า "ข้าจําลายมือคุณหนูไม่ได้ แต่ในเมื่อคุณหนูบอกว่านางไม่เป็นไร ก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"หนิงซวงเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น "นางเขียนแบบนี้เพื่อให้ข้าสบายใจ นางถูกแม่ทัพเซียวพาตัวไป แม้ว่าร่างกายจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่ในใจต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ!"หวังเอ้อพยักหน้าตาม แต่เมื่อเขาอ่านเนื้อหาในจดหมาย เขาก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ
ท้ายที่สุดเซียวเหิงก็จากไป เขาเดินโซซัดโซเซจากไปราวกับพ่ายแพ้สงครามส่วนเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ในห้องคนเดียว มองดูแสงเทียนที่ลุกโชติช่วง จนกระทั่งฟ้าสางก็ยังไม่รู้สึกง่วงเดิมทีคิดว่า หลังจากผ่านการทะเลาะกันเมื่อคืนมาแล้ว อย่างน้อยเซียวเหิงก็พอจะเข้าใจได้ว่านางไม่อยากมีอะไรกับเขาอีกจริงๆ แต่ใครจะรู้ว่าตอนที่เฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์มาปรนนิบัตินาง ก็ยังเรียก ‘ฮูหยิน’ อยู่ดีกระทั่งถึงวันที่ห้า เซียวเหิงก็ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านนี้โดยตรงเมื่อเห็นเหล่าเด็กรับใช้ขนหนังสือกองแล้วกองเล่าเข้าไปในเรือน คิ้วของเฉียวเนี่ยนก็ขมวดแน่นนางเดินตามเด็กรับใช้เข้าไปในห้องหนังสือ ก็เห็นเด็กรับใช้หลายคนกําลังรวบรวมหนังสืออยู่หน้าชั้นวางหนังสือ ส่วนเด็กรับใช้อีกคนหนึ่งกําลังวางหนังสือจํานวนหนึ่งไว้บนโต๊ะเฉียวเนี่ยนมองปราดหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าล้วนเป็นกิจการทหารหัวใจของนางจมดิ่งลง แม้แต่ในกองทัพเขาก็ไม่อยากไปแล้วเหรอ?เมื่อเด็กรับใช้เห็นนางก็ทําความเคารพพร้อมกัน "คารวะฮูหยิน"คําเรียกแบบนี้ทําให้เฉียวเนี่ยนฟังแล้วรู้สึกทรมานมาก แต่นางก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะโกรธพวกเขา จึงขมวดคิ้วถามว่า "เซียวเหิงล่ะ?""
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก