จนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน ฉันก็เพิ่งมานึกกลัวภายหลัง ขาเรียวทั้งสองข้างสั่นไม่หยุดครั้งหน้าฉันจะไม่อวดเก่งแล้ว ไลฟ์สดแบบน่ารัก ๆ ดีกว่า ทั้งได้เงินเร็วแถมยังไม่ต้องเสี่ยงอันตรายแบบนี้ด้วยทันทีที่ปล่อยวิญญาณผีสาวตนนั้นออกจากร่ม หล่อนบอกกับฉันว่า เมื่อสี่สิบปีที่แล้ว หล่อนเสียชีวิตที่นั่นจากการเจ็บป่วย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังไม่กลับชาติมาเกิดสักที และยังคงเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่ในที่แห่งนั้น ส่วนบ้านพักตากอากาศของเว่ยหลานก็เพิ่งมาสร้างขึ้นภายหลัง หล่อนจึงสิงอยู่ที่นั้นตลอดมาแต่สิ่งที่หล่อนปรารถนาที่สุดตอนนี้คือ การที่หล่อนสามารถไปสู่สุคติและได้กลับชาติมาเกิด กำยานของวัดหลัวฮั่นที่ตั้งอยู่ในเมืองซานเฉิงมีพลังมากที่สุด ฉันจึงพาวิญญาณสาวตนนั้นไปที่วัดหลัวฮั่น และตั้งใจว่าจะนิมนต์พระสงฆ์มาท่องบทสวดสู่สุคติให้หล่อน แต่ใครจะไปรู้ว่าพระสงฆ์ที่มาต้อนรับบอกให้ฉันลงทะเบียนเพื่อจองคิว แต่ฉันดูออกว่าหลังจากจองได้ครึ่งปีแล้วก็ยังต้องจ่ายเงินค่าน้ำมันงาอีกหนึ่งแสนแน่ ๆสำหรับเงินน่ะฉันจ่ายให้ได้ แต่ให้รอครึ่งปีก็คงจะรอไม่ไหวพระสงฆ์ที่มาต้อนรับรูปนั้นเห็นฉันไม่เอ่ยพูดเป็นเวลานาน เลยคิดว่าคงไม่มี
จุนเหยาวิ่งออกมาจากห้องส่วนตัวเฟิร์สคลาสเพราะรู้สึกปวดใจ ทำไมพวกคนรวยคนมีอำนาจพวกนี้ถึงชอบเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นกันนะ ล้อฉันแล้วสนุกมากใช่ไหม?มือเรียวลูบไปที่เนื้องอกบนใบหน้า ทีแรกฉันคิดว่าชีวิตนี้จะต้องเหงาไปจนแก่ซะแล้ว แต่ในที่สุดตอนนี้ความหวังที่ริบหรี่ก็เริ่มสว่างขึ้นมา ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเจออุปสรรคมากมายแค่ไหน แต่ฉันจะก็จะพยายามต่อไปทันใดนั้นก็มีเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสั้นรัดรูปเดินตรงเข้ามาชนอย่างแรง จุนเหยาจึงกล่าวคำขอโทษด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ทว่าหล่อนกลับเอ่ยว่า “เธอคือหยวนจุนเหยาใช่ไหม?”ฉันชะงักพูดอะไรไม่ออกพักใหญ่ “เธอคือ คือหยางยี่เหรอ?”“ใช่แล้ว ฉันเอง” หล่อนมองฉันด้วยความดีใจ สายตาคู่นั้นที่มองมาราวกับว่าเจอของเล่นที่น่าสนใจชิ้นหนึ่ง หล่อนพูดต่อ “เธอมาเที่ยวที่นี่ได้ยังไง? มาคนเดียวเหรอ?”จุนเหยาหลบสายตา “ฉันมีธุระ ไว้คุยกันใหม่นะ”พูดจบร่างเล็กก็หันตัวกลับกำลังจะเดินจากไป แต่หยางยี่คว้ามือเธอไว้แน่น “อย่าเพิ่งไปสิ วันนี้พวกเราที่มาที่นี่คือเพื่อนร่วมชั้นเก่า ๆ ทั้งนั้นเลยนะ เธอก็รู้จักพวกเขา งั้นก็มาสนุกด้วยกันสิ”ท้ายที่สุดไม่ว่าฉันจะยอมหรือไม่ยอม หล่อนก็ลากฉันเข้าไ
ตาคู่นั้นจ้องมองฉันอย่างโกรธเคือง หล่อนยกมือจะตบฉันพร้อมกล่าว “เธอยังกล้าจ้องหน้าฉันอีกเหรอ?”ทว่าทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก ก่อนที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะเดินเข้ามาแล้วขยับปากด่าพึมพำไปด้วย เธอเบี่ยงเบนความสนใจของหยางยี่ไป ทำให้ฉันหลบฝ่ามือนั่นได้ทันท่วงทีเด็กผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนมัธยมต้นเช่นกัน หล่อนชื่อว่าฟางหลานหลาน พ่อแม่ของหล่อนเปิดบริษัทเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง ค่อนข้างมีฐานะดี ตอนนั้นในชั้นเรียนหล่อนมีเงินมากถึงแปดหมื่นหยวนถังซวนยิ้มเยาะ “ใครทำให้คุณหนูฟางของเราโกรธอีกล่ะ?”ฟางหลานหลานกล่าวอย่างโกรธเคือง “เมื่อกี้ฉันเจอคนบ้าประสาทเสียข้างนอก เขาน่าจะดื่มเหล้ามาเยอะ จู่ ๆ ก็มาดึงฉัน จะให้ไปดื่มเหล้าเป็นเพื่อนที่ห้องส่วนตัวของเขา ฉันเลยตบหน้าเขาไปหนึ่งทีและขังเขาไว้ในห้องน้ำหญิง”ทุกคนต่างหัวเราะชอบใจ ถังซวนหัวเราะจนเหนื่อยหอบ “ทำดีแล้วคุณหนูฟาง เธอเป็นผู้หญิงแมน ๆ สมชื่อจริง ๆ ”ฟางหลานหลานเงยหน้าขึ้นสูงจนคางแทบจะชี้ฟ้าและพูดอย่างภาคภูมิใจ “มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ในเมืองซานเฉิงไม่มีใครไม่รู้จักฟางหลานหลานคนนี้หรอก”พูดจบ หล่อนก็หันมามองฉันด้วยความตกใ
สายตาของทุกคนจ้องมาที่ฉัน ฟางหลานหลานแสดงสีหน้าเหลือเชื่อดูเหมือนว่าหลิวซานเกอจะสนใจ เขามองมาที่ฉันแล้วเอ่ย “คิดไม่ถึงว่าในบรรดาคนในห้องนี้จะยังเหลือคนมีน้ำใจอยู่ด้วย ก็ดี เธอแค่ดื่มให้หมดนี่แล้วฉันจะปล่อยหล่อนไป”ขาเรียวก้าวไปตรงหน้าเขา พร้อมถอดหมวกและหน้ากากออกเผยให้เห็นใบหน้าที่มีเนื้องอกถึงแม้ว่าเนื้องอกบนใบหน้าของจุนเหยาจะหายไปแล้วหลายก้อน จนเผยให้เห็นผิวพรรณขาวเนียนใส แต่ดูยังไงก็ยังคงน่ากลัวอยู่ดีหลิวซานเกอตกตะลึงไปครู่หนึ่ง นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสายตาแห่งความขยะแขยงทันที แต่ท้ายที่สุดเขาก็กลับมาสงบได้อย่างรวดเร็วมือเรียวหยิบเหล้าขึ้นมาหนึ่งขวด จุนเหยาเปิดฝาและเทกรอกลงช่องปากทันอย่างว่องไวไม่ถึงหนึ่งนาทีเหล้าก็หมดไปหนึ่งขวด ตามด้วยขวดที่สอง ขวดที่สาม จนกระทั่งถึงขวดที่สิบสอง ทุกคนต่างตกตะลึงแต่ที่แปลกก็คือ ฉันดื่มเบียร์ไปเยอะมากขนาดนี้ แต่หน้าไม่แดงหัวใจไม่เต้นแรง อีกทั้งยังมีความรู้สึกเหมือนไม่ได้ดื่มเบียร์เลยแม้แต่นิดกระทั่งดื่มขวดสุดท้ายหมด ร่างบางก็หันไปมองหลิวซานเกอพร้อมเอ่ย “โอเคไหม?”มือทั้งสองของหลิวซานเกอกำหมัดแน่น “ยัยฮีโร่หญิง!” หลังจากนั้นเขาก็หันไป
บนประตูมีเชือกพลาสติกแขวนอยู่ ถังหมิงหลีจึงเอามีดตัดทิ้ง และในตอนที่กำลังจะเปิดประตู ก็มีเสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งดังขึ้นจนทำฉันตกใจสะดุ้งตัวโยนร่างบางมองไปที่โทรศัพท์มือถือ พบว่าที่แท้ก็เป็นราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางส่งคำขอสนทนามาหาเขากลับมาแล้วเหรอ?ฉันเชื่อมต่อการสนทนาด้วยความดีใจ พลันเสียงชายชราที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น “นังหนู อย่าเข้าไปเด็ดขาด”ฉันตกใจมาก “ท่านอาวุโส วิญญาณข้างในนั้นมันดุร้ายเกินกว่าที่เราจะรับมือเหรอคะ?”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางพูดต่อ “นังหนู ห้องส่วนตัวห้องนี้ตั้งอยู่ที่มุมอับ ในฮวงจุ้ยเรียกว่า มุมวิญญาณ เธอไม่สามารถเปิดห้องได้แน่นอน อย่าว่าแต่คนเข้าไปเลย มีคำกล่าวว่า มีมุมวิญญาณที่คนแล้วออกไม่ได้อยู่ วิญญาณชั่วร้ายจะพันร่างกายคนธรรมดาเข้าไป ถ้าไม่โดนวิญญาณฆ่าตาย ก็ล้มป่วยโดยหาสาเหตุไม่ได้ และร่างกายจะปั่นป่วนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส”ฉันรีบถามทันที “ถ้าอย่างนั้นต้องทำยังไงคะ?”“ไม่เป็นไร ฉันจะสอนเธอวิธีหนึ่ง จะทำให้เธอเข้าไปในมุมวิญญาณได้โดยที่จะไม่ได้รับอันตราย”จุนเหยาทำตามที่เขาบอกโดยใช้สีชาดชนิดพิเศษวาดคาถาลงไปที่ช่องท้อง เพื่อให้ผู้ชมมองเห็น ฉันจึงวาดคาถานั้นล
[คอมเมนต์ข้างหน้าอำนาจองอาจจริง ๆ!]ถังหมิงหลีโบกมือ พลันเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจากกองกำลังพิเศษทั้งสองต่างตกตะลึงและก้าวถอยหลังโดยไม่ได้ตั้งใจทักษะของพวกเขาล้วนสมกับตำแหน่ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะถอยให้กับชายหนุ่มแค่คนเดียวชายหนุ่มคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆถังหมิงหลีกล่าว “หัวหน้าชิว คุณเปิดกิจการนี้ งั้นคุณมีเหตุผลที่จะไล่ลูกค้าไปเหรอ? ในเมื่อจะมาปราบผีกันทั้งหมดนี่ เรามาแสดงความสามารถกันไม่ดีกว่าเหรอ ยังไงซะคุณก็ไม่เสียเปรียบอยู่แล้ว”หัวหน้าชิวอยากตะโกนดัง ๆ ใส่อีกฝ่าย ส่วนอาจารย์โจวยิ้มเย้ยพร้อมหัวเราะเยาะสองครั้ง “น่าสนใจ ถ้าพวกเขาอยากอยู่ก็ปล่อยให้พวกเขาอยู่ ฉันแค่จับวิญญาณเท่านั้น ไม่มีอะไรต้องอาย แต่พวกเธออย่าฉี่รดกางเกงก็แล้วกัน”[คนแก่หน้าใหญ่ แอดมินของพวกเรามีประสบการณ์โชกโชนตั้งนานแล้ว แกรอให้แอดมินจับผีออกมาก่อนเถอะ อย่ากลัวจนเยี่ยวรดตดหายก็แล้วกัน][คัท ขี้โม้จัง แอดมินอย่าปล่อยมันไปนะ จะรอดูมันโค้งคำนับ!][แอดมิน พวกเรารอดูเธออยู่!]รสนิยมของผู้ชมเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเป็นแค่การล่าผีธรรมดา ๆ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีช่วงที่ดูแล้วน่าเบื่อ ทางที่ดีควรโชว์ช็อตเด็ดเอ
ใบหน้าของหัวหน้าชิวเต็มไปด้วยการประจบประแจงจนแทบจะคุกเข่ากอดขาอีกฝ่ายอยู่รอมร่อ “คาถาของท่านอาจารย์โจวดีอย่างที่คิดไว้จริง ๆ แต่เด็กบางคนแถวนี้ดันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง มาท้าทายท่านอาจารย์โจวซะได้”สีหน้าของอาจารย์โจวเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เขาไม่แม้แต่จะเหลียวมองพวกเรา เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพลางกล่าว “คนอย่างฉันจะไปเหมือนกับเด็กที่มีประสบการณ์ธรรมดา ๆ พวกนั้นได้ยังไง?”“ท่านอาจารย์โจววางใจเถอะ รับประกันได้เลยครับว่าค่าตอบแทนเจ็ดล้านของท่านครั้งนี้ ผมจะโอนเข้าบัญชีของท่านให้เร็วที่สุด” ทว่าพอพูดจบ หัวหน้าชิวก็หันไปเห็นบางอย่าง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง พลันตัวแข็งเพราะตกตะลึง ใบหน้านั่นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอาจารย์โจวขมวดคิ้ว ก่อนจะหันศีรษะไปดูอย่างช้า ๆบนไหล่ของเขามีใบหน้าซีดราวกระดาษวางอยู่ ดวงตาของหล่อนทั้งสองข้างเต็มไปด้วยสีเลือดและผมยาวที่กำลังพันรอบแขนของอาจารย์โจว มุมปากของหล่อนเผยรอยยิ้มแห่งความโหดเหี้ยมอาฆาตแค้น“โอ้! ผี!” หัวหน้าชิวล้มลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว กระถดตัวถอยกลับไม่หยุด“อย่าเพิ่งตื่นตระหนก!” อาจารย์โจวตะโกน “ดู ฉันจะสังหารวิญญาณเอง!”เขาชักดาบมาแทงไปทางข้างหล
อาจารย์โจวกล่าวอย่างนับถือ “ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันเคยตามอาจารย์ของฉันขึ้นไปบนเขาชุนหยาง และได้เข้าพบท่านไต้ซือของนิกายชุนหยาง ตอนที่อาจารย์ให้ฉันเข้าไปเล่นในสวน ก็เห็นว่าลูกศิษย์ของชุนหยางสองสามคนกำลังฝึกวิชาสัญญาณมือนี้อยู่”พูดมาจนถึงตอนนี้เขาก็ถอนหายใจ “ฉันไม่เคยลืมวันนั้นที่ได้เจอท่านไต้ซือ ท่านเป็นคนที่สง่างามมาก แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ในประเทศจีน ผู้มีความสามารถด้านนี้ รวมทั้งอารยธรรมของนักรบโบราณกำลังถดถอย ผ่านมาหลายปีแล้วผู้บำเพ็ญเพียรจึงค่อย ๆ หายไปคนแล้วคนเล่า”ทว่าเสี้ยววิ อีกฝ่ายก็แสดงสีหน้าประจบสอพลอออกมาทันที “อย่างไรก็ตาม ในบรรดานิกายชุนหยางอาจจะมีผู้หญิงที่มีพรสวรรค์สามารถใช้พลังหยางบริสุทธิ์ให้เป็นไฟได้ตั้งแต่ยังอายุยังน้อย และไม่แน่ว่าในอนาคตคงมีเพิ่มขึ้นอีกแน่ บางทีเธออาจจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตของลัทธิเต๋าก็ได้”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางถอนหายใจ “ลัทธิเต๋าปฏิเสธพลังนั่นแล้ว แถมยังให้ลัทธินอกรีตพวกนั้นได้รับพลังไปอีก”ฉันเงยหน้าขึ้นแล้วถาม “แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่ไล่ฉันไปล่ะ?”“ไม่รู้สิ” อาจารย์โจวกล่าว “เด็กน้อย ฉันไม่กล้าทำหรอก”ฉันเปล่งเสียงไม่พอใจเพราะขี้เ
เธอหยุดชั่วคราวและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ อีกครั้งว่า “ฉันยังมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอีกข้อหนึ่ง หวังว่าคุณหยวนจะตกลง”“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันไม่พอใจเล็กน้อยกับสายตาที่มีความดูถูกเหยียดหยามของเธอ แต่ฉันก็ยังถามอย่างเก็บอารมณ์เธอพูดว่า “ในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีบางฉากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันอยากให้คุณหยวนได้โปรดอธิบายให้ผู้ชมฟังในการไลฟ์สดครั้งต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจลูกเทียนของเราผิด”ใจของฉันสงบลงและรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นไม่เต็มใจเล็กน้อย “คุณนายเสวีย การไลฟ์สดของฉันเป็นการไลฟ์สดจับผีไม่ใช่การไลฟ์สดเกี่ยบกับความรู้สึก”คุณนายเสวียพูดอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมปฏิเสธ “ฉันก็กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหยาเหมือนกัน ถึงอย่างไรคุณก็เข้าใจสถานะของตระกูลเราในเมืองจินหลิงชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทำให้คนอื่นเข้าใจคุณเหยาผิดว่าประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”สีหน้าของฉันเย็นลงมา นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีที่จะบอกว่าฉันกำลังประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลฉันยิ้มจาง ๆ “คุณนายเสวีย ไม่รู้ว่าคุณชายเสวียเคยบอกคุณไหมว่าฉันเป็นคนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดี”คุณนายเสวียตะลึงไปคร
ยังไม่ถึงสองวัน ชาวเน็ตผู้หญิงที่ซื้อสบู่ทำมือเหล่านี้ไปก็มาโพสต์ที่หมวดยา พวกเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่าสบู่ทำมือนี้ใช้ดีมาก ๆ พึ่งจะใช้ไปไม่กี่วันสภาพผิวก็ดีขึ้นมาก ริ้วรอยตรงขอบตาและมุมปากต่างก็ตื้นขึ้นเยอะด้วยมีหญิงสาวนักรบสายขาวคนหนึ่งบอกว่าบนใบหน้าของเธอมีสิวเยอะมาก เมื่อก่อนนี้เธอใช้เครื่องประทินผิวเยอะเยอะหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้ผล และนั่นทำให้เธอเป็นทุกข์มาก ๆ แต่หลังจากที่เธอได้ใช้สบู่ทำมือ สิวบนใบหน้าของเธอก็หายไป และไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นมาอีก เธอยังปล่อยภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังออกมาเป็นพิเศษอีกด้วยในไม่ช้า สบู่ทำมือนี้ก็ถูกอัปโหลดลงบนนักเล่นแร่แปรธาตุเน็ตเวิร์กทั้งหมด และนักเล่นแร่แปลธาตุผู้หญิงจำนวนมากต่างก็ฝากข้อความต้องการจะซื้อไว้ทางบริษัทเครื่องสำอางก็มีผลตอบรับกลับมาว่าได้กำหนดสูตรสบู่ทำมือแล้วสามชนิด ชนิดที่หนึ่งคือ กลิ่นหอมของหอมหมื่นลี้ที่ใช้สำหรับขาวใส ชนิดที่สองคือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ใช้สำหรับป้องกันสิว และอีกหนึ่งชนิดก็คือกลิ่นหอมของว่านหางจระเข้ที่ใช้สำหรับให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษผลลัพธ์ของทั้งสามชนิดต่างก็ดีมาก ๆ และทีมผู้บริหารของบริษัทก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อมองดูรถของพวกเขาหายไป ฉันก็แอบถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าคุณนายเสวียจะลืมช่วงความตายของคุณชายเสวียไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนกรวยแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในใจก็ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอฉันยักไหล่ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถขอให้ทุกคนมาชอบตัวเองได้หรอกร่างบางกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็โดนปลุกให้ตื่นโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันหาวหวอดพลางเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เห็นถังหมิงหลียืนอยู่นอกประตู เขาถือกระเป๋าสัมภาระธรรมดาใบหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือดมาก ราวกับว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเพราะรีบกลับมาเมื่อเขาเห็นฉันก็รีบโผเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของฉันฝังอยู่ที่คอของเขาอย่างแรงและเขาก็พูดขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บนเกาะหิมะตลอด ฉันไม่รู้เลยว่าเธอว่าได้เจอกับอันตรายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันต้องรีบกลับมาช่วยเธอโดยเร็วที่สุดแน่นอน”ฉันยิ้มออกมา “เป็นเพราะอย่างนี้เองเหรอ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”เขาจับหน้าของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างเร็วฉันตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วรีบผลักเขาออก พลันพูดอย่างร้อนใจ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”“ใช่ ฉันบ้าไปแ
พลังที่เก้าเอ่ยแทรก “หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่จริงผีตัวนี้มีชีวิตและมีเนื้อหนัง แค่เนื้อหนังของมันก็คือทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางยังกล่าวอีกว่า “ฉันไม่ได้เจอผีที่มีเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์แบบนี้มาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอยู่ในโลกมนุษย์”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้ว่าในตอนนี้ในโลกมนุษย์จะขาดแคลนพลังปราณ แต่อารมณ์เจ็ดอายตนะหกของผู้คนก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ผีก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ก้อนนั้นเริ่มเผาไหม้และควันหนาค่อย ๆ ลอยออกมา ผีใบหน้าสีดำตัวนั้นเผยหน้าตาที่แสนเจ็บปวดออกมา พลันกำแพงรอบ ๆ ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและพวกเราก็ได้วิ่งออกมาจากโรงเรียนแห่งนั้น อาคารร้างทั้งหลังล้วนจมลงไปในเปลวไฟ ริ้วลิ้นแห่งเปลวไฟยังกระโจมอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแสงไฟ“อ๊าก!” ในที่สุดผีใบหน้าสีดำก็ปรากฏขึ้นมาในเปลวไฟ มันโดนไฟเผาจนเล็กลงเรื่อย ๆ และมองไม่เห็นอีกต่อไปฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ ในที่สุดก็จบลงแล้ว จะไม่มีเกมส์แห่งความตายอีกต่อไปแล้ว และก
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ