[คนข้างบนช่างไร้ความรู้จริง ๆ เคยได้ยินเรื่องสาวคอยาวบ้างไหม? วิชาลดศีรษะชนิดหนึ่งของหนานหยางอ่ะ] [เธอเคยเห็นสาวคอยาวเป็นกาฝากในท้องของมนุษย์ไหม?] [หรือว่าสาวคอยาวจะกลายพันธุ์ล่ะ?] [นี่คือ หนอนนรก พวกเธอคิดว่านี่มันเป็นหัวมนุษย์จริง ๆ เหรอ? มันคือหนอนชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในยมโลก มันมีรูปร่างเหมือนศีรษะของมนุษย์และกินคนโดยเฉพาะ] [คนข้างบนรู้ลึกรู้จริง ได้โปรดรับการคารวะของฉัน] ฉันมองปุ๊บก็รู้เลยว่ามันเป็นหนอนนรก พวกมันใช้หัวในการเดิน หลังจากเจาะท้องของหญิงสาวออกมาแล้ว หญิงวัยกลางคนก็ล้มลง กลายเป็นเปลือกว่างเปล่า ทันใดนั้นขนของหนอนนรกก็แผ่ออก พลันปีนขึ้นไปบนที่นั่งและเริ่มคลานอย่างรวดเร็ว “เจ้าเดรัจฉาน!” จุนเหยาตะโกนด้วยความโกรธ “ตายซะ!” พูดจบเธอก็กวัดแกว่งดาบไม้ท้อในมือ จนไฟลุกโชนออกมาจากดาบพุ่งเข้าใส่หนอนนรกทันที ทว่าหนอนนรกนั้นรวดเร็วมาก เปลวไฟจึงปะทะกับเก้าอี้และถูกเผาจนเป็นรูใหญ่ ฉันดับไฟทันทีแล้วขว้างลูกไฟใส่หนอนนรกอย่างต่อเนื่อง หนอนนรกหลบไปทีละครั้งทีละครั้ง ใบหน้าของมันปรากฏรอยยิ้มสะใจและดูถูกเหยียดหยาม มันพลิกตัวผ่านที่นั่ง พลันอ้าปากและกรีดร้อง
เขาพลิกตัวขึ้นสู่กลางอากาศ ลมกระโชกแรงพุ่งผ่านบริเวณที่เขายืนอยู่ พลันมีคนลุกขึ้นจะเข้าห้องน้ำพอดี แต่กลับถูกลมนี้ฟาดจนขาดเป็นสองท่อน “กร๊าซ!” เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังขึ้นท่ามกลางโบกี้ที่เงียบสงัด ผู้คนต่างพากันวิ่งหนีอย่างตื่นตระหนก คิ้วคมเข้มของเขาขมวดเข้าหากันพลางมองไปรอบ ๆ เพื่อค้นหาคนที่ลอบโจมตีเขาท่ามกลางฝูงชน ทันใดนั้น สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่คนคนหนึ่ง ชายหัวล้านรูปร่างผอมบาง มุมปากมีรอยยิ้มชั่วร้าย กำลังปะปนอยู่ในฝูงชนพลางคิดจะหลบหนี สีหน้าของเขาเย็นชา พลันตัดสินใจหยิบลูกดอกขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือออกมาจากแขนเสื้อ แล้วยกมือขึ้นปามันออกไป ลูกดอกบินผ่านฝูงชนที่กำลังพลุกพล่านและปักลงบนหน้าผากของชายผู้นั้นอย่างแม่นยํา ร่างกายของชายผู้นั้นหยุดชะงัก ตาค้าง และล้มลงไปกองกับพื้นในที่สุด เสวียห้าวเทียนกําลังจะเข้าไปตรวจสอบชายคนนี้ แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงอันตรายที่ร้ายแรงกว่า ผู้โดยสารที่เดิมทีกําลังจะวิ่งออกไปข้างนอกพลันหยุดเดิน และค่อย ๆ หันกลับมาด้วยแววตาที่เย็นชาและจ้องเขม็งไปที่เขา เขาตกใจ คนพวกนี้ถูกปีศาจควบคุมกันหมดแล้วเหรอ? “ฮิ ฮิ ฮิ” เสียงหัวเราะ
เสวียห้าวเทียนกระซิบข้างหูของฉัน “ผีดิบ”เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก็เห็นชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมลัทธิเต๋าสีเหลืองเดินนําหน้าและตามมาด้วยคนอีกหกคนชายในชุดคลุมลัทธิเต๋าดูน่าเกลียดมาก คนที่อยู่ข้างหลังเขาล้วนสวมชุดสูทราคาถูก ใบหน้าเขียวคล้ำ ริมฝีปากสีม่วง ดวงตาล่องลอย พวกเขาไม่ได้เดิน แต่กระโดด ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นศพ! [เอ๊ะ ทําไมศพพวกนี้ถึงไม่สวมชุดกวนฝูสมัยราชวงศ์ชิงล่ะ?] [คนข้างบนดูหนังเรื่องหลินเจิ้งอิงเยอะไปหรือเปล่า? ต้าชิงตายแล้ว เธอรู้ยัง? ตอนนี้มันเป็นศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดแล้ว ใครจะมาสงมาสวมเครื่องแบบกวนฝูสมัยราชวงศ์ชิงอยู่อีกล่ะ?][เชอะ ตอนนี้ยังมีคนไล่ศพอยู่อีกเหรอ? แค่จุดไฟเผาส่งกลับบ้านเกิดก็พอแล้วมั้ง สะดวกมาก แถมยังนั่งเครื่องบินกลับได้อีกด้วย] [นี่คนข้างหน้า เธอไม่รู้ใช่ไหมว่าหลายสถานที่มีประเพณีจะต้องฝังศพ?] ตาคมกวาดมองซากศพเหล่านั้นพลางขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะพูดกับเสวียห้าวเทียน “ศพพวกนี้แปลกมาก มันศพฟื้นคืนชีพแน่นอน” “ทำไมคุณถึงคิดอย่างนี้ล่ะ?” เสวียห้าวเทียนถาม จุนเหยาตอบ “คุณดูหน้าผากของพวกเขาสิ ควันสีดําหมุนวนอยู่ นี่เป็นการกระตุ้นปราณศพ ศพจะต้องฟื้นคืน
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห