ใต้เท้ากู้นั่งปรึกษากับกู้ฮูหยินอยู่ภายในศาลากลางน้ำด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด เพราะไม่รู้ว่าจะหาถ้อยคำใดที่ฟังดูไม่ร้ายแรง ไปแจ้งให้ท่านแม่ทัพกับซูฮูหยินทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวของพวกเขา เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินรู้สึกผิดต่อลูกสะใภ้ของพวกตนอยู่ไม่น้อย เพราะนางเพิ่งจะออกเรือนมาได้ไม่ถึงสามวันดี กลับต้องมาพบเจอกับเรื่องเลวร้ายเช่นนี้
“นี่คุณชายใหญ่กลับมาแล้วใช่หรือไม่” ใต้เท้ากู้เอ่ยถามบ่าวรับใช้ที่กำลังรินน้ำชาให้เขาและภรรยา“เจ้าค่ะนายท่าน ยามนี้คุณชายใหญ่กำลังนั่งเฝ้าดูแลฮูหยินเล็กอยู่ไม่ห่างเลยเจ้าค่ะ” ใต้เท้ากู้พยักหน้าก่อนที่จะเขาจะมองหน้าภรรยาแล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ข้ารู้สึกละอายใจต่อเจ้ากับเฉินเอ๋อร์ยิ่งนัก หากข้าไม่พาสตรีชั่วร้ายนางนั้นเข้ามาในจวน ไหนเลยวันนี้จะเกิดเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ขึ้นกับลูกสะใภ้ของพวกเราได้” กู้ฮูหยินเอื้อมมือไปบีบมือของสามีเบาๆ นางรู้ความจริงเรื่องนั้นดี สามีไม่เคยเต็มใจที่จะรับอนุซินเข้ามาเป็นอนุภรรยาในจวนเลยเดิมทีเขาก็มีเพียงแค่นางที่เป็นภรรยาเดียว แ“นายท่านขอรับ นายท่าน เกิดเรื่องแล้วขอรับ”เสียงของบ่าวรับใช้ดังมาจากด้านนอกห้อง ใต้เท้ากู้รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาทันใด วันนี้ในจวนของเขาช่างมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน เขาถอนหายใจออกมาก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู แล้วออกไปฟังบ่าวรายงานข้างนอก“ยังจะมีเรื่องใดที่แย่ไปกว่านี้เกิดขึ้นในจวนข้าอีกเยี่ยงนั้นรึ”“สกุลต้วนขอรับ สกุลต้วนส่งของหมั้นกลับมา พร้อมทั้งกล่าวว่า คุณชายรองกู้ประพฤติตนผิดศีลธรรม ลักลอบมีความสัมพันธ์กับสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน หลอกลวงและหยามศักดิ์ศรีของคุณหนูรองสกุลต้วน นับแต่นี้ต่อไป สกุลต้วนไม่ขอเกี่ยวดองกับคนในสกุลกู้อีก”บ่าวรับใช้รายงานออกมาตามคำพูดของบ่าวรับใช้อาวุโสของสกุลต้วน คนพวกนั้นนำหีบมาส่งที่หน้าจวน พร้อมทั้งเผาเทียบขอหมั้นหมายที่หน้าประตูจวน แล้วออกจากหน้าบริเวณหน้าประตูจวนไปทันที“เจ้าลูกชั่ว!!! สันดานมารดาเป็นเยี่ยงไร เจ้านั่นก็ได้รับมาเยี่ยงนั้นสินะ”ใต้เท้ากู้เดือดดาลขึ้นมาอย่างไม่อาจระงับโทสะได้ ยังไม่ทันได้แต่งสะใภ้รองเข้ามาด้วยซ้ำ ทว่าบุตรชายรองของเขากลับทำตัวไร้ยางอาย
เรื่องราวที่ตระกูลกู้ถูกตระกูลต้วนถอนหมั้นอย่างไม่ไว้หน้า ได้ถูกเล่าลือไปทั่วทั้งเมืองหลวงในเช้าวันต่อมา ทว่ากู้มู่เฉินก็ยังพาภรรยาเดินทางกลับสกุลเดิมตามกำหนดการเดิม ราวกับว่าไม่ใช่เรื่องของตน ขบวนรถม้าที่เคลื่อนผ่านชาวบ้านไป ยังคงเรียกสายตาให้คนมองมาได้เป็นอย่างดี“หากเป็นคุณชายใหญ่ พวกเจ้าว่าตระกูลต้วนยังจะถอนหมั้นกับตระกูลกู้อยู่หรือไม่” เสียงของชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยถามสหายข้างกาย“ไม่มีทางหรอก ผู้ใดในเมืองหลวงที่จะไม่รู้บ้าง ว่าท่านใต้เท้าต้วนอยากได้คุณชายใหญ่กู้มู่เฉินไปเป็นลูกเขย แต่ทว่าคุณชายใหญ่กู้กลับพบรักกับคุณหนูรองสกุลซูไปเสียก่อน ถึงเขาจะอยากได้คุณชายใหญ่กู้ไปเป็นบุตรเขยเพียงใด แต่จะให้ตัดใจยกบุตรีที่ตนหวงแหนให้เป็นอนุของอีกฝ่าย ท่านใต้เท้าต้วนก็มิอาจตัดใจทำได้ลง” ชายผู้นั้นตอบสหายให้หายข้องใจ ทว่าอีกฝ่ายยังคงสงสัย ยังคงแสดงความคิดเห็นของตนออกมา“แต่ก็ไม่รู้คุณชายรองกู้กระทำผิดอันใด คุณหนูรองต้วนถึงได้ยอมเปลี่ยนใจให้บิดาถอนหมั้นเขาอย่างไม่เกรงว่านางจะหาบุรุษออกเรือนไม่ได้อีก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้ายังดื้อรั้นอยากจะหมั้นหมายกับเขาอยู่เ
ในเย็นวันนี้ที่เรือนพักของอนุเซียวจึงมีบรรยากาศที่ครึกครื้นยิ่งนัก หลูเจียงหลียิ้มออกมาจนแก้มปริ ครั้นได้รู้ว่าวันนี้กู้อี้เหวินได้ให้บิดาของเขา ส่งแม่สื่อมาขอหมั้นหมายและสู่ขอนางไปเป็นภรรยาเอก ไม่คิดว่านางอยู่ของนางเงียบๆ เฉยๆ ข้างกายเขา สุดท้ายนางก็กลายเป็นสตรีที่สมหวัง สมความปรารถนาไปเสียได้ อนุเซียวเองก็มองบุตรสาวด้วยแววตาที่แสดงออกมาถึงความภาคภูมิใจ สิ่งที่นางสั่งสอนไปบุตรสาวคงจะเรียนรู้และรับไปเป็นอย่างดี สุดท้ายสิ่งที่นางคอยพร่ำสอนก็ไม่สูญเปล่า“พรุ่งนี้เจ้าเอาเงินนี่ไปตัดชุดงามๆ หลายๆ ชุด หากเจ้าได้ออกเรือนไปจริงๆ จะได้ไม่อายพี่สะใภ้ของเจ้า ข้าได้ยินมาว่า นางเป็นถึงบุตรีของท่านแม่ทัพ ที่เคยชนะศึกชายแดนเมืองโหยว่ถิงเมื่อสองปีก่อน ท่านแม่ทัพผู้นี้เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทยิ่งนัก เจ้าแต่งเข้าไปก็อย่าได้ไปมีเรื่องบาดหมางอันใดกับนางเชียวล่ะ มิเช่นนั้นแม้แต่สามีของเจ้าก็คงช่วยเหลือเจ้าเอาไว้ไม่ได้”ใต้เท้าหลูมอบถุงเงินให้บุตรสาวก่อนที่จะกล่าวออกมา เขาไม่ลืมที่จะกำชับเรื่องไม่ให้นางไปเป็นศัตรูกับพี่สะใภ้ของนาง เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงคุณหนูรองแห่งจวนแม่ทัพ หากบุตรสา
หลังจากที่ซูเยว่ซินกลับจากการเยี่ยมสกุลเดิมได้เพียงแค่สองวัน อนุซินก็ทนพิษบาดแผลและทนความหิวโหยไม่ไหว นางได้สิ้นใจตายไปอย่างทรมาน แม้แต่กู้อี้เหวินบุตรชายแท้ๆ นางก็ไม่ได้เห็นหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย หาใช่เป็นคำสั่งของใต้เท้ากู้ไม่ ทว่าเป็นกู้อี้เหวินเองที่นึกรังเกียจ ไม่อยากเห็นสภาพที่น่าสมเพชเวทนาของมารดา“แม้นางจะกระทำความผิดจนได้รับการลงทัณฑ์จนตาย แต่ถึงเช่นไรแล้วนางก็มีศักดิ์เป็นอนุในเรือนของเรา อีกทั้งยังเป็นสตรีที่ให้กำเนิดทายาทแก่ตระกูลกู้ ข้าว่าหาสุสานที่มีฮวงจุ้ยดีๆ เพื่อฝังร่างของนาง ให้นางได้ปล่อยวางจากโลกนี้ไปอย่างตาหลับเถิดนะเจ้าคะ"กู้ฮูหยินกล่าวออกมา หลังจากที่นั่งปรึกษาหารือกันกับสามีอยู่ในเรือนใหญ่ เพราะตามหลักธรรมเนียมปฏิบัติของจวนขุนนางแล้ว หากอนุภรรยาตายไป จะไม่มีการจัดพิธีศพให้ แต่จะแห่ออกไปทำพิธีฝังเลย ท่านใต้เท้ากู้ได้รายงานเรื่องนี้ให้แก่ทางการทราบ ว่าอนุภรรยาของตนสิ้นใจตายเพราะอาการเจ็บป่วยแต่ผู้ใดเลยจะมาสนใจอนุภรรยาในเรือนที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อย ไม่มีผู้ใดสอบถามถึงสาเหตุการจากไปของนางให้มากความ ทำให้คนนอกไม่มีผู้ใดรู้ความจริงเลยว่า อนุภร
ครั้นทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินและยกน้ำชาลาบิดามารดาฝั่งเจ้าสาวเสร็จ กู้อี้เหวินก็พาหลูเจียงหลีขึ้นเกี้ยวกลับจวนทันที ระยะทางจากจวนตระกูลหลูไปถึงจวนตระกูลกู้นั้นหาได้ไกลกันนัก ทำให้ขบวนรับเจ้าสาวเดินทางไปถึงจวนตระกูลกู้อย่างรวดเร็ว กู้อี้เหวินไม่แม้แต่จะกระทำเช่นเดียวกับกู้มู่เฉิน ที่นำพาขบวนเกี้ยวเจ้าสาววนอยู่ในเมือง เพื่อให้ชาวเมืองได้พากันมาชื่นชม ทว่าเขากระทำการทุกอย่าง อย่างเร่งรีบจนหลูเจียงหลีรู้สึกไม่ค่อยพอใจ และเริ่มไม่ค่อยมั่นใจว่าเขาอยากจะแต่งงานกับนาง แต่ถึงเช่นไรแล้วนางก็ยังต้องการการแต่งงานนี้อยู่ดีหลังจากถึงจวนตระกูลกู้ กู้อี้เหวินก็เดินนำหน้าเจ้าสาวเข้าจวนไปโดยที่ไม่สนใจนางเลยแม้สักนิด ราวกับว่าการแต่งงานในครานี้เขาเป็นฝ่ายถูกบังคับอย่างไรอย่างนั้น ก่อนที่เขาจะเดินไปหยุดรอนางอยู่ในโถงพิธีด้วยใบหน้าที่เฉยชา ซึ่งด้านหน้ามีใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินนั่งอยู่บนตั่งด้วยใบหน้าที่กระอักกระอ่วน เดิมทีคิดว่ากู้อี้เหวินพอใจที่จะแต่งงานกับคุณหนูสี่สกุลหลูผู้นี้เสียอีก เหตุใดผ่านมาไม่นาน กู้อี้เหวินถึงได้ทำตัวเฉยชาใส่อีกฝ่ายไปเสียได้แขกที่มาร่วมงานเอง ก็คิดไม่ต่างจากที่ท่านใต้เท
หลังจากที่ได้อ่านตัวอักษรที่ถูกเขียนอย่างบรรจงลงในกระดาษเนื้อดี เจ้าสาวหมาดๆ ก็ถึงกับระงับโทสะเอาไว้ไม่ไหว ที่ผ่านมากู้อี้เหวินนอกจากจะไม่สนใจมารดาที่ตายจากไปแล้ว ยังเอาเวลาไปลุ่มหลงนารีอีกหรือ อีกทั้งสตรีที่เขาไปลุ่มหลง หาใช่คุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์ใดไม่ ทว่ากลับเป็นหญิงคณิกาของหอชิวโหรว ที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยกว่านางเสียด้วยซ้ำหลูเจียงหลีปัดเทียนมงคลกับผลไม้มงคลจนกระเด็นไปทั่วห้อง ทว่านางกลับไม่กล้าที่จะส่งเสียงอาละวาดออกมาให้ตนได้อับอาย นางร้องเรียกสาวรับใช้คนสนิทที่ติดตามนางออกเรือนมาด้วยน้ำเสียงร้อนใจ“เถียวเอ๋อร์ เถียวเอ๋อร์!!! รีบมาช่วยข้าผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ที ข้าจะต้องออกไปข้างนอก”“คุณหนู…อุ้ยฮูหยินเล็กรอง คืนนี้เป็นคืนแต่งงานของท่านนะเจ้าคะ ท่านจะออกไปที่ใดกัน”เถียวเอ๋อร์เอ่ยถามคุณหนูสี่ของนางออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก พลันมองไปรอบๆ ห้องจึงเห็นสิ่งของกระจัดกระจายไปจนทั่วห้อง นางลอบถอนใจออกมา ถึงจะออกเรือนแล้วแต่อารมณ์ร้อน เอาแต่ใจตนเองของคุณหนูสี่ ย่อมไม่อาจละทิ้งเอาไว้เบื้องหลังได้ นางก็ได้แต่หวังว่าท่านเขยสี่จะไม่เบื่อหน
หลูเจียงหลีมองหญิงคณิกาที่นั่งตัวสั่นอยู่บนเตียงด้วยแววตาดูถูก ทว่าเพียงแวบเดียวนางกลับเห็นแววตาเย้ยหยันของอีกฝ่ายที่มองมายังนาง ก่อนที่หญิงคณิกาผู้นั้นจะก้มหน้าลงร่ำไห้ออกมา หลูเจียงหลีรู้แล้วว่านางผู้นี้หาใช่สตรีที่จะรับมือด้วยได้ง่าย ขอแค่ให้ผ่านค่ำคืนนี้ไป สถานะของนางในจวนตระกูลกู้มั่นคง มีหรือที่นางจะจัดการแม้กระทั่งหญิงคณิกาที่ต่ำต้อยเพียงนางเดียวไม่ได้กู้อี้เหวินจ้องบ่าวรับใช้คนสนิทด้วยสายตาตำหนิ ครานี้อีกฝ่ายทำงานผิดพลาด เห็นทีผ่านคืนนี้ไปเขาต้องสั่งโบยเพื่อให้หลาบจำ จะได้ไม่ปล่อยให้เขาได้พบเจอกับเรื่องที่อับอายเช่นนี้อีก ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่บนรถม้าที่มีหลูเจียงหลีนั่งมองมายังเขา กู้อี้เหวินทอดถอนใจออกมา ก่อนที่จะเอ่ยปากบอกนางตรงๆ“ไหนๆ เจ้าก็แต่งเข้ามาเป็นภรรยาเอกของข้าแล้ว หลังจากนี้ไป ข้าจะรับอนุภรรยาเข้ามา” หลูเจียงหลีถึงกับตะลึงในคำพูดของผู้เป็นสามี“แต่เราเพิ่งจะแต่งงานกันนะเจ้าคะ พี่ชายใหญ่ของท่านแต่งก่อนท่านตั้งหลายเดือนด้วยซ้ำ แต่เขายังไม่มีวี่แววที่จะรับอนุภรรยาเลย นอกเสียจากว่าข้ามีครรภ์ นั่นถึงจะเป็นเหตุผลที่ดีหากท่านต้องการจะรับ
ในช่วงเวลานี้ของชีวิตก่อน เป็นช่วงเวลาที่บิดาและพี่ชายของซูเยว่ซินถูกสังหาร ทว่ายามนี้ผู้ที่ได้รับกรรมนั้นไป กลับกลายเป็นท่านใต้เท้าซิน และคุณชายใหญ่ซินอี้ฉู ผู้ที่เป็นท่านตาและท่านลุงของกู้อี้เหวินนั่นเอง นางได้ยินมาว่าสองพ่อลูกใช้อำนาจ จากการแอบอ้างชื่อเสียงของท่านใต้เท้ากู้ ไปรับเงินติดสินบนจากพวกผู้กระทำผิด และรีดไถเงินของพวกชาวบ้าน พวกเขาทำกันมานานจนในที่สุด ท่านใต้เท้ากู้ก็อดทนต่อความโลภมากของพวกเขาไม่ไหว จึงได้รวบรวมหลักฐานแล้วแจ้งเรื่องนี้ให้แก่ทางการ จนสองพ่อลูกริบทรัพย์และเนรเทศออกจากเมืองหลวงไปยังเมืองโหย่วชิงระหว่างทางกลุ่มของผู้ถูกเนรเทศก็พยายามหลบหนี สองพ่อลูกโชคดีที่หลบหนีไปได้ แต่ทว่าโชคไม่ดีที่พวกเขาไปเจอกับพวกโจรเข้า ทั้งสองต่างก็ไม่มีทรัพย์สมบัติใดให้พวกโจรปล้นชิง จึงถูกพวกโจรปล้นชิงชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเขาไปแทน สองพ่อลูกสิ้นใจตายอย่างอนาถ เป็นอันจบสิ้นคนตระกูลซิน เหลือเพียงกู้อี้เหวิน ที่ถึงขั้นยอมตัดขาดกับตระกูลเดิมของมารดา เพียงเพราะฝั่งนั้นมีคดีติดตัวพ่อสามีของซูเยว่ซินที่ยามนี้ยังมีชีวิตอยู่ดี ก็คงจะเป็นเพราะภรรยาไม่ได้จากไปเฉกเช่นในชีวิตก่อน คน
“เจ้าพูดจริงหรือไม่” กู้มู่อวิ๋นถามตู้ชวนออกมาเพื่อความแน่ใจ เด็กชายตัวน้อยที่อายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปีกว่าๆ พยักหน้าขึ้นลง“ตู้ชวน ข้าให้เจ้าคิดดูให้ดี ว่าเจ้าจะทิ้งท่านแม่ของเจ้าไปได้แน่รึ สามปีเชียวนะ…หาใช่สามวัน” กู้มู่อวิ๋นถามย้ำตู้ชวนหันไปมองหน้ามารดา นางมองมายังเขาด้วยแววตาอาวรณ์ ทว่าเขาตระหนักถึงคำสอนของบิดา ว่าพวกเขาเป็นบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ต่อตระกูลกู้มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษไม่ว่าเจ้านายจะไปที่ใด หากเป็นที่ที่พวกตนสามารถติดตามเข้าไปได้ ก็ต้องติดตามไปรับใช้พวกเขาทุกที่ เด็กชายจดจำคำสอนของบิดาอย่างขึ้นใจ เขาจึงตอบออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่จะหันไปคำนับขออนุญาตมารดา“ข้าคิดดีแล้วขอรับ ท่านแม่…โปรดอนุญาตให้ลูกติดตามไปรับใช้คุณชายใหญ่ด้วยเถิดขอรับ”ชิงหลวนน้ำตาซึม บุตรชายยังเยาว์วัยนัก แต่ถ้าหากนางอยากจะให้บุตรชายแข็งแรง และสามารถปกป้องคุณชายใหญ่ได้ในภายภาคหน้า นางก็จำต้องให้เขาไป“แม่อนุญาต” ชิงหลวนตอบบุตรชายกลั้นสะอื้นซูเยว่ซินมองสาวรับใช้คนสนิทด้วยแววตาขอบคุณ กู้มู่เฉินหันไ
ในช่วงเหมันตฤดู มีหิมะโปรยปรายร่วงหล่นลงมาบนพื้นดิน จนปรากฏให้เห็นภาพขาวโพลน บริเวณลานกว้างในจวนสกุลกู้ ยามนี้มีเด็กชายตัวน้อยสองคน กำลังวิ่งเล่นกันอยู่กลางลานกว้างหน้าเรือน ด้านหลังมีสตรีวัยยี่สิบต้นๆ กับสตรีวัยแรกแย้มอีกสองคนคอยวิ่งตามหลังจนเหนื่อยหอบเสียงหัวเราะสดใสตามวัยดังขึ้นเป็นระยะ บัดนี้กู้มู่อวิ๋น บุตรชายคนโตของท่านราชครูกู้มู่เฉิน กับฮูหยินใหญ่ซูเยว่ซิน ก็ได้เติบโตเข้าสู่วัยเจ็ดปีแล้ว เด็กน้อยเกิดในฤดูหนาว ทำให้เขาคุ้นชินกับสภาพอากาศเช่นนี้และเด็กน้อยอีกคนที่กำลังวิ่งตามหลังเขา นั่นก็คือบุตรชายของตู้จิ้นและชิงหลวน ซึ่งเป็นบ่าวและสาวรับใช้คนสนิทของท่านราชครูและฮูหยินใหญ่ ทั้งคู่แต่งงานกันหลังจากที่ฮูหยินใหญ่ให้กำเนิดคุณชายใหญ่ได้เพียงสามเดือน และไม่นานนัก ชิงหลวนก็ตั้งครรภ์ ทันใช้สมใจของผู้เป็นบิดามารดา ที่ต้องการจะให้ทายาทของตน มาคอยรับใช้คุณชายน้อยต่อไปเช่นกัน“คุณชายใหญ่ ระวังลื่นนะเจ้าคะ” แม่นมกุ้ยร้องตามหลังคุณชายตัวน้อย“ไม่ล้ม…ข้าเก่ง ตู้ชวนเร็วเข้า”กู้มู่อวิ๋นร้องบอกแม่นมขณะที่ยังคงวิ่งวนอยู่บริเวณลานกว้าง
เช้าวันรุ่งขึ้น มีชาวเมืองพบศพของสตรีนางหนึ่ง ที่ลอยไปติดอยู่กับเรือบรรทุกสินค้าของพ่อค้า ที่เดินทางมาค้าขายในเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อคืน ทว่าเขาจอดเรือเทียบท่าเอาไว้ แล้วตนเองไปเข้าพักที่หอชิวเซียน ยามเช้ากลับมาสำรวจเรือตนเอง จึงได้พบศพของสตรี เขาจึงรีบแจ้งให้แก่ทางการได้ทราบครั้นทางการนำศพขึ้นมาแล้วก็พบว่า ผู้ตายเป็นอดีตฮูหยินของกู้อี้เหวิน คุณชายรองสกุลกู้ที่เพิ่งจะป่วยตายจากไปได้ไม่นาน ชาวเมืองหลายคนต่างพากันนึกเวทนา หญิงสาวที่ก่อนหน้าเคยเป็นสตรีที่เพียบพร้อมนางหนึ่ง อยู่ ๆ ก็กลายเป็นคนสติไม่ดี ผู้ใดเลยจะคิดว่าคุณหนูสี่ผู้เย่อหยิ่งแห่งจวนตระกูลหลู จะได้มาพบกับจุดจบที่น่าสังเวชเช่นนี้ซูเยว่ซินนั่งมองดอกบัวหลากสีที่กำลังเบ่งบานอยู่ในสระกลางจวนตระกูลกู้ นางกำลังขบคิดว่า จุดจบที่ชายหญิงสารเลวทั้งสองได้พบเจอ นั้นสาสมกับสิ่งที่พวกเขาเคยกระทำต่อนางและผู้คนที่รักนางในชีวิตก่อนแล้วหรือ ทว่าพอกลับมาคิดดูอีกที หากเรื่องที่นางย้อนเวลากลับมาไม่เคยเกิดขึ้น จะไม่เท่ากับว่านางเองก็เป็นสตรีร้ายกาจ ไม่ต่างจากคนพวกนั้นหรือในระหว่างที่ซูเยว่ซินกำลังว้าวุ่นใจอยู่นั้น กู้มู่เฉินก็เดินเ
หลังจากที่กู้อี้เหวินถูกใต้เท้ากู้ลงโทษตามกฎของตระกูล เขาก็ทนมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน ทว่าก่อนที่เขาจะจากไป เขากลับได้ฝันเห็นเรื่องราวบางอย่าง ช่างเป็นความฝันที่ทำให้เขามีความสุขยิ่งนัก เป็นความฝันที่เขาไม่อาจสัมผัสในชีวิตนี้ในฝันนั้นเขาได้แต่งงานกับซูเยว่ซิน และได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลสมดังใจปรารถนา แต่ทว่าสุดท้ายเขาก็เป็นผู้ที่หยิบยื่นความตายให้แก่นางผู้เป็นภรรยา เพียงเพราะมีสตรีที่คอยช่วยเหลือเขามาตั้งแต่ต้น อย่างหลูเจียงหลีคอยยุยงเขายืมมือมารดาเพื่อกำจัดท่านแม่ใหญ่ เขาหลอกใช้พี่ชายของซูเยว่ซินเพื่อกำจัดกู้มู่เฉิน ครั้นคุณชายใหญ่ซูผู้นั้นกำจัดพี่ชายของเขาสำเร็จ เขาก็จ้างให้นักฆ่าไปสังหารอีกฝ่ายเพื่อปิดปากบิดาของซูเยว่ซินก็เป็นเขา ที่สั่งให้นักฆ่าลอบสังหาร ยามที่อีกฝ่ายต้องเข้าไปปราบโจรในป่า เขาบีบน้องสาวต่างมารดาให้ออกเรือนไปกับขุนนางเฒ่า เพื่อผลประโยชน์ของตระกูล สิ่งที่เขากระทำนั้นช่างชั่วช้ายิ่งนักหากภาพที่เขาเห็นเหล่านี้ เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง ที่อาจจะเป็นชาติภพใดชาติภพหนึ่ง เขาก็ไม่นึกประหลาดใจเลย ว่าเหตุใดชีวิตนี้ซูเยว่ซินถึงได้เลือกที่จะเมินเฉย
เช้าวันต่อมา ข่าวการถูกปล้นฆ่าของพ่อลูกตระกูลหลู ก็ถูกเล่าลือเข้ามาในเมืองหลวง หลูเจียงหลีที่ได้ยินข่าวมาจากพวกสาวรับใช้ก็ถึงกับเป็นลมล้มพับไป ยามที่นางฟื้นขึ้นมานางก็ได้แต่นั่งซึม พลางขบคิดอยู่เพียงลำพัง บิดาของนางกับพี่ชายสามถูกลอบสังหาร ฝีมือของผู้ใดกัน กล้าสังหารขุนนางของราชสำนักได้เยี่ยงไร พลันนางก็คิดไปถึงความบาดหมางระหว่างสามีกับบิดา หรือจะเป็นเขากัน หลูเจียงหลีโกรธจนตัวสั่น ทว่านางต้องพยายามทำใจให้สงบ หากนางจะจัดการกับกู้อี้เหวิน นางจะต้องใช้ความเงียบแทนการส่งเสียงให้อีกฝ่ายรู้ตัว“ฟู่เอ๋อร์… เจ้าอยากเป็นภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้าหรือไม่” กู้อี้เหวินเอ่ยถามสตรีที่นอนอยู่ข้างกาย“อยากสิเจ้าคะ ผู้ใดบ้างที่อยากจะให้สามีมีภรรยาหลายคน” นางตอบเขาออกมาอย่างกระตือรือร้น“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องช่วยข้า…จัดการสตรีที่ขวางทางเจ้าอยู่”“น่ะ…นายท่าน…กะ…กล่าวถึง ฮูหยินเล็กรองน่ะหรือเจ้าคะ” ฟู่เอ๋อร์ลุกขึ้น เอ่ยถามเขาออกมาอย่างละล่ำละลัก“ในเรือนนี้จะยังมีผู้ใดอีกเล่า” เขาเอ
ข่าวที่ฮูหยินเล็กมีครรภ์ถูกกล่าวถึงไปทั่วทั้งจวนตระกูลกู้ เพราะถือเป็นข่าวที่น่ายินดีไม่น้อย ต่างจากเรือนหลงจู้ที่ยังไม่ข่าวดีในเรื่องนี้เสียที จนกู้อี้เหวินทนไม่ไหว สองเดือนก่อนเขาจึงได้ใช้เงินสินเดิมของมารดา ไปไถ่ตัวฟู่เอ่อร์ออกมาจากหอชิวโหรว และซื้อเรือนให้นางอยู่แถวตรอกซืออู้ อีกทั้งยังส่งสาวรับใช้ในเรือนไปคอยรับใช้นางอีกสองสามคน“เจ้าได้ยินมาเช่นนั้นจริงๆ รึ”ตั้งแต่แต่งเข้าจวนตระกูลกู้มา หลูเจียงหลีพยายามตีสนิทพี่สะใภ้ กับแม่เลี้ยงของสามีมาตลอด ทว่าพวกนางกลับแสดงท่าทีเมินเฉยต่อนาง ราวกับว่าไม่อยากทำตัวสนิทสนมกับนางไม่ นางจนใจจึงคิดว่าต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด อีกทั้งนางก็รู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ยามที่นางได้อยู่ใกล้กับพี่สะใภ้ใหญ่ ซึ่งนางก็ไม่รู้ว่าสาเหตุใดที่ทำให้นางรู้สึกเช่นนั้น“ไม่ผิดแน่เจ้าค่ะ สาวรับใช้และบ่าวรับใช้ทุกขั้นได้รับของกำนัลจากนายท่านกันทุกคน ที่เรือนเราก็ได้รับเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ” นางหยิบเหรียญเงินสองเหรียญที่ได้รับมาเป็นรางวัลเช่นกัน ชูให้แก่หลูเจียงหลีดู“เหตุใดข้าถึงได้ไม่ท้องก่อนนาง อืม…แล้ว
สองเดือนต่อมาภายในเรือนใหญ่ ท่านใต้เท้ากู้ กู้ฮูหยิน กู้มู่เฉินและสะใภ้ใหญ่ซูเยว่ซิน กำลังนั่งกินมื้อเช้ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ส่วนกู้มู่หรงยามนี้นางยังไม่ตื่นนอน ท่านใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินล้วนแต่ตามใจบุตรี เพราะนางกำลังอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน ให้นอนตื่นสายสักหน่อย ก็ไม่ถือว่าไม่ดีแต่อย่างใด ขอเพียงกู้มู่หรงรู้ถึงสิ่งที่สตรีพึงปฏิบัติ ยามที่นางออกเรือนไปก็เป็นพอยามนี้ที่โต๊ะอาหารทรงกลมจึงมีเพียงใต้เท้ากู้ กู้ฮูหยิน กู้มู่เฉินและซูเยว่ซิน สะใภ้ใหญ่ ที่กำลังนั่งล้อมวงกินอาหารกันอยู่พร้อมหน้า กู้มู่เฉินคอยคีบอาหารใส่ชามของภรรยาอย่างเอาใจ ทั้งท่านใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินต่างพากันยิ้มแย้มออกมาด้วยความสุขใจ ทว่าลึกๆ ในใจต่างคนต่างก็ยังคงมีความรู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อยก็บุตรชายกับสะใภ้ใหญ่ก็แต่งงานกันมานานหลายเดือนแล้ว ทว่าซูเยว่ซินกลับยังไม่มีวี่แววว่าจะมีครรภ์เช่นสะใภ้จวนอื่นเสียที หากความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ไม่ดีเช่นเดียวกับคู่ของกู้อี้เหวินและหลูเจียงหลี ที่เอาแต่ทะเลาะกันอยู่ทุกวัน ทั้งท่านใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินก็จะไม่หวังเรื่องทายาทสืบสกุลจากทั้งคู่เลย ทว่าบุตรชา
ในช่วงเวลานี้ของชีวิตก่อน เป็นช่วงเวลาที่บิดาและพี่ชายของซูเยว่ซินถูกสังหาร ทว่ายามนี้ผู้ที่ได้รับกรรมนั้นไป กลับกลายเป็นท่านใต้เท้าซิน และคุณชายใหญ่ซินอี้ฉู ผู้ที่เป็นท่านตาและท่านลุงของกู้อี้เหวินนั่นเอง นางได้ยินมาว่าสองพ่อลูกใช้อำนาจ จากการแอบอ้างชื่อเสียงของท่านใต้เท้ากู้ ไปรับเงินติดสินบนจากพวกผู้กระทำผิด และรีดไถเงินของพวกชาวบ้าน พวกเขาทำกันมานานจนในที่สุด ท่านใต้เท้ากู้ก็อดทนต่อความโลภมากของพวกเขาไม่ไหว จึงได้รวบรวมหลักฐานแล้วแจ้งเรื่องนี้ให้แก่ทางการ จนสองพ่อลูกริบทรัพย์และเนรเทศออกจากเมืองหลวงไปยังเมืองโหย่วชิงระหว่างทางกลุ่มของผู้ถูกเนรเทศก็พยายามหลบหนี สองพ่อลูกโชคดีที่หลบหนีไปได้ แต่ทว่าโชคไม่ดีที่พวกเขาไปเจอกับพวกโจรเข้า ทั้งสองต่างก็ไม่มีทรัพย์สมบัติใดให้พวกโจรปล้นชิง จึงถูกพวกโจรปล้นชิงชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเขาไปแทน สองพ่อลูกสิ้นใจตายอย่างอนาถ เป็นอันจบสิ้นคนตระกูลซิน เหลือเพียงกู้อี้เหวิน ที่ถึงขั้นยอมตัดขาดกับตระกูลเดิมของมารดา เพียงเพราะฝั่งนั้นมีคดีติดตัวพ่อสามีของซูเยว่ซินที่ยามนี้ยังมีชีวิตอยู่ดี ก็คงจะเป็นเพราะภรรยาไม่ได้จากไปเฉกเช่นในชีวิตก่อน คน
หลูเจียงหลีมองหญิงคณิกาที่นั่งตัวสั่นอยู่บนเตียงด้วยแววตาดูถูก ทว่าเพียงแวบเดียวนางกลับเห็นแววตาเย้ยหยันของอีกฝ่ายที่มองมายังนาง ก่อนที่หญิงคณิกาผู้นั้นจะก้มหน้าลงร่ำไห้ออกมา หลูเจียงหลีรู้แล้วว่านางผู้นี้หาใช่สตรีที่จะรับมือด้วยได้ง่าย ขอแค่ให้ผ่านค่ำคืนนี้ไป สถานะของนางในจวนตระกูลกู้มั่นคง มีหรือที่นางจะจัดการแม้กระทั่งหญิงคณิกาที่ต่ำต้อยเพียงนางเดียวไม่ได้กู้อี้เหวินจ้องบ่าวรับใช้คนสนิทด้วยสายตาตำหนิ ครานี้อีกฝ่ายทำงานผิดพลาด เห็นทีผ่านคืนนี้ไปเขาต้องสั่งโบยเพื่อให้หลาบจำ จะได้ไม่ปล่อยให้เขาได้พบเจอกับเรื่องที่อับอายเช่นนี้อีก ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่บนรถม้าที่มีหลูเจียงหลีนั่งมองมายังเขา กู้อี้เหวินทอดถอนใจออกมา ก่อนที่จะเอ่ยปากบอกนางตรงๆ“ไหนๆ เจ้าก็แต่งเข้ามาเป็นภรรยาเอกของข้าแล้ว หลังจากนี้ไป ข้าจะรับอนุภรรยาเข้ามา” หลูเจียงหลีถึงกับตะลึงในคำพูดของผู้เป็นสามี“แต่เราเพิ่งจะแต่งงานกันนะเจ้าคะ พี่ชายใหญ่ของท่านแต่งก่อนท่านตั้งหลายเดือนด้วยซ้ำ แต่เขายังไม่มีวี่แววที่จะรับอนุภรรยาเลย นอกเสียจากว่าข้ามีครรภ์ นั่นถึงจะเป็นเหตุผลที่ดีหากท่านต้องการจะรับ