ในระหว่างที่ความสัมพันธ์ระหว่างกู้อี้เหวิน และต้วนหลิวหลีเริ่มมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ท่านใต้เท้าต้วนก็ได้รับรู้ความจริงว่า บุตรีของตนกำลังแอบคบหา อยู่กับคุณชายรองผู้ที่เกิดมาจากอนุภรรยาของท่านใต้เท้ากู้ มีหรือที่เขาจะรู้สึกยินดี แม้อีกฝ่ายจะเป็นตระกูลที่เขาอยากเกี่ยวดองด้วยก็ตาม ทว่าต้องมิใช่บุรุษเช่นนั้น หน้าที่การงานในราชสำนักยังไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ตำแหน่งผู้นำตระกูลก็ยังไม่มีสิทธิ์ได้อาจเอื้อม แล้วเขาจะไปอยากได้บุตรเขยที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน
“เจ้าเข้าไปพูดคุยกับหลีเอ๋อร์เสียหน่อยเถิด ว่าให้เลิกคบหากับคุณชายรองกู้อี้เหวินผู้นั้น เขาหาใช่คนที่มีอนาคตที่ดีอันใดไม่ แม้จะสอบเค่อจวี่ได้เป็นซิ่วไฉตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วเยี่ยงไรเล่า… ดูอย่างคุณชายใหญ่กู้สิ เขาอายุเพิ่งจะย่างเข้าสิบเก้า แต่เขากลายเป็นทั่นฮวาไปแล้ว ผู้ใดก็มองออกว่าถึงแม้จะเกิดในตระกูลเดียวกัน แต่ทว่าสถานะนั้นช่างต่างชั้นกันอย่างชัดเจน”ใต้เท้าต้วนบอกกล่าวภรรยาให้ไปโน้มน้าวบุตรี เพราะเขาได้รับรายงานมาจากผู้คุ้มกันของต้วนหลิวหลีว่า หนึ่งเดือนมานี้คุณหนูรองมักจะออกไปพบกับคุณชายรองสกทางด้านกู้อี้เหวินที่ไม่สามารถพบหน้าคุณหนูรองต้วนมานานหลายวันก็รู้สึกกระวนกระวายใจ หาใช่เพราะหลงใหลหรืออาลัยในตัวของอีกฝ่ายไม่ ทว่าเขากลับเกรงว่าอำนาจของตระกูลต้วนที่จะสามารถช่วยเหลือสนับสนุนเขาในภายภาคหน้านั้นจะหลุดมือไป วันนี้เขาจึงเรียกให้หลูเจียงหลีออกมาพบเขาที่เดิม“ท่านพี่อี้เหวิน”เสียงหวานขานนามของเขาออกมา หลูเจียงหลีรู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างยิ่ง ยามที่ได้เห็นสารจากกู้อี้เหวิน ที่เรียกนางให้ออกมาพบเขา ในสถานที่ที่เขาและนางใช้ลักลอบมีความสัมพันธ์กันนางเยื้องย่างเข้าไปหาเขาแล้วทำท่าจะโถมกายเข้าไปสวมกอดชายหนุ่ม ทว่านางกลับถูกเขาห้ามเอาไว้เสียก่อน หญิงสาวรู้สึกเสียหน้าอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายนางก็ยินยอมนั่งลงยังเก้าอี้ตัวข้างๆ เขาแต่โดยดี หลูเจียงหลีลอบมองหน้าเขาพลางคิดในใจ ‘เพราะรูปโฉมของท่านหรือเพราะสิ่งใด ถึงได้ทำให้ข้ารู้สึกลุ่มหลงท่านได้ถึงเพียงนี้’“นี่เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเหตุใดคุณหนูรองต้วนถึงไม่ยอมออกมาพบข้า แท้จริงแล้วเมื่อวานข้านัดกับนางเอาไว้ ว่าจะพานางออกไปชมสวนดอกไม้ ยามที่ข้ากล่าวถึงนางนั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าตื่น
ภายในเรือนรับรองของจวนแม่ทัพในวันนี้ บรรยากาศที่โต๊ะอาหารค่อนข้างที่จะครึกครื้น เป็นเพราะมีท่านแม่ทัพที่ค่อนข้างจะว่างงานเพราะบ้านเมืองสงบสุข มาร่วมโต๊ะกินอาหารเย็นกับภรรยาและลูกๆ ด้วย ซูเยว่คงเองก็ได้ลากลับจวนวันนี้เช่นกัน เขาจึงได้มีโอกาสมาร่วมโต๊ะกับครอบครัว และแขกคนสำคัญที่มาเยือนในวันนี้อีกคนก็คือว่าที่เขยรองของจวนแม่ทัพ กู้มู่เฉินนั่นเอง“วันนี้เจ้าแต่งกายได้งดงามยิ่งนัก” เสียงทุ้มเอ่ยชมสตรีตรงหน้าออกมาหลังจากคำนับทักทายผู้ใหญ่ทั้งสองเสร็จซูเยว่ซินรู้สึกไม่ชินกับการพูดจาเช่นนี้ของเขา ชีวิตก่อนที่นางจดจำได้เขานั้นช่างเป็นบุรุษที่พูดน้อยและเย็นชายิ่งนัก ทว่าการได้มาพบเจอกับเขาในชีวิตนี้กลับแตกต่างไปจากเดิม“อะ…แฮ่ม…ชมได้ไม่เกรงใจพี่ชายเลยนะว่าที่น้องเขย”ซูเยว่คงกระแอมไอ พลางกล่าวหยอกเย้าสหายสนิทออกมา ใบหน้าของกู้มู่เฉินเห่อร้อนพลันเกิดริ้วคลื่นสีแดงระเรื่อราวกับสตรี เพราะเขามีใบหน้าที่ขาวเนียน ทำให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงได้ไม่ยาก ซูเยว่ซินฟาดมือเล็กลงบนไหล่พี่ชาย เขาจึงแสร้งร้องโอดโอยออกมา ผู้ใหญ่ทั้งสองยิ้มแย้มออกมาด้วยค
“ถ้าเช่นนั้น ก็ให้เจ้าช่วยส่งแม่สื่อและเทียบขอหมั้นหมายไปที่จวนตระกูลต้วนก็แล้วกัน ถ้าฝ่ายนั้นตอบรับข้าก็ยินดีที่จะแต่งคุณหนูรองสกุลต้วนผู้นั้นเข้ามาเป็นสะใภ้รองของตระกูล แต่ถ้าท่านใต้เท้าต้วนไม่เห็นดีเห็นงามด้วย ข้าก็มิอาจช่วยเหลืออันใดได้ เพราะเรื่องนี้สุดแล้วแต่ฝ่ายนั้น”ท่านใต้เท้ากู้กล่าวก่อนที่จะลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากเรือนรับรองของเรือนใหญ่ไปอย่างไม่สบอารมณ์ เป็นเพียงบุตรที่เกิดจากอนุกลับไม่เจียมตน อยากได้สตรีที่เกิดจากภรรยาเอกมาเป็นภรรยา เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่า ใต้เท้าต้วนผู้เย่อหยิ่งและรักในศักดิ์ศรีผู้นั้น จะยอมทำเป็นหูหนวกตาบอด กลืนน้ำลายตนเอง ยอมยกบุตรีที่ตนหวงแหนให้ออกเรือนมากับบุตรชายคนรองที่เกิดจากอนุภรรยาของเขาหรือไม่อนุซินคำนับขอบพระคุณในความเมตตาของฮูหยินใหญ่ ก่อนที่นางจะขอตัวกลับเรือนของตน เพื่อไปแจ้งข่าวดีให้แก่บุตรชายได้ทราบ กู้อี้เหวินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงรีบร้อนออกจากจวน เพื่อไปพบหน้าสตรีที่ยิ่งทำให้เขาอารมณ์ดียิ่งขึ้นทันที อนุซินได้แต่ถอนหายใจหนักๆ ออกมา บุตรชายของนางนั้นกำลังลุ่มหลงสตรีสกุลหลูผู้
หลังจากวันที่ต้วนหลิวหลีกลับมาจากนอกจวน และเป็นวันเดียวกันที่ตระกูลต้วนปฏิเสธการทาบทามขอหมั้นหมายจากตระกูลกู้ ต้วนหลิวหลีก็เริ่มทำตามแผนการ ที่หลูเจียงหลีแนะนำมาอย่างไม่ลังเล นางเริ่มอดอาหารและเก็บตัวอยู่แต่ภายในห้องนอน ไม่อนุญาตให้สาวรับใช้เข้าไปรับใช้ภายในห้อง วันแรกท่านใต้เท้าต้วนและต้วนฮูหยินต่างก็ไม่ใส่ใจ ทว่าผ่านไปสามวันหลีจูสาวรับใช้คนสนิทของต้วนหลิวหลีก็อดทนไม่ไหว นางรีบไปรายงานเรื่องนี้ให้แก่นายท่านและนายหญิงใหญ่ได้ทราบ ทำให้สองสามีภรรยารู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับต้วนฮูหยินที่เฝ้าทะนุถนอม อบรมเลี้ยงดูบุตรีมาตั้งแต่เล็ก นางไม่คิดเลยว่าต้วนหลิวหลีจะมีวันที่ดื้อรั้น ไม่เชื่อฟังเช่นนี้ด้วย“ท่านพี่… ขืนปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป หลีเอ๋อร์นางจะต้องตายแน่ๆ ท่านพี่โปรดทบทวนเรื่องนั้นอีกหนด้วยเถิดนะเจ้าคะ เห็นนางเป็นเยี่ยงนี้แล้วข้ารู้สึกปวดใจเหลือเกิน”ต้วนฮูหยินร่ำไห้พลางกล่าวโน้มน้าวผู้เป็นสามี ท่านใต้เท้าต้วนถึงกับกุมขมับด้วยความเคร่งเครียด เขาคิดไม่ออกว่าความสัมพันธ์ของบุตรีกับคุณชายรองกู้เป็นไปถึงขั้นไหน เหตุใดต้วนหลิวหลีถึงได้มอบใจให้
ณ จวนตระกูลซูศาลากลางสระน้ำยามนี้มีเสียงบรรเลงดนตรี เป็นชิงหลัวที่ทำหน้าที่บรรเลงดนตรีให้คุณหนูรองได้ฟังอย่างเพลิดเพลิน ส่วนชิงหลวนก็คอยทำหน้าที่รินน้ำชาให้ ในระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินอยู่นั้น ชิงหรงก็รีบสาวเท้าก้าวยาวๆ เข้ามาภายในศาลากลางน้ำ นางย่อคำนับคุณหนูรองก่อนที่จะรายงานเรื่องที่ตนไปสืบเรื่องราวจากข้างนอกจวนออกมา“คุณหนูรองเจ้าคะ ทางสกุลกู้ทาบทามขอหมั้นหมายคุณหนูรองสกุลต้วนสำเร็จแล้วเจ้าค่ะ”“หึ… คงจะใช้แผนการล่ะสิท่า ไม่มีทางที่ท่านใต้เท้าต้วนจะยอมรับง่ายๆ เช่นนี้หรอก”เพราะเพิ่งจะผ่านมาแค่สามวันเท่านั้น ที่ท่านใต้เท้าต้วนปฏิเสธการขอหมั้นหมายของตระกูลกู้ หากไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับต้วนหลิวหลีแล้วล่ะก็ มีหรือที่ท่านใต้เท้าต้วนจะยินยอม เหตุใดซูเยว่ซินถึงรู้ นั่นก็เป็นเพราะเหตุการณ์เช่นนี้ ก็เคยเกิดขึ้นกับนางมาก่อน สตรีใดยามที่หลงใหลในบุรุษแล้ว ย่อมกล้าที่จะทำในสิ่งที่เลวร้าย เพื่อให้ได้อยู่กับอีกฝ่ายโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมาและนี่ก็คงจะเป็นแผนการของหลูเจียงหลี เฉกเช่นเดียวกับชีวิตก่อน ที่สตรีผู้นี้เคยได้เสี้ยมสอนใ
ซูเยว่ซินตัดสินใจแล้วว่า นางจะออกเรือนให้ไวขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่นางจะได้ทำการสิ่งใดภายในจวนสกุลกู้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น เพราะนางรู้ดีว่าหลังจากนี้อนุซินกำลังวางแผนที่จะทำการสิ่งใด นางจะต้องเข้าไปขัดขวางไม่ให้เกิดเหตุการณ์ ที่จะทำให้ตระกูลกู้ดำเนินไปเฉกเช่นในชีวิตก่อนที่นางได้พบเจอแต่นางจะเจรจากับกู้มู่เฉิน ผู้ที่เป็นว่าที่สามีของนางในชีวิตนี้เยี่ยงไรดี หากนางออกหน้าว่าเป็นฝ่ายที่อยากจะออกเรือนแล้ว ก็คงดูไม่งามเท่าใดนัก แต่ถ้านางไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมาเลย มีหรือคนซื่ออย่างกู้มู่เฉินจะเร่งรีบ ในเมื่อตัดสินใจดีแล้ว ไม่ว่าจะต้องทำเช่นไร นางก็ต้องทำให้เขามาสู่ขอนางเร็วๆ นี้ให้ได้"คุณหนูรองเจ้าคะ คุณชายใหญ่กู้มาขอพบท่าน ยามนี้รออยู่ที่เรือนรับรองแล้วเจ้าค่ะ" ในขณะที่ซูเยว่ซินกำลังว้าวุ่นใจ เดินวนไปเวียนมาภายในศาลากลางน้ำอยู่นั้น สาวรับใช้จากเรือนรับรองก็เข้ามารายงานให้ซูเยว่ซินได้ทราบ"ท่านพี่มู่เฉินมาเยี่ยงนั้นรึ"ในยามที่นางกำลังคิดว่าจะพบ และพูดคุยกับเขาเรื่องการแต่งงานระหว่างนางและเขาเยี่ยงไรดี เขาก็มาเยือนได้ราวกับนัดกันเอาไว้"เจ้าค่ะ คุณหนูรอง คุณชายใหญ่เองก็ค
“เมื่อครู่…จะ….เจ้าบอกว่า เจ้าพร้อมที่จะออกเรือนไปกับพี่แล้วใช่หรือไม่ เจ้าพร้อมที่จะเป็นภรรยาของพี่แล้วใช่หรือไม่ ซินเอ๋อร์…เจ้าช่วยพูดให้พี่ฟังชัดๆ อีกคราเถิด”น้ำเสียงของเขาที่ดังออกมานั้นตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง ซูเยว่ซินรู้สึกโล่งใจเพราะเขาไม่ได้นึกรังเกียจที่นางแสดงท่าทีในเรื่องนี้ก่อน ทว่าเขากลับยินดีและอยากจะฟังความต้องการของนางให้ชัดเจน ซูเยว่ซินจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินเข้าไปใกล้ๆ เขา จากนั้นจึงเอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ“ข้าบอกว่า ช้าพร้อมที่จะออกเรือนกับท่านแล้วเจ้าค่ะ”กู้มู่เฉินแสดงความดีใจออกมาอย่างปิดไม่มิด เขาอุ้มนางขึ้นมาพลางเหวี่ยงนางไปรอบๆ ซูเยว่ซินอดที่จะหัวเราะออกมาด้วยความยินดีไม่ได้ ชิงหลวน ชิงหรง ชิงหลัว และตู้จิ้น ที่คอยรับใช้คุณหนูรองและคุณชายใหญ่พากันยิ้มออกมาด้วยความยินดีเช่นกันชายหนุ่มรีบขอตัวกลับจวนเพื่อไปแจ้งข่าวดีให้แก่บิดาและมารดาได้ทราบ เพื่อที่จะได้ให้มารดาช่วยหาฤกษ์งามยามดีในการออกเรือนให้แก่พวกตน ซูเยว่ซินไม่ได้ออกไปส่งเขาที่หน้าจวน เพราะนางเองก็จะได้ไปแจ้งข่าวดีให้แก่มารดาและ
ข่าวเรื่องการแต่งงานของสองตระกูลถูกกล่าวถึงไปทั่วทั้งเมืองหลวง บ้างก็รู้สึกอิจฉา บ้างก็รู้สึกยินดี ทว่าคนส่วนใหญ่ย่อมรู้สึกอิจฉาตระกูลกู้ยิ่งนัก เพราะบุตรชายสามารถคว้าสตรีที่ตระกูลมีอำนาจมาได้ทั้งสะใภ้ใหญ่และ ว่าที่สะใภ้รอง ท่านใต้เท้ากู้เลยพลอยมีหน้ามีตาไปกับเรื่องในครานี้ด้วย แต่ผู้ใดเลยจะรู้ว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับตระกูลต้วนเท่าใดนัก ต่างจากตระกูลซูที่นับได้ว่านับถือเป็นสหาย และไปมาหาสู่กันอยู่หลายครั้งหลายครา"อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเองเยี่ยงนั้นรึ" ใต้เท้ากู้เอ่ยถามภรรยาออกมาหลังจากรับรู้ฤกษ์งามยามดีที่จะได้รับลูกสะใภ้ใหญ่เข้าจวน"ท่านพ่อไม่ยินดีหรือเจ้าคะ พี่ชายใหญ่จะได้มีหลานให้ท่านพ่อเชยชมไวๆ" กู้มู่หรงกล่าวออกมาก่อนหยิบขนมตรงหน้าขึ้นมากินกู้ฮูหยินที่ได้ยินคำพูดแก่แดดของบุตรสาว ยกมือขึ้นเขกศีรษะของนางเบาๆ ทว่าเด็กหญิงที่อีกไม่นานก็จะต้องเข้าพิธีปักปิ่นแล้วกลับร้องโอดครวญออกมา จนผู้เป็นพี่ชายกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว นางหันไปส่งค้อนน้อยๆ ให้แก่เขา“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ยินดี แต่ข้าเกรงว่าจะจัดงานไม่สมเกียรติตระกูลซู ตระกูลนั้นเป็นถึงตระกูลแม่ทัพมาตั้งแ
ครั้นทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินและยกน้ำชาลาบิดามารดาฝั่งเจ้าสาวเสร็จ กู้อี้เหวินก็พาหลูเจียงหลีขึ้นเกี้ยวกลับจวนทันที ระยะทางจากจวนตระกูลหลูไปถึงจวนตระกูลกู้นั้นหาได้ไกลกันนัก ทำให้ขบวนรับเจ้าสาวเดินทางไปถึงจวนตระกูลกู้อย่างรวดเร็ว กู้อี้เหวินไม่แม้แต่จะกระทำเช่นเดียวกับกู้มู่เฉิน ที่นำพาขบวนเกี้ยวเจ้าสาววนอยู่ในเมือง เพื่อให้ชาวเมืองได้พากันมาชื่นชม ทว่าเขากระทำการทุกอย่าง อย่างเร่งรีบจนหลูเจียงหลีรู้สึกไม่ค่อยพอใจ และเริ่มไม่ค่อยมั่นใจว่าเขาอยากจะแต่งงานกับนาง แต่ถึงเช่นไรแล้วนางก็ยังต้องการการแต่งงานนี้อยู่ดีหลังจากถึงจวนตระกูลกู้ กู้อี้เหวินก็เดินนำหน้าเจ้าสาวเข้าจวนไปโดยที่ไม่สนใจนางเลยแม้สักนิด ราวกับว่าการแต่งงานในครานี้เขาเป็นฝ่ายถูกบังคับอย่างไรอย่างนั้น ก่อนที่เขาจะเดินไปหยุดรอนางอยู่ในโถงพิธีด้วยใบหน้าที่เฉยชา ซึ่งด้านหน้ามีใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินนั่งอยู่บนตั่งด้วยใบหน้าที่กระอักกระอ่วน เดิมทีคิดว่ากู้อี้เหวินพอใจที่จะแต่งงานกับคุณหนูสี่สกุลหลูผู้นี้เสียอีก เหตุใดผ่านมาไม่นาน กู้อี้เหวินถึงได้ทำตัวเฉยชาใส่อีกฝ่ายไปเสียได้แขกที่มาร่วมงานเอง ก็คิดไม่ต่างจากที่ท่านใต้เท
หลังจากที่ซูเยว่ซินกลับจากการเยี่ยมสกุลเดิมได้เพียงแค่สองวัน อนุซินก็ทนพิษบาดแผลและทนความหิวโหยไม่ไหว นางได้สิ้นใจตายไปอย่างทรมาน แม้แต่กู้อี้เหวินบุตรชายแท้ๆ นางก็ไม่ได้เห็นหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย หาใช่เป็นคำสั่งของใต้เท้ากู้ไม่ ทว่าเป็นกู้อี้เหวินเองที่นึกรังเกียจ ไม่อยากเห็นสภาพที่น่าสมเพชเวทนาของมารดา“แม้นางจะกระทำความผิดจนได้รับการลงทัณฑ์จนตาย แต่ถึงเช่นไรแล้วนางก็มีศักดิ์เป็นอนุในเรือนของเรา อีกทั้งยังเป็นสตรีที่ให้กำเนิดทายาทแก่ตระกูลกู้ ข้าว่าหาสุสานที่มีฮวงจุ้ยดีๆ เพื่อฝังร่างของนาง ให้นางได้ปล่อยวางจากโลกนี้ไปอย่างตาหลับเถิดนะเจ้าคะ"กู้ฮูหยินกล่าวออกมา หลังจากที่นั่งปรึกษาหารือกันกับสามีอยู่ในเรือนใหญ่ เพราะตามหลักธรรมเนียมปฏิบัติของจวนขุนนางแล้ว หากอนุภรรยาตายไป จะไม่มีการจัดพิธีศพให้ แต่จะแห่ออกไปทำพิธีฝังเลย ท่านใต้เท้ากู้ได้รายงานเรื่องนี้ให้แก่ทางการทราบ ว่าอนุภรรยาของตนสิ้นใจตายเพราะอาการเจ็บป่วยแต่ผู้ใดเลยจะมาสนใจอนุภรรยาในเรือนที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อย ไม่มีผู้ใดสอบถามถึงสาเหตุการจากไปของนางให้มากความ ทำให้คนนอกไม่มีผู้ใดรู้ความจริงเลยว่า อนุภร
ในเย็นวันนี้ที่เรือนพักของอนุเซียวจึงมีบรรยากาศที่ครึกครื้นยิ่งนัก หลูเจียงหลียิ้มออกมาจนแก้มปริ ครั้นได้รู้ว่าวันนี้กู้อี้เหวินได้ให้บิดาของเขา ส่งแม่สื่อมาขอหมั้นหมายและสู่ขอนางไปเป็นภรรยาเอก ไม่คิดว่านางอยู่ของนางเงียบๆ เฉยๆ ข้างกายเขา สุดท้ายนางก็กลายเป็นสตรีที่สมหวัง สมความปรารถนาไปเสียได้ อนุเซียวเองก็มองบุตรสาวด้วยแววตาที่แสดงออกมาถึงความภาคภูมิใจ สิ่งที่นางสั่งสอนไปบุตรสาวคงจะเรียนรู้และรับไปเป็นอย่างดี สุดท้ายสิ่งที่นางคอยพร่ำสอนก็ไม่สูญเปล่า“พรุ่งนี้เจ้าเอาเงินนี่ไปตัดชุดงามๆ หลายๆ ชุด หากเจ้าได้ออกเรือนไปจริงๆ จะได้ไม่อายพี่สะใภ้ของเจ้า ข้าได้ยินมาว่า นางเป็นถึงบุตรีของท่านแม่ทัพ ที่เคยชนะศึกชายแดนเมืองโหยว่ถิงเมื่อสองปีก่อน ท่านแม่ทัพผู้นี้เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทยิ่งนัก เจ้าแต่งเข้าไปก็อย่าได้ไปมีเรื่องบาดหมางอันใดกับนางเชียวล่ะ มิเช่นนั้นแม้แต่สามีของเจ้าก็คงช่วยเหลือเจ้าเอาไว้ไม่ได้”ใต้เท้าหลูมอบถุงเงินให้บุตรสาวก่อนที่จะกล่าวออกมา เขาไม่ลืมที่จะกำชับเรื่องไม่ให้นางไปเป็นศัตรูกับพี่สะใภ้ของนาง เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงคุณหนูรองแห่งจวนแม่ทัพ หากบุตรสา
เรื่องราวที่ตระกูลกู้ถูกตระกูลต้วนถอนหมั้นอย่างไม่ไว้หน้า ได้ถูกเล่าลือไปทั่วทั้งเมืองหลวงในเช้าวันต่อมา ทว่ากู้มู่เฉินก็ยังพาภรรยาเดินทางกลับสกุลเดิมตามกำหนดการเดิม ราวกับว่าไม่ใช่เรื่องของตน ขบวนรถม้าที่เคลื่อนผ่านชาวบ้านไป ยังคงเรียกสายตาให้คนมองมาได้เป็นอย่างดี“หากเป็นคุณชายใหญ่ พวกเจ้าว่าตระกูลต้วนยังจะถอนหมั้นกับตระกูลกู้อยู่หรือไม่” เสียงของชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยถามสหายข้างกาย“ไม่มีทางหรอก ผู้ใดในเมืองหลวงที่จะไม่รู้บ้าง ว่าท่านใต้เท้าต้วนอยากได้คุณชายใหญ่กู้มู่เฉินไปเป็นลูกเขย แต่ทว่าคุณชายใหญ่กู้กลับพบรักกับคุณหนูรองสกุลซูไปเสียก่อน ถึงเขาจะอยากได้คุณชายใหญ่กู้ไปเป็นบุตรเขยเพียงใด แต่จะให้ตัดใจยกบุตรีที่ตนหวงแหนให้เป็นอนุของอีกฝ่าย ท่านใต้เท้าต้วนก็มิอาจตัดใจทำได้ลง” ชายผู้นั้นตอบสหายให้หายข้องใจ ทว่าอีกฝ่ายยังคงสงสัย ยังคงแสดงความคิดเห็นของตนออกมา“แต่ก็ไม่รู้คุณชายรองกู้กระทำผิดอันใด คุณหนูรองต้วนถึงได้ยอมเปลี่ยนใจให้บิดาถอนหมั้นเขาอย่างไม่เกรงว่านางจะหาบุรุษออกเรือนไม่ได้อีก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้ายังดื้อรั้นอยากจะหมั้นหมายกับเขาอยู่เ
“นายท่านขอรับ นายท่าน เกิดเรื่องแล้วขอรับ”เสียงของบ่าวรับใช้ดังมาจากด้านนอกห้อง ใต้เท้ากู้รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาทันใด วันนี้ในจวนของเขาช่างมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน เขาถอนหายใจออกมาก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู แล้วออกไปฟังบ่าวรายงานข้างนอก“ยังจะมีเรื่องใดที่แย่ไปกว่านี้เกิดขึ้นในจวนข้าอีกเยี่ยงนั้นรึ”“สกุลต้วนขอรับ สกุลต้วนส่งของหมั้นกลับมา พร้อมทั้งกล่าวว่า คุณชายรองกู้ประพฤติตนผิดศีลธรรม ลักลอบมีความสัมพันธ์กับสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน หลอกลวงและหยามศักดิ์ศรีของคุณหนูรองสกุลต้วน นับแต่นี้ต่อไป สกุลต้วนไม่ขอเกี่ยวดองกับคนในสกุลกู้อีก”บ่าวรับใช้รายงานออกมาตามคำพูดของบ่าวรับใช้อาวุโสของสกุลต้วน คนพวกนั้นนำหีบมาส่งที่หน้าจวน พร้อมทั้งเผาเทียบขอหมั้นหมายที่หน้าประตูจวน แล้วออกจากหน้าบริเวณหน้าประตูจวนไปทันที“เจ้าลูกชั่ว!!! สันดานมารดาเป็นเยี่ยงไร เจ้านั่นก็ได้รับมาเยี่ยงนั้นสินะ”ใต้เท้ากู้เดือดดาลขึ้นมาอย่างไม่อาจระงับโทสะได้ ยังไม่ทันได้แต่งสะใภ้รองเข้ามาด้วยซ้ำ ทว่าบุตรชายรองของเขากลับทำตัวไร้ยางอาย
ใต้เท้ากู้นั่งปรึกษากับกู้ฮูหยินอยู่ภายในศาลากลางน้ำด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด เพราะไม่รู้ว่าจะหาถ้อยคำใดที่ฟังดูไม่ร้ายแรง ไปแจ้งให้ท่านแม่ทัพกับซูฮูหยินทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวของพวกเขา เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินรู้สึกผิดต่อลูกสะใภ้ของพวกตนอยู่ไม่น้อย เพราะนางเพิ่งจะออกเรือนมาได้ไม่ถึงสามวันดี กลับต้องมาพบเจอกับเรื่องเลวร้ายเช่นนี้“นี่คุณชายใหญ่กลับมาแล้วใช่หรือไม่” ใต้เท้ากู้เอ่ยถามบ่าวรับใช้ที่กำลังรินน้ำชาให้เขาและภรรยา“เจ้าค่ะนายท่าน ยามนี้คุณชายใหญ่กำลังนั่งเฝ้าดูแลฮูหยินเล็กอยู่ไม่ห่างเลยเจ้าค่ะ” ใต้เท้ากู้พยักหน้าก่อนที่จะเขาจะมองหน้าภรรยาแล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ข้ารู้สึกละอายใจต่อเจ้ากับเฉินเอ๋อร์ยิ่งนัก หากข้าไม่พาสตรีชั่วร้ายนางนั้นเข้ามาในจวน ไหนเลยวันนี้จะเกิดเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ขึ้นกับลูกสะใภ้ของพวกเราได้” กู้ฮูหยินเอื้อมมือไปบีบมือของสามีเบาๆ นางรู้ความจริงเรื่องนั้นดี สามีไม่เคยเต็มใจที่จะรับอนุซินเข้ามาเป็นอนุภรรยาในจวนเลยเดิมทีเขาก็มีเพียงแค่นางที่เป็นภรรยาเดียว แ
ตู้จิ้นลอบมองคุณชายใหญ่ของตนแล้วก็นึกขัน คราแรกที่ได้รู้ความลับของคุณชายรองโดยบังเอิญ เขาถามว่าควรบอกให้ท่านใต้เท้าต้วนทราบหรือไม่ คุณชายใหญ่กลับบอกว่าเรื่องเช่นนี้เขาจะไม่ยุ่ง ทว่าไม่รู้เป็นเพราะเหตุใดคุณชายใหญ่ถึงได้เปลี่ยนใจ สอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องของคุณชายรองจนได้ เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันแท้ๆ กลับมีนิสัยใจคอต่างกันลิบลับ เป็นโชคดีของเขาที่ได้รับใช้คุณชายใหญ่และก็ถือเป็นความโชคดีของฮูหยินเล็ก ที่ได้บุรุษเช่นคุณชายใหญ่ไปเป็นสามี ไม่ใช่บุรุษเสเพลเช่นคุณชายรอง เพราะตั้งแต่ที่เขาติดตามคุณชายใหญ่มา ไม่เคยมีสักคราที่ชายหนุ่มจะออกนอกลู่นอกทาง หรือแสดงออกว่าสนใจสตรีใด ทว่ากับฮูหยินเล็กนั้นต่างจากสตรีอื่น ราวกับว่าคุณชายใหญ่ของเขานั้น รอคอยที่จะได้พบกับนางมาเนิ่นนาน เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่เขาอยู่ไม่น้อยเรื่องมันเริ่มขึ้นตั้งแต่สี่ห้าปีก่อน หลังจากที่คุณชายใหญ่หายจากอาการป่วย คุณชายใหญ่ก็ได้ขอร้องให้เขาช่วยแอบหาอาจารย์ฝึกวรยุทธ์ให้ จากนั้นคุณชายใหญ่ที่ไม่เคยออกกำลังหนักๆ หรือจับอาวุธมาก่อนเลย ก็แอบฝึกตนราวกับเป็นคนละคน และเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งๆ ที่คุณชายใหญ่เองก็มีว
ณ โรงเตี๊ยมเซียงซีร่างระหงในชุดเป้ยจึสีชมพูอ่อนลงมาจากรถม้า แล้วหยุดยืนมองป้ายชื่อของโรงเตี๊ยมตรงหน้า จากนั้นจึงหันไปพยักหน้าให้กับสาวรับใช้คนสนิทและผู้คุ้มกันของตน เช้านี้มีสารลับส่งมาให้นาง ซึ่งนางคิดว่าน่าจะเป็นกู้อี้เหวิน เพราะอีกฝ่ายยังไม่กล้าพบหน้าบิดาของนาง จึงทำให้เขาต้องใช้วิธีการลับเช่นนี้เรียกนางให้ออกมาพบ หญิงสาวยิ้มแย้มออกมาด้วยใจที่เบิกบาน จากนั้นจึงเดินเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมในขณะที่กำลังเข้าไป นางกลับมองเห็นบ่าวรับใช้คนสนิทของคู่หมั้นอย่างกู้อี้เหวิน กับสาวรับใช้คนสนิทของพี่สาว อย่างหลูเจียงหลี ทั้งสองกำลังนั่งกินดื่มกันอยู่ที่โต๊ะด้านในทว่ากลับไร้เงาของชายหญิงทั้งสอง โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีสองชั้น ชั้นล่างใช้รับรองลูกค้าที่แวะมากินอาหาร ส่วนชั้นสองใช้รับรองลูกค้าที่อยากเปิดห้องพัก"สองคนนี้สนิทสนมกันถึงขั้นทิ้งเจ้านายแล้วพากันมานั่งกินอาหารตามลำพังเนี่ยนะเจ้าคะ" สาวรับใช้คนสนิทของต้วนหลิวหลีแสดงความเห็นออกมาอย่างระมัดระวัง ทว่ากลับทำให้ต้วนหลิวหลีฉุกคิด"เจ้าให้ผู้คุ้มกันไปถามเถ้าแก่ทีสิ ว่าคุณชายรองกู้เปิดห้องพักอยู่ห้องใด" นางส่งถุงเงินให้สาวรับใช้คน
“ดื่มยาต้มให้ครบสามยาม อีกไม่เกินหนึ่งถึงสองวันนางก็จะฟื้นขอรับ”ท่านหมอสวีกล่าวออกมา กู้ฮูหยินมองสะใภ้ด้วยแววตารู้สึกผิด อีกฝ่ายต้องมาได้รับอันตรายเพราะตัวนาง ชาถ้วยนั้นเดิมทีนางต้องเป็นคนดื่ม สตรีเช่นอนุซินช่างไม่ต่างจากงูพิษ เผลอเข้าหน่อยก็ลอบทำร้าย“ขอบน้ำใจท่านหมอยิ่งนัก แต่ข้าหวังว่า…เรื่องที่เกิดขึ้นภายในจวนตระกูลกู้วันนี้ จะไม่มีผู้คนภายนอกได้ล่วงรู้” กู้ฮูหยินกล่าวออกมาน้ำเสียงราบเรียบ ท่านหมอสวีฉีกยิ้มออกมาพลางรับคำ“ข้ามาที่นี่เพียงรักษาอาการป่วยของฮูหยินใหญ่ตามปกติเท่านั้น”กู้ฮูหยินมอบตั๋วเงินให้ท่านหมอสวีหนึ่งใบ เขาจึงคำนับลาแล้วออกจากเรือนรับรองไป บ่าวรับใช้ของจวนทำหน้าที่ไปส่งเขากลับโรงหมอ“คุณหนูรองเจ้าคะ นายท่านกลับมาแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่าไม่พบคุณชายใหญ่” ซิวหนีรายงานออกมา หลังจากทำตามคำสั่งของคุณหนูรอง“ปกติยามนี้ท่านพี่ของข้าอยู่ในวังหลวงมิใช่หรอกหรือ เหตุใดถึงตามหาเขาไม่พบกัน” กู้มู่หรงถามออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง เกิดเรื่องกับภรรยาแต่พี่ชายของนางกลับหายตัวไป&ldqu