“เมื่อครู่…จะ….เจ้าบอกว่า เจ้าพร้อมที่จะออกเรือนไปกับพี่แล้วใช่หรือไม่ เจ้าพร้อมที่จะเป็นภรรยาของพี่แล้วใช่หรือไม่ ซินเอ๋อร์…เจ้าช่วยพูดให้พี่ฟังชัดๆ อีกคราเถิด”
น้ำเสียงของเขาที่ดังออกมานั้นตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง ซูเยว่ซินรู้สึกโล่งใจเพราะเขาไม่ได้นึกรังเกียจที่นางแสดงท่าทีในเรื่องนี้ก่อน ทว่าเขากลับยินดีและอยากจะฟังความต้องการของนางให้ชัดเจน ซูเยว่ซินจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินเข้าไปใกล้ๆ เขา จากนั้นจึงเอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ“ข้าบอกว่า ช้าพร้อมที่จะออกเรือนกับท่านแล้วเจ้าค่ะ”กู้มู่เฉินแสดงความดีใจออกมาอย่างปิดไม่มิด เขาอุ้มนางขึ้นมาพลางเหวี่ยงนางไปรอบๆ ซูเยว่ซินอดที่จะหัวเราะออกมาด้วยความยินดีไม่ได้ ชิงหลวน ชิงหรง ชิงหลัว และตู้จิ้น ที่คอยรับใช้คุณหนูรองและคุณชายใหญ่พากันยิ้มออกมาด้วยความยินดีเช่นกันชายหนุ่มรีบขอตัวกลับจวนเพื่อไปแจ้งข่าวดีให้แก่บิดาและมารดาได้ทราบ เพื่อที่จะได้ให้มารดาช่วยหาฤกษ์งามยามดีในการออกเรือนให้แก่พวกตน ซูเยว่ซินไม่ได้ออกไปส่งเขาที่หน้าจวน เพราะนางเองก็จะได้ไปแจ้งข่าวดีให้แก่มารดาและข่าวเรื่องการแต่งงานของสองตระกูลถูกกล่าวถึงไปทั่วทั้งเมืองหลวง บ้างก็รู้สึกอิจฉา บ้างก็รู้สึกยินดี ทว่าคนส่วนใหญ่ย่อมรู้สึกอิจฉาตระกูลกู้ยิ่งนัก เพราะบุตรชายสามารถคว้าสตรีที่ตระกูลมีอำนาจมาได้ทั้งสะใภ้ใหญ่และ ว่าที่สะใภ้รอง ท่านใต้เท้ากู้เลยพลอยมีหน้ามีตาไปกับเรื่องในครานี้ด้วย แต่ผู้ใดเลยจะรู้ว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับตระกูลต้วนเท่าใดนัก ต่างจากตระกูลซูที่นับได้ว่านับถือเป็นสหาย และไปมาหาสู่กันอยู่หลายครั้งหลายครา"อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเองเยี่ยงนั้นรึ" ใต้เท้ากู้เอ่ยถามภรรยาออกมาหลังจากรับรู้ฤกษ์งามยามดีที่จะได้รับลูกสะใภ้ใหญ่เข้าจวน"ท่านพ่อไม่ยินดีหรือเจ้าคะ พี่ชายใหญ่จะได้มีหลานให้ท่านพ่อเชยชมไวๆ" กู้มู่หรงกล่าวออกมาก่อนหยิบขนมตรงหน้าขึ้นมากินกู้ฮูหยินที่ได้ยินคำพูดแก่แดดของบุตรสาว ยกมือขึ้นเขกศีรษะของนางเบาๆ ทว่าเด็กหญิงที่อีกไม่นานก็จะต้องเข้าพิธีปักปิ่นแล้วกลับร้องโอดครวญออกมา จนผู้เป็นพี่ชายกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว นางหันไปส่งค้อนน้อยๆ ให้แก่เขา“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ยินดี แต่ข้าเกรงว่าจะจัดงานไม่สมเกียรติตระกูลซู ตระกูลนั้นเป็นถึงตระกูลแม่ทัพมาตั้งแ
หนึ่งเดือนต่อมาจวนตระกูลซูถูกประดับประดาไปด้วยผ้าแพรและโคมไฟสีแดง ญาติพี่น้องตระกูลซูที่มีอยู่น้อยนิดมาร่วมส่งเจ้าสาวออกเรือน ผู้ใดเล่าจะคิดว่าคุณหนูรองจะได้ออกเรือนไปก่อนพี่ชายใหญ่ของนาง หน้าประตูมีพี่ชายและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ยามที่เป็นทั้งรองแม่ทัพและยามนี้ที่เป็นรองหัวหน้าองครักษ์ ทำให้บรรยากาศครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง เสียงดนตรีบรรเลงดังเข้าจวนมาไม่ขาดสาย เจ้าสาวกำลังนั่งประทินโฉมอยู่ภายในเรือนนอนของนาง“คุณหนูรองช่างงดงามยิ่งนักเจ้าค่ะ” ชิงหลวนชมคุณหนูของนางออกมา ตั้งแต่ติดตามรับใช้ซูเยว่ซิน นางยังไม่เคยเห็นคุณหนูรองแต่งหน้าเช่นนี้มาก่อน แม้จะแปลกตาแต่ก็เป็นความแปลกตาที่งดงามไม่แพ้กัน“ข้าน้อยน้ำตาจะไหลแล้ว” ชิงหรงน้ำตาซึมยามที่มองดวงหน้างามของเจ้าสาว“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงเสียทีนะเจ้าคะ จากที่เป็นคุณหนูรองของพวกข้า ท่านกำลังจะกลายเป็นนายหญิงแล้ว” ชิงหลัวยิ้มแย้มน้ำตาซึมยามที่กล่าวออกมา“พวกเจ้านี่ก็เหลือเกิน วันมงคลของคุณหนูรอง พวกเจ้ากลับพากันเสียน้ำตา” ป้ากุย สาวรับใช้อาวุโสข้างกายของซูฮูหยินส่ายหน้า
หลังจากผ่านพิธีคำนับฟ้าดิน คำนับบิดามารดา และคำนับกันและกันแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยกน้ำชาให้แก่บิดามารดาของฝ่ายเจ้าบ่าว ผู้ใหญ่ทั้งสองกล่าวรับขวัญลูกสะใภ้ใหม่ จากนั้นก็ถึงพิธีส่งตัวเข้าหอ ทว่ายังไม่ทันได้ร่วมหอกัน ผู้เป็นเจ้าบ่าวกลับถูกเหล่าบัณฑิต และเหล่าสหายร่วมงานของเขา เชิญออกไปดื่มสุรามงคลด้วยกันเสียก่อน ทำให้เขาจำต้องทิ้งเจ้าสาวให้รอคอยเขาอยู่ในห้องหอตามลำพัง ซูเยว่ซินจึงได้ให้สาวรับใช้คนสนิทของนางช่วยปลดเครื่องหัวออก กู้มู่หรงแวะเข้ามาหานางในห้องหอ พร้อมนำอาหารมาให้พี่สะใภ้ของตน ทักทายกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรีบออกจากห้องหอไป“คุณหนูรองกู้ช่างใส่ใจท่านยิ่งนักเจ้าค่ะ เห็นทีท่านออกเรือนมาที่นี่ คงไม่ต่างจากอยู่ที่จวนเดิมเท่าใดเป็นแน่เจ้าค่ะ” ชิงหลวนกล่าวชมกู้มู่หรงออกมา ก่อนที่จะหยอกเย้าคุณหนูรองของนางซูเยว่ซินยิ้มน้อยๆ จากนั้นจึงลงมือกินอาหารตรงหน้า อาหารทุกจานล้วนแล้วแต่เป็นอาหารมงคล ที่สามารถพบเห็นได้ในทุกงานแต่งงาน ชีวิตก่อนกู้อี้เหวินก็ถูกสหายของเขาลากออกไปดื่มจนเมามาย ทว่ากลับหาได้มีผู้ใดมาสนใจว่านางจะกินอันใดแล้วหรือไม่ กว่าเขาจะได้กลับมาที่เ
สองร่างเอนกายลงไปบนเตียง หลังจากที่ปลดเปลื้องสิ่งที่กีดขวางออกไปจนหมดสิ้นแล้ว มือเรียวไม่สากเช่นคนจับอาวุธ และไม่ราบเรียบจนเกินไปเฉกเช่นคนที่จับแต่พู่กัน ลูบไล้ลงไปบนผิวกายที่เรียบเนียนของหญิงสาว ซูเยว่ซินนึกไปถึงยามที่นางต้องออกรบ นางพยายามที่จะไม่ให้ตนเองได้รับบาดเจ็บหนัก และถึงแม้นางจะมีบาดแผล ทว่านางกลับไม่เคยทิ้งไว้ให้เกิดรอยแผลเป็นเลยสักหน ทำให้ชายหนุ่มผู้ที่กำลังสัมผัสเรือนกายของนางอยู่นั้นไม่อาจรับรู้ได้ ว่านางเคยผ่านสิ่งใดมากู้มู่เฉินค่อยๆ จุมพิตลงมาตามลำคอขาวผ่อง กลิ่นเนื้อนางช่างหอมรัญจวน ชวนทำให้เลือดเนื้อในกายของเขาสูบฉีดยิ่งนัก เขากดจูบลงบนเนินไหปลาร้าของนาง จนเรียกเสียงครางหวานให้ดังขึ้นมา ชายหนุ่มผละใบหน้าจ้องมองปทุมคู่งามด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย ก่อนที่เขาจะซุกใบหน้าลงไป ใช้ริมฝีปากและลิ้นร้อนหยอกเย้าลงบนยอดปทุมถันสีชมพูของนาง มือเรียวของเขาบีบเคล้นปทุมคู่งามของนางหนักสลับเบา จนหญิงสาวต้องคอยสะกดกลั้น เสียงที่คอยจะเล็ดลอดออกมาชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองดวงหน้างาม ที่ยามนี้ราวกับว่านางกำลังทรมาน ก่อนที่เขาจะรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา มือเรียวข้างหนึ่งจึงล่วงล้ำเข้าไปค้น
เดิมทีการแต่งงานในครานี้จะต้องเป็นของนางกับกู้อี้เหวิน ทว่าบุรุษข้างกายของนางในยามนี้คือกู้มู่เฉิน ใบหน้าหล่อเหลาคมคร้ามของเขาฉายแววแห่งความยินดีออกมา ที่เรือนใหญ่วันนี้ทุกคนในตระกูลกู้ต่างอยู่กันอย่างพร้อมหน้า ใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินนั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน ด้านซ้ายมือเป็นอนุซินกับคุณชายรองกู้อี้เหวิน ทางด้านขวามือเป็นคุณหนูสามกู้มู่หรงที่ผ่านมาหากนับตามลำดับการสืบสกุลแล้ว กู้มู่หรงนับเป็นคุณหนูสามของสกุล ทว่านางกลับไม่ยอมนับถือผู้ที่เป็นพี่ชายรอง ซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดา ทำให้คนส่วนใหญ่มักจะเรียกขานนาง ว่าเป็นคุณหนูรองแห่งจวนตระกูลกู้ นั่นก็เพื่อเอาอกเอาใจคุณหนูเพียงหนึ่งเดียวในสกุล ที่ท่านใต้เท้ากู้รักและเอ็นดูยิ่งกว่าผู้ใด“คารวะท่านพ่อ คารวะท่านแม่” สามีภรรยาหมาดๆ คำนับบิดามารดา"ตามสบายเถิดลูก"ใต้เท้ากู้กล่าวออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สาวรับใช้รินน้ำชาส่งให้สะใภ้ใหม่ นางยกน้ำชาให้พ่อสามี เขารับไปดื่มก่อนที่จะมอบปิ่นหยกแห่งหูหนานให้แก่นาง ซูเยว่ซินรับมาพลางคำนับบิดาของสามี ท่านใต้เท้ากู้ก็พยักหน้าขึ้นลงอย่างพอใจ"ท่านแม่เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ"ซูเยว่ซินส่งถ้วยชาที่สาวรับใช้รินให้ ให้แก่กู
สาวรับใช้เรือนอนุซินออกไปพบกับชายชราผู้หนึ่งที่ตรอกหลีตง ชายชราแต่งกายซอมซ่อ ทว่าท่าทีกลับดูมีความรู้ราวกับเป็นบัณฑิต ครั้นยืนพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ชายผู้นั้นก็ส่งห่อกระดาษห่อหนึ่งให้แก่นาง และนางก็ส่งเงินให้เขา จากนั้นจึงรีบเดินกลับไปยังเส้นทางเดิมที่จากมา จูเอ๋อร์ไม่อาจรู้ตัวเลยว่า ทุกการกระทำของนางอยู่ในสายตาของคนผู้หนึ่ง นางกลับถึงเรือนอนุซินหลังจากออกไปเพียงแค่หนึ่งก้านธูปเท่านั้น“นายหญิงเล็ก ของที่สั่งได้แล้วเจ้าค่ะ” นางส่งกระดาษห่อนั้นให้แก่ผู้เป็นเจ้านาย อนุซินรับมาพลางเปิดออกดู“ตาเฒ่านั่นได้บอกวิธีการใช้มาหรือไม่” นางกระซิบถามสาวรับใช้ออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“เขาบอกว่าเพียงแค่หยิบมือ ต้มในน้ำร้อน อำพรางเป็นชาได้เจ้าค่ะ”จูเอ๋อร์อดที่จะหวั่นใจในสิ่งที่นายหญิงเล็กกำลังจะกระทำไม่ได้ เพราะถ้าหากผิดพลาดขึ้นมา คงมิใช่สตรีที่นายหญิงเล็กเกลียดชังที่จะตาย ทว่าเป็นพวกนางต่างหากที่จะได้รับการลงโทษจนตายแทน“ตอนที่เจ้าออกไปและกลับมา ไม่มีผู้ใดเห็นเจ้าใช่หรือไม่”จูเอ๋อร์พยักหน้าเป็นคำตอบ นางเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน ว่าเหตุใดวันนี้ผู้คุ้มกันที่จวนถึงได้ทำหน้าที่หละหลวมยิ่งนัก ยามที
กู้อี้เหวินออกจากจวนไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ใคร่จะดีเท่าใดนัก และเขาก็หาได้ออกไปพบกับต้วนหลิวหลี เฉกเช่นที่ได้บอกกับมารดาเอาไว้ไม่ ทว่าเขากลับมุ่งหน้าออกไปยังโรงเตี๊ยมเซียงซี แล้วสั่งให้บ่าวรับใช้ข้างกายของเขา แอบไปตามหลูเจียงหลีมาพบเขา สำหรับต้วนหลิวหลีแล้ว ถึงแม้นางกับเขาจะเป็นคู่หมั้นกัน แต่ทว่าการที่จะได้พบกับหญิงสาวนั้นมิใช่เรื่องง่ายดายนัก เพราะท่านใต้เท้าต้วนและต้วนฮูหยินนั้นคอยจับตาดูนางอยู่เสมอ ทำให้ตั้งแต่เขากับนางหมั้นหมายกัน การพบหน้ากันจึงแทบจะนับครั้งได้ต่างจากหลูเจียงหลีที่เขาเรียกให้นางออกมาพบคราใด นางก็ไม่เคยที่จะอิดออดเลยสักครา และไม่ว่าเขาต้องการสิ่งใด นางก็จะยินดีและทำให้เขาอย่างเต็มใจ แล้วเขาจะทอดทิ้งนางลงได้เยี่ยงไรกัน ต้วนหลิวหลีผู้นั้นช่างเป็นสตรีที่ไร้เดียงสา แต่ทว่าน่าเบื่อหน่ายยิ่งนัก ทว่าเขาจะต้องแต่งงานกับสตรีเช่นนั้น เพื่อแลกกับอำนาจที่จะได้มาจริงๆ น่ะหรือ เขาถอนหายใจหนักๆ ออกมา ก่อนที่จะสั่งสุราและอาหารเอาไว้รอผู้มาเยือนกู้อี้เหวินนั่งดื่มสุราอยู่ภายในห้องรับรองของโรงเตี๊ยมเซียงซุน ไม่นานเท่าใดนัก สตรีที่มีรูปโฉมงดงาม ที่ปิดบังอำพรางใบหน้าอยู่ภาย
ณ เรือนหลงจู้“บ่าวทำตามคำสั่งของนายหญิงเล็กเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” แม้ภายในใจจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แต่ทว่าจูเอ๋อร์ก็ยังคงรายงานนายหญิงของนางออกมาด้วยท่าทีที่ปกติ“ดีมาก ข้าคิดว่าอีกสักเค่อ ข้าจะไปคำนับนายหญิงใหญ่เสียหน่อย”อนุซินยิ้มกว้างออกมา ในใจรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก นางถอดกำไลข้อมือที่ตนสวมใส่อยู่ให้จูเอ๋อร์ เพื่อเป็นรางวัลให้แก่สาวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ ทว่าในขณะที่กำลังส่งกำไลให้จูเอ๋อร์อยู่นั้น นางกลับสังเกตเห็นผื่นแดงบนมือของสาวรับใช้คนสนิท จึงเอ่ยถามเสียงแข็งขึ้นมาทันที“นั่นคือร่องรอยของการถูกพิษจากสมุนไพรที่เจ้าไปต้มมาใช่หรือไม่” จูเอ๋อร์หน้าเปลี่ยนสี ก้มหน้าลงก่อนที่จะตอบออกมา“เจ้าค่ะ…บ่าวไม่ทันระวังจึงสัมผัสเข้า” อนุซินชักกำไลที่ตนเพิ่งถอดออกมาจากข้อมือแล้วส่งให้สาวรับใช้กลับคืนทันที“ทำงานง่ายๆ แค่นี้ยังให้พลาด เจ้ากลับไปที่เรือนนอนของเจ้าเสีย…ไม่ต้องตามข้าไปที่เรือนใหญ่ หากเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นมาที่นั่นขึ้นมาจริงๆ เจ้าจะกลายเป็นผู้ที่น่าสงสัยได้”จูเอ๋อร์แอ
ครั้นทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินและยกน้ำชาลาบิดามารดาฝั่งเจ้าสาวเสร็จ กู้อี้เหวินก็พาหลูเจียงหลีขึ้นเกี้ยวกลับจวนทันที ระยะทางจากจวนตระกูลหลูไปถึงจวนตระกูลกู้นั้นหาได้ไกลกันนัก ทำให้ขบวนรับเจ้าสาวเดินทางไปถึงจวนตระกูลกู้อย่างรวดเร็ว กู้อี้เหวินไม่แม้แต่จะกระทำเช่นเดียวกับกู้มู่เฉิน ที่นำพาขบวนเกี้ยวเจ้าสาววนอยู่ในเมือง เพื่อให้ชาวเมืองได้พากันมาชื่นชม ทว่าเขากระทำการทุกอย่าง อย่างเร่งรีบจนหลูเจียงหลีรู้สึกไม่ค่อยพอใจ และเริ่มไม่ค่อยมั่นใจว่าเขาอยากจะแต่งงานกับนาง แต่ถึงเช่นไรแล้วนางก็ยังต้องการการแต่งงานนี้อยู่ดีหลังจากถึงจวนตระกูลกู้ กู้อี้เหวินก็เดินนำหน้าเจ้าสาวเข้าจวนไปโดยที่ไม่สนใจนางเลยแม้สักนิด ราวกับว่าการแต่งงานในครานี้เขาเป็นฝ่ายถูกบังคับอย่างไรอย่างนั้น ก่อนที่เขาจะเดินไปหยุดรอนางอยู่ในโถงพิธีด้วยใบหน้าที่เฉยชา ซึ่งด้านหน้ามีใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินนั่งอยู่บนตั่งด้วยใบหน้าที่กระอักกระอ่วน เดิมทีคิดว่ากู้อี้เหวินพอใจที่จะแต่งงานกับคุณหนูสี่สกุลหลูผู้นี้เสียอีก เหตุใดผ่านมาไม่นาน กู้อี้เหวินถึงได้ทำตัวเฉยชาใส่อีกฝ่ายไปเสียได้แขกที่มาร่วมงานเอง ก็คิดไม่ต่างจากที่ท่านใต้เท
หลังจากที่ซูเยว่ซินกลับจากการเยี่ยมสกุลเดิมได้เพียงแค่สองวัน อนุซินก็ทนพิษบาดแผลและทนความหิวโหยไม่ไหว นางได้สิ้นใจตายไปอย่างทรมาน แม้แต่กู้อี้เหวินบุตรชายแท้ๆ นางก็ไม่ได้เห็นหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย หาใช่เป็นคำสั่งของใต้เท้ากู้ไม่ ทว่าเป็นกู้อี้เหวินเองที่นึกรังเกียจ ไม่อยากเห็นสภาพที่น่าสมเพชเวทนาของมารดา“แม้นางจะกระทำความผิดจนได้รับการลงทัณฑ์จนตาย แต่ถึงเช่นไรแล้วนางก็มีศักดิ์เป็นอนุในเรือนของเรา อีกทั้งยังเป็นสตรีที่ให้กำเนิดทายาทแก่ตระกูลกู้ ข้าว่าหาสุสานที่มีฮวงจุ้ยดีๆ เพื่อฝังร่างของนาง ให้นางได้ปล่อยวางจากโลกนี้ไปอย่างตาหลับเถิดนะเจ้าคะ"กู้ฮูหยินกล่าวออกมา หลังจากที่นั่งปรึกษาหารือกันกับสามีอยู่ในเรือนใหญ่ เพราะตามหลักธรรมเนียมปฏิบัติของจวนขุนนางแล้ว หากอนุภรรยาตายไป จะไม่มีการจัดพิธีศพให้ แต่จะแห่ออกไปทำพิธีฝังเลย ท่านใต้เท้ากู้ได้รายงานเรื่องนี้ให้แก่ทางการทราบ ว่าอนุภรรยาของตนสิ้นใจตายเพราะอาการเจ็บป่วยแต่ผู้ใดเลยจะมาสนใจอนุภรรยาในเรือนที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อย ไม่มีผู้ใดสอบถามถึงสาเหตุการจากไปของนางให้มากความ ทำให้คนนอกไม่มีผู้ใดรู้ความจริงเลยว่า อนุภร
ในเย็นวันนี้ที่เรือนพักของอนุเซียวจึงมีบรรยากาศที่ครึกครื้นยิ่งนัก หลูเจียงหลียิ้มออกมาจนแก้มปริ ครั้นได้รู้ว่าวันนี้กู้อี้เหวินได้ให้บิดาของเขา ส่งแม่สื่อมาขอหมั้นหมายและสู่ขอนางไปเป็นภรรยาเอก ไม่คิดว่านางอยู่ของนางเงียบๆ เฉยๆ ข้างกายเขา สุดท้ายนางก็กลายเป็นสตรีที่สมหวัง สมความปรารถนาไปเสียได้ อนุเซียวเองก็มองบุตรสาวด้วยแววตาที่แสดงออกมาถึงความภาคภูมิใจ สิ่งที่นางสั่งสอนไปบุตรสาวคงจะเรียนรู้และรับไปเป็นอย่างดี สุดท้ายสิ่งที่นางคอยพร่ำสอนก็ไม่สูญเปล่า“พรุ่งนี้เจ้าเอาเงินนี่ไปตัดชุดงามๆ หลายๆ ชุด หากเจ้าได้ออกเรือนไปจริงๆ จะได้ไม่อายพี่สะใภ้ของเจ้า ข้าได้ยินมาว่า นางเป็นถึงบุตรีของท่านแม่ทัพ ที่เคยชนะศึกชายแดนเมืองโหยว่ถิงเมื่อสองปีก่อน ท่านแม่ทัพผู้นี้เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทยิ่งนัก เจ้าแต่งเข้าไปก็อย่าได้ไปมีเรื่องบาดหมางอันใดกับนางเชียวล่ะ มิเช่นนั้นแม้แต่สามีของเจ้าก็คงช่วยเหลือเจ้าเอาไว้ไม่ได้”ใต้เท้าหลูมอบถุงเงินให้บุตรสาวก่อนที่จะกล่าวออกมา เขาไม่ลืมที่จะกำชับเรื่องไม่ให้นางไปเป็นศัตรูกับพี่สะใภ้ของนาง เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงคุณหนูรองแห่งจวนแม่ทัพ หากบุตรสา
เรื่องราวที่ตระกูลกู้ถูกตระกูลต้วนถอนหมั้นอย่างไม่ไว้หน้า ได้ถูกเล่าลือไปทั่วทั้งเมืองหลวงในเช้าวันต่อมา ทว่ากู้มู่เฉินก็ยังพาภรรยาเดินทางกลับสกุลเดิมตามกำหนดการเดิม ราวกับว่าไม่ใช่เรื่องของตน ขบวนรถม้าที่เคลื่อนผ่านชาวบ้านไป ยังคงเรียกสายตาให้คนมองมาได้เป็นอย่างดี“หากเป็นคุณชายใหญ่ พวกเจ้าว่าตระกูลต้วนยังจะถอนหมั้นกับตระกูลกู้อยู่หรือไม่” เสียงของชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยถามสหายข้างกาย“ไม่มีทางหรอก ผู้ใดในเมืองหลวงที่จะไม่รู้บ้าง ว่าท่านใต้เท้าต้วนอยากได้คุณชายใหญ่กู้มู่เฉินไปเป็นลูกเขย แต่ทว่าคุณชายใหญ่กู้กลับพบรักกับคุณหนูรองสกุลซูไปเสียก่อน ถึงเขาจะอยากได้คุณชายใหญ่กู้ไปเป็นบุตรเขยเพียงใด แต่จะให้ตัดใจยกบุตรีที่ตนหวงแหนให้เป็นอนุของอีกฝ่าย ท่านใต้เท้าต้วนก็มิอาจตัดใจทำได้ลง” ชายผู้นั้นตอบสหายให้หายข้องใจ ทว่าอีกฝ่ายยังคงสงสัย ยังคงแสดงความคิดเห็นของตนออกมา“แต่ก็ไม่รู้คุณชายรองกู้กระทำผิดอันใด คุณหนูรองต้วนถึงได้ยอมเปลี่ยนใจให้บิดาถอนหมั้นเขาอย่างไม่เกรงว่านางจะหาบุรุษออกเรือนไม่ได้อีก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้ายังดื้อรั้นอยากจะหมั้นหมายกับเขาอยู่เ
“นายท่านขอรับ นายท่าน เกิดเรื่องแล้วขอรับ”เสียงของบ่าวรับใช้ดังมาจากด้านนอกห้อง ใต้เท้ากู้รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาทันใด วันนี้ในจวนของเขาช่างมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน เขาถอนหายใจออกมาก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู แล้วออกไปฟังบ่าวรายงานข้างนอก“ยังจะมีเรื่องใดที่แย่ไปกว่านี้เกิดขึ้นในจวนข้าอีกเยี่ยงนั้นรึ”“สกุลต้วนขอรับ สกุลต้วนส่งของหมั้นกลับมา พร้อมทั้งกล่าวว่า คุณชายรองกู้ประพฤติตนผิดศีลธรรม ลักลอบมีความสัมพันธ์กับสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน หลอกลวงและหยามศักดิ์ศรีของคุณหนูรองสกุลต้วน นับแต่นี้ต่อไป สกุลต้วนไม่ขอเกี่ยวดองกับคนในสกุลกู้อีก”บ่าวรับใช้รายงานออกมาตามคำพูดของบ่าวรับใช้อาวุโสของสกุลต้วน คนพวกนั้นนำหีบมาส่งที่หน้าจวน พร้อมทั้งเผาเทียบขอหมั้นหมายที่หน้าประตูจวน แล้วออกจากหน้าบริเวณหน้าประตูจวนไปทันที“เจ้าลูกชั่ว!!! สันดานมารดาเป็นเยี่ยงไร เจ้านั่นก็ได้รับมาเยี่ยงนั้นสินะ”ใต้เท้ากู้เดือดดาลขึ้นมาอย่างไม่อาจระงับโทสะได้ ยังไม่ทันได้แต่งสะใภ้รองเข้ามาด้วยซ้ำ ทว่าบุตรชายรองของเขากลับทำตัวไร้ยางอาย
ใต้เท้ากู้นั่งปรึกษากับกู้ฮูหยินอยู่ภายในศาลากลางน้ำด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด เพราะไม่รู้ว่าจะหาถ้อยคำใดที่ฟังดูไม่ร้ายแรง ไปแจ้งให้ท่านแม่ทัพกับซูฮูหยินทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวของพวกเขา เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินรู้สึกผิดต่อลูกสะใภ้ของพวกตนอยู่ไม่น้อย เพราะนางเพิ่งจะออกเรือนมาได้ไม่ถึงสามวันดี กลับต้องมาพบเจอกับเรื่องเลวร้ายเช่นนี้“นี่คุณชายใหญ่กลับมาแล้วใช่หรือไม่” ใต้เท้ากู้เอ่ยถามบ่าวรับใช้ที่กำลังรินน้ำชาให้เขาและภรรยา“เจ้าค่ะนายท่าน ยามนี้คุณชายใหญ่กำลังนั่งเฝ้าดูแลฮูหยินเล็กอยู่ไม่ห่างเลยเจ้าค่ะ” ใต้เท้ากู้พยักหน้าก่อนที่จะเขาจะมองหน้าภรรยาแล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ข้ารู้สึกละอายใจต่อเจ้ากับเฉินเอ๋อร์ยิ่งนัก หากข้าไม่พาสตรีชั่วร้ายนางนั้นเข้ามาในจวน ไหนเลยวันนี้จะเกิดเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ขึ้นกับลูกสะใภ้ของพวกเราได้” กู้ฮูหยินเอื้อมมือไปบีบมือของสามีเบาๆ นางรู้ความจริงเรื่องนั้นดี สามีไม่เคยเต็มใจที่จะรับอนุซินเข้ามาเป็นอนุภรรยาในจวนเลยเดิมทีเขาก็มีเพียงแค่นางที่เป็นภรรยาเดียว แ
ตู้จิ้นลอบมองคุณชายใหญ่ของตนแล้วก็นึกขัน คราแรกที่ได้รู้ความลับของคุณชายรองโดยบังเอิญ เขาถามว่าควรบอกให้ท่านใต้เท้าต้วนทราบหรือไม่ คุณชายใหญ่กลับบอกว่าเรื่องเช่นนี้เขาจะไม่ยุ่ง ทว่าไม่รู้เป็นเพราะเหตุใดคุณชายใหญ่ถึงได้เปลี่ยนใจ สอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องของคุณชายรองจนได้ เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันแท้ๆ กลับมีนิสัยใจคอต่างกันลิบลับ เป็นโชคดีของเขาที่ได้รับใช้คุณชายใหญ่และก็ถือเป็นความโชคดีของฮูหยินเล็ก ที่ได้บุรุษเช่นคุณชายใหญ่ไปเป็นสามี ไม่ใช่บุรุษเสเพลเช่นคุณชายรอง เพราะตั้งแต่ที่เขาติดตามคุณชายใหญ่มา ไม่เคยมีสักคราที่ชายหนุ่มจะออกนอกลู่นอกทาง หรือแสดงออกว่าสนใจสตรีใด ทว่ากับฮูหยินเล็กนั้นต่างจากสตรีอื่น ราวกับว่าคุณชายใหญ่ของเขานั้น รอคอยที่จะได้พบกับนางมาเนิ่นนาน เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่เขาอยู่ไม่น้อยเรื่องมันเริ่มขึ้นตั้งแต่สี่ห้าปีก่อน หลังจากที่คุณชายใหญ่หายจากอาการป่วย คุณชายใหญ่ก็ได้ขอร้องให้เขาช่วยแอบหาอาจารย์ฝึกวรยุทธ์ให้ จากนั้นคุณชายใหญ่ที่ไม่เคยออกกำลังหนักๆ หรือจับอาวุธมาก่อนเลย ก็แอบฝึกตนราวกับเป็นคนละคน และเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งๆ ที่คุณชายใหญ่เองก็มีว
ณ โรงเตี๊ยมเซียงซีร่างระหงในชุดเป้ยจึสีชมพูอ่อนลงมาจากรถม้า แล้วหยุดยืนมองป้ายชื่อของโรงเตี๊ยมตรงหน้า จากนั้นจึงหันไปพยักหน้าให้กับสาวรับใช้คนสนิทและผู้คุ้มกันของตน เช้านี้มีสารลับส่งมาให้นาง ซึ่งนางคิดว่าน่าจะเป็นกู้อี้เหวิน เพราะอีกฝ่ายยังไม่กล้าพบหน้าบิดาของนาง จึงทำให้เขาต้องใช้วิธีการลับเช่นนี้เรียกนางให้ออกมาพบ หญิงสาวยิ้มแย้มออกมาด้วยใจที่เบิกบาน จากนั้นจึงเดินเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมในขณะที่กำลังเข้าไป นางกลับมองเห็นบ่าวรับใช้คนสนิทของคู่หมั้นอย่างกู้อี้เหวิน กับสาวรับใช้คนสนิทของพี่สาว อย่างหลูเจียงหลี ทั้งสองกำลังนั่งกินดื่มกันอยู่ที่โต๊ะด้านในทว่ากลับไร้เงาของชายหญิงทั้งสอง โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีสองชั้น ชั้นล่างใช้รับรองลูกค้าที่แวะมากินอาหาร ส่วนชั้นสองใช้รับรองลูกค้าที่อยากเปิดห้องพัก"สองคนนี้สนิทสนมกันถึงขั้นทิ้งเจ้านายแล้วพากันมานั่งกินอาหารตามลำพังเนี่ยนะเจ้าคะ" สาวรับใช้คนสนิทของต้วนหลิวหลีแสดงความเห็นออกมาอย่างระมัดระวัง ทว่ากลับทำให้ต้วนหลิวหลีฉุกคิด"เจ้าให้ผู้คุ้มกันไปถามเถ้าแก่ทีสิ ว่าคุณชายรองกู้เปิดห้องพักอยู่ห้องใด" นางส่งถุงเงินให้สาวรับใช้คน
“ดื่มยาต้มให้ครบสามยาม อีกไม่เกินหนึ่งถึงสองวันนางก็จะฟื้นขอรับ”ท่านหมอสวีกล่าวออกมา กู้ฮูหยินมองสะใภ้ด้วยแววตารู้สึกผิด อีกฝ่ายต้องมาได้รับอันตรายเพราะตัวนาง ชาถ้วยนั้นเดิมทีนางต้องเป็นคนดื่ม สตรีเช่นอนุซินช่างไม่ต่างจากงูพิษ เผลอเข้าหน่อยก็ลอบทำร้าย“ขอบน้ำใจท่านหมอยิ่งนัก แต่ข้าหวังว่า…เรื่องที่เกิดขึ้นภายในจวนตระกูลกู้วันนี้ จะไม่มีผู้คนภายนอกได้ล่วงรู้” กู้ฮูหยินกล่าวออกมาน้ำเสียงราบเรียบ ท่านหมอสวีฉีกยิ้มออกมาพลางรับคำ“ข้ามาที่นี่เพียงรักษาอาการป่วยของฮูหยินใหญ่ตามปกติเท่านั้น”กู้ฮูหยินมอบตั๋วเงินให้ท่านหมอสวีหนึ่งใบ เขาจึงคำนับลาแล้วออกจากเรือนรับรองไป บ่าวรับใช้ของจวนทำหน้าที่ไปส่งเขากลับโรงหมอ“คุณหนูรองเจ้าคะ นายท่านกลับมาแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่าไม่พบคุณชายใหญ่” ซิวหนีรายงานออกมา หลังจากทำตามคำสั่งของคุณหนูรอง“ปกติยามนี้ท่านพี่ของข้าอยู่ในวังหลวงมิใช่หรอกหรือ เหตุใดถึงตามหาเขาไม่พบกัน” กู้มู่หรงถามออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง เกิดเรื่องกับภรรยาแต่พี่ชายของนางกลับหายตัวไป&ldqu