“ถ้าเช่นนั้น ก็ให้เจ้าช่วยส่งแม่สื่อและเทียบขอหมั้นหมายไปที่จวนตระกูลต้วนก็แล้วกัน ถ้าฝ่ายนั้นตอบรับข้าก็ยินดีที่จะแต่งคุณหนูรองสกุลต้วนผู้นั้นเข้ามาเป็นสะใภ้รองของตระกูล แต่ถ้าท่านใต้เท้าต้วนไม่เห็นดีเห็นงามด้วย ข้าก็มิอาจช่วยเหลืออันใดได้ เพราะเรื่องนี้สุดแล้วแต่ฝ่ายนั้น”
ท่านใต้เท้ากู้กล่าวก่อนที่จะลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากเรือนรับรองของเรือนใหญ่ไปอย่างไม่สบอารมณ์ เป็นเพียงบุตรที่เกิดจากอนุกลับไม่เจียมตน อยากได้สตรีที่เกิดจากภรรยาเอกมาเป็นภรรยา เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่า ใต้เท้าต้วนผู้เย่อหยิ่งและรักในศักดิ์ศรีผู้นั้น จะยอมทำเป็นหูหนวกตาบอด กลืนน้ำลายตนเอง ยอมยกบุตรีที่ตนหวงแหนให้ออกเรือนมากับบุตรชายคนรองที่เกิดจากอนุภรรยาของเขาหรือไม่อนุซินคำนับขอบพระคุณในความเมตตาของฮูหยินใหญ่ ก่อนที่นางจะขอตัวกลับเรือนของตน เพื่อไปแจ้งข่าวดีให้แก่บุตรชายได้ทราบ กู้อี้เหวินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงรีบร้อนออกจากจวน เพื่อไปพบหน้าสตรีที่ยิ่งทำให้เขาอารมณ์ดียิ่งขึ้นทันที อนุซินได้แต่ถอนหายใจหนักๆ ออกมา บุตรชายของนางนั้นกำลังลุ่มหลงสตรีสกุลหลูผู้หลังจากวันที่ต้วนหลิวหลีกลับมาจากนอกจวน และเป็นวันเดียวกันที่ตระกูลต้วนปฏิเสธการทาบทามขอหมั้นหมายจากตระกูลกู้ ต้วนหลิวหลีก็เริ่มทำตามแผนการ ที่หลูเจียงหลีแนะนำมาอย่างไม่ลังเล นางเริ่มอดอาหารและเก็บตัวอยู่แต่ภายในห้องนอน ไม่อนุญาตให้สาวรับใช้เข้าไปรับใช้ภายในห้อง วันแรกท่านใต้เท้าต้วนและต้วนฮูหยินต่างก็ไม่ใส่ใจ ทว่าผ่านไปสามวันหลีจูสาวรับใช้คนสนิทของต้วนหลิวหลีก็อดทนไม่ไหว นางรีบไปรายงานเรื่องนี้ให้แก่นายท่านและนายหญิงใหญ่ได้ทราบ ทำให้สองสามีภรรยารู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับต้วนฮูหยินที่เฝ้าทะนุถนอม อบรมเลี้ยงดูบุตรีมาตั้งแต่เล็ก นางไม่คิดเลยว่าต้วนหลิวหลีจะมีวันที่ดื้อรั้น ไม่เชื่อฟังเช่นนี้ด้วย“ท่านพี่… ขืนปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป หลีเอ๋อร์นางจะต้องตายแน่ๆ ท่านพี่โปรดทบทวนเรื่องนั้นอีกหนด้วยเถิดนะเจ้าคะ เห็นนางเป็นเยี่ยงนี้แล้วข้ารู้สึกปวดใจเหลือเกิน”ต้วนฮูหยินร่ำไห้พลางกล่าวโน้มน้าวผู้เป็นสามี ท่านใต้เท้าต้วนถึงกับกุมขมับด้วยความเคร่งเครียด เขาคิดไม่ออกว่าความสัมพันธ์ของบุตรีกับคุณชายรองกู้เป็นไปถึงขั้นไหน เหตุใดต้วนหลิวหลีถึงได้มอบใจให้
ณ จวนตระกูลซูศาลากลางสระน้ำยามนี้มีเสียงบรรเลงดนตรี เป็นชิงหลัวที่ทำหน้าที่บรรเลงดนตรีให้คุณหนูรองได้ฟังอย่างเพลิดเพลิน ส่วนชิงหลวนก็คอยทำหน้าที่รินน้ำชาให้ ในระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินอยู่นั้น ชิงหรงก็รีบสาวเท้าก้าวยาวๆ เข้ามาภายในศาลากลางน้ำ นางย่อคำนับคุณหนูรองก่อนที่จะรายงานเรื่องที่ตนไปสืบเรื่องราวจากข้างนอกจวนออกมา“คุณหนูรองเจ้าคะ ทางสกุลกู้ทาบทามขอหมั้นหมายคุณหนูรองสกุลต้วนสำเร็จแล้วเจ้าค่ะ”“หึ… คงจะใช้แผนการล่ะสิท่า ไม่มีทางที่ท่านใต้เท้าต้วนจะยอมรับง่ายๆ เช่นนี้หรอก”เพราะเพิ่งจะผ่านมาแค่สามวันเท่านั้น ที่ท่านใต้เท้าต้วนปฏิเสธการขอหมั้นหมายของตระกูลกู้ หากไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับต้วนหลิวหลีแล้วล่ะก็ มีหรือที่ท่านใต้เท้าต้วนจะยินยอม เหตุใดซูเยว่ซินถึงรู้ นั่นก็เป็นเพราะเหตุการณ์เช่นนี้ ก็เคยเกิดขึ้นกับนางมาก่อน สตรีใดยามที่หลงใหลในบุรุษแล้ว ย่อมกล้าที่จะทำในสิ่งที่เลวร้าย เพื่อให้ได้อยู่กับอีกฝ่ายโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมาและนี่ก็คงจะเป็นแผนการของหลูเจียงหลี เฉกเช่นเดียวกับชีวิตก่อน ที่สตรีผู้นี้เคยได้เสี้ยมสอนใ
ซูเยว่ซินตัดสินใจแล้วว่า นางจะออกเรือนให้ไวขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่นางจะได้ทำการสิ่งใดภายในจวนสกุลกู้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น เพราะนางรู้ดีว่าหลังจากนี้อนุซินกำลังวางแผนที่จะทำการสิ่งใด นางจะต้องเข้าไปขัดขวางไม่ให้เกิดเหตุการณ์ ที่จะทำให้ตระกูลกู้ดำเนินไปเฉกเช่นในชีวิตก่อนที่นางได้พบเจอแต่นางจะเจรจากับกู้มู่เฉิน ผู้ที่เป็นว่าที่สามีของนางในชีวิตนี้เยี่ยงไรดี หากนางออกหน้าว่าเป็นฝ่ายที่อยากจะออกเรือนแล้ว ก็คงดูไม่งามเท่าใดนัก แต่ถ้านางไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมาเลย มีหรือคนซื่ออย่างกู้มู่เฉินจะเร่งรีบ ในเมื่อตัดสินใจดีแล้ว ไม่ว่าจะต้องทำเช่นไร นางก็ต้องทำให้เขามาสู่ขอนางเร็วๆ นี้ให้ได้"คุณหนูรองเจ้าคะ คุณชายใหญ่กู้มาขอพบท่าน ยามนี้รออยู่ที่เรือนรับรองแล้วเจ้าค่ะ" ในขณะที่ซูเยว่ซินกำลังว้าวุ่นใจ เดินวนไปเวียนมาภายในศาลากลางน้ำอยู่นั้น สาวรับใช้จากเรือนรับรองก็เข้ามารายงานให้ซูเยว่ซินได้ทราบ"ท่านพี่มู่เฉินมาเยี่ยงนั้นรึ"ในยามที่นางกำลังคิดว่าจะพบ และพูดคุยกับเขาเรื่องการแต่งงานระหว่างนางและเขาเยี่ยงไรดี เขาก็มาเยือนได้ราวกับนัดกันเอาไว้"เจ้าค่ะ คุณหนูรอง คุณชายใหญ่เองก็ค
“เมื่อครู่…จะ….เจ้าบอกว่า เจ้าพร้อมที่จะออกเรือนไปกับพี่แล้วใช่หรือไม่ เจ้าพร้อมที่จะเป็นภรรยาของพี่แล้วใช่หรือไม่ ซินเอ๋อร์…เจ้าช่วยพูดให้พี่ฟังชัดๆ อีกคราเถิด”น้ำเสียงของเขาที่ดังออกมานั้นตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง ซูเยว่ซินรู้สึกโล่งใจเพราะเขาไม่ได้นึกรังเกียจที่นางแสดงท่าทีในเรื่องนี้ก่อน ทว่าเขากลับยินดีและอยากจะฟังความต้องการของนางให้ชัดเจน ซูเยว่ซินจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินเข้าไปใกล้ๆ เขา จากนั้นจึงเอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ“ข้าบอกว่า ช้าพร้อมที่จะออกเรือนกับท่านแล้วเจ้าค่ะ”กู้มู่เฉินแสดงความดีใจออกมาอย่างปิดไม่มิด เขาอุ้มนางขึ้นมาพลางเหวี่ยงนางไปรอบๆ ซูเยว่ซินอดที่จะหัวเราะออกมาด้วยความยินดีไม่ได้ ชิงหลวน ชิงหรง ชิงหลัว และตู้จิ้น ที่คอยรับใช้คุณหนูรองและคุณชายใหญ่พากันยิ้มออกมาด้วยความยินดีเช่นกันชายหนุ่มรีบขอตัวกลับจวนเพื่อไปแจ้งข่าวดีให้แก่บิดาและมารดาได้ทราบ เพื่อที่จะได้ให้มารดาช่วยหาฤกษ์งามยามดีในการออกเรือนให้แก่พวกตน ซูเยว่ซินไม่ได้ออกไปส่งเขาที่หน้าจวน เพราะนางเองก็จะได้ไปแจ้งข่าวดีให้แก่มารดาและ
ข่าวเรื่องการแต่งงานของสองตระกูลถูกกล่าวถึงไปทั่วทั้งเมืองหลวง บ้างก็รู้สึกอิจฉา บ้างก็รู้สึกยินดี ทว่าคนส่วนใหญ่ย่อมรู้สึกอิจฉาตระกูลกู้ยิ่งนัก เพราะบุตรชายสามารถคว้าสตรีที่ตระกูลมีอำนาจมาได้ทั้งสะใภ้ใหญ่และ ว่าที่สะใภ้รอง ท่านใต้เท้ากู้เลยพลอยมีหน้ามีตาไปกับเรื่องในครานี้ด้วย แต่ผู้ใดเลยจะรู้ว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับตระกูลต้วนเท่าใดนัก ต่างจากตระกูลซูที่นับได้ว่านับถือเป็นสหาย และไปมาหาสู่กันอยู่หลายครั้งหลายครา"อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเองเยี่ยงนั้นรึ" ใต้เท้ากู้เอ่ยถามภรรยาออกมาหลังจากรับรู้ฤกษ์งามยามดีที่จะได้รับลูกสะใภ้ใหญ่เข้าจวน"ท่านพ่อไม่ยินดีหรือเจ้าคะ พี่ชายใหญ่จะได้มีหลานให้ท่านพ่อเชยชมไวๆ" กู้มู่หรงกล่าวออกมาก่อนหยิบขนมตรงหน้าขึ้นมากินกู้ฮูหยินที่ได้ยินคำพูดแก่แดดของบุตรสาว ยกมือขึ้นเขกศีรษะของนางเบาๆ ทว่าเด็กหญิงที่อีกไม่นานก็จะต้องเข้าพิธีปักปิ่นแล้วกลับร้องโอดครวญออกมา จนผู้เป็นพี่ชายกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว นางหันไปส่งค้อนน้อยๆ ให้แก่เขา“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ยินดี แต่ข้าเกรงว่าจะจัดงานไม่สมเกียรติตระกูลซู ตระกูลนั้นเป็นถึงตระกูลแม่ทัพมาตั้งแ
หนึ่งเดือนต่อมาจวนตระกูลซูถูกประดับประดาไปด้วยผ้าแพรและโคมไฟสีแดง ญาติพี่น้องตระกูลซูที่มีอยู่น้อยนิดมาร่วมส่งเจ้าสาวออกเรือน ผู้ใดเล่าจะคิดว่าคุณหนูรองจะได้ออกเรือนไปก่อนพี่ชายใหญ่ของนาง หน้าประตูมีพี่ชายและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ยามที่เป็นทั้งรองแม่ทัพและยามนี้ที่เป็นรองหัวหน้าองครักษ์ ทำให้บรรยากาศครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง เสียงดนตรีบรรเลงดังเข้าจวนมาไม่ขาดสาย เจ้าสาวกำลังนั่งประทินโฉมอยู่ภายในเรือนนอนของนาง“คุณหนูรองช่างงดงามยิ่งนักเจ้าค่ะ” ชิงหลวนชมคุณหนูของนางออกมา ตั้งแต่ติดตามรับใช้ซูเยว่ซิน นางยังไม่เคยเห็นคุณหนูรองแต่งหน้าเช่นนี้มาก่อน แม้จะแปลกตาแต่ก็เป็นความแปลกตาที่งดงามไม่แพ้กัน“ข้าน้อยน้ำตาจะไหลแล้ว” ชิงหรงน้ำตาซึมยามที่มองดวงหน้างามของเจ้าสาว“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงเสียทีนะเจ้าคะ จากที่เป็นคุณหนูรองของพวกข้า ท่านกำลังจะกลายเป็นนายหญิงแล้ว” ชิงหลัวยิ้มแย้มน้ำตาซึมยามที่กล่าวออกมา“พวกเจ้านี่ก็เหลือเกิน วันมงคลของคุณหนูรอง พวกเจ้ากลับพากันเสียน้ำตา” ป้ากุย สาวรับใช้อาวุโสข้างกายของซูฮูหยินส่ายหน้า
หลังจากผ่านพิธีคำนับฟ้าดิน คำนับบิดามารดา และคำนับกันและกันแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยกน้ำชาให้แก่บิดามารดาของฝ่ายเจ้าบ่าว ผู้ใหญ่ทั้งสองกล่าวรับขวัญลูกสะใภ้ใหม่ จากนั้นก็ถึงพิธีส่งตัวเข้าหอ ทว่ายังไม่ทันได้ร่วมหอกัน ผู้เป็นเจ้าบ่าวกลับถูกเหล่าบัณฑิต และเหล่าสหายร่วมงานของเขา เชิญออกไปดื่มสุรามงคลด้วยกันเสียก่อน ทำให้เขาจำต้องทิ้งเจ้าสาวให้รอคอยเขาอยู่ในห้องหอตามลำพัง ซูเยว่ซินจึงได้ให้สาวรับใช้คนสนิทของนางช่วยปลดเครื่องหัวออก กู้มู่หรงแวะเข้ามาหานางในห้องหอ พร้อมนำอาหารมาให้พี่สะใภ้ของตน ทักทายกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรีบออกจากห้องหอไป“คุณหนูรองกู้ช่างใส่ใจท่านยิ่งนักเจ้าค่ะ เห็นทีท่านออกเรือนมาที่นี่ คงไม่ต่างจากอยู่ที่จวนเดิมเท่าใดเป็นแน่เจ้าค่ะ” ชิงหลวนกล่าวชมกู้มู่หรงออกมา ก่อนที่จะหยอกเย้าคุณหนูรองของนางซูเยว่ซินยิ้มน้อยๆ จากนั้นจึงลงมือกินอาหารตรงหน้า อาหารทุกจานล้วนแล้วแต่เป็นอาหารมงคล ที่สามารถพบเห็นได้ในทุกงานแต่งงาน ชีวิตก่อนกู้อี้เหวินก็ถูกสหายของเขาลากออกไปดื่มจนเมามาย ทว่ากลับหาได้มีผู้ใดมาสนใจว่านางจะกินอันใดแล้วหรือไม่ กว่าเขาจะได้กลับมาที่เ
สองร่างเอนกายลงไปบนเตียง หลังจากที่ปลดเปลื้องสิ่งที่กีดขวางออกไปจนหมดสิ้นแล้ว มือเรียวไม่สากเช่นคนจับอาวุธ และไม่ราบเรียบจนเกินไปเฉกเช่นคนที่จับแต่พู่กัน ลูบไล้ลงไปบนผิวกายที่เรียบเนียนของหญิงสาว ซูเยว่ซินนึกไปถึงยามที่นางต้องออกรบ นางพยายามที่จะไม่ให้ตนเองได้รับบาดเจ็บหนัก และถึงแม้นางจะมีบาดแผล ทว่านางกลับไม่เคยทิ้งไว้ให้เกิดรอยแผลเป็นเลยสักหน ทำให้ชายหนุ่มผู้ที่กำลังสัมผัสเรือนกายของนางอยู่นั้นไม่อาจรับรู้ได้ ว่านางเคยผ่านสิ่งใดมากู้มู่เฉินค่อยๆ จุมพิตลงมาตามลำคอขาวผ่อง กลิ่นเนื้อนางช่างหอมรัญจวน ชวนทำให้เลือดเนื้อในกายของเขาสูบฉีดยิ่งนัก เขากดจูบลงบนเนินไหปลาร้าของนาง จนเรียกเสียงครางหวานให้ดังขึ้นมา ชายหนุ่มผละใบหน้าจ้องมองปทุมคู่งามด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย ก่อนที่เขาจะซุกใบหน้าลงไป ใช้ริมฝีปากและลิ้นร้อนหยอกเย้าลงบนยอดปทุมถันสีชมพูของนาง มือเรียวของเขาบีบเคล้นปทุมคู่งามของนางหนักสลับเบา จนหญิงสาวต้องคอยสะกดกลั้น เสียงที่คอยจะเล็ดลอดออกมาชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองดวงหน้างาม ที่ยามนี้ราวกับว่านางกำลังทรมาน ก่อนที่เขาจะรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา มือเรียวข้างหนึ่งจึงล่วงล้ำเข้าไปค้น
“เจ้าพูดจริงหรือไม่” กู้มู่อวิ๋นถามตู้ชวนออกมาเพื่อความแน่ใจ เด็กชายตัวน้อยที่อายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปีกว่าๆ พยักหน้าขึ้นลง“ตู้ชวน ข้าให้เจ้าคิดดูให้ดี ว่าเจ้าจะทิ้งท่านแม่ของเจ้าไปได้แน่รึ สามปีเชียวนะ…หาใช่สามวัน” กู้มู่อวิ๋นถามย้ำตู้ชวนหันไปมองหน้ามารดา นางมองมายังเขาด้วยแววตาอาวรณ์ ทว่าเขาตระหนักถึงคำสอนของบิดา ว่าพวกเขาเป็นบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ต่อตระกูลกู้มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษไม่ว่าเจ้านายจะไปที่ใด หากเป็นที่ที่พวกตนสามารถติดตามเข้าไปได้ ก็ต้องติดตามไปรับใช้พวกเขาทุกที่ เด็กชายจดจำคำสอนของบิดาอย่างขึ้นใจ เขาจึงตอบออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่จะหันไปคำนับขออนุญาตมารดา“ข้าคิดดีแล้วขอรับ ท่านแม่…โปรดอนุญาตให้ลูกติดตามไปรับใช้คุณชายใหญ่ด้วยเถิดขอรับ”ชิงหลวนน้ำตาซึม บุตรชายยังเยาว์วัยนัก แต่ถ้าหากนางอยากจะให้บุตรชายแข็งแรง และสามารถปกป้องคุณชายใหญ่ได้ในภายภาคหน้า นางก็จำต้องให้เขาไป“แม่อนุญาต” ชิงหลวนตอบบุตรชายกลั้นสะอื้นซูเยว่ซินมองสาวรับใช้คนสนิทด้วยแววตาขอบคุณ กู้มู่เฉินหันไ
ในช่วงเหมันตฤดู มีหิมะโปรยปรายร่วงหล่นลงมาบนพื้นดิน จนปรากฏให้เห็นภาพขาวโพลน บริเวณลานกว้างในจวนสกุลกู้ ยามนี้มีเด็กชายตัวน้อยสองคน กำลังวิ่งเล่นกันอยู่กลางลานกว้างหน้าเรือน ด้านหลังมีสตรีวัยยี่สิบต้นๆ กับสตรีวัยแรกแย้มอีกสองคนคอยวิ่งตามหลังจนเหนื่อยหอบเสียงหัวเราะสดใสตามวัยดังขึ้นเป็นระยะ บัดนี้กู้มู่อวิ๋น บุตรชายคนโตของท่านราชครูกู้มู่เฉิน กับฮูหยินใหญ่ซูเยว่ซิน ก็ได้เติบโตเข้าสู่วัยเจ็ดปีแล้ว เด็กน้อยเกิดในฤดูหนาว ทำให้เขาคุ้นชินกับสภาพอากาศเช่นนี้และเด็กน้อยอีกคนที่กำลังวิ่งตามหลังเขา นั่นก็คือบุตรชายของตู้จิ้นและชิงหลวน ซึ่งเป็นบ่าวและสาวรับใช้คนสนิทของท่านราชครูและฮูหยินใหญ่ ทั้งคู่แต่งงานกันหลังจากที่ฮูหยินใหญ่ให้กำเนิดคุณชายใหญ่ได้เพียงสามเดือน และไม่นานนัก ชิงหลวนก็ตั้งครรภ์ ทันใช้สมใจของผู้เป็นบิดามารดา ที่ต้องการจะให้ทายาทของตน มาคอยรับใช้คุณชายน้อยต่อไปเช่นกัน“คุณชายใหญ่ ระวังลื่นนะเจ้าคะ” แม่นมกุ้ยร้องตามหลังคุณชายตัวน้อย“ไม่ล้ม…ข้าเก่ง ตู้ชวนเร็วเข้า”กู้มู่อวิ๋นร้องบอกแม่นมขณะที่ยังคงวิ่งวนอยู่บริเวณลานกว้าง
เช้าวันรุ่งขึ้น มีชาวเมืองพบศพของสตรีนางหนึ่ง ที่ลอยไปติดอยู่กับเรือบรรทุกสินค้าของพ่อค้า ที่เดินทางมาค้าขายในเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อคืน ทว่าเขาจอดเรือเทียบท่าเอาไว้ แล้วตนเองไปเข้าพักที่หอชิวเซียน ยามเช้ากลับมาสำรวจเรือตนเอง จึงได้พบศพของสตรี เขาจึงรีบแจ้งให้แก่ทางการได้ทราบครั้นทางการนำศพขึ้นมาแล้วก็พบว่า ผู้ตายเป็นอดีตฮูหยินของกู้อี้เหวิน คุณชายรองสกุลกู้ที่เพิ่งจะป่วยตายจากไปได้ไม่นาน ชาวเมืองหลายคนต่างพากันนึกเวทนา หญิงสาวที่ก่อนหน้าเคยเป็นสตรีที่เพียบพร้อมนางหนึ่ง อยู่ ๆ ก็กลายเป็นคนสติไม่ดี ผู้ใดเลยจะคิดว่าคุณหนูสี่ผู้เย่อหยิ่งแห่งจวนตระกูลหลู จะได้มาพบกับจุดจบที่น่าสังเวชเช่นนี้ซูเยว่ซินนั่งมองดอกบัวหลากสีที่กำลังเบ่งบานอยู่ในสระกลางจวนตระกูลกู้ นางกำลังขบคิดว่า จุดจบที่ชายหญิงสารเลวทั้งสองได้พบเจอ นั้นสาสมกับสิ่งที่พวกเขาเคยกระทำต่อนางและผู้คนที่รักนางในชีวิตก่อนแล้วหรือ ทว่าพอกลับมาคิดดูอีกที หากเรื่องที่นางย้อนเวลากลับมาไม่เคยเกิดขึ้น จะไม่เท่ากับว่านางเองก็เป็นสตรีร้ายกาจ ไม่ต่างจากคนพวกนั้นหรือในระหว่างที่ซูเยว่ซินกำลังว้าวุ่นใจอยู่นั้น กู้มู่เฉินก็เดินเ
หลังจากที่กู้อี้เหวินถูกใต้เท้ากู้ลงโทษตามกฎของตระกูล เขาก็ทนมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน ทว่าก่อนที่เขาจะจากไป เขากลับได้ฝันเห็นเรื่องราวบางอย่าง ช่างเป็นความฝันที่ทำให้เขามีความสุขยิ่งนัก เป็นความฝันที่เขาไม่อาจสัมผัสในชีวิตนี้ในฝันนั้นเขาได้แต่งงานกับซูเยว่ซิน และได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลสมดังใจปรารถนา แต่ทว่าสุดท้ายเขาก็เป็นผู้ที่หยิบยื่นความตายให้แก่นางผู้เป็นภรรยา เพียงเพราะมีสตรีที่คอยช่วยเหลือเขามาตั้งแต่ต้น อย่างหลูเจียงหลีคอยยุยงเขายืมมือมารดาเพื่อกำจัดท่านแม่ใหญ่ เขาหลอกใช้พี่ชายของซูเยว่ซินเพื่อกำจัดกู้มู่เฉิน ครั้นคุณชายใหญ่ซูผู้นั้นกำจัดพี่ชายของเขาสำเร็จ เขาก็จ้างให้นักฆ่าไปสังหารอีกฝ่ายเพื่อปิดปากบิดาของซูเยว่ซินก็เป็นเขา ที่สั่งให้นักฆ่าลอบสังหาร ยามที่อีกฝ่ายต้องเข้าไปปราบโจรในป่า เขาบีบน้องสาวต่างมารดาให้ออกเรือนไปกับขุนนางเฒ่า เพื่อผลประโยชน์ของตระกูล สิ่งที่เขากระทำนั้นช่างชั่วช้ายิ่งนักหากภาพที่เขาเห็นเหล่านี้ เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง ที่อาจจะเป็นชาติภพใดชาติภพหนึ่ง เขาก็ไม่นึกประหลาดใจเลย ว่าเหตุใดชีวิตนี้ซูเยว่ซินถึงได้เลือกที่จะเมินเฉย
เช้าวันต่อมา ข่าวการถูกปล้นฆ่าของพ่อลูกตระกูลหลู ก็ถูกเล่าลือเข้ามาในเมืองหลวง หลูเจียงหลีที่ได้ยินข่าวมาจากพวกสาวรับใช้ก็ถึงกับเป็นลมล้มพับไป ยามที่นางฟื้นขึ้นมานางก็ได้แต่นั่งซึม พลางขบคิดอยู่เพียงลำพัง บิดาของนางกับพี่ชายสามถูกลอบสังหาร ฝีมือของผู้ใดกัน กล้าสังหารขุนนางของราชสำนักได้เยี่ยงไร พลันนางก็คิดไปถึงความบาดหมางระหว่างสามีกับบิดา หรือจะเป็นเขากัน หลูเจียงหลีโกรธจนตัวสั่น ทว่านางต้องพยายามทำใจให้สงบ หากนางจะจัดการกับกู้อี้เหวิน นางจะต้องใช้ความเงียบแทนการส่งเสียงให้อีกฝ่ายรู้ตัว“ฟู่เอ๋อร์… เจ้าอยากเป็นภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้าหรือไม่” กู้อี้เหวินเอ่ยถามสตรีที่นอนอยู่ข้างกาย“อยากสิเจ้าคะ ผู้ใดบ้างที่อยากจะให้สามีมีภรรยาหลายคน” นางตอบเขาออกมาอย่างกระตือรือร้น“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องช่วยข้า…จัดการสตรีที่ขวางทางเจ้าอยู่”“น่ะ…นายท่าน…กะ…กล่าวถึง ฮูหยินเล็กรองน่ะหรือเจ้าคะ” ฟู่เอ๋อร์ลุกขึ้น เอ่ยถามเขาออกมาอย่างละล่ำละลัก“ในเรือนนี้จะยังมีผู้ใดอีกเล่า” เขาเอ
ข่าวที่ฮูหยินเล็กมีครรภ์ถูกกล่าวถึงไปทั่วทั้งจวนตระกูลกู้ เพราะถือเป็นข่าวที่น่ายินดีไม่น้อย ต่างจากเรือนหลงจู้ที่ยังไม่ข่าวดีในเรื่องนี้เสียที จนกู้อี้เหวินทนไม่ไหว สองเดือนก่อนเขาจึงได้ใช้เงินสินเดิมของมารดา ไปไถ่ตัวฟู่เอ่อร์ออกมาจากหอชิวโหรว และซื้อเรือนให้นางอยู่แถวตรอกซืออู้ อีกทั้งยังส่งสาวรับใช้ในเรือนไปคอยรับใช้นางอีกสองสามคน“เจ้าได้ยินมาเช่นนั้นจริงๆ รึ”ตั้งแต่แต่งเข้าจวนตระกูลกู้มา หลูเจียงหลีพยายามตีสนิทพี่สะใภ้ กับแม่เลี้ยงของสามีมาตลอด ทว่าพวกนางกลับแสดงท่าทีเมินเฉยต่อนาง ราวกับว่าไม่อยากทำตัวสนิทสนมกับนางไม่ นางจนใจจึงคิดว่าต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด อีกทั้งนางก็รู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ยามที่นางได้อยู่ใกล้กับพี่สะใภ้ใหญ่ ซึ่งนางก็ไม่รู้ว่าสาเหตุใดที่ทำให้นางรู้สึกเช่นนั้น“ไม่ผิดแน่เจ้าค่ะ สาวรับใช้และบ่าวรับใช้ทุกขั้นได้รับของกำนัลจากนายท่านกันทุกคน ที่เรือนเราก็ได้รับเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ” นางหยิบเหรียญเงินสองเหรียญที่ได้รับมาเป็นรางวัลเช่นกัน ชูให้แก่หลูเจียงหลีดู“เหตุใดข้าถึงได้ไม่ท้องก่อนนาง อืม…แล้ว
สองเดือนต่อมาภายในเรือนใหญ่ ท่านใต้เท้ากู้ กู้ฮูหยิน กู้มู่เฉินและสะใภ้ใหญ่ซูเยว่ซิน กำลังนั่งกินมื้อเช้ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ส่วนกู้มู่หรงยามนี้นางยังไม่ตื่นนอน ท่านใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินล้วนแต่ตามใจบุตรี เพราะนางกำลังอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน ให้นอนตื่นสายสักหน่อย ก็ไม่ถือว่าไม่ดีแต่อย่างใด ขอเพียงกู้มู่หรงรู้ถึงสิ่งที่สตรีพึงปฏิบัติ ยามที่นางออกเรือนไปก็เป็นพอยามนี้ที่โต๊ะอาหารทรงกลมจึงมีเพียงใต้เท้ากู้ กู้ฮูหยิน กู้มู่เฉินและซูเยว่ซิน สะใภ้ใหญ่ ที่กำลังนั่งล้อมวงกินอาหารกันอยู่พร้อมหน้า กู้มู่เฉินคอยคีบอาหารใส่ชามของภรรยาอย่างเอาใจ ทั้งท่านใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินต่างพากันยิ้มแย้มออกมาด้วยความสุขใจ ทว่าลึกๆ ในใจต่างคนต่างก็ยังคงมีความรู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อยก็บุตรชายกับสะใภ้ใหญ่ก็แต่งงานกันมานานหลายเดือนแล้ว ทว่าซูเยว่ซินกลับยังไม่มีวี่แววว่าจะมีครรภ์เช่นสะใภ้จวนอื่นเสียที หากความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ไม่ดีเช่นเดียวกับคู่ของกู้อี้เหวินและหลูเจียงหลี ที่เอาแต่ทะเลาะกันอยู่ทุกวัน ทั้งท่านใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินก็จะไม่หวังเรื่องทายาทสืบสกุลจากทั้งคู่เลย ทว่าบุตรชา
ในช่วงเวลานี้ของชีวิตก่อน เป็นช่วงเวลาที่บิดาและพี่ชายของซูเยว่ซินถูกสังหาร ทว่ายามนี้ผู้ที่ได้รับกรรมนั้นไป กลับกลายเป็นท่านใต้เท้าซิน และคุณชายใหญ่ซินอี้ฉู ผู้ที่เป็นท่านตาและท่านลุงของกู้อี้เหวินนั่นเอง นางได้ยินมาว่าสองพ่อลูกใช้อำนาจ จากการแอบอ้างชื่อเสียงของท่านใต้เท้ากู้ ไปรับเงินติดสินบนจากพวกผู้กระทำผิด และรีดไถเงินของพวกชาวบ้าน พวกเขาทำกันมานานจนในที่สุด ท่านใต้เท้ากู้ก็อดทนต่อความโลภมากของพวกเขาไม่ไหว จึงได้รวบรวมหลักฐานแล้วแจ้งเรื่องนี้ให้แก่ทางการ จนสองพ่อลูกริบทรัพย์และเนรเทศออกจากเมืองหลวงไปยังเมืองโหย่วชิงระหว่างทางกลุ่มของผู้ถูกเนรเทศก็พยายามหลบหนี สองพ่อลูกโชคดีที่หลบหนีไปได้ แต่ทว่าโชคไม่ดีที่พวกเขาไปเจอกับพวกโจรเข้า ทั้งสองต่างก็ไม่มีทรัพย์สมบัติใดให้พวกโจรปล้นชิง จึงถูกพวกโจรปล้นชิงชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเขาไปแทน สองพ่อลูกสิ้นใจตายอย่างอนาถ เป็นอันจบสิ้นคนตระกูลซิน เหลือเพียงกู้อี้เหวิน ที่ถึงขั้นยอมตัดขาดกับตระกูลเดิมของมารดา เพียงเพราะฝั่งนั้นมีคดีติดตัวพ่อสามีของซูเยว่ซินที่ยามนี้ยังมีชีวิตอยู่ดี ก็คงจะเป็นเพราะภรรยาไม่ได้จากไปเฉกเช่นในชีวิตก่อน คน
หลูเจียงหลีมองหญิงคณิกาที่นั่งตัวสั่นอยู่บนเตียงด้วยแววตาดูถูก ทว่าเพียงแวบเดียวนางกลับเห็นแววตาเย้ยหยันของอีกฝ่ายที่มองมายังนาง ก่อนที่หญิงคณิกาผู้นั้นจะก้มหน้าลงร่ำไห้ออกมา หลูเจียงหลีรู้แล้วว่านางผู้นี้หาใช่สตรีที่จะรับมือด้วยได้ง่าย ขอแค่ให้ผ่านค่ำคืนนี้ไป สถานะของนางในจวนตระกูลกู้มั่นคง มีหรือที่นางจะจัดการแม้กระทั่งหญิงคณิกาที่ต่ำต้อยเพียงนางเดียวไม่ได้กู้อี้เหวินจ้องบ่าวรับใช้คนสนิทด้วยสายตาตำหนิ ครานี้อีกฝ่ายทำงานผิดพลาด เห็นทีผ่านคืนนี้ไปเขาต้องสั่งโบยเพื่อให้หลาบจำ จะได้ไม่ปล่อยให้เขาได้พบเจอกับเรื่องที่อับอายเช่นนี้อีก ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่บนรถม้าที่มีหลูเจียงหลีนั่งมองมายังเขา กู้อี้เหวินทอดถอนใจออกมา ก่อนที่จะเอ่ยปากบอกนางตรงๆ“ไหนๆ เจ้าก็แต่งเข้ามาเป็นภรรยาเอกของข้าแล้ว หลังจากนี้ไป ข้าจะรับอนุภรรยาเข้ามา” หลูเจียงหลีถึงกับตะลึงในคำพูดของผู้เป็นสามี“แต่เราเพิ่งจะแต่งงานกันนะเจ้าคะ พี่ชายใหญ่ของท่านแต่งก่อนท่านตั้งหลายเดือนด้วยซ้ำ แต่เขายังไม่มีวี่แววที่จะรับอนุภรรยาเลย นอกเสียจากว่าข้ามีครรภ์ นั่นถึงจะเป็นเหตุผลที่ดีหากท่านต้องการจะรับ