ซูเยว่คงที่เพิ่งจะได้ยินเรื่องราวการหมั้นหมายระหว่างคุณชายใหญ่กู้มู่เฉินกับน้องสาวของตน มาจากลูกน้องใต้บังคับบัญชา ก็มีแต่ความรู้สึกยินดี เพราะเขาไม่ได้กลับจวนหลายวัน ทำให้รับรู้ข่าวเรื่องนี้ช้าไป วันนี้เขามีโอกาสได้ทำหน้าที่ติดตามอารักขาองค์ชายห้าพอดี จึงทำให้เขาได้พบหน้ากับท่านอาจารย์ของเหล่าองค์ชาย ผู้ที่กลายมาเป็นคู่หมั้นคู่หมายของน้องหญิงรองของเขา แน่นอนว่ารองหัวหน้าองครักษ์หนุ่มปิดบังความยินดีเอาไว้ไม่อยู่ พรุ่งนี้เขาได้หยุดพักแล้ว ต้องชวนอีกฝ่ายไปร่ำสุราเพื่อพูดคุยกันเสียหน่อย
“ข้าคิดว่าเราสองคนมีเรื่องให้พูดคุยกันยาว ท่านว่าจริงหรือไม่ขอรับ ท่านอาจารย์กู้” กู้มู่เฉินพยักหน้าพลางยิ้มออกมาก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า“พรุ่งนี้หากท่านรองหัวหน้าองครักษ์ว่าง ในยามโหย่วข้าขอเชิญท่านไปร่ำสุราด้วยกันที่หอจิ่วซาก็แล้วกัน”“แน่นอน ข้าต้องว่างอยู่แล้วสิ” รองหัวหน้าองครักษ์หนุ่มตอบพลางยิ้มกว้าง“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวเข้าไปข้างในก่อน แล้วพรุ่งนี้พบกันที่หอจิ่วซา” อาจารย์หนุ่มกล่าวก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปภายในห้อง ซึ่งกู้อี้เหวินจึงนัดพบกับหลูเจียงหลีหลังจากวันที่ได้ปรึกษากับมารดาผ่านมาเพียงแค่สองวัน เขาอยากทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนกระจ่างแจ้งโดยไว หากสตรีผู้นั้นเหมาะที่จะมาอยู่เคียงข้างกายเขา มีหรือที่เขาจะต้องลังเล ดีเสียอีกแต่งภรรยาเข้าจวนมาในเวลาไล่เลี่ยกัน เขาจะได้ไม่ถูกพี่ชายต่างมารดาข่ม อีกทั้งเขายังสามารถใช้ภรรยาให้คอยตีสนิทกับภรรยาของพี่ชายได้อีกด้วย“พี่อี้เหวิน”หลูเจียงหลีที่ไม่ได้พบหน้าบุรุษตรงหน้ามานานหลายวันก็แทบจะโถมกายเข้าหาชายหนุ่ม หลังจากที่ทั้งสองคนเข้ามาอยู่ภายในห้องรับรองสองต่อสองในหอชิวหงเรียบร้อยแล้วกู้อี้เหวินไม่ทันได้ตั้งตัว สตรีเรือนร่างอวบอิ่มโผเข้ามาก็ทำให้เขาเซไปข้างหลังได้เหมือนกัน ทว่ายามนี้หาใช่เวลาต้องมาขุ่นเคืองอีกฝ่ายไม่ เขาเพียงแค่มอบสิ่งที่นางต้องการ ก่อนที่เขาจะใช้งานนางในภายหลัง ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าไปจุมพิตลงบนริมฝีปากอิ่ม หลูเจียงหลีใช้เรียวแขนทั้งสองข้างโอบล้อมรอบลำคอของชายหนุ่มเอาไว้ สองร่างพัลวันกันไม่นานอาภรณ์ต่างก็หลุดลุ่ย กู้อี้เหวินอุ้มนางขึ้นมาแล้วสาวเท้าก้าวยาวๆ ไปยังเตียงอุ่น จากนั้นสองกายก็ถ่าโถมเข้ากันราวกับเกลียวคลื่น
วันนี้เป็นวันที่คุณชายใหญ่สกุลกู้ ไม่ได้เข้าวังเพื่อไปสอนเหล่าองค์ชาย และไม่ได้เข้าสำนักศึกษาโจวซื่อ เขาจึงบอกกล่าวกับบิดามารดาว่า จะออกไปเยี่ยมเยือนคู่หมายที่จวนตระกูลซู จากนั้นจะไปดื่มสุรากับรองหัวหน้าองรักษ์กองกำลังพยัคฆ์ขาว ซึ่งเป็นพี่ชายของนาง ท่านใต้เท้ากู้กับกู้ฮูหยินไม่ได้ห้ามอันใด เพราะจะได้ถือโอกาสนี้ฝากขนมที่กู้ฮูหยินทำ กับตำรากลศึกที่ท่านใต้เท้ากู้ได้รับเป็นของกำนัลมา ให้แก่ท่านแม่ทัพและฮูหยินแม่ทัพพอดีในยามเซิน กู้มู่เฉินจึงออกจากจวนตระกูลกู้ เพื่อไปเยือนจวนตระกูลซู ทันทีที่ไปถึงท่านแม่ทัพซูและซูฮูหยินต่างต้อนรับคู่หมายของบุตรสาวด้วยความยินดี พลางฝากขอบน้ำใจท่านใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินที่มีน้ำใจ ฝากของกำนัลมามอบให้พวกตน สองสามีภรรยารู้สึกพอใจในตัวของว่าที่ลูกเขยผู้นี้เป็นอย่างยิ่งเพราะชายหนุ่มนั้นเป็นบุรุษที่มีรูปลักษณ์ดี มีมารยาทดี อีกทั้งยังอ่อนน้อมถ่อมตน แม้มองดูภายนอกจะดูเหมือนเป็นคนที่อ่อนแอ แต่ทว่าท่านแม่ทัพกลับมองเห็นในสิ่งที่ต่างจากผู้อื่น นั่งพูดคุยต้อนรับคุณชายใหญ่สกุลกู้อยู่สักพัก ซูฮูหยินจึงขอตัวกลับเรือนซูอี้ไปเพื่อทำกิจธุระส่วนตัวของตน กู้มู่เฉิน
ณ หอจิ่วซาในห้องรับรองที่อยู่ชั้นสองของหอจิ่วซายามนี้ มีไหสุราวางอยู่บนโต๊ะยาวเรียงราย กู้มู่เฉินไม่คิดว่าสหายของเขาจะต้อนรับสถานะใหม่ของเขาด้วยวิธีการเช่นนี้ เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยดื่มสุรามาตั้งแต่ไหนแต่ไร แล้วเขาจะสู้สหายที่ดื่มสุราจนคอทองแดงเช่นซูเยว่คงได้เยี่ยงไร กู้มู่เฉินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะปฏิเสธก็ไม่ได้ จะยอมทำตามก็เกรงว่าท้องไส้จะพังไปเสียก่อน“วันนี้เรามาดื่มเหล้าเหล่านี้แข่งกัน หากผ่านไปห้าไหแล้วเจ้ายังไม่สลบไปเสียก่อน ข้าจะยินดียอมรับเจ้าในฐานะว่าที่น้องเขย”“ท่านพี่เขย…ข้าเป็นเพียงบัณฑิตจะสู้ท่านที่เป็นถึงนักรบได้เยี่ยงไร” กู้มู่เฉินแสร้งโอดครวญออกมา“เจ้าไม่กล้าเช่นนั้นรึ” ซูเยว่คงยังไม่ยอมปล่อยผ่าน ในที่สุดกู้มู่เฉินก็ยอมแพ้ ทว่าเขาก็ยังมีข้อต่อรอง“ห้าไหใช่หรือไม่” รองหัวหน้าองครักษ์หนุ่มยิ้มกว้างออกมาอย่างผู้ชนะพลางพยักหน้าขึ้นลง“ก่อนออกจากจวนมา ข้ายังไม่ได้กินอาหารเลยสักนิด เกรงว่าคงจะอยู่ได้ไม่ถึงห้าไหเป็นแน่ ขอเป็นข้าสามไห เจ้าห้าไหได้หรือไม่” ซูเยว่คงรู้ดีอยู
เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นบางเรื่องก็ยังคงเกิดขึ้น ทว่าบางเรื่องก็ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยที่บางคราซูเยว่ซินก็หลงลืมที่จะใส่ใจ นางสนใจเพียงเรื่องราวของกู้อี้เหวินและหลูเจียงหลี หญิงร้ายชายเลวทั้งสองเพียงแค่นั้น เรื่องราวของผู้อื่นไหนเลยจะอยู่ในความสนใจของนาง ทว่าเรื่องบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนที่นางรู้สึกผิดต่อพวกเขา นางก็ยังคงใส่ใจและคอยระแวดระวังไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกไม่นานจะถึงช่วงเวลาที่กู้อี้เหวินเข้าหานางในชีวิตก่อน ทว่ายามนี้สถานการณ์ได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว เพราะสตรีที่เขาหมายตา กลายเป็นคุณหนูรองสกุลต้วนแทน คุณหนูที่่งดงามและใสซื่อผู้นั้นช่างน่าสงสารและน่าเห็นใจยิ่งนัก ที่จะต้องเข้ามาสู่วังวนในชีวิตก่อนของนาง แม้ภายในใจจะรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าหากนางออกเรือนไปกับกู้มู่เฉินแล้ว มีหรือที่นางจะขัดขวางแผนการของกู้อี้เหวินไม่ได้“อีกไม่นานแล้วสินะ ที่สตรีผู้นั้นจะสร้างสถานการณ์ให้สหายของตนถูกพวกโจรฉกชิงวิ่งราว และให้ชายผู้นั้นเข้ามาสวมรอยให้การช่วยเหลือ”ซูเยว่ซินที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างของห้องนอน มองขึ้นไปบนท้องนภาที่มีแสงจันทร์ส่องสว่าง นางเริ่มทบทวนเรื่องราวที
ทุกย่างก้าวของสองหนุ่มสาวนั้น ล้วนอยู่ในสายตาของสตรีผู้หนึ่ง ที่ยามนี้กำลังนั่งจิบชาอยู่ที่บนชั้นสองของหอจิ่วซา วันนี้นางมารออยู่ที่นี่ก็เพื่อชื่นชมการแสดงของกู้อี้เหวิน นางมองไปยังสตรีที่เดินเคียงคู่มากับบุรุษหนุ่มหน้าตาดีก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา วันนี้นางมาเพื่อยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับนางในชีวิตก่อน จะยังเกิดขึ้นกับผู้อื่นอยู่หรือไม่ทว่าเหตุการณ์ก็เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น อีกไม่ถึงเดือน คุณหนูรองสกุลต้วนผู้นี้ คงจะต้องมีปากเสียงกับผู้ใหญ่ในตระกูลต้วนเป็นแน่ เพราะนางมีใจอยากที่จะหมั้นหมาย และออกเรือนไปกับคุณชายรองสกุลกู้ แทนที่จะเป็นคุณชายใหญ่ที่บิดาพึงพอใจ มีหรือที่ท่านใต้เท้าต้วนจะยอมให้บุตรีออกเรือนไปกับคุณชายที่เกิดจากอนุภรรยา แต่ทว่าแผนการที่หลูเจียงหลีวางเอาไว้ กลับต้องทำให้อีกฝ่ายต้องจำยอม เช่นเดียวกับที่บิดามารดาของนางเคยยอมจำนน“คุณชายรองผู้นี้ ช่างเป็นบุรุษที่น่ารังเกียจยิ่งนัก ดีนะเจ้าคะที่คุณหนูรองไม่สนใจในรูปโฉมและการใส่ใจที่ฉาบฉวยของเขา ส่งของกำนัลมาให้คุณหนูรองก็จริง ทว่ากลับไม่มีสิ่งใดมีค่าคู่ควรกับคุณหนูรองเลยสักชิ้นเดียว”ชิงหลวนม
ในระหว่างที่ความสัมพันธ์ระหว่างกู้อี้เหวิน และต้วนหลิวหลีเริ่มมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ท่านใต้เท้าต้วนก็ได้รับรู้ความจริงว่า บุตรีของตนกำลังแอบคบหา อยู่กับคุณชายรองผู้ที่เกิดมาจากอนุภรรยาของท่านใต้เท้ากู้ มีหรือที่เขาจะรู้สึกยินดี แม้อีกฝ่ายจะเป็นตระกูลที่เขาอยากเกี่ยวดองด้วยก็ตาม ทว่าต้องมิใช่บุรุษเช่นนั้น หน้าที่การงานในราชสำนักยังไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ตำแหน่งผู้นำตระกูลก็ยังไม่มีสิทธิ์ได้อาจเอื้อม แล้วเขาจะไปอยากได้บุตรเขยที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน“เจ้าเข้าไปพูดคุยกับหลีเอ๋อร์เสียหน่อยเถิด ว่าให้เลิกคบหากับคุณชายรองกู้อี้เหวินผู้นั้น เขาหาใช่คนที่มีอนาคตที่ดีอันใดไม่ แม้จะสอบเค่อจวี่ได้เป็นซิ่วไฉตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วเยี่ยงไรเล่า… ดูอย่างคุณชายใหญ่กู้สิ เขาอายุเพิ่งจะย่างเข้าสิบเก้า แต่เขากลายเป็นทั่นฮวาไปแล้ว ผู้ใดก็มองออกว่าถึงแม้จะเกิดในตระกูลเดียวกัน แต่ทว่าสถานะนั้นช่างต่างชั้นกันอย่างชัดเจน”ใต้เท้าต้วนบอกกล่าวภรรยาให้ไปโน้มน้าวบุตรี เพราะเขาได้รับรายงานมาจากผู้คุ้มกันของต้วนหลิวหลีว่า หนึ่งเดือนมานี้คุณหนูรองมักจะออกไปพบกับคุณชายรองสก
ทางด้านกู้อี้เหวินที่ไม่สามารถพบหน้าคุณหนูรองต้วนมานานหลายวันก็รู้สึกกระวนกระวายใจ หาใช่เพราะหลงใหลหรืออาลัยในตัวของอีกฝ่ายไม่ ทว่าเขากลับเกรงว่าอำนาจของตระกูลต้วนที่จะสามารถช่วยเหลือสนับสนุนเขาในภายภาคหน้านั้นจะหลุดมือไป วันนี้เขาจึงเรียกให้หลูเจียงหลีออกมาพบเขาที่เดิม“ท่านพี่อี้เหวิน”เสียงหวานขานนามของเขาออกมา หลูเจียงหลีรู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างยิ่ง ยามที่ได้เห็นสารจากกู้อี้เหวิน ที่เรียกนางให้ออกมาพบเขา ในสถานที่ที่เขาและนางใช้ลักลอบมีความสัมพันธ์กันนางเยื้องย่างเข้าไปหาเขาแล้วทำท่าจะโถมกายเข้าไปสวมกอดชายหนุ่ม ทว่านางกลับถูกเขาห้ามเอาไว้เสียก่อน หญิงสาวรู้สึกเสียหน้าอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายนางก็ยินยอมนั่งลงยังเก้าอี้ตัวข้างๆ เขาแต่โดยดี หลูเจียงหลีลอบมองหน้าเขาพลางคิดในใจ ‘เพราะรูปโฉมของท่านหรือเพราะสิ่งใด ถึงได้ทำให้ข้ารู้สึกลุ่มหลงท่านได้ถึงเพียงนี้’“นี่เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเหตุใดคุณหนูรองต้วนถึงไม่ยอมออกมาพบข้า แท้จริงแล้วเมื่อวานข้านัดกับนางเอาไว้ ว่าจะพานางออกไปชมสวนดอกไม้ ยามที่ข้ากล่าวถึงนางนั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าตื่น
ภายในเรือนรับรองของจวนแม่ทัพในวันนี้ บรรยากาศที่โต๊ะอาหารค่อนข้างที่จะครึกครื้น เป็นเพราะมีท่านแม่ทัพที่ค่อนข้างจะว่างงานเพราะบ้านเมืองสงบสุข มาร่วมโต๊ะกินอาหารเย็นกับภรรยาและลูกๆ ด้วย ซูเยว่คงเองก็ได้ลากลับจวนวันนี้เช่นกัน เขาจึงได้มีโอกาสมาร่วมโต๊ะกับครอบครัว และแขกคนสำคัญที่มาเยือนในวันนี้อีกคนก็คือว่าที่เขยรองของจวนแม่ทัพ กู้มู่เฉินนั่นเอง“วันนี้เจ้าแต่งกายได้งดงามยิ่งนัก” เสียงทุ้มเอ่ยชมสตรีตรงหน้าออกมาหลังจากคำนับทักทายผู้ใหญ่ทั้งสองเสร็จซูเยว่ซินรู้สึกไม่ชินกับการพูดจาเช่นนี้ของเขา ชีวิตก่อนที่นางจดจำได้เขานั้นช่างเป็นบุรุษที่พูดน้อยและเย็นชายิ่งนัก ทว่าการได้มาพบเจอกับเขาในชีวิตนี้กลับแตกต่างไปจากเดิม“อะ…แฮ่ม…ชมได้ไม่เกรงใจพี่ชายเลยนะว่าที่น้องเขย”ซูเยว่คงกระแอมไอ พลางกล่าวหยอกเย้าสหายสนิทออกมา ใบหน้าของกู้มู่เฉินเห่อร้อนพลันเกิดริ้วคลื่นสีแดงระเรื่อราวกับสตรี เพราะเขามีใบหน้าที่ขาวเนียน ทำให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงได้ไม่ยาก ซูเยว่ซินฟาดมือเล็กลงบนไหล่พี่ชาย เขาจึงแสร้งร้องโอดโอยออกมา ผู้ใหญ่ทั้งสองยิ้มแย้มออกมาด้วยค
“เจ้าพูดจริงหรือไม่” กู้มู่อวิ๋นถามตู้ชวนออกมาเพื่อความแน่ใจ เด็กชายตัวน้อยที่อายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปีกว่าๆ พยักหน้าขึ้นลง“ตู้ชวน ข้าให้เจ้าคิดดูให้ดี ว่าเจ้าจะทิ้งท่านแม่ของเจ้าไปได้แน่รึ สามปีเชียวนะ…หาใช่สามวัน” กู้มู่อวิ๋นถามย้ำตู้ชวนหันไปมองหน้ามารดา นางมองมายังเขาด้วยแววตาอาวรณ์ ทว่าเขาตระหนักถึงคำสอนของบิดา ว่าพวกเขาเป็นบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ต่อตระกูลกู้มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษไม่ว่าเจ้านายจะไปที่ใด หากเป็นที่ที่พวกตนสามารถติดตามเข้าไปได้ ก็ต้องติดตามไปรับใช้พวกเขาทุกที่ เด็กชายจดจำคำสอนของบิดาอย่างขึ้นใจ เขาจึงตอบออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่จะหันไปคำนับขออนุญาตมารดา“ข้าคิดดีแล้วขอรับ ท่านแม่…โปรดอนุญาตให้ลูกติดตามไปรับใช้คุณชายใหญ่ด้วยเถิดขอรับ”ชิงหลวนน้ำตาซึม บุตรชายยังเยาว์วัยนัก แต่ถ้าหากนางอยากจะให้บุตรชายแข็งแรง และสามารถปกป้องคุณชายใหญ่ได้ในภายภาคหน้า นางก็จำต้องให้เขาไป“แม่อนุญาต” ชิงหลวนตอบบุตรชายกลั้นสะอื้นซูเยว่ซินมองสาวรับใช้คนสนิทด้วยแววตาขอบคุณ กู้มู่เฉินหันไ
ในช่วงเหมันตฤดู มีหิมะโปรยปรายร่วงหล่นลงมาบนพื้นดิน จนปรากฏให้เห็นภาพขาวโพลน บริเวณลานกว้างในจวนสกุลกู้ ยามนี้มีเด็กชายตัวน้อยสองคน กำลังวิ่งเล่นกันอยู่กลางลานกว้างหน้าเรือน ด้านหลังมีสตรีวัยยี่สิบต้นๆ กับสตรีวัยแรกแย้มอีกสองคนคอยวิ่งตามหลังจนเหนื่อยหอบเสียงหัวเราะสดใสตามวัยดังขึ้นเป็นระยะ บัดนี้กู้มู่อวิ๋น บุตรชายคนโตของท่านราชครูกู้มู่เฉิน กับฮูหยินใหญ่ซูเยว่ซิน ก็ได้เติบโตเข้าสู่วัยเจ็ดปีแล้ว เด็กน้อยเกิดในฤดูหนาว ทำให้เขาคุ้นชินกับสภาพอากาศเช่นนี้และเด็กน้อยอีกคนที่กำลังวิ่งตามหลังเขา นั่นก็คือบุตรชายของตู้จิ้นและชิงหลวน ซึ่งเป็นบ่าวและสาวรับใช้คนสนิทของท่านราชครูและฮูหยินใหญ่ ทั้งคู่แต่งงานกันหลังจากที่ฮูหยินใหญ่ให้กำเนิดคุณชายใหญ่ได้เพียงสามเดือน และไม่นานนัก ชิงหลวนก็ตั้งครรภ์ ทันใช้สมใจของผู้เป็นบิดามารดา ที่ต้องการจะให้ทายาทของตน มาคอยรับใช้คุณชายน้อยต่อไปเช่นกัน“คุณชายใหญ่ ระวังลื่นนะเจ้าคะ” แม่นมกุ้ยร้องตามหลังคุณชายตัวน้อย“ไม่ล้ม…ข้าเก่ง ตู้ชวนเร็วเข้า”กู้มู่อวิ๋นร้องบอกแม่นมขณะที่ยังคงวิ่งวนอยู่บริเวณลานกว้าง
เช้าวันรุ่งขึ้น มีชาวเมืองพบศพของสตรีนางหนึ่ง ที่ลอยไปติดอยู่กับเรือบรรทุกสินค้าของพ่อค้า ที่เดินทางมาค้าขายในเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อคืน ทว่าเขาจอดเรือเทียบท่าเอาไว้ แล้วตนเองไปเข้าพักที่หอชิวเซียน ยามเช้ากลับมาสำรวจเรือตนเอง จึงได้พบศพของสตรี เขาจึงรีบแจ้งให้แก่ทางการได้ทราบครั้นทางการนำศพขึ้นมาแล้วก็พบว่า ผู้ตายเป็นอดีตฮูหยินของกู้อี้เหวิน คุณชายรองสกุลกู้ที่เพิ่งจะป่วยตายจากไปได้ไม่นาน ชาวเมืองหลายคนต่างพากันนึกเวทนา หญิงสาวที่ก่อนหน้าเคยเป็นสตรีที่เพียบพร้อมนางหนึ่ง อยู่ ๆ ก็กลายเป็นคนสติไม่ดี ผู้ใดเลยจะคิดว่าคุณหนูสี่ผู้เย่อหยิ่งแห่งจวนตระกูลหลู จะได้มาพบกับจุดจบที่น่าสังเวชเช่นนี้ซูเยว่ซินนั่งมองดอกบัวหลากสีที่กำลังเบ่งบานอยู่ในสระกลางจวนตระกูลกู้ นางกำลังขบคิดว่า จุดจบที่ชายหญิงสารเลวทั้งสองได้พบเจอ นั้นสาสมกับสิ่งที่พวกเขาเคยกระทำต่อนางและผู้คนที่รักนางในชีวิตก่อนแล้วหรือ ทว่าพอกลับมาคิดดูอีกที หากเรื่องที่นางย้อนเวลากลับมาไม่เคยเกิดขึ้น จะไม่เท่ากับว่านางเองก็เป็นสตรีร้ายกาจ ไม่ต่างจากคนพวกนั้นหรือในระหว่างที่ซูเยว่ซินกำลังว้าวุ่นใจอยู่นั้น กู้มู่เฉินก็เดินเ
หลังจากที่กู้อี้เหวินถูกใต้เท้ากู้ลงโทษตามกฎของตระกูล เขาก็ทนมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน ทว่าก่อนที่เขาจะจากไป เขากลับได้ฝันเห็นเรื่องราวบางอย่าง ช่างเป็นความฝันที่ทำให้เขามีความสุขยิ่งนัก เป็นความฝันที่เขาไม่อาจสัมผัสในชีวิตนี้ในฝันนั้นเขาได้แต่งงานกับซูเยว่ซิน และได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลสมดังใจปรารถนา แต่ทว่าสุดท้ายเขาก็เป็นผู้ที่หยิบยื่นความตายให้แก่นางผู้เป็นภรรยา เพียงเพราะมีสตรีที่คอยช่วยเหลือเขามาตั้งแต่ต้น อย่างหลูเจียงหลีคอยยุยงเขายืมมือมารดาเพื่อกำจัดท่านแม่ใหญ่ เขาหลอกใช้พี่ชายของซูเยว่ซินเพื่อกำจัดกู้มู่เฉิน ครั้นคุณชายใหญ่ซูผู้นั้นกำจัดพี่ชายของเขาสำเร็จ เขาก็จ้างให้นักฆ่าไปสังหารอีกฝ่ายเพื่อปิดปากบิดาของซูเยว่ซินก็เป็นเขา ที่สั่งให้นักฆ่าลอบสังหาร ยามที่อีกฝ่ายต้องเข้าไปปราบโจรในป่า เขาบีบน้องสาวต่างมารดาให้ออกเรือนไปกับขุนนางเฒ่า เพื่อผลประโยชน์ของตระกูล สิ่งที่เขากระทำนั้นช่างชั่วช้ายิ่งนักหากภาพที่เขาเห็นเหล่านี้ เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง ที่อาจจะเป็นชาติภพใดชาติภพหนึ่ง เขาก็ไม่นึกประหลาดใจเลย ว่าเหตุใดชีวิตนี้ซูเยว่ซินถึงได้เลือกที่จะเมินเฉย
เช้าวันต่อมา ข่าวการถูกปล้นฆ่าของพ่อลูกตระกูลหลู ก็ถูกเล่าลือเข้ามาในเมืองหลวง หลูเจียงหลีที่ได้ยินข่าวมาจากพวกสาวรับใช้ก็ถึงกับเป็นลมล้มพับไป ยามที่นางฟื้นขึ้นมานางก็ได้แต่นั่งซึม พลางขบคิดอยู่เพียงลำพัง บิดาของนางกับพี่ชายสามถูกลอบสังหาร ฝีมือของผู้ใดกัน กล้าสังหารขุนนางของราชสำนักได้เยี่ยงไร พลันนางก็คิดไปถึงความบาดหมางระหว่างสามีกับบิดา หรือจะเป็นเขากัน หลูเจียงหลีโกรธจนตัวสั่น ทว่านางต้องพยายามทำใจให้สงบ หากนางจะจัดการกับกู้อี้เหวิน นางจะต้องใช้ความเงียบแทนการส่งเสียงให้อีกฝ่ายรู้ตัว“ฟู่เอ๋อร์… เจ้าอยากเป็นภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้าหรือไม่” กู้อี้เหวินเอ่ยถามสตรีที่นอนอยู่ข้างกาย“อยากสิเจ้าคะ ผู้ใดบ้างที่อยากจะให้สามีมีภรรยาหลายคน” นางตอบเขาออกมาอย่างกระตือรือร้น“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องช่วยข้า…จัดการสตรีที่ขวางทางเจ้าอยู่”“น่ะ…นายท่าน…กะ…กล่าวถึง ฮูหยินเล็กรองน่ะหรือเจ้าคะ” ฟู่เอ๋อร์ลุกขึ้น เอ่ยถามเขาออกมาอย่างละล่ำละลัก“ในเรือนนี้จะยังมีผู้ใดอีกเล่า” เขาเอ
ข่าวที่ฮูหยินเล็กมีครรภ์ถูกกล่าวถึงไปทั่วทั้งจวนตระกูลกู้ เพราะถือเป็นข่าวที่น่ายินดีไม่น้อย ต่างจากเรือนหลงจู้ที่ยังไม่ข่าวดีในเรื่องนี้เสียที จนกู้อี้เหวินทนไม่ไหว สองเดือนก่อนเขาจึงได้ใช้เงินสินเดิมของมารดา ไปไถ่ตัวฟู่เอ่อร์ออกมาจากหอชิวโหรว และซื้อเรือนให้นางอยู่แถวตรอกซืออู้ อีกทั้งยังส่งสาวรับใช้ในเรือนไปคอยรับใช้นางอีกสองสามคน“เจ้าได้ยินมาเช่นนั้นจริงๆ รึ”ตั้งแต่แต่งเข้าจวนตระกูลกู้มา หลูเจียงหลีพยายามตีสนิทพี่สะใภ้ กับแม่เลี้ยงของสามีมาตลอด ทว่าพวกนางกลับแสดงท่าทีเมินเฉยต่อนาง ราวกับว่าไม่อยากทำตัวสนิทสนมกับนางไม่ นางจนใจจึงคิดว่าต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด อีกทั้งนางก็รู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ยามที่นางได้อยู่ใกล้กับพี่สะใภ้ใหญ่ ซึ่งนางก็ไม่รู้ว่าสาเหตุใดที่ทำให้นางรู้สึกเช่นนั้น“ไม่ผิดแน่เจ้าค่ะ สาวรับใช้และบ่าวรับใช้ทุกขั้นได้รับของกำนัลจากนายท่านกันทุกคน ที่เรือนเราก็ได้รับเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ” นางหยิบเหรียญเงินสองเหรียญที่ได้รับมาเป็นรางวัลเช่นกัน ชูให้แก่หลูเจียงหลีดู“เหตุใดข้าถึงได้ไม่ท้องก่อนนาง อืม…แล้ว
สองเดือนต่อมาภายในเรือนใหญ่ ท่านใต้เท้ากู้ กู้ฮูหยิน กู้มู่เฉินและสะใภ้ใหญ่ซูเยว่ซิน กำลังนั่งกินมื้อเช้ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ส่วนกู้มู่หรงยามนี้นางยังไม่ตื่นนอน ท่านใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินล้วนแต่ตามใจบุตรี เพราะนางกำลังอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน ให้นอนตื่นสายสักหน่อย ก็ไม่ถือว่าไม่ดีแต่อย่างใด ขอเพียงกู้มู่หรงรู้ถึงสิ่งที่สตรีพึงปฏิบัติ ยามที่นางออกเรือนไปก็เป็นพอยามนี้ที่โต๊ะอาหารทรงกลมจึงมีเพียงใต้เท้ากู้ กู้ฮูหยิน กู้มู่เฉินและซูเยว่ซิน สะใภ้ใหญ่ ที่กำลังนั่งล้อมวงกินอาหารกันอยู่พร้อมหน้า กู้มู่เฉินคอยคีบอาหารใส่ชามของภรรยาอย่างเอาใจ ทั้งท่านใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินต่างพากันยิ้มแย้มออกมาด้วยความสุขใจ ทว่าลึกๆ ในใจต่างคนต่างก็ยังคงมีความรู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อยก็บุตรชายกับสะใภ้ใหญ่ก็แต่งงานกันมานานหลายเดือนแล้ว ทว่าซูเยว่ซินกลับยังไม่มีวี่แววว่าจะมีครรภ์เช่นสะใภ้จวนอื่นเสียที หากความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ไม่ดีเช่นเดียวกับคู่ของกู้อี้เหวินและหลูเจียงหลี ที่เอาแต่ทะเลาะกันอยู่ทุกวัน ทั้งท่านใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินก็จะไม่หวังเรื่องทายาทสืบสกุลจากทั้งคู่เลย ทว่าบุตรชา
ในช่วงเวลานี้ของชีวิตก่อน เป็นช่วงเวลาที่บิดาและพี่ชายของซูเยว่ซินถูกสังหาร ทว่ายามนี้ผู้ที่ได้รับกรรมนั้นไป กลับกลายเป็นท่านใต้เท้าซิน และคุณชายใหญ่ซินอี้ฉู ผู้ที่เป็นท่านตาและท่านลุงของกู้อี้เหวินนั่นเอง นางได้ยินมาว่าสองพ่อลูกใช้อำนาจ จากการแอบอ้างชื่อเสียงของท่านใต้เท้ากู้ ไปรับเงินติดสินบนจากพวกผู้กระทำผิด และรีดไถเงินของพวกชาวบ้าน พวกเขาทำกันมานานจนในที่สุด ท่านใต้เท้ากู้ก็อดทนต่อความโลภมากของพวกเขาไม่ไหว จึงได้รวบรวมหลักฐานแล้วแจ้งเรื่องนี้ให้แก่ทางการ จนสองพ่อลูกริบทรัพย์และเนรเทศออกจากเมืองหลวงไปยังเมืองโหย่วชิงระหว่างทางกลุ่มของผู้ถูกเนรเทศก็พยายามหลบหนี สองพ่อลูกโชคดีที่หลบหนีไปได้ แต่ทว่าโชคไม่ดีที่พวกเขาไปเจอกับพวกโจรเข้า ทั้งสองต่างก็ไม่มีทรัพย์สมบัติใดให้พวกโจรปล้นชิง จึงถูกพวกโจรปล้นชิงชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเขาไปแทน สองพ่อลูกสิ้นใจตายอย่างอนาถ เป็นอันจบสิ้นคนตระกูลซิน เหลือเพียงกู้อี้เหวิน ที่ถึงขั้นยอมตัดขาดกับตระกูลเดิมของมารดา เพียงเพราะฝั่งนั้นมีคดีติดตัวพ่อสามีของซูเยว่ซินที่ยามนี้ยังมีชีวิตอยู่ดี ก็คงจะเป็นเพราะภรรยาไม่ได้จากไปเฉกเช่นในชีวิตก่อน คน
หลูเจียงหลีมองหญิงคณิกาที่นั่งตัวสั่นอยู่บนเตียงด้วยแววตาดูถูก ทว่าเพียงแวบเดียวนางกลับเห็นแววตาเย้ยหยันของอีกฝ่ายที่มองมายังนาง ก่อนที่หญิงคณิกาผู้นั้นจะก้มหน้าลงร่ำไห้ออกมา หลูเจียงหลีรู้แล้วว่านางผู้นี้หาใช่สตรีที่จะรับมือด้วยได้ง่าย ขอแค่ให้ผ่านค่ำคืนนี้ไป สถานะของนางในจวนตระกูลกู้มั่นคง มีหรือที่นางจะจัดการแม้กระทั่งหญิงคณิกาที่ต่ำต้อยเพียงนางเดียวไม่ได้กู้อี้เหวินจ้องบ่าวรับใช้คนสนิทด้วยสายตาตำหนิ ครานี้อีกฝ่ายทำงานผิดพลาด เห็นทีผ่านคืนนี้ไปเขาต้องสั่งโบยเพื่อให้หลาบจำ จะได้ไม่ปล่อยให้เขาได้พบเจอกับเรื่องที่อับอายเช่นนี้อีก ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่บนรถม้าที่มีหลูเจียงหลีนั่งมองมายังเขา กู้อี้เหวินทอดถอนใจออกมา ก่อนที่จะเอ่ยปากบอกนางตรงๆ“ไหนๆ เจ้าก็แต่งเข้ามาเป็นภรรยาเอกของข้าแล้ว หลังจากนี้ไป ข้าจะรับอนุภรรยาเข้ามา” หลูเจียงหลีถึงกับตะลึงในคำพูดของผู้เป็นสามี“แต่เราเพิ่งจะแต่งงานกันนะเจ้าคะ พี่ชายใหญ่ของท่านแต่งก่อนท่านตั้งหลายเดือนด้วยซ้ำ แต่เขายังไม่มีวี่แววที่จะรับอนุภรรยาเลย นอกเสียจากว่าข้ามีครรภ์ นั่นถึงจะเป็นเหตุผลที่ดีหากท่านต้องการจะรับ